รู้ไหมว่า 1 ปี คุณฆ่าสัตว์ (โดยทางอ้อม) เป็นจำนวนถึง 1,095 ชีวิต

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ปากหวาน, 11 พฤษภาคม 2007.

  1. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +259
    วิเคราะห์ แบบ Ph.d(หาความยุติธรรม) หรือด็อกเตอร์ จะได้ไหม เมื่อเจอกฏของกรรมในอดีต

    ตามมาเล่นงาน ดังกงกรรม กงเกวียน..


    สมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้ายังชนชีพอยู่

    ในสมัยนั้น อัคครสาวกเบื้องซ้าย ที่เลิศไปด้วยฤทธิ์

    ก็คือพระมหาโมคัลลานะเถระเจ้า

    เหตุเกิดก่อนที่พระโมคคัลานะ จะสิ้นอายุขัย เรื่องมีอยู่ว่า


    ท่านก็เจริญภาวนาของท่านอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็มีโจรมาล้อมจะรอบทำร้ายท่าน

    ท่านรู้เห็นเข้า รู้ตัวก็หลบหนีได้

    ครั้งที่สอง เอาอีก จะรอบทำร้าย ท่านอีก พระเถระเจ้าก็รู้ตัวอีก หลบหนีได้อีกเช่นเคย

    พอถึงวาระสาม มาอีรอบเดิม ล้อมวง จะรอบทำร้ายท่านอีก

    ทั้งๆที่ชาตินี้ ท่านไม่เคยเป็นศัตรูกับใครเลย

    ไม่เคยสร้างศัตรู ไม่เคยข่มเหงนำใจใคร คนบ้าที่ไหน จะมาทำกันแบบไม่มีเหตุ มี

    ผลเอาเสียเลย มันเป็นไปได้ไง!!

    ท่านก็คิดในใจ ว่า เอ้!! ชักสงสัย มันยังไงกันแน่ แปลกมาก


    ท่านเริ่มคิดและ คิดแบบหาเหตุ และผล เพื่อที่จะมารองรับ กับเหตุการณ์ ที่เกิด

    กับตัวท่าน ถึง3ครั้งด้วยกัน

    คิดไป คิดมา พิจรณาอย่างแยบคายก็ไม่สามารถจะตีปํญหา

    หรือเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไห้แตกลงได้!!!

    ..ที่นี้พระท่านทำอย่างไรต่อละ ในเมื่อหาเหตุและผลมารองรับไม่ได้ ในการไช้ความคิด วิเคราะห์ ไตร่ตรอง

    ท่านก็เข้าฌาณสมาบัติ เมื่อเข้าฌาณสมาบัติเต็มกำลัง จิตสงบระงับดีแล้ว

    ผลตามมาก็คือ ญาณวิเศษหรือญาณยั่งรู้ก็เกิดขึ้น!! ภาพก็ปรากฏในห้วงจิต

    ถอยหลังชาติไปประมาณ 100ชาติ เห็นจะได้

    ท่านเคยเกิดในตระกูลหนึ่ง มีฐานะพอประมาณ มีภรรยาสวย รักเมีย หลงเมีย

    เมียบอกอะไรเชื่อไปหมด

    เมียเกียจพ่อและแม่ท่าน หรือลูกสะไภ้กับแมผัวพ่อผัวประมาณนั้น

    เมียเป่าหู ยุทุกวัน ไห้เกียจแม่และพ่อของตัวเอง สุดท้าย ท่านในชาตินั้น

    ก็ทุบตีพ่อแม่ตัวเอง ท่านสร้างกรรมหนักมากในชาตินั้น ทำร้ายบุพพการี

    พอร่างกายแตกตายลงไป ก็ลงไปใช้กรรมในรกเป็นเวลายาวนาน

    มาชาตินี้ เศษของกรรม ตามท่านมา กรรมที่ทุบตีบิดามารดา มันมาเล่นงานท่าน

    เมื่อท่านเห็นอย่างนี้ รู้อย่างนี้ ด้วยอำนาจจิต หรืออำนาจฌาณสมาบัติ

    ท่านก็เลยไม่หนี ยอมชดไช้ เพราะเห็นแล้ว รู้แล้ว

    สาเหตุ ที่แท้จริง มาจากอะไร

    ครั้งที่3ท่านไม่หนี ท่านอยู่กับที่ นัง่เฉยๆ ไม่ไปไหน

    ยอมไห้โจรร้าย ทุบท่านจนร่างเละ!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  2. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +259

