ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวางแหพระเจ้าเหวี่ยงกวาดสังสารวัฏ พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระผงมหาบุรุษชาติศรีหริกัลกีอวตาร (ฝังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณและนางแม่พระธรณี)

    มนุษย์เอ๋ย ..คราใดที่พระสัจธรรมเสื่อมถอย
    แลอธรรมกำเริบเสิบสาน ยามนั้น..เราจักมา
    เพื่อประโยชน์คุ้มครองต่อผู้ภักดี และลงโทษผู้ประพฤติบาป



    พ่ออาจารย์ท่านได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาในสังคมโลกปัจจุบัน กอปรกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เดือดร้อนและมีความทุกข์ตกต่ำลงอย่างน่าสังเวชใจ ซ้ำท่านยังได้รับบุพนิมิตรเตือนจากเทพยดาและครูอาจารย์ทั้งหลาย เป็นเสียงดังก้องอยู่ในโสตว่า กัลกิ กัลกิ กัลกิ ท่านจึงได้ทราบเจตนาของครูบาอาจารย์และนำพระผงมหาบุรุษชาติกัลกีอวตารออกมาให้ร่วมทำบุญบูชา ด้วยว่าถึงกาลและเวลาที่จะรื้อขนสัตว์ออกจากทุกข์และความตกต่ำตามมติแห่งองค์พระและครูเทพเบื้องบน

    แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ลงตะกรุดพระนารายณ์หนุนจักรดอกเล็กๆเนื้อทองเหลืองไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อทำการปลุกเสกและเชิญครูพระวิษณุมาทำการประสิทธิ์วิชา ท่านก็ได้รับข่าวจากครูมหานารายณ์ว่า ยุคนี้โลกตกต่ำลงสู่กลียุคอย่างรวดเร็วฉับพลัน วิชาทั้งหลายนั้นได้สถาปนาไว้ในการณ์ปกติไม่สามารถจะใช้ระงับเหตุหรือจะคุ้มโทษโทสาได้ มีแต่เราเท่านั้นที่จะนำแสงสว่างมาแทนที่ความมืดและสถาปนาความสุขนิรันดร์ให้เกิดแก่สรรพชีวิต ว่าพลางก็เกิดรูปมหากัลกีออกมา โดยการนิรมาณกายของพระผู้เป็นเจ้า

    พ่ออาจารย์ท่านจึงคิดพิจารณาก็รู้ว่า คำกล่าวจากพระวิษณุเจ้านั้นมีเลศนัยน์แฝงอยู่ จริงอยู่ว่ามหากัลกีนั้นจะอุบัติขึ้นในยามที่โลกกาหลและเป็นปางที่ยังรอการอุบัติเพื่อกวาดล้างอธรรมให้สิ้นโลก ต่างจากปางอื่นๆทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นไปแล้ว เพราะเป็นหน้าที่เพียงอย่างเดียวของพระวิษณุนารายณ์ที่ยังค้างคาและมีสัญญาใจว่าจะลงมาช่วยเหลือ กอบกู้สรรพสิ่งและสถาปนาคุณธรรมให้ดำรงค์เสถียรภาพคงอยู่คู่โลกอีกกาลวาระหนึ่งนั่นเอง หรือว่าจะถึงเวลานั้นแล้วท่านจึงได้บอกใบ้ว่าให้สร้างมหาบุรุษชาติกัลกีขึ้นมา อย่าเสียเวลาไปกับวิชาอันได้สถาปนาไว้ยามที่เหตุการณ์ของโลกเป็นปกติ เพื่อจะเป็นเหตุให้สรรพสัตว์ล่วงทุกข์ตามอาถรรพ์แห่งเทวานุภาพ

    พ่ออาจารย์ท่านจึงแกะแม่พิมพ์ขึ้นมา โดยกระทำเป็นบุรุษชูดาบขี่ม้า แต่แกะเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เลือดมากเท่านั้น แกะต่อไปไม่ได้เลยเพราะมือจะพังเสีย ท่านว่าเป็นเหตุการณ์ผิดปกติที่ท่านเองก็ไม่เคยเจอมาก่อน จนพระวิษณุเจ้าหรือครูพระนารายณ์นั้นได้แนะนำท่านว่าให้ทำเป็นรูปมหาบุรุษถือดาบสองมือและมีฐานด้านล่างเป็นพระยาสินธพชาติอัสดร โดยพระผงนี้จะมีคุณเป็นเอกด้านตัดกรรมให้สงบระงับไปโดยฉับพลัน ท่านเห็นว่าไหนๆก็ทำแล้วจะมานั่งคิดถึงความสวยงามก็ไม่สม ควรจะทำตามลักษณะที่ครูท่านต้องการจะให้เป็นเช่นนั้นดีกว่า อาจจะไม่สวยแต่ว่ายอดขลังเพราะทำตามความต้องการของท่านเอง

    เมื่อแกะแม่พิมพ์เสร็จแล้ว พ่ออาจารย์ท่านได้รับเทวบัญชาต่อเนื่องให้สร้างรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ กับนางแม่พระธรณีขึ้นเพื่อจะทำวิชาฝังลงไปด้านหลัง ด้วยเหตุว่าสรรพสัตว์นั้นดำรงค์อยู่ในท่ามกลาง เบื้องบนนั้นมีจอมเขาพระสิเนุราชมีพระอินทร์ประทับเป็นประธานแห่งเทวสภาในฉกามาพจรภูมิ เบื้องล่างนั้นก็มีพระแม่ธรณีศรีวสุนธราสถิตย์ปกครองอยู่ ครูท่านจึงประสงค์จะให้สัตว์ที่ตกถึงทุกข์มีพลังศักสิทธิ์เกื้อหนุนดูแลไม่ว่าจะเหนือฟ้าหรือใต้พิภพก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำตะกั่วอวนตีนแหที่ท่านลงยันต์นำมาแช่น้ำมนต์เก็บไว้มาทำพิธีหลอมหล่อพร้อมทั้งจารแผ่นยันต์บังคับนะปถมัง 14 นะและพระยันต์ 108 ใส่ลงไปด้วย พร้อมกับอักขระหัวใจพระอินทร์และนางพระธรณีแยกกันอีกตำรับหนึ่ง

    เมื่อท่านหล่อรูปสำคัญเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณและนางแม่พระธรณีขึ้นมาแล้ว ท่านได้ทำการบวงสรวงเชิญครูและทำการปลุกเสกซึ่งต้องแยกกันเสกถึงสองวาระ สำหรับมวลสารขององค์พระนั้น พ่ออาจารย์ท่านมีดำริแต่แรกว่าจะสร้างรูปพระมหากัลกีนี้ ทำให้เป็นเกียรติยศแก่ตัวทานเอง โดยท่านจะใช้ผงลบคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านไปขอผู้สืบทอดสายวิชาเป็นผงลบของครูบาอาจารย์ยุคเก่าต่างๆนำมาผสมสร้างให้ครบถ้วนทั้งหมด ท่านได้นำผงวิเศษทั้ง 5 ชนิด ประกอบด้วย ผงปัถมัง อิทธะเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห นำมาผสมคละกันกับผงมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ ซึ่งท่านเน้นให้ใช้เนื้อหาผงมวลสารล้วนๆมาประกอบกันขึ้นเพื่อให้องค์พระนั้นแก่อิทธิคุณ

    นอกจากนั้นท่านยังผสมด้วยผงที่พระเถราจารย์แต่อดีตเคยลบถมไว้ ไม่ว่าจะเป็นผงของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว , หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว , หลวงปู่ภู วัดอินทร์ , หลวงปู่นาค วัดระฆัง , หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก , หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา , หลวงพ่อคง วัดวังกะพ้อม , หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ , หลวงพ่อเจ้าคุณโพธิ์ วัดชัยพฤกษ์ , เจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ , หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ , หลวงพ่อกวย วัดโฆษิต , หลวงพ่อสุ่น วัดหนองปลาหมอ, หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน , หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค , หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส , หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ เป็นต้น

    ท่านได้นำผงวิเศษเหล่านั้น มาผสมนวดเข้ากันกับน้ำมันพระเจ้าตาก น้ำมันว่านตระกูลเศรษฐี น้ำมันช้างลืมโขลง น้ำมันมหาวิเศษ น้ำมันหงส์เหิร น้ำมันเทพรัญจวน น้ำมันแกแล น้ำมันว่านพญาไก่แดง ก่อนที่จะพิมพ์พระขึ้นรูปและฝังของอาถรรพ์ต่างๆ

    การสร้างพระผงมหาบุรุษชาติกัลกีอวตารนั้น คือปางของพระวิษณุมหานารายณ์ที่ปัจจุบันนั้นอยู่ในระหว่างการรอเสด็จลงมา โดยพ่ออาจารย์บอกว่าการมาของพระองค์คือการสิ้นสุดของกลียุค สิ้นสุดความเดือดร้อนทุกข์ยากความลำบากทั้งหลาย ท่านว่าสสรรพสัตว์นั้นจะเวียนว่ายไปตามกระแสโลกแลกฏแห่งกรรมของตน หากได้รับพระผงมหาบุรุษชาติกัลกีนี้ไว้บูชา ท่านว่าแม้กลียุคอันชนต้องประสบกันทั้งโลกยังแก้ไขได้ ถึงจุดสิ้นสุดได้ นับประสาอะไรกับชีวิตคนเพียงผู้เดียว ที่จะไม่งอกงามเบ่งบาน จะไม่ดีขึ้นโดยฉับพลันทันทีได้อย่างไร นี่ประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าวิษณุมหานารายณ์นะเพียงแค่ท่านมาเอาว่าเรื่องเฮงซวย โชคร้าย โดนกลั่นแกล้ง โดนกระทำ ความมืด อุปสรรค อธรรมทั้งหลายเอาว่าท่านผลาญสิ้นโคตรก็แล้วกัน ไม่เหลือต้นตอที่จะให้เกิดอีกได้เลย ไม่เพียงแต่มาทำลายเท่านั้น พระองค์ยังนำออกและเปิดทางให้อีกด้วย นำออกจากสถานการณ์เลวร้ายที่เจออยู่เพียงระลึกถึงก็จะผ่านพ้นไปอย่างน่าพิศวง ซ้ำยังเปิดทางให้เจอแสงสว่าง ให้มีอนาคตที่ดีเป็นที่ไปไม่ตกต่ำย่ำกลับมาสู่กลียุคอีกหนหนึ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจุดนี้เราต้องสำรวจตนเองว่าชีวิตเรานั้นผจญอยู่ในกลียุคหรือไม่ โดนใครคดโกงหรือเปล่า ตกอยู่ในความเสื่อมทั้งตัวเราเองที่เสื่อมหรือสังคมรอบข้างที่เสื่อมหรือไม่ มืดมนหรือไม่ สับสนวุ่นวายหรือไม่ ซึ่งความมืดมนทั้งหลายนี้มักจะมาในเรื่องของการงาน ความรัก ปากท้อง ครอบครัว หรือสังคมแวดล้อม ถ้ารู้ว่าชีวิตหนีจากเรื่องเหล่านี้ไม่พ้น ก็ถึงเวลาที่เราควรจะให้โอกาศแก่ชีวิตตนเอง รับเอาครูศรีหริกัลกีอวตารเข้าไปแล้วทุกอย่างจะพลันเปลี่ยนไปโดยฉับพลันทันที

    สำหรับพระผงศรีหริกัลกีอวตารนี้ ด้านหลังได้ฝังของวิเศษไว้สามชนิด นั่นคือ เหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ตะกรุดพระนารายณ์หนุนจักร และนางพระแม่ธรณี ตามประสงค์แห่งองค์พระวิษณุเทพที่ให้กระทำขึ้น
    - เหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระอินทร์นั้นเป็นประธานเทวสภาและเป็นตำแหน่งของราชาแห่งทวยเทพทั้งมวล ปกครองทั้งสวรรค์ คุมทัพเทพเจ้าทุกวิมานในอากาศ เป็นตัวแทนของจอมเทพในสวรรค์ทั้งหกชั้น ในส่วนของช้างเอราวัณเทพบุตรนั้นท่านเป็นเทพบุตรสายนาคาซึ่งมีบารมีมาก มีฤทธิ์มาก ด้วยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังธรรมอยู่เสมอ เมื่อพระอินทร์จอมเทพประสงค์จะเสด็จที่แห่งใด เอราวัณเทพบุตรก็จะนิรมิตรรูปกายของตนเป็นพญาช้างสามสิบสามเศียร เมื่อพระอินทร์เสด็จขึ้นประทับแล้ว เทพยดาที่เหลืออีก 32 องค์อันเป็นสหชาติและมีบุญบารมีเสมอกันกับพระอินทร์ก็จะเสด็จประทับขึ้นพร้อมกัน พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเสกยากนักเป็นเหรียญที่มีเทวานุภาพมาก มันยากและมากกว่ารูปที่เห็น เพราะโดยพิธีแล้วท่านต้องเชิญเทพบดีทั้ง 33 ลงมาสถิตย์พร้อมกันที่ช้างเอราวัณนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระวรุณ พระประชาบดี สุริยเทพ จุลรถ มหารถ อเนกวัณณ และพระองค์อื่นๆโดยพร้อมกัน ไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำเสียเฉยๆ จึงเป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มีอำนาจมากเมื่อเสกอย่างถูกต้องแล้วท่านว่าเวลาไปที่แห่งหนไหนก็สั่นสะเทือนไปทุกภพภูมิ ด้วยอานุภาพของเทพยดาทั้ง 33 พระองค์อันเป็นจอมเทพบดีแห่งดาวดึงส์ และช้างเอราวัณนี้ เมื่อจะมีความสำคัญบอกกล่าวอย่างไร มีกิจธุระอย่างไรให้ระลึกถึงองค์พระอินทร์อันเป็นประธานเพียงองค์เดียวให้มั่นคงกระทำสัตย์อธิษฐานไป พ่ออาจารย์ท่านว่าความนั้นย่อมตกและทราบทั่วถึงกันทั้งดาวดึงส์นอกจากพระอินทร์แล้วจอมเทพอีกทั้ง 32 พระองค์ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราด้วยไม่รวมเหล่าเทพบริพารทั้งดาวดึงส์สวรรค์ท่านว่าเพียงแต่อธิษฐานเอาก็พอ ไม่จำเป็นอย่าไปบนอะไรท่านมากเพราะท่านมีใจจะช่วยกันอยู่แล้ว พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ในพิภพดาวดึงส์นั้นเทพยดาโปรดที่จะสร้างบารมีร่วมกันกับมนุษย์ท่านจึงเชิญตัวนายมาเสียให้ครบในคราเดียวเพราะเมื่อนายมา บริษัทแวดล้อมทั้งหลายก็ย่อมจะมาด้วย และเขามีหน้าที่สำคัญเป็นสัญญาใจที่จะช่วยเหลือมนุษย์อยากเห็นมนุษย์ได้ดีและกลับขึ้นไปรวมอยู่กับเขาในท้ายที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นโอกาสดีนะ ดีที่จะได้อยู่กับพระอินทร์ อยู่ในสายตาของท่าน ทำให้ท่านพอใจ อีกนัยน์หนึ่งตายไปไม่ต้องกลัวตกนรกเลย หากเธอยังเป็นคนดีรู้จักประกอบการกุศลอยู่บ้าง ก็พระอินทร์นั่นแหละจะเป็นพยานในการสร้างกุศลของเธอเตรียมวิมานในดาวดึงส์ไว้รอเธอ สำคัญถึงปานนั้น
    - นางพระแม่ธรณี พ่ออาจารย์ท่านว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นได้อาศัยอยู่บนพื้นดิน เปรียบก็เหมือนดั่งลูกอยู่ในอ้อมกอดของแม่นั่นเอง จะเจริญก็อยู่บนแผ่นดินนี้ จะวิบัติก็อยู่บนแผ่นดินนี้เช่นกัน หากใครมีพลังของแม่พระธรณีเกื้อหนุนช่วิตแล้ว ความตกต่ำยากไร้ ทำมาหากินไม่ขึ้น โดนคนกลั่นแกล้ง สิ่งต่างๆเลวร้ายทั้งหลายนั้นย่อมไม่มีเป็นแม่นมั่น เพราะแม่ท่านรักและช่วยเหลือประดุจเลือดในอกของพระองค์ท่านเลยกระนั้น หากเรารู้คุณท่านอยู่บ้างระลึกถึงท่านขอบารมีท่านจะมีแต่เจริญขึ้นโดยสถานเดียว พ่ออาจารย์ท่านทำเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมอย่างมีนัยยะสำคัญบางประการ ท่านเมตตาเล่าว่า พระแม่ธรณีนี้เคยบอกกับท่านว่าตัวของแม่เองได้เป็นพยานการเกิดขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตั้งแต่องค์ปฐมถึงปัจจุบัน ได้รองรับกระแสอุทกธาราที่เหล่าพระมหาโพธิสัตว์มากมายหลั่งรินไว้เวลาประกอบธรรมกำกุศล ได้ขึ้นมาช่วยเหล่าพระพุทธเจ้าที่จะตรัสรู้ทุกพระองค์ในทุกกาลทุกวาระเมื่อจะต้องประจญด้วยพญามาร พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะอ้างเอาพระแม่ธรณีนี้เป็นพยานนั่นเอง ท่านจึงว่าพระแม่ธรณีนี่แหละเก่งที่สุดในโลก ท่านอยู่ในทุกที่ทั้งโลก โอบอุ้มทุกชนชาติศาสนามาเนิ่นนาน รองรับบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ตั้งแต่คราวพระชินสีห์องค์ปฐมได้ค้นพบและตรัสรู้สัพพัญญุตญาณเป็นพระสัพพัญญูในโลกธาตุจวบจนถึงพระองค์ปัจจุบัน ได้อยู่เป็นสักขีพยานและเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระนางมีบารมีมากถึงปานนั้น สำหรับเหรียญหล่อนางแม่พระธรณีนี้พ่ออาจารย์บอกว่าท่านทำเป็นปางบีบมวยผมคราวพระเจ้าผจญมาร เพื่อให้ผู้บูชาอาศัยบารมีของแม่ชนะมารชนะอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย แม้กิจใดที่แม้แต่เหล่าเทพไม่สามารถกระทำได้ ไม่สามารถช่วยเหลือได้หรือเทพเจ้ายังหวาดกลัวนั้น ท่านว่าแม้อันตรายถึงปานนั้นแม่ก็ยังอยู่กับลูกเสมอและพร้อมที่จะช่วยลูกในกาลทุกเมื่อนั่นเอง เหรียญนางพระแม่ธรณีนี้สำคัญนัก เพราะเทพเจ้าฝ่ายมารจะกลัวกันมาก เทพยดามิจฉาทิฏฐิทั้งหลายจะไม่กล้ากลั่นแกล้งให้โทษแก่เราเลย
    - ตะกรุดพระนารายณ์หนุนจักร พ่ออาจารย์ท่านว่าป็นเวทย์วิชาสำคัญที่นอกจากจะมีพุทธคุณของตัวเองแล้วยังเป็นวิชาที่ช่วยประสานทุกพระองค์ทั้งมหาบุรุษกัลกี พระอินทร์และคณะเทพยดาทั้งสามสิบสองตลอดจนนางพระแม่ธรณีให้แผ่พลังมาเกื้อหนุนยกชูเราโดยเฉพาะ ซ้ำยังหนุนดวงผู้บูชาแม้มีเคราะห์ก็คลายออก แม้มีกรรมก็สะเดาะเสียให้พ้นจากกาลและวาระกรรมเหล่านั้น ทั้งธรณีสารและเรื่องราวเดือดร้อนทั้งหลายทำอันตรายสิ่งใดเรามิได้เลย คนที่ชีวิตลุ่มๆดอนๆ ดีก็ไม่สุด สะดุดมาทั้งชีวิต ก้าวมาถอยกลับ อยู่กับที่ หรือมีความรู้สึกว่าตัวเองมันยังไปไม่ได้ นี่เพราะเราไม่มีสิ่งใดหนุน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ไม่เข้ามาหนุนเรา พ่ออาจารย์ท่านว่านี่แก้เคล็ดกัน ทั้งคุณแห่งวิชาและมหาอวตารกัลกี รวมทั้งคณะเทพดาวดึงส์ตลอดจนนางพระแม่ธรณี ท่านจะเข้ามาหนุนแก้รากฐานชีวิตเรา รับรองว่าหนุนชนิดที่เรียกว่าดีวันดีคืน ทั้งปราบปราม ทั้งทำลายและหนุนนำยกชู ประเสริฐสิ้นถึงเพียงนี้แล


    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านได้สร้างพระผงมหาบุรุษชาติศรีหริกัลกีอวตารขึ้นมาโดยอาศัยเหตุและโองการแห่งพระนารายณ์เป็นเจ้านั้น ท่านตั้งใจจะทำให้ดีมากที่สุด แม้ในวาระการปลุกเสกท่านก็ยังกล่าวอัญเชิญครูบาอาจารย์เจ้าของผงผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งหลายมาช่วยกันภาวนาอธิษฐานจิตอีกคำรบหนึ่ง และที่สำคัญด้านหน้าทุกองค์นั้น ท่านนำผงศักดิ์สิทธิ์ มวลสารเก่าแก่ล้วนๆที่นอกจากจะผสมอยู่ในเนื้อพระแล้ว ท่านยังเมตตานำมาโรยไปทั่วทุกองค์ พระจึงจะขาดความคมชัดไปบ้างแต่เอาว่าแรงและขลังด้วยผงหัวเชื้อระดับบรมครูทั้งหมด

    คาถาบูชา
    โอม สะศางขะจักรัม สะกิริฏะกุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสตุภะศริยัม นะมามิ วิษณุม ศิระสา จตุรภุซัม
    - นมัสการพระอินทร์ โอม สักกัสสะ เทวะนะมินทัสสะ สักการัง
    - เรียกนางแม่พระธรณี พระสุนทเร เทวะธิดา พุมโม สุกะคีตตะวา สมาคะมา อิมินานัปพะเลตะวัง ชานาหีปุญญะกำเม อากาศเทวา นาคะนาคาวันนัง ปุคคลาพันทังวา จะพันทังอาคิทันตา จะวาเย ปัญจะพุทธานะมามิหัง(ภาวนาเรียกแม่พระธรณี ใช้ใจเรียกอย่าไปใช้เท้าจิกผืนดิน แม้ได้อาราธนาเรียกพระนางที่ฝังอยู่ด้านหลังแล้ว พ่ออาจารย์บอกว่ากาลแห่งทุกข์เวทนาจะคลี่คลายโดยฉับพลัน จะเรียกพระนางมาบอกกล่าวขอพรอะไรก็สุดแล้วแต่จะอธิษฐานบูชา ใช้ได้ทุกเรื่องทุกทางตามเห็นว่าสมควร)

    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างเป็นอนุสรณ์ที่นำผงของครูบาอาจารย์แต่อดีตมาใช้ และบูชาครูบาอาจารย์ ท่านจึงสร้างเท่ากำลังมารดาเพื่อบูชาคุณพระแม่ธรณีอันเป็นสตรีที่เก่งที่สุดในโลกไว้ได้ทั้งหมด 12 องค์ ท่านที่ต้องการจะบูชาให้แจ้งความประสงค์มาเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายนำไปบำรุงเสนาสนะตลอดจนร่วมบุญวิหารทานในวัดทุรกันดารต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระผงมหาบุรุษชาติศรีหริกัลกีอวตาร (ฝังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณและนางแม่พระธรณี) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพรายกุมารบรมครูพระเข้านาง(พระนารายณ์ตรึงสวาท)

    ในอดีตกาล ตำนานพระนารายณ์ทรงถอดรูปเปลี่ยนเพศเป็นอิตถีสตรีนั้น ได้ทำให้อสุรพรหมนนทุกข์ลืมตัว ไม่กลัวฟ้า ลืมสติพิจารณา ลืมชีวิต ทำให้นนทุกข์ที่เห็นเหล่าอัปสรชาวสรรค์ซึ่งมีรูปลักษณ์สวยงามเป็นนิจหลงใหลในความงามได้ถึงขนาดลืมตาย กาลต่อมาพระองค์ก็ได้เสด็จลงสู่โลกมนุษย์พร้อมกับองค์พระสยมเพื่อทรมานนักบวชมิจฉาทิฏฐิและปราบอสูร โดยองค์พระสยมนั้นได้แปลงเป็นโยคีหนุ่มส่วนมหานารายณ์ พระองค์นั้นได้แปลงรูปเป็นภรรยาสาว ว่ากันว่าความงดงามของพระองค์ในครั้งนี้ได้ทำให้เหล่านักบวชนับสิบนับร้อยตบะแตก พากันมาเกี้ยวพาด้วยหลงไปกับความงามของพระผู้เป็นเจ้า ลืมเสียทุกสิ่ง ลืมแม้แต่ว่าพวกตนมีภรรยากันอยู่แล้ว จนทำให้รักมากสืบมาเมื่อเกี้ยวไม่สำเร็จจึงแค้นมากเป็นเงาตามตัวได้ใช้อำนาจแห่งตนออกวาจาสาปแช่งนางแปลงพระนารายณ์ต่างๆบรรดามี แต่ทว่าคำสาปแช่งเหล่านั้นก็ไม่อาจกล้ำกรายพระผู้เป็นเจ้าได้

