ร่วมกันถวายงานพระเจ้าอยู่หัว

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย vibe, 5 ธันวาคม 2008.

  1. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=38>พระราชกรณียกิจด้านภาษาและวรรณกรรม

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1003 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=743>[​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=20 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถโดดเด่นในด้านภาษา พระองค์ทรงเจริญวัย
    ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงทรงภาษาฝรั่งเศสและเยอรมันได้เป็นอย่างดี ต่อมา ทรงตระหนักว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกนิยมใช้ภาษา
    อังกฤษในการสื่อสาร จึงสนพระราชหฤทัยหันมาทรงศึกษาภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเข้าถึงพื้นฐานของภาษาและ
    ทรงคุ้นเคยในการใช้ภาษานี้ถึงระดับที่ทรงได้ดีเป็นพิเศษ และยังทรงสนพระราชหฤทัยในการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องตามหลักนิรุติศาสตร์ เมื่อทรงมีเวลาว่างจะทรงพระอักษรและทรงพระราชนิพนธ์แปลบทความจากวารสารภาษาต่างประเทศ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๗ ทรงแปลหนังสือเรื่อง
    นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ (A Man Called Intrepid) ของ วิลเลียม สตีเวนสัน เป็นภาษาไทย ในปีต่อมาทรงแปลหนังสือเรื่อง ติโต (Tito) ซึ่งเป็นชีวประวัติ
    ของ นายพลติโต ประพันธ์โดย ฟิลลิสออติ


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกแปลผลงานของ วิลเลียม สตีเวนสัน เพราะเป็นเรื่องที่ได้อรรถรสเกี่ยวกับกระบวนการความคิดเห็นและการตัดสินใจของคน โดยละเอียดรวมทั้งแสดงให้เห็นความกล้าหาญ และความมุ่งมั่นของพวกสายลับฝ่ายพันธมิตรระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองที่ไม่เปิดเผยตัว หรือมองอีกแง่มุมหนึ่ง
    จะเห็นพลังของความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันของฝ่ายพันธมิตร และความเสียสละอัตตาของตน เพื่อให้บรรลุผล คือความเป็นเอกภาพให้จงได้ นอกจากนี้ ในบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง Buddhist Economics พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำสาระบางตอนจากเรื่อง Small is Beautiful ประพันธ์โดย อี เอฟ ชูมัคเคอร์ มาประกอบ


    พระราชนิพนธ์แปลเรื่อง พระมหาชนก เสร็จสมบูรณ์เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้จัดพิมพ์ในโอกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจประชาชนผู้มีจิตกุศล ให้เกิดความคิดในทางสร้างสรรค์ นอกจากนั้น ผู้อ่านยังได้รับอานิสงส์ มีความพากเพียรที่บริสุทธิ์ มีปัญญาเฉียบแหลม และพลานามัยสมบูรณ์


    พระปรีชาสามารถที่ทรงใช้ภาษาต่างๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจมาก แม้แต่ภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาโบราณและศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูก็ทรงศึกษารอบรู้อย่างลึกซึ้ง




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    -http://king.kapook.com
     
  2. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    [​IMG]

    ทรงพระเจริญ
     
  3. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภาคอีสานเมื่อครั้งเสด็จไปเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายอดแปลกใจในการกราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงทรงมีพระราชปฏิสันถารถึงสาเหหตุในการใช้ราชาศัพท์ดีนี้ จึงกราบบังคมทูลว่า
     
  4. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านที่ต่างจังหวัดตามปกติ ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาทที่แถวหน้าก็มีหญิงชราคนหนึ่งก้มลงกราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง แล้วก็กล่าวพรรณาว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤทัยหรือไม่ แต่พอได้ยินพระองค์รับสั่งตอบกับหญิงชราคนนั้น ก็ทำให้ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
     
  5. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่มีต่อชีวิตน้อยๆ ด้วยรักและภักดี

    -[​IMG] ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่มีต่อแม่และลูกสาว ถ้าไม่ได้พระองค์คงไม่มี
    วันนี้เลย ครอบครัวเราทุกคนจะขอตามรอยของพ่อด้วยรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ ตลอดไป วันนั้น
    พ่อของแผ่นดินได้ให้ความเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้แก่คุณแม่และเรา ทุกครั้งที่แม่พูดกับเรา
    แม่จะพูดเรื่องนี้เหมือนเรื่องนี้พึ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง...

    [​IMG]ณ จังหวัดนราธิวาช ใต้สุดแดนสยาม มีครอบครัวเล็กๆมีสมาชิกในครอบครัว 3คน
    คุณพ่อรับราชการจึงต้องย้ายบ่อย แม่เราตอนนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที่ แต่เนื่องด้วย
    ในหลวงเสด็จแปรพระราชฐานมาที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ก็ต้องไปรับเสด็จ พระองค์
    หรือ ตามเสด็จไปด้วย แต่แล้วแม่เราก็เจ็บท้องใกล้คลอดเรา แต่เนื่องด้วยแพทย์ที่โรงพยาบาล
    ในขณะนั้นไม่ชำนาญเรื่องการผ่าตัดหรือทำคลอดทางหน้าท้อง พ่อเเลยต้องเข้าไปขอพบนาย
    แพทย์ที่ตามเสด็จในตอนนั้น พ่อบอกว่า ภรรยาผมจะคลอดแล้วครับ คุณหมอช่วยภรรยากับ
    ลูกผมด้วยครับ นายแพทย์ที่ตามเสด็จบอกว่า ขอทูลขอพระอนุญาตท่านก่อน ไม่เกิน 15นาที
    คุณหมอเดินมากลับมาพร้อมบอกว่า พระองค์ทรงอนุญาต เรารีบไปกัน แล้วคุณพ่อก็พาคุณหมอ
    ไปโรงพยาบาล และแล้วการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น พ่อเราลุ้นอยู่หน้าห้อง พ่อบอกว่า เดินไปเดินมาอยู่
    หลายรอบ แล้วคุณหมอก็บอกว่า ปลอดภัยทั้งแม่และลูก คุณได้ลูกสาวครับ พ่อเราไหว้คุณหมอ
    ขอบคุณหลายครั้ง คุณหมอบอกว่า โชคดีนะที่มาทันนะ บุญจริงๆเลย [​IMG] พ่อยกมือไหว้เหนือหัว
    ร้องว่า ทรงพระเจริญ ลั่นทั่วห้องเลย [​IMG]

    [​IMG]พ่อกับแม่มักบอกเราเสมอว่า เราโชคดีนะรู้ไหม ที่ท่านทรงพระเมตตานะ พ่อกับแม่มีโอกาศ
    เฝ้ทั้งสองพระองค์เสมอ คุณแม่เคยเล่นลาวกระทบไม้หน้าที่ประทับ คุณแม่บอกว่าเวลาซ้อม
    น้อยมาก แต่พอเล่นจริงๆ กลับเล่นได้ดี ในหลวงทรงทอดพระเนตรตลอด พอจบการแสดง
    พระองค์ทรงตบพระหัสถ์และแย้มพระสรวญ สร้างความปลื้มปิติให้แม่และคณะมากเลย [​IMG]
    ทุกครั้งที่แม่เราแม่จะยิ้มเสมอเลย แม่จะมีความสุขถ้าพูดถึงในหลวง เราเคยถามแม่ว่า
    แม่รักในหลวงไหม ตอนนั้นแม่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมแล้ว แม่บอกว่า รักในหลวง
    แม่ชอบดูข่าวพระราชสำนัก พอข่าวจบก็นอน ที่บ้านเรามีรูปในหลวง แม่เราจะไหว้ทุกวัน
    เหมือนท่านเป็นเทวดาที่มองเราเสมอ ไม่ว่าทุกข์หรือสุข เหนื่อย ท้อ แต่เราคิดเสมอว่า
    ในหลวงเหนื่อยกว่าเรามากมาย เรายังไม่ได้ถึงครึ่งของท่านเลย [​IMG]

    [​IMG]เราเคยมีโอกาศเฝ้าพระองค์ที่ท้องสนามหลวง ตอน200ปี รัตนโกศิลย์ เราอยู่ป.3ได้อยู่
    หน้าเพราะแรงเบียดของคน คุณตำรวจกลัวเราจะถูกเบียดเลยให้มานั่งข้างหน้า เราเลยได้เห็น
    ในหลวง และ พระราชินี ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เฝ้าใกล้ชิด เหมือนฝันเลย ภาพยังติดอยู่ใน
    ความทรงจำเสมอ เราว่าเราโชคดีนะ โชคดีจริงๆ [​IMG]

    [​IMG]เราเองสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเสมอ บอกกับตัวเองว่า จะเป็นคนดี คิด ทำ ในสิ่งดี
    เพื่อในหลวง เพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน จะเดินตามรอยของพ่อที่พ่อวางไว้เสมอ เวลาเราดูข่าว
    ของในหลวงเราน้ำตาไหลทุกทีเลย ท่านทรงงานหนัดเหลือเกิน คงไม่มี่พ่อคนไหนที่เหนื่อย
    เท่าท่านอีกแล้ว [​IMG]

    ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย แต่เขียนจากใจของลูกคนหนึ่งชีวิตที่ท่านพระราชทานให้

    ขออ้างเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุรีพระบาท
    ทรงมีพระพลานมัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญทุกคืนวัน มีพระชมมายุยิ่งยืนนานตลอดกาล
    ตลอดไป ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]home32:ผู้เขียน จากhttp://forum.sanook.com