    • เสริมครับ เนื้อความจากพระไตรปิฏก..
    • บุพกรรมของพระมหาโมคคัลลานเถระ

    • ในอดีตชาติ พระมหาโมคคัลลานเถระ เกิดเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ต่อมาเมื่อเจริญเติบ
      โตขึ้นพ่อแม่ทั้งสองประสบเคราะห์กรรมตาบอดด้วยกันทั้งสองคนเป็นภาระที่ลูกชายคนเดียว
      ต้องปรนนิบัติเลี้ยงดู การงานทุกอย่างทั้งนอกบ้านในบ้านลูกชายจัดการเป็นที่เรียบร้อย พ่อแม่ทั้ง
      สองมิต้องกังวล
      ต่อมา พ่อแม่เห็นลูกชายอยู่ในวัยที่สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว จึงจัดการสู่ขอหญิงสาว
      ที่มีชาติตระกูลใกล้เคียงกัน ให้มาแต่งงานเป็นคู่ของลูกชายทั้ง ๆ ที่ลูกชายมิได้เต็มใจ เพราะตน
      เองผู้เดียวก็สามารถปฏิบัติเลี้ยงดูบิดามารดาได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อบิดามารดาเป็นภาระจัดการให้
      แล้วก็ไม่ขัดความประสงค์ของท่าน เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตครอบครัวที่มีลูกสะใภ้พ่อผัวแม่ผัวอยู่
      ร่วมกันมาในระยะแรก ๆ ก็ราบรื่นสงบสุขเป็นอย่างดี
      เมื่อกาลเวลาผ่านนาน ๆ ไป ลูกสะใภ้ก็เริ่มรังเกียจพ่อผัวแม่ผัวที่ตาบอดด้วยกันทั้งสอง
      คน จึงหาวิธีกำจัดท่านทั้งสองด้วยการยุแหย่สามีให้เกลียดชังพ่อแม่ คือ เมื่อสามีออกทำงานนอก
      บ้านก็แกล้งทำบ้านเรือนให้สกปรกรกรุงรัง เมื่อสามีกลับมาก็ฟ้องว่าพ่อแม่ทั้งสองเป็นผู้กระทำ
      ตนเองไม่สามารถที่จะทนเห็นทนอยู่ผู้เฒ่าตาบอดทั้งสองคนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
    ระยะแรก ๆ สามีก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนักได้แต่รับฟังแล้วก็นิ่งเฉยแต่เมื่อภรรยาพูดบ่อย ๆ
    และเห็นบ้านเรือนสกปรกมากยิ่งขึ้นจึงเชื่อคำของภรรยา และได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับคน
    แก่ตาบอดทั้งสองคนนี้ดี
    “เอาท่านใส่เกวียนไปฆ่าทิ้งในป่า” ภรรยาเสนอความคิดเห็น
    สามีแม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะตนเป็นคนรักและกตัญญูต่อพ่อแม่มาตลอด
    แต่เมื่อภรรยารบเร้าไม่รู้จบสิ้น จึงใจอ่อนยอมทำตามที่ภรรยาแนะนำ รุ่งเช้า ได้จัดหาอาหารเลี้ยง
    ดูพ่อแม่เป็นอย่างดีแล้วกล่าวว่า:-
    “ข้าแต่คุณพ่อคุณแม่ ญาติที่หมู่บ้านโน้นต้องการให้คุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมพวกเราไปกัน
    ในวันนี้เถิด”
    ลูกชายให้พ่อแม่นั่งบนเกวียนแล้วออกเดินทาง พอมาถึงกลางป่าส่งเชือกบังคับโคให้พ่อ
    ถือไว้แล้วพูดหลอกว่า:-
    “คุณพ่อจับปลายเชือกนี้ไว้ โคจะลากเกวียนไปตามทางนี้ ทราบว่าในป่านี้มีพวกโจรซุ่ม
    อยู่ ลูกจะลงเดินตรวจดูโดยรอบ”
    เมื่อลงเดินได้สักครู่หนึ่ง ก็เปลี่ยนเสียงร้องตะโกนประหนึ่งว่าเสียงโจรดักซุ่มอยู่ แล้วเข้า
    มาทุบตีทำร้ายบิดามารดา
    ฝ่ายบิดามารดาเชื่อว่าเป็นโจรจริง ๆ แม้จะถูกทุบตีอยู่ก็ยังร้องบอกให้ลูกรีบหนีไป พ่อ
    แม่แก่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง ลูกจงรักษาชีวิตไว้เถิด
    ลูกชายพอได้ยินเสียงมารดาบิดาร้องบอกให้รีบหนีไปไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่ ก็กลับคิดได้ว่า “ตนทำ
    กรรมหนัก พ่อแม่แม้จะถูกเราทุบตีอยู่นี้ ก็ยังร้องคร่ำครวญด้วยความรักและห่างใยให้เรารีบหนี
    ไปโดยมิได้คำนึงถึงชีวิตของตนเอง”
    ดังนี้แล้วจึงเข้ามาบีบนวดให้แล้วบอกกับพ่อแม่ว่า“บัดนี้พวกโจรหนีไปหมดแล้ว”
    จากนั้นก็นำท่านกลับมาปรนนิบัติดูแลที่บ้านเป็นอย่างดี
    ลูกชาย เมื่อตายแล้วต้องชดใช้กรรมในนรกเป็นเวลานาน เมื่อพ้นจากนรกแล้วมาเกิดใหม่
    ต้องถูกทุบตีจนแหลกละเอียดอีกหลายร้อยชาติ ในชาติสุดท้ายนี้แม้จะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    มีฤทธิ์ สามารถจะดำดินล่องหนหายตัวได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็ไม่สามารถจะหนีผล
    กรรมได้ ท่านจึงยอมให้พวกโจรจับทุบจนร่างแหลกเหลวดังกล่าวมานั่นเอง
    กราบทูลลานิพพาน พระมหาโมคคัลลานเถระ คิดว่า “เราควรไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาค ก่อนจึง
    ปรินิพพาน” ดังนี้แล้วก็เรียบเรียงสรีรกายประสานกระดูกผูกหมั่นด้วยกำลังฌาน เหาะมาเฝ้า
    พระบรมศาสดา ถวายบังคมแล้วกราบทูลลาปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสถามว่า “โมคคัลลานะ เธอจะปรินิพพาน ที่ไหน เมื่อไร ?”