    กิตติศัพท์ความงามเมื่อกาลที่พระนารายณ์ได้เนรมิตรูปกายพระองค์เป็นอิสตรีนั้น ว่ากันว่างามหนักหนา แม้แต่เหล่าเทวดานางฟ้ายังตกตะลึงสงสัยว่าจะงามซักเพียงใดหนอ และเหนือสิ่งอื่นใดแม้แต่เหล่าพระจักรวาลชนนีหรือพระแม่เจ้าทั้งสามผู้ได้ชื่อว่าเป็นอัครชายาเจ้าโลก และได้รับยกย่องว่างดงามที่สุด ยังสงสัยว่าเมื่อพระศรีหริเนรมิตรูปกายนั้นจะงามซักเพียงใด อยากจะมีโอกาสได้เห็นรูปพระเป็นเจ้าเนรมิตเช่นนั้นบ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะถามได้แต่เก็บปัญหานี้ไว้ ร้อนจนถึงพระแม่ลักษมีอัครชายาเอง ต้องขอให้พระสวามีของพระนางเนรมิตให้ดูเช่นนั้น กาลต่อมาจึงปรากฏเป็นตำนานสืบไปว่ารูปเนรมิตที่ปรากฏนั้นได้ชื่อว่างดงาม มีเสน่ห์ยั่วยวนชวนให้หลงใหลมากที่สุดในมหาจักรวาล


    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างศาสตร์แห่งวิชามหาเสน่ห์ชั้นสูง โดยอาศัยบารมีแห่งพระนารายณ์เป็นเจ้าเพื่อจะสร้างตะกรุดไว้เฉลิมเกียรติของพระองค์ให้เป็นที่สุดในศาสตร์ของความรัก เสน่ห์หลงใหล เป็นเวทย์และพลังขั้นสูง ซึ่งจะต้องอาราธนาพระองค์ให้มาลงพระเวทย์ช่วยกันสร้างตะกรุดขึ้นในวาระพิเศษนี้ด้วย โดยท่านมีดำริว่าจะต้องใช้มวลสารที่ดีที่สุดมาสร้างและอธิษฐานจิต เรียกว่าท่านทำแบบมีอุตสาหะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทีเดียว เนื่องจากตะกรุดนี้มีกรรมวิธียุ่งยากซับซ้อนท่านต้องทำมือทีละดอกกว่าจะได้ดอกหนึ่งนั้นต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะการฉาบทาด้วยว่านยาอาถรรพ์ต่างๆ

    ท่านได้นำแผ่นตะกั่วที่จะใช้จารนั้นมาทำพิธีปะสระโลหิตในวาระแรกก่อน โดยว่าเพื่อให้ตะกรุดนี้เป็นของขลังมีอำนาจแห่งบุญฤทธิ์ไม่มีวันเสื่อม จากนั้นจึงได้นำฤกษ์มงคลที่ส่งผลด้านมหาเสน่ห์กับคนใช้มาทยอยลงจารแผ่นตะกั่วเก็บไว้ ซึ่งตะกรุดนี้จะบรรจุพระยันต์ทั้งหมดสองชนิดคือ
    - พระนารายณ์ถอดรูป สืบสานกระบวนเวทย์วิชาเมื่อครั้งพระเป็นเจ้าได้นิรมาณกายเป็นอิตถีสตรีเพศรูปงามปรากฏแก่ตาโลก เป็นประวัติศาสตร์อันชนทั้งโลกกล่าวขานบอกต่อผ่านยุคสมัย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านมีดำริว่า ที่ผ่านมาวิชาพระนารายณ์ถอดรูปนี้เห็นมีแต่คนลงทำเสียอย่างประหนึ่งเล่นสนุก ได้ตัดต่อและทำเสมือนว่าเอาแต่เพียงชื่อวิชามาใช้ไม่ใคร่ลงกันจริง (สอบถามท่านว่าส่วนมากจะลงหัวใจไม่กี่ตัวที่แย่หน่อยคือจารและไม่จารไปเลยก็มี)ซึ่งเมื่อจะทำนั้น จะต้องให้มีอานุภาพทางมหาเสน่ห์สะกดได้ทั่วไตรภพ ชวนให้สัตว์ที่อยู่ใกล้ในรัศมีของพระยันต์นี้มีอานุภาพเคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวของผู้อาราธนา เสมอด้วยเหล่าพระมุนีฤาษีหรืออสูรพรหมนนทุกข์หลงในตัวพระนารายณ์ลืมตัวลืมตายเพียงนั้นทีเดียว ดังนั้นการลงและเสกนั้นจึงต้องเสกแบบเปิดโลกซ้ำต้องอัญเชิญพระศรีหริหรือมหานารายณ์นั้นมาลงพระเวทย์แบบเดียว ชนิดเดียวเช่นที่พระเป็นเจ้าเคยกระทำในกาลก่อน อานุภาพนั้นจะเสมอด้วยการสะกดชั้นสูงยิ่งกว่าพระสังข์ถอดรูปเงาะหรือมนต์ถอดรูปและสะกดโดยทั่วไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่สุดแล้วในทางมายาคติเพราะสำเร็จวิชาด้วยอำนาจแห่งพระนารายณ์ เค้าจะมองเราดุจผู้ดีมีชาติตระกูล เป็นที่สิเน่หา สะกดใจให้ดูเราสวยงามสูงส่ง ไปที่แห่งใดก็ชื่นชมยินดีในรูปร่างเรือนกายถึงปานนั้น
    - ช้างประสมโขลง เป็นที่สุดของกระบวนวิชาสายมหาเสน่ห์ใหญ่ที่มีพละกำลังมากดุจพญาคชสารตกมัน ท่านว่าหลายที่นิยมใช้วิชาอย่างย่อไม่ใคร่ใช้ตัวเต็มที่มีอานุภาพเต็มกันเลย ท่านจึงประสงค์จะทำไว้ให้ซักครั้ง ซึ่งวิชาช้างประสมโขลงตัวนี้ท่านว่าถ้ารักจะเล่นทางเสน่ห์เมตตาแล้วล่ะก็มีอานุภาพดุจพญาเทครัว เรื่องเจ้าชู้ประตูดินนั้นครอบคลุมเสียทั้งหมด แม้อาราธนาบูชาก็จะดึงคู่ครองที่มีฐานะมีชาติตระกูลให้เข้ามาอยู่กินในชีวิตของตน แม้หากไม่ได้มีจริตที่จะใช้ทางเสน่ห์แล้วก็จะเป็นเมตตามหานิยมอย่างที่สุด อยู่ในมหาทิศทั้งสี่ไม่ว่าจะแห่งใดเขาจะนิยมรักใคร่เอ็นดูเรานัก ดุจว่าญาติสนิทฤาเลือดในอกก็ไม่ปาน จะใช้ทางเข้าหาเจ้านายก็ได้ ใช้ให้คนเมตตาสงสารเวลาจะทำงานจะไปทำกิจแห่งใดก็ได้ แม้จะพูดจาสิ่งใดเค้าเชื่อเราหมดเพราะเมตตาเป็นที่สุด ซ้ำคนที่หากินกับเสียงไม่ว่าจะเป็นการพูด การร้องเพลงหรือการแสดงใดๆท่านว่าจะมีคนนิยมชมชอบเป็นพิเศษ ที่สำคัญกว่านั้นเป็นอาถรรพ์ของคุณวิชานี้ แม้จะมีอานุภาพทางเสน่ห์นักหนา แต่ก็ไม่ปิดช่องทางด้านการทำมาหากินเช่นวิชาอื่น พ่ออาจารย์ท่านว่าเหมาะนักกับกาลและยุคสมัย เพราะคนที่มีวิชาช้างประสมโขลงนั้นจะหากินเจริญรุ่งเรืองและรุดหน้าเร็วกว่าคนอื่นเสียทั้งหมด นี่คือเรื่องแปลก แม้ประกอบการค้าก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ฤาจะว่าถ้าทำงานรับราชการก็จะมีตำแหน่งใหญ่โต แม้เป็นพนักงานทั่วไปก็จะได้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นมากกว่าปกติ หรือจะทำเทือกสวนไร่นาท่านว่าอาราธนาทำน้ำมนต์ไว้รดสวนผลผลิตนั้นดียิ่งนัก แม้จะเป็นหนี้สินใดๆก็สามารถหลุดพ้นได้โดยเร็วพลัน อันวิชาช้างประสมโขลงตำรับนี้นั้นมีคุณดุจดวงแก้วกายสิทธิ์ของพระเจ้าจักรพรรดิ เพราะมันวิเศษเสียจนประมาณค่ามิได้เลย อยู่ที่จริตคนใช้ว่าในวันหนึ่งๆนั้นเค้าจะอาราธนาตะกรุดไปทางใด จะใช้ด้านเสน่ห์ มหานิยม การทำมาหากิน ความเจริญก้าวหน้า ท่านว่านี่ก็แล้วแต่เขาด้วยอาถรรพ์วิชานั้นก็เป็นไปได้ทุกสิ่ง


    เมื่อพ่ออาจารย์ท่าน ได้ลงจารอักขระและภาวนาคาบคาถากำหนดจิตจนเกิดบุพนิมิตแล้วก็ได้ปลุกเสกคุณพระคาถาตามวิชาลงไปจนมั่นใจเสียก่อนแล้วนั้น ลำดับต่อมาท่านจะนำด้ายขาวสาวพรหมจรรย์มาถักทอตะกรุดอีกคำรบหนึ่ง และทำการฉาบทาด้วยน้ำมัน ว่านยา ตลอดจนผงวิเศษ ซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะอย่างยิ่งเพราะอาศัยระยะเวลาในการทำนาน กว่าจะแห้งทีละชั้นกว่าจะสำเร็จ ต้องเพียรทำในยามมงคลเท่านั้น ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
    - น้ำตาปลาดุหยง ในวาระแรกท่านจะนำตะกรุดนั้นมาทาด้วยน้ำตาปลาดุหยงหรือที่เรียกว่าน้ำตาปลาพะยูนซึ่งมีพ่อหมอสายใต้ทำวิชามอบให้ท่านมา อันซึ่งน้ำตาปลาดุยงนี้สำหรับผู้รู้จริงจะถือว่ามีอานุภาพมากเสียยิ่งกว่าน้ำมันพรายผีตายห่าตายโหงใดๆ ซ้ำยังมีแต่คุณไม่มีโทษกับผู้ใช้ เป็นที่สุดของศาสตร์มหาเสน่ห์สายใต้ที่หาง่ายแต่เอายาก เมื่อได้มาแล้วก็มีอานุภาพในตัวของมันเอง หากได้นำมากำกับด้วยพระคาถาคุณวิชาอีกคำรบหนึ่งก็จะยิ่งวิเศษมากขึ้นไปเหนือกว่าศาสตร์น้ำมันใดๆทั้งหมด
    - ยาจินดามณี จากนั้นท่านจึงนำยาจินดามณีของหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วมาตำเป็นหัวเชื้อผสมกับของหลวงปู่เจือผสมน้ำมันว่านฉาบทาคลุกไว้อีกหนหนึ่งเพื่อให้ตะกรุดนั้นมีคุณดุจแก้วสารพัดนึก สามารถต้านกรรมหนักได้ อธิษฐานสิ่งใดก็สมปรารถนาด้วยอานุภาพวิชาจินดามณี
    - น้ำมันว่านไก่แดง ว่านนี้มีอานุภาพทางเสน่ห์และความเจริญร่ำรวยอย่างยิ่งยวด ซึ่งเป็นว่านที่มีเชื้อสายสืบมาจากทางพม่า ถึงขนาดกับมีคนตั้งตัวเป็นครูบาอาจารย์และโด่งดังได้เพราะรู้จักและใช้ว่านยาชนิดนี้หลายท่าน น้ำมันว่านไก่แดงแท้ๆนั้นไม่ใช่จะมีอานุภาพทางเสน่ห์มหานิยมอย่างเดียวยังใช้ทางด้านโภคทรัพย์ลาภลอย เน้นความเจริญก้าวหน้าและหนุนดวงอีกด้วย ถึงขนาดมีครูอาจารย์นำมาใช้สักเพื่อเสริมดวงชะตาก็มี แต่ของแท้นั้นหาได้ยากและจะให้ดีต้องสำเร็จด้วยวิชาของพม่า ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รับมานานแล้วไม่เคยนำออกมาใช้เลย จึงได้นำมาฉาบทาที่ตะกรุดอีกชั้นหนึ่งก่อนที่จะพอกผงในลำดับต่อไป
    - ว่านตระกูลเสน่ห์ พ่ออาจารย์ท่านได้นำว่านเสน่ห์ที่มีคุณยิ่งตามตำรากบิลว่านที่ท่านได้ปลูกเเละเลี้ยงดูรดน้ำด้วยมนต์วิชาเอาไว้ กู้ขึ้นมาตามขั้นตอนเฉพาะที่จะทำให้ว่านมีตัวมีฤทธิ์เดชจนท่านนำมาป่นเป็นผง ซึ่งท่านใช้ว่านที่ว่ามีฤทธิ์จัดๆถึงเก้าชนิดเพื่อเน้นความเจริญก้าวหน้าไม่ถอยหลัง ได้แก่ ว่านช้างผสมโขลงหรือว่านพระยาเทครัวมีสรรพคุณรุนแรงถึงกับใช้ประกอบในการทำยาเสน่ห์ทีเดียว สองคือว่านเทพรัญจวนมีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นเลิศ สามคือเครือเขาหลงหรือเครือสาวหลงก็เรียกมีคุณด้านเสน่ห์ลุ่มหลงแม้นำมาใช้ประกอบเป็นเครื่องราง สี่คือว่านดอกทองนิยมว่ามีอานุภาพทางก่อเกิดอารมณ์ทางกามตัณหาอย่างรุนแรง ห้าคือว่านจูงนางเป็นว่านทางเสน่ห์และเมตตามหานิยมมีชื่อเป็นมงคลดุจว่าชักชวนให้คนเข้าหา หกว่านกระแจะจันทร์มีอานุภาพทางเมตตาเป็นเลิศ เจ็ดว่านเสน่ห์จันทร์เป็นราชเสน่ห์เมตตามหานิยมขั้นสูง แปดว่านห้าร้อยนางเป็นเสน่ห์รุนแรงดุจว่ามีคู่ครองหลายคนซ้ำยังใช้ให้คนรักหรือครอบครัวสนิทสนมกลมเกลียวด้วย เก้าว่านสาวหลง ท่านว่ามีคุณตรงตามชื่อ พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงว่านที่บดรวมไว้ทั้งเก้าชนิดนี้มาฉาบทาเคลือบตะกรุดเพื่อให้มีอานุภาพทางเมตตามหาเสน่ห์สูงสุด
    - สีผึ้งเขียวท่านพ่อทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง สุดยอดสีผึ้งในกระบวนการเครื่องรางว่านยาอาถรรพ์ที่มีวัสดุมวลสารชั้นครูประกอบอาถรรพ์ว่านยาในการสร้างชนิดที่ว่าหาได้ยากนักหนา แม้เพียงหัวเข็มหมุดหากเป็นของแท้ก็มีอานุภาพเป็นที่สุดยิ่งกว่ามหารักมหาหลงใดๆ พ่ออาจารย์ท่านได้นำมาจุณเจิมที่ตะกรุดพระนารายณ์ตรึงสวาททุกดอกเสียหนหนึ่งก่อน
    - ผงลบวิชาเสน่ห์ เป็นผงที่ท่านลบด้วยวิชาอิทธิเจเสน่ห์กล รวมกับวิชาอื่นๆเช่นนะหน้าพระลอยมา นะหน้าทอง นะร่วมใจ วิชาพระลักษณ์หน้าทอง เทพรำลึก เทพรำพึง เทพจำแลง พ่ออาจารย์ท่านว่าเพียงอย่างเดียวอณูเดียวก็เป็นเสน่ห์เหลือที่จะประมาณแล้ว ท่านว่าวิชาแต่ละชนิดนั้นมีคุณค่าควรเมืองแทบทั้งสิ้น
    - ผงพรายกุมาร พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้พระขุนแผนพรายกุมารที่แตกหักของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ที่เสกสำเร็จแล้วและแตกหักลงในกาลต่อมาซึ่งพระส่วนนี้สมัยก่อนจะไม่มีคนสนใจ ซึ่งท่านได้รับมาพร้อมกับผงพรายกุมารแต่ท่านได้นำมาเก็บไว้โดยนำมาตำจนเป็นผงละเอียด ท่านว่าเอาไว้เฉยๆก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ชนหมู่มากเดี๋ยวของดีจะสูญไปเสียเปล่า ด้วยว่าผงนี้มีอานุภาพใหญ่นักเหนือกว่าผงพรายกุมารทั่วไปเพราะได้รับการเสกจากหลวงปู่ทิมเมื่อขึ้นรูปเป็นองค์พระแล้วอีกคำรบหนึ่ง และท่านยังเชิญดวงวิญญาณหลวงปู่ทิมมาเสกอีกเป็นประจำตลอดเวลาที่เก็บรักษาไว้ท่านว่าใช้แทนกันได้กับพระผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมท่านหากใครหาไม่ได้
    * และยังมีผงชนิดหนึ่งที่ท่านให้ปิดบังไว้ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ไม่ใช่ผงพรายหรือผีแน่นอนแต่เป็นผงพระพุทธคุณของเกจิยุคเก่า


    เมื่อท่านได้พอกผงอย่างดีแล้วท่านจึงนำมาเคลือบและตากแดดไว้ โดยใช้การเคลือบหลายครั้งมากเพื่อให้มวลสารแข็งตัวและแห้งสนิท ต้องอาศัยระยะเวลายาวนาน ท่านทำอย่างใจเย็นและอุตสาหะยิ่งนัก ค่อยๆทำไปทีละดอกและเก็บสะสมไว้ เนื่องจากมวลสสารมีจำกัดอย่างยิ่งจึงทำให้ท่านสร้างได้เพียง 9 ดอกเท่านั้น

    หลังจากนั้นในวาระสุดท้าย ท่านนำมาอุดผงสำคัญไว้ภายในตะกรุดทุกดอกดอกอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งจะมีผงบรรจุอยู่สองชนิดด้วยกัน คือ
    - ผงรังต่อ ท่านว่าอย่าดูถูกไป ท่านใส่ให้เป็นเคล็ดที่จะต่อเติมความปรารถนาความต้องการของคนใช้ต่อไป เป็นมงคลนามให้มีมากขึ้นและอย่าหยุดที่จะมี มีต่อไปเรื่อยๆสมดั่งใจที่เค้าปรารถนาต้องการ ถามท่านว่ามีอะไรและต่ออะไร ท่านว่าตะกรุดนี้ดุจแก้วมีคุณวิเศษแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน อยากจะมีอะไรก็ปรารถนาสิ่งนั้นแหละ แต่อย่าคิดอย่างเดียวต้องบอกกับตะกรุดด้วย บอกกับเทพยดาที่เชิญมารักษาตะกรุด(บอกกับพระนารายณ์ท่าน)
    - ผงเทพนิมิตปู่เจ้าสมิงพราย เป็นผงที่ท่านได้จากในป่าโดยมีนิมิตถึงปู่เจ้าสมิงพรายท่านตามให้ไปเอาผงที่ท่านทำไว้ตามทิศที่ท่านบอก เมื่อไปถึงตรงตามนิมิตพบผงวรรณะสีขาวบริเวณโขดหินใต้ต้นไม้ใหญ่กองรวมกันอยู่ดูน่าประหลาดนัก ท่านว่าทำไมทั้งฝนตกลมพัดผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานผงนี้จึงไม่สูญหายไป พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้แรงด้านเสน่ห์เมตตาค้ำจุณคน ท่านว่าไม่ต้องพูดอะไรมากของที่ได้มาจากเทพนิมิตไม่อยากจะให้พูดไปมาก ท่านว่ายิ่งเป็นวิชาของปู่เจ้าสมิงพรายด้วย นอกจากจะดีแล้วยังช่วยคุมของคุมเครื่องรางทางเสน่ห์ทั้งหมดช่วยให้ถือขึ้นใช้ขึ้นและยังกันคุณไสยอัปมงคลได้ด้วย ถือไว้มีแต่เจริญ
    * เมื่อประจุผงแล้วท่านนำตะกรุดมาอุดผิดหัวท้ายทุกดอกด้วยสีผึ้งมหาเสน่ห์ของท่าน

    คาถาอาราธนา (นึกถึงพระนารายณ์เป็นที่สุด)
    โอมรักเอ๋ยมาประสมโขลง โอมรักเอ๋ยมาประจำหลัก ประจำแปลง ดำแดงขาวผ่องเป็นทองพระไพร แม่มาประจำเนื้อประจำตัวสวาหะ มะอะอุทะกามะนังปะทัง ตถาคะเตภุญชันติ สิวิจะ นิพพานังสังสิอุอะมะ นะดมพุทธายะ นะเมตตา โมกรุณา พุทธรักษา ธาบังเกิด ยะรำลึกถึง สังวิทาปุกะยะปะ ทิมะสังอังขุ อาปามะจุปะ(ท่านว่าถ้าจิตมีสมาธิไม่ต้องใช้คาถาใดๆเพราะเป็นของสำเร็จแล้วให้นึกถึงคุณพระนารายณ์อย่างเดียว แต่ถ้าจิตไม่นิ่งก็ยึดพระคาถาไว้บริกรรมแต่เพียงนั้น)


    * ตะกรุดพรายกุมารบรมครูพระเข้านางนี้พ่ออาจารย์ท่านจัดสร้างไว้เพียง 9 ดอกและมีให้บูชาไปบ้างแล้ว(ที่ตั้งชื่อวว่าพระเข้านางท่านว่าก็เป็นวาทะเชิงเสน่ห์อยู่แบบหนึ่งอยู่เช่นนั้น มีความหมายลึกซึ้งให้พิจารณากันเอง) เนื่องด้วยมวลสารมีจำกัดและเป็นตะกรุดที่ใช้เวลาในการสร้างยากและนานนักหนา ท่านจึงปรารภว่าจะทำไว้แค่รุ่นเดียวไม่มีหนที่สอง จึงจะเปิดให้บูชากันครั้งเดียว สำหรับท่านที่ต้องการบูชาให้จองไว้เฉพาะทาง Pm เท่านั้น รายได้ท่านจะนำไปบริจาคร่วมทำบุญโลงศพสงเคราะห์ผู้เสียชีวิตที่ไม่มีญาติขาดคนอุปการะต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพรายกุมารบรมครูพระเข้านาง(พระนารายณ์ตรึงสวาท) ร่วมทำบุญ 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดประกาศิตมงคลฟ้าสันนิบาต

    ตามที่หลายท่านได้เรียนสบถามมานั้น ว่ายังมีตะกรุดอะไรตัวไหนบ้างมั้ยที่จะใช้แทนตะกรุดมหาสะท้อนที่หมดลงไปแล้ว หรือมีวิชาใดที่พ่ออาจารย์ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อฤาษีหรือไม่ จากที่ได้สอบถามไปก็มีวิชาตำรับหนึ่งซึ่งท่านได้รับไว้ซึ่งเป็นวิชาตำรับใหญ่ ท่านว่าตัวนี้จะต่างจากมหาสะท้อนเพราะไม่ติดกรรม

    กระบวนเวทย์วิชานี้แต่เริ่มเดิมทีท่านว่าเป็นวิชาของหลวงพ่อปาน วัดบางโคนมท่านเรียนมาแต่ครูของท่านซึ่งต่อมาได้ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อฤาษี แต่ทั้งสองท่านก็หาได้เคยนำมาใช้สร้างของเพื่อสงเคราะห์คนแต่อย่างใด ด้วยว่าข้อจำกัดที่ผู้สร้างนั้นจะต้องเดินมาในสายบารมีสืบต่อพุทธภูมิเท่านั้น และยังมีข้อกำหนดปลีกย่อยอีกมาก จึงทำให้ในอดีตท่านไม่ได้สร้างหรือลงเสกเอาไว้ ได้แต่สืบทอดต่อกันมาเพื่อไม่ให้วิชาสาบสูญไปเท่านั้น