    ขอขอบพระคุณ
     
  6. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    พระมหากรุณาธิคุณต่อคุณทองแดง-สรรพสัตว์ สระสุวรรณชาด" เป็นสระว่ายน้ำพระราชทานสำหรับใช้รักษาแบบธาราบำบัดตามหลักเวชศาสตร์ฟื้นฟูโดยใช้น้ำช่วยพยุงตัวสัตว์ส่งผลให้กระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อเคลื่อนไหวได้เต็มที่อย่างอิสระและสม่ำเสมอ ช่วยบีบนวดกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือดและลดการบวมของเนื้อเยื่อ ให้กับสุนัขที่ป่วยด้วยโรคข้อ กระดูก และโรคระบบประสาทซึ่งนอกจากใช้บำบัดรักษาโรคแล้วยังเป็นการออกกำลังกายด้วย
    ดร.วิวรรณ ธรรมมงคล จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ บรรยายเรื่อง "พระมหากรุณาธิคุณต่อมวลสรรพสัตว์" ว่า สัตว์ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่านแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ สัตว์ที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณพระราชวัง สัตว์ที่พิการบาดเจ็บจากโรคหรืออุบัติเหตุ และสัตว์ทรงเลี้ยงอย่างสุนัข
    สัตว์ที่เข้ามาอาศัยในบริเวณพระราชวังนั้น มีทั้งที่มาเองตามธรรมชาติ เช่น นกชนิดต่างๆ และสัตว์ที่ข้าราชบริพารนำมาปล่อยไว้อย่างปลา เต่า ส่วนกลุ่มสัตว์ที่พิการบาดเจ็บได้พระราชทานชีวิตใหม่ให้ก็เช่น "กะลา" ลิงที่มือติดอยู่ในกะลามะพร้าวเมื่อปี 42 พระองค์ก็ทรงนำมาเลี้ยงไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ "กะละมัง" ลิงอีกตัวที่เพชรบุรี ขาถูกมัดเป็นเงื่อนติดกับกะละมัง ก็นำมารักษาจนหายดีแล้วปล่อยคืนสู่ฝูง "สีนวล" สุนัขจรจัดซึ่งถูกรถชนบาดเจ็บเดินไม่ได้ พระองค์ก็โปรดให้นำมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตรฯ และต้องทำล้อให้ใส่เดิน ในที่สุดก็ได้ไปอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล "ลุงมอม" สุนัขเพศผู้และเป็นโรคไตวายเรื้อรังก็อยู่ในพระบรมราชานุเคาะห์ เมื่อรักษาหายแล้วก็ไปอยู่ที่พระราชวังไกลกังวลเช่นกัน รวมถึง "แป้งจี่" และ "หมูตั้ง" ที่ประสบอุบัติเหตุมาด้วย นอกจากนี้ยังมีสุนัขจรจัดอีกมากมายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงเลี้ยงไว้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
    กลุ่มสุดท้ายคือสุนัขทรงเลี้ยงที่มีตั้งแต่พันธุ์ดัลเมเชียล บาเซนจิ เซนต์เบอร์นาร์ด และพันธุ์ผสมกับสุนัขจรจัด รวมแล้วเมื่อปี 2548 มีอยู่ประมาณ 70 กว่าตัว ซึ่งนอกจาก "คุณทองแดง" ก็ยังมีทั้งแม่มะลิ คุณทองหลาง คุณทองกวาว คุณทองแท้ คุณสุดหล่อ และลูกๆ หลานๆ อีก พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์จึงนับว่ามีมากมายอย่างยิ่งต่อสรรพสัตว์
    จากคุณทองแดง ก็ทำให้เกิดโครงการต่างๆ ขึ้นมามาหลายโครงการเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสัตว์ด้วยกัน ที่สำคัญพระองค์ยังทรงเป็นผู้กระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยเห็นความสำคัญของสุนัขสายพันธุ์ไทย พร้อมกับเคยรับสั่งว่า สุนัขจรจัดก็มีความสามารถเทียบเท่ากับสุนัขที่มีสายพันธุ์ได้ และยังแข็งแรง ทนต่อทุกสภาพภูมิอากาศ ดูแลง่าย มีนิสัยซื่อสัตย์กตัญญู ดร.วิวรรณ กล่าว
    ด้าน ร.ต.บุญสิงห์ คุ้มสกุล รองหัวหน้าชุดครูฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ให้สัมภาษณ์ถึงคุณทองแดงว่า ขณะอยู่ที่พระราชวังไกลกังวลนั้น ทุกวันเวลา 08.00 จะรับคุณทองแดงไปให้หมอตรวจสุขภาพ จากนั้นก็จะพาว่ายน้ำออกกำลังเป็นกรณีพิเศษ เพราะสุนัขทรงเลี้ยงอื่นจะต้องตื่นตี 5 เพื่อวิ่งออกกำลัง และพาไปอาบน้ำ ทานมื้อกลางวัน เสร็จแล้วจึงพาคุณทองแดงกลับขึ้นพระตำหนักถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมาณบ่ายสอง และกลับลงมาประมาณ 5-6 โมงเย็น ปัจจุบันคุณทองแดงมีสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนคุณทองหลางมีอาการเจ็บที่ข้อสะโพกจึงใช้วิธีธาราบำบัด เมื่อว่ายน้ำอย่างต่อเนื่องทำให้อาการดีขึ้น คุณทองแดงมีอุปนิสัย เรียบร้อย น่ารัก ฉลาด นอบน้อม และไม่ดื้อ ในตอนเย็นจะตามเสด็จฯ ทรงออกกำลังกายภายในตำหนักบ้าง และที่ชายทะเลบ้าง คุณทองแดงจะชอบการวิ่งเก็บของที่โยนให้ตามชายหาดเป็นพิเศษ
    ปัจจุบันมีสุนัขทรงเลี้ยงประมาณกว่า 50 สุนัข และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงจำได้หมดว่าชื่ออะไร น้ำหนักเท่าไร หากพระองค์มีพระราชกรณียกิจที่ต้องเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหน อย่างที่พระตำหนักจิตรลดา หรือที่ใดก็ตาม คุณทองแดงจะต้องติดตามถวายงานรับใช้ทุกที่ พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ทั้งต่อมนุษย์และสรรพสัตว์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นครูของแผ่นดินด้วย บางครั้งครูฝึกเองก็อ่านใจสุนัขทรงเลี้ยงไม่ออกแต่พระองค์ท่านทรงมองออกและได้เสนอแนวทางให้พวกเราได้รับใส่เกล้าฯ มาใช้ในการทำงาน
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
     
  7. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ๘๐ เรื่องของในหลวง ที่คนไทยหลายคนไม่เคยทราบ

    (โพสต์เมื่อ: 02/12/2007-20:05 GMT+7 )

    ๑.ทรงพระราชสมภพเวลา ๘.๔๕ น.

    ๒.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ ๖ ปอนด์

    ๓.พระนาม " ภูมิพล " ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗

    ๔.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช

    ๕.ทรงมี พระนามที่พระราชมารดาโปรดเรียกว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก

    ๖.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเร ียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ ๕ พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ๑ ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า " H.H Bhummibol Mahidol " หมายเลขประจำตัว ๔๔๙

    ๗.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า "แม่"

    ๘.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง

    ๙.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

    ๑๐.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

    ๑๑.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า " บ๊อบบี้ "

    ๑๒.ทรงฉลองพระเนตร ( แว่นสายตา ) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม ๑๐ พรรษา เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ

    ๑๓. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง ๓ ที มากเกินไป ๒ ทีพอแล้ว

    ๑๔.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยนะหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ

    ๑๕.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก " การให้ " โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า " กระป๋องคนจน " หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก " เก็บภาษี " หยอดใส่กระปุกนี้ ๑๐% ทุกสิ้นเดือน สมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน

    ๑๖.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าทรงดำรัสกลับว่า " ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน "

    ๑๗ .กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง ๘ พรรษา

    ๑๘.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

    พระอัจฉริยภาพ

    ๑๙.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก " การเล่น " สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากทรงประสงค์ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระขนิษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง

    ๒๐.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์

    ๒๑.ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง ( แอกคอร์เดียน )

    ๒๒.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ ๑๔-๑๕ พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา ๓๐๐ ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้

    ๒๓.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส

    ๒๔.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา ๑๘ พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ " แสงเทียน " จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด ๔๘ เพลง

    ๒๕ .ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น ๕ เส้น แล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง " เราสู้ "

    ๒๖.ทราบหรือไม่...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่ ๕

    ๒๗.ทรงเจริญสมาธิอย่างเชี่ยวชาญและทรงนำมาปรับใช้กับพระราชภารกิจน้อยใหญ่อยู่เสมอ ตลอดจนทรงให้คำแนะนำแก่ข้าราชบริพารในการฝึกเจริญสมาธิอีกด้วย

    ๒๘. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย

    ๒๙.ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง " นายอินทร์ " และ " ติโต " ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่ง " พระมหาชนก " ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์

    ๓๐.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง ( ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น " กีฬาซีเกมส์ " ) ครั้งที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐

    ๓๑.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง ตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามาก

    ๓๒.ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ " กังหันชัยพัฒนา " เมื่อปี ๒๕๓๖

    ๓๓.ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว

    ๓๔.องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพ ัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง


    จาก Web " บ้านแสงจันทร์ "
    บทความ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
     
  8. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    เรื่องราวส่วนพระองค์

    ๓๕.พระนามเต็มของในหลวง คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

    ๓๖.รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า " น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย ๔ โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง "

    ๓๗.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๒ และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่ วังสระปทุม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ ๑๐ สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม ๑๐ บาท

    ๓๘.หลังอภิเษกสมรส ทรง " ฮันนีมูน " ที่หัวหิน

    ๓๙.ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๑๕ วัน

    ๔๐.ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    ๔๑.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ไม่จำเป็นต้องแบรนด์เนม อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น

