ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวิฬาร์ย่ำเหยียบเงาหมื่นกฏไม่ใช่เรื่องของเรา(เงาปรากฏรวยอมตะ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดบรมครูพรหมบันดาลคนเหนือเมฆ (องคุลีแห่งพรหม,มหาพรหมชี้นิ้วเพชร)

    เมื่อพูดถึง "นิ้วเพชร" แน่นอนว่าหลายคนที่เล่นเครื่องรางย่อมนึกไปถึงตะกรุดและเครื่องรางประเภทต่างๆ ซึ่งนิ้วเพชรนี้ก็มีด้วยกันหลายตำรับตามแต่ครูบาอาจารย์ท่านจะแปลงวิธีการสร้างให้เหมาะสมกับยุคสมัย หากแต่พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ จริงๆเลยแบบของแท้ดั้งเดิมอาจารย์ผู้ทำต้องไปหาเอาร่างเด็กที่สิ้นในครรภ์มารดาที่ต้องอาถรรพ์ตามตำรามา ใช้ปากของตัวอาจารย์นั้นกัดนิ้วชี้เด็กมาให้ขาด แล้วเอามาทำพิธีลงรักปิดทอง พวกด้วยครั่งพุทรปลุกเสกแล้วเก็บใส่กระบอกเล็กๆ ต้องเลี้ยงในอู่เหมือนเด็กจริง 7 วัน และให้อยู่ไฟอีก 1 เดือน จากนั้นถึงพกติดตัวได้ ด้วยพิธีกรรมที่ยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าจะทำได้วิชานิ้วเพชรนี้จึงถูกดัดแปลงไปอีกหลายส่วนกลายเป็นตะกรุดบ้าง ไม้เท้าบ้างทำให้วิชาจริงๆกลายเป็นตำนานไปนั่นเอง


    พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพูดขึ้นมาถึงนิ้วเพชร ยุคของเราก็ไม่ได้ทำเอาไว้เช่นกัน หากแต่ในสมัยเจ้าปู่ชัยพรหม วิชาต่างๆคนสมัยนั้นเขาทำกันทุกอย่างเต็มที่จริงๆเพื่อให้ได้ที่สุดแห่งเครื่องรางมาเป็นมงคลประจำกาย นิ้วเพชรนี้พ่อปู่เจ้าท่านก็ได้ทำไว้เช่นกันและพ่ออาจารย์ท่านก็ได้นำใช้มาโดยตลอด จนเมื่อท่านสร้างตะกรุดบรมครูพรหมบันดาลนี้ ด้วยประสงค์ของครูมหาพรหม ท่านว่ามีนิมิตชัดเจนให้ท่านนำนิ้วเพชรที่สืบทอดมาแต่โบราณเก่าก่อน พลีเป็นเครื่องยาอุดตะกรุดไว้


    หากพูดถึงพระพรหม ลำพังแล้วพวกเหรียญพวกรูปหล่อพระพรหมก็ยังพอมีคนสร้างกันบ้าง แต่ในส่วนของวิชาของท้าวมหาพรหมนั้นย่อมแตกต่างกัน เพราะของบางสิ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าข้างบนเค้าก็เลือกคนรับ บางอย่างย่อมไม่ปรากฏในโลก หรือไม่มีในคัมภีร์ บางชนิดก็ไม่มีผู้สืบทอด ซึ่งครั้งนี้พ่ออาจารย์ก็ได้ทำตะกรุดดอกน้อยๆไว้ หากแต่ตะกรุดนี้อานุภาพกลับไม่น้อยเลย ด้วยใช้ได้หลายทาง หลายแง่มุม ซ้ำกว่าจะทำให้สำเร็จได้พ่ออาจารย์ท่านต้องสละของใช้ส่วนตัวเพื่อพลีลงในเครื่องมงคลนี้ด้วย ท่านว่าตะกรุดนี้แม้มีแค่วิชาก็ไม่สามารถเสกหรือสร้างได้เต็มวิชา ถ้าท่านไม่อาศัยบารมีครูเก่าที่ทำเครื่องมงคลชิ้นพิเศษซึ่งท่านใช้พกพาประจำ นำมาพลีลงเพื่อให้มีคุณเต็มวิชาแล้ว แน่นอนว่าตะกรุดที่ว่านี้ย่อมเกิดขึ้นมิได้เลย หมดเครื่องยาเหล่านี้ต่อไปก็ทำไม่ได้อีกแล้ว

    ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าของนี่ยังไม่ได้ใช้อย่าเพิ่งรีบตาย ถ้าเกิดมาแล้วไม่ทันเห็นถือว่าพลาด ใครที่เขาพลาดเราเสียดายจริงๆ คิดเสียว่าบาปบังตา อุตส่าห์พากเพียรอุตสาหะจนสำเร็จได้ ไม่ทันใช้นี่น่าตีจริงๆ (ก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงเพราะท่านพูดแบบนี้ คงหมายความได้อย่างเดียวว่าพลาด ..ถือว่าพลาดมาก) ตะกรุดน้อยๆดอกนี้พ่ออาจารย์เสกเก็บไว้นานมาก ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจต่อการใช้ชีวิตของคน ประกอบกับหลายคนถามหาของแรงๆ ต้องการอาถรรพ์สูงๆแล้วก็ถามหาครูพรหมสหัมบดี ท่านจึงให้นำวิชาครูพรหมออกมาแก้กันวิกฤติชะตาของคนทั้งหลาย

    หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าครูพรหมของพ่ออาจารย์ท่าน คือท้าวมหาพรหมนามว่า "สหัมบดีพรหม" เป็นอธิบดีใหญ่ปกครองพรหมทั้ง 16 ชั้น ทรงพรหมวิหารธรรม บรรลุอมตธรรมรสขั้นอนาคามีพร้อมด้วยสมาบัติชั้นสูง ด้วยประสบการณ์ต่างๆจากที่ท่านเคยออกให้บูชาองค์มหาพรหมสหัมบดีไป ต่างรู้กันว่าพระพรหมของพ่ออาจารย์ท่านมีอานุภาพหรือให้คุณทางความเจริญ ความก้าวหน้า ทำมาค้าขาย ทำมาหากินเป็นพิเศษ พระพรหมของท่านมีอานุภาพแรงและเร็วเพราะพรหมมีอานุภาพมากกว่าเทวดาหลายพันเท่านัก ยิ่งพรหมของพ่ออาจารย์เป็นพรหมอธิบดีผู้เป็นใหญ่กว่าพรหมทั้งปวง เป็นพรหมที่ตรวจดูดอกบัวประจำกัปตอนกำเนิดมหาจักรวาลเพื่อเตรียมการรับรองการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมไปถึงอัญเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าแผ่สัจธรรมถึงห้าพระองค์ในภัทรกัปเมื่อเริ่มแรกของการบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ จึงเป็นอธิบดีแห่งพรหมที่มีหน้าที่สำคัญและมีอานุภาพมาก


    พ่ออาจารย์ท่านว่าพระพรหมนั้นคือพระผู้ประเสริญ ทรงคุณวิเศษ มีอิทธิฤทธิ์ มีอำนาจและอานุภาพมาก แต่เหนืออื่นใดคือมีเมตตากรุณาเสมอด้วยบิดามารดาเอื้ออาทรณ์แก่บุตร เหมือนพรหมพ่อพรหมแม่ พร้อมทั้งมีบารมีช่วยเหลือเกื้อกูลเราได้สารพัดนึก และการทำวิชาในสายพรหมของพ่ออาจารย์ท่านจะไม่ใช้การเสกพระพรหมธรรมดาทั่วไป แต่ท่านว่าต้องเชิญองค์พระพรหมมาสถิตย์ หรือจะเรียกว่า "แบ่งภาคญาณพระพรหมให้มาสถิตย์ประจำที่เครื่องมงคลนั้น ๆ" ซึ่งการที่จะเชิญพระพรหมได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับญาณบารมีของผู้ปลุกเสกหรือผู้เชิญด้วย ท่านว่าถ้าเชิญกันไม่เป็นทำไม่ได้ เครื่องมงคลใดๆที่เป็นรูปพรหมก็จะมีแต่เทพบริวารเข้ารักษานั่นเอง

    ในครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาใช้วิชาของครูมหาพรหมลงตะกรุดบรมครูพรหมบันดาลไว้ ทั้งเสกทำวิชาเชิญบารมีเทพพรหมบรมครูอยู่หลายวาระ ท่านว่าตะกรุดดอกนี้มีติดตัวผู้ใดจะรุ่งเรืองโดยส่วนเดียว ไม่มีวันตกต่ำเลย จะทำอะไรก็มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด เป็นที่รักและเมตตาแก่คนทั้งโลก * ทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายใดที่เกิดขึ้นกับเรา ท่านว่ามีตะกรุดอยู่ให้อธิษฐานบอกครูพรหมขอฝากไอ้ตัวทุกข์โศกโรคภัยทั้งหลายไว้กับตะกรุด สิ่งอันไม่พึงใจไม่พึงปรารถนาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเรา

    ทั้งตัวตะกรุดยังเป็นยันต์แห่งโชคลาภ เรียกเงิน เรียกทอง เรียกทรัพย์ มีอานุภาพสูงส่งทางด้านมหาลาภ มหาโภคทรัพย์ บันดาลโชคลาภ เงินทองดีนัก ในขณะเดียวกันก็มีอานุภาพทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ควบคู่กันไปอีกด้วย..ท่านว่าเฉพาะตะกรุดก็เป็นของดีพุทธคุณสูง ที่ควรที่มีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเอาดีทางด้านโชคลาภและมหาเสน่ห์เมตตามหานิยมในตัวเดียวกัน โดยปกติอานุภาพของวิชาพรหมทั่วไปจะมีพื้นฐานดังนี้
    1. เป็นเลิศทางเมตตามหานิยมประเสริฐกว่าลงนะเมตตาซักร้อยครั้ง
    2. มหากัน แก้ไขอุปสรรค แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ทุกข์ภัยใด คุณไสย คุณผี หนีไกล อยู่กับตัวเราไม่ได้ ลมเพลมพัด ผีเข้า เจ้าสิง อาถรรพณ์ต่างๆ หายหมด
    3.เปิดทาง เงินทอง เร่งโชคลาภให้ไหลมาเทมาง่ายไม่ติดขัด การงานธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายดี เป็นเศรษฐี มั่งมีทรัพย์ ไม่อดอยาก ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์
    4.เสริมดวงให้ดวงดีอยู่เสมอ แก้ดวงไม่ดี ดวงตก แก้เคราะห์กรรมอันเกิดจากดวงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก กันทุกข์ภัยที่เกิดจากดวงดาว ราศี พระราหูบดบังดวงชะตา และเบญจเพศด้วย


    ท่านว่าที่ผ่านๆมานั้น ชีวิตใครที่มีอุปสรรคขวากหนาม สิ่งไม่ดี ก้าวไม่พ้นความยากความจน ความล้มเหลวสิ้นหวัง ให้เอาวิชาของพระพรหมท่านไปใช้ ท่านว่าจะช่วยส่งสงเคราะห์ให้ความสำเร็จทุกประการง่ายขึ้น สำเร็จเร็ว ก้าวหน้าไว ก้าวผ่านความยากจนล้มเหลวสิ้นหวังทั้งหลายไปได้


    การทำตะกรุดบรมครูพรหมบันดาลคนเหนือเมฆนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ทำผงไว้สองส่วนก่อนนำมาผสมกัน ได้แก่
    - ผงพรหมค้ำดวง ท่านว่าผงนี้พิศดารลงกันเล่นๆไม่ได้เพราะท่านต้องลงดวงแห่งความเจริญรุ่งเรืองผูกเข้ากับชะตาเมือง เวลาเสกต้องตั้งนิมิตเหมือนเสกหน้าพระพรหมค้ำทั้ง 4 ทวีป ท่านว่าใครที่มีผงนี้บูชาเทพพรหมจะคอยให้การอุปถัมภ์ค้ำชู ผู้ที่บูชาผงดวงชะตานี้ต่อไปไม่รู้จักคำว่า"ล้ม" เพราะนี่เป็นผงพรหมค้ำดวงที่ค้ำทั้งสี่ทวีป คนใช้จะมีความเจริญก้าวหน้าพัฒนาอยู่ตลอด ทั้งป้องกันศัตรูและเสนียดจัญไร อันตราย และคนชั่ว ใช้ป้องกันเหตุเภทถัยหมดจดทุกประการ ซ้ำท่านยังอธิษฐานจิตสำเร็จผงให้นำมาซึ่งความอิ่มเอมเปรมใจ สุขกาย สุขใจ ความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพูนทรัพย์สิน ให้ผู้บูชามีพละกำลังยิ่งๆขึ้นไป ผงนี้ท่านว่าเธออธิษฐานเอาตามแต่เธอจะปรารถนาเถอะ จะคิดการสิ่งใด ก็ล้วนสำเร็จเลิศเลอ ประเสริฐยิ่งนัก
    - ผงองคุลีพรหม ท่านได้นำนิ้วเพชรที่สืบทอดมาแต่บูรพาจารย์มาทำผงตำรับองคุลีพรหมหรือมหาพรหมชี้นิ้วเพชร ผงนี้ท่านต้องนำนิ้วเพชรที่เป็นผงพลีไว้มาปั้นเป็นแท่งลงเลขยันต์ทำผงและดวงยันต์ ซึ่งมีอานุภาพทางอิทธิฤทธิ์ ทางมหาอำนาจปราบศัตรู ทำให้ศัตรูเกรงกลัว ไม่คิดต่อสู้ มีอานุภาพแรงถึงขั้นฆ่าศัตรูให้ตายโดยไม่ต้องใช้อาวุธ


    ในตะกรุดนั้นท่านต้องอุดผงสองส่วน ส่วนด้านหนึ่งอุดด้วยผงองคุลีพรหม อีกด้านหนึ่งนำผงพรหมค้ำดวงนั้นมาเข้ากับผงช้องหมูป่า เขี้ยวหมูตัน คดพุทธรักษา ซึ่งมีคุณวิเศษทางเมตตา มหาอุด หนุนความสุขความเจริญ แก้ถอดถอนของมนต์ดำ ต่อชะตาให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีโชคลาภ ใช้อธิษฐานรักษาโรคภัยที่เบียดเบียนมนุษย์ ทั้งยังใช้ชี้ถอดถอนคำอธิษฐาน คำสาปแช่งได้

    เมื่อสำเร็จท่านว่าตะกรุดนี้จะมีอานุภาพมากดุจนิ้วเพชรท้าวมหาพรหมที่ใช้ปกาศิตชีวิตสัตว์โลก ทั้งยังใช้ชี้เป็นชี้ตายได้ทั้งสิ้น ท่านได้นำสีแดงมาทาเป็นสัญลักษณ์ไว้อีกด้านหนึ่งเพื่อแยกแยะเวลาใช้
    คำว่า"ชี้ตาย" หมายถึง พลังอำนาจมีเดช มีอำนาจ วาสนาเกิดขึ้นแก่ผู้บูชา ศัตรูพ่ายไปเรียกว่าชี้ตาย
    คำว่า "ชี้เป็น" หมายถึง พลังอำนาจที่ทำให้เกิดเป็นเมตตามหานิยมขั้นสูง เกิดโชคดี มีบารมีแก่ผู้บูชา เรื่องเลวร้ายกลับกลายเป็นดี จึงเรียกว่าชี้เป็น


    ตะกรุดของพ่ออาจารย์นี้ ท่านว่าให้เอาไปใช้เพื่อความเจริญ อย่านำไปใช้ในทางที่ผิด ตะกรุดจะแบ่งเป็นสองด้าน คือ
    - ด้านสีขาว ที่ใช้ชี้ไปทางไหนทางนั้นจะดีจะเจริญรุ่งเรือง
    - ด้านสีแดง ท่านให้ใช้ชี้ไล่เคราะห์กรรมโรคภัยที่มาเบียดเบียน ทั้งยังเอาไว้ชี้ไล่ผี แก้อาถรรพ์ แก้คุณไสย ถูกกระทำย่ำยี ใช้ปลายตะกรุดจี้ไล่ผี ไล่สิ่งไม่ดีออกไป

    *** เวลาเอาตะกรุดไปเลี่ยมพกติดตัว ให้เลี่ยมเอาด้านสีขาวชี้ขึ้นดุจดรรชนีชี้ขึ้นฟ้า สั่งฟ้าไม่ให้ชีวิตตนตกต่ำ ให้มีแต่พุ่งขึ้นเสมอไป ไปไหนให้อาราธนาคุณตะกรุดคุณพระพรหมให้มั่นและเอาด้านสีขาวที่ชี้ขึ้นนี้ชี้ไปทางทิศนั้น ท่านว่ารับรองสะดวก ปลอดภัย สำเร็จ

    วิธีใช้
    เมื่อจะชี้ด้านปลายสีแดง...ในกรณีใดๆตามแต่ที่เห็นสมควร ให้อธิษฐานระลึกถึงพระแม่ธรณีให้มาช่วยกำจัดศัตรูที่เข้ามาเบียดเบียน หากว่าศัตรูผู้รุกรานล่วงล้ำเขตแดนเข้ามา หรือประสงค์ร้ายตั้งใจทำอันตรายแก่เรา ขอให้เขาแพ้ภัย พ่ายแพ้ ให้เจ็บ ให้ตาย หรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานา นอกจากนั้นสามารถชี้กำจัด ขับไล่ภูตผีปีศาจ ข้าศึกศัตรูให้มีอันเป็นไป ทั้งยังเป็นมหาอำนาจข่มนาม