    เดิมทีพ่ออาจารย์นั้นท่านก็ได้เรียนวิชานี้สืบมาเช่นกันในส่วนหนึ่ง แต่เมื่อภายหลังท่านได้รับคำชี้นำจากสภาอัครโพธิสัตว์ทั้งสิบพระองค์แห่งพิภพดุสิต ได้ช่วยตรวจทานสอบคาถาและวิชาต่างๆ จึงได้รู้ว่าวิชาที่เรียนมานั้นยังมีส่วนที่ขาดไป ซ้ำอักขระคาถามหายันต์แต่ละตัวที่กำหนดลงจารนั้น ก็ยังสื่อความหมายยิ่งใหญ่ลึกซึ้งเกินกว่าจะกำหนดได้อยู่มากมาย บ้างก็แทนพระเวทย์บริสุทธิ์ แทนพระธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ แทนคุณพระปริตร แทนมงคลจักรวาล แทนองค์สมเด็จพระศาสดาและเหล่ามหาโพธิสัตว์บรรดามีเช่นนี้เป็นต้น

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้พิจารณาดีแล้วจึงได้ลงเป็นตะกรุด แต่ตะกรุดประกาศิตมงคลฟ้าสันนิบาตนั้น ท่านกลับลงไว้สองส่วนทีเดียว ซึ่งในส่วนแรกนั้นท่านทำเพื่อบูชาคุณหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีโดยทำตามตำรับเดิมอันสืบทอดมาแต่บูรพาจารย์ท่านว่าทำบูชาพระคุณท่านเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง น้อมนำแรงครูตลอดจนคุณงามความดีของท่านมาส่งเสริมคนใช้ ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นท่านลงตามสูตรที่ได้รับการชี้แนะปรับแก้เสียใหม่ ท่านว่าเรียกสูตรลงจารกว่าจะได้ยันต์แต่ละตัวนั้นยากนัก เห็นดอกไม่ใหญ่โตแต่กลับไม่ง่ายเลย ต้องกำหนดเอาหลักโลกจอมเขาพระสุเมรุมาเป็นเหล็กจาร เปรียบแผ่นโลหะธาตุดุจพื้นพระธรณี เชิญสภาพระชินสีห์และเหล่าอัครโพธิสัตว์ผู้มีฐานะพิเศษทั้งสิบมาประดิษฐานอยู่กลางเกศกระหม่อม เชิญท้าวบรมพรหมสหัมบดีลงมาควบคุมพิธีดุจว่าจารจรดด้วยพระองค์

    ซึ่งตะกรุดนี้จะต่างจากตะกรุดมหาสะท้อน เพราะนอกจากจะใช้กันสัตว์ทั้งหลายที่คิดไม่ดี ไม่ปรารถนาดี ประสงค์จะกลั่นแกล้งหรือทำความพินาศฉิบหายแก่เรา ซ้ำยังมีอานุภาพครอบคลุมใหญ่ขึ้นคือกันภัยที่จะเกิดจากธรรมชาติ ท่านว่าทั้งภัยจากธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตที่จะทำให้ชีวิตเราสูญเสีย ด่างพร้อย บกพร่องไป ภัยต่างๆทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นแก่เรา
    ท่านว่าเหนืออื่นใดคือแม้อาราธนาแล้ว จะช่วยให้จิตนิ่ง ใจสงบ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการฝึกสมาธิหรือประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ ด้วยว่าบุคคลนั้นจะมีสติยั้งคิด มีความสุขุมคัมภีรภาพ มีจิตยึดติดกับพระศาสนา การสวดมนต์ปฏิบัติธรรมเจริญพระกรรมฐานและประกอบทานสร้างบารมี ด้วยอำนาจแห่งพระสัทธรรมตลอดจนมงคลจักรวาลและพระปริตรทั้งหมดจะดลบันดาลให้เป็นไป

    แม้แต่การกระทำทางไสยเวทย์ การปองร้าย ยาพิษ หรือศาสตราวุธใดๆก็ไม่สามารถกระทำอันตรายเราได้ ซ้ำยังเป็นที่รักและเมตตาอย่างยิ่งกับสัตว์และเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย หรือแม้แต่เหล่าอมนุษย์ทั้งหลายก็รักใคร่และปรารถนาดี สัตว์นรก ผี เปรต อสุรกาย หรือเดรัจฉานก็มีใจรักไม่คิดรังแกหรือทำร้ายให้เกิดภยันตรายใดๆ พ่ออาจารย์ท่านว่ามันครอบคลุมไปหมดวิชานี้สำคัญเพราะเป็นวิชาในสายบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ มันจึงครอบคลุมมากกว่าที่ควรจะเป็น นั่นคือแม้แต่พระอริยบุคคลทั้งหลายที่ลุแก่โสดาขึ้นไป ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็จะมีใจปรารถนาดีอนุกูลเอื้อเฟื้อแก่เราโดยง่าย แม้ว่าอยู่ที่แห่งใดเทพยดาทั้งหลายก็จะออกมาปกป้องแลพิทักษ์รักษาด้วยประกาศิตฟ้าแห่งสภาอัครโพธิสัตว์ทั้งสิบพระองค์อันมีสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเป็นประธาน ท่านว่าแม้เกิดชาติหน้าหนใดก็ทันพระศาสนาได้เห็นพระพุทธเจ้า หากไม่ประกอบกรรมทำชั่ว แม้ยังไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม ยังไม่ถึงความเป็นอริยบุคคล ตายไปย่อมถึงพรหมโลกอันเป็นแดนแห่งความเจริญและรุ่งเรืองยิ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านว่า กระบวนวิชานั้นเป็นของสำคัญอย่างยิ่ง และวิชานี้เลือกเจ้าของ เลือกบุคคลครอบครอง แม้ไม่มีวาสนาสัมพันธ์กัน ไม่มีโอกาสจุติในพรหมโลก ไม่มีโอกาสเกิดในพระศาสนาทันพบพระพักตร์และได้ฟังพระสัทธรรมเทศนาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดแล้วตายใหม่ซักสิบชาติก็หาได้พานพบ ถึงพบก็ไม่รู้ค่าไม่สามารถนำมาไว้เป็นสิริมงคล เป็นศรีแก่ชีวิต เป็นมิ่งขวัญแก่จิตวิญญาณตนเองได้


    อย่างที่กล่าวไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่าเป็นวิชาสายบารมี พ่ออาจารย์ท่านจึงว่ามีคุณมาก ให้เค้ารู้เพียงเท่านี้พอ หากมีวาสนาร่วมกันตรงนี้แปลว่าไม่ติดกรรม แม้จะทำกิจใด ท่องเที่ยวไปในมหาทิศทั้งสี่ หรือจะพูดว่าทิศย่อยทั้งหลายรวมสิบทิศบรรดามี เอาว่าหาความทุกข์ใจ ความผิดหวังหรือภัยอันตรายใดๆมิได้เลย เพราะว่าตรงนี้จิตวิญญาณดวงพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านคอยช่วยเหลือและเปิดทางให้

    พ่ออาจารย์ท่านว่าน่าเสียดายวิชานี้เพระว่าท่านตั้งใจไว้แต่ต้นว่าจะทำเพียงหนเดียว เนื่องจากผู้ที่มีวาสนาถึงพร้อมทุกสิ่งนั้นท่านว่าหาจะได้มีมากเรี่ยราดแต่อย่างใด หากแต่มีเพียงหยิบมือเดียว แต่ชนอื่นที่เดือดร้อนประสบทุกขเวทนาเสียอีกที่มีมากกว่ามาก เพราะอาถรรพ์แห่งคุณวิชาที่ครูอาจารย์กล่าวย้ำไว้ว่าจะได้อุบัติในพรหมโลกรวมถึงได้เกิดทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงใช่ว่าจะทำเล่นๆหรือทำไปให้ใครก็ได้ และอีกประการหนึ่งคือทำยากและลงยาก ทำหนหนึ่งเหมือนจะตัดกรรรม กำหนดชะตาชีวิตสัตว์ที่ถึงคราว ถึงวาระจะได้ลืมตาอ้าปาก ทำทีโลกทิพย์นั้นก็วุ่นวาย เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ก็ต้องมาชุมนุมกันมากมายส่งผลโดยรอบถึงจิตวิญญาณโลกเบื้องบน ท่านว่ามีอะไรที่ยากกว่านี้มั๊ย ตอบเลยว่าไม่มี สู้อยู่เฉยๆไม่ได้จึงหมายใจว่าจะทำเพียงหนเดียวเท่านั้น

    ตะกรุดประกาศิตมงคลฟ้าสันนิบาตนั้น พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าชื่อนั้นมีความหมายลึกซึ้งอย่างยิ่ง ประกาศิตก็คือคำพูดที่เปล่งออกมาด้วยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ด้วยบารมี เป็นพลังงานที่จะสาปสรรค์เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งของเหล่าเทพเจ้า พระอริยะเจ้า ตลอดจนพระมหาโพธิสัตว์ สาปให้เป็นมงคล ให้มีสิริมีความเจริญรุ่งเรือง ตัวมงคลนี้อยู่ที่ไหนก็ได้ดีที่นั้น เอาว่าชีวิตดีผิดปกติทีเดียว ยิ่งเป็นมงคลฟ้า มงคลจักรวาล ก็คืออำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งพระสัทธรรมอันจะเข้ามาหนุนนำชะตาชีวิต นี่สำคัญอย่างไร ท่านว่าคิดดูเอง สันนิบาตก็คือการสโมสรรวมตัวกันทั้งหมด ก็จะอะไรหากไม่ใช่คุณครูบาอาจารย์ คุณพระสัทธรรมความดีทั้งหลาย เหล่าพระมหาโพธิสัตว์แลเหล่าเทพเจ้าผู้มีศักดิ์ใหญ่ทั้งปวง ดุจว่าตัวเองนั้นเป็นศูนย์กลางฟ้า ให้มงคลทั้งหลาย ให้ครูบาอาจารย์ตลอดจนเทพเจ้าทั้งหลายมารวมตัวสันนิบาตผลักดันความสุขความเจริญรุ่งเรืองแก่ตน

    ท่านว่าการเสกนั้นสำคัญ การลงเรียกสูตรว่ายาก แต่การเสกนั้นยากยิ่งกว่า ต้องทำในพรรษาเป็นระยะเวลาตกเกือบสี่ขวบปีจึงจะสำเร็จ หากขาดความอุตสาหะแล้วท่านว่าย่อมทำไม่ได้เลย จริงอยู่ว่าตะกรุดเพียงไม่กี่ดอกนี้ทำไมต้องทำถึงปานนั้น ท่านว่าเพราะจะให้มีคุณภาพสูงสุด ท่านถือว่าทำถวายงานให้ครูบาอาจารย์ ถวายงานให้กับอัครโพธิสัตว์ทั้งสิบ นี่ถือว่ามีเกียรติมากท่านเจาะจงให้ทำก็ต้องทำให้ดี ซึ่งตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ลงไว้ได้ทั้งหมด 12 ดอกเท่านั้น

    คาถาบูชา(ท่านว่าตั้งนะโมระลึกถึงพระพุทธเจ้าและใช้เลยก็ได้ แต่หากเป็นคนจิตไม่นิ่งยึดติดกับการภาวนาก็ใช้คาถาได้)
    นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา โย โพธิสัตโต วะระโท สะระโส มะรานัง เทวาติเทโว ภิตะนาระมาโส โอวาทะเทตัง พิตะนา ระมาสัตถัง

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำว่าให้อธิบายคร่าวๆเพราะไม่สามารถให้รายละเอียดที่จะมากไปกว่านี้ได้ ท่านว่าถึงเวลาเขาจะบูชาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่วาสนาที่เค้าเพียรสะสมมา ให้รู้ไว้แต่เพียงว่าเป็นตะกรุดที่ทำยากส่งผลโดยรอบแม้แต่จิตวิญญาณของโลกเบื้องบน

    * ตะกรุดประกาศิตมงคลฟ้าสันนิบาตนี้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเหล่ามหาโพธิสัตว์ทั้งสิบพระองค์แห่งพิภพดุสิตสวรรค์นั้น ท่านได้เสี่ยงสัตย์และเลือกเจ้าของไว้หมดแล้ว หากเขาเห็นก็จะรู้ทันทีว่าเป็นของเขา ซึ่งรายการนี้เนื่องจากมีน้อย ก็จะเปิดให้บูชาเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้บริจาคทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดประกาศิตมงคลฟ้าสันนิบาต บูชา 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อไตรภูมิธนบดีบารมีแสนมหากัป(พระสมปรารถนาเลื่อนฐานะ)

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างเครื่องมงคลในตระกูลมหาเศรษฐีขึ้นมาชนิดหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าทำยากและมีพุทธานุภาพเป็นเอกสูงสุดเฉพาะทางในบรรดาเครื่องมงคลและเครื่องที่ควรจะปรากฏมี ซึ่งท่านว่าวิชานี้สำคัญนัก สืบเนื่องจากหลายท่านได้มีคำถามเข้ามาว่า ยังมีพระรุ่นใดไหม ที่มีพรรณคุณพิเศษและแก่ด้วยอิทธิคุณ ตลอดจนมีสีสันภายนอกสวยงาม เพียงดูก็รู้ว่ามีพลังกายสิทธิ์ดุจว่ามีปาฏิหาริย์เมื่อพ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานจิตสร้าง ซึ่งก็ได้เรียนสอบถามแล้วก็มีพระสมปรารถนานี่แหละที่ท่านว่าเห็นทั้งตานอกและตาในว่าเป็นกายสิทธิ์มีฤทธานุภาพสูงสุดและแก่อิทธิคุณยิ่งนักทุกองค์ด้วยพระพุทธานุภาพ ตลอดจนท่านพิจารณาแล้วว่าถึงยุค ถึงกาลอันพึงเหมาะพึงควร ที่จะอาราธนาพระที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดมาช่วยฟื้นขวัญและกำลังใจสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก

    สืบเนื่องจากเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านถือว่าครูท่านสอนและชี้ทางให้เพื่ออนาคตจะได้ทำของสงเคราะห์ญาติโยมให้ร่วมทำบุญ นั่นก็คือท่านได้สนทนากับหลวงพ่อฤาษี โดยหลวงพ่อท่านพูดถึงคุณแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นมีมากมายหาประมาณมิได้ แต่ที่มีบารมีสูงสุดทางโชคลาภ ทั้งสูงส่งและหนักหน่วง ยิ่งกว่าคุณของสมเด็จองค์ปฐมหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดอันจะอุบัติมานั่นก็คือพระพุทธทีปังกรและพระพุทธกัสสปะนี่เอง

    พ่ออาจารย์ท่านจึงใช้วิชชานำเรื่องเข้าทูลถามสมเด็จองค์ปฐมว่า อันบารมีของพระพุทธทีปังกรกับพระพุทธกัสสปะนั้น อย่างไร ทำไมถึงได้พิเศษกว่าพระพุทธเจ้าทั้งมวล ซึ่งก็ได้คำตอบว่า การเริ่มต้นต่างกัน การบำเพ็ญที่จะส่งผลอันได้อบรมพระบารมีเมื่อเป็นหน่อพระพุทธเจ้านั้นแตกต่างกันทำให้พระทีปังกรนั้นมีกำลังแข็งมากแรงมาก ส่วนพระกัสสปะนั้นจะเย็น สดชื่นและนุ่มนวล แต่เป็นเอกลาภมหาศาลทั้งคู่ เป็นที่สุดแล้วในโคตรวงศ์พระชินสีห์ทั้งปวงที่จะพึงมีพึงเกิดขึ้น อันธรรมดาว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ทุกพระองค์มีบารมีเต็มเหมือนกันหมด เรื่องลาภนั้นก็เช่นกัน แต่สำหรับสองพระองค์นี้เราต้องยอมให้เขา

    เมื่อท่านรู้เช่นนั้นท่านจึงได้ขอพระพุทธานุญาติจากพระพุทธทีปังกรและพระพุทธกัสสปะ เพื่อที่จะอาราธนาพระบารมีเป็นที่พึ่งด้วยว่าจะอนุเคราะห์สัตว์โลกผู้ยากในกาลสืบไปภายหน้าโดยพระองค์ท่านได้รับคำอาราธนา จนกาลเวลาผ่านไป ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็มรณะภาพดับธาตุขันธ์ไปสิ้น จนกระทั่งพ่ออาจารย์ท่านได้ฝันว่าหลวงพ่อฤาษีนั้นได้มาทวงถามสัญญา ว่าตัวไปขออะไรไว้ก็ให้รีบทำเสีย สมเด็จพระพุทธทีปังกรกับสมเด็จพระพุทธกัสสปะท่านประทับคอยอยู่ ให้ผู้ใหญ่คอยเช่นนี้มิเห็นสมเห็นควร พ่ออาจารย์ท่านจึงระลึกได้ถึงมหากรุณาในกาลนั้น

    ท่านจึงมาพิจารณาและตั้งใจจะทำพระผงที่มีคุณทางด้านโชคลาภสูงสุด โดยได้รับนิมิตรจากสมเด็จพระชินสีห์เจ้าทั้งสองให้กระทำได้ในรูปแบบที่ปรากฏตามนิมิตร ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่ายากเหลือใจโดยเฉพาะวิธีการทำเพราะท่านไม่เคยทำลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งการทำพระครั้งนี้ต้องใช้มวลสารซึ่งมีอิทธิคุณสูงที่ต่างกัน แยกกันผสมเนื้อแต่ต้องทำการผสานกดพิมพ์พร้อมกันจึงจะสำเร็จ

    พ่ออาจารย์ท่านจึงเตรียมมวลสารผงลบตระกูลเศรษฐีทั้งดวงเศรษฐี พระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้า น้ำซึมบ่อทราย เศรษฐีสำเภาทอง พระปัจเจกขอลาภ พระสีวลีเรียกทรัพย์ จินดามณี ค้าแม่นขายหมาน เจริญลาภทรัพย์สมบัติหากินคล่องมีลาภต่อเนื่อง ฝนแสนห่า อริยสัจโสฬสมงคล ตรีนิสิงเห จตุโรบังเกิดทรัพย์ นกคุ้มสี่ตระกูล ยันต์ถุงเงินถุงทอง ยันต์พระเจ้าค้าคำ ท่านได้นำผงลบต่างๆเหล่านี้มาผสมเข้ากับว่านตระกูลเศรษฐีต่างๆที่ท่านปลูกเอง และยังพลีผสมมวลสารสำคัญสองชนิดคือคตของเจ้าปู่ชัยพรหมที่เป็นดั่งหัวใจของการสร้างพระครั้งนี้ด้วย
    - คตไข่พญางูจงอาง ท่านใช้สร้างพระพุทธเจ้าทีปังกรที่ได้ชื่อว่ามีกำลังทางลาภที่แข็งมากและแรงมากที่สุดเป็นคุณลักษณะของพระองค์ท่าน ซึ่งพระพุทธเจ้าทีปังกรนั้นพ่ออาจารย์ท่านแกะพิมพ์องค์พระในปางจกบาตรประทับอยู่ด้านบน เป็นการสื่อถึงมหาบารมีที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นลักษณาการที่พระองค์กำลังฉันภัตตาหาร ประทับอยู่พร้อมบาตรที่มนุษย์และเทวดาพร้อมใจกันมาทำบุญยกข้าวของประเคนถวายให้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไข่พญาจงอางนี้มีฤทธิ์มากนัก แม้มีกรรมหนักก็ถึงกับห้ามฟ้าห้ามวิบากกรรมได้ทีเดียว ต่างจากคตชนิดอื่น ซ้ำยังหาทรัพย์เก่งเป็นตัวแทนของผู้ดูแลทรัพย์สมบัติดุจปู่โสมเฝ้าทรัพย์ รู้แหล่งรู้ที่มาว่าทรัพย์นั้นอยู่แห่งไหน ซ้ำยังหวงแหนเก็บรักษาไว้เพื่อจะมอบและส่งต่อให้ผู้มีบุญญาธิการเทานั้น เมื่อจะทำนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้พลีขอเจ้าแม่งูจงอางให้มาร่วมสร้างบารมีกับสมเด็จพระพุทธทีปังกร ก่อนที่จะทำท่านว่าเขารับคำขอเราและดีใจยิ่งนักฟ้าสว่างๆนี้อยู่ดีๆก็มืด ฝนตกต่อกันหลายชั่วโมงทีเดียว เมื่อพลีผงมารวมกับมวลสารแล้วทำการกดพิมพ์เป็นองค์พระ องค์พระพุทธทีปังกรที่ประทับอยู่ด้านบนนั้นจะมีวรรณณะสีขาวอมเหลืองนวล
    - คตไข่เต่ากัสสโป อันว่าสมเด็จพระพุทธเจ้ากัสสปะนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์นั้นเคยเสวยชาติเป็นพญาเต่ามาก่อน แล้วนามพระกัสสปะพุทธเจ้านั้น ก็มีความหมายเกี่ยวกับเต่า ดังนั้นท่านจึงได้นำคตไข่เต่ากัสสโปมาเป็นมวลสารเป็นพลังงานตั้งต้นที่จะให้กำเนิดรูปของสมเด็จพระพุทธกัสสปะต่อไป โดยพ่ออาจารย์ท่านอธิบายว่าปกติแล้วคตไข่เต่ากัสสโปนั้นก็มีคุณเป็นเอกด้านโชคลาภ หาทรัพย์เก่ง หากินคล่อง พลิกชะตาชีวิตคนจากหน้ามือเป็นหลังมืออยู่แล้ว เมื่อได้นำมาทำพลีกรรมผสมเป็นมวลาสารขออนุญาติเจ้าของเขา ท่านว่าเขาปลาบปลื้มใจมากที่จะได้ช่วยถวายงานพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเค้าถือว่าเป็นปฐมโคตรวงส์ของเขา ซ้ำสมเด็จพระกัสสปะนั้นยังมีพลังพุทธคุณเป็นเอกทางโชคลาภอันมีลักษณะนุ่มนวล เยือกเย็นเป็นพิเศษเข้ากับธาตุและพลังงานของคตไข่เต่ากัสสโปทุกประการ องค์พระนั้นมีพุทธลักษณาการในปางพุทธกวัก ดุจว่าจะกวักจะเรียกทุกสิ่งที่เป็นมงคลให้เข้าตัว เข้ามาสู่ผู้บูชา โดยองค์พระนั้นมีวรรณะสีน้ำตาล


    พ่ออาจารย์ว่าเมื่อกดพิมพ์องค์พระออกมาได้นั้น ท่านได้ตั้งจิตยกพระไปที่แดนนิพพานเพื่อรับบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง โดยการทำในวาระนี้ได้มีสมเด็จพระพุทธเจ้าทีปังกร และสมเด็จพระพุทธเจ้ากัสสปะเสด็จเป็นองค์ประธาน ซ้ำต่อมาท่านยังได้เชิญสมเด็จทั้งสองลงมาขอพุทธบารมีในกาลพิเศษตามฤกษ์สำคัญๆไว้ให้เป็นเครื่องมงคลที่ซึ่งอนุชนรุ่นหลังทั้งหลายจะได้สักการะและระลึกนึกถึงพระองค์ท่านสืบไป

    หลังจากเสกเก็บมานานนับปีพ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ได้แล้ว พอแล้ว ไม่เคยมีพระรุ่นใดที่จะมีพุทธคุณทางด้านโชคลาภรุนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน แต่กลับกันในสมาธินั้นองค์ท้าวสหัมบดีพรหมบรมครูนั้นได้ปรากฏองค์ตรัสเตือนสติท่านว่า สำเร็จแล้ว แต่ยังไม่เหมาะแก่กาล แก่ยุคสมัย ยังใช้ไม่ได้นะคุณ พ่ออาจารย์ท่านก็เลยคิด ท่านว่าคิดเท่าไหร่เราก็คิดไม่ออกว่ายังขาดอะไร จนกระทั่งท่านต้องเสี่ยงสัตย์เพื่อจะขอคำตอบขอคำชี้แนะจากครูบาอาจารย์ ซึ่งกาลต่อมาท่านเห็นครูสมเด็จท่านได้นิมนต์พระคุณเจ้าสีวลีมาพบท่าน พร้อมกับบอกท่านว่า ยุคนี้เป็นยุคสมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นศาสนาในองค์พระสมณะโคดม มีพระสีวลีผู้เป็นเอตทัคคะทางด้านลาภผลไม่มีประมาณ เมื่อจะทำให้บริบูรณ์ก็ควรทำเป็นรูปท่าน ซึ่งจะเป็นสื่อพลังงานที่จะดึงเอาพระพุทธานุภาพในสมเด็จพระทีปังกรและสมเด็จพระพุทธกัสสปะออกมาอีกคำรบหนึ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านก็เห็นด้วยเพราะเรื่องลาภผล โภคทรัพย์นั้น แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันท่านยังยกย่องพระสีวลีนัก ท่านว่าคนใช้จะได้มีลาภอันมหัศจรรย์เกิดขึ้นมาได้เองเมื่อนำมารวมกันจะมีกำลังมากดั่งมหาวายุที่จะพัดหอบโชคชะตาของสัตว์ไปตกในความเจริญรุ่งเรือง ด้วยอานุภาพแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสองและพระสีวลีผู้พุทธชิโนรส ท่านว่าแม้นปรารถนาสิ่งใดทุกสิ่งย่อมสมใจนึกแล กาลเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อสถาปนารูปท่านทั้งสามขึ้นมารวมกัน แม้เทพยดาตลอดจนทิพย์กายในโลกนิพพานก็ยังแซ่ซ้องอนุโมทนา

    พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลนิพพาน วัชรธาตุ หยาดน้ำฟ้าทวาราวดี ปรอทสำเร็จหลวงปู่ละมัยมาผสมกับแร่เจ้าน้ำเงิน หล่อเป็นรูปพระสีวลีขึ้นมาโดยแฝงความหมายนัยยะต่างๆลงไป อาทิยืนก้าวขา ท่านว่าก้าวหน้าไมรู้จักคำว่าถอยหลังย้อนกลับ มีไม้เท้าค้ำยันไว้ท่านว่าคนใช้จะได้ล้มไม่เป็น ที่จะตกต่ำนั้นหามิได้ สะพายบาตรท่านว่าดีทางลาภผลประเสริฐนัก ซ้ำยังถือกลดด้วย ท่านว่ากลดนั้นดุจกำแพงแก้วเจ็ดชั้นที่จะรักษาคุ้มครองป้องกันผู้บูชา ซ้ำยังสื่อความหมายถึงที่อยู่อาศัย ท่านว่าต่อไปที่ยังไม่มีบ้านไม่มีหลักฐานมั่นคงก็จะได้มี

    เมื่อหล่อรูปและฝังองค์พระด้านหลังเสร็จแล้ว พ่ออาจารย์ท่านได้ทำน้ำทิพย์มนต์ด้วยมนต์แก้วมณีโชติรอไว้ก่อน ท่านว่ามนต์บทนี้สำคัญนักเพราะเป็นมนต์ที่จะช่วยให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้น นึกอะไรท่านว่าเห็นทันตาตามที่ต้องการ ต้องใช้น้ำในแหล่งธรรมชาติ เป็นน้ำทิพย์ที่ตักไม่พร่องใช้ไม่หมดที่จะเกิดตามถ้ำตามเขามาทำ เมื่อหล่อเสร็จท่านก็นำลงแช่น้ำทิพย์มนต์ทันที ท่านว่าพระรุ่นนี้สำคัญนัก บางองค์ก็เป็นทองทั้งองค์ บางองค์ก็มีวรรณะสีสันต์พรรณคุณพิเศษต่างๆไปสวยงามเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเสียซักองค์

    หลังจากนั้นท่านจึงแช่ไว้และเสกอยู่เช่นนั้นจนน้ำทิพมนต์ที่ทำไว้เหือดแห้งแล้วก็เติมน้ำทิพย์มนต์ลงไปใหม่และเสกต่อไปจนน้ำแห้งด้วยบทแก้วมณีโชติทำเช่นนี้อยู่ถึง 9 ครั้งด้วยกัน หลังจากนั้นจึงนำมาอธิษฐานจิตบนยอดดอยกลางแจ้ง ซึ่งท่านว่าต้องประชุมพระเจ้าแสนโกฏิ พระอสีติอัครสาวก เหล่าพระในแดนนิพพาน รวมถึงมหาพรหมตลอดจนเทพยดา ท่านว่าต้องใช้เนื้อที่มากเพื่อจะเชิญมาสำรวมจิตอธิษฐานบารมีพร้อมกัน

    ท่านว่าเหรียญหล่อนี้แต่ละองค์มีบารมีที่เหล่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ท่านได้อธิษฐานจิตทิ้งไว้ท่านว่ามากมายจนไม่อาจประมาณได้ ท่านจึงใช้เรียกว่าเหรียญบารมีแสนมหากัป ตรงนี้สำคัญนักเพราะเป็นพระบารมีที่อาศัยการอธิษฐานด้วยพระโพธิญาณและพุทธานุภาพ ทุกพระองค์อธิษฐานจิตให้แบบเปิดโลก เปิดภพภูมิ ท่านว่าไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่านี้ เอาว่าคนที่ยังติดขัด ทำมาหากินไม่ขึ้นก็เอาไปเปลี่ยนชีวิตเสีย สำหรับคนที่ได้ดีเจริญอยู่แล้วท่านว่าต่อไปจะยิ่งใหญ่ ปรากฏยศศักดิ์อัครฐานเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก หากอาราธนานแล้วต้องได้ดีไม่มีต่ำลงเท่านั้น ครูท่านว่าเครื่องมงคลเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมีมาแต่กาลก่อนเป็นเอกสูงสุดทางด้านโชคลาภในวิชาฝ่ายพุทธศาสนา เกินกว่าวิชชาและสิ่งใดๆอันมนุษย์จะประดิษฐ์คิดทำ

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างเหรียญหล่อไตรภูมิธนบดีบารมีแสนมหากัปนี้ไว้ได้ทั้งหมด 12 องค์ เท่านั้น ในอดีตที่ผ่านมาท่านว่าแม้ใครทำมาหากินไม่ขึ้น ท่านเอาเอาองค์พระอาราธนาแช่น้ำทำน้ำมนต์ขอบารมีพระเจ้าแสนโกฏิ แล้วเอาให้เขาไปเค้าได้ดีอ้าปากลืมตากันได้ทุกคน สืบมาถึงปัจจุบันนี้ท่านว่าถึงเวลาเหมาะและควรแล้ว เพราะต่อไปสัตว์ทั้งหลายจะได้ยากลำบากนัก ท่านว่าท่านเองก็ช่วยได้เพียงเท่านี้ไม่สามารถจะไปฉุดชักชะตาคนจำนวนมากได้ เอาเฉพาะที่มีบารมีเก่าร่วมกัน เคยมีความสัมพันธ์กับพระทีปังกรและพระกัสสปะเท่านั้นพอ ท่านว่าทั้งสองพระองค์อยากจะสงเคราะห์สัตว์อีกคำรบหนึ่ง(สำหรับพระพุทธเจ้าทีปังกรนั้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์สำคัญยิ่งเพราะท่านเป็นผู้ประทานพุทธทำนายให้แก่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันเป็นครั้งแรกนั่นเอง)

    คาถาอาราธนา (ตั้งนะโมสามจบ)
    อิติปิโสภควา พุทโธทีปังกะโรจะกัสสปะพุททโธ พุทโธชัยยะเมตตา สีวลีจะมหาเถโร ลาภะลาภัง ภวันตุเม
    ข้าพเจ้าขอบารมีพระทีปังกรตลอดจนพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าแลพระสีวลีเถระเจ้า เดชะพระทีปังกรตลอดจนพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าแลพระสีวลีเถระเจ้าเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงดำรงค์พระชนม์อยู่นั้น พระองค์เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย พระองค์เกิดลาภฉันใดก็ดี ขอบารมีพระองค์ท่านจงมาช่วยให้เราได้เป็นที่รักแก่คนที่เราปรารถนา ให้เราเกิดลาภสักการะแล


    * สำหรับผู้บูชาให้แจ้งความประสงค์ไว้ทาง PM ตลอดจนแจ้งชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดไว้ พ่ออาจารย์ท่านจะทำการเจิมบอกกล่าวให้อีกคำรบหนึ่ง รายได้ทั้งหมดสมทบทุนสร้างวิหารทานในวัดตามชนบทที่ขาดแคลนต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อไตรภูมิธนบดีบารมีแสนมหากัป(พระสมปรารถนาเลื่อนฐานะ) บูขา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2021
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลมหาเสน่ห์สีผึ้งพระสยมชมจันทร์ (มหากำเนิดทันใจ)

    จากตำนานกล่าวขานสู่อีกหนึ่งปฐมบทของศาสตราพระเวทย์ที่พ่ออาจารย์ท่านได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยตั้งใจ เพื่อให้ได้ชื่อว่าดีที่สุดและคุ้มค่าแก่การรอคอย

    สืบเนื่องจากเหตุการณ์คราวที่จันทร์เทพ ผู้ซึ่งเป็นเทพบุตรรูปงามต้องตาตำใจอิสตรี แม้จะเป็นเหล่านางฟ้าอัปสรสวรรค์ที่มีสวามีแล้ว ยังลืมตัวลืมพระภัสดาหลงใหลไปกับความงามและมนต์เสน่ห์ของจันทร์เทพทั้งสิ้น จนถึงกับเป็นตำนานเล่าขานไปทั่วสกลทุกห้องชั้นฟ้าจรดแดนดินว่า จันทร์เทพ คือเทพเจ้าที่มีรูปกายงดงามยั่วยวนให้เหล่าสตรีเกิดอารมณ์ทางกามตัณหาสูงสุด แม้บุรุษก็ยังไม่อาจจะฝืนที่จะไม่มองหรือละสายตาจากรูปโฉมของพระองค์ได้ ....กาลต่อมาพระโสมเทพหรือจันทร์เทพนั้นได้ประกอบพิธีราชสูยะได้สำเร็จ ซึ่งเป็นพิธีรวบรวมพลังเพื่อเสริมสร้างบารมีและประกาศเดชานุภาพให้เป็นเอกในพิภพดุจกษัตริย์เหนือกษัตริย์เทพเจ้ายิ่งเทพเจ้าทั้งปวง ทำให้มีฤทธิ์และบุญญาธิการมากยิ่งขึ้นไปอีก.... ในภายหลังพระองค์ได้เกิดวิวาทเรื่องชิงนางดารากับพระพฤหัสบดี ทำให้เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายก่อสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดขึ้น มีการแบ่งฝ่ายกันขึ้นว่าเทพเจ้าแต่ละองค์จะเข้ากับใครรวมไปถึงเหล่าอสูรทั้งหลาย เกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เรียกว่าเทวาสุระสงครามและสงครามครั้งนี้ก็ได้ดึงเอาพระผู้เป็นเจ้าลงมาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...ภายหลังสงครามจบพระจันทร์เทพได้รับบทลงโทษ ไม่สามารถเข้าประชุมเทวสภาได้ จนกระทั่งเดือดร้อนกันไปทั่วไม่เว้นแม้แต่พระบรมบิดาพรหมเทพ พระแม่ลักษมี องค์อุมาภควดีได้คิดทำการช่วยเหลือ ในภายหลังจันทร์เทพได้รับการช่วยเหลือจากองค์พระสยมภูวญาณ(ครูพระศิวะ) พระองค์ได้เนรมิตให้จันทร์เทพเป็นปิ่นปักผมนามว่าจันทร์จุฑา และนำเสียบมวยผมของพระองค์ทรงพระดำเนินเข้าไปประชุมในเทวสภา ทำให้บรรดาเทพเจ้าทั้งหลายเกรงใจองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่สามารถกล่าววาจาขับไล่จันทร์เทพได้ ก่อนที่พระองค์จะได้ไกล่เกลี่ยให้เทพเจ้าทั้งหลายคืนดีกัน

    ...กาลต่อมา องค์พระสยมนั้นทรงโปรดปิ่นจันทร์จุฑานี้ยิ่งนัก ต้องนำมาปักมวยผมตลอด จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วว่ารัศมีแห่งปิ่นจันทร์จุฑานั้นน่าพิศวงหลงใหล สวยงามเป็นลิศ แม้ใครที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟปานจะก่อยุทธิ์ฆ่ากันให้ตายเสียตรงนั้นอย่าว่าแต่เป็นมนุษย์เลย แม้เทพเจ้าเมื่อได้เห็นก็ลืมโทสะไปสิ้น จนจันทร์จุฑานี้กลายเป็นหนึ่งในมหาสัญลักษณ์ขององค์พระศิวะผุ้เป็นเจ้าไป ว่ากันว่าความงดงามน่าหลงใหลสะกดตาของปิ่นจันทร์จุฑาที่องค์พระสยมนำมาประดับพระเศียรนี้ ทำให้มันกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของเทวโลกที่ใครๆก็ปรารถนาจะได้ไว้ในครอบครอง และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งพระจันทร์ได้รับเกียรติยศอย่างยิ่งในภายหลังมหาสงครามจากความช่วยเหลือขององค์พระสยมและองค์พระสยม พระองค์เองก็มีพระนามใหม่ปรากฏเป็นเกียรติยศสืบมาว่า องค์จันทร์โมเลศวร

    พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านมีมนต์อยู่บทหนึ่ง เรียกว่าพระสยมชมจันทร์ เมื่อจะทำสีผึ้งแล้วจึงพิจารณาว่าจะได้ใช้มนต์บทนี้กำกับและใช้วิชานี้ตั้งชื่อในคราวเดียวเลยตั้งชื่อให้เป็นเกียรติยศสืบไปว่ามงคลมหาเสน่ห์สีผึ้งพระสยมชมจันทร์ ท่านว่าอานุภาพของสีผึ้งพระสยมชมจันทร์นั้น แม้พกไว้กับตัวผู้ใดมองเราก็ดูดีผิดหน้า น่าเข้าหา น่าเจรจาเป็นมหาละลวย หลงใหลเคลิบเคลิ้มได้โดยง่าย เสมือนรัศมีแห่งจันทร์เทพได้ฉาบทาลงไปยังจิตวิญญาณและร่างกายของคนผู้นั้น ดุจดั่งว่าเหล่าอิสตรีทั้งหลายมองพระจันทร์เทพแล้วหลงใหล ฉันใดก็ฉันนั้น ท่านว่าไม่ต่างกันเลย แค่เห็นก็ปรารถนาอยากจะรุกเข้าหาเอง มีใจตั้งแต่เริ่มเสียแล้ว ซ้ำท่านว่าที่ดีไปกว่านั้นคือมนต์พระสยมชมจันทร์นี้ เป็นมนต์ที่มีอำนาจมากทางสะกด แม้เขาจะโกรธเกลียดเราปานใดก็กลับใจอ่อนมาจงรักภักดี ลืมโกรธลืมโทสะกันไปเลย

    แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือพลิกชีวิต เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ท่านว่าคนที่เจอทางตันหาทางออกไม่ได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องความรัก การงาน ครอบครัว หรือสังคม ถึงขนาดที่ว่าชีวิตนี้ท้อเสียแล้วอับจนหนทางมืดบอดไปหมดเสียแล้ว ก็จะเจอทางออกมีแต่สิ่งดีๆมารุมล้อม และเมื่อล้มและลุกขึ้นกลับมาแล้วจะต้องได้ดีกว่าเก่า อยู่สูงกว่าเก่า สำเร็จมากกว่าเก่า ท่านว่าที่จะเท่าเดิมนั้นเป็นไม่มีด้วยครูพระสยมท่านบันดาลให้เป็นไป ดุจจันทร์เทพนั้นจากที่เข้าประชุมเทวสภาไม่ได้ กลับได้ประดิษฐานอยู่บนเศียรองค์พระสยมซึ่งประทับเป็นประธานในตำแหน่งพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดแห่งเทวสภา เหนือกว่าองค์อินทร์ซึ่งนั่งเป็นประธานเทวสภาเสียอีก เป็นเกียรติยศที่ไม่มีเทพเจ้าองค์ใดจะอาจหาญขึ้นไปอยู่ในจุดนั้นได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องความรักหรือมหาเสน่ห์อะไรทำนองนั้นจึงกลายเป็นเรื่องเล็กๆไปเลย เพราะว่าจุดประสงค์ที่แท้จริง ที่ได้ทำสีผึ้งพระสยมชมจันทร์นั้นก็เพื่อจะเปลี่ยนชีวิตคนที่ได้ยาก ตกอยู่ในทุกข์เข็ญ ให้พ้นทุกข์ได้รับการยกย่องขึ้นใหม่ปรากฏเกียรติยศสืบไปชั่วกาลนาน ท่านว่าต่อไปอะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น ดูอย่างพระจันทร์ท่านสิใครจะไปคิดว่าชีวิตที่อยู่ในจุดสูงสุดของเทพเจ้าผู้สำเร็จพิธีราชสูยะจะตกต่ำลงได้ถึงปานนั้น ผลจากการได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายแพ้สงครามทั้งที่การรบนั้นเสมอทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในฐานะเทพเจ้านั้นหายไป สิทธิ์พิเศษต่างๆก็ถูกริดรอน ถูกถอดถอนออกจากทำเนียบเทวดา ร้ายแรงถึงเพียงนั้น แต่ก็ยังกลับมาเฉิดฉายได้ใหม่ ว่ากันว่าพระองค์จะประทับอยู่ในที่นั่งพิเศษเคียงข้างพระผู้เป็นเจ้าเสมอ ดุจว่าเกิดใหม่พร้อมกับสิ่งดีๆที่เหนือกว่าและเป็นเกียรติยศปรากฏแก่ตาโลกนั้นสืบมา

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำสีผึ้งของเก่าที่ครูบาอาจารย์ท่านเคี่ยวไว้ด้วยว่านยาอาถรรพ์ซึ่งมีคุณวิเศษ มีอายุมากกว่า 50 ปี ท่านว่าสีผึ้งนี้วิเศษนัก เพราะครูท่านบอกสืบมาว่าได้ประกอบเคี่ยวในบริเวณพระอุโบสถวัดร้างต่างๆหลายสิบวัดครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านว่าเชิญเทพยดารักษาพระพุทธศาสนาที่ยังมีห่วงมีความผูกพันธ์กับพระศาสนาอยากไปช่วยพุทธศาสนิกชนลงมาช่วยกันทำให้สำเร็จศักดิ์สิทธิ์ กาลเวลาผ่านไปสีผึ้งนั้นได้จับตัวเป็นก้อนแข็งเสียแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจึงนำมาประกอบพิธีกวนใหม่อีกคำรบหนึ่ง โดยประกอบพิธีบนยอดดอยสูง มีธารน้ำไหล เบิกฟ้า เปิดโลก ชุมนุมเทพ นำมวลสารสำคัญต่างๆผสมลงไปเพื่อเคี่ยวสีผึ้งนี้ให้สำเร็จ ซึ่งมีมวลสสารต่างๆมากมาย ดังนี้
    - สีผึ้งเขียวหลวงปุ่ทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง
    - สีผึ้งผีหุง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    - สีผึ้งดำ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    - สีผึ้งมหาเสน่ห์ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิต
    - สีผึ้งจินดามณี หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    - สีผึ้งขอสาว หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    - สีผึ้งมัทรี หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว
    - น้ำตาปลาดุหยง(พะยูน)
    - ไขปลาวาฬ
    - ว่านยา ผงวิเศษที่มีคุณด้านโภคทรัพย์และมหาเสน่ห์หลายสิบชนิด
    พ่ออาจารย์ท่านได้นำมาเคี่ยวรวมกันอีกครั้งหนึ่งด้วยไฟธาตุพิเศษเพื่อให้สีผึ้งเก่าทั้งหลายรวมกันและอ่อนตัว แล้วจึงได้นำมาปลุกเสกเก็บไว้เรื่อยมาด้วยวิชาพระสยมชมจันทร์ แม้จะมีคนขอบูชามาอยู่เนืองๆ หรือใครรู้ใครเห็นจะขอแบ่งสีผึ้งชั้นครูชุดนี้ท่านก็ไม่ให้แต่อย่างใดด้วยว่าใช้ของเก่าผสมกวนขึ้นมาใหม่ผสมเพิ่มไปเพียงมวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆเท่านั้นไม่ได้เพิ่มจำนวนขี้ผึ้งแต่อย่างใดจึงทำให้มีจำนวนน้อย และด้วยคำว่าสีผึ้งนี้มีแรงครูสูงที่สำคัญยังไม่ถึงกาล วาระ และเวลาจึงไม่ได้แบ่งไปสักครั้ง ท่านว่าสีผึ้งนี้แรงนักใช้แทนของครูยุคเก่าได้เลย


    เมื่อท่านได้หัวใจหลักคือสีผึ้งแล้ว ท่านจึงนำมาบรรจุในตลับรอไว้ ก่อนที่จะนำธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายอันประกอบด้วยเหล็กไหลและแร่ธาตุที่มีจิตวิญญาณตระกูลต่างๆ ซึ่งได้หล่อเป็นของอาถรรพ์สองสิ่ง ซึ่งท่านตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะทำไว้ฝังในสีผึ้งโดยเฉพาะ นำมาจารลงอาคมเพิ่มเติมและฝังกำกับไว้ ซึ่งของสำคัญทั้งสองสิ่งนั้นได้แก่
    - เศียรครูพระสยมมหาเทพทันใจ ท่านว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก เพราะแต่เดิมท่านได้ปั้นหุ่นเทียนเป็นเศียรพระสยมขึ้น แต่เมื่อเชิญครูและเทหล่อแล้วรายละเอียดต่างๆกลับหายไป หล่อออกมาทุกองค์มีลักษณะเหมือนเทพทันใจไปทั้งหมด ท่านว่าเมื่อแรงครูและองค์พระสยมท่านต้องการให้เป็นเช่นนั้น ก็ต้องน้อมรับไว้เพราะถือเป็นนิมิตหมายที่ดี จึงได้เรียกมาตลอดแต่นั้นว่าเศียรครูพระสยมมหาเทพทันใจ เมื่อหล่อสำเร็จแล้วท่านได้นำมาปลุกพระเวทย์ต่างๆมากมาย ทั้งมนต์พระลักษณ์หน้าทอง มนต์เทพรัญจวน มนต์มหาเทพรำพึง มนต์มหาเทพรำลึก มนสะกดใจนาง มนต์เทพรำพัน ก่อนที่จะลงเสกปิดด้วยมนต์ขอพระเทวดา และมนต์สำเร็จทันใจ เมื่อลงพระเวทย์กำกับแล้วจึงเชิญครูพระสยมท่านลงมาเบิกเนตร กำกับญาณทิพย์แฝงครู เชิญครูทีละองค์ ท่านว่าเศียรนี้สำคัญนัก เอาว่าต่อไปไม่แพ้ใครเขา ปรารถนาอะไรก็สำเร็จทันใจทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นเสน่ห์เมตตาชั้นสูง ถึงขนาดหลงใหลรูปลักษณ์ รำลึก รำพึง รำพัน รัญจวนแล้ว ปรารถนาสิ่งใดยังต้องสำเร็จดังใจนึกอีกด้วย ท่านว่าแล้วแต่จริตคนจะใช้นะ ใช้ทางเสน่ห์ก็ดีที่สุด ใช้ทางชีวิตสืบต่อความเจริญ ปรารถนาลาภผลโภคทรัพย์ก็ดีดุจกัน เอาว่าวันไหนอยากจะใช้เรื่องไหนก็บอกกล่าวองค์พ่อกันเสียให้ดี
    - ภูติผีเสื้อมหากำเนิด ท่านว่าเป็นร่างจำแลงของจอมภูติที่สวยสดงดงาม เมื่อปรารถนาจะเย้ายวนผู้ใดให้หลงอยู่ในเสน่ห์เล่ห์กล ลืมตัว ลืมชีวิต ลืมตาย ก็จะจำแลงร่างดุจราชินีแห่งพงไพร พ่ออาจารย์ท่านได้นำธาตุกายสิทธิ์นั้นมาหล่อหลอมเป็นภูติผีเสื้อราชินีขึ้น โดยเพิ่มเติมสัญลักษณ์แม่กำเนิดเข้าไปด้วยนั่นก็คือมีองค์โยนีปรากฏออกมา ท่านว่าเวลาเสกนั้นต้องเชิญญาณขององค์พระแม่อุมาให้ท่านมาทำมากำกับไว้ เพราะถือว่าท่านคือพระจักรวาลชนนีเป็นแม่ของชนทั้งโลก ก่อนที่จะลงมนต์มหากำเนิดกำกับอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่ารูปนี้มีความหมายลึกซึ้ง เป็นของอาถรรพ์ที่จะรักและช่วยเหลือลูกๆทุกคนด้วยความห่วงหาอาทรและเมตตา ซ้ำยังปกป้องคุ้มกันสรรพอันตรายทุกสิ่ง ท่านว่าคุณไสยมนต์ดำการกระทำฝ่ายต่ำทำอะไรเราไม่ได้ รอดหมด พ้นหมด มาถึงตรงนี้เสื่อมหมด ท่านรับเอาไว้เองเสียทุกอย่างเพื่อให้ลูกเหลือแต่ความเจริญโดยส่วนเดียว เนื่องจากเป็นพระแม่ที่ลงมนต์มหากำเนิดกำกับไว้จึงขอได้ทุกสิ่ง อะไรที่ขาด ที่ชีวิตยังไม่มี ไม่พบ อยากได้ หากอยู่ในทำนองคลองธรรม มีแล้วจะทำให้ตัวเองเจริญขึ้น รุ่งเรืองขึ้น ท่านว่าขอได้ทั้งสิ้น ซ้ำยังอยูในรูปภูติผีเสื้อที่เพียงพกพาอาราธนาก็เป็นเสน่ห์สะกดสายตาคนให้ลุ่มหลง เคลิบเคลิ้มอย่างถึงที่สุดแล้ว