    ๔๒.เครื่องประดับ ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา

    ๔๓.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ

    ๔๔.หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม

    ๔๕.วันที่ในหลวงเสียพระทัยที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าพระราชชนนีถ ึงตีสี่ตีห้า เมื่อพระราชชนนีบรรทมจึงเสด็จฯกลับ แต่เมื่อเสด็จกลับถึงวังทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบเสด็จพระราชดำเนินกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นพระราชชนนีบรรทมปิดพระเนตรอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่พระอุระพระราชชนนี ทรงซบพระพักตร์นิ่งอยู่นาน เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้นน้ำพระเนตรไหลนอง


    จาก Web " บ้านแสงจันทร์ "
    บทความ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
     
  9. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ของทรงโปรด

    ๕๕.อาหารทรงโปรด ทรงโปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา

    ๕๖.ผักที่ไม่โปรด ผักชี ต้นหอม และตังช่าย

    ๕๗.ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก

    ๕๘.ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลพระองค์แรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง

    ๕๙.เครื่องดื่มทรงโปรด คือ โอวัลติน เสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

    ๖๐.ทีวีช่องโปรด คือ ข่าวช่องฝรั่งเศสของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

    ๖๑.ทรงฟัง จส.๑๐๐ และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.๑๐๐ ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

    ๖๒.หนังสือที่ในหลวงทรงอ่านตอนตื่นบรรทมเวลาเช้า คือ หนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้าบรรทมจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก

    ๖๓.ร้านตัดพระภูษาของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๑ เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้เกือบ ๕๐ ปีแล้ว

    ๖๔.ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น ๘ ของตำหนักจิตรลดาฯ เป็นห้องเล็กๆ ขนาด ๓ x ๔ เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ

    ๖๕.สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก ๓๓ ตัว

    ทราบหรือไม่ ?

    ๖๖.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า " นายหลวง " ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น " ในหลวง "

    ๖๗.ทรงมีพระอัจฉริยภาพถึง ๖ ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน

    ๖๘.อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให ้กรอกในช่องอาชีพของพระองค์ว่า " ทำราชการ "

    ๖๙.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง ๒๐ พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า ๖๐ ปี

    ๗๐.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า " อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก "

    ๗๑.ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ ๑๒ แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด

    ๗๒.หัวใจของพระองค์ทำงานไม่ปกติ ในหลวงเคยประชวรหนัก เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี

    ๗๓.ในหลวงทรงเป็นผู้ประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ คือ ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์

    ๗๔.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม ๖ ล้านคน

    ๗๕.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จน ๒๙ ปีต่อมา มีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร ๔๙๐ ครั้ง ประทับครั้งละ ๓ ชั่วโมง ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน ๔๗๐,๐๐๐ ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ ๓ ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด ๑๔๑ ตัน

    ๗๖.ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง

    ๗๗.สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง

    ๗๘.ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

    ๗๙.ทรงศึกษาข้อธรรมะในพุทธศาสนาอย่างจริงจังลึกซึ้ง และทรงศึกษาตัวอักษรแขก " เทวนาครี " ด้วยพระองค์เอง จากทั้งพจนานุกรมและตำราภาษาสันสกฤต รวมทั้งจากผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อนำไปสู่พื้นฐานความเข้าใจรากฐานพระพุทธศาสนาที่กำเนิดจากประเทศอินเดีย

    ๘๐.ปัจจุบันมีผู้แต่งพระราชประวัติในหลวง เป็นฉบับการ์ตูนแล้ว ชื่อหนังสือ " พระราชาผู้เป็นหนึ่งในโลก " โดย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ เวทิน ชาติกุล จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ร่วมด้วยช่วยกัน

    จาก Web " บ้านแสงจันทร์ "
    บทความ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
    <!-- / message -->
     
  10. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    คุ้ยแคะความคิดกับหมอพรทิพย์
    คนไทยโชคดี
    แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์




    วันนี้ขอเขียนจากใจในฐานะข้าราชการคนหนึ่งที่ได้ติดตามพระจริยวัตรและพระราชกรณียกิจ ของในหลวงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มาจนถึงวาระพิเศษมหามงคลอย่างยิ่ง ที่ทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้พร่ำสอนให้ลูก ๆ ทุกคนยึดถือพระองค์ท่านเป็นต้นแบบ และให้ปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
    [​IMG]
    เหตุการณ์ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ เป็นวันที่คนไทยทุกหมู่เหล่าได้แสดงให้ประจักษ์ ถึงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ และคงเป็นวันที่ทุกคนจะเก็บภาพไว้ในความทรงจำ ซึมซับประทับใจที่ได้เห็นพระองค์ท่านอยู่ท่ามกลางพสกนิกร ที่แสดงความจงรักภักดีร่วมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ยาวตลอดไปตามแนวถนนราชดำเนินเป็นจำนวนหลายแสน คน และรวมถึงดวงใจอีกกว่าสิบล้านที่เฝ้าชมพระบารมีผ่านทางโทรทัศน์ล้วนด้วยใจถวายความจงรักภักดี และถวายพระพรให้ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน

    คนไทยทุกคนรู้สึกตื้นตันใจกับวาระอันเป็นมงคลที่ในหลวง ของคนไทยทรงปกครองบ้านเมืองและประชาชนของพระองค์ได้ยาวนานถึง ๖๐ ปีแล้ว หมอในฐานะข้าราชการอยากกระตุ้นให้ คนไทยได้ตระหนักมากกว่าความตื้นตันใจ

    ลำพังข้าราชการและลูกจ้างทั่วไปมักเริ่มต้นทำงานกันที่อายุกว่า ๒๐ ปี และสิ้นสุดที่อายุ ๖๐ ปี กันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นการทำงานเพียงแค่ ๔๐ ปี แต่ในหลวงของเราทรงทำงานหนักมา ตั้งแต่ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ จวบจนถึงวันนี้ก็นับได้กว่า ๖๐ ปีแล้ว คนไทยทุกคนควรสำนึกไว้ในหัวใจอย่างยิ่ง

    ในระหว่างการเฝ้ามองพระพักตร์ของพระองค์ ขณะเสด็จออก ณ สีหบัญชรที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ความรู้สึกในใจของหมอ อาจเหมือนกับอีกหลายดวงใจ ที่เฝ้ามองพระองค์ด้วยความสำนึกในหัวใจว่า ตัวเรานี้ยังทำงานเพื่อแผ่นดินได้ไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่านเลย พระพักตร์ของพระองค์ค่อย ๆ มีรอยยิ้มเกิดขึ้น จนเต็มใบหน้า คนไทยทุกคนต่างรู้สึกปีติในหัวใจ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นบรยากาศเช่นนี้ รวมทั้งรอยยิ้มของพระองค์ น้ำตาของทุกคน เอ่อท้นออกมาโดยมิได้นัดหมาย เป็นน้ำตาแห่งความปีติที่เกิดเป็นคนไทย แต่จะมีกี่คนที่เกิดปณิธานที่จะเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

    ในตลอดเวลาห้าวันที่รัฐบาลจัดให้เป็นวันหยุด สถานีโทรทัศน์ช่อง ๙ ได้นำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ซึ่งหาดูได้ยากยิ่งมาฉาย ให้ประชาชนได้รู้ว่าพระองค์ทรงงานหนักสักเพียงใดในตลอดระยะ เวลาที่ทรงครองราชย์ ๖๐ ปี ในหลวงทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ในการดูแลสารพัดทุกข์ของพสกนิกร จึงควรอย่างยิ่งที่ข้าราชการ ทุกคนจะตระหนักและสร้างจิตสำนึกไว้ในหัวใจตลอดเวลา

    เมื่อพระองค์ทรงเป็นต้นแบบของการปฏิบัติงานเพื่อความสงบสุขร่มเย็นในแผ่นดินแห่งนี้ พวกเราเหล่าข้าราชการทั้งหลายก็ควรที่จะยึดถือปฏิบัติตามพระจริยวัตรของพระองค์ด้วย

    เมื่อพระองค์ท่านทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ท่านทรงตรัสว่าพระองค์จะครองแผ่นดินโดยธรรม ทศพิธราชธรรมที่พระองค์ทรงยึดถือมาตลอดระยะการครองราชย์เป็นเครื่องยืนยันว่าควรอย่างยิ่งที่ข้าราชการจะปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
    [​IMG]
    หลักธรรมทั้งสิบข้อมีดังนี้
    ทาน - การให้
    ศีล - การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย
    บริจาค - การ ละอุทิศตนเพื่อคนอื่น
    อาชชวะ - ความซื่อตรง
    มัททวะ - ความอ่อนโยน
    ตปะ - การข่มกิเลส
    ขันติ - ความอดทน
    อักโกธะ - การไม่แสดงความโกรธ
    อวิหิงสา - การไม่จองเวรเบียดเบียนผู้อื่น
    อวิโรธนะ - ความเที่ยงธรรม

    คนไทยมักจะเคารพเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ด้วยคำพูด แต่จะมีกี่คนที่ปฏิบัติตนตามรอยเบื้องพระยุคลบาทอย่างแท้จริง ตลอดเวลาห้าวัน คนไทยคงได้มีโอกาสสัมผัสพระราชกรณียกิจของในหลวงทั้งในภารกิจปัจจุบันและในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงครองราชย์ ๖๐ ปี น้ำตาของหมอไหลรินหลายครั้ง แต่ก็นับเป็นช่วงเวลามีค่าอย่างยิ่ง เพราะหมอตัดสินใจเลือกรับราชการเพียงเพื่อมีโอกาสช่วยเหลือสังคม แต่การเลือกเสินทางนี้ยิ่งนานก็ยิ่งหนัก ไม่ได้มีโอกาสรับผลประโยชน์เพราะเลือกที่จะทำงานอยู่กับศพ กับความยุติธรรม

    ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ซึ่งปลูกฝังแบบบังคับให้รักษาศีล แห่งพุทธ ให้มีความจงรักภักดีด้วยหัวใจ ทั้งสองสิ่งนี้คือหลักอันมั่นคงแม้ชีวิตจะถูกกระทบอย่างไรก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะทำดีไปทำไม หากจะมีก็แค่รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน และยิ่งยามนี้ดูประหนึ่งว่าหมอกำลังเข้าใกล้เป้าหมายคือการพัฒนากระบวนการยุติธรรมของ ไทยให้มีความเป็นธรรมด้วยนิติวิทยาศาสตร์ การสร้างระบบติดตาม คนหายและการพิสจน์ร่างนิรนามเพื่อหลักสิทธิมนุษยชน

    แนวคิดของหมอคือการมองว่าพลังของแผ่นดินจะด้อยค่าลงไปถ้ายังมีความชั่วร้ายคงอยู่ การกระทำผิดแต่ไม่ถูกลงโทษ กลายเป็นเหมือนเนื้อร้ายที่นอกจากจะเหม็นเน่าแล้ว ยังลุกลามไปยังส่วนอื่นได้ โดยไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับใคร

    ปณิธานของหมอจึงยังคงแน่วแน่ที่จะเป็นข้าราชการที่ดี จะปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยยึดทศพิธราชธรรม ที่พระ องค์ทรงรักษามาโดยตลอด และจะขอเป็นเสมือนทหารของพระองค์ ผู้ซึ่งคอยเฝ้าดูแลแก้ปัญหาความทุกข์ของประชาชนโดยอาชีพของหมอตลอดไป
    เกียรติประวัติและชีวิตของคนเราล้วนหมดสิ้นตามอายุขัย แต่แผ่นดินยังคงอยู่เพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป ใส่ใจรักทำนุบำรุงแผ่นดิน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทกันเถอะ

    คนไทยโชคดีที่มีในหลวง



    -www.sdsweb.org
     
  11. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง...?


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>แผ่นดินที่ทรงครอง..........แผ่นดินทองแผ่นดินธรรม
    คราวเข็ญเข้าครอบงำ........ทรงดับเข็ญทุกคราวครัน
    เหน็ดเหนื่อยนั้นหนักนัก.....ทรงงานหนักอเนกอนันต์
    วันพักเพียงสักวัน.............ก็แสนน้อยดูนานเกิน
    วังทิพย์คือท้องทุ่ง............ม่านงานรุ้งคือเขาเขิน
    ร้อนหนาวในราวเนิน.........มาโลมไล้ต่างรสสุคนธ์
    ย่างพระบาทที่ยาตรา.........ยาวรอบหล้าฟ้าสากล
    พระเสโทที่ถั่งท้น.............ถ้าไหลรวมคงท่วมไทย
    </TD><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หมายเหตุ : คัดลอกเพียงบางส่วนจากกาพย์เห่เรือฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี


    <DD>ในตอนที่ฉันยังเด็ก ทุกวันก่อนเข้านอน ย่าของฉันมักจะบอกว่า
     
  12. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    <TABLE height=26 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=/bitrix/templates/home/images/bar_bg.gif border=0><TBODY><TR><TD class=txtserv_txt style="PADDING-LEFT: 10px" vAlign=center>โครงการในพระราชดำริ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BORDER-LEFT-COLOR: #999999; BORDER-BOTTOM-COLOR: #999999; BORDER-TOP-COLOR: #999999; BORDER-RIGHT-COLOR: #999999" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#a8e5fc border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" bgColor=#ffffff> ในหลวงกับคอมพิวเตอร์

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=0%>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><DD>พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่สนพระทัยใฝ่รู้และทรงศึกษาอย่างจริงจัง ลึกซึ้งในการค้นคว้าวิจัยเพื่อการพัฒนาในทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การเกษตร การชลประทาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ทรงเห็นความสำคัญและประโยชน์อย่างยิ่ง ทรงสนับสนุนการค้นคว้าในทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ ในด้านส่วนพระองค์นั้น ทรงศึกษาคิดค้นสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ทรงประดิษฐ์รูปแบบตัวอักษรไทยที่มีลักษณะงดงาม เพื่อแสดงผลบนจอภาพคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกพระราชกรณียกิจต่างๆ และทรงติดตั้งเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนพระราชภารกิจต่างๆ ทั้งยังทรงเคยประดิษฐ์ ส.ค.ส. ด้วยคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนเพื่อทรงอวยพรปวงชนชาวไทย

    <DD>ความเป็นมาที่พระองค์ท่านทรงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์นั้น ม.ล.อัศนี ปราโมช ได้ตกลงใจซื้อคอมพิวเตอร์แมคอินทอชพลัส อันเป็นเครื่องที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ ม.ล.อัศนี เลือกเครื่องนี้ เพราะสามารถเก็บและพิมพ์โน้ตเพลงได้ การเรียนรู้และใช้งานไม่ยาก ทั้งยังอาจเชื่อมต่ออุปกรณ์พิเศษสำหรับเล่นดนตรีตามโน้ตเพลงที่เก็บไว้ได้ด้วย ตั้งแต่นั้น พระองค์ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในงานส่วนพระองค์ทางด้านดนตรี โดยทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการป้อนโน้ตเพลงและเนื้อร้อง พระองค์ท่านทรงศึกษาวิธีการใช้เครื่องและโปรแกรมที่เกี่ยวข้องด้วยพระองค์เอง

    <DD>สำหรับเรื่องอักขระคอมพิวเตอร์หรือฟอนต์ (Font) นั้นเป็นที่สนพระราชหฤทัย ก็เพราะหลังจากที่พระองค์ท่านได้ทรงศึกษา และใช้คอมพิวเตอร์ทำโน้ต คือเมื่อประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ และทรงทดลองใช้โปรแกรม "Fontastic" เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ สิ่งที่ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษคือการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย ได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยหลายแบบ เช่น แบบจิตรลดา แบบภูพิงค์ ฯลฯ ทรงสนพระทัยประดิษฐ์อักษรขนาดใหญ่ที่สุดจนถึงขนาดเล็กที่สุด นอกจากนี้ยังตั้งพระทัยในการประดิษฐ์อักษรภาษาอื่นๆ เพิ่มขึ้น คือภาษาสันสกฤต และทรงดำริจะประดิษฐ์อักษรภาษาญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มประดิษฐ์ รับสั่งว่าต้องใช้เวลามาก ต่อมาก็ได้ทรงหันมาศึกษาการใช้คอมพิวเตอร์แสดงตัวเทวนาครีบนจอภาพ หรือที่พระองค์ท่าน ทรงเรียกว่า "ภาษาแขก" ซึ่งจัดทำได้ยากกว่าตัวอักษรภาษาไทย เพราะตัวอักษรเทวนาครีนั้นรูปแบบไม่คงที่ กล่าวคือ ถ้านำส่วนหนึ่งของอักษรนำมาต่อรวมกับอีกส่วนหนึ่งของอักษร จะเกิดอักษรใหม่ขึ้น และโปรแกรมที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นนั้นมีตัว phonetic symbols การสร้างตัวอักษรเทวนาครีนั้น ทรงเริ่มเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ทรงศึกษาตัวอักษรเทวนาครีด้วยพระองค์เอง จากพจนานุกรมและตำราภาษาสันสกฤต และทรงสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาบาลีสันสกฤต เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และท่านองคมนตรี ม.ล. จิรายุ นพวงศ์ ซึ่งจะต้องตรวจสอบตัวอักษรที่ทรงสร้างขึ้น พระองค์นำโปรแกรมออกแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐ มีคำถามว่า เหตุใดพระองค์ท่านจึงทรงสนพระราชหฤทัยในตัวอักษรเทวนาครีหรือภาษาแขก เรื่องนี้มีผู้อธิบายไว้ว่า ในหลวงที่รักของพวกเรานั้น ทรงศึกษาข้อธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจังและลึกซึ้ง การที่ทรงศึกษาตัวอักษรแขก ก็เพื่อเป็นการนำไปสู่ความเข้าใจด้านอักษรศาสตร์ และความเข้าใจในหัวข้อธรรมะนั่นเอง เรื่องนี้นับว่าพระองค์มีวิจารณญาณที่ลึกซึ้งยิ่งนัก เพราะคำสอนและข้อธรรมะในพุทธศาสนานั้น เดิมทีก็เกิดและเผยแพร่มาจากประเทศอินเดีย บรรดาธรรมะที่ลึกซึ้งและยากแก่ความเข้าใจ ก็อาจจะถูกตีความผันแปรบิดเบือนไปได้ ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าลึกลงไปถึงภาษาแขก จึงน่าจะได้ความรู้เกี่ยวกับธรรมะชัดเจนกระจ่างมากขึ้น

    <DD>ต่อมาได้มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM PC Compatible และทรงสนพระทัยศึกษาในการพัฒนา Software ต่างๆ และได้สร้างโปรแกรมใหม่ๆ ขึ้นมา รวมทั้งสนพระทัยในเทคนิคการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบนี้มากทีเดียว บางครั้งทรงเปิดเครื่องออกดูระบบต่างๆ ภายในด้วยพระองค์เอง หรือทรงปรับปรุง Software ใหม่ขึ้นใช้ ทรงแก้ซอฟต์แวร์ในเครื่อง เช่น โปรแกรมภาษาไทย CU WRITER ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์

    <DD>จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการพิมพ์ งานทรงพระอักษรส่วนพระองค์ และทรงเก็บงานเหล่านี้เป็นเรื่องๆ มาปะติดปะต่อกัน จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และบทพระราชนิพนธ์ต่างๆ เช่น เรื่องนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ เป็นต้น ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ก็คือ การใช้คอมพิวเตอร์ "ปรุง" อวยพรปีใหม่ เพื่อพระราชทานแก่ข้าราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่เดิมพระองค์ได้พระราชทานผ่านเครื่องเทเล็กซ์ นอกจากนี้พระองค์ทรงสนพระทัยคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากขณะเสด็จพระราชดำเนินชมงานนิทรรศการต่างๆ เช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พระองค์สนพระทัยซักถามอาจารย์และนักศึกษาที่ประดิษฐ์ซอฟต์แวร์ต่างๆ อย่างละเอียดและเป็นเวลานาน

    <DD>ในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนานั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน ๑,๔๗๒,๙๐๐ บาท ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๔ ให้มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำโครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาพระไตรปิฎก และอรรถกถาต่อเนื่องจากโครงการพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์เดิม ที่มหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาเสร็จแล้ว และได้ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสรัชมังคลาภิเษก ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ทรงเห็นว่าโครงการนี้ควรได้รวบรวมเอาชุดอรรถกถาและฎีกาเข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นโครงการที่นำวิทยาการชั้นสูงมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลเนื้อหาทางด้านพุทธศาสนา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาฉบับคอมพิวเตอร์นี้ด้วยพระองค์เอง และมีพระบรมราชวินิจฉัย และพระราชวิจารณ์ในการออกแบบโปรแกรมสำหรับใช้ในการสืบค้นข้อมูล

    <DD>ในฐานะแห่งองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก การครั้งนี้กล่าวได้ว่า เป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนยาวนานสืบไปในอนาคตกาล เพราะโครงการพระราชดำรินี้ เป็นส่วนสนับสนุนอย่างสำคัญ ที่ทำให้การศึกษาพระไตรปิฎกและชุดอรรถกถาเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ อีกทั้งรวบรวมเนื้อหาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นประโยชน์โดยตรงต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา นับเป็นการใช้วิทยาการอันก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์

    <DD>สำหรับโครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาตามพระราชดำรินี้ ได้พัฒนาแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๔ ในชื่อ BUDSIR IV โดยพัฒนาต่อเนื่องจาก โปรแกรม BUDSIR (อ่านออกเสียงว่า บุดเซอร์) มาจากคำว่า Buddhist Scriptures Information Retrieval สำหรับประวัติของ BUDSIR นั้น BUDSIR I สามารถค้นหาคำทุกคำ ศัพท์ทุกศัพท์ ทุกวลี ทุกพุทธวจนะ ที่มีปรากฏในพระไตรปิฎก จำนวน ๔๕ เล่ม หรือข้อมูลมากกว่า ๒๔.๓ ล้านตัวอักษร ที่ได้รับการบันทึกในคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์ BUDSIR II พัฒนาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๓๒ ซึ่งเป็นพระไตรปิฎกอักษรโรมัน สำหรับการเผยแผ่ไปยังต่างประเทศ BUDSIR III ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกในเดือนเมษายน ๒๕๓๓ เพื่องานสืบค้นที่มีความซับซ้อน สำหรับ BUDSIR IV นี้ ได้รวบรวมพระไตรปิฎกและอรรถกถา/ฎีกา รวมทั้งคัมภีร์ทุกเล่มที่ใช้ศึกษาหลักสูตรเปรียญธรรม นอกจากนี้ยังรวม version ที่เป็นอักษรโรมันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมีขนาดข้อมูลรวม ๑๑๕ เล่ม หรือประมาณ ๔๕๐ ล้านตัวอักษร นับเป็นพระไตรปิฎกและอรรถกถา ฉบับคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบัน และมหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้พัฒนาโครงการดังกล่าวเพิ่มเติม โดยบันทึกพระไตรปิฎกและอรรถกถา ลงบนแผ่น CD-ROM แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๗ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกอย่างมากต่อผู้ที่ต้องการจะศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย หรือชาวต่างประเทศ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๓๘ และในปัจจุบันสำนักคอมพิวเตอร์ ได้เริ่มโครงการพัฒนาโปรแกรมพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ ฉบับภาษาไทย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ศึกษา อันจะเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้งานโปรแกรมนี้ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น </DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -www.thaieduforum.com
     
  13. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ภาพขณะพระราชทานยาแก่เด็กชาวไทยภูเขา ที่หมู่บ้านแอไก๋ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2513



    <DD>เด็กหญิงชาวไทยภูเขาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานยาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ระหว่างที่ทรงเยี่ยมราษฎรไทยภูเขาที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ เด็กหญิงนาเจ๊อะ ไพรปรีเปรม เด็กน้อยชาวไทยภูเขาที่ป่วยและผู้เป็นบิดาอุ้มไปเข้าเฝ้าฯ ปัจจุบันนางนาเจ๊อะ รัตนาผาแดง อายุ 36 ปี ปัจจุบันพำนักอยู่ที่ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน

    [​IMG]



    </DD>
     
  14. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เล่าด้วยคน...[/FONT]ภาราหะเว[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]...[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตอน...[/FONT] เล่าเรื่องพ่อของพ่อ

    พ่อของผมเป็นข้าราชการที่เป็นข้าราชการจริงๆ ในสายตาของผม พ่อเล่าว่า ข้าราชการ มาจาก ข้าผู้รับใช้ราชะหรือราชา เป็นผู้ดูแลและทำงานต่างๆแทนพระเจ้าแผ่นดิน ตามสายงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้แผ่นดินของพระองค์มีความสงบสมบูรณ์ ประชาชนในที่ต่างๆทั่วประเทศมีความสุขตามอัตภาพอันควร
    ตอนผมเด็กๆเคยเห็นมีคนเอาของมาให้พ่อที่บ้าน แต่พ่อไม่เคยรับของๆใครเลย
    สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นพ่อของผมทำมิเคยขาดเลย คือเมื่อก่อน ก่อนจะมีข่าวประจำวันทางทีวี จะมีรูปพระราชกรณียกิจของในหลวง พอรูปในหลวงปรากฏในจอทีวีพ่อจะยกมือขึ้นพนมจนกว่าเรื่องของพระองค์ท่านหรือรูปของพระองค์จะหายไปจากจอโทรทัศน์ และถ้าเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยเฉพาะคืนวันเสาร์จะได้รับอนุญาตให้นอนดึกคือดูทีวีตอนดึกได้ สมัยก่อนส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังไทย พอทีวีปิดรายการก็จะมีเพลงสรรเสริญพระบารมี พ่อจะลุกขึ้นยืนตรงพวกเราก็ลุกขึ้นยืนด้วย
    ในวันที่ ๕ ธันวาคม พวกเราจะมารวมกันอยู่หน้าทีวี พอถึงเวลาพวกเราจะดับไฟแล้วจุดเทียนคนละเล่มร้องเพลงสดุดีมหาราชา ตามในทีวี พ่อบอกว่า เทียนเปรียบเหมือนแสงแห่งความดี ถึงแม้จะเล่มเดียวมีแสงน้อย แต่ถ้าหลายๆเล่มก็มีแสงมากมีประโยชน์มาก ที่เราจุดเทียนถวายในหลวงวันนี้ก็เหมือนกับเราสัญญากับท่านว่า เราจะเป็นแสงแห่งความดีเล่มหนึ่งในประเทศนี้ ถ้าแสงแห่งความดีมีทั่วประเทศ ประเทศของเราก็จะเป็น ประเทศแห่งความดี จะมีแต่ความสงบร่มเย็น อย่างที่ในหลวงของเราอยากให้เป็น ที่เล่ามานี้เป็นสิ่งที่พ่อทำทุกวันทั้งชีวิต พ่อรักในหลวงมาก ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจจนมีโอกาสได้รับราชการ ได้สัมผัสการทำงานมีความภูมิใจในการเป็นข้าราชการเป็นข้าของในหลวง แต่ไม่เคยเห็นข้าราชการที่เป็นข้าราชการเหมือนพ่อ เห็นแต่การเอารัดเอาเปรียบโกงกินกันสารพัดเป็นส่วนใหญ่ คิดถึงพ่อมาก ยิ่งโตขึ้นมาได้ทราบเรื่องราว พ่อของพ่อ พระองค์ทำงานทุกลักษณะเพื่อความสุขของประชาชนแม้แต่เวลาพักผ่อนก็แทบไม่มี ไม่มีเรื่องลาภ ยศ ชื่อเสียง มาแปดเปื้อนในน้ำพระทัยของพระองค์แม้แต่เพียงเล็กน้อย งานต่างๆที่ทรงทำเพื่อประชาชนของพระองค์มีมากมายเป็นที่รู้จักกันในนามว่าโครงการพระราชดำริ ซึ่งอันที่จริงในฐานะของข้าราชการคนหนึ่ง ถ้าข้าราชการของเรามีคนที่เป็นข้าราชการจริงๆเหมือนพ่อมากกว่าพวกที่อ้างว่าเป็นข้าราชการ บ้านเมืองคงสงบร่มเย็นเป็นสุข และที่สำคัญพ่อของแผ่นดินคงไม่เหนื่อยแบบนี้ วันนี้ผมไม่สงสัยเลยทำไมพ่อของผมจึงตั้งใจทำงานอย่างซื่อสัตย์ไม่สนใจใคร ไม่สงสัยเลยว่าพ่อยกมือไหว้ในหลวงทุกครั้งที่เห็นรูปของพระองค์ไม่ว่าจะปรากฏที่ไหน ช่วงที่คุณพ่อมีอายุมากไม่สามารถไปรับบำนาญที่กระทรวงได้ พี่สาวของผมเป็นผู้ไปรับแทน วันหนึ่งพี่สาวกลับจากกระทรวงมาเล่าให้ฟังว่า ได้ยินข้าราชการที่กระทรวงกลุ่มหนึ่งคุยถึงคุณพ่อว่าถ้าข้าราชในกระทรวงนี้เป็นเหมือน..(ชื่อคุณพ่อ)หลายๆคน กระทรวงนี้คงไม่มีเรื่องวุ่นวายอย่างทุกวันนี้ เราฟังแล้วเราภูมิใจ พ่อเป็นข้าราชการจริงๆ พ่อของพ่อเป็นพระของแผ่นดิน เป็นอะไรที่เราไม่สามารถอธิบายถึงพระคุณของพระองค์ที่ทำเพื่อแผ่นดินเพื่อคนไทยได้หมดสิ้น เรารู้แต่ว่าคนไทยโชคดีมีบุญ ขอให้ข้าราชการเป็นข้าราชการสมกับโอกาสอันยิ่งที่ได้เป็นข้าของพระราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับผมพ่อของผมคือข้าราชการของในหลวงคนหนึ่ง ในปั้นปลายของชีวิตพ่อ พ่อจากไปอย่างสงบพ่อใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายพ่อสอนลูกๆโดยการทำตัวเป็นตัวอย่างทุกเรื่อง เดี๋ยวนี้ผมเห็นภาพพ่อของพ่อที่ไหนผมจะยกมือพนมด้วยความรักและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยและเป็นข้าราชการคนหนึ่งของพระองค์ท่าน....


    -www.arayun.com
     
  15. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=47 height=144></TD><TD vAlign=top width=218><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=144>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=50></TD><TD vAlign=top width=218><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=144>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=43></TD></TR><TR><TD height=20></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=20>In <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:STATE><ST1:pLACE>New York</ST1:pLACE></ST1:STATE>, in 1960, His Majesty played jazz with famous musicians such as Benny Goodman and Louis Armstrong.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=20>Jamming with US jazz idols Benny Goodman (clarinet),Gene Krupa (drums) and Urbie Green (trombone)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD></TD></TR><TR><TD height=144></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=144>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=144>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD></TD></TR><TR><TD height=20></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=218 height=20>His Majesty the King and the
     
  16. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    <TABLE height="95%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="95%">หัวข้อ : ดำรัสปี44ทรงพูดถึง "คุณโจโฉ" สุนัขชื่อดัง </TD><TD width="5%"></TD></TR></TBODY></TABLE><HR>[​IMG] <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    <!--detail-->เผยกระแสพระราชดำรัส"ในหลวง" เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2544 ทรงเอ่ยถึง"คุณโจโฉ" อดีตสุนัขทรงเลี้ยงของพระองค์ด้วย ทรงเผยเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมาก ถึงตายไปหลายปีแล้วแต่ยังมีบางคนจำได้ โดย "คุณโจโฉ" ไม่ได้ทำหมัน แต่ก็ไม่มีลูก พ่อแม่มีลักษณะแปลกคือหูแหว่ง เผยทรงตรัสถึงเรื่องนี้เพราะเป็นช่วงที่"สมัคร สุนทรเวช" เตรียมจะตัดหูหมาที่กทม.จับทำหมัน ทางด้านเจ้าของหนังสือเก่าแก่ที่ตีพิมพ์ภาพ"คุณโจโฉ"เปิดใจ สุดภูมิใจที่ได้เป็นคนนำภาพล้ำค่าเก่าแก่มาร่วมเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปีในหลวงด้วย
    จากกรณีนายสุรพงษ์ ศรีฉ่ำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. อาชีพผู้คุมงานรับเหมาก่อสร้าง ของบริษัท ทีเอ็นเอส เมเนจเม้นท์ นำหนังสือปกแข็ง สภาพเก่าแก่ เว้าแหว่งจากการถูกกัดกินของปลวก หน้าปกระบุชื่อ โรงเรียนราชินี ออกมาเปิดเผยผ่าน "ข่าวสด" ภายในหนังสือมีการรวมรูปภาพพระราชกรณียกิจของในหลวง-พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ยุคก่อนปี 2500 ไว้มากมาย แต่ที่น่าประหลาดใจยังพบภาพ คุณโจโฉ สุนัขทรงเลี้ยง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงถ่ายฝีพระหัตถ์ไว้ด้วยพระองค์เอง จำนวน 8 ภาพ แล้วมอบให้หนังสือศรีสัปดาห์ออกเผยแพร่ โดยมีคำกลอนที่พากษ์โดยรุ่งฟ้า เขียนอยู่ใต้ภาพคุณโจโฉ ตามลักษณะคุณโจโฉ ที่สวมแว่นตา คาบไปป์ เล่นเปียโน สาเหตุที่นายสุรพงษ์นำมาเปิดเผย เพราะเป็นวาระแห่งสิริมงคลของคนไทยทั้งประเทศ ตามที่"ข่าวสด"เสนอข่าวไปแล้วนั้น
    ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. นายสุรพงษ์ ศรีฉ่ำ เปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจและปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่หนังสือพิมพ์ "ข่าวสด" นำภาพคุณโจโฉ ที่ตนพบในหนังสือเก่าของพี่สาวออกเผยแพร่ เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ว่านอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีสุนัขทรงเลี้ยงชื่อ คุณทองแดง แล้วยังมีสุนัขทรงเลี้ยงก่อนยุค 2500 ชื่อคุณโจโฉ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถ่ายด้วยฝีพระหัตถ์ เมื่อเช้าตื่นนอนมายังมีพนักงานส่งยาคูลท์ ที่มาส่งที่บ้านถามว่า ใช่คนเดียวกันกับที่ออกมาเปิดเผยรูปคุณโจโฉหรือไม่ ตนก็ตอบว่าใช่ คนในละแวกบ้านก็ให้ความสนใจ เพราะเห็นผู้ประกาศข่าวเอาข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดไปอ่าน แล้วมีชื่อของตน ซึ่งตนไม่ได้ดูทำให้รู้สึกดีใจมาก แต่ก็ยังไม่ได้สอบถามพี่สาวถึงที่มาของหนังสือ เนื่องจากปัจจุบันบ้านพี่สาวที่ขณะนี้อายุ 60 ปี ไม่ใช่ 50 ปีอย่างที่ตนให้ข้อมูลในครั้งแรก อยู่จ.อุตรดิตถ์ ถูกน้ำท่วมยังไม่ได้ติดต่อกันเลย
    นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนยังคิดว่าจะทำวิธีใดที่จะเก็บหนังสือไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งตนไม่มีความรู้ด้านนี้ เพราะขณะนี้หนังสือสมุดภาพเล่มนี้ทรุดโทรมมากแล้ว กลัวจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ตนก็จะเก็บหนังสือไว้ให้ดีที่สุด ภาคภูมิใจในตัวเองมากที่ได้เก็บไว้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่เห็นคุณค่าเพราะเห็นเป็นหนังสือเก่า สำหรับวันนี้ก็ได้มีโอกาสเฝ้าติดตามงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางโทรทัศน์ รู้สึกปลื้มปีติมาก นอกจากนั้นวันนี้ บุตรสาวด.ญ.สุมณา หรือน้องไข่มุก ยังได้มีโอกาสไปรำถวายพระพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย ยิ่งสร้างความปลื้มปีติให้ตนและภรรยารวมทั้งครอบครัวเป็นอย่างมาก
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้"คุณโจโฉ" ที่เป็นสุนัขทรงเลี้ยงจะไม่ค่อยมีประชาชนคนไทยรู้จักกันนัก เนื่องจากคุณโจโฉมีชีวิตตั้งแต่ก่อนปี 2500 ผิดกับคุณทองแดงและลูกๆ ที่เป็นสุนัขทรงเลี้ยงในปัจจุบัน แต่จากการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานต่อพสกนิกร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2544 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2544 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสถึงอดีตสุนัขทรงเลี้ยงที่ชื่อโจโฉไว้ด้วย ดังข้อความต่อไปนี้
    "พูดถึงเทศบาล ผู้ว่าฯสมัคร ตอนนั้นบอกว่าจะทำโครงการสำหรับสุนัขเทศบาล สุนัขเทศ แต่ได้ข่าวว่าท่านได้ทำ ไปทำการทำหมันกับสุนัข แล้วปล่อยออกมาตามถนน ปล่อยมาตามถนนนั้น ก็ขอโทษมันเกิดเดือดร้อนๆ 2 อย่าง หนึ่ง สุนัขออกมาวิ่งไปมาเกิดรถชน เกิดปฏิกูล ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ว่าที่ท่านไปทำหมัน ที่แย่อีกอย่าง ก่อนปล่อยออกมา ท่านตัดหูสุนัขให้รู้ว่าเขาทำหมันแล้ว ไอ้นี่ไม่รู้ทำยังไง เราเจอสุนัขหูแหว่งทำหมันแล้ว ทำหมันสมัคร (เสียงหัวเราะ) เออ ขอโทษนะ.. ได้ยินว่าอย่างนี้ แต่ก่อนนี้สุนัขไปซื้อเมืองนอกเมื่อ 50 ปี ซื้อสุนัขเมืองนอก สุนัขนั้นเขาตัดหูไม่ใช่เพราะทำหมันเขาไม่ได้ทำหมันสุนัขที่ซื้อมาเขาตัดหู ที่ตัดหูไม่ได้ทำหมัน รู้เพราะว่าเป็นพ่อแม่ของสุนัขที่รู้จักกัน โจโฉ ตัวนั้นเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมาก แต่เสียไปแล้ว ตายไปแล้วหลายปี บางคนอาจจำได้ ว่าโจโฉ นั้น พ่อแม่เขาหูแหว่ง ตัดหู แต่ไม่ได้ทำหมัน โจโฉไม่ได้ตัดหู ไม่ได้ทำหมัน แต่ว่าโจโฉก็เขาไม่มีบุตร ไม่มีลูก แต่อย่างไรก็ตามของเทศบาลสุนัขที่ตัดหูแหว่ง ไม่ได้ตัดหูแบบพ่อแม่โจโฉ มีของสุนัขคุณสมัครมีลูกไม่ได้ เพราะว่าไปทำหมัน เราไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรสำหรับให้รู้ว่า นี่เป็นสุนัขสมัคร แต่ว่าอย่าให้มัน สุนัขบางตัว น่ารัก สวย แต่หูแหว่ง ไม่มีใครอยากเลี้ยง แต่ถ้าสุนัขที่ทำหมันแล้ว ได้ดูแลอนามัยสุขภาพของเขา มีคนอยากได้ไปเลี้ยง มี แม้จะอยู่กลางถนน มีคนไม่ใช่คนหรูหราอะไร พวกแท็กซี่ พวกอะไร เขาก็เลี้ยงดู เพราะว่าคนไทยนี่เมตตา แต่สงสัยว่า หูแหว่งเขาอาจไม่เอา
    ฉะนั้นขอฝากว่าไปหาวิธีที่จะแก้ไข มีสัตวแพทย์คนหนึ่งพบเมื่อวานนี้เอง เขาบอกว่าไม่น่าจะตัดหูแหว่ง ใส่ไมโครชิพให้รู้ ก็บอกเขาว่าไมโครชิพสิ้นเปลือง ทำให้หูแหว่งปึ๊บเดียว ง่ายกว่า แต่ว่าไมโครชิพไม่แพงและมีคนจะบริจาคไมโครชิพ แต่มันไม่เห็น มาค้านว่าใส่ไมโครชิพไม่เห็น ไปที่ไหน เอาเครื่องไปตรวจว่านี่ มีไมโครชิพหรือเปล่า แต่เมืองนอกเขาทำ เขาเอาสุนัขเร่ร่อน แล้วใส่ไมโครชิพใส่แล้วมีเบอร์ว่าอะไรรู้หมด คนที่อยากดูว่าคนนี่ทำหมันเมื่อไร ชื่ออะไร พันธุ์อะไร พันธุ์เทศ หมาเทศ หมาเทศบาล เราก็พยายามหาวิธีที่จะกำจัด เลิกไม่ให้มีหมาเร่รอน เสียหาย แต่ว่าหาวิธีให้สุนัขได้มีเจ้าของเอ็นดู ดูแลได้ อย่างของเราที่นี่มีหมาเทศ เยอะ เดี๋ยวนี้มีถึง 43 แล้วเฉพาะที่อยู่ในปกครอง (เสียงหัวเราะ) 43 เพิ่งมาใหม่ 7 เป็นหมาเทศ เออไม่ใช่ เป็นหมาต่างประเทศ มาจากหมาเทศ คือเรามีหมาเทศมีหมามีชื่อเสียงดีมากชื่อทองแดง ...รู้จักกันนะ..ทองแดง เป็นหมาเทศ มาจากเทศบาลแท้ๆ (เสียงหัวเราะ) แท้ๆ เกิดในเทศบาลคือตอนที่เขาจับสุนัขไปแล้วมีคนที่ถือตัวว่าเป็นเจ้าของอยู่ในซอย ไปที่เทศบาลเอาคืนมา เมื่อเอาคืนมา ได้แม่ทองแดง ทองแดงยังไม่เกิดแม่ทองแดงมาด้วย แถมมา ถึงทองแดงเป็นหมาเทศพันธุ์แท้ พันธุ์แท้ๆ ทองแดงเป็นต้นตำรับ หมาต่างประเทศที่มาเกิด 7 ตัว พ่อเป็นชาวต่างประเทศ แม่เป็นชาวต่างประเทศ หมาเทศ ลูกหมาต่างประเทศเขาเกิดในเมืองไทยมีสัญชาติเป็นไทย หมาต่างประเทศ 3 หมาเทศ 40 ต้องเรียก 40 ท่าน ไม่ได้ทำหูแหว่ง กลัวผู้ว่าฯสมัครมาด้อมดู นี่ไม่แหว่งๆๆๆ แล้วจับเอาไปเลยทำยังไง ต้องหาวิธีการ อย่างหนึ่งห้ามไม่ให้คุณสมัครไปดูที่คอกหมาก็จะได้ปลอดภัย ถ้าคุณสมัครเข้าไปในตรงนั้นต้องติดบัตร บัตรพวกนี้..ใช้ไม่ได้ เข้าในเขตนั้นไม่ได้ แต่เข้าเขตนี้ได้ นี่เป็นการทำระเบียบให้เรียบร้อย"
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ [​IMG]
    <!--detail-->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    เปิดตัว"คุณโจโฉ"
    [​IMG]
    สุนัขทรงเลี้ยงในอดีตของในหลวง ชาวบ้านนำภาพจากหนังสือเก่าแก่มาเผยผ่าน"ข่าวสด" รวมภาพพระราชกรณียกิจของในหลวง-พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ยุคก่อนปี 2500 ไว้มากมาย แต่ที่สร้างความประหลาดใจ ก็เป็นสุนัขทรงเลี้ยงชื่อคุณโจโฉ ซึ่งทรงถ่ายภาพฝีพระหัตถ์ไว้ 8 ภาพ เป็นอาการตลกๆ สวมแว่น เล่นเปียโน เจ้าของหนังสือเผยเห็นรูป"คุณโจโฉ"แล้วเอะใจ เพราะเดี๋ยวนี้มีแต่คนรู้จัก"คุณทองแดง" จึงต้องนำมาเปิดเผยให้คนไทยได้รู้จักในวาระแห่งสิริมงคลของคนไทยทั่วประเทศ

    เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสุรพงษ์ ศรีรีฉ่ำ อายุ 50 ปี อาชีพผู้คุมงานรับเหมาก่อสร้าง บริษัท ทีเอ็นเอส เมเนจเม้นท์ อยู่บ้านเลขที่ 142 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ว่าตนเองมีหนังสือเก่าแก่ ภายในมีรูปพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังมีสุนัขทรงเลี้ยง ชื่อคุณโจโฉ ซึ่งถ่ายภาพโดยฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมอยู่ด้วย

    ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสุรพงษ์นำหนังสือปกแข็งสภาพเก่าจนกระดาษเป็นสีเหลืองหม่น และถูกปลวกกินจนเว้าแหว่ง หน้าปกมีข้อความเขียนว่า "โรงเรียนราชินี" มาให้ตรวจสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าภายในหนังสือมีภาพขาวดำซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อพ.ศ.2496 อาทิ ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จฯปล่อยปลา โดยมีข้อความใต้ภาพว่า"ล้นเกล้าล้นกระหม่อมสองพระองค์ ทรงปล่อยปลาที่ทะเลน้อย ในพระราชวังไกลกังวล หัวหิน ในวันครบรอบปีที่ 3 ของวันราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2496" นอกจากนั้น ยังมีภาพสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงจรดพระกรรไกร เนื่องในพระราชพิธีทรงผนวช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 และรูปภาพในราชวงศ์จักรีอีกจำนวนมาก

    สำหรับรูปคุณโจโฉ สุนัขแสนรู้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรากฏอยู่ภายในหนังสือจำนวน 8 รูป โดยมีข้อความเขียนว่า "โจโฉ สุนัขแสนรู้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาพฝีพระหัตถ์ ทรงถ่ายพระราชทาน"ศรีสัปดาห์"


    • รูปที่ 1 เป็นรูปคุณโจโฉใส่แว่นตาดำ มีแก้วน้ำวางอยู่ด้านหน้า ใต้ภาพมีกลอนเขียนว่า "มาแล้ว ถ้วยแก้วไฟแช็กและบุหรี่ ดมดูหน่อยถ้าเป็นเบียร์ขอเลียที โธ่เอ๋ยเวรกรรมน้ำประปา ผิดหวังตั้งท่าอ้าปากค้าง ก้มคางขมวดคิ้วนิ่วหน้า กลุ้มกลัดอัดอั้นตันอุรา ได้คาบกล้องสูบยาทำคงดี"
    • รูปที่ 2 เป็นรูปคุณโจโฉ นั่งอ่านหนังสือมีกลอนเขียนว่า "บัดนั้น โจโฉหน้ามู่ทู่นั่งหูตก เสียแรงเก่งเกรียงไกรในสามก๊ก มาอัดอกอัดใจในบัดนี้ อยากอ่านคำบรรยายที่ใต้ภาพ ให้ได้ทราบเรื่องชัดถนัดถนี่ เฝ้าจ้องแล้วมองเล่าไม่เข้าที แว่นไม่มีอ่านไม่ออกนั่งกลอกตา"
    • รูปที่ 3 เป็นรูปคุณโจโฉ นั่งใส่แว่นตาดำ มีคำกลอนเขียนว่า "ได้แว่นใส่งามรับกับใบหน้า พลิกดูปกสวยดีศรีสัปดาห์ งามหนักหนาหน้านวลชวนให้ชม ยืนสง่าน่าสบายบนชายหาด เห็นคลื่นสาดซัดฝั่งช่างสวยสม มือเธอถือแก้วน้ำดูขำคม เราได้ดมแก้วเล่นเห็นจะดี"
    • รูปที่ 4 เป็นรูปคุณโจโฉ ด้านข้าง แต่เห็นเต็มตัว กำลังนั่งเกาะรั้ว ใต้ภาพมีข้อความเขียนว่า "โจโฉ สุนัขแสนรู้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประวัติชีวิตและความเป็นอยู่ของโจโฉ มีในเรื่อง"โจโฉผู้อยู่พระที่นั่ง" ในฉบับที่ 84 และจดหมายโจโฉถึงรุ่งฟ้า(ในฉบับ 88-89-90)"
    • รูปที่ 5 เป็นรูปคุณโจโฉ คาบไปป์ มีกล่องใส่ยาเส้น และแก้วน้ำอยู่ด้านหน้า ใต้ภาพมีกลอนเขียนว่า "บัดนั้น โจโฉปรีดิ์เปรมเกษมศรี ได้ดูดกล้องสมใจในครานี้ ไม่ต้องใส่บุหรี่ก็ดีแล้ว วางท่าโก้โอ่อ่าสง่านัก แต่ใจชักสงสัยน้ำในแก้ว ใยมีฟองปุดปุดผุดเป็นแนว ใสแจ๋วแหววพุธโธ่น้ำโซดา"
    • รูปที่ 6 เป็นรูปคุณโจโฉ คาบไปป์และใส่แว่นตาดำ ใต้ภาพมีกลอนเขียนว่า "รำคาญ สวมแว่นตาหมายจะเบ่งเก่งภาษา แต่อ่านไม่รู้เรื่องเคืองนัยน์ตา เลยนั่งมองกระป๋องยาไปพลางพลาง เห็นถ้วยแก้วแล้วใจให้ละเหี่ย อยากดื่มเบียร์พอเมากับเขาบ้าง แถมอยากเล่นบีอาโนโชว์ท่าทาง ไม่ต้องทนเมื่อยคางคาบกล้องยา"
    • รูปที่ 7 เป็นรูปคุณโจโฉ คาบไปป์นั่งเอียงตัวอยู่บนโซฟา มีกลอนเขียนว่า "บัดนั้น โจโฉท่าทีมีสง่า นั่งทอดอารมณ์อมกล้องยา บนโซฟาท้าวแขนแสนสำราญ นึกถึงแฟนที่จดหมายมาไต่ถาม ด้วยข้อความออดฉะอ้อนล้วนอ่อนหวาน จะนิ่งอยู่ดูมิใช่เป็นชายชาญ ต้องสื่อสารให้เป็นเพลงวังเวงใจ"
    • รูปที่ 8 เป็นรูปโจโฉ คาบไปป์เล่นเปียโน มีกลอนเขียนว่า "วางโก้ ดีดเปียโนส่งเสียงสำเนียงใส อ่านโน้ตเพลงไปพลาง เชิดคางไว้ ให้ใครใครเห็นว่าแน่ไม่แพ้ครู ใครจะท้าเพลงอะไรไทยฝรั่ง ถึงโชแปงโชปังเรายังสู้ ขอแต่ให้งามปลอดยอดพธู พินิจดูโจโฉโก้ไหมเอย"
    นายสุรพงษ์เปิดเผยว่า หนังสือเล่มนี้ตนได้มาจากพี่สาวตั้งนานมาแล้ว ปัจจุบันพี่สาวมีอายุ 55 ปี เมื่อก่อนพี่สาวเรียนอยู่โรงเรียนสตรีชัยนาท แล้วคงเก็บสะสมไว้ตั้งแต่สมัยนั้น และเมื่อย้ายจากโรงเรียนสตรีชัยนาทก็ได้นำหนังสือเล่มนี้มาด้วย พอเขาแต่งงานก็ได้แยกบ้านไปโดยไม่ได้นำหนังสือเล่นนี้ไป ตนเห็นว่าเป็นหนังสือเก่าจึงเก็บไว้แทน เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าภายในมีภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ รวมทั้งพระราชโอรสพระราชธิดา รวมทั้งพระราชกรณียกิจ ซึ่งเป็นภาพเก่าอยู่จำนวนมาก เป็นภาพที่หาดูได้ยากและไม่อยากให้สูญหายไป ตนคิดมาตลอดว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้ไปทำอย่างไรดีให้ดูใหม่ขึ้น เพราะปัจจุบันหนังสือเก่ามากและขาดง่าย แรกก็จะเอาไปเคลือบพลาสติก แต่คิดดูแล้วคงไม่ดี ตั้งแต่เก็บหนังสือมาก็ไม่ได้บอกใครว่ามีรูปอย่างนี้อยู่ ทุกวันนี้ตนเก็บใส่ตู้ไว้อย่างดี สำหรับพี่สาวที่เป็นเจ้าของหนังสือก็ยังไม่ได้ถามกันว่าเอาหนังสือมาจากไหน แต่คาดว่าน่าจะเป็นหนังสือชื่อ ศรีสัปดาห์ เป็นนิตยสารในอดีต

    สำหรับคุณโจโฉ สุนัขทรงเลี้ยงของในหลวงนั้น เมื่อเห็นก็เอะใจ เพราะปัจจุบันคนไทยรู้จักแต่"คุณทองแดง" คุณโจโฉน่าจะเป็นสุนัขแสนรู้ที่ทรงเลี้ยงไว้เมื่อก่อน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณสุรพงษ์
    สุนัขทรงเลี้ยง
    <!-- Saved in parser cache with key panyathai_wiki:pcache:idhash:1182-0!1!0!!th!2 and timestamp 20081226023144 -->Retrieved from "http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/คุณโจโฉ"
    <!-- end content -->
    <!-- end --><!-- end maincontent -->
     
  18. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    -พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ ทางภาคใต้ คือจังหวัดนราธิวาสทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรด มีความเค็มพระองค์จึงทรงรับสั่งถามกับชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จว่าดินหลังบ้านเป็นอย่างไร เค็มไหมชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างงก่อนตอบกลับมาว่าไม่เคยชิมซักทีในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภารที่ตามเสด็จว่าชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ



    -ครั้งหนึ่งหลายๆปีมาแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคันมีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายการรักษาคุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า เอ้อ -ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะพระเจ้าอยู่หัวก็ทรง
    พระสรวลตรัสว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า - เอ้า..พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ เป็นอัน
    ว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป อีกครั้งหนึ่ง


    -นานมาแล้วเหมือนกันตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระโอสถมวน (สูบบุหรี่)
    อยู่คราวหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวกำลังจะทรงพระโอสถมวนยังไม่ได้ทรงจุดท่านผู้หนึ่งที่เผอิญได้เข้าเฝ้าอยู่ในขณะนั้นจะเป็นใครผมก็ไม่ทราบลืมไปแล้วก็ปราดเข้าไปคุกเข่าจุดไฟแช็คถวาย แถมกราบบังคมทูลเสียด้วยว่าถวายพระเพลิง พะยะค่ะ
    พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลเสียงดังตรัสด้วยพระอารมณ์สนุกว่า ยัง
    ฉันยังไม่ตาย....ผู้ใหญ่ที่มาเล่าเรื่องนี้ ต่อให้ผมฟังไม่ได้เล่าว่าตอนนี้สีหน้าผู้ที่จะถวายพระเพลิง เป็นอย่างไร


    -www.assump.net
     
  19. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    สื่อนอกทึ่งพระบารมีในหลวง รายงานข่าว "เสื้อชมพูฟีเวอร์"

    บีบีซี - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงกระแสเสื้อชมพูที่ฟีเวอร์ขึ้นภายหลังจากพสกนิกรชาวไทยได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์สีชมพู ระบุร้านค้าถึงกับต้องเร่งมือทั้งวันทั้งคืนเพื่อผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ

    บีบีซี สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษรายงานว่า พสกนิกรชาวไทยได้ต่อแถวยาวเหยียดหลายร้อยคนเพื่อรอซื้อเสื้อ นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์สีชมพูในวันที่เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช

    ร้านภูฟ้า เปิดเผยกับบีบีซีว่าทางร้านได้จำหน่ายเสื้อสีชมพูไปแล้วกว่า 40,000 ตัวในเดือนนี้

     
  20. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พระบารมี"ในหลวง"ชุบชีวิต เด็กกำพร้าวัดสระแก้วนับพัน</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] -->พระบารมีในหลวงชุบชีวิตเด็กกำพร้าวัดสระแก้วกว่าพันคน พระราชทานเงินเป็นค่าอาหารเลี้ยงเด็กกำพร้าวันละ13,000บาท ตั้งแต่ 12 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นมา แม้นอดีตเจ้าอาวาสมรณะภาพ เด็กวัดทั้งหมดมีสภาพฐานะเหมือนเดิมทุกประการ
    (9ก.ค.) หลังจากพระครูพิศาลรัตนาภิวัฒน์ หรือ หลวงพ่อไพฑูรย์ เขมวีโร อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้ว ต.บางเสด็จ อ.ป้าโมก จ. อ่างทอง มรณภาพด้วยโรคประจำตัว เมื่อ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างวิตกว่าเด็กกำพร้าและยากจนวัดสระแก้วที่อดีตเจ้าอาวาสใด้อุปการะเลี้ยงดู 1,195 คน จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากเฉพาะค่าอาหารเด็ก 3 มื้อ วันละ 13,000 บาท วัดสระแก้วจะสานต่อได้หรือไม่ รวมทั้งการศึกษาและความเป็นอยู่ทั่วไปจะเหมือนเดิมหรือไม่อย่างไร
    นางมยุรี สีนาค ครูใหญ่โรงเรียนวัดสระแก้ว และกรรมการมูลนิธิของวัดและของโรงเรียน และกรรมการวัดสระแก้ว ซึ่งใกล้ชิดกับอดีตเจ้าอาวาสและดูแลเด็กมาตลอด กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องได้ให้ทุกอย่างของวัดเข้าสู่สภาพเดิม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเด็กวัดโดยคณะสงฆ์ป่าโมกและวัดสระแก้ว เห็นตรงกันให้แต่งตั้งพระครูสังฆรักษ์จักรกริช วิมโล อายุ 27 พรรษา 6 พระภิกษุวัดสระแก้ว รักษาการณ์เจ้าอาวาสแล้ว และเด็กวัดทั้งหมดยังมีสภาพและฐานะเหมือนเดิมทุกประการ
    เนื่องจาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...