    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าทำเอาไว้ให้ครั้งเดียว เพราะสูตรนี้ท่านทำให้ใช้แบบเต็มวิชา เป็นอาถรรพ์ของวิชาดรรชนีองคุลีพรหมชี้นิ้วเพชร ชี้นิ้วสั่งปกาศิตมั่นคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ดุจเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผา ***หากจะแก้ชะตาสัตว์ที่ติดในบ่วงกรรมท่านว่าให้อาราธนาตะดรุดสี่ดอกเท่าคุณพรหมวิหาร เลี่ยมหันด้านขาวชี้ขึ้นทำเป็นสายสังวาลย์คาดติดไว้ไม่ห่างกาย หากคาดเฉวียงบ่าไม่ได้ท่านก็อณุโลมให้คาดเอวโดยทั้งสี่ดอกนี้ต้องหันหัวด้านสีขาวขึ้นเช่นกัน ถ้าจะอาราธนาเฉพาะคุณตะกรุดก็ให้ใช้เพียงดอกเดียวได้ แต่ถ้าจะใช้แก้ชะตาท่านว่าก้ให้ทำตามนี้

    คาถาบูชา
    (ท่านว่าเป็นของสำเร็จ คาถาไม่ต้องใช้ ให้ระลึกถึงคุณท้าวมหาพรหมแล้วใช้ได้เลย)

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดบรมครูพรหมบันดาลคนเหนือเมฆ (องคุลีแห่งพรหม,มหาพรหมชี้นิ้วเพชร) บูชา 800 บาท

    36460039_2229386510681091_3407300141210664960_n.jpg
    36509843_2229396737346735_1065225913169346560_n.jpg 36416199_2229396654013410_2011806099270795264_n.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา จิ้งจกเก้าหางมงคลโสฬสเก้าโกฏิพญาฟันดะ(ปลดหนี้กรรม ฟันลูกเดียว)
    กรรมนั้นเป็นเหมือนเงา ยิ่งหนีก็จะยิ่งติดตาม ยิ่งพยายามหลบเลี่ยงมันก็จะยิ่งวิ่งเข้ามาหาเรา ด้วยประจักษ์รู้ดีเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ลงแผ่นจารอักขระด้วยวิชาชุดหัวใจพระเจ้าอันจะใช้ปลดหนี้กรรมรวมถึงปิดอบายภูมิโดยเฉพาะก่อนนำไปหล่อหลอมสร้างจิ้งจกเก้าหางมงคลโสฬสนี้

    จำกันได้หรือไม่ที่พ่ออาจารย์ท่านเคยเจอจิ้งจกเผือกหางใบโพธิ์ หางทั้งเก้ากางออกมาสวยงามถึงเก้าหางมาหลายวาระแล้ว ท่านว่าแต่เดิมนั้นเขาเป็นร่างจำแลงลงมาคอยสังเกตุดูศิษย์ขององค์ท้าวสหัมบดีบรมพรหม จะจิ้งจกที่ไหนก็ช่าง แต่ของท่านนั้น ท่านว่าเป็นจิ้งจกมหาพรหม ด้วยลงไว้เป็นสองลักษณะทั้งเชิญท่านมาและลงวิชาจิ้งจก พ่ออาจารย์ท่านว่าเชิญพระองค์ท่านและขออานุภาพท้าวสหัมบดีบรมพรหมให้นิรมาณกายมาช่วยเหล่าศิษย์ มีจิ้งจกนี้ก็เหมือนอยู่ในสายพระเนตรของท่านเพราะเขาเป็นตัวแทนความรักความห่วงใยของท่าน ที่จำแลงกายคอยมาสอดส่อง ซ้ำยังมีกินไม่อดอยาก มีเสน่ห์เมตตาอย่างยิ่งตามสายวิชาจิ้งจก


    พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อจิ้งจกด้วยธาตุกายสิทธิ์ ทั้งวัชรธาตุ หยาดน้ำฟ้าและปรอทเข้ากับวิชาอักขระหัวใจพระเจ้าโดยเน้นให้มีดีจากข้างในสามารถปลดหนี้กรรมปิดทางอบายภูมิได้ ทั้งครูพรหมท่านยังกำชับไว้แต่เริ่ม ว่าจิ้งจกของเราต้องให้ท่านทำตะกรุดมหาลาภเก้าโกฏิฝังไว้ด้านหน้าบริเวณปากถึงท้อง หมายความว่าวิชานี้จะดึงดูดลาภมากมายเข้าสู่ปากเราตกถึงท้องเราให้อิ่ม ให้มี ให้เสพย์อยู่ตลอดเวลาไม่มีวันจางหาย พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้นับเป็นธรรมขั้นสูง เมื่อนำมาทำของมงคลจะนำความเจริญรุ่งเรือง นำพาโชคลาภโภคทรัพย์มาให้ แม้พกติดตัวไว้ไปค้าไปขายก็จะได้กำไรดี อาราธนาเสี่ยงดวงเสี่ยงโชคก็ได้ลาภมั่งมีเป็นกอบกำ จะมีชีวิตถึงขั้นเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ทั้งพลิกดวงชะตากลับร้ายกลายเป็นดีพลิกความจนให้เป็นความมั่งมี ทั้งยังหนุนดวงชะตา ใช้ค้ำชูชะตาหนุนดวงชะตาให้เจริญยิ่งขึ้นไปตลอดไม่มีวันตกต่ำ ท่านได้ยกขันคายคือขันห้า ขันแปด ผ้าแดง,ผ้าขาวยาวศอก,เทียนพันเล่ม ท่านว่ามีสูตรการลงด้วยเมื่อแต่งขันคายแล้วให้พินทุแผ่นจารทีละแผ่น จากนั้นก็ให้ลงโดยใช้สูตรแปดทิศาและสิบหกทิศา โดยกำหนดยามแต่ละยามและเป่าคาถาหันไปตามทิศนั้นก่อนลงอักขระพระคาถาวิชาพระเจ้าอุดมทรัพย์ ท่านว่าวิชานี้ลงยากเพราะเป็นวิชาธรรมในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยท่านได้นำมาไหว้ครูเชิญครูตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม รวมไปถึงพระอรหันต์ขีณาสพทั้งหลาย โดยจารลงถมด้วยคุณธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งสามสิบแปดประการ ซ้ำลงเรียกลาภ เร่งลาภ ดึงลาภ หนุนทรัพย์ในดินหนุนกำลังพระธรณี พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเชิญพระแม่ธรณีมาทำวิชาด้วย ตราบใดที่ยังมีแผ่นดิน ตราบใดที่เท้ายังเหยียบอยู่บนพื้นแผ่นดิน ที่จะรู้ยากรู้จน ที่ว่าไม่อุดมด้วยทรัพย์สินและโภคสมบัตินั้นเป็นไม่มีทีเดียว และด้วยอานุภาพของพระแม่ธรณีนี้ ตะกรุดนี้ยังมีพุทธคุณแฝงอีกด้วย แม้นว่ามีผู้ใดมุ่งร้ายมีจิตพยาบาทอาฆาตเรา หากเขาอยู่บนแผ่นดินของแม่ธรณีนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้เลย คนจะรวยจะเก่งแล้ว หากโดนสะกัดดาวรุ่ง โดนรังแก โดนให้ร้ายมันก็ไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง เช่นนี้ท่านจึงทำวิชาให้เกิดขึ้นพร้อมกัน ท่านว่าจะได้ไม่ประสบปัญหาจนชีวิตไม่สามารถก้าวและกระโดดต่อขึ้นไปได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าใครได้รับไปนับว่าโชคดีอย่างยิ่งเพราะวิชานี้เสด็จพระใหญ่ท่านกำชับมาว่าเป็นของจริงไม่มีวันเสื่อม ตราบใดที่พระเวทย์พระธรรมยังดำรงค์อยู่ในอนันตจักรวาลนี้ ตราบใดที่ธรรมอันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายยังไม่เสื่อมลง ตราบใดที่จิตยังตั้งมั่นตระหนักในพระรัตนตรัย ธาตุธรรมอันเป็นธาตุตั้งต้นแห่งคุณวิชาย่อมไม่มีวันตกลงหรือเสื่อมจากจิตเราและจะคงอยู่กับเราเกื้อหนุนเราไปตลอดฉันใดก็ฉันนั้น ท่านว่านอกจากเป็นยอดของมหาลาภแล้วยังใช้ได้ครอบจักรวาล เมื่อทำตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านต้องสำเร็จด้วยบารมีสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยตามตำรา ด้วยท่านเป็นผู้ที่จะนำพาปุริสัทธรรมมาทุกห้องทุกไตรสู่มวลมนุษย์แลสรรพสัตว์น้อยใหญ่ในอนาคตกาล ***จุดนี้ท่านว่าอย่าปรามาสว่าเป็นตะกรุดดอกเล็ก เพราะทำยากมากเป็นของสูงค่า ท่านว่าเราทำให้ใช้กันแค่หนเดียวต้องคนที่มีบารมี มีความสัมพันธ์กับสายวิชาครูบาอาจารย์แต่โบราณเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้พบเจอและครอบครอง


    นอกจากนี้ในส่วนบริเวณหางครูพรหมท่านยังกำชับไว้ให้ฝังอาถรรพ์ด้วย "ดาบตัดกรรม" เมื่อท่านจะทำนั้นท่านได้พิจารณาถึงสภาวะของมนุษย์โดยรวมก่อน ว่าจะทำเครื่องรางให้เขารวยเพียงเท่านั้นมันคงไม่พอ เพราะถ้าจะรวยต้องต้านกระแสกรรมหนักได้ด้วย ไม่เช่นนั้นเครื่องรางก็ไม่สามารถส่งผลอะไรได้มากเนื่องจากสัตว์โลกยังอยู่ในกฏของกรรม จำต้องทำเครื่องสูงที่มีอานุภาพส่งผลโดยตรงกับกรรมนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงมาพิจารณาว่าจริงแท้ทีเดียว เครื่องรางประเภทดาบหรือพระขรรค์ที่สร้างได้ถูกต้อง ปลุกเสกมาดีนั้น ย่อมมีอานุภาพสูงสามารถใช้ริดรอนกรรมเก่าได้ เพราะเป็นของสูงใช้ผ่าใช้ตัดได้ทุกสิ่งและสำเร็จด้วยพุทธคุณ เป็นไปด้วยพุทธานุภาพและพรหมานุภาพ เมื่อท่านพิจารณาเช่นนี้แล้วจึงคิดว่าจะทำไว้เสียครั้งหนึ่ง โดยได้ใช้ไม้ตะเคียนฟ้าผ่าที่แรงและเฮี้ยนเข้าตำรามาแกะดาบไว้ ท่านว่าดาบนี้ต้องเก่งและต้องใช้ได้ดีมากทำตามตำราทุกอย่าง โดยท่านเสกตามตำราพิชัยสงครามประจุคุณจนเต็มทีละเล่ม ท่านว่าทำทั้งที่ต้องให้ดีที่สุด ลงด้วยวิชาลงเครื่องสูงลงตามเครื่องพิชัยสงครา, สำหรับถวายเจ้านาย เป็นพระแสงดาบที่ใครได้ครองไว้ ไม่ใช่จะมีแต่บุญ ยังต้องยิ่งด้วยบารมีที่สั่งสมมามากจึงจะได้พานพบและครอบครองได้ เมื่อได้ดาบตัดกรรมแล้วท่านได้เชิญครูพรหมขอเมตตาให้ท่านลงประสิทธิ์ให้อีกวาระหนึ่งด้วย

    ดาบนี้ก่อนที่จะฝังท่านยังนำมาแช่อธิษฐานจิตในน้ำล้างดาบสังหารของเพชรฆาต ท่านว่าเอาอาถรรพ์เคล็ดวิชาที่ใช้คร่าชีวิตคนได้จริง ด้วยชีวิตก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุด ถือว่าดาบนี้พิฆาตได้แม้กระทั่งสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับมนุษย์ ดังนั้นสิ่งมีค่าอื่นใดยิ่งไปกว่านี้ย่อมไม่มี ดาบนี้เป็นดาบฟันดะ ฟันลูกเดียว มีอะไรฟันเข้าเราหมด กอบโกยไว้หมดไม่เหลือให้ผู้อื่น ท่านว่าอธิษฐานจิตดีๆเวลาจะใช้จะเอาอะไรอยากได้อะไร อยากได้คนก็นึกถึงหน้าเขาเอาดาบฟันไป อยากได้โชคลาภจะเสี่ยงดวงก็มองไปที่หน้าเขาจินตภาพว่าเราเอาดาบฟันไป จะเจรจางานใหญ่ทำสิ่งสำคัญก็เหมือนกันท่านว่ามองหน้าเขาคิดว่าเราเอาดาบฟันไป อาถรรพ์คุณวิชาได้ลูกเดียวฟันลูกเดียวเป็นแบบนี้ดาบนี้ฝังไว้เป็นอาถรรพ์ที่หางจิ้งจกตามโองการครู ถือว่าเขาอยู่กับเราแล้วเวลาที่เขายกหางตีหรือฟาดฟันสิ่งใด ยังเท่ากับตัดและริดรอนผลกรรมให้เราด้วยอาถรรพ์แห่งไสยเวทย์ ทั้งยังเปิดช่องทางทำกินเปิดโอกาสชีวิตคนได้ด้วยคตินี้



    เมื่อจะเสกให้สำเร็จท่านได้นำว่านจิ้งจกทอง รากหญ้าตีนจิ้งจก กาฝากไม้กาหลง ไม้ดอกรัก ไม่ขนุน ไม้มะนาว ไม้คูณ ว่านดอกหอม ช้างผสมโขลง ดอกทอง เศรษฐี มหาโชค น้ำมันกะลาตาเดียว น้ำมันว่านไก่แดง ไก่ดำ น้ำมันชะมดเชียง นำมาเคี่ยวรวมกันจากนั้นแยกชนิดไว้เคี่ยวต่อด้วยสังขารจิ้งจกเดี่ยว จิ้งจกสองหัว จิ้งจกสามหัว จิ้งจกสองหาง จนถึงเก้าหางเป็นที่สุด หลังจากนั้นจึงนำจิ้งจกที่หล่อไว้ลงชุบตัวเสกในน้ำมันทีละชนิดจึงจะสำเร็จ ท่านว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะทำน้ำมันสูตรต่างๆเหล่านี้และนำมาชุบทีละตนค่อยๆเสกไปจนสำเร็จ

    โดยปกติแล้ววิชาจิ้งจกเก้าหาง ท่านจะปลุกเสกเน้นให้คนใช้อธิษฐานได้สมดั่งใจดุจมีแก้วสารพัดนึกมีดีทุกอย่างจะทำอะไรก็เห็นผลทันตา ที่สำคัญท่านว่าหางทั้งจะปัดแกว่งไกว ยก ดีด ให้ท่านเจริญก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีพลังแฝงดึงดูดลาภแบบทวิทวีทำอะไรมักจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจกว่าปกติถึงสองเท่า ทั้งคุณของวิชายังเด่นทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์สาวรักสาวหลง ได้รับเมตตาความรักช่วยเหลือเกื้อกูลจากบุคลคลรอบข้าง แม้ค้าขายทำมาหากินก็ดี หรือจะประสานงานเจริญไมตรี ผูกไม่ตรีทำกิจการกับผู้ใดท่านว่าล้วนคล่องตัวทั้งสิ้น แม้จะใช้ไปในทางเสี่ยงโชค เสริมดวง ก็ทำได้สารพัดท่านว่าวิชาจิ้งจกนั้นคนใช้เป็นนี่เล่นพนันได้ทุกชนิดเลยจริงๆ

    ทั้งนี้จิ้งจกเก้าหางของท่านยังมีฤทธิ์เป็นเยี่ยม สามารถขอได้ บนได้ ให้สำเร็จสมประสงค์ไม่มีข้อห้าม พ่ออาจารย์ท่านสร้างจิ้งจกเก้าหางด้วยหัวใจมหาพรหมโดยเฉพาะทั้งอธิษฐานจิตหยุดอยู่เพียงณานโลกีย์(ตรงนี้ท่านว่าสำคัญมาก อะไรจะผิดจะถูกจิ้งจกช่วยได้ทั้งสิ้นไม่ติดคุณธรรมความดีแบบเทพพรหมทั้งปวง) เพื่อให้เป็นจิ้งจกที่แรงและขลังยิ่งกว่าสายไหนๆท่านว่าครูพรหมทำให้ถือว่าสูงสุดแล้วในสายวิชาจิ้งจกมหาบารมี ท่านว่าปลุกเสกจนมีเสียงร้องดังออกมาจากจิ้งจกเก้าหาง ตลอดทั้งมีจิ้งจกวิ่งมาจากทั่วสารทิศเต็มพิธีไปหมดแสดงให้เห็นว่าท่านเสกจิ้งจกถึงวิชาแน่นอน