    พ่ออาจารย์ท่านถือเคล็ดสำคัญที่ฝังของอาถรรพ์ทั้งสองสิ่งอันเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตและจิตวิญญาณนั้นกำกับลงไปจึงเรียกชื่อเสียว่ามหากำเนิดทันใจ ท่านว่าเป็นมงคลนาม เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอใจ และรวดเร็วทันใจนั่นเอง

    นอกจากนั้น ท่านยังได้ลงตะกรุดห้าจำพวกฝังลงเสริมกำลังและฤทธานุภาพขึ้นไปอีก โดยตะกรุดนี้ท่านได้ฝังลงไปก่อนในลักษณะห้าเหลี่ยมก่อนเชิญเครื่องมงคลทั้งสองสิ่งประจุลงไป ท่านว่าสำคัญมากต้องทำเป็นขั้นเป็นตอนด้วยวิชาพระเจ้าเข้าเรือนแก้ว ซึ่งเป็นวิชาที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งกรุงเก่ามีคุณเป็นเอนกนานัปการ ซึ่งตะกรุดทั้งห้านี้ก็ประกอบด้วยสายวิชาต่างๆ ดังนี้
    - ตะกรุดพระจันทร์งามพักตร์ เป็นวิชาเสน่ห์ขั้นสูงที่พ่ออาจารย์ท่านว่าเหนือกว่าพระลักษณ์หน้าทอง ช่วยให้เป็นเสน่ห์ดึงดุดสายตาทำให้คนหลงรักปักใจ แม้อยู่ไกลก็นึกถึงเรา ท่านลงจารก่อนที่จะนำมาเป่ามนต์เชิญพระจันทร์เข้ามาควบคุมสถิตย์อยู่ทุกดอก
    - ตะกรุดพระเจ้าลิ้นทอง เป็นวิชาครอบจักรวาลดุจแก้วสารพัดนึก ตามประวัติของพระเจ้าลิ้นทองซึ่งมีลิ้นวิเศษ ปรารถนาจะเลียสิ่งใดให้ปรากฏขึ้นก็เป็นไปสมใจตามนั้น ไม่ว่าจะอาหาร ลำธาร บ้านเมือง ทรัพย์สินศฤงคาร นางทาสบริวารต่างๆ ท่านว่าดุจแก้วสารพัดนึกทีเดียว
    - ตะกรุดนางรำไร วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านกำกับด้วยนะชู้เสริมไปอีกท่านว่านอกจากเขาจะปันใจให้เราแล้วยังกลายเป็นดีเด่นเรื่องคู่ครองมีคนเข้าหามากหน้าหลายตามากขึ้นไปอีก ท่านว่าพูดได้เท่านี้ จะทำอย่างไรก็สุดแต่ใจแต่ต้องมีสติกำกับตัวไว้เสมอ
    - ตะกรุดลอยตัว เป็นวิชาเฉพาะของท่าน ท่านว่าลงไว้เต็มสูตรทั้งสองสูตร ตะกรุดลอยตัวนี้ คือลอยตัวเหนือปัญหา เหนือความเดือดร้อน จะทำอะไร จะแข่งอะไร จะจับกิจการงานใดก็ได้ดีรวดร็ว ท่านว่าทำอะไรก็ดีขึ้นจนใครเขาตามเราไม่ทัน จีบใคร พูดคุย เจรจาการสิ่งใดก็สำเร็จไว ตั้งตัวได้ไว มีความสุขไวกว่าคนอื่นเขา
    - ตะกรุดมหาเสน่ห์นะจังงัง เป็นตะกรุดที่ท่านลงวิชามหาเสน่ห์เสริมด้วยนะจังงังเข้าไป ท่านว่ามันเสริมกัน เข้ากัน ใช้ในทางเสน่ห์ชู้สาวก็ได้ หรือจะใช้ให้คนอื่นเมตตา ให้ผู้ใหญ่รักใคร่ สะกดเขาให้เอ็นดูเราก็ได้ ท่านว่าสุดแล้วแต่ใจจะใช้ทีเดียว

    เมื่อท่านลงมนต์ปลุกเสกอย่างดีแล้ว ท่านเห็นว่าคนถามหาสีผึ้งชั้นครูนี้เข้ามาเยอะ ประกอบกับอิทธิคุณแฝดของสีผึ้งนั้นเหมาะแก่กาล แก่ยุคสมัย ท่านจึงนำมาออกให้บูชา ซึ่งสีผึ้งมหากำเนิดทันใจหรือมงคลเสน่ห์พระสยมชมจันทร์นั้น ท่านจัดสร้างบูชาครูไว้ทั้งหมด 9 ตลับ

    คาถาบูชา
    โอม มาเรโสสะ อัคคะสะหะ อาคันฉายะ อาคันฉาหิ อิสุสะ อิสุสะ อุปปะระมามิ โอกันนะมากามะกะนิ ชามังปิยังมะมะ ปันทิตามานังปิยังมะมะ อิตถีมานังปิยังมะมะ ปุริสสะถานังปิยังมะมะ


    * มงคลมหาเสน่ห์สีผึ้งพระสยมชมจันทร์นี้ มีทั้งหมด 9 ตลับ สำหรับผู้ต้องการบูชาให้สั่งจองเฉพาะทาง PM รายได้ร่วมสมทบทุนในการบูรณะและก่อสร้างพระอุโบสถในวัดที่ทุรกันดารต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลมหาเสน่ห์สีผึ้งพระสยมชมจันทร์ (มหากำเนิดทันใจ) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดหัวใจสมเด็จผงเก้าชั้นบันดาลโชค(โภคทรัพย์มหาชุมนุม)

    เกียรติคุณและบารมีของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตแห่งวัดระฆังนั้น ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นแม้ในทุกวันนี้จนได้รับการยกย่องว่าเป็นเอกองค์พระอริยสงฆ์แห่งสยามประเทศ ในยุครัตนโกสินทร์จะหามีผู้ใดที่ทรงบารมียิ่งใหญ่เทียบเท่านั้นก็หามิได้

    ในอดีตนั้นท่านเจ้าพระคุณได้สร้างพระมหาพุทธพิมพ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมชิ้นฝัก เพื่อมอบให้แก่ผู้ทำทานและมีวาสนาได้พบเจอโดยได้ผสมผงวิเศษที่ได้จากการลบถมและอิทธิวัตถุอื่นๆลงไป ทำให้ทุกวันนี้มีการกล่าวขานถึงอย่างมาก แต่ทว่าสิ่งหนึ่งซึ่งเจ้าพระคุณท่านชำนาญยิ่งกว่า ก็คืออักขระเลขยันต์เพราะท่านแตกฉานในวิชชาและแสวงหาจารึกโบราณ พระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ท่านมักจะแปลและผูกวิชาต่างๆขึ้นมาจนเรียกได้ว่าท่านมีของดีอยู่เต็มพุง นั่นคือมีความรู้มาก ในวาระนั้นท่านเจ้าพระคุณมักจะลงตะกรุดด้วยแผ่นโลหะต่างๆเพื่อมอบให้กับผู้มีชะตาต้องกัน พ่ออาจารย์ท่านได้สืบทอดวิชานี้มาโดยท่านเรียกติดปากว่า วิชามหาโภคทรัพย์สมุกสมเด็จ

    อันตะกรุดวิชาโภคทรัพย์สมุกสมเด็จของเจ้าพระคุณท่านนั้น เกริกเกียรติและมีอิทธิคุณแรงกล้าอย่างยิ่ง ด้วยว่าครูบาอาจารย์เจ้าของวิชาและเทพยดาอันรักษาคุณวิชานั้นมีมหิทธิฤทธิ์มาก ทำให้ผู้ที่ได้รับไปบูชาเจริญรุ่งเรือง นึกคิดปรารถนาจะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองจนเรียกว่าทำอะไรก็มือขึ้น แม้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าทรัพย์สมบัตินั้นพอกพูนเพิ่มขึ้นมาจากไหน แต่เจ้าพระคุณท่านก็ลงให้เฉพาะคน เป็นตัวบุคคลไป ไม่ได้ทำไว้เพื่อจะแจกจ่ายเป็นของสาธารณะต่างจากพระพิมพ์ ทำให้วิชาตะกรุดในตำนานนั้นเลือนหายไปจากความทรงจำ จะมีก็แต่ผู้ที่ได้ครอบครองบอกกล่าวสืบลูกสืบหลานเท่านั้นว่าต้นตระกูลได้ตั้งตัวมาเพราะตะกรุดนี้ ว่าเป็นตะกรุดของเจ้าพระคุณสมเด็จโตแห่งวัดระฆัง ซึ่งในความสัตย์จริงนั้นแม้จะนำไปพูดให้ใครฟังเขาก็ไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่เกิดจนตายเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็นว่าตะกรุดวิชาของเจ้าพระคุณเป็นเช่นไร ลำพังพระสมเด็จแท้ๆก็ยังหายากแทบพลิกแผ่นดิน

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน พ่ออาจารย์ท่านได้เคยรับการอบรมจากเจ้าพระคุณท่านพร้อมกับบอกยันต์เคล็ดลับและวิธีลงของการทำวิชานี้ผ่านทางจิตตานุภาพ ซึ่งต่อมาได้มีคนในตระกูลคหบดีนำตะกรุดทองคำดอกหนึ่งมามอบให้ท่าน บอกว่าเป็นตะกรุดของสมเด็จโตสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ของทวด บอกกับท่านว่าสมเด็จโตมาเข้าฝันให้ท่านนำไปเป็นชนวนหล่อพระเป็นสมเด็จพิมพ์ลอยองค์ให้เค้าพร้อมกับนำทองคำแท่งมาให้อีกก้อนหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านรู้สึกฉงนจึงขออนุญาติเจ้าของตะกรุดว่าจะขอไว้ก่อนซักคืนหนึ่งอยากจะรู้ดูให้แน่ใจ ว่าเจ้าพระคุณท่านลงอะไร เสกอะไรจึงทำให้คนธรรมดากลายเป็นตระกูลคหบดีมีชื่อได้ ซึ่งเขาก็อนุญาติ

    ท่านจึงสอบด้วยวิถีสมาธิของท่านจนรู้ว่าเจ้าพระคุณนั้นเสกอย่างไร ก่อนจะนำตะกรุดไปทำพิธีหล่อพระให้กับเจ้าของเดิม จนเวลาผ่านไปท่านเจ้าพระคุณครูสมเด็จท่านได้บอกกล่าวเป็นเชิงพยากรณ์ไว้ ว่าเบื้องหน้าลูกหลานที่เคยเกิดร่วมชาติ มีกรรม มีชะตาผูกกันอยู่แต่อดีตกับตัวท่านจะเดือดร้อนได้ยากขึ้นมา สัตว์โลกจะทนทุกข์เวทนาสาหัสมองไปทางใดก็มีแต่น้ำตานองหน้า ท่านนึกถึงวิชาอันได้มาแต่ชีปะขาว(เทวดาแปลง)ซึ่งกาลก่อนนั้นได้เคยใช้สงเคราะห์คนไปบ้าง วาระนี้ถึงคราวจะหยิบยืมน้ำใจ สิ่งที่เคยสอนไว้ ให้คุณช่วยกันทำอีกแรงหนึ่ง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็มีปรารถนาจะทำอย่างเต็มที่ตั้งแต่ได้ดูวิชาของเจ้าพระคุณคราวนั้น แต่ท่านติดว่าจะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องให้เจ้าพระคุณนั้นอนุญาติและลงมือเอง

    เมื่อได้รับอนุญาติท่านก็เสาะหาวัสดุมวลสารต่างๆเพื่อจะปั้นแท่งดินสอทำการลบถมผงวิเศษห้าประการตามตำรับของเจ้าพระคุณ โดยมีเจ้าพระคุณท่านคอยกำกับและเชิญท่านมาร่วมอธิษฐานจิตเสกผงในทุกขั้นตอน ได้แก่
    1.ผงปถมัง
    2.ผงอิธะเจ
    3.ผงมหาราช
    4.ผงพุทธคุณ
    5.ผงตรีนิสิงเห

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านใช้วิธีลบถม ทำซ้ำไปมาถึงเก้าครั้ง กว่าจะได้ผงวิเศษนี้ท่านว่าใช้เวลานานมาก

    หลังจากนั้นท่านจึงลงตะกั่วด้วยพระยันต์เฉพาะทางทั้งด้านนอกด้านใน โดยลงยันต์มหาชุมนุมไว้ภายใน แลมหาโภคทรัพย์สมุกสมเด็จไว้ภายนอก ซึ่งท่านกล่าว่าการทำครั้งนี้สำคัญนัก เพราะแต่เดิมนั้นจะลงวิชาโภคทรัพย์ไว้อย่างเดียว แต่ครั้งนี้ท่านเจ้าพระคุณได้สั่งไว้เป็นพิเศษ เพราะเป็นของเฉพาะกาล จึงให้ลงมหาชุมนุมไว้เป็นหัวใจภายในด้วย
    - มหาชุมนุม พ่ออาจารย์บอกว่าวิชานี้สำคัญมาก เป็นอัจฉริยภาพของครูอาจารย์ ด้วยความเมตตาของท่านจึงได้อนุญาติให้ลงวิชานี้กำกับไว้เป็นหัวใจ ซึ่งจะสอดรับกับวิชาโภคทรัพย์อย่างถึงที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าอันมหาชุมนุมนี้เปรียบตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก จะอยู่ที่ไหนทำอะไร ใครก็ปรารถนาจะเข้าหา เค้าต้องเข้ามาหาเราเองไม่ต้องเหนื่อยเดือดร้อนวิ่งไปหาเขา ตรงนี้ท่านว่าสำคัญใครที่ต้องง้อ ต้องออกแรง ต้องเหนื่อยกว่าจะมี กว่าจะได้ นี่กลับกันกลายเป็นเขาต้องง้อเรา เข้ามาหาเราเอง ในทางเดียวกัน โชคลาภ โภคทรัพย์ความสะดวกสบาย ความสุข ลาภ ยศ ทรัพย์สินศฤงคาร ท่านว่าให้ตั้งใจมุ่งมาตรปรารถนาเอาไว้ ทุกสิ่งบรรดามีจะต้องวิ่งมาหาเราเอง มาชุมนุมที่ตัวเราไม่ไปไหน ซ้ำวิชานี้ยังเป็นวิชาทางเมตตามหานิยมอย่างเอกด้วย ท่านว่าลองใช้ดูไม่อยากจะบอกว่าเป็นเสน่ห์ แต่ก็เอาว่าแรงเหมือนดาวล้อมเดือนเลยทีเดียว แต่เดิมนั้นท่านว่ามหาชุมนุมเป็นวิชาสำคัญซึ่งแทบจะสูญหายและไม่มีใครทำไปแล้ว ด้วยว่าครูบาอาจารย์ท่านเมตตาอนุญาติแต่หนนี้ จึงต้องทำซักหน ด้วยว่าสัตว์ที่ถูกเลือกเท่านั้นจะได้ประสบพบเจอ
    - มหาโภคทรัพย์สมุกสมเด็จ ท่านว่าเป็นวิชาเอกของเจ้าพระคุณ วิชานี้สอดรับกับมหาชุมนุมโดยแท้ แม้นำติดตัวไว้ก็จะเป็นเมตตามหานิยมเป็นที่รักใคร่ของสรรพชีวิตโดยรอบ ซ้ำยังเด่นทางโภคทรัพย์ โภคสมบัติ ดลบันดาลให้โชคดีตลอดจนทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา ที่มีอยู่ก็จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ที่ยังไม่มีก็จะได้มี ท่านว่าแค่ติดตัวไว้ เอาว่าแค่มีไว้ชีวิตนี้ไม่มีอดตาย เพราะมันส่งผลต่อดวงชะตาโดยตรงให้มีลาภ ได้ลาภ ให้ชีวิตไม่ลำบากมีแต่ความสะดวกสบาย ถ้าจะทำธุรกิจ รับราชการ การค้า การงานใดๆก็ตาม ท่านว่าคนไหนที่ดวงขึ้นๆลงๆไม่คงที่ทำงานมีแต่อยู่กับที่หรือแย่ลง ท่านว่าวิชาตำรับนี้จะทำให้ดวงขึ้น การงานเจริญก้าวหน้า ลาภผลงอกเงยเพิ่มพูน แม้จะเทียบจะแข่งขันกับใครท่านว่าไม่แพ้เลย เอาว่าใครก็ทำสู้เราไม่ได้ ท่านว่าเพราะเป็นเช่นนี้ แต่เดิมท่านเจ้าพระคุณจึงเลือกคนให้ และใครได้บูชาไปก็ตั้งตัวได้โดยพลันสืบถึงชั้นลูกหลานนั่นเอง

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงอักขระยันต์เสร็จในฤกษ์ยามแห่งโชคดวงเศรษฐีแล้ว ท่านจึงนำแผ่นจารเหล่านั้นมาวางทับผงวิเศษทั้งห้าประการไว้ เชิญเจ้าพระคุณมาอธิษฐานจิตปลุกเสกก่อนคำรบหนึ่ง ผงวิเศษทั้งห้าประการนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ยิ่งเป็นผงวิเศษเก้าชั้นซึ่งลบได้ยากหนักหนาด้วยแล้ว ท่านถือเป็นเคล็ด ท่านว่าคนใช้เขาจะได้เจริญกว้าวหน้า มีแต่ก้าวต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันถอยหลังกลับ และเมื่อเชิญท่านเจ้าพระคุณลงมาอธิษฐานทำให้นั้น ท่านว่าจะได้ดีเสมอกันกับของที่ท่านทำไว้แต่เดิม

    เมื่อเสร็จพิธีท่านจึงม้วนตะกรุดด้วยคาถาสูบทรัพย์ และนำไปแช่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นน้ำทิพย์ที่ผุดขึ้นเองจากธรรมชาติ ในเศียรพระ ในถ้ำ ในประสาท แล้วจึงนำมาปลุกเสกเชิญเจ้าพระคุณท่านมาทำพิธีชุบตะกรุดอีกคำรบหนึ่ง ให้เป็นของทิพย์ เป็นสมบัติเทวดา อยู่ที่ไหนก็ชุ่มเย็นงอกเงยที่นั่น ก่อนจะทำการอธิษฐานเสี่ยงบารมีให้ตะกรุดนี้ตกถึงเฉพาะคนที่เคยมีบุญมีพันธะร่วมกันกับเจ้าพระคุณในอดีต

    เมื่ออธิษฐานจิตเสร็จแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจึงนำมาบรรจุผงวิเศษห้าประการที่ลบตามสูตรทีละขั้นถึงเก้าครั้ง ท่านเรียกว่าผงเก้าชั้นซึ่งทำได้ยากยิ่งไว้ภายใน ก่อนจะนำมาอุดปิดผนึกผงวิเศษอีกครั้งหนึ่ง ท่านว่าต้องปิดผนึกไว้เพราะผงเหล่านี้มีอิทธิคุณแรงกล้านัก เป็นของสูงที่มีพระพุทธคุณเต็มขั้น คนจะได้ไม่นำไปใช้กันผิดวิธีเอาไว้ใช้ให้เจริญโดยส่วนเดียวไม่เกิดบาปกรรม แม้ว่าต่อไปหล่นร่วงไปที่ไหนคนเขาเดินข้ามจะบาปกรรมหนักหนาจึงจำเป็นต้องปิดผนึกไว้ ท่านว่าแต่เดิมนั้นผงวิเศษห้าประการก็เป็นหัวใจความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆังอยู่แล้ว ดังนั้นตะกรุดนี้ก็ศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างกันมีแต่จะมากกว่ามากเพราะบรรจุผงล้วนๆที่ลบถมซ้ำไปมาถึงเก้าครั้ง และเกิดขึ้นตามบัญชาของท่านความตั้งใจของท่าน สุดท้ายคือเชิญท่านลงมาทำเอง

    หลังจากปิดผนึกผงแล้วท่านจึงนำมาใส่พานวางไว้ตรงหน้าครูสมเด็จที่ท่านใช้เชิญครูตลอด ไม่ว่าจะอธิษฐานจิดตสิ่งใดที่ต้องเชิญครูสมเด็จท่านก็จะอธิษฐานตะกรุดนี้ไปด้วยทุกครั้ง เรียกว่าผ่านการเชิญครูสมเด็จมานับสิบนับร้อยครั้งในรอบหลายๆปีแล้วก็ว่าได้ ท่านจึงตั้งชื่อว่าตะกรุดหัวใจสมเด็จผงเก้าชั้นบันดาลโชค ซึ่งตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านทำบูชาครูไว้เพียง 9 ดอก ที่ผ่านมามีคนบอกว่าสมเด็จท่านไปตามให้มาบูชาตะกรุด จึงทำให้มีคนได้บูชา ได้ดี ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยกันไปสามคนแล้ว

    คาถาบูชา (ระลึกถึงสมเด็จโตเป็นที่สุด)
    โตเสนโต วะระธัมเมนะ โตสัฏฐาเน สิเว วะเร โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง โตสะจิตตัง นะมามิหัง


    * ตะกรุดหัวใจสมเด็จผงเก้าชั้นบันดาลโชคหรือโภคทรัพย์มหาชุมนุมนี้ เป็นตะกรุดที่สร้างเฉพาะกาลและมีจำนวนน้อยมาก จึงเปิดให้บูชาเป็นการเฉพาะ สำหรับผู้ที่สั่งจองเปิดรับทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมทำบุญศพไร้ญาติและบริจาคโลงศพต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดหัวใจสมเด็จผงเก้าชั้นบันดาลโชค(โภคทรัพย์มหาชุมนุม) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 035.jpg
      035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      82
    • S__8151141.jpg
      S__8151141.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.4 KB
      เปิดดู:
      52
    • SAM_5097.JPG
      SAM_5097.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      108
    • 20140417142117966.jpg
      20140417142117966.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.2 KB
      เปิดดู:
      65
    • wealth1_small.jpg
      wealth1_small.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      59
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระยอดขุนคลังพรหมทัณฑ์กายสิทธิ์(พ่อเศรษฐี แม่เศรษฐี)

    ปฐมกำเนิดของการจัดสร้างพระยอดขุนคลังกายสิทธิ์นั้น ด้วยว่าเดิมที พ่ออาจารย์ท่านมีประสงค์จะสร้างพระพิมพ์ยอดขุนพลขึ้นมาซักครั้งหนึ่่ง เมื่อมีดำริแล้วจึงคิดพิมพ์ทรงขึ้นพร้อมกับพิจารณามวลสารและขออนุญาติครูบาอาจารย์แต่กาลก่อน ซึ่งเมื่อท่านได้ขออนุญาติครูนั้น ท่านว่าทั้งเสด็จพระใหญ่ ทั้งขรัวโต ทั้งหลวงพ่อฤาษีดุฉัน ว่าจะทำพระเหนียวทำพระไว้รบกันไว้ทำสงครามกันเช่นนี้ จะทำไว้ทำไม ให้ทำวิชาทางเจริญ ร่ำรวยเร็วจะดีกว่า อย่าทำเลยยอดขุนพล ถ้ายอดขุนคลังแบบนี้จะว่าไปอย่าง

    ท่านว่าก็จะพอเข้าใจเจตนาของครูบาอาจารย์อยู่ว่าท่านสื่ออะไร คือยุคสมัยนี้จะไปสู้รบปรบมือกับใครด้วยความรุนแรงหรือสงครามมันก็ไม่ใช่ เราต้องสู้เค้าด้วยเศรษฐกิจ ความมั่นคงท่านจึงมีดำริว่าดีแล้ว ทำยอดขุนคลังหนนี้จะได้ลงวิชาพ่อเศรษฐี แม่เศรษฐีลงไปด้วยทีเดียว

    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริแต่เริ่มว่าการจัดสร้างพระยอดขุนคลังนั้นท่านจะทำให้อย่างดีที่สุด แม้แต่ชนวนมวลสารก็ต้องเป็นของทิพย์ ของที่เกิดขึ้นด้วยการสร้างสรรค์ของเทวดา แม้วิชาที่นำมาใช้มาลงก็จะใช้มนต์ที่สาบสูญไปนานนับร้อยปี โดยท่านได้แกะบล๊อคแม่พิมพ์เป็นเอกลักษณ์ของท่าน ในรูปทรงพระธนบดีศรีธรรมราชประทับอยู่บนพญาไก่แก้ว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระธนบดีศรีธรรมราชนั้น สมัยนี้ก็คือปางเทพเจ้าแห่งโชคลาภของท้าวเวสสุวรรณนั่นเอง ซึ่งพระธนบดีนั้นจะมีตำแหน่งพิเศษเป็นขุนคลังแก้วแห่งสวรรค์ไม่ว่าจะเทพยดาองค์ใดอุบัติขึ้นก็ตาม จะมีทรัพย์มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่ที่พระธนบดีนี้จะประทานให้เรียกว่ามีขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหาจักรวาลอยู่ในการดูแล คอยประทานโชคประทานทรัพย์ให้กับทุกผู้ทุกนาม

    พ่ออาจารย์ท่านว่าพระธนบดีที่ท่านจัดทำนี้ท่านสร้างให้ทรงเครื่องตามเยี่ยงอย่างของธรรมราชา ทำในคติของมหาโพธิสัตว์ที่สืบมาแต่โบราณซึ่งเป็นคนละคติกับท้าวเวสสุวรรณ โดยคตินี้มีความเชื่อว่าพระธนบดีนั้นเป็นมหาโพธิสัตว์ซึ่งนิรมาณกายมาจากพระอวโลกิเตศวร เนื่องจากจะปฏิบัติหน้าที่โปรดสัตว์สงเคราะห์โลกช่วยเหลือด้านโชคลาภทรัพย์สินเงินทองโดยเฉพาะ นี่คือท่านลงมาทำหน้าที่เจาะจงเฉพาะกาลของท่านโดยเฉพาะ ที่สำคัญคือเป็นหน้าที่ต่อสัตว์โลกที่อยากพึ่งพาท่าน เพราะอยู่ในงานอยู่ในภาระของท่านนั่นคือเหตุผลว่าแม้สัตว์ใดมีทุกข์เกี่ยวกับปากท้อง โชคลาภทรัพย์สินความมั่นคงต่างๆบรรดามี เมื่อขอท่านต้องได้รับการช่วยเหลือ ต้องสำเร็จทุกสิ่งด้วยมหากรุณา พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระธนบดีนี่สำคัญนัก เพราะแม้แต่การกำเนิดของสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิทุกยุคทุกสมัย อันจะเกิดสิ่งของคู่บุญติดตัวมาด้วยคือรัตนะเจ็ดประการ ทั้งช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว เหล่านี้ ทุกสิ่งล้วนมาแต่การบันดาลของพระธนบดีทั้งสิ้น ท่านว่าเพราะพระธนบดีพระองค์นี่แหละที่อยู่เบื้องหลังของกำลังพระจักรพรรดิ์ทั้งหมด อยากรวยไว อยากสำเร็จไว อยากหนุนเนื่องเสริมส่งตัวเองด้วยกำลังของมหาจักรพรรดิ์ จึงต้องขอบารมีพระธนบดีพระองค์นี้ เมื่อจะทำพระยอดขุนคลังแล้วท่านจึงเชิญพระธนบดีประทับเป็นประธานเช่นนั้น

    ด้านล่างท่านทำให้ทรงไก่หางพวง บูชาคุณหลวงพ่อปานผู้บูรพาจารย์ โดยท่านว่าไก่นั้นแต่เดิมเป็นสัตว์ที่ขยัน หากินเก่ง มีคุณทางเมตตา เร่งลาภผลให้ประสบความสำเร็จในทุกอาชีพ เมื่อจะทำนั้นท่านยังผูกให้เป็นไก่พยนต์ เป็นสัตว์วิเศษ ท่านว่าอยู่ที่ไหนได้เรื่องที่นั้น สำเร็จทุกเรื่อง ดูอย่างปู่เจ้าสมิงพราย ก็ยังต้องใช้ไก่พยนต์นี่แหละทำให้พระลอกับพระเพื่อนพระแพงรักกัน ไม่ว่าจะการงานความรักหรือทุกสิ่งปรารถนาอะไรย่อมได้หมด ทุกอย่างต้องสำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพระธนบดีนั้นทรงไก่พยนต์ ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า เพราะท่านช่วยท่านเร่งให้ได้ทุกอย่าง ท่านประทานให้ได้ทุกอย่าง ขาดทรัพย์ได้ทรัพย์ ขาดบุตรได้บุตร ขาดบริวารได้บริวาร ขาดคู่ครองได้คู่ครอง ขาดกิจการเคหะสถานบ้านเรือนท่านบันดาลให้ได้ทั้งสิ้น เพราะท่านคือที่มาของมหาสมบัติแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ


    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านแกะแม่พิมพ์แล้ว ท่านได้นำผงพิเศษที่ได้ชื่อว่าหาได้ยาก เอาได้ยากในโลกสองชนิด มาผสมกับมวลสารอื่นๆที่ท่านเตรียมไว้ ซึ่งผงทั้งสองชนิดนั้น คือ
    - ผงสุริยกาล
    - ผงจันทรกาล

    ซึ่งผงวิเศษนี้ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ย่อมได้ชื่อว่ามีคุณมากมาย ยิ่งนำทั้งสองชนิดนั้นมาใช้พร้อมกันจะยิ่งทวีอานุภาพมากขึ้นไปอีก ท่านว่าผงนี้เป็นของเทพยดา หาได้ยากในโลก เมื่อนำมารวมกันจะมีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตา โชคลาภ ความสะดวกสบาย ความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูง โดยพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าทั้งสองสิ่งนี้ถ้าเอาเฉพาะด้านเสน่ห์ก็แรงกว่าพวกคุณไสยยาแฝด ต่างกันตรงเกิดขึ้นด้วยเทวานุภาพเป็นของสูง
    - ผงสุริยกาล ผงนี้เกิดจากสุริยะเทวราชเมื่อครั้งที่ได้เข้ากรรมบำเพ็ญตบะเพื่อจะดับรัศมีความร้อนในร่างกายพระองค์ให้บรรเทาลงเสีย ด้วยตบะกรรมแห่งพระอาทิตย์เทพ จึงได้เกิดไคลตกลงมาเป็นตะกอนก้อนผง ท่านว่าผงนี้มีคุณอย่างวิเศษ แม้ใครเดือดร้อนทุก์ใจ เจอเรื่องร้ายอย่างใดก็ตามที ทุกสิ่งที่ว่าร้ายจะต้องกลายเป็นดี ทุกสิ่งที่เป็นกาลร้อนจะต้องสงบระงับไป เหลือแต่เพียงความสุขสมหวัง ความเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น
    - ผงจันทรกาล เมื่อครั้งจันทรเทพได้ก่อเทวาสุรสงครามขึ้น พระองค์ได้เสด็จยังโลกมนุษย์เพื่อจะรวมกองทัพฝ่ายมนุษย์และเหล่าเทพอสูรต่อกรกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งกาลนั้นเองที่เป็นปฐมเหตุของตระกูลกษัตริย์จันทรวงศ์ที่จะสืบเชื้อสายต่อไปในชมพูทวีปได้อุบัติขึ้น ผงจันทรกาลจึงเกิดขึ้นเมื่อครานั้น เมื่อจันทรเทพได้บำเพ็ญตบะกรรมจนสำเร็จพิธีราชสูรยะ รัศมีของจันทรเทพก็สาดส่องไปกระทบกับมวลอากาศเกิดเป็นละอองขึ้นมา ซึ่งผงนี้เรียกว่าผงจันทรกาล เหล่านางฟ้า เทพธิดา อัปสรสวรรค์หรือแม้แต่นางพรายก็จะคอยเฝ้าไว้ด้วยความหวงแหน ซ้ำตนเองยังหลงใหลในผงนี้เสมอด้วยได้เห็นหน้าจันทรเทพอีกด้วย ท่านว่าเป็นที่สุดของผงทางเมตตามหานิยมเอาว่าขนาดนางฟ้ายังหลงเช่นนั้น
    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านขอท่านพลีมาได้ ท่านจึงนำมาเก็บไว้จนได้นำมาร่วมสร้างพระยอดขุนคลังหนนี้ ด้วยว่าผงทั้งสองชนิดนี้ต้องอยู่คู่กันจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ท่านว่าเพราะธาตุพลังงานนั้นเกื้อหนุนกัน แม้จะใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ด้วยว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากเทพยดา มีการพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เป็นของที่มีต้นกำเนิดมาจากองค์กำลังแห่งธาตุแสง ให้เบิกชีวิตคนได้ ใช้เปิดโลกเปิดภพภูมิได้ เป็นแสงสว่างที่จะทำลายความมืด ขจัดกลียุค ทำลายเสียซึ่งอุปาทวจัญไรทั้งปวง

    นอกจากผงทั้งสองชนิดแล้ว ท่านยังได้นำมาเข้ากับมวลสารพิเศษต่างๆมากมายเพื่อจะสร้างพระยอดขุนคลังในวาระนี้ให้ดีที่สุด ประกอบไปด้วย
    - ผงคตไข่แก้วงูจงอาง พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่สุดของอำนาจ ตบะบารมี บริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติที่จะประทานให้กับผู้ถือครอง สำหรับผงนี้ท่านว่าสำคัญนักเมื่อจะทำแล้วจะขาดไปไม่ได้ เพาะพระธนบดีนี้ท่านเป็นนายของบรรดาปู่โสมทั้งหลาย เหล่าพญางูหรือผู้พิทักษ์ทรัพย์แผ่นดินทั้งหลายล้วนอยู่ในการควบคุมของท่าน ดังนั้นจะให้ใครรวย จะเกื้อหนุนใคร จะเปิดดวงใคร จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของพระธนบดีที่จะสั่งการ
    - ผงสำเร็จหลวงพ่อปาน เป็นผงเก่าตกทอดมาแต่สมัยหลวงพ่อปานท่านสร้างพระพิมพ์ทรงสัตว์ โดยผงนี้ท่านจะบรรจุอยู่ภายในพระพิมพ์แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเหมือนหัวใจ เหมือนพลังงานขององค์พระเลยก็ว่าได้ ถ้าหาพระพิมพ์ทรงสัตว์ของเก่าไม่ได้ท่านว่าให้เอาใช้แทนกัน
    - ผงลบวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ วิชาเอกที่อำนวยลาภผล โชคลาภให้สำเร็จมาแล้วมากมาย หากใช้โดยจิตเมตตา และผู้ถือครองให้ท่านเป็นนิจ จะยิ่งมีแต่ทรัพย์สินงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยอำนาจแรงครูบันดาลให้เป็นไป
    - ผงลบคาถารัตนมาลา ที่สุดแห่งคุณแก้วสามประการ พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอานุภาพเป็นเอนกอนันต์ด้วยอำนาจพระรัตนตรัยไม่สามารถบรรยายได้หมด ท่านว่าปรารถนาสิ่งใดก็มีครบ แม้ไม่ต้องปรารถนาก็ยังมี สุดแท้แต่จะขอจะอธิษฐานเอาตามเหมาะตามควร
    - สีผึ้งและนำมันครูเก่า เป็นของบูรพาจารย์ที่สืบทอดมามากมายหลายสิบชนิด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้เคยไปขอเมตตาและท่านประสิทธิ์ประสาทให้มา ที่สำคัญมีสีผึ้งที่หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล และหลวงปู่ฝั้นท่านเคยใช้สีปากด้วย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าลมหายใจ น้ำลาย ไอปากของพระอริยเจ้า นี่แหละของวิเศษที่สุด
    - ว่านยาทางโชคลาภ หนุนดวง เมตตา มหานิยม ซึ่งเป็นว่านยาพิเศษที่มีฤทธิ์ในตัว มีอำนาจ มีตัวตนต้องปลูกต้องพลีด้วยวิธีเฉพาะทั้งสิ้น ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมมาผสมไว้

    เมื่อได้ผงมวลสารแล้ว ท่านปรารถนาจะใช้มวลสารล้วนๆในการทำพระ ท่านว่ายากมากตอนทำเพราะต้องตำผงทีเดียวสองครก โดยครกหนึ่งใช้ผงสุริยกาลผสมด้วยคตไข่งู อีกครกหนึ่งใช้ผงจันทรกาลผสมด้วยผงเก่าหลวงพ่อปาน หลังจากนั้นจึงเข้าด้วยมวลสารอื่นๆและนำมาทำการกดพิมพ์พร้อมกัน ดังนั้นในส่วนองค์พระจึงจะมีสีดำซึ่งเป็นผลมาจากผงสุริยกาลเข้าด้วยคตไข่งู และเนื้อหาในอีกส่วนหนึ่งจะออกขาวอมเหลือง แก่ผงวิเศษและสีผึ้งน้ำมันบูรพาจารย์

    พระผงยอดขุนคลังนั้น เป็นพระที่พ่ออจารย์ท่านตั้งใจทำอย่างมาก เรียกได้ว่าพิเศษสุดๆจริงๆ นั่นเพราะไม่ค่อยจะได้เห็นเลย ที่ท่านจะนำธาตุกายสิทธิ์มาหล่อหลอมเครื่องมงคลฝังไว้ในพระเนื้อผงเช่นวาระนี้ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้นำธาตุกายสิทธิ์ทั้งเหล็กไหลขาว หยาดน้ำฟ้าทวาราวดี แร่พลวง มาหลอมรวมกันเข้ากับปรอทสตุ ซึ่งปรอทสตุนี้เป็นปรอทที่หุงด้วยอาคมมีอานุภาพเทียบเคียงกับเหล็กไหล ท่านว่าใช้แทนเหล็กไหลได้ไม่ต่างกัน สาเหตุที่ท่านต้องใช้ปรอทสตุนั้นก็เนื่องด้วยว่าท่านต้องต้องการจะทำธาตุกายสิทธิ์ที่รองรับพลังงานของพระเป็นเจ้าได้นั่นเอง

    ซึ่งพระผงยอดขุนคลังนั้นจะฝังสิ่งมงคลสามสิ่ง ประกอบด้วย
    - ศิวลึงค์ ได้ชื่อว่าเป็นอำนาจแห่งการสร้างสูงสุด เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือพลังทั้งปวง(ท่านว่าแม้ใครมีวิชาดีมีอำนาจบารมียิ่งใหญ่เพียงใด ก็แข่งขันกับเราไม่ได้ เราข่มเขาได้ทั้งหมด) เป็นสัญลักษณ์แห่งการบูชาและประสาทพรของพระศดาศิวะเจ้า ซึ่งการสร้างศิวลึงค์นั้นก็มีหลายประเภทตั้งแต่ทำด้วยมูลโค ดินแม่น้ำ เมล็ดข้าวธัญพืช ศิลา แก้วอัญมณี ไม้ หรือวัสดุมีค่าต่างๆเช่นเงินหรือทองคำ ซึ่งศิวลึงค์ประเภทต่างๆนั้นก็จะมีค่าและมีพลังอำนาจแตกต่างกันออกไปตามวัสดุที่นะมาใช้สร้าง แต่เหนืออื่นใด พ่ออาจารย์ท่านว่าศิวลึงค์ที่มีอำนาจมากที่สุดเหนือกว่าการสร้างด้วยวัสดุทั้งปวงนั้น คือการสร้างด้วยธาตุกายสิทธิ์ที่ขอมาแต่พระเป็นเจ้า ซึ่งเมื่อทำแล้วนั้นท่านว่าจะมีค่ามากเสียกว่าศิวลึงค์ที่ทำด้วยทองคำเสียอีก ว่ากันว่าศิวลึงค์ทองคำนั้น หาผู้ใดบูชาหมั่นขอพรระลึกนึกถึงเสมอ จะทำให้เปลี่ยนชีวิตดึงดูดความมั่นคงร่ำรวยเข้ามา ท่านว่าเป็นเศรษฐีไปตลอดชาตินั่นเอง แต่นี่คือธาตุกายสิทธิ์พ่ออาจารย์ท่านว่าดีขึ้นไปอีกมากกว่านั้นเจ็ดชั่วโคตร จะไม่รู้จักคำว่าตกต่ำเลย พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อศิวลึงค์นี้นำมาอัญเชิญญานบารมีของเสด็จปู่ใหญ่พระศิวะ ผ่านพิธีประสระโลหิตและพิธีต่างๆมาแล้วมากมายก่อนจะนำมาทำพระยอดขุนคลังนี้ ท่านว่าเพื่อให้มีพลังศิกดิ์สิทธิ์แห่งจิตวิญญาณสูงสุดที่จะบันดาลให้เกิดได้ทุกสิ่ง เอาว่าขออะไรยิ่งได้ ยิ่งขอยิ่งสำเร็จด้วยมหากรุณาส่วนนี้ของพระเป็นเจ้า ที่ท่านนำเอาศิวลึงค์มาเป็นกายสิทธิ์มงคลพิเศษสถิตย์อยู่ในพระยอดขุนคลังนั้น อีกเหตุหนึ่งคือท่านว่าคนไม่ค่อยรู้กันว่าพระศิวะนั้นท่านก็เป็นผู้ประทานโชคลาภ คนจะไปคิดกันเอาเองว่าท่านเป็นแต่พนักงานทำลายฝ่ายเดียว ซึ่งจริงๆแล้วพ่อนั้นเป็นผู้ทำลายความเศร้าโศก เป็นผู้ทำลายกาลเวลา(ใครตกอยู่ในกาลแห่งทุกข์ท่านนำออกได้ ท่านทำลายให้พ้นได้) เป็นผู้ลิขิตโชคชะตาไม่ว่าร้ายหรือดี ซ้ำยังเป็นผู้สร้างอาคม นี่รู้หรือไม่ว่าพลังงานพระเวทย์อาคมต่างๆล้วนมีจุดกำเนิดมาจากพระองค์ทั้งสิ้น เป็นต้นกำเนิดทุกสิ่่ง พ่อคือผู้ประทานโชคลาภที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ให้ความผาสุข ประทานทุกสิ่งทุกอย่าง ชนแต่โบราณเค้ารู้กันถึงกับขนานนามไว้ว่าสรวัทบ้าง ศุภัทบ้าง สุขทะบ้าง นั่นคือพ่อผู้ประทานโชคลาภอันยิ่งใหญ่ ให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเอง
    - ไม้เท้าพรหมทัณฑ์ เป็นศาสตร์วิชาเฉพาะที่ไม่สามารถสร้างขึ้นได้โดยทั่วไป ซึ่งไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นจากธาตุกายสิทธิ์เนื้อเดียวกับศิวลึงค์ เป็นสุดยอดวิชายิ่งกว่าไม้ครู หรือไม้เท้ามหาเถร ต้นชี้ตายปลายชี้เป็นต่างๆทั้งหมด อันว่าไม้เท้าแต่เดิมนั้นจะใช้ในการพยุงค้ำยันร่างกาย ที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้มาฝังไว้เพื่อจะได้พยุงค้ำจุนไม่ให้คนใช้ตกต่ำ ซ้ำยังเป็นเครื่องแสดงอำนาจของตบะญานขั้นสูงสุดด้วย ว่ากันว่าไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้เมื่อชูขึ้นให้พรหรือจะสาปแช่งใครทุกสิ่งย่อมเป็นไปดั่งใจคิดทุกประการ เป็นประกาศิตมั่นคงดั่งเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผาที่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะมนุษย์หรือเทวดาไม่กล้าฝ่าฝืน ที่แม้แต่ครั้งหนึ่งพระอินทร์จอมเทพยังโดนฤทธิ์เดชของไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้จากฤาษีทุรวาสะสาบให้สิ้นฤทธิ์แพ้สงครามอันเป็นต้นเหตุของการกวนน้ำอมฤตนั่นเอง ซ้ำแม้แต่ศรเอกของพระนารายณ์อย่างศรพรหมมาสตร์ที่ว่ากันว่ามีอิทธิฤทธิ์สูงสุดเป็นเทพอาวุธที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของท้าวมหาพรหมนั้น สิ่งเดียวที่มีอานุภาพเสมอกันสามารถต้านอานุภาพของศรพรหมมาสตร์ได้ ก็คือไม้เท้าพรหมทัณฑ์นั่นเอง ดังนั้นไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้จึงเป็นประกาศิตแห่งสรรพชีวิต เมื่อสถิตย์อยู่เป็นศุภมงคลในกายบุคคลใดก็จะปกป้องคุ้มคร้องรักษาไม่ให้ภัยร้ายต่างๆมากล้ำกรายได้ ซ้ำหากเราคิดหรือหวังสิ่งใดแล้วอธิษฐานเบื้องหน้าไม้เท้าพรหมทัณฑ์ ทุกสิ่งนั้นต้องเป็นไปเสมอใจ พ่ออาจารย์ท่านถือคติที่ว่าไม้เท้าพรหมทัณฑ์นั้นมีอานุภาพเป็นยอดนัก เมื่อจะเสกต้องทำทั้งพิธีพุทธและพราหมณ์ คือเชิญบรมพรหมให้มาสร้างประสิทธิ์ทีละด้าม และชุมนุมมหาพรหมในปัญจสุทธาวาสให้มาสร้างไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์อีกวาระหนึ่ง ท่านว่าใช้ให้ดีเถิดสาปให้ตัวเองรวย ให้ตัวเองสูงส่ง ได้ดี ตามแต่ใจปรารถนา
    - ตะกรุดพ่อเศรษฐี แม่เศรษฐี เป็นวิชาแต่โบราณ ท่านว่านานจนไม่สามารถประมาณได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าผู้ที่รู้วิชานี้ร่ำรวยเกินมนุษย์ทุกคน อย่างนบีสุลัยมานหรือกษัตริย์โซโลมอนนั่นเอง ซึ่งเค้ารู้และมีพื้นฐานของวิชานี้จะต่างไปเพียงของบ้านเขาไม่ได้ใช้ชื่อเช่นนี้เท่านั้น แม้แต่สมัยของพระเจ้าอู่ทองต้นวงศ์อยุธยามหาสถานก็มีสืบมา พ่ออาจารย์ท่านจึงมาตั้งชื่อเองว่าวิชาพ่อเศรษฐี แม่เศรษฐี ด้วยว่าเป็นมหาภูติตัวพ่อ ตัวแม่ ที่จะช่วยให้ลูกหลานร่ำรวยรวดเร็วและมั่นคง เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิดทุกสิ่ง ท่านว่าเอาว่าแล้วแต่จะขอเลย เพราะพระยอดขุนคลังครั้งนี้ท่านทำให้เป็นพระที่ใช้ขอพรได้โดยเฉพาะกาลเป็นพิเศษ ท่านว่าตะกรุดพ่อเศรษฐีแม่เศรษฐีนั้น เอาว่าวิชานี้อยู่กับใคร เจริญและร่ำรวยมาก เวลาลงนั้นต้องลงเต็มสูตรทั้งหน้าหลังทีเดียว

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านสร้างนั้น ท่านได้แยกปลุกเสกเครื่องรางแต่ละประเภทก่อนจนสำเร็จ ก่อนนำมาฝังรวมกันสถาปนาเป็นพระยอดขุนคลังกายสิทธิ์ทำพิธีบวงสรวงฟ้าดิน บอกกล่าวครูบาอาจารย์และปลุกเสกปิดเชิญครูอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่าพระยอดขุนคลังนี้จะทำเพียงหนเดียวไม่มีหนที่สอง เพราะการทำไม้เท้าพรหมทัณฑ์นั้นเป็นของสูงค่าและต้องใช้อำนาจตบะญาน ต้องใช้พลังงานชีวิตมาก เนื่องจากเป็นของที่จะทำให้ผู้ครอบครองนั้นเจริญร่ำรวย พูดสิ่งใดเป็นสิ่งนั้นดุจว่ามีวาจาสิทธิ์ ท่านว่าทำหนเดียวก็เกินพ่อ เป็นเครื่องบริโภคของบรมพรหมและเหล่ามหาฤาษีชั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะมี ทำครั้งนี้เพื่อจะให้ผู้มีบุญผูกพันธุ์ในวงศ์พรหมแต่เบื้องอดีตชาตินำไปใช้ครอบครองด้วยว่าท้าวมหาพรหมและเหล่ามหาฤาษีหลายองค์นั้นยังเป็นห่วงเชือสายของตนอยู่

    คาถาบูชา
    โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ


    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระยอดขุนคลังพรหมทัณฑ์กายสิทธิ์นี้ไว้ได้ทั้งกมด 13 องค์ สำหรับผู้ที่จะบูชาก็จะเปิดให้บูชาเฉพาะบุคคลโดยให้แจ้งเข้ามาทาง PM เท่านั้น พร้อมกับชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิด เพื่อที่ท่านจะทำการเจิมเบิกพระเนตรบอกกล่าวครูบาอาจารย์อีกรอบหนึ่ง รายได้ร่วมทำบุญบริจาคในการสร้างพระมหาเจดีย์ต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระยอดขุนคลังพรหมทัณฑ์กายสิทธิ์(พ่อเศรษฐี แม่เศรษฐี) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาธาตุบันดาลทรัพย์(เพิ่มบุญ)

    พ่ออาจารย์ท่านได้กล่าวว่า พระธาตุนั้น คือธาตุอันประกอบขึ้นเป็นร่างกายมนุษย์ หากแต่เป็นกายสังขารของผู้มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ บรรลุระดับคุณธรรมในขั้นต่างๆ ธาตุในร่างกายจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะธรรม เมื่อแตกทำลายไปจึงปรากฏออกมาเป็นธรรมธาตุนั่นเอง โดยพระธาตุนี้มักจะใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเปรียบเสมือนสิ่งแทนตัวของผู้ทรงภูมิธรรมทั้งหลายเมื่อมีชีวิตอยู่ เช่นพระบรมสารีริกธาตุ ผู้ใดได้กราบไหว้ก็ถือเสมือนได้เฝ้ากราบสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