    “ข้าพระองค์ จะนิพพานที่กาฬศิลาในวันนี้ พระเจ้าข้า”
    “โมคคัลลานะ ถ้าอย่างนั้น เธอจงแสดงธรรมแก่ตถาคตก่อน ด้วยว่าการได้เห็นพระเถระ
    เช่นเธอนี้ จะไม่มีอีกแล้ว” พระเถระได้รับพระพุทธบัญชาเช่นนั้นจึงทำปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปบนอากาศแสดงพระ
    ธรรมเทศนาแล้วลงมาถวายอภิวาทกราบทูลลาไปยังกาฬศิลา และปรินิพพาน ณ ที่นั้น ตรงกับวัน
    แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ หลังจากพระสารีบุตรนิพพานได้ ๑๕ วัน
    พระผู้มีพระภาค เสด็จไปพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ทรงเป็นองค์ประธานจุดเพลิงฌา
    ปนกิจศพให้ท่าน ขณะนั้น ฝนดอกไม้ทิพย์ตกลงมาโดยรอบบริเวณ มหาชนพากันประชุมทำ
    สักการะอัฐิธาตุตลอด ๗ วัน พระพุทธองค์โปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ ณ ที่ใกล้ซุ้มประตูแห่ง
    พระเชตะวัดมหาวิหารนั้น
    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระอัครสาวกทั้งขวาและซ้ายนิพพานหมดแล้ว ก็เปรียบ
    ประหนึ่งต้นหว้าแก่ที่กิ่งใหญ่ทั้งสองหักลงแล้ว คงเหลือแต่พระอานนท์ ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก
    เพียงองค์เดียว เที่ยวติดตามประการหนึ่งว่าเงาตามพระองค์ ฉะนั้น
     