    ในชีวิตของคนเรานั้นมีเรื่องทุกข์ใจอะไรบ้าง สิ่งที่มนุษย์ขาด ทั้งวาสนา โชคลาภ บุพเพสันนิวาส การงาน การประกอบอาชีพ การดำรงค์ชีวิต ทุกอย่างท่านว่าล้วนแต่มีปัญหาร้อยแปดพันประการทั้งนั้นแต่จิ้งจกหัวโจกนี้เขาย่อมเปลี่ยนปัญหาให้เป็นเรื่องไม่คาดฝัน เป็นสิ่งดีๆที่ทำให้เราปลื้มปิติเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งสิ้น


    และนอกจากนั้นชีวิตคนนั้นมักจะต้องอาถรรพ์ติดตัวมามากมายและอาถรรพ์เหล่านี้ก็ไม่มีวันเสื่อมหรือหมดไปด้วย เพราะคนเรานั้นต้องเดินทางไปเหยียบไปทับไปรับอาถรรพ์รับเสนียดในสถานที่ต่างๆเสมอๆ มักจะติดเสนียดติดอาถรรพ์จากสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะที่ดิน บึง บ่อ ท่อ ทางทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านจึงลงกำกับมนต์แก้ธรณีสารในจิ้งจกไว้ ด้วยตั้งใจสร้างให้ไปตั้งตัวกัน ท่านจึงลงวิชาอันจะผลาญทำลายอาถรรพ์ในพื้นแผ่นดินทั้งหลายเสนียดจัญไรทั้งปวง แก้คุณไสย ผี พราย มนต์ ยาสั่ง ท่านว่าทำให้ครบหมดแล้ว


    วิชาจิ้งจกพรหมนี้หลังจากมีคนนำไปใช้แล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าภายหลังครูพรหมท่านลงมาขอว่าอย่าได้ทำอีก ให้ทำเต็มอาถรรพ์วิชาเช่นนี้เพียงครั้งเดียวเพราะว่ามันแรงเกินไป ถ้าตกไปอยู่ในมือผู้ที่ไม่มีคุณธรรมน้ำใจแล้วจะทำให้เกิดโทษแก่ผู้อื่น ซึ่งท่านก็รับว่าจะทำเพียงครั้งเดียวเพราะทั้งของฝังและการเสกจนสำเร็จวิชาจิ้งจกนั้นทุกอย่างไม่ง่ายเลย มีขั้นตอนมากและยุ่งยาก แค่มานั่งเคี่ยวน้ำมันทีละสูตร นำมาชุบแช่ทีละตัวเรียงไล่ไปจนครบน้ำมันทุกชนิดนี่ก็ลำบากแล้ว

    - ข้อสังเกตุเวลาบูชา เมื่อได้บูชาจิ้งจกมเก้าหางนี้ ต่อเมื่อได้ยินเสียงจิ้งจกร้อง โดยในสถานที่บริเวณนั้นไม่มีจิ้งจกปรากฏอยู่เลย…ท่านว่าอย่าตกใจไป นั่นแสดงว่าตัวท่านกำลังจะมีลาภใหญ่เข้ามาแล้ว***อาราธนาห้อยเอวหรือพกต่ำกว่าเอวย่อมได้ทั้งสิ้น

    ***เลี้ยงจิ้งจกอย่างไร
    - จิ้งจกของพ่ออาจารย์นี้ท่านว่าให้เลี้ยงด้วยน้ำผึ้ง เปลี่ยนให้เขาทุกวันพระ แม้จะอาราธนาติดตัวเวลาเลี่ยมก็ควรจะเจาะรูเพื่อหยอดน้ำผึ้งให้เขากินด้วย ท่านว่าน้ำผึ้งหยดเดียวที่จิ้งจกเลียย่อมนำมาซึ่งความโกลาหลวุ่นวาย แต่หากนี่เป็นจิ้งจกพรหม น้ำผึ้งเพียงหยดนั้นจะนำมาซึ่งโชคลาภและสิ่งดีงามอย่างโกลาหลมืดฟ้ามัวดินทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้ทางรักหรือทางหากินก็ระวัง อย่าไปเลี้ยงเขามากแค่พอประมาณเดี๋ยวจะเหนื่อย
    - จิ้งจกของท่านให้เลี้ยงด้วยไข่เจียว ถ้าจะบนอะไรไม่ต้องไปนึกอะไรมาก คิดอะไรไกล ท่านว่าเขาชอบแบบนี้ เวลาได้ลาภหรืออธิษฐานอะไรสำเร็จฉีกไข่เจียวใส่ถ้วยเล็กๆไหว้เขาก็ได้ หรือเวลาต้องการจะบนอะไรเขาก็บนด้วยไข่เจียวไปเลยก็ได้ ท่านว่ามันเลี้ยงง่ายแต่ให้คุณมาก


    คาถาบูชา
    อะอิอะมะ อะมะอะอิ อะอิจะหัง อะมะสวาหะ เอหิอะมะ ปิยะธิกา มานิมานะ นะมะพะทะ ทะพะนะมะ มีเคล็ดอยู่ว่าเมื่อเราว่าคาถาจบแล้ว ต้องทำเสียง "จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ " ตามไปด้วย พร้อมกับเคาะเบา ๆ ที่ตัวจิ้งจก
    จิ้งจกศัตรูพ่าย ภาวนาว่า ทมอึ ทมอือ อย่าอึ นะมะพะทะ ทะพะนะมะ

    รับจองเฉพาะทาง PM พ่ออาจารย์ทานสร้างจิ้งจกหัวโจกไว้ทั้งหมดเก้าตัว แต่มีให้ร่วทำบุญเพียงห้าตัว ผู้จองให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะผูกชะตาให้ผู้ใช้เป็นนายจิ้งจกพรหมอย่างสมบูรณ์ท่านว่าเพื่อประโยชน์เกื้อกูลใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นซึ่งกันและกัน รายได้สมทบทุนวิหารทานสืบไป


    ร่วมทำบุญบูชา จิ้งจกเก้าหางมงคลโสฬสเก้าโกฏิพญาฟันดะ(ปลดหนี้กรรม ฟันลูกเดียว) บูชา 4,000 บาท

    36673326_2233329013620174_4352780824274272256_n.jpg 36620577_2233328996953509_6916001217579581440_n.jpg
    36606552_2233326600287082_217995360075776_n.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระโกยทรัพย์กอบวาสนาไตรภูมิ(มหากัจจายนะโปรดสัตว์ทรงวิชาพัดโบก)

    วิชาพัดโบกนั้น แต่โบราณที่ทำไว้จนโด่งดังเห็นจะมีหลวงปู่กราด หลวงปู่ทิม หลวงปู่อี๋เช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านก็เช่นกันที่ผ่านมาเคยมีคนถามหาว่าพ่ออาจารย์ท่านลงวิชาพัดโบกแบบเต็มวิชามั๊ยอยากจะได้ไว้บูชา เพราะพวกเขารู้กันดีว่าวิชานี้เป็นของในตำนาน หาคนลงคนเสกได้ยาก ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ให้บอกแต่เพียงว่า ครูเก่าครูก่อนครูผู้เฒ่า ท่านทำของท่านมาดีแล้ว อยากได้ก็ไปหาเอาโน่น หลวงปู่กราด หลวงปู่ทิม หลวงพ่ออี๋โน่น ซึ่งทุกคนล้วนแต่บ่นกันไม่หยุด เพราะของเก่าแท้ๆนั้นหาได้ยากและมีราคาแพง ใครทันได้ยุคนั้นก็หวงแหนดุจมรดก จะให้ไปหาของเก่านั้นมันเกินกำลังและไม่รู้จะไปหาที่ไหน


    เมื่อคนถามมาเยอะขึ้น ท่านจึงนำพัดโบกที่ท่านทำไว้มาฝังหลังพระโกยทรัพย์กอบวาสนาไตรภูมิ ..โดยพ่ออาจารย์ท่านว่าพัดโบกของเรานั้นเราทำด้วยเคล็ดวิชา แตกต่างจากครูในอดีตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา นอกจากจะลงวิชาพัดโบกไว้แล้ว ยังเป็นพัดแก้วของจักรพรรดิ เป็นวิชาพัดโบกสายจักรพรรดิ

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำด้ามไม้ตาลปัตรของครูบาอาจารย์ยุคเก่าก่อนมาแกะเป็นรูปพัดวาลวิชนี เพื่อถือเคล็ดที่จะปัดเสียซึ่งอุบาทว์จัญไรทั้งปวงออกไป ให้ชีวิตกลับตาลปัตรในบัดดลทันที ที่เลวร้ายให้กลับมาดี ที่ดีก็ให้พบชะตาวาสนาที่สูงขึ้น ทั้งพัดนี้ยังใช้พัดความเจริญ โชคลาภ ความสุขเข้ามาได้ โบกความทุกข์ โรคภัย กรรมเวรให้ออกไปก็ได้ ท่านว่าสำหรับคนที่สถานการณ์ชีวิตตึงเครียด วิชาพัดโบกนี้จะช่วยผ่อนลงได้ ทั้งขจัด ปัด ขับไล่ รักษา เยียวยา ทำให้คลายลง ทุเลาลง บรรเทาลง แก้ความลำบากยุ่งยากขัดข้องให้หมดไป ทั้งนี้เพราะเป็นวิชาสายบารมี เป็นพัดโบกมหาจักรพรรดิจึงต่างจากวิชาพัดโบกโดยถ้วนทั่ว ท่านว่าเป็นของเล่นพระอรหันต์ เป็นของใช้เทวดา

    ท่านว่าวิชานี้ทำยาก เมื่อได้ด้ามตาลปัตรมาแล้วก็ต้องเอามาแกะ เสร็จแล้วเอาไปแช่ไว้กับเครื่องยาในสายวิชาการทำพัดโบกทั้ง ไม้ไก่กุก ไม้แหย่แย้ ขมิ้นขาว ไพลดำ ฯลฯ ซึ่งว่านบางตัวอย่างไพลดำนี่ท่านว่าก็เป็นของที่ทรงอิทธิคุณในตำนาน มีค่าเสมอเหล็กไหลน้ำหนึ่งทีเดียว ดังนั้นการจะทำพัดโบกเต็มวิชาได้แต่ละครั้งมันมีพิธีมากมาย ขาดไปก็ไม่สำเร็จ เมื่อได้วัสดุอาถรรพ์เหล่านี้มาแล้ว จึงนำมาบดให้ละเอียดและปลุกเสกตามกรรมวิธีอีกรอบหนึ่ง แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำมันว่านเพื่อแช่พัดโบกตาลปัตรนั้น พอได้ฤกษ์งามยามดีจึงนำไปปลุกเสกด้วยคาถาพัดโบกอีกคำรบหนึ่งพร้อมทั้งเชิญบารมีพระมหาจักรพรรดิลงมาช่วยสำเร็จวิชาพัดนี้ด้วย ท่านว่าต้องเสกจนพัดไม้นั้นสั่นสะเทือนเหมือนต้องลม บ้างก็ปลิวก็กระเด็นออกนอกพาน จึงจะถือมาสำเร็จตามตำรา ถ้าเสกแล้วไม่สั่นพัดวางอยู่นิ่งๆท่านว่าใช้อย่างไรก็ใช้ไม่ได้ เพราะเสกไม่สำเร็จ ไม่มีอานุภาพ

    อันพัดโบกนี้จะใช้เป็นเมตตามหานิยม ท่านว่าแม้พกไว้เฉยๆกับตัว คนที่ที่ค้าขายก็จะขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า ที่ทำกิจการอื่นๆลูกค้าก็จะเข้ามาก อุดหนุนมาก เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย แต่ถ้าจะเล่นทางผู้หญิงอย่างเดียว ท่านว่าพัดนี้ให้ต้องลมพัดไปทางทิศไหนที่มีสตรีที่เราหมายปอง สตรีนั้นเมื่อถูกต้องพัดโบก แม้ว่ากำลังไถนาอยู่ก็ถึงกับทิ้งคันไถตามชายที่มีพัดโบกไปทันที แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อได้เขาเป็นภรรยาแล้วต้องเลี้ยงดูเขา ห้ามทิ้งขว้างอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเกิดโทษภายหลัง

    วิชานี้นับว่ามีอุปเท่ห์หลายอย่างไม่ว่าจะเรียกคน เพียงนึกถึงใครให้ท่องคาถาพัดโบกแล้วยืนเหนือลมให้ลมพัดแล้วอธิษฐานไปทำไม่เกินเจ็ดวันคนที่เรานึกถึงต้องมาหา ถ้าเกลียดใคร ใครมาบ้านอย่างเจ้าหนี้มาทวงหรือคนที่เราไม่ต้องการมาหาภาวนาคาถาจากที่โบกเข้ามาก็ให้เปลี่ยนเป็นโบกออกไป คนที่เราไม่ต้องการพบเขาจะกลับไปทันที

    หลายๆคนจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าวิชานี้นอกจากจะเอาไว้โบกใช้เป็นเสน่ห์ให้หญิงสาวลุ่มหลงชนิดเดินตามกลับบ้านแล้ว ยังนำไปใช้ในทางที่ดีๆให้ธุรกิจ กิจการตนเองเจริญรุ่งเรือง มีคนอุดหนุน มีคู่ค้าเยอะกว่าปกติได้อีกด้วย เรียกได้ว่าวิชาพัดโบกพิเศษนี้จะใช้พัดให้คนมาหาก็ได้ หรือแม้แต่จะใช้โบกให้กลับไปก็ได้ถ้าเราไม่ต้องการประสบพบหน้า พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ได้หลายทางขึ้นอยู่กับเจตนาว่าจะดีหรือชั่ว จะใช้ทางไหน จะโบกเอาอะไร ท่านว่าถ้าโบกเป็นก็ได้ทรัพย์สินศฤงคาร ได้สิ่งที่ดีในชีวิต

    วิชาพัดโบกนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะทำเต็มวิชาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่าไม่ใช่เพราะเครื่องยาหายากและบางอย่างมีราคาสูงมากจนประเมินค่านับแสนนับล้านบาทแม้กระทั่งขาดซักอย่างยังไม่ได้ แต่ที่ยากจริงๆคือทำแล้วต้องเสกให้สำเร็จปรากฏเหตุนิมิตต้องตำราถึงจะมีอิทธิคุณเสมอด้วยของที่ครูเก่าก่อนท่านทำไว้


    ท่านได้พิจารณาดีแล้วจึงนำพัดโบกเต็มวิชานี้มาฝังไว้ด้านหลังองค์ครูพระมหากัจจายนะของท่าน ...เมื่อครูให้สร้างพระสังกัจจายน์ออกจาริกโปรดสัตว์ พ่ออาจารย์ท่านได้รับนิมิตจากครูพระมหากัจจายนะให้ปั้นรูปท่านซึ่งพ่ออาจารย์ถือเป็นบรมครูสายเอกของท่านในลักษณะปางนี้ มีหลายครั้งที่คนสอบถามเข้ามาว่าเมื่อไหร่หนอท่านจะทำพระสังกัจจายน์ซักที เป็นเดือน เป็นปี ก็แล้ว ทำไมยังไม่เอาออกมาให้บูชา เราก็ได้แต่บอกเขาว่ารอก่อนๆ ยังไม่ถึงเวลา ท่านเตรียมของท่านไว้แล้ว ทำทั้งทีท่านก็อยากจะเอาให้ดีที่สุดเหมือนกัน

    ทำไมพ่ออาจารย์ท่านถึงสร้างพระมหากัจจายนะ ...พ่ออาจารย์ว่านอกจากท่านจะเป็นเอกด้านลาภสักการะ เป็นผู้มากเมตตาจนแม้แต่พระอินทร์เจ้าสวรรค์ยังต้องลงมาถวายปรนนิบัติท่านแล้ว คติแห่งการสร้างรูปพระมหากัจจายนะนี้จะดีเด่นสุดๆทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ความเจริญด้วยลาภผล เอกลาภ ลาภสักการะทั้งปวง แต่ของเรานี้ยังอธิษฐานไปทางเปิดสมอง เปิดภูมิปัญญาให้กับชนที่ศรัทธาอีกด้วย ท่านว่าสมัยนี้คนมีกรรมทางความคิดกันมาก พอคิดผิดก็ทำผิด ดำเนินชีวิตแบบผิดๆแก้ไขไม่ได้ เรียกว่าพอก้าวไปผิดก้าวเดียวแล้วนั้นก็ถึงกับล่มจมทันที ส่งผลในระยะยาวให้ชีวิตที่เหลือไปต่อไม่ได้


    พ่ออาจารย์ท่านจึงได้หล่อพระมหากัจจายนะไว้ด้วยธาตุกายสิทธิ์ ครูพระสังกัจจายน์ของท่านนี้ดีอย่างไร ท่านว่าแต่โบราณกาลมา นี่แหละคือที่สุดของพระมหาเถระที่ทรงภูมิรู้และวิชชา ซ้ำยังนำความอุดมสมบูรณ์ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินศฤงคารมาสู่ผู้ศรัทธา ทั้งตัวท่านยังประกอบด้วยสิริโฉมงดงามเป็นเลิศยังความเข้าใจผิดให้เกิดแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย แม้ดำเนินไปที่แห่งใดเทพเทวาตลอดจนมนุษย์ก็ตื่นตระหนกประดุจดั่งว่าสมเด็จพระชินสีห์เจ้าได้เสด็จมาเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าที่อื่นจะทำอย่างไรเราไม่รู้ แต่วิชาการสร้างพระสังกัจจายน์ของท่านนั้น มันอยู่ที่ศรัทธาของผู้บูชา ยิ่งศรัทธามากยิ่งให้ผลมาก วิชานี้ตอบสนองกับความศรัทธาโดยตรง ให้คุณเด่นทุกเรื่องรวยทุกทาง ถามว่าจะใช้ด้านไหน มีด้านไหนบ้างที่ไม่มีจะง่ายกว่า ไม่ว่าจะเมตตามหานิยม ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง โชคลาภ เสี่ยงโชค เป็นเสน่ห์ติดตาต้องใจแก่สตรีเพศ นำความปลอดโปร่งแจ่มใสมาสู่ผู้บูชา แม้จะเรียนศึกษาหรือใช้งานสรรพวิทยาเหล่าใด ก็จะเรียนได้ไว เรียนได้สำเร็จ นำวิชาไปประกอบกิจได้อย่างแตกฉาน

    พร้อมกันนั้นท่านยังได้ขอเมตตาครูพระในนิพพานทำวิชาให้ โดยให้องค์พระมหากัจจายนะสำเร็จรูปท่านเอง ท่านว่าพระเถระเจ้านั้นเป็นครูที่ดี กอปรไปด้วยเมตตาสูงสุดไม่เลือกชนชั้นวรรณณะไม่เลือกว่าองค์พระสังกัจจายน์นี่ประดิษฐานไว้ที่ไหนจะช่วยใคร พวกเธออย่าทำเป็นเล่นไปนะ ถึงจะใส่วิชาพระสังกัจจายน์เอาไว้ แต่เวลาเสกก็ยากใช่ที่เพราะต้องกราบอาราธนาพระมหากัจจายนะในนิพพานท่านลงมาเสกสำเร็จรูปเหมือนของท่านด้วยองค์ท่านเองมีอานิสงค์มากนัก คนที่บูชาจะรู้ได้ว่าอยู่กับบุญ เสวยบุญ ปรารถนาสิ่งใดตั้งใจให้สงบ ปล่อยใจให้ว่างเปล่า อธิษฐานไปกับพระมหากัจจายนะนี้ มโนอธิษฐานนั้นย่อมไปถึงพระเถระเจ้า ท่านว่าเดี๋ยวรู้เอง

    เมื่อเสกแล้วท่านได้เชิญบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าหนุนอีกคำรบหนึ่งด้วยนั่นคือบารมีของพระพุทธทีปังกรกับพระพุทธกัสสปะนั้นด้วยว่าจะอนุเคราะห์สัตว์โลกผู้ยากในกาลสืบไปภายหน้าโดยพระองค์ท่านได้รับคำอาราธนา ด้วยบารมีพระทีปังกรนั้นมีกำลังแข็งมากแรงมาก ส่วนพระกัสสปะนั้นจะเย็น สดชื่นและนุ่มนวล แต่เป็นเอกลาภมหาศาลทั้งคู่ เป็นที่สุดแล้วในโคตรวงศ์พระชินสีห์ทั้งปวงที่จะพึงมีพึงเกิดขึ้น อันธรรมดาว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ทุกพระองค์มีบารมีเต็มเหมือนกันหมด เรื่องลาภสักการะนั้นก็เช่นกัน แต่สำหรับสองพระองค์นี้ถือเป็นที่สุดในพุทธวงศ์จริงๆ

    พร้อมกันนี้ท่านยังได้ขอเมตตาครูพระมหากัจจายนะไว้ให้สงเคราะห์ลูกหลาน ด้วยว่าโลกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ลาภผลจากการทำมาหากินจึงไม่เพียงพอ ท่านจึงขอให้ครูพระและเทพเทวดาสัมมาทิฏฐิที่รักษาวิชาพัดโบกนั้นได้อนุเคราะห์ผู้บูชาสมควรแก่กาลและยุคสมัย พ่ออาจารย์ท่านว่าใครที่ทำมาหากินลำบากก็ให้การเสี่ยงโชค ลาภลอยที่ได้มาง่ายๆฟลุ๊คๆเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ใครที่ทำธุรกิจก็ให้เจอคู่ค้าคู่อุปถัมภ์ที่ดีใหญ่โตเจริญยิ่งๆขึ้นไป ***เมื่อจะเสี่ยงโชคนั้นท่านว่าจะซื้อหวยหรือทำอะไรก็ดีให้อธิษฐานกับองค์พระแล้วโบกพัดเข้าหาตัวเรา เมื่อทำแล้วเกิดปิติขนลุกขนชันท่านว่าจะทำอะไรก็เร่งทำเถิดสำเร็จแน่ แม้เสี่ยงดวงซื้อหวยก็ถูกแน่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หากทำแล้วรู้สึกเฉยๆ ท่านว่างวดนั้นให้ระงับไว้ก่อนอย่าไปเล่นมันเลยจะเสียเงินเปล่า หรือถ้าจะทำกิจการใดๆที่มีนิมิตว่าไม่สำเร็จก็ให้ขอบารมีองค์พระท่านช่วยเหลือ

    คาถาบูชา
    ขอลาภพระมหากัจจายนะ กัจจายะนะมะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภังภะวันตุเม ลาเภนะอุตะโมโหติ โสระโหปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุเม
    คาถาใช้พัด นะโมพุทธายะอิติปิโสภะคะวา อิติปาระเมตตาตึงสา อิติสัพพะมาคะตา คนทั้งหลายรักหลงยุมาคะตา อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม พิศวาสหลงใหล พิสมัยแนบเนื้อ ใจจิตคิดถึงเคล้าคลึงวิญญา นะเมตตา โมกรุณา พุทเป็นที่รัก ธาให้เห็นประจักษ์ ยะให้ยินดี ยะละลวยหันตะวา ธาเมามัว พุทพาเอาตัวมาหา โมมาสมสู่ นะรักกูอยู่จนวันตาย โอมจิตติจิตติ หญิงชาย เห็นหน้าจงงงงวยจงใจรัก ใจอ่อนละมัย ไปมาหาสู่ ให้เร่งมา รึลือ รึลือ เอหิพรหมมาจิตตังมาด้วยพระวินัย ยันเถตังถิตังกะระณียัง เมตตังงจิตติ ขันติมะอิตถีโยจะปุริสา สมณพรหมณา เมตตาจะมหาราชา สัพพะเสน่หาจะปูชิโต สัพพะสุกขังมหาลาภัง ราชาโกธังวินาสสันติ สัพพะโกธังวินาสสันติ ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมมานะมุตตะโม จิตติมาหา เอหิพันธะ ปิยังมะมะ


    ครูพระมหากัจจายนะทรงวิชาพัดโบกนี้สำคัญนัก แม้พ่ออาจารย์ท่านยังอาราธนาติดตัวเสมอ ท่านว่าแก้เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายในชีวิตเราดีแท้ ด้วยท่านเป็นผู้รู้แจ้ง เป็นผู้มากเมตตา เรื่องใดแก้ไม่ตกหมักหมมมานาน เป็นปัญหาโลกแตกอาราธนาขอบารมีท่านล้วนคลี่คลายทันตาทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านถึงกับออกปากว่าอย่าว่าแต่เรื่องมนุษย์เลย แม้ปัญหาเทวดาท่านก็แก้มาเยอะแล้ว ยิ่งครูพระมหากัจจายนะนี้เราใส่พัดโบกของเราไว้ด้วย ท่านว่าจะยากอะไรกัน อะไรร้ายๆไม่ดีก็ให้มันเข้ามา ขอบารมีคุณพระรัตนตรัยยกพัดขึ้นพัดออกไป ก่อนออกทำงานหรือตื่นนอนก็ดีอธิษฐานใจดีๆพัดสิ่งไม่ดีออกไปให้หมด ท่านว่านั่นจะเป็นวันที่ดีไม่มีเรื่องยุ่งยากน่ารำคานใจใดมารบกวนเราได้เลย ถ้าชีวิตมีเวรกรรมมาก สำนึกรู้ตัวว่ากฏแห่งกรรมดำเนินและสนองต่อเราในด้านลบอยู่ ท่านว่าก็อธิษฐานเอาพัดนี้นี่แหละ พัดไอ้โรคเวรโรคกรรมออกไปจากตัวเราให้ทุเลาบรรเทาลงเสีย พัดเข้าตัวเองปัดออกไปให้หมด ****เราบอกได้เท่านี้ว่าให้ขยันทำหน่อยเดี๋ยวดีเอง วิชาพัดโบกนี้ใช้ได้หลายทางไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

    ***เคล็ดการใช้ ท่านว่าคนที่บูชาให้อาราธนาไว้สององค์ องค์หนึ่งมัดติดปลายไม้ปักไว้ที่สูงในบ้านหรือสำนักงาน ท่านว่าจะพัดเอาแต่สิ่งดีๆเข้าบ้าน บ้านจะเป็นบ้าน คนในบ้านจะมีความสุข ทั้งปัดเรื่องร้ายออกไป ถ้าเป็นที่ขายของหรือที่ทำงานก็จะอุดมไปด้วยลาภสักการะหนุนชะตาหนุนชีวิตคนในสถานที่นั้นไม่ให้ตกต่ำ ส่วนอีกองค์หนึ่งต้องอาราธนาไว้คู่ตัวเสมอๆ พ่ออาจารย์ท่านดำริสร้างให้ครั้งเดียว ท่านว่าทำยาก ใครมีบุญวาสนาถึงพร้อมก็ให้ได้ไว้บูชา

    ร่วมทำบุญบูชา พระโกยทรัพย์กอบวาสนาไตรภูมิ(มหากัจจายนะโปรดสัตว์ทรงวิชาพัดโบก) บูชา 2,500 บาท

    36823165_2237587313194344_3140762390740598784_n.jpg 36798342_2237587286527680_1857347676463431680_n.jpg
    36811414_2237575553195520_4822871226819018752_n.jpg
    511423e4913e6865d4d1ea29769ff1ee.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา จันทร์ลอยมหาชัย ชนะพนัน เหนือดวง (ท้าวกบิลพรหมถวายหัว)

    การทำพระผงจันทร์ลอยนั้น วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องเรียนจากท้าวมหาพรหมโดยตรงให้ท่านสอนให้ ดั่งสมัยหลวงปู่ศุขได้วิชาจันทร์เพ็ญก็ได้ตอนออกรุกขมูลโดยท้าวมหาพรหมท่านเมตตาสั่งสอนเช่นกัน ท่านว่าวิชานี้หากทำให้ขลังตกถึงใครได้ใช้รับรองว่า “รุ่งเรือง” ทุกคนไป

    พระผงจันทร์ลอยนั้นท่านทำด้วยความปรารถนานำพาวาสนาที่ยิ่งใหญ่ให้ตกแก่ผู้บูชา ท่านว่าในส่วนของท่านตอนทำนอกจากใช้วิชาจันทร์เพ็ญแล้ว ยังต้องลบผงธรรมบาลกุมารชนะพนันในคืนเพ็ญเดือนสิบสองด้วยเพื่อเป็นกฤติยคมแฝดในผงนั้น คืนเพ็ญนี้สำคัญนักพ่ออาจารย์ท่านว่าพระพุทธองค์ประสูติขึ้นในโลกมนุษย์นี้ก็คืนเพ็ญ ทรงตรัสรู้ธรรมอันเลิศก็ในคืนเพ็ญ ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ก็ในคืนเพ็ญ ทรงเสด็จเข้าสู่พระมหาปรินิพพานก็ในคืนเพ็ญ....เหตุการณ์เช่นนี้เป็นไปอย่างน่าอัศจรรย์หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องแปลกดีที่ "บังเอิญ" พอเหมาะได้ขนาดนั้น แต่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พระมหาเถระแห่งกรุงเก่ากลับบอกว่าถ้าแกมีญาณที่จะหยั่งรู้ได้ แกจะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตแกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญเลย

    ด้วยความที่ดวงจันทร์เป็นดาวที่อยู่ใกล้โลกที่สุด พลังและแรงดึงดูดจึงมีอิทธิพลต่อโลกอย่างมาก แหล่งน้ำทุกแหล่งในโลกที่มีน้ำขึ้นและลงได้ก็เพราะอาศัย "แรง" แห่งพระจันทร์ คนบ้าจะคลุ้มคลั่งเป็นพิเศษก็ในคืนเพ็ญ แม้เหตุการณ์สำคัญทางพระศาสนาก็ปรากฏเฉพาะในคืนเพ็ญเช่นกัน


    เพราะในหนึ่งปีย่อมมีเพียงหนเดียวที่พระจันทร์จะทอแสงแข่งรัศมีกับดวงดาวอย่างเต็มที่จนกลบรังสีแห่งดาวทั้งปวงแทบหมดสิ้นเรียกว่าดาวทุกดวงบนฟ้าก็ยังไร้แรงต้านในยามราตรี เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าการที่ลบผงธรรมบาลกุมารชนะพนันในคืนเพ็ญเดือนสิบสอง จึงเป็นเคล็ดของชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ดุจแสงจันทร์บนนภากาศที่มิอาจมีสิ่งใดมาต้านทานได้เช่นอานุภาพของผงนี้ " พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญแจ่มจำรัสสุกสว่างกระจ่างใสเต็มท้องฟ้า บดบังแสงเดือนแสงดาวจนไร้มลทินได้ฉันใด ชีวิตผู้ใช้ก็สุกสว่างสดใสสำเร็จสมหวังร่ำรวยรุ่งเรืองก้าวหน้า มีราศีเต็มท้องน้ำ บดบังกลบแสงผู้อื่นให้มืดดับได้ฉันนั้น โทษทุกข์ภัยใดใดก็มิกล้าเข้ามาเบียดเบียนบีฑา ความทุกข์โศกโทษภัยเศร้าโศกา หรือดวงจะตกดวงไม่ดีอย่างไรก็จางหายไป ดังพระจันทร์ในวันเพ็ญที่ขึ้นเต็มท้องฟ้าฉันนั้น "


    ผงธรรมบาลนั้นท่านว่าเป็นของวิเศษดีทางมหาชัย หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ที่แสนจะธรรมดาอันมีต่อตัวตนของบุคคลระดับท้าวมหาพรหมซึ่งมีเทพยดานับแสนโกฏิเป็นบริวารนั่นคือท้าวกบิลพรหมแห่งมหาพรหมภูมิผู้มีหน้าที่สอดส่องดูแลมวลมนุษย์ตลอดด้วยสรรพสัตว์ทั้งมวล


    และด้วยการพนันครั้งนั้นยังหาใช่การพนันธรรมดาแต่เป็นการพนันด้วยชีวิตที่มหาพรหมผู้เป็นเจ้าได้เสียหัวทำการตัดพระเศียรตนเองเพื่อบูชาธรรมบาลกุมาร เป็นคติของชัยชนะที่มนุษย์ธรรมดาอยู่เหนือเจ้าผู้ลิขิตชะตา ท่านว่าผงนี้จึงดีทางชนะ สั้นๆเลยคือแข่งอะไรก็ชนะ อธิษฐานอะไรก็ชนะ ไปพนันขันต่อเสี่ยดวง เสี่ยงโชค วาสนาทำอะไรก็ชนะ ชนะไปหมด แม้ไม่มีทุนรอน เสียเปรียบอย่างถึงที่สุดขนาดที่ว่าคนทั้งโลกยังทำใจเชื่อไม่ได้ว่าเราจะชนะก็ยังชนะเขาได้ ทั้งยังดีทางฝืนกฏชะตาสภาวะกรรม หนุนดวง พลิกดวง กลับดวงให้มีชีวิตเหนือดวง เหนือกว่าแม้กระทั่งผู้ลิขิตชะตา ผงนี้จึงเป็นของสำคัญมากเมื่อพ่ออาจารย์นำมาลบและเสกในคืนวันเพ็ญ


    ซ้ำในคืนวันเพ็ญนั้นท่านยังได้ลบผงสูตรเฉพาะวิชาการทำจันทร์ลอยไว้ด้วย ด้วยถือเป็นคืนที่มีเหตุการณ์มหัศจรรย์ของโลกมาบรรจบกัน คืนที่จันทร์เต็มดวงกำลังแผ่รัศมีอย่างเต็มที่ผงนั้นจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพมากเป็นพิเศษ ส่งผลในทางเสน่ห์ เมตตามหานิยม ความเยือกเย็น และพลังดึงดูดมวลชน โชคลาภ อำนาจของพระจันทร์ที่พ่ออาจารย์ท่านเชิญมาด้วยคุณวิชามนต์โองการเชิญพระจันทร์เข้าตัวในคืนเพ็ญนั้น จะยิ่งมีฤทธิ์มากขึ้นเป็นทวิทวี ท่านว่าวิชานี้ผงนี้เอาไปที่ไหนด้วยนอกจากมีรัศมีผ่องใสสวยงามเป็นที่น่ารักใคร่ดึงดูดใจผู้พบเห็น ยังมีอำนาจทางวาจา การเจรจาพาทีไพเราะเสนาะหู ถ้าเอาดีทางเสน่ห์ท่านว่าก็เจ้าชู้เป็นนักหนาแม้อ้าปากเจรจาก็เกี้ยวพาราสีให้ชนนิยมทั้งสิ้น


    ผงเชิญพระจันทร์เข้าตัวนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่ามีผลกับมนุษย์ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตวิญญาณ ด้วยเป็นอำนาจจากพระจันทร์ที่ดึงดูดและผลักดันพลังธรรมชาติทั้งปวง โดยเฉพาะธาตุน้ำในคตินี้แม้มหาสมุทรยังต้องเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวด้วยอำนาจดวงจันทร์ กระนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามนุษย์ก็เช่นกันด้วยในร่างกายมนุษย์นั้นมีน้ำอยู่มหาศาลมากกว่าธาตุอื่นทั้งหมด และธาตุน้ำนี้ก็ส่งผลกับพลังเมตตาและโชคลาภความปรารถนาทั้งหลาย


    ดังนั้นวิชาเชิญพระจันทร์เข้าตัวนี้จึงผลักดันสั่นคลอนพลังงานธาตุน้ำหรือการรับโชคลาภ เปิดวาสนาทั้งหมดในร่างกายของคนให้ต่ำหรือสูงได้นั่นเอง ท่านว่าเมื่อใช้ผงนี้จะดึงดูดความเมตตาเข้ามาตลอด จะขับพลังงานคือสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวตนเราให้เปิดออกให้มีโชควาสนาอยู่เนืองๆไม่ลดไม่พร่องดุจน้ำขึ้นในคืนจันทร์เพ็ญ ทำให้การใช้งานพึ่งพาความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพลังงานทางด้านจิตวิญญาณแสดงอิทธิคุณของมันอย่างเต็มที่ ผงนี้เมื่อเจ้าของอาราธนาจะส่งพลังงานนั้นเข้าตัวเป็นอานุภาพทางมหาเมตตา เป็นมหานิยม เป็นมหาโชคมหาลาภอย่างเอกอุ เกิดสิริมงคล ทำการใดก็สำเร็จสมความปรารถนา มีโชคชัยมงคล ประสบชัยชนะ เป็นเสน่ห์ เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆเพราะท่านทำในเวลาที่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์โคจรมากุมกันและเล็งกัน


    พ่ออาจารย์ท่านนำผงทั้งสองนี้มาผสมกันปั้นเป็นจันทร์ลอยและใช้ธาตุกายสิทธิ์สร้างเศียรท้าวกบิลพรหมอันได้ชื่อว่ามีอานุภาพมากซ้ำยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีโลก มีเทพยดาบริษัทมากมายคณานับได้ถึงแสนโกฏิตามพิทักษ์รักษาฝังลงไปเป็นเคล็ดให้คนใช้ชนะชะตา ชนะวาสนาลิขิตชีวิต และยังฝังตะกรุดวิชาเฉพาะทางหนุนส่งให้คนใช้แพ้ไม่เป็น ทำอะไรก็ชนะ พร้อมทั้งอธิษฐานจิตถึงพระพุทธองค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระสิริโฉมและรัศมีกายอันรุ่งเรืองงดงามคือฉัพพรรณรังสีได้แก่รัศมีรอบพระองค์ทั้งหกสี แม้ในพระอรหันต์สาวกต่างๆก็ดีย่อมมีรัศมีกายแตกต่างกันไปไม่เสมอเหมือนด้วยพระพุทธองค์ ท่านว่าหากแม้พระจันทร์เมื่อวันเพ็ญจะทอแสงแรงกล้าจนสว่างทั่วฟ้าและแผ่นดินเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าและรัศมีเหล่าพระสาวกที่สาดส่องแผ่ไพศาลไปทั่วโดยรอบสุดขอบอนันตจักรวาล แม้กระทั่งส่องสว่างเข้าไปถึงข้างในหัวใจบุคคลอันมืดมิดในที่ซึ่งแสงจันทร์หรือแสงใดใดก็ไม่อาจส่องถึงได้ เมื่อพ่ออาจารย์ท่านอ้างเอารัศมีกาย รัศมีพระเศียร รัศมีพระสาวก มาประดิษฐานอยู่ที่องค์พระ อยู่ที่ตัวเรา อยู่เหนือเกล้าเหนือผมของผู้อาราธนาแล้ว ท่านว่าแม้ไปที่ใดผู้คนที่พบหน้าค่าตาเราก็ย่อมรู้สึกประทับใจสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากจิตวิญญาณของเรา ราวกับเขามองพระจันทร์วันเพ็ญที่กำลังทอแสงนวลตาสว่างรุ่งเรืองอยู่กลางหาว ดึงดูดสายตา ดึงดูดความรู้สึก อยู่ใกล้ก็เย็นอกเย็นใจสบายใจ อยู่ไกลก็รู้สึกคิดถึง อยากเห็น อยากมองด้วยคุณวิชา


    ท่านว่าจันทร์ลอยของเรานี้ดีทุกด้านใช้ได้ทุกทาง เมื่อทำเสร็จท่านก็นำมาอธิษฐานจิตด้วยวิชาจันทร์เพ็ญอันเป็นวิชาของท้าวมหาพรหมกำกับซ้ำอีกหลายวาระท่านทำให้อย่างบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ


    พระผงจันทร์ลอยที่พ่ออาจารย์ท่านทำให้ด้วยคุณวิชานี้ ท่านว่านอกจากตั้งใจทำให้ยิ่งใหญ่เหนือดวงแล้ว ยังเน้นเรื่องการชนะ ชนะในการพนัน ด้วยท่านถือว่าสมัยนี้เป็นยุคแห่งการแข่งขัน การดำรงค์ชีวิตอยู่ก็เหมือนเกมการพนันด้วยชีวิต ด้วยสติปัญญา อันมีครอบครัวและชีวิตตนเป็นเดิมพัน ท่านว่าคนเขาต้องทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวมากกว่าหนึ่งปากท้อง ดังนั้นเกมชีวิตจึงนับเป็นการพนันที่ยิ่งใหญ่ เป็นการพนันที่มนุษย์เราต้องชนะพรหมลิขิต ต้องอยู่เหนือผู้ลิขิตชะตาให้ได้ ไม่เช่นนั้นทำสิ่งใดก็จะล้มเหลวไม่เกิดผลดีเลย ทั้งนี้ พระผงนี้ตกอยู่กับใครก็ถือว่าเป็นบุญ ได้อยู่กับใครก็ทำให้เขาดีทุกอย่าง พนันอะไรก็ชนะได้ง่ายดุจเขาถวายหัวให้แต่เริ่ม ก้าวหน้าเจริญสำเร็จสมหวัง หามลทินมิได้ รุ่งเรืองที่สุด เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ไม่รู้จักตก ไม่รู้จักต่ำ ไม่รู้จักยาก ไม่รู้จักจน เจริญขึ้นตามแต่จะอธิฐานเอา ถ้าใช้เป็นเสน่ห์มหานิยม คนจะหลงรักได้ง่าย เป็นเมตตามาก เพราะหน้าเราดังพระจันทร์รูปงาม ใครจ้องมองตามก็ติดอกติดใจ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ใช้กันให้ดี เพราะเมื่อสร้างเสร็จท่านได้ลองนำไปให้คนบูชามาแล้วห้าคน คนกลุ่มนี้ก็ได้มีประสบการณ์เรื่องเมตตาค้าขายหลังจากนนำไปใช้ เขาว่าใช้แล้วเรื่องเงินๆทองๆไม่ขาดมือมีเข้ามาทั้งทางตรงกับทางอ้อม(ทางตรงคืออาชีพ ทางอ้อมก็คือการพนันเสี่ยงดวง) พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ทำให้คนสำเร็จมาก ร่ำรวยมาก รุ่งเรืองถึงที่สุด ขนาดเด็กวิ่งส่งของในบ่อนยังกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ได้ หรือแม้คนต้องโทษประหารยังรอดออกจากคุกได้อย่างปาฏิหาริย์ ถึงขนาดแม้เป็นเด็กวัดไม่มีจะกินยังรุ่งเรืองเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง


    คาถาบูชา

    จันโทอะภะกันตะโรปิติ ปิโยเทวะมนุสสานัง อิตถีโยปุริโส มะอะอุ อุมะอะ อิสวาสุ อิกะวิติ

    พระผงพ่ออาจารย์ท่านว่านี้ท่านทำด้วยผงคุณวิชา เป็นของศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิชาเฉพาะทางมีเจ้าของทุกองค์ ***แม้ชีวิตคนผู้ใดถ้ารู้ว่าตัวเองยังไม่เต็ม ยังบกพร่องอยู่ ก็ให้อาราธนาองค์พระสององค์มัดประกบกันไว้ถือเคล็ดคู่สมพงษ์ อธิษฐานตอนมัดให้เติมเต็มความสมบูรณ์ทุกสิ่งท่านว่าที่ขาดมันจะเต็มรวดเร็วนัก ในส่วนองค์พระที่มัดไว้ให้อาราธนาไว้ที่พระพุทธรูปองค์ประธานที่เราหราบไหว้บูชาแลหมั่นสวดบูชาดวงชะตาก็ได้ หรือจะอาราธนาไว้ติดตัวเป็นมงคลชีวิตให้เกิดอิทธิคุณทั้งหลายก็ได้


    ร่วมทำบุญบูชา จันทร์ลอยมหาชัย ชนะพนัน เหนือดวง (ท้าวกบิลพรหมถวายหัว) บูชา 800 บาท

    37087315_2241696149450127_6673654294878617600_n.jpg 37055970_2241696202783455_9029489868719259648_n.jpg
    37003641_2241696176116791_4827911319401267200_n.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา รูปหล่อเทวราชันท้าวเวสสุวัณรับสาสน์(อุดผงแก้กลมหาปราบโลก ผงพลองตีเทพ)

    แต่โบราณกาลนั้น...คติในการบูชาพ่อยักษ์หรือองค์ท้าวเวสสุวรรณได้รับความนิยมในหลากหลายแง่มุม บ้างก็เชื่อในอานุภาพด้านกันเสนียด กันภูติผีปีศาจ อาศัยว่าท่านเป็นเจ้าแห่งผีนายแห่งยักษ์ จึงบงการและเป็นที่เกรงกลัวแก่สรรพวิญญาณทั่วไป อีกคติหนึ่งก็เชื่อว่าดีทางหนุนดวง ชุบตัว เปลี่ยนชีวิต บ้างก็ว่าท่านเป็นเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเปลี่ยนดวงยาจกให้เป็นเศรษฐีได้ ด้วยความเชื่อต่างๆดังนั้นพ่ออาจารย์พลท่านจึงได้จัดสร้างรูปหล่อเทวราชันหรือองค์ท้าวเวสสุวรรณขึ้นมา โดยมีดำริว่าจะใช้วิชาในเทวะศาสตร์ของพราหมณ์ ซึ่งเป็นวิชาจริงๆของสาวกผู้บูชาท้าวกุเวรมาสร้างเครื่องมงคลไว้เป็นเกียรติประวัติครั้งนี้


    โดยทั้งนี้ท่านใช้วิชาพิเศษของพราหมณ์ทมิฬซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงและพิเศษมากๆว่าด้วยศาสตร์เฉพาะขององค์ท้าวเวสสุวรรณที่สืบทอดกันอย่างลึกลับในเหล่าสาวกมานานนับพันปีโดยตรงมาทำ ท่านว่าเป็นวิชาของแขกพราหมณ์ฮินดูเน้นความแรงอย่างมากทั้งในด้านพลังงานและการส่งผลต่อผู้บูชา วิชานี้เรียกว่าท้าวเวสสุวัณรับสาสน์ เป็นวิชาเฉพาะทางแห่งมหาราชผู้เป็นอธิบดีหรือหัวหน้าในจอมเทพจตุโลกบาลย่อมไม่ไร้สาระอย่างแน่นอน วิชาอะไรทำไมถึงถ่ายทอดเป็นการลับ สืบทอดเฉพาะในหมู่สาวกและผู้ศรัทธา ทำไมบูรพาจารย์จึงหวงแหนมาเนิ่นนานนับโคตร นับชั่วอายุคน สืบทอดกันมานับพันปี


    เมื่อพ่ออาจารย์คิดจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด ดีเท่าที่ภูมิจิตภูมิธรรมท่านจะทำได้ ท่านว่าท้าวเวสสุวัณครั้งนี้ท่านตั้งใจขออนุญาติพระองค์ท่านทำโดยเฉพาะเพื่อเน้นอิทธิคุณทุกด้านเท่าที่ตั;ท่านจะทำได้โดยครูมหายักษ์ท่านมีดำริให้พ่ออาจารย์ท่านสร้างแบบกายยักษ์หน้าเทพโดยเฉพาะ


    ที่อื่นมักจะทำรูปท้าวเวสสุวรรณท่านเป็นหน้ายักษ์ แต่แท้จริงแล้วภูมิธรรมของท่านเป็นพระอริยเจ้า โดยแท้จริงท่านก็เป็นเทวดารูปงาม หากมนุษย์จิตปรุงเเต่งมีความเชื่อว่าท่านเป็นยักษ์ท่านก็จะปรากฏรูปออกมาในแบบยักษ์


    จริงๆเเล้วท้าวเวสสุวรรณพระองค์ปัจจุบันนี้ จัดเป็นเทวบดีในระดับพิเศษ คือนอกจากจะปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเเล้ว พระองค์ยังมีวิมานอยู่เเม้กระทั่งดาวดึงษ์หรือในพรหมโลกด้วย รูปกายของพระองค์นั้นเป็นได้ทั้งพรหมเเละเทพในองค์เดียวกันรวมไปถึงยักษ์ เนื่องจากคุณธรรมของท่านที่เป็นอริยบุคคล เมื่อมาจุติในสวรรค์ชั้นนี้ก็เพราะจิตที่มีอดีตผูกพันธ์ ความจริงท่านควรจะขึ้นไปอยู่พรหมโลก เนื่องจากจิตของท่านจัดเป็นพระอริยบุคคลที่จะไม่มีวันหวนกลับลงสู่ที่ต่ำอีกเเล้วนั่นเอง


    พ่ออาจารย์เมตตาสร้างเพื่อให้คนได้ไปบูชาเข้าถึงเทพยดาพระองค์นี้ได้อย่างแท้จริงโดยแฝงความหมายเเละนัยยะมากมาย ท่านว่าอย่ามองว่าพระองค์เป็นเเค่หนึ่งในท้าวมหาราชทั้งสี่ ความเป็นอริยบุคคลของท่านนั้นยิ่งใหญ่พ้นประมาณ จัดเป็นเทพบดีระดับสูงที่ไม่ควรคิดก้าวล่วงเเม้เเต่น้อย ท่านได้จัดสร้างท้าวเวสสุวรรณนี้ในปางของเทพเจ้า เพราะเทพเจ้าจะมีใจที่คิดช่วยเหลือคนได้มากกว่าในปางของยักษ์หรือปางของมหาพรหมที่จะวางเฉยแบบนั้น ท่านจึงทำท้าวเวสสุวรรณหน้าเทพกายยักษ์เพื่อให้คนเอาไปใช้บูชากัน ท่านว่าทั้งช่วยเหลือ ทั้งทรงอำนาจไร้แรงต้านทานอย่างถึงที่สุด


    ท้าวเวสสุวรรณที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างในหนนี้ท่านว่าอย่างแรกเลย เราต้องการจะเปลี่ยนชีวิตของคนที่ศรัทธาพระองค์ท่าน ชุบตัวจากยาจกให้กลายเป็นเศรษฐี โดยคตินี้กล่าวกันว่าแม้จะวัดความเป็นราชาเเล้ว ท้าวมหาราชเเห่งทิศเหนือพระองค์นี้ยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าจักรพรรดิของโลกเสียอีก ชื่อท้าวมหาราชก็บอกอยู่เเล้วว่า มาจากมหาราชา กอปรกับตำนานเดิมทางไสยศาสตร์ที่ว่า ท้าวเวสสุวรรณมีพระชาติเป็นมนุษย์เป็นพ่อค้าขายน้ำตาล จากพ่อค้ากลายเป็นท้าวมหาราชทางทิศเหนือ จากเศรษฐีคนธรรมดาได้นั่งบัลลังค์ท้าวจตุโลกบาล ท่านอาศัยความนัยนี้ ให้ศิษย์ทั้งหลายได้คิด ศิษย์ที่ประกอบสัมมาอาชีพสุจริตทั้งหลายจากต่ำจะได้ไปสูง สูงขึ้นแบบไม่คาดคิด สบายขึ้นเหมือนฟ้าหนุนดวงส่งทำอะไรก็สำเร็จเห็นผลง่าย เช่นอดีตของท้าวเวสสุวรรณในฝ่ายไสยศาสตร์นี้ ที่เกิดจากคนธรรมดาได้นั่งบัลลังค์ท้าวมหาราชอันยิ่งใหญ่นั่นเอง


    ท้าวเวสสุวรรณที่พ่ออาจารย์พลท่านสร้างในวาระนี้ หากพูดในแบบภาษาของท่านก็เหมือนกับการเชิญสื่อการนิรมาณกายของเทพเจ้าในพระรูปเดิมลงมาเเฝงไว้ เพื่อการรับรู้เเละช่วยเหลือเกื้อกูล ทั้งนี้เมื่อบูชาพระองค์ท่านแล้วที่สำคัญอย่างมากเลยนั่นคือการกระทำของเราจะให้ผลมาก พ่ออาจารย์บอกว่าเมื่อรับหรือเมื่อเชิญองค์ท่านไป นี่คือเจ้าบัญชีใหญ่ที่บันทึกพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ที่มีบุญ ย้ำกันตัวใหญ่ๆว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้สร้างบุญทำการกุศลไว้ท่านมีหน้าที่บันทึกโดยตรงในบัญชีบุญก่อนส่งให้พระอินทร์นำไปอนุโมทนาในเทวสภา พ่ออาจารย์ท่านจึงอธิษฐานจิตให้คนได้อาราธนาเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างถึงที่สุด ด้วยท่านเชื่อในจริตของผู้ศรัทธา หลายๆคนมักจะสร้างบุญสืบสร้างทางกุศลกันไม่ขาด ตรงนี้ท่านว่าถ้าเธอทำดีก็จะดีแบบสุดๆ ในเมื่อองค์ท่านอยู่กับเราท่านก็จะบันทึกบัญชีของท่านได้โดยตรง ทุกบุญท่านการกุศลของเราย่อมผลิดอกออกผลโดยไว ด้วยเทพยดาเจ้าและมหาพรหมทั้งหลายในเทวสภาล้วนอนุโมทนา จะได้ดีพร้อมรับความเจริญรุ่งเรืองแบบลืมตาอ้าปากชนิดฟ้าเปิดนั่นทีเดียว


    การสร้างนี้ท่านไม่ได้เน้นโชคลาภแบบฉาบฉวย เเต่ท่านเน้นให้มีลาภมากแบบมั่นคง ไม่ใช่ความโชคดีเล็กน้อยแต่ต้องถึงกับพลิกชีวิตสร้างโอกาส พ่ออาจารย์บอกว่าที่ท่านทำให้หนนี้ เวลาจะปรารถนาอะไรก็อธิษฐานเอานะ แค่เธออธิษฐานท้าวเวสท่านก็รู้แล้ว นี่นะเธอจำไว้ ท้าวเวสนี่ท่านดูแลสมบัติเทวโลกทั้งหมดรวมไปถึงทรัพย์ในดินทั้งหลายของโลกมนุษย์ด้วย ถ้าเธออยากเจริญเธออยากมีทรัพย์สินตราบใดที่เหยียบอยู่บนเเผ่นดินนี้ต้องขอกับท่าน เพราะเป็นหน้าที่ของท่านแบบตรงๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาไว้ตั้งสัตย์อธิษฐานเปลี่ยนชีวิตเเต่อย่าปากยื่นปากยาวพูดพล่ามไร้สาระมากเพราะท่านไม่ใช่กุมารทอง อย่าเอามาเล่นเลยนี่เป็นของสูงไม่ใช่ของเล่น



    เมื่อกล่าวถึงท้าวเวสสุวรรณนั้น ก็นับว่ามีอะไรพิเศษที่ค่อนข้างจะผูกพันธ์กับพ่ออาจารย์ท่านอย่างแท้จริง ถึงขนาดไปเข้าฝันคนที่อยู่ไกลๆให้มาตามหาพ่ออาจารย์ให้ทำของให้ก็มีอยู่บ่อยๆ คนไม่รู้จักก็ไปตามอยู่หลายหนไปดลใจจนเค้าตามหาท่านก็เคยมีปรากฏมาเเล้ว พ่ออาจารย์ว่าท้าวเวสที่ท่านรู้จักนั้น เป็นท้าวเวสที่เกษมสำราญมีความสุข พระองค์อยู่ในประสาทของพระองค์แวดล้อมไปด้วยนางฟ้าที่สวยงามมากมายจนไม่สามารถนับองค์ได้เลยทีเดียว เหมือนเป็นยอดบุรุษที่อยู่เหนือสตรีนับแสนนับล้านอันมาปรากฏเกิดขึ้นในวิมานของพระองค์ ท่านว่าแวดล้อมกันยิ่งกว่าพญาเขาคำที่มนุษย์รู้จักเสียอีก และเเต่เดิมท้าวเวสเองก็เคยมีดำริตอนพ่ออาจารย์สร้างรูปท่านว่าไม่อยากให้ทำรูปยักษ์เพราะจะเเรงเกินไป ที่เป็นรูปยักษ์นั้นถ้าท่านจะทำก็คอยเอาไว้ทำให้คนดีเขาเอาไปใช้จะบอกกล่าวหรือขออะไรก็ล้วนเเต่ช่วยให้สำเร็จได้ทั้งนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงทำท้าวเวสกายยักษ์หน้าเทพเพื่อให้มีบารมีสูงยิ่งกว่าเก่า ท่านว่าปู่เวสนี่ท่านทำได้ทุกอย่างอย่างเเม้เเต่ตามคนหาย พ่ออาจารย์ท่านว่าเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์เลย เป็นเจ้าของสมบัติในเทวโลกไม่ว่าจะเทวดาวิมานไหนสวรรค์ชั้นไหนแม้แต่ระดับเทพบดีก็ยังต้องมารับทรัพย์รับการเเบ่งปันจากท้าวเวสสุวรรณทั้งนั้น ซ้ำยังเป็นผู้ควบคุมทรัพย์ในปฐพีหรือในแผ่นดินอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าตอนทำเทขึ้นรูปเอามาเชิญองค์ท่านลงเเล้ว ต้องเจรจากันอยูู่พักใหญ่เลยทีเดียวเพราะคิดเเต่ว่าคนเอาไปใช้เขาจะต้องได้ดีไม่ติดปัญหาอุปสรรคอะไร ต้องมั่งมีได้ตามใจนึก ก่อนจะลงอาถรรพ์ครอบไว้อีกครั้งหนึ่ง


    การทำท้าวเวสสุวรรณครั้งนี้ พ่ออาจารย์ท่านมีดำริใช้ผงสองชนิดมาปสมเข้ากันเพื่ออุดไว้ด้านหลังองค์พระ ท่านว่าเฉพาะผงสองอย่างนี้ก็นับว่าแรงที่สุดในโลกเหมาะแก่สายวิชาท่านท้าวแล้ว

    - ผงแก้กลมหาปราบโลก พ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือสุดยอดผงที่เป็นทั้งมหาปราบได้ทั้งโลก ทั้งยังแก้กลคุณวิชาอาเพทและเคราะห์กรรมการกระทำด้วยไสยเวทย์แลภูติผีต่าง ท่านว่าทำยากมาก ต้องใช้ว่านแสงอาทิตย์ ว่านไพรเหลือง ไพรดำ ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว ขมิ้นดี ขมิ้นทอง หมุยดำ หมุยขาว หมุยช้าง เฉียงพร้า หนามแสงขัน หนามเพดาษ หนามงับ ระงับใหญ่ ข่าตาแดง ขิง พริกไทย เจ็ตมูลเพลิง บอระเพ็ช ว่านน้ำ พัดแม่ชี หมากผู้ ปด บอน หิ่งหายผี บังบาย หนาด เข็ดมอญ หญ้าคา ว่านโมกขศักดิ์ ว่านมหาปราบ ว่านพะตะบะ ว่านสามพันตรึง ว่านหนุมาน ว่านนางคุ้ม ว่านสากเหล็ก หนามจันทัน หนามบ้อง ชิงชาลี ธรณีสาร ส้มป่อย คนทีดำ งิ้วดำ งิ้วขาว เปราะลาย พญาว่าน กำแพงเจ็ดชั้น ใบมะกรูด ใบมะนาวผงยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ผงงาช้าง ผงเขี้ยวต่างๆ ผงเขาวัวเขาควาย ผงปรายหอกปลายดาบ ข้าวสาร๓สี ตะใคร่เสมา ตะใคร่เจดีย์ ผงชันเพ็ช นำผงเครื่องยามานวดด้วยน้ำฝนเดือนห้าห่าแรก น้ำฝนตกแดดออก น้ำสามบึง น้ำสามบ่อ น้ำสามสระ น้ำค้าง น้ำกาไม่ทันข้าม ก่อนนำมาเข้ากับผงลำผีพ่าย ผงไล่ผีหนี ผงตีผีตาย ผงยันต์ตรีนิสิงเห ผงยันต์นอโม ผงยันต์อิติโปโสแปดทิศ ผงยันต์ไตรสรณคมณ์ ก่อนที่พ่ออาจารย์จะปั้นแท่งผงเพื่อลงยันต์แก้กลมหาปราบโลก เมื่อได้ผงวิเศษแล้วท่านได้นำผงนี้เข้าพิธีกองกูณฑ์อัคคีหรือบูชาไฟถวายแก่ครูพระสยมอีกวาระหนึ่งเพื่อให้มีอิทธิคุณแรงกล้าสูงสุด ***ผงยานี้มีอานุภาพแรงมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ได้ทั้งแก้คุณไสย แก้ของ แก้มนต์ดำ แก้ผีขับไล่วิญญาณร้าย แก้ภูต แก้พราย ใช้แก้สารพัดผี แก้มนต์ แก้อาถรรพ์ แก้อาเพท แก้อุบาทว์ แก้เสนียดจัญไร แก้เสน่ห์ยาแฝด แก้ยาสั่ง แก้ยาพิษ แก้มนต์บังตาร้านค้า แก้อาถรรพ์ที่บังเกิดในแผ่นดิน แก้คุณไสยที่เข้าทำไว้ในแผ่นดิน แก้ที่ทาง แก้ที่ดินเป็นอาเพท แก้อาคมลมใน แก้โรคร้ายต่างๆที่เกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็นตัว แก้อาถรรพ์ทั้งมวลในแผ่นดินที่ดลให้ทำมาหากินไม่ขึ้น โชคลาภติดขัด วาสนาไม่ผลิดอกออกผล ผงนี้มีอานุภาพมา่กพ่ออาจารย์ท่านว่าแม้ป่าช้าผีดุหากนำผงนี้ซัดเข้าไปป่าช้านั่นก็ย่อมร้างทันที
    - ผงพลองตีเทพ ตามคติเก่าก่อนเชื่อกันว่าองค์ท้าวเวสสุวรรณนั้นมีไม้กระบองค้ำยันพระวรกายเอาไว้ กระบองของท้าวเวสสุวรรณนี้มีอำนาจมากเเม้พระองค์ปล่อยออกจากมือก็สามารถลอยไปทุบศรีษะยักษ์นับพันให้เเตกตายได้ในพริบตาถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาวุธของเทวโลก เป็นที่ยำเกรงไปทั่ว วิชาทำกระบองนั้นสมัยท่านเป็นหนุ่มนั้นท่านว่าตัวท่านได้พบกับฆราวาสท่านหนึ่งหลบผู้คนไม่สนใจโลก ทำตัวเหมือนขอทานเป็นคนเเก่ๆทั้งที่มีฐานะรุ่งเรืองมาก เเต่ทั้งนี้คุณตาคนนี้มีดีถึงขนาดเป็นลูกศิษย์ที่หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ถ่ายทอดวิชาทุกอย่างให้ ท่านได้ไปร่ำเรียนกับคุณตาท่านนี้ ท่านว่าคุณตาท่านนี้มีไม้ครูอยู่เล่มนึง ยาวกว่าเเขน ห่อผ้าไว้มิดชิด ด้ามทำด้วยงา เป็นรูปกระบองยักษ์ท้าวเวสสุวรรณตัวกระบองนี้เป็นของใช้ตกทอดมาเเต่หลวงพ่อเดิม กระบองนี้ดีเเค่ไหนไม่รู้แต่เเค่นำมาเเตะหัวคนบ้าวิกลจริตกลายเป็นคนธรรมดาปกติได้ เเละใครดูถูกท่านก็โดนเเตะให้กลายเป็นคนบ้าวิกลจริตได้เช่นกัน ท่านว่านี่แค่แตะนะ พ่ออาจารย์ท่านไม่ได้รับสืบทอดกระบองไว้ เเต่ท่านเรียนวิชาการทำกระบองตามแบบหลวงพ่อเดิมนี้ไว้ทั้งหมด และในกาลนั้นท่านก็ได้ขอตะไบเศษผงกระบองท้าวเวสสุวรรณด้ามครูมาเก็บรักษาไว้ด้วยโดยเรียกผงนี้ว่าผงพลองตีเทพ(ตรงตามชื่อคือใช้ตีได้แม้แต่เทพ) ท่านว่าวิชาทำกระบองของหลวงพ่อเดิมนั้นท่านจำกัดคนรับอย่างยิ่งต่างจากมีดหมอ จะเห็นว่าทอดสายตาไปทั่วแผ่นดินแล้วย่อมไม่มีปรากฏอีก ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเอาผงกระบองครูวิชาอันท่านหวงแหนไว้มาให้ใช้ ท่านว่าเมื่อเราบูชาไม่ต้องกลัวเทวดาเกเรจะมาให้โทษเพราะเขากลัวอาญาสิทธิ์เฉียบขาดของกระบองนี้ ยักษ์ อสูร รากษสอันธพาลทั้งหลายยิ่งอยู่ไกล เรื่องภูติผีนี่ไม่ต้องกลัวเลย มั่นใจได้ว่าอยู่คนละที่กับเราเเน่นอน ทั้งนี้กระบองค้ำกายท้าวเวสสุวรรณให้นั่งบัลลังค์ได้มั่นคงฉันใด ผู้ใช้ก็ได้ดีมั่นคงเหมือนมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาเป็นรากฐานค้ำจุนเราดุจเดียวกันฉันนั้น ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย


    พ่ออาจารย์ท่านนำผงวิเศษทั้งสองชนิดนี้มาผสมกันเพื่ออุดไว้หลังท้าวเวสรุ่นนี้ ท่านว่าหนึ่งก็ทำยากอีกหนึ่งก็คือประวัติศาสตร์เป็นตำนานอย่างแท้จริง เมื่อนำผงมาเข้ากันแล้วท่านว่าผงวิเศษเช่นนี้ย่อมไม่เกิดมีขึ้นอีก ท่านจะทำผงนี้เพื่อสร้างท้าวเวสรุ่นนี้โดยดำริว่าเราจะทำให้หนเดียว


    นอกจากนั้นด้านหลังท่านยังฝังตะกรุดสำคัญที่มีชื่อว่าตะกรุดท้าวเวสสุวรรณรับสาสน์วิชาของพราหมณ์โบราณลงไว้ด้วย ...ตะกรุดนี้สำคัญนัก คำขอและคำอธิษฐานใดๆก็ดีที่ผู้ศรัทธาได้อธิษฐานบูชานั้น ส่วนใหญ่เมื่อไหว้และอธิษฐานใจแล้วก็มักจะไปถึงเหล่าเทพบริวารที่องค์เทพชั้นสูงนั้นมักจะให้ดูแลรูปเคารพตน เรียกได้ว่ายากหรือไม่มีโอกาสเลยที่คำอธิษฐานนั้นจะไปถึงองค์เทพที่เราศรัทธา บางคราเทพบริวารทั้งหลายก็จะใช้ให้บริวารตนดูแลอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่หวัง คำที่ขอ ยิ่งมองก็ยิ่งไกลออกไป เพราะเหล่าเทพบริวารทั้งหลายมักจะไม่ใส่ใจหรือเอาเป็นกิจธุระในการบนบอกของมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาที่ท่านทำตะกรุดเฉพาะทางฝังให้หนนี้ เราบอกได้แค่สั้นๆว่าความปรารถนาใด การบูชาใดก็ดี ล้วนเสมอด้วยเธอถวายสาสน์ขึ้นถึงมือท้าเวสสุวรรณโดยตรง เธอผู้ศรัทธามอบให้ถึงมือโดยไม่ผ่านมืออื่นใด พูดภาษาบ้านเราก็คือไม่ถูกปิดกั้น ไม่โดนดองเอาไว้ ทำให้ติดต่อสื่อสารบนบอกกับพระองค์ท่านได้ วิชานี้แต่เดิมสำหรับผู้ทรงญาณมักเอาไว้สื่อสารทางวาระจิตกับองค์ท้าวเวสสุวรรณโดยตรงสืบทอดกันมาเป็นศาสตร์เฉพาะนับพันปี แต่หนนี้พ่ออาจารย์ท่านได้อนุโลมนำมาทำเป็นตะกรุดฝังไว้ เพื่อตั้งใจให้คนที่ศรัทธาได้บูชาท้าวเวสสุวรรณที่เป็นท้าวเวสจริงๆไม่ใช่ยักษ์หรือเทพบริวาร


    พ่ออาจารย์ท่านว่าหนนี้เราทำให้อย่างเต็มที่ จัดเครื่องเซ่นสรวงปลุกเสกด้วยโองการต่างๆของพราหมณ์โดยต้องสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและอัญเชิญพระญาณธาตุอากาศขององค์ท้าวเวสสุวรรณมาสถิตย์ในมหาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นรูปกายท่านทีละองค์จนเต็มจิตเต็มภูมิ ท่านว่าหนนี้เน้นทุกด้านให้คนใช้เปิดดวงเศรษฐี เสริมทรัพย์ ดูดโชคลาภ ล้างอาถรรพ์แก้เหตุกลวิบัติอันมืดดับในชีวิตทั้งปวง ทั้งยังเป็นเสน่ห์เมตตามีคนรักรุมล้อม มีวาสนาดึงดูดตามแต่จะปรารถนาอธิษฐานทุกประการ ท่านว่าเอาไปใช้อาราธนาดูแล้วจะรู้ว่าท้าวเวสจริงๆนั้นเป็นอย่างไร จิตท่านเมตตาห่วงลูกหลานขนาดไหนก็ให้เอาจิตเราลองรองรับไว้ด้วยตนเอง แล้วจะรู้จะเห็นด้วยตนเอง


    คาถาบูชา

    โอมนะโม มหาเวสสุวรรณโณ มหาไตรโลโกทิพจักขุง มหาไตรโลกานัง มหาภูเตรสาวะกัง ทิพพะมันตัง อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ เวสสะพุสะ นะมะพะทะ อรหัง อะสังวิสุโลปุสะพุภะ มะอะอุ อิสวาสุ สุสวาอิ อิติอิติ มหาเทวัง มหายักขัง ปัตตโลกัง มหาอิทธิฤทธิ อิทธิฤทธัง อรหังประสิทธิเม (ระลึกถึงท้าวเวสสุวรรณเป็นที่สุด)

    *** ท้าเวสสุวรรณนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าให้บูชาตามสถานการณ์อำนวย เอาไว้รักษาตัวคุ้มเนื้อคุ้มกาย เติมเต็มวาสนามหาลาภและทรัพย์สมบัติ ทั้งนี้ถ้าจะให้เห็นผลทันตาท่านว่าอันนี้จำไว้ทำได้ก็ดีกับตัวอย่างมากหนึ่งคนควรอาราธนาเป็นคู่ จำไว้ให้ดีองค์หนึ่งติดคอเอาไว้ตลอดเพื่อเปิดทางโชคลาภวาสนาและเอาไว้อธิษฐาน อีกองค์หนึ่งให้เราทำที่เก็บเงินของเราจริงๆจะเป็นกล่องเป้นตู้เป้นลิ้นชักอะไรก้ได้นำเงินทองสมุดบัญชีของมีค่าพวกแก้วแหวนทองคำอะไรก็ตามที่เป็นทรัพย์สมบัติของเราไปเก็บรักษาไว้ตรงนั้นและนำท่านอาราธนาทับถมไว้ อธิษฐานบอกท่านว่านี่คือคลังสมบัติของลูก ขอให้คลังนี้เป็นคลังสมบัติที่ลูกจะตักใช้เท่าไหร่ก็ไม่พร่อง เป็นคลังที่หามาถมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม ขอให้ท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณรับเป็นธุระจัดการคลังนี้ เป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ขอท่านพ่อมาช่วยแสวงหาลาภสักการะหาทรัพย์ทั้งหลาย นำทรัพย์ทั้งหลายมาให้ลูก ไม่ว่าจะทางตรงก็ดี ทางอ้อมก็ดี ไม่ว่าจะมาจากทิศทางใดทั้งจตุปัจจัยหรือลาภลอยทุกทาง ก็ให้มาถมที่คลังของลูกนี้จวบจนครบกำหนดอายุขัยของลูกสืบไป พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์หนึ่งอยู่ที่คอ อีกองค์เฝ้าคลังเช่นนี้จะให้ผลมากแต่หากมีเหตุหรือสถานที่อาถรรพ์ใดก็ควรอาราธนาท่านฝังเอาไว้ล้างอาถรรพ์ในที่นั้นด้วยเพราะยาแก้กลนี้ทำไม่ง่ายเลย ท่านว่าพิจารณาใช้ตามแต่จะเห็นสมควร จะติดบ้านไล่อาถรรพ์ทางสามแพร่งหรือเสาไฟฟ้า ปัดรังความภูติผีปีศาจไว้ตรงประตูหน้าต่างก็สุดแต่จะใช้


    ร่วมทำบุญบูชา รูปหล่อเทวราชันท้าวเวสสุวัณรับสาสน์(อุดผงแก้กลมหาปราบโลก ผงพลองตีเทพ) บูชา 2,500 บาท

    37303526_2247214708898271_1365253404842000384_n.jpg 37304894_2247214688898273_7628429098192207872_n.jpg
    37423480_2247214628898279_1905785282540601344_n.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระขรรค์เพชรเพลิงมหากาฬ(สุริยะรัศมี)
    พ่ออาจารย์ท่านว่าในกระบวนการสร้างเทพศาสตรานั้น ที่จะเสกพระขรรค์ให้ศักดิ์สิทธิ์ได้นับว่ายากกว่าการทำมีดหมอมาก ซึ่งในอดีตก็มีครูบาอาจารย์หลายรุ่นที่เมตตาสร้างทั้งพระขรรค์และมีดหมอขึ้นมาไม่ว่าจะหลวงปู่รุ่ง หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อโศก หลวงปู่ศุข หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ...เมื่อกาลเวลาผ่านไปอิทธิวัตถุเหล่านั้นล้วนเกิดประสบการณ์มากมายทำให้มีค่านิยมสูงขึ้นจนคนปกติไม่อาจจับต้องได้

    ทำไมต้องพระขรรค์ พระขรรค์นั้นมีความสำคัญอย่างไร.... พระขรรค์นับเป็นศาสตราวุธชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณเพราะใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญหลายพิธีด้วยกัน อาทิ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ฉะนั้นในสมัยโบราณ พระขรรค์จึงถือเป็นศาสตราวุธคู่พระวรกายของพระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองบ้านเมืองที่มีบุญบารมีประดุจเทพเจ้า เนื่องจากแต่เดิมนั้นเชื่อกันมาว่าพระขรรค์เป็นศาตราวุธแห่งเทพเจ้า เป็นอาวุธคู่กายที่ใช้ทั้งในด้านการป้องกันสิ่งชั่วร้าย และการดลบันดาลหรือเนรมิตสิ่งต่างๆได้ตามบุญบารมีของผู้ครอบครอง จะเรียกว่าเป็นเครื่องสูงที่คู่ควรกับคนที่มีบุญญาธิการก็ได้

    โดยเฉพาะพระแสงขรรค์ชัยศรี นับเป็นเครื่องหมายแห่งพระราชอำนาจสูงสุด ซึ่งเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดโดยเชื่อว่าผู้ที่ถือครองพระแสงขรรค์นี้จะเป็นผู้ครองอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ซึ่งตำนานพระแสงขรรค์ชัยศรีนั้น เชื่อว่าเทพศาสตราวุธของพระอินทร์ เป็นตัวแทนอำนาจจากเบื้องบนที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ถือครองจึงเสมือนเป็นผู้ได้รับอำนาจจากเทวราชเบื้องบน

    ดังนั้นการทำพระขรรค์ขึ้นซักเล่ม พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้รูปร่างใครเขาไปหาช่างที่ไหนก็ทำได้ แต่การเสกให้สำเร็จเป็นอาถรรพ์ต้องตามตำรานั้นถือว่ายากนัก พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างตามศาสตร์การทำพระขรรค์เทพศาสตรา ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ในสมัยขอหลวงพ่อรุ่ง พระขรรค์นับเป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อรุ่งท่านได้บรรจงจัดสร้างเอาไว้เพื่อให้เป็นมรดกของแผ่นดินอย่างแท้จริง มีอุปเท่ห์ใช้ในการป้องกันภัยอันตรายที่จะเข้ามาถึงได้ชะงัดนัก

    หลวงพ่อรุ่งรูปนี้ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อเดิม ท่านอายุแก่กว่าหลวงพ่อเดิม 11 ปี และท่านก็เป็นผู้ริเริ่มสร้างมีดหมอขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก หลวงพ่อเดิมท่านรู้เข้าก็มาเที่ยวที่วัดหนองสีนวล และมาศึกษาวิชาการทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง แล้วก็นำกลับไปทำของท่านบ้างที่วัดและเริ่มโด่งดังกันมาเป็นลำดับ แต่กล่าวได้ว่ามีดของหลวงพ่อรุ่งซึ่งเป็นต้นตำรับจริงๆนั้น ตัวท่านเองนับว่าทำไว้น้อยอย่างยิ่งจึงทำให้ของหายากกว่าของหลวงพ่อเดิมมาก ในส่วนของพุทธคุณนั้นย่อมเหมือนกันทุกประการ

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างพระขรรค์เทพศาสตราขึ้นโดยใช้สูตรการทำมีดหมอของหลวงพ่อเดิมที่เรียนต่อมาจากหลวงพ่อรุ่ง โดยสูตรนั้นทำให้ท่านรวบรวมวัสดุต่างๆเพื่อเทเป็นพระขรรค์ขึ้นมาให้เต็มสูตร โดยใช้ตะปูสังขวานรซึ่งเป็นตะปูโบราณที่เอาไว้ยึดเครื่องไม้ในอุโบสถมาหลอมเข้ากับตะปูโลงศพที่ใช้ตรึงโลงไม่ให้ภูติผีวิญญาณหลุดออกมาโดยขอให้สัปเหร่อเก็บไว้ ทั้งยังต้องเข้ากับบาตรแตกหรือบาตรพระที่ชำรุด และเหล็กน้ำพี้ ตลอดจนผาลไถชำรุดอีกด้วย ท่านว่าทำให้เต็มสูตรการสร้างมีดที่มีอาถรรพ์ในตัวเองนับแต่เริ่มตามสูตรบูรพาจารย์ยุคโบราณนั่นทีเดียว

    เมื่อท่านเทพระขรรค์ด้วยชนวนศักดิ์สิทธิ์เข้ากับธาตุกายสิทธิ์แล้ว พ่ออาจารย์ท่านก็ได้นั่งแต่งพระขรรค์ทีละเล่มทั้งเจียและตะไบด้วยตัวท่านเองทั้งหมด ท่านว่าทำยากเพราะเนื้อมันแข็งแทงตะไบไม่ค่อยเข้า เมื่อพ่ออาจารย์ท่านแต่งเสร็จแล้วท่านได้เมตตาลงมนต์มหาปราบสูตรหลวงปู่เทศ วัดสระทะเลไว้ที่พระขรรค์ทีละเล่มอย่างตั้งใจแบบเต็มสูตรอีกด้วย องค์หลวงปู่เทศนี้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเดิมที่มีความเข้มขลังอย่างแท้จริง ว่ากันว่าเหรียญรูปท่าน แม้ไม่ทันท่าน ปั๊มมายังไม่ทันเสกหลวงพ่อเดิมยังว่าไม่ต้องเสกก็ขลังอยู่แล้ว ด้วยสายวิชาในหลวงปู่เทศ วัดสระทะเลนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจทำและเชิญหลวงปู่เทศ หลวงปู่รุ่ง หลวงพ่อเดิมมาช่วยท่านสร้างพระขรรค์ตามเจตนาแรกเริ่มอย่างแน่นอน เพราะท่านบอกว่าพระขรรค์นี้ใช้แทนของเก่าได้ จะใช้ไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อหลวงปู่ หลวงพ่อท่านมาทำให้เองทั้งนั้น

    พระขรรค์ของพ่ออาจารย์แต่ละเล่ม ท่านว่าจะมีพรหม มีเทวดาคุ้มครองดูแลอยู่ ใช้อธิษฐานอาราธนาขอได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจแห่งพระแสงขรรค์นั้นนอกจากจะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายแล้ว ยังใช้เนรมิตสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้เช่นอำนาจของเทวราชอีกด้วย ท่านว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้เป็นดั่งแก้วสารพัดนึกทีเดียวจึงจะเป็นที่สุดในศาสตร์การสร้างพระขรรค์อย่างแท้จริง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการจะสำเร็จพระขรรค์ให้มีอานุภาพสูงสุดนั้นต้องใช้ศาสตร์ของพราหมณ์ในการสร้างเทพศาสตราอย่างเต็มที่ ด้วยตามคติบุราณกาลสืบมา เมื่อพระวิษณุกรรมจะสร้างเทพศาสตราทั้งหลายไม่ว่าจะทำตรีศูลให้พระศิวะ ทำวงจักรให้พระนารายณ์ ทำลูกศรให้พระพรหม ทำหอกให้พระขันธกุมาร ทำคฑาให้ท้าวเวสสุวรรณ ทำนัยน์นาวุธให้พระยม...ทำอาวุธสำคัญต่างๆให้กับเทพบดีผู้เป็นเจ้าทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ล้วนใช้รัศมีกายอันร้อนแรงแห่งพระสุริยะเทพนำมาสร้างสรรค์เปลี่ยนรูปเป็นเทพศาสตราทั้งสิ้น จะเห็นว่าเทพศาสตราทั้งหลายนั้นล้วนมีอำนาจทำลายล้างอย่างน่าสะพรึงและมีจิตวิญญาณเป็นเอกเทศน์ในตัวเอง

    เมื่อท่านรู้ดีแก่ใจเช่นนี้ว่าถ้าจะทำพระขรรค์เทพศาสตราวุธให้สำเร็จจนมีอานุภาพสูงสุดนั้นก็ต้องทำเช่นเดียวกัน หลังจากท่านลงอาถรรพ์มหาปราบตำรับหลวงปุ่เทศแล้วพอเริ่มต้นเสกท่านจึงลงวิชาอย่างเต็มที่และบูชาไฟเชิญพระอัคนี ตลอดจนพระสุริยะเทพมาแบ่งกำลังของพระองค์ทั้งรัศมีกายและพระเดชลงสู่เทพศาสตรานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเอาพระขรรค์เหล่านี้จับโยนใส่กองกูณฐ์อัคคีทีละเล่ม ทำพิธีชุบพระขรรค์ให้มีกำลังแรงกล้า แต่น่าแปลกที่เปลวไฟของพิธีไม่สามารถหลอมละลายพระขรรค์ได้ นับเป็นกายสิทธิ์อย่างแท้จริงท่านว่าเมื่อชุบด้วยเปลวอัคคีแล้วจึงถือว่าสำเร็จ

    พระขรรค์เทพศาสตรานี้เหนือกว่าเทพอาวุธอื่นคือไม่มีอะไรคัดถอนของท่านได้ อย่างที่ทราบกันดีนับแต่โบราณในบรรดาคนเล่นของทั้งหลาย ว่าลอยสักอักขระเครื่องรางวัตถุมงคลนั้นย่อมมีการถูกคู่อริคัดถอนได้ทุกสิ่ง ยกเว้นอย่างเดียวคือพระขรรค์ ไม่ว่าจะพระขรรค์ของหลวงปู่ศุข หลวงปู่รุ่ง หลวงพ่อโศก ทั้งนี้เพราะถือว่าเป็นเครื่องสูง เป็นเครื่องบริโภคของเทวราช เป็นเครื่องใช้งานแสดงพระราชอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ดังนั้นพระรรค์จึงมีเดชมีอานุภาพมากมาแต่โบราณกาล ว่ากันว่าในชั้นหลังแม้พระขรรค์ของหลวงพ่อโศกยังใช้ถอดถอนอาถรรพ์ คัดถอนวิชาของเหล่าเสือร้ายทั้งหลายไม่ว่าจะมีของดีมาจากไหนก็ล้วนแพ้อาถรรพ์ในพระขรรค์ทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยเหตุแห่งการล้างอาถรรพ์คัดของได้ทุกสิ่ง ถ้าไม่ดีจริงย่อมทำไม่ได้ เช่นนั้นแล้วพระขรรค์ที่ท่านตั้งใจสร้างขึ้นจึงมีอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง

    อานุภาพของพระขรรค์เพชรเพลิงมหากาฬ(สุริยะรัศมี)

    - ใช้ป้องกันอันตรายทั้งหลายเมื่ออยู่กับตัวผู้ใช้

    - ทักให้ตกใจเมื่อมีภัยมาเช่นการสั่นหรือกะตุก เพื่อเตือนผู้บูชาให้ระมัดระวังเหตุแห่งอันตราย

    - ผ่อนกรรมหนักเป็นเบา

    - เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู เป็นมหาอำนาจ ป้องกันฟ้าผ่า

    - สยบภูตผีปีศาจ ถอดถอนเสนียดจัญไร

    - แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ไม่ว่าจะมาจากน้ำมือของเทวดา มนุษย์ และผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ก็มลายหายสิ้นอย่างสิ้นเชิง

    - ใช้อาราธนาทำน้ำมนต์แก้คุณไสย แก้เสนียดจัญไรต่างๆลมเพลมพัด ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง ตลอดจนฝันร้ายต่างๆ ได้

    - ป้องกันอสรพิษแลสัตว์ที่มีเขี้ยว มีงาทั้งหลาย เมื่อมีพระขรรค์เทพศาสตราวุธติดตัว

    - ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณมนต์แลอาถรรพ์ลมเพลมพัด กันกระทำย่ำยี

    - เป็นได้ทั้งมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุตม์ ตามสภาวะจิตการอธิษฐานใช้

    - ป้องกันตัวจากศัตรูที่มุ่งร้าย ดูแลผู้เป็นเจ้าของเทพศาสตราให้พ้นขาดจากศัตรูที่หวังปองร้าย พ้นจากอำนาจที่รุนแรงอันคิดจะทำลายเจ้าของ

    - ใช้ขับไล่ภูตผีปีศาจที่เข้าสิงคน หรือมีผู้ปล่อยมาให้มาเข้าสิงไม่ว่าจะโดยปกติวิสัยหรือมีคนใช้ให้กระทำมา

    - เก็บบูชาไว้ในบ้านป้องกันอัคคีภัยและโจรภัย

    - เมื่ออาราธนาพระขรรค์แล้ว ในยามมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกครั้งไป


    - ใช้คัดของถอนของ ถอนอาถรรพ์ที่รุนแรงตลอดจนความคงกระพันต่างๆนาๆได้ แม้ว่าผู้นั้นจะมียันต์สักอยู่เต็มตัวและเป็นยันต์ที่มีความแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ดี หรือจะมีเครื่องมงคลวิเศษใดที่ทำให้ผู้นั้นมีความคงกระพัน เทพศาสตรานั้นสามารถทำลายความคงกระพันตลอดจนอาถรรพ์วิชาต่างได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นอาถรรพ์จากการกินว่านยาหรือวิชาของดีอื่นๆ เมื่อเจอกับเครื่องสูงเช่นเทพศาสตราก็ยังต้องยอมสยบให้ เมื่อผจญด้วยผู้คิดร้ายที่มีวิชาทั้งหลายความขลังเหล่านั้นจะค่อยๆหมดลง

    - เมื่อไปต่างถิ่น ต่างบ้าน ต่างเมือง หรือนอนกลางดินกินกลางทรายในป่าให้เอาปลายพระขรรค์กล่าวขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดลงไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือรูปวงกลมรอบๆตัวของผู้ที่นอน มดและสัตว์ต่างๆตลอดจนภูติผีปีศาจจะไม่มาเข้าใกล้

    - เมื่อไปต่างถิ่นแม้จะกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่ามีพิษหรือไม่ ให้เอาพระขรรค์จุ่มลงเสียก่อนเป็นการป้องกันเพื่อล้างอาถรรพ์คุณไสยวิชา ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแสลงให้เอาพระขรรค์อาราธนาระลึกตรึกถึงพระพุทธคุณแล้วแกว่งลงไปในน้ำหรือภาชนะที่ใส่น้ำ กินน้ำนั้นเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้

    - ถ้าถูกลมเพลมพัดที่ปล่อยมาตามอากาศทำให้มีอาการปูด บวม ตามร่างกาย เดี่ยวบวมที่โน่น เดี่ยวบวมที่นี้ ให้เอาพระขรรค์ทำน้ำมนต์ระลึกถึงบารมีองค์พระแล้วกินเข้าไป จากนั้นจึงเอาพระขรรค์กดไล่ในจุดที่บวม ถ้าเป็นคุณไสยอวิชชาจริงก้อนบวมนั้นจะเคลื่อนหนีได้ ให้ไล่ปลายมีดพระขรรค์ไปเรื่อยๆจนกระทั่งสุดปลายมือหรือปลายเท้าคุณไสยก็จะออกพ้นตัวไป

    - ถ้าจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์หรือผีพรายให้เอาพระขรรค์คาบไว้ในปาก เวลาก่อนจะคาบให้เอาพระขรรค์โบกน้ำนำหน้า แม้เดินทางย่อมปลอดภัย

    - เมื่อมีฝีกลัดหนอง ปวดร้าว หรือเพิ่งจะเป็นให้เอาปลายแหลมของพระขรรค์วนเบาๆเป็นวงกลม พร้อมท่องพระคาถาระลึกถึงพุทธคุณถ้าเพิ่งเป็นจะยุบไป แต่ถ้าเป็นนานแล้วฝีจะแตกไม่มีพิษแต่อย่างใดแล้วจะหายภายในสามวัน

    - คนมีลูกเพิ่งคลอด หรือมีเด็กอ่อน เด็กเล็ก ให้เอาพระขรรค์บูชาไว้ตรงที่เด็กนอนหลับ เพราะมีความเชื่อว่าภูตผีปีศาจจะไม่กล้ามารบกวนเด็ก เหากชอบร้องไห้ตอนกลางคืน ไม่หลับไม่นอนเหมือนมีอะไรมารบกวนเด็ก ให้เอาพระขรรค์ไว้ใกล้ที่นอนเด็ก

    - คนที่กลัวผี ให้นำพระขรรค์ปักไว้ที่หน้าบ้าน หน้าประตูบ้าน ภูตผีปีศาจเห็นจะไม่กล้าเข้าใกล้


    พ่ออาจารย์ท่านได้นำพระขรรค์วิเศษนี้ประจุมนต์ตามวิชาเทพศาสตราของท่านตลอดระยะเวลา กล่าวคือเมื่อท่านลุกไปแล้วก็ยังเชิญครูบาอาจารย์และทิพย์กายทั้งหลายมาทำวิชาให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตลอดเวลา จนเกิดเหตุฟ้าผ่าใส่เทพศาสตราทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านว่าฟ้าผ่านี้คือการประจุสายฟ้าเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่รุนแรงมาก สายฟ้านั้นเป็นอำนาจทางกายภาพของพระอินทร์ พระขรรค์จึงมีอำนาจการทำลายล้างสูง อีกทั้งยังเป็นเคล็ดที่เชื่อกันว่าผู้ที่ครอบครองพระขรรค์ก็จะไม่ถูกฟ้าผ่าอีกต่อไปนั่นเอง

    ท่านทำพิธีปลุกเสกตามตำรับพราหมณ์เพื่อชุบเทพศาสตราเป็นเวลา 7 อังคารครบสูตรของท่าน ทั้งบูชาไฟ ทั้งบวงสรวงเทพเทวดา อัญเชิญครูบาอาจารย์มาร่วมพิธีปลุกเสกบรรจุเทวานุภาพ จากนั้นจึงอธิษฐานจิตด้วยพุทธมนต์เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ทั้งเชิญเสด็จพระใหญ่และเทพพรหมมาชุมนุมกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าทำพระขรรค์หนนี้เสด็จพระใหญ่ท่านเรียกว่าพระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าด้วยนะ ท่านมาทำให้อย่างดี ทั้งยังมาเป็นประธานในหมู่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท้าวสหัมบดีพรหมก็รับเป็นธุระเชิญเสด็จเหล่ามหาพรหมสุทธาวาสมาทำให้ แม้องค์อมรินทร์ ท้าวมาลัยท่านก็มาพร้อมด้วยเทพบริษัทมากมาย เรียกได้ว่าพระขรรค์นี้ดีทั้งนอกและดีทั้งใน ดีตั้งแต่พ่ออาจารย์ท่านเริ่มที่จะสร้างด้วยความศรัทธาและอุตสาหะของท่าน

    วิธีใช้…ให้อาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าทั้งหมด พรหมและเทวดาทั้งหมด ครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อปานวัด บางนมโค และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด และท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4
    พุทโธ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ สังโฆ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ

    ถ้าใช้รักษาโรค บรรเทาเวรกรรม ให้เอาพระขรรค์เเตะศรีษะแล้วว่าคาถา
    ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ


    *** พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจทำพระขรรค์นี้ให้มีขนาดเล็ก เพื่อเน้นการพกพาและสะดวกต่อการเก็บรักษาและใช้งานอย่างแท้จริง และเหนือสิ่งอื่นใดเลยนั่นก์คือพระขรรค์นั้นเป็นของวิเศษที่มีอานุภาพต่อต้านเวรกรรมได้ ทั้งยังลดทอนขจัดวิบากกรรมของผู้อาราธนาได้ดีพ่ออาจารย์ท่านว่าบอกได้เท่านี้ คนที่เล่นสายพระขรรค์ ที่ตามหาพระขรรค์จริงๆเขาจะรู้กัน ท่านว่าเทพศาสตาที่เราสร้างขึ้น ไม่ได้ทำไว้ให้เหน็บโชว์ใคร หรือเอาไว้ตั้งโชว์ให้ใครมาชื่นชม แต่เราทำให้เอาไว้ใช้งานอย่างแท้จริง พกไปไหนก็ได้ ที่ต้องทำให้เล็กๆเพราะเวลาใช้จะได้ไม่มีคนสังเกตุ ศัตรูจะไม่ตื่นตัวเมื่อเห็นมีดหมอด้ามใหญ่โต

    ร่วมทำบุญบูชา พระขรรค์เพชรเพลิงมหากาฬ(สุริยะรัศมี) บูชา 800 บาท
    37613671_2251747301778345_1393364154772881408_n.jpg 37607913_2251747261778349_1632614779715584000_n.jpg
    37670591_2251747118445030_1807119386851409920_n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พ่อขุนจักรพรรดิท้าวพันตาวาสนาครองฟ้าดิน(ผงเศรษฐีพันวิมานสหัสโยนี)
    ด้วยตำนานแห่งปฐมกษัตริย์ของมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ สู่ปฐมบทเครื่องรางพิศดารอันผูกไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ดูกัน นามเรียกขานมหาจักรพรรดิท้าวพันตาสู่เครื่องรางรูปหน้าคนหลากหลายใบหน้าสุมรวมกันทั่วทศทิศแทนความหมายอุปมาว่าเห็นได้นับร้อยพัน มีพันหัว พันตา พันมือ พันความคิด พันวิธีการ คิดอะไรก็สำเร็จเร็วกว่าเขาพันเท่า ทำอะไรก็ได้ไวกว่าเขาพันเท่า ด้วยมีแรง มีกำลัง มีสติปัญญา มากกว่าเขาร้อยเท่าพันเท่า ด้วยท้าวพันตานั้นพ่ออาจารย์ท่านให้ความรู้เอาไว้ว่าท้าวเธอนั้นมีเมียเป็นนางฟ้าถึงห้าร้อยนาง(นางฟ้าเหล่านี้ล้วนเป็นนางฟ้าชั้นสูงทั้งสิ้น) และนางฟ้าที่เป็นเมียของพระองค์นั้นแต่ละนางล้วนอาศัยอยู่ในวิมานแก้วรัตนะแลวิมานทอง อันตัววิมานก็มีความกว้างยาวได้ด้านละพันโยช ทั้งนางฟ้าแต่ละองค์นั้นล้วนมีบริวารนับร้อยโกฏิทั้งสิ้น

    ในส่วนของท้าวพันตาก็ปรากฏเรื่องราวการสร้างอาณาจักรอยู่จริง "...นับแต่โบราณกาล มหาจักรพรรดิท้าวพันตา(ขุนเทียน) พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถทางราชการงานสงครามจนสามารถรวบรวมบ้านเมืองสถาปนาสร้างสหราชอาณาจักรคีรีรัฐหรือพนมสายรุ้ง ทั้งพระองค์ยังเป็นต้นราชวงศ์ของกษัตริย์ในยุคหลังไม่ว่าจะเป็นมอญในอาณาจักรฟ้าอิสานหรืออาณาจักรอิสานปุระในเวลาต่อมา และยังเป็นต้นราชวงศ์โจละเขมรหรือขอมเขมรในอาณาจักรพนมมันตัน สหราชอาณาจักรคีรีรัฐนั้นปกครองแบบสหพันธ์รัฐ ประกอบด้วยสามรัฐใหญ่ คือ สุวรรณภูมิ,ชบา(ดินแดนเกษียรสมุทร) และไตจ้วง(รัฐในดินแดนจีน) พระองค์ได้สร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาคือราชวงศ์ไศเลนทร์วงศ์ ในสมัยสหราชอาณาจักรคีรีรัฐมีกษัตริย์ปกครองประกอบด้วย ๖ ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์เทพพนม(ไศเลนทร์วงศ์ ขุนเทียนเป็นปฐมกษัตริย์) , ราชวงศ์เทียนเสน , ราชวงศ์โคตะมะ(ขอม) , ราชวงศ์หยาง-โคตะมะ , ราชวงศ์ขุนหลวงจิวใหญ่(ขุนหลวงใหญ่ไกลโศก) และราชวงศ์อู่ทอง มีมหาจักรพรรดิปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ.๖๙๓-๑๒๒๔ ทั้งหมด ๔๗ รัชกาล เมื่อสหราชอาณาจักรคีรีรัฐล่มสลายได้กำเนิดสหราชอาณาจักรเสียมขึ้นมาแทนที่ "


    ทั้งนี้ด้วยนามของท้าวพันตานั้นยังไปพ้องกับพระอินทร์ผู้มีสหัสโยนีถึงหนึ่งพันติดบนตัวด้วย ในภายหลังพระอินทร์ได้ไปขอร้องพระพรหมให้ช่วยเปลี่ยนคำสาป จากสหัสโยนีเป็นดวงตาพันดวง แต่นั้นจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าสหัสนัยน์ พ่ออาจารย์ท่านเมื่อดำริจะสร้างท้าวพันตาเพื่อสืบสายเคล็ดวิชาโบราณนับแต่ยุคสถาปนาอาณาจักรไศเลนทร์วงศ์ขึ้นมา ท่านว่าท้าวพันตาของท่านนี้จะรวบเอาคุณวิเศษไว้ทั้งสองด้าน หนึ่งคือมหาจักรพรรดิท้าวพันตาหรือขุนเทียนผู้เป็นใหญ่ สองคือสหัสนัยน์ผู้เป็นเจ้าแห่งเทพเทวา ด้วยถือว่าพระอินทร์นั้นเป็นผู้คอยสอดส่องดูแลมนุษย์ทุกผู้คนด้วยจักษุทิพย์เสมอ เสมือนกับมีดวงตาหนึ่งพันปรากฏรอบด้าน ไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากสายตาของท่านได้ฉะนี้แล


    เครื่องรางชนิดนี้กล่าวได้ว่าใช้ได้หลายทาง พ่ออาจารย์ท่านว่าหากจะพูดถึงเครื่องรางทางเสน่ห์เจ้าชู้คนจะนึกถึงงั่ง แต่ท้าวพันตานี้ก็ไม่ด้อยกว่ากันนักซ้ำยังมีดีหลายอย่างที่งั่งไม่มี ท่านว่าเธอคิดดูเองเถิดหนา งั่งนั้นได้เมียเป็นเจ้าหญิง แต่ท้าวพันตานั้นเขาได้สูงกว่าเพราะท่านเล่นนางฟ้านางสวรรค์ทีเดียว นางฟ้าที่มีบุญมาก มีศักดิ์ใหญ่ อยู่ภพภูมิที่สูงกว่าตน ไม่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นท่านมีทีตั้งห้าร้อยคน เรียกว่ายังไม่ทันสิ้น ยังเป็นมนุษย์ก็มีวาสนามีวิมานให้อยู่ถึงห้าร้อยวิมาน นี่ต้องเป็นคนที่มีบุญ มีความสามารถระดับไหนถึงจะเกิดขึ้นได้ จักรพรรดิ์ธรรมดาย่อมเป็นเช่นนี้ไม่ได้เลย เรียกว่าเป็นบารมีเฉพาะตัวก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านเลยถือคติว่า ท้าวพันตานั้นนอกจากเป็นวิชาทางเสน่ห์แล้ว ยังใช้ดึงดูดเนื้อคู่ที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่และยังใช้พลิกชะตาชีวิต ใช้เริ่มต้นทำการใหญ่ เพื่อให้เจอคนดี ให้ได้ดี ทำสิ่งใดก็มีเพศตรงข้ามอุปถัมภ์ค้ำชู ที่สำคัญคือคนที่คิดการณ์ใหญ่ อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยทำได้สำเร็จท่านว่านี่เขาต้องใช้บารมีท้าวพันตา


    รูปทรงแต่เดิมท่านว่าของกรุเมืองนครนั้นเขาทำมาแปลกตาดูไปมาคล้ายสัปปะรดเพราะเขาเอาหัวมาแปะติดกันรอบด้าน ท่านจึงแกะแม่พิมพ์ขึ้นใหม่ให้เป็นองค์เทพท้าวพันตานั่งอยู่ในซุ้มลักษณะพระขุนแผนพรายกุมาร และใช้ศรีษะมากมายปั้นแต่งทีละองค์ตามลักษณะท้าวพันตาศิลป์เมืองนครเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทำให้เป็นเอกลักษณ์ของเราไม่ซ้ำใครนั่นแหละดี แต่เดิมเขามีแต่หัว แต่สร้างครานี้เราทำตัวให้ด้วย มีตัวแล้วกายินทรีย์ย่อมครบสมบูรณ์ อาการสามสิบสองก็ครบ จะได้เล่นฤทธิ์แสดงพลังกันได้สุดๆไปเลย


    ด้วยจะสร้างท้าวพันตานั้นผงมวลสารย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    - ผงอิ่นแก้ว อิ่นคำ ผงวิชากำเนิดมนุษย์ อันดีด้านคู่ครองไม่ร้าง ไม่ห่างซึ่งเพศตรงข้ามที่ปรารถนา
    - ดินเจ็ดประตูชัย ถือคติว่าไปไหนดำเนินกิจการใดก็เอาฤกษ์เอาชัยไม่มีคำว่าแพ้
    - ผงลึงค์ช้าง อันเป็นยอดเครื่องครูเสน่ห์ที่พ่ออาจารย์ท่านหวงแหนนัก ท่านว่าช้างตัวนี้แม้ตายไปแล้ว พังตัวเมียก็ยังห่วงหาอาลัยอาวรณ