    แต่เดิมนั้น พ่ออาจารย์ท่านเคยได้รับพระธาตุที่เกิดจากสะเก็ดเลือดและน้ำเหลืองของพระอริยเจ้าผู้มีบารมีสูงสุดในวงศ์ล้านนาไทย คือพระธาตุของหน่อพุทธเจ้าองค์ต้นบุญครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งสืบทอดมาแต่ครูบาอภิชัยขาวปี ท่านจึงบรรจุไว้ในผอบ เพื่อสักการะบูชาอยู่เสมอ จวบจนท่านได้รับนิมิตรจากครูบาองค์ต้นคือครูบาศรีวิชัย ให้นำมหาธาตุนั้นแจกจ่ายออกไปบ้าง เพื่อให้คนที่เคยมีบุญสัมพันธ์และเคารพศรัทธาในตัวท่านได้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในภายหน้า ท่านพิจารณาเห็นควรว่าถ้าจะให้บูชาออกไปนั้นคนจะไม่รู้ค่าและต่อไปจะสูญหายเอาเสียดื้อๆ จำจะทำเป็นเครื่องมงคลบรรจุมหาธาตุของครูบาเจ้า เพื่อกาลเวลาต่อไปภายหน้าจะได้ไม่สาบสูญลงเสีย

    เมื่อพิจารณาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ตั้งสัตย์ขออนุญาติกับพระรัตนตรัยและเหล่ามหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย โดยเสี่ยงทายว่าจะทำตะกรุดมหาธาตุขึ้นมาเสียหนหนึ่ง ซึ่งครูบาอาจารย์ก็มีมติให้ทำได้เพียงจำนวน 8 ดอกเท่านั้น โดยครูนั้นบอกกับท่านว่า คนดีมีวาสนาถึงพร้อม เขาจะมานำพาไปเอง
    เมื่อพระเบื้องบน และพ่อแม่ครูอาจารย์อนุญาติ ท่านจึงพิจารณาถึงตะกรุดต่อไปว่าจะทำตะกรุดชนิดใดขึ้นมาด้วยว่าวิชาและอักขระเลขยันต์นั้นก็มีหลายชนิด จนท่านได้ยินเสียงหนึ่งกะซิบกับท่านว่า เธอจะใช้ธาตุของใคร ก็พึงเอาวิชาเอกของเขามาใช้สืบไปเถิด เมื่อท่านกำหนดจิตตามดูจึงรู้ว่าเป็นเสียงของสมเด็จพระศรีอาริย์ หลังจากได้ความแล้วพ่ออาจารย์ท่านจึงตัดสินใจนำวิชาของครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งองค์ท่านนั้นใช้อยู่เป็นประจำ อันวิชานี้ท่านได้สืบมาแต่ครูบาอภิชัยขาวปีมาสร้างเป็นตะกรุด

    โดยตะกรุดทั้งแปดดอกนั้น กว่าจะสำเร็จแต่ละขั้นตอนล้วนทำได้ยากยิ่ง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รอฤกษ์รอวาระค่อยๆทำพิธีจัดสร้างของท่านไปแบบเงียบๆ โดยท่านได้นำแผ่นตะกั่วและแผ่นทองแดงตลอดจนด้ายสาวพรหมจรรย์ อันเป็นวัสดุที่จะใช้ประกอบขึ้นมาเป็นตะกรุด นำมาชุบแช่ลงไปในน้ำฝนซึ่งใช้สรงพระบรมสารีริกธาตุก่อนเสียวาระหนึ่ง แล้วจึงอธิษฐานจิตเชิญเสด็จพระใหญ่ตลอดจนเหล่ามหาโพธิสัตว์ทั้งปวงมาบรรจุพลังงานให้เกิดพุทธานุภาพสูงสุด ท่านว่าด้วยตะกรุดนี้จะมีความสำคัญนัก สืบไปเบื้องหน้าจะช่วยคนไว้ได้มาก ไม่ว่าจะประดิษฐานอยู่แห่งใด เทพยดาเจ้าทั้งหลายตลอดจนฝูงชนย่อมกระทำการสักการะบูชา

    ภายหลังท่านจึงนำแผ่นตะกั่วมาลงยันต์ ซึ่งตะกรุดมหาธาตุบันดานทรัพย์นี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนลงวิชาต่างกันไป ประกอบด้วย
    - แผ่นตะกั่ว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้ตีตารางลงอักขระเลขยันต์ตามแบบเดิม อันว่าวิชานี้แม้องค์ครูบาศีลธรรมเจ้าเองท่านก็ให้ความเคารพเป็นหนักหนา ท่านจึงพิจารณาแล้วว่าจะทำสืบไปให้ลูกหลาน ตัวดอกตะกั่วนี้คือวิชาที่ท่านใช้ชุมนุมเทพเจ้า ชุมนุมผู้คนมากมายมาสร้างทางขึ้นดอยสุเทพได้ นี่คืออยู่ไหนจะทำอะไร ถึงเป็นการณ์ใหญ่เพียงใดธรรมชาติและผู้คนต่างๆก็เป็นใจพร้อมจะเกื้อกูลให้สำเร็จ แม้เจออธิกรณ์คนใส่ร้ายป้ายสีเรื่องจะใหญ่เพียงใดก็ผ่านไปได้ มีคุณานุภาพครบถ้วนทุกประการ ซ้ำยังป้องกันภัยต่างๆอันจะเกิดแก่ตัวได้ แม้โจรผู้ร้ายตลอดไปจนถึงภัยพิบัติก็ยังป้องกันได้ ด้วยว่าใครชีวิตตกอยู่ในคลื่นลม คลำทางไม่เห็น หาทางไม่เจอ ดุจว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังผจญอยู่ด้วยพระยามาราธิราชนั้น ท่านว่าเมื่อบูชาอาราธนาไป กาลอันมืดบอดอับจนหนทางนั้นก็จะเสื่อมสูญไป แม้กระทำกิจการใดก็จะข่มศัตรูคู่แข่ง ท่านว่าวิชานี้สำคัญนักหากมีใครคิดร้าย เรื่องร้ายทั้งหลายจะกลายกลับเป็นเรื่องดีและคนเหล่านั้นก็จะแพ้ภัยตัวเองไปในที่สุด
    - แผ่นทองแดง ท่านลงวิชาเทพนิมิตรเอาไว้ ซึ่งเป็นวิชาของพระสำเร็จ พระอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา ท่านเรียกว่าวิชาเทพนิมิตร ไม่ใช่เทพมาบอกมาสอน แต่เป็นเทพที่นิมิตรข้าวของความเจริญรุ่งเรืองให้ผู้ถือครอง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านบอกว่า บันดาลทรัพย์ เพิ่มลาภยศสักการะศฤงคาร ปรากฏศักดิ์ศรีเกียรติยศ เพิ่มพูนข้าทาสบริวาร เอาว่าสิ่งใดที่ไม่เคยมีต่อไปก็จักได้มี ผู้คนจะเคารพนบไหว้ยำเกรงเรานักหนาดุจท้าวพระยามหากษัตริย์ทีเดียว วิชานี้แต่เดิมหวงแหนกันนัก มักใช้กันในหมู่ท้าวพระยามหากษัตริย์หรือมีแต่ในเวียงวัง เป็นอาถรรพ์วิชาที่ต้องฝังไว้ในท้องพระคลังมหาสมบัติ มาทุกวันนี้ยิ่งสาบสูญกันเข้าไปอีก สิ้นกรุงศรีแล้วก็แทบจะไม่มีใครสืบทอดต่อไป ท่านว่าดูสมัยก่อนกรุงแตก กรุงศรีอยุธยานั้นอุดมสมบูรณ์บรมสุขเป็นหนักหนา แม้ประสาทราชวังก็งดงามดุจว่าหยาดฟ้ามาดิน เอาว่าเกินความคิดที่ใครจะรู้เห็นได้เป็นยุคทองที่เจริญรุ่งเรืองถึงปานนั้น

    เมื่อท่านได้ลงอักขระประจุวิชาเสร็จสิ้นแล้ว ท่านจึงม้วนตะกรุดด้วยคาถาท้าวมหากาลนาคราชนอนกิน เสร็จแล้วจึงนำมาถักด้วยด้ายสาวพรหมจรรย์ที่เตรียมไว้ก่อนที่จะอธิษฐานจิตอีกวาระหนึ่ง บอกกล่าวครูบาอาจารย์มาประจุวิชาทำการสมโภชน์ตะกรุดเอกทั้งแปดดอกนั้น ท่านว่าเสกกันตกสองปีจนตะกรุดมีพรรณรัศมีเป็นฉัพพรรณรังษีพวยพุ่งขึ้นมา จึงรู้ได้ทันทีว่ามีบารมีของพุทธภูมิบรรจุอยู่เต็มแล้ว

    หลังจากนั้นท่านจึงนำมหาธาตุ หรือธาตุของครูบาศีลธรรมเจ้ามาบรรจุและผนึกไว้ภายในอีกคำรบหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าขั้นตอนนี้สำคัญมาก เมื่อจะบรรจุต้องดูยามดูเวลาที่เหมาะที่ควร ต้องขึ้นมนต์และชักยันต์ในอากาศเป่าทับเอาไว้เพื่อจะบรรจุมหาธาตุลงไปด้วยอานิสงค์ว่าจะเกิดสิริมงคลสูงสุด นำมาซึ่งความเจริญและทุกสิ่งที่จะปรารถนาแก่ชีวิตผู้นำไปบูชา ก่อนที่จะนำมาผนึกหัวท้ายปิดไว้เสีย

    เมื่อสำเร็จเป็นตัวตะกรุดมหาธาตุบันดาลทรัพย์หรือตะกรุดเพิ่มบุญนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอยู่ในที เพราะมหายันต์ทั้งสองนั้นตอบรับกับธาตุและจิตวิญญาณของครูบาอาจารย์ เมื่อได้รองรับมหาธาตุแล้ว พระยันต์ทั้งสองก็ดูดซับพลังงานและสภาวะธรรมจากธรรมธาตุนั้น จึงทำให้ตะกรุดมหาธาตุนี้มีพลังงานดุจว่าครูบาศีลธรรมเจ้าท่านได้มานั่งหนักสงเคราะห์ผู้มีบุญสัมพันธ์ร่วมกันแต่กาลก่อนโดยแท้จริง เกินกว่าที่เกินจะเป็น เหนือกว่าที่จะคาดเดาได้

    โดยตะกรุดมหาธาตุนี้ พ่ออาจารย์ท่านได้แบ่งธาตุของครูบาศีลธรรมเจ้าออกเป็นแปดส่วนเท่าๆกันบรรจุลงไปภายใน ซึ่งเมื่อจะใช้บูชาอาราธนาไปที่แห่งใดก็ให้นึกถึงและบูชาครูบาเจ้าศรีวิชัยก่อน ดังนี้
    ตั้งนะโม 3 จบ
    ศรีวิชัยชะนะมหาเถโร สัพพะลาโภ นิรันตะรัง ตะมะหัง สังฆังสิระสานะมามิ
    อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโยนามะมหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทีนัง มะหะลาภาภะวันตุเม อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหังวันทามิ สิระสา อะหังวันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


    เมื่ออาราธนาตะกรุดแล้วก็จะวางไว้บูชาหรือสวมคอพกพาก็สุดแล้วแต่ใจปรารถนา พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าตะกรุดนี้มีเคล็ดลับอยู่ ให้ผู้บูชานั้นอธิษฐานจิตสิ่งใดก็สำเร็จง่าย สำเร็จไวดังใจนึก นั่นก็คือให้หมั่นภาวนาพระคาถาบทนี้กำกับตะกรุดไว้
    ยะสะปุริสะทาโส มหาลาภัง ปุริสังมิมิ มิ
    เมื่อถึงเวลาจะอธิษฐานอะไร ก็ให้ตั้งจิตมั่นระลึกถึงครูบาศีลธรรมเจ้า ยกตะกรุดขึ้นมาเขย่าเสมอดุจด้วยพระกริ่งภาวนาพระคาถานี้ จะขอจะบอกกล่าวสิ่งใดบนบานศาลกล่าวอย่างไรท่านว่าก็สุดแล้วแต่ใจนั่นทีเดียว กาลทุกสิ่งสมปรารถนาเสมอใจแล และหากหมั่นสร้างกุศลสั่งสมบารมี ท่านว่ามีกินมีใช้จนสิ้นภพจบชาติทีเดียว ด้วยว่าองค์ครูบาพ่อนั้นท่านเป็นภาคหนึ่งของมหาโพธิสัตว์อันมีพระชาติแน่นอนแล้วมาอุบัติ ท่านมีหน้าที่ช่วยเหลือคน ขนถ่ายสัตว์ออกจากความทุกข์เป็นปกติวิสัย พ่ออาจารย์ท่านจึงบอกว่าให้ใช้กันได้ตามแต่ใจปรารถนา


    เนื่องจากตะกรุดมหาธาตุนั้นเป็นของสำคัญ ของศักดิ์สิทธิ์ที่สูงค่า พ่ออาจารย์ท่านจึงไม่เคยนำมาให้บูชาโดยทั่วไปเนื่องจากมีจำนวนการสร้างที่น้อยมาก ท่านจึงยึดถือคำครูที่ว่า คนดีมีวาสนาถึงพร้อม เขาจะมานำพาไปเองซึ่งก็มีออกให้บูชาไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากลงเรื่องตะกรุดเพิ่มบุญไปก็มีสายโทรศัพท์โทรมากันมาก ทั้งไลน์มา ทั้ง PM มา จนเราตอบไม่ครบ จึงได้กราบเรียนท่านว่าจะนำตะกรุดมหาธาตุส่วนที่เหลือทั้งหมดออกมาให้บูชาอีกที ซึ่งท่านก็กำหนดจิตถามพระเบื้องบนแล้ว ท่านบอกแต่เพียงสั้นๆว่า สว่างไสวมาก ทางเปิดแล้ว เจ้าของเขามาครบแล้ว ก็เลยได้วาระนำตะกรุดมหาธาตุออกมาให้บูชา

    * สำหรับผู้ที่จะบูชาตะกรุดมหาธาตุบันดาลทรัพย์นี้ ก็ให้แจ้งความประสงค์สั่งจองกันเข้ามาทาง PM เอาไว้ โดยขอจำกัดสิทธิ์ให้ได้เพียงคนละดอกจริงๆ พร้อมกับแจ้งชื่อนามสกุลและวันเดือนปิเกิดไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะประพรมด้วยน้ำปรุงทำการสักการบูชาบอกกล่าวองค์ครูบาศีลธรรมเจ้าเพื่อทำการฝากฝังสายบุญต่อไป รายได้จากการบูชานั้นท่านจะนำไปซื้อข้าวสารอาหารแห้งบริจาคเป็นทานบารมีให้แก่สงฆ์ในวัดที่ห่างไกลความเจริญสืบไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาธาตุบันดาลทรัพย์(เพิ่มบุญ) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อยอดธาตุมหาศักติพระจักรวาลชนนี (ฝังมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหม)

    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริจะสร้างเครื่องมงคลสักการะชั้นสูงเช่นนี้มานานแล้ว เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการวิงวอนและยังมีอานุภาพครอบคลุมทุกด้าน ท่านจึงได้ทำตามโองการครูตั้งแต่เมื่อครั้งสร้างปรพรหมอาตมัน นั่นคือสถาปนารูปกายสูงสุดแห่งมหาศักติไว้พร้อมกัน

    ท่านให้เหตุผลว่าการบูชามหาเทวะนั้นมักจะใช้เวลานานเพื่อทดสอบสภาวะจิตใจและการเข้าถึงของผู้บูชา เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันนั้น ท่านว่าบางคนก็เดือดร้อนเกินไป หากจะให้รอมหากรุณาโดยอุตสาหะเพื่อทดสอบกำลังใจนั้น เกรงว่าคนจะท้อกันเสียก่อน ดังนั้นท่านจึงให้นำพระจักรวาลชนนีหรือมหาศักติออกมาให้บูชา

    มหาศักตินั้นคือพลังงานสูงสุดของจักรวาล ในสามภพหรือไตรดาลคือทั่วทั้งสวรรค์แดนมนุษย์หรือในบาดาล หากปรากฏพระรูปของมหาศักติขึ้นแล้วสรรพชีวิตทั้งหลายย่อมนอบน้อมและเคารพบูชา พ่ออาจารย์บอกว่าในทางกายภาพนั้นคนมักจะนิยมบูชามหาศักติกันในรูปของพลังงานที่แยกกันออกไป นั่นคือ องค์พระแม่ปารวตี องค์พระแม่ลักษมี องค์พระแม่สุรัสวดี ซึ่งทั้งสามพระองค์นั้นคือภาคอวตารของมหาศักติ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการบูชาแบบแยกออกไปเช่นนั้นจริงอยู่ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็หาได้เสมอกับมหากำลังองค์ต้นไม่ ซึ่งอาจต้องใช้กำลังใจการเข้าถึงที่ยากกว่าด้วยซ้ำ ท่านจึงได้สร้างมหาศักติขึ้นเพื่อหวังกำลังสูงสุดแห่งจักรวาล ให้ผู้บูชานั้นถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆครบถ้วนทุกประการ ดังนี้คือ
    - การทำลายล้างความชั่วร้ายสถาปนาไว้ซึ่งระบบคุณธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ขจัดคนพาลมิจฉาทิฏฐิ ปกปักรักษาไม่ให้ถูกข่มเหง รังแก ด้วยอำนาจอย่างเด็ดขาดและเหี้ยมหาญประทานชัยชนะเหนือศัตรูท่านว่าไม่มีใครจะรังแกเราได้เลย เร่งรุดให้เจริญในอำนาจวาสนาบารมีด้วยเกียรติยศอย่างสูงสุด ประทานยศถาบรรดาศักดิ์และความเป็นใหญ่ตลอดจนอำนาจในการปกครอง ด้วยว่าพระนางนั้นคือมารดาแห่งสรรพชีวิต ทุกชีวิตคือลูกเสมอกัน ประทานความรักให้เท่าเทียมกัน ดำรงไว้ซึ่งน้ำระทัยที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา ซ้ำยังช่วยให้มีกำลังใจกล้าหาญ ประกอบด้วยกำลังวังชาอาจชนะมวลศัตรูได้ทั้งสิบทิศ ดำรงค์ตนอยู่ในความยุติธรรมสุจริต และยังเกื้อกูลให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีพร้อมบริบูรณ์ อำนวยความสุขในการครองเรือน ยังชีวิตให้อิ่มเอม ผาสุข เปี่ยมสุขด้วยความอุดมสมบูรณ์ คุ้มเกรงให้ออกห่างจากภยันตรายทั้งปวง ด้วยกำลังของพระแม่ปารวตี
    - สืบวงศ์ดำรงค์ตระกูล ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งและร่ำรวย ประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการทุกสาขาอาชีพ ให้ผลทางด้านการเจรจาต่อรอง เปิดทางโชคลาภโภครัพย์ อุดหนุนความสุขเพิ่มพูนในชีวิตคู่และการครองเรือน ให้คู่ครองรักใคร่กันดี ให้เจอเนื้อคู่ที่ดี ด้วยว่าพระนางนั้นจะอำนวยโชคด้วยน้ำระทัยที่ตั้งอยู่ในมหากรุณาอยู่เนืองนิตย์อย่างไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ช่วยให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างสูงสุดด้วยกำลังของพระนางอันมีรูปกายวิจิตรละลานตาสะกดฝูงชนผู้พบเห็นงามพร้อมทั้งรูปกายและกิริยามารยาท จึงส่งผลให้ผู้บูชามีเสน่ห์มีวาจาที่น่าเชื่อถือ จึงอาจกล่าวได้ว่าในส่วนของความเจริญรุ่งเรือง พระนางเป็นผู้นำมาถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรืองถ้วนทุกประการ อันเป็นกำลังของพระลักษมีเทวี
    - เปิดสติเร่งปัญญาให้พร้อมรับรู้ทุกสิ่ง ด้วยอำนาจแห่งความรู้ ปรับบุคลิกภาพให้สุขุมนุ่มลึกเงียบสงบ พร้อมจะใช้สติพิจารณาสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างแยบคาย ด้วยกำลังของเทวีผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพความรู้ทั้งมวล ทรงประทานความเข้าใจในสรรพศาสตร์ต่างๆที่มีความประสงค์จะศึกษาจะใคร่รู้ ไม่ว่าวิชาการนั้นจะล้ำลึกเพียงใด วิทยาการจะก้าวหน้าสักปานไหน พระองค์คือสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรม วิทยาการตลอดจนงานศิลปะทุกแขนงซ้ำยังเป็นผู้ให้กำเนิดภาษาเทวนาครีและนิพนธ์รจนาบทสวดมนต์บทแรกในจักรวาลอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยกำลังของพระนางนั้นจะช่วยให้ถือเวทย์มนต์และคาถาอักขระต่างๆขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ใช่เพียงแต่การศึกษาแม้จะทำการสิ่งใดที่อยู่ในอำนาจของการใช้ภาษา การเจรจา การนิพนธ์รจนา ท่านว่าทุกสิ่งที่มีภาษา มีสำเนียง มีการออกเสียง มีคำพูดเข้ามาเกี่ยวข้องทุกอย่าง ทุกสิ่งนั้นอยู่ในอำนาจของพระนางทั้งสิ้น หากพระนางเมตตาใครแล้วด้วยว่าทรงประทานกำลังแห่งความรู้และสรรพวิทยาการ คุณลักษณะนั้นแม้ตายตกตามกันไปถึงเจ็ดชั่วชีวิตก็จะไม่เสื่อมหายไป เป็นกำลังของพระแม่สุรัสวดี
    พ่ออาจารย์ท่านว่าการรวมกันของมหาศักตินั้น ก็คือการรวมกันของอำนาจสูงสุดสามสิ่ง นั่นคือความร่ำรวย ความรู้ตลอดจนถึงอำนาจวาสนา ซึ่งคุณทั้งสามนั้นคือคุณสมบัติสูงสุดที่มนุษย์ใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาและเติมเต็ม เพราะว่าบุคคลที่มีพร้อมทั้งสติปัญญา ความรู้ รูปกาย ทรัพย์สมบัติตลอดจนอำนาจวาสนานั้น คือที่สุดแห่งความบริบูรณ์ที่มนุษย์ควรจะเป็น เรียกว่าเป็นชีวิตในอุดมคติก็เป็นได้ ท่านจึงปรารถนาจะสร้างพระมหาศักติขึ้นด้วยการรวมอานุภาพสูงสุดของมหาจักรวาลซึ่งท่านว่าทอดสายตาไปทั่วทั้งสามภพก็หาจะมีซึ่งผู้ใดที่ทรงอานุภาพมากกว่านี้ด้วยว่าเป็นพระแม่สูงสุดของจักรวาลผู้รักและให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งมวลนั่นเอง เพื่อจะเกื้อหนุนดวงชะตา ทำลายสิ่งเลวทรามชั่วร้ายในชีวิต เร่งเร้าให้ผู้บูชามีครบถ้วนบริบูรณ์ในทุกสิ่งที่ปรารถนานั่นเอง

    เมื่อท่านมีดำริเช่นนั้น ท่านจึงนำหุ่นเทียนมานั่งปั้นแกะแม่พิมพ์เป็นมหาศักติประทับนั่งอยู่บนเสือ ซึ่งมหาศักตินั้นจะประทับทรงเสืออยู่ในตรีศูล(หอกสามง่าม)อีกคำรบหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าที่ทำเหรียญหล่อเป็นรูปตรีศูลนี้ ก็เพื่อจะเป็นสัญลักษณ์ว่าในภพทั้งสามนั้น พระองค์อยู่สูงสุดแล้วนั่นเอง ถ้าจะหาความรัก หาความเมตตาห่วงหา ความเอื้อารีย์ทีเหล่าทิพย์กายจะมีให้กับมนุษย์ชาติได้ ท่านว่าทั่วตรีโลกนั้นไม่มีใครสู้กำลังของมหาศักติได้เลย

    การที่มหาศักติประทับเสือนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นนัยน์ที่แฝงความเมตตาเอาไว้ ด้วยว่ายุคนี้ทุกสิ่งที่จะประกอบขึ้นมาเป็นชีวิตของมนุษย์นั้น เต็มไปด้วยการแข่งขันการแก่งแย่งชิงดี ท่านจึงทำมหาศักติทรงเสือขึ้น เพราะว่าเสือนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความดุร้าย ดั่งคำที่เปรียบเปรยมนุษย์บางจำพวกว่าร้ายดั่งเสือนั่นเอง ท่านว่าเป็นการตัดไม้ข่มนาม ต่อไปไม่ว่าจะดุ จะร้าย หรือจะดีมาจากไหนก็ตาม ลูกของมหาศักตินั้นจะชนะทั้งหมด แพ้ใครเขาไม่ได้เลย

    หลังจากท่านปั้นหุ่นเทียนนั้น ท่านจึงนำธาตุกายสิทธิ์ที่หล่อรูปพรหมอาตมันหนึ่ง รูปพระมเหศวรศดาศิวะเจ้าหนึ่ง รูปพระตรีมูรติหนึ่ง รูปพระมหาคเณศวรหนึ่ง มาขอบารมีครูอาจารย์ก่อนอาราธนาลงหล่อหลอมอีกคำรบหนึ่ง พร้อมกับใส่ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆลงไป เสริมด้วยปรอทสำเร็จของหลวงปู่ละมัย และปรอทกินทองของครูบาศรีอ่อง ก่อนที่จะเทออกมาเป็นเหรียญมหาศักติ และนำแท่งเหล็กกดลงไปด้านหลังให้เป็นแอ่งลึกเข้าไปเพื่อจะใช้ในการอุดมหามวลสารตลอดจนผงสำคัญนั่นเอง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อนเลยในเครื่องมงคลประเภทธาตุกายสิทธิ์ทั้งหมด

    เมื่อท่านหล่อพิมพ์มหาศักติขึ้นมาทั้งหมด ดุจดั่งว่าเป็นมติแห่งครูบาอาจารย์ที่ทำให้หล่อได้เพียง 8 องค์เท่านั้น มหาชนวนที่หุงผสมเอาไว้เพื่อเทธาตุกายสิทธิ์ก็หมดทันที พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริจะจัดสร้างเพียง 8 องค์เท่านั้น

    หลังจากนั้นท่านจึงมาพิจารณาว่าจะฝังอะไรดีเพื่อให้มีคุณสูงสุดหนอ เพื่อจะได้เป็นกำลังใจ เป็นของสำคัญชิ้นเอกคู่ควรแก่ผู้นำไปบูชา แต่ครั้งนั้นในสมาธิของท่านก็เกิดนิมิตดุจว่าญาณของมหาศักติเบื้องบนนั้นจะประทานทางออกให้กับท่าน ให้ท่านเห็นรูปที่พระนางปารวตีใช้ไคลตนปั้นมหากุมารขึ้นมา ซึ่งกุมารนั้นเป็นเทวโอรสมีอานุภาพมากถึงขนาดชนะเทพยดาทั้งมวลหรือแม้แต่พระเป็นเจ้าทั้งสาม ด้วยอำนาจแห่งมหาศักติที่แบ่งกำลังฤทธิ์ให้ ซึ่งมหากุมารที่ทำทั้งสามโลกสั่นสะเทือนโกลาหลผู้นี้เองจะเป็นต้นกำเนิดของพระมหาเคณศต่อไป
    พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าครูท่านให้แนวทางแล้ว เราก็ควรจะทำมหากุมารขึ้นมา แต่จะเสกขึ้นมาด้วยการปลุกมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหม แล้วก็จะเชิญมหาศักติมาแบ่งกำลังเช่นในกาลก่อน เพื่อให้เป็นที่สุดแห่งมหากุมาร ซึ่งมหากุมารนี้จะมีฤทธิ์มากมีกำลังดุจมหาพรหม มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกินกว่าเทพยดาทั้งมวล ท่านว่ายิ่งมีฤทธิ์มาก ก็ยิ่งช่วยให้สำเร็จได้มาก ประกอบกับการเชิญอำนาจแห่งมหาศักติเข้าไปเป็นต้นกำเนิดพลังงานนั้น มหากุมารนี้จึงเป็นกายสิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ดุจว่าปางนั้นพระนางปารวตีได้เสกเสรรค์เทวโอรสขึ้นมาทีเดียว โดยพ่ออาจารย์ท่านได้หล่อรูปมหากุมารยืนถือกระบองขึ้นมา ซึ่งท่านได้นำปรอทยอดธาตุ ซึ่งท่านได้มาแต่สมัยออกธุดงค์กับครูบาอาจารย์ เป็นปรอทสำคัญแข็งดุจหินที่ฝังไว้ในมหาธาตุเจดีย์สมัยสุโขทัยอันได้โค่นล้มลงมาตามกาลเวลา ซึ่งท่านว่าจะได้เสริมกำลังชีวิต ทำอะไรจะได้ว่องไวสำเร็จรวดเร็ว โดยท่านได้นำมาหลอมรวมกับแร่โคตรเศรษฐีและตะกั่วปากถุงเงิน ก่อนจะนำมาตั้งธาตุอ่านโองการปลุกเสกจนแล้วเสร็จ

    หลังจากนั้นท่านจึงนำดินสองพองมาลงยันต์นะตวัดจันทร์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่าพระยันต์ยมบาลใจอ่อน โดยท่านเพียรลบเสร็จแล้วปั้นใหม่ถึง 108 ครั้ง ก่อนที่จะนำมาลบนะพระเจ้า มนต์ขอพรเทวดา มนต์สำเร็จทันใจ และมนต์มหากำเนิดต่อไป ท่านว่าที่ท่านตั้งต้นด้วยนะตวัดจันทร์หรือที่เรียกว่าผงยมบาลใจอ่อนนั้น ท่านว่าแม้แต่ยมบาลเทพผู้รักษากฏเหล็กทรงความยุติธรรมนักหนา ยังได้ชื่อว่าต้องใจอ่อนยอมผ่อนปรนให้กับความต้องการของเรา แล้วนับประสาอะไรกับน้ำใจมนุษย์และสัตว์รอบข้าง ยิ่งองค์พระมหาศักตินั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะท่านมีน้ำใจประกอบด้วยเมตตาอยู่แล้ว ยิ่งใจอ่อนเข้าไปอีก และมนต์บทต่างๆที่ลบถมลงไปนั้นก็คัดมาเฉพาะหัวกะทิ ท่านว่าเพื่อให้ง่ายต่อการขอ การเข้าถึงนั่นเอง ขอแล้วต้องถึง ขอแล้วต้องได้รับความเมตตา ทั้งมหาศักติและมหากุมาร โดยท่านได้นำผงลบนั้นมาผสมกับมวลสารคตศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่เคยบดไว้ ทั้งคตไข่งู คตไข่นกในป่า คตไข่ไก่ คตกะโปกเสือ คตปลิง ต่างๆ รวมไปถึงผงวิเศษบูรพาจารย์ต่างๆที่ท่านรวบรวมไว้ เข้ากันกับสีผึ้งของครูที่เป็นมวลสารรุนแรงทางเมตตามหาเสน่ห์

    จากนั้นท่านจึงลงตะกรุดสามดอกหรือที่เรียกว่าตะกรุดสามกษัตริย์ฝังไว้ ท่านว่าตะกรุดสามกษัตริย์นั้นเป็นการผูกตะกรุดด้วยความเฉลียวฉลาดของบูรพาจารย์ เพราะธาตุทั้งสามนั้นหากนำมารวมกันก็จะเกิดเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ ดังนั้นตะกรุดสามกษัตริย์ จึงมีความหมายมงคลอีกอย่างหนึ่ง ให้ความปรารถนาที่ตั้งไว้ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ผลนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านลงตะกรุดสามดอก สามวิชาตามหัวใจแห่งคุณยิ่งใหญทั้งสามของมหาศักติ เพื่อจะให้ผู้บูชาง่ายต่อการเข้าถึงคุณทั้งสามนั้น คือ
    - ความร่ำรวย
    - พลังอำนาจ เกียรติยศ
    - ความตื่นตัว รอบรู้


    เมื่อนำมาอุดผงฝังมหากุมารตลอดจนตะกรุดสามกษัตริย์แล้ว ท่านจึงนำมาเชิญครูเพื่อขอพลังอำนาจแห่งมหาศักติอวตารลงมาสถิตย์ในเครื่องมงคล และประกอบพิธีเทวาภิเษกต่อไป ท่านว่าอธิษฐานจิตจนปรากฏรูปมหาศักติขึ้นมา เทพเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุก็ปรากฏองค์น้อมเศียรนมัสการจึงได้ยินเสียงว่าพอแล้ว เต็มแล้ว ท่านจึงเก็บไว้เรื่อยมา ท่านว่าเหรียญนี้มีทุกสิ่งที่มนุษย์ต้องการและควรจะมี

    คาถาบูชา
    โอม ศรีมหาเทวี สตีมหามาตา อุมาภควัมบดี ลักษมี สุรัสวดีมหามาตารี เทวะ มนุษย์สะ ยักษ์สะวันทามิ เทวีมหาอิทธิโย มหิทธิกา มาตารีโอม
    เมื่อจะใช้ทางเปิดสมอง ต้องการสติปัญญา ให้ภาวนาว่า นโม เทวเย สรัสวัตเย
    เมื่อต้องการกำลังใจ ต้องการจะชนะ หรือปราบปรามศัตรู ให้ภาวนาว่า โอม ศรี มหาทุรคาเทวะไย นะมะห์
    เมื่อจะดำเนินชีวิตประกอบการทำมาหากิน ต้องการโชคลาภตลอดจนความสำเร็จทางความรักการครองเรือน ให้ภาวนาว่า โอม ชยะ ศรี ลักษมี มาตา
    * สำหรับมหากุมารนั้น เมื่อจะบนบอกขอสิ่งใดท่านว่าให้ล่อเขาหน่อยด้วยนมและขนมต้ม ถ้าไม่อธิษฐานอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเช่นกุมารปกติ


    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างเหรียญหล่อมหาศักติไว้ทั้งหมด 8 องค์ ดังนั้นจึงจะเปิดให้จองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ทั้งหมดร่วมทำบุญถวายข้าวสารให้กับวัดในชนบทต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อยอดธาตุมหาศักติพระจักรวาลชนนี (ฝังมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหม) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลสั่งฟ้า(ต่อลาภสร้างตัว)

    นับเป็นเครื่องมงคลเฉพาะตัวที่พ่ออาจารย์นั้น ท่านต้องทำการลบผงผสมผงอุดให้แบบพิเศษทีละดอก ดุจว่าเป็นของเฉพาะตน ด้วยว่าวิชานี้นั้นยังแฝงเร้นด้วยการเติมเต็มความปรารถนาของสรรพกิเลสทั้งหลาย

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างเครื่องมงคลมาหลายชนิด แต่ท่านว่าไม่มีอะไรที่จะมีคุณลักษณะเด่นเป็นเอกเทศน์เช่นนี้เลย เพราะว่าคุณของมงคลนั้นจะเข้าถึงความต้องการพื้นฐานโดยรวมของมนุษย์ ท่านว่าโดยปกติแล้วมนุษย์มีความอยาก มีความต้องการหลายๆสิ่ง ทั้งฐานะ การเงิน โชคลาภ ความรัก ความเจริญก้าวหน้า ชัยชนะ การแข่งขัน ความสำเร็จ ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นความทะเยอทะยาน เป็นความต้องการทั้งสิ้น เป็นความปรารถนาที่ตั้งอยู่บนฐานของกิเลส อยากได้ อยากมี อยากเป็น ซึ่งมงคลสั่งฟ้านั้นเป็นวิชาที่จะไหลไปตามอารมณ์กิเลสของมนุษย์ ช่วยสนองให้กิเลสทั้งหลาย อันประกอบด้วยกาม ความปรารถนาและความทะเยอทะยานต่างๆเป็นไปตามที่ปรารถนา ด้วยอานุภาพของจอมฟ้าพญาปรนิมมิตวัสวัตตีหรือท่านท้าวมาลัยนั่นเอง

    วิชานี้เป็นวิชาเทพนิมิตรที่หาได้ยาก นั่นคือต้องเรียนโดยตรงจากท้าวมาลัยหรือที่พ่ออาจารย์ท่านมักจะเรียกว่าจอมฟ้า ผู้เป็นหนึ่งในพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ทั้งสิบพระองค์ซ้ำยังเป็นเทวราชแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวัสวัตตีเทวโลก ปกครองดูแลเทพเจ้าฝ่ายมารทั้งหมด เมื่อท่านปรารถพระโพธิญาณกลับตัวกลับใจละทิ้งมิจฉาทิฏฐิแล้ว ก็ปรารถนาจะช่วยเหลือสัตว์โลกอันตกทุกข์ได้ยากให้ข้ามฝั่งพ้นเหวแห่งทุกข์ตามคติพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ทั้งหลายพึงกระทำ

    อย่างที่กล่าวไปแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจึงได้สร้างมงคลสั่งฟ้าหรือที่เรียกว่าตะกรุดสั่งฟ้าขึ้น เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ปรารถนาจะเจริญทางโลก มีโภคทรัพย์สมบัติความสุขบริบูรณ์ ซึ่งวิชาท่านได้รับสัจกับท้าวมาลัยไว้ว่าจะสร้างได้เพียง 16 ดอกเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพ่ออาจารย์ท่านได้ทำสงเคราะห์ให้ับคนที่ติดขัดมีปัญหาชีวิตล้มละลาย ขายกิจการโรงงานต่างๆนำไปบูชาแล้ว 7 ดอกด้วยกัน ซึ่งทั้งเจ็ดคนที่มีปัญหาชีวิตต่างๆกันไปนั้นก็กลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วดุจว่ามีอภินิหาริย์สิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตพวกเขา เรียกว่าถึงขนาดทำหิ้งแยกไว้ประดิษฐานตะกรุด ขึ้นบายศรี ถวายผลไม้ลูกใหญ่ๆโตๆ เหมือนกับบูชาเทวรูป เพื่อบูชาสักการะท้าวมาลัยเช่นนั้น ซึ่งเค้าให้เหตุผลว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะเค้าพลิกฟื้นกลับมาและได้รับอะไรคืนจากตะกรุดนี้มากมายนัก

    ท่านว่าด้วยเพราะมนุษย์ทั้งหลายยังมีกิเลส มีความทะยานอยากทุกคนยังมีปัญหามีความต้องการที่จะเติมเต็มความปรารถนาของตน ซึ่งท่านพิจารณาแล้ว ท่านว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันเป็นปัจจัยสี่ที่ทุกคนต้องมีและสมควรจะมีในการดำรงค์ชีวิต ท่านจึงได้สร้างมงคลสั่งฟ้าแบบพิเศษขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ ทั้งหมด 9 ดอกสุดท้าย ครบกำลังโสฬสพอดีซึ่งหลังจากนี้ไปท่านว่าจะไม่มีการทำอีกซักดอกหนึ่งเลย โดยท่านถือมหัทธโนฤกษ์หรือที่เรียกกันว่าฤกษ์เศรษฐีในการลงตะกรุด ท่านว่าเพราะสมัยนี้ถ้าเป็นเศรษฐีก็เรียกได้ว่ามีทุกอย่างนั่นแหละ ซึ่งตะกรุดหรือมงคลสั่งฟ้านั้นท่านว่าลงยากมาก เพราะต้องตีตารางผูกยันต์เข้าด้วยกันถึงห้าวิชา ลงอักขระโดยการกำหนดจิตเรียกสูตรไปด้วยทุกตัวอักขระจนกว่าจะสำเร็จ

    ซึ่งในวาระนี้ ที่พ่ออาจารย์ท่านว่าจะลงแบบพิเศษนั้น เพราะว่ามงคลสั่งฟ้าทุกดอก ด้านหลังท่านจะลงยันต์ต่อลาภสร้างตัวเอาไว้เต็มสูตร ท่านว่าจะได้ต่อโชคลาภวาสนาเพราะในชีวิตมนุษย์นั้น ถึงมีบุญได้เกิดก็จริง แต่ทุกคนก็ทำบุญมาไม่เท่ากัน ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องโชคลาภวาสนาใดๆเลย ว่าทำไมแต่ละคนถึงมีไม่เท่ากัน เพราะเช่นนี้ท่านจึงลงวิชาต่อลาภสร้างตัวเอาไว้ ท่านว่าถ้าได้พบตะกรุดนี้ก็ถือว่าเค้ามีวาสนาแล้ว เพื่อที่จะได้ต่อหนทางให้วาสนาของตนเพิ่มขึ้นไปไม่หยุด ท่านว่าเอาแค่มงคลสั่งฟ้านี้อยู่กับตัว ไม่ต้องกลัวว่าวาสนาโชคลาภใดๆจะเหือดแห้ง ห้ามอย่างเดียวคืออย่าทำหายก็พอ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำไปด้วยคุณวิชาและอาถรรพ์ของบูรพาจารย์เบื้องบน ซึ่งวิชาต่อลาภ สร้างตัวนี้ ท่านว่าเป็นวิชาสองแขนงที่ท่านนำมาลงรวมกัน เพราะคนเรานั้นบางคนมีโชคลาภ แต่บางครั้งก็ยังมีเคราะห์กรรมด้วย ถึงมีโชคสักเพียงใดมันก็หมดไปไม่พอใช้อยู่ดี เรียกว่าโชคนั้นมาพร้อมกับเคราะห์ ทุกข์ โทษ ภัย ถ้าเป็นเช่นนี้มีโชคอย่างไรก็สร้างตัวไม่ได้ ท่านจึงลงแก้ทางกันไว้ ท่านว่าวิชานี้ใช้ได้ตรงตัวเลยก็คือสร้างตัว จะเริ่มจากศูนย์ หรือจะไม่มีอย่างใด ต้องสร้างขึ้นมาได้ทุกคน

    เมื่อท่านลงตะกรุดเสร็จแล้ว ท่านจึงเชิญองค์ท้าวมาลัยมาร่วมกันอธิษฐานจิตอีกวาระหนึ่ง ซึ่งท่านว่าสำคัญมาก เพราะอานุภาพของท้าวมาลัยหรือจอมฟ้าพญามารนั้นเป็นกำลังของมหาโพธิสัตว์ใหญ่ ซึ่งแต่เดิมนั้น ไม่ว่ายุคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ไหนก็ดี จะไม่มีการบังเกิดขึ้นของมหาโพธิสัตว์ในแดนมารเช่นนี้ เป็นการหักล้างกฏแห่งสังสารวัฏที่ว่าพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่นั้นจะไม่จุติในแดนมารทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่เหล่ามหาโพธิสัตว์ด้วยกันอย่างท้าวนาถเทวราช(พระศรีอาริย์)ก็ยังให้เหตุผลไม่ได้ ท่านว่าด้วยมหากรุณาแห่งองค์ท้าวมาลัยนั้น ต่อไปจะได้หักล้างกฏเกณต่างๆที่ผูกปมขึ้นมาในชีวิตผู้บูชา ใครที่ตกทุกข์ได้ยาก ใครที่เหยียบย่ำอยู่กับที่หรือถอยหลังกลับไป ใครที่ไม่สามารถทำความฝันของตนให้เป็นจริงได้ ท่านว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามแต่ จะหักล้างไปได้ด้วยพระเดชและมหากรุณาของเทวราชโพธิสัตว์พระองค์นี้ นี่เป็นบารมีเฉพาะทาง

    หลังจากท่านลงมงคลสั่งฟ้าแล้ว ท่านยังได้ลบผงจินดามณี(ไม่ใช่ยาจินดามณี) ซึ่งท่านว่าเป็นของที่ทำได้ยากเพราะต้องเดินกสิณ และเสกจนเกิดอุคคนิมิตรเป็นทรัพย์สินศฤงคารบรรดามีดุจว่าเป็นสมบัติจักรพรรดิ์ บังเกิดขึ้นตรงหน้าสูงทับท่วมจอมเขาพระสิเนรุราช มีรัศมีเจ็ดประการออกมาจากผงนั้น แล้วจึงนำผงจินดามณีที่ลบได้นั้นมาผสมกับผงดวงพระราชสมภพหรือดวงกำเนิดของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านว่าเพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเป็นเจ้าชายสิทธัตถะนั้น เรียกว่าตั้งแต่เกิดเลย หรือช่วงก่อนออกผนวชนั่นเอง พระองค์ถูกปละโลมรายรอบไปด้วยเบญจกามคุณ มีครบทุกสิ่งที่มหาบุรุษสมควรจะมี ทั้งลาภ ยศ ทรัพย์สินศฤงคาร ความสะดวกสบายถ้วนทุกประการ เรียกว่าเป็นเอกในโลกไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเสมอเหมือนทีเดียว จึงได้ขอพุทธบารมีในกาลนั้นเพื่อมาบรรจุมงคลสั่งฟ้าพร้อมกับผงจินดามณี

    ซึ่งมงคลสั่งฟ้าทุกดอกนั้น พ่ออาจารย์ท่านจะยังไม่ได้บรรจุผงไว้แต่อย่างใด ด้วยว่าท่านจะทำพิธีบรรจุผงและบอกกล่าวท้าวมาลัยทีละดอกอีกครั้ง เป็นกาลเฉพาะกิจเพื่อให้เป็นของเฉพาะตนให้รวย ให้ได้ดี สั่งฟ้าสั่งรวยกันแบบเฉพาะตน เมื่อมีผู้สั่งจอง แจ้งชื่อนามสกุลเข้ามาแล้วท่านจึงจะลงมือกระทำให้ก่อนจะทำการปิดผนึกต่อไป

    อันที่จริงมงคลสั่งฟ้านี้ท่านว่านอกจากจะมีอานุภาพดังที่กล่าวมาแล้ว ท่านว่ายังเป็นเอกเรื่องเสน่ห์อีกด้วย อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนท่านว่าเดี๋ยวจะงงกันว่ามาได้อย่างไร โดยท่านพูดเป็นนัยน์ไว้ว่ามีครบทุกอย่าง ถ้าไม่มีสิถึงจะแปลก

    พ่ออาจารย์ท่านไม่ให้พูดถึงเรื่องทางเสน่ห์ของเครื่องมงคลชิ้นนี้มากนัก ท่านว่าให้เค้าเอาไปใช้แล้วเจอกับตัวนั่นแหละดีที่สุด ซึ่งก็พูดไม่ได้จริงๆเพราะมันจะเกินงามไป ท่านว่าอานุภาพของท้าวมาลัยนั้นท่านออกทุกทางจริงๆ เรียกว่าวิจิตรประณีตสูงสุดในกามภพแล้ว แม้ผู้ทรงศีลยังตบะแตกได้ทีเดียว สำหรับผู้ใช้หากไม่ติดว่าเป็นสมณะเพศปรารถนาจะเอาดีทางโลกทุกทาง ท่านว่าใช้ได้หมดไม่มียกเว้น คนทั่วไปใช้ได้แต่พระห้ามใช้เพราะจะหลงไปกับลาภยศชื่อเสียงเสียเปล่า สุดท้ายท่านว่าได้สึกหาลาเพศแน่นอน

    สำหรับมงคลสั่งฟ้านี้ พ่ออาจารย์ท่านได้เชิญครูปลุกเสกมานาน ท่านว่าแม้แต่หลวงพ่อฤาษียังเคยบอกท่านเลยว่าตะกรุดเหล่านี้ ความสุขทั้งนั้น ซึ่งท่านว่าถึงจะเป็นคำพูดสั้นๆแต่ก็มีความหมายยิ่งใหญ่ เพราะองค์ท้าวมาลัยนี้ถ้าท่านมาหาเมื่อไหร่ มีความสุขแน่นอน ขออย่างเดียวคือให้เคารพพระรัตนตรัยจริงๆ รับรองว่ามารทั้งหลายจะไม่กล้ามาก่อกวน ซ้ำองค์ท้าวมาลัยบรมโพธิสัตว์ท่านยังจะใช้เทพยดาทั้งหลายโดยเฉพาะเทพในนิมมานรดีซึ่งมีหน้าที่เนรมิตรสิ่งต่างๆให้คอยช่วยเหลือประคับประคองชีวิตตนด้วย

    คาถาบูชา (ตั้งนะโม 3 จบ)
    นะโม วะสะวะตีมาเร อนาคะตังเส พุทธัสสะ(ภาวนานึกถึงท้าวมาลัยเป็นที่สุด)


    * มงคลสั่งฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านทำแบบพิเศษให้เป็นของเฉพาะกาล ดังนั้นผู้สั่งจองทาง PM ให้แจ้งชื่อนามสกุลเข้ามาเลย เพื่อที่ท่านได้จำนำไปบรรจุผงและบอกกล่าวทำพิธีต่อไป รายได้จากการบูชานำไปซื้อข้าวสารมอบให้วัดในถิ่นทุรกันดารต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลสั่งฟ้า(ต่อลาภสร้างตัว) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • buddha-4.jpg
      buddha-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.2 KB
      เปิดดู:
      115
    • SAM_5120.JPG
      SAM_5120.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      124
    • bb01.gif
      bb01.gif
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      135
    • avatar24097_5.jpg
      avatar24097_5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12 KB
      เปิดดู:
      513
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,720
    ค่าพลัง:
    +18,229

แชร์หน้านี้

Loading...