  3. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +185
    ก็ดีทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไม่กินเนื้อก็มีความสุขได้กินผัก เพราะเชื่อว่าได้บุญทำให้หยุดการฆ่าการตาย สุขใจที่ได้หยุดศีลข้อ1 ถ้าให้สมบรูณ์ไม่ฆ่าจริงๆ ต้องเอาแบบนักพรตเชนในอินเดีย ไม่ทำลายแม้แต่ชีวิตเล็กน้อย ฉะนั้นจึงต้องมีผ้าปิดปากจมูกเพื่อกันสิ่งมีชีวิตเข้า มีไม้กวาด มีผ้ากรองน้ำไว้ป้องการกันฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนา จะมีไม้เท้าติดตัวตลอดเวลาไว้กวาดพื้นก่อนก้าวเดิน เรียกว่าเดินตามไม้กวาดเพื่อกวาดสัตว์บนพื้นให้ออกไปตนจะได้ไม่เหยียบมันตายกลัวเป็นบาปกรรมติดตัวต้องกลับมาเกิดใช้กรรมอีก แต่ในความเป็นจริงการกวาดก็ไปทำให้ลูกแมลงตัวเล็กๆกำลังน่ารักต้องโดนไม้กวาดดันให้ครูดไปกับพื้นตายเป็นร้อย ตลอดชีวิตไม่รู้ฆ่าไปกี่ล้านตัว นี่ขนาดเขาพยายามหลีกเลี่ยงอย่างที่สุดแล้ว มันก็ยังมีการฆ่ากันอยู่..พระพุทธเจ้าทรงร่ำเรียนมาทุกสำนักแต่ก็หาทางหลุดพ้นไม่ได้ จนได้ยินเสียงพิณ สายพิณคือครูที่สอนให้พระพุทธองค์พบเส้นทางแห่งการตรัสรู้ พระพุทธองค์จึงให้เดินสายกลาง มัชฉิมาปฏิปทา กรรมอยู่ที่เจตนา ปล่อยวางจากสิ่งที่ตนยึดมั่นถือมั่นลง แล้วไปตามหาเสียงพิณของพระพุทธเจ้ากันดีมะ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516
    เรื่องของกรรม คนธรรดา ปถุชน คิดยังไงก็ไม่มีทางเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

    เราเห็นสัตว์โดนทุบ โดนทำร้ายอย่างทารุณ เราก็อดสงสารไม่ได้ อดที่จะเมตตา

    ไม่ได้

    แต่ถ้ามุมกลับกัน เขาเคยทำไว้ ทำแบบนี้ ทำกับคนอื่น สัตว์อื่นไว้ นี่ก็เท่ากับว่า

    เขาเกิดมาเพื่อชดไช้กรรม

    มารับความรู้สึกเจ็บ รู้สึกปวด ทรมานสักเพียงใด ในเมื่อชาติก่อนเคยทำไว้

    โดยที่ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บ จะปวด จะทรามานขนาดไหน ไม่สนใจ

    ทำไปเพราะลุแก่อำนาจโทสะ หรือความเมามันส์ หรือจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม

    เกิดมาชาตินี้ ก็เลยต้องมาไช้กรรม ต้องมาโดนทำร้ายสะขนาดนี้

    กรรม ผลของกรรม ตามหา ทวงถาม ความยุติธรรม ไห้ทั้งคน และสัตว์ อย่างเหมาะสม

    และลงตัว

    และอย่างถูกต้อง และเที่ยงธรรมเสมอ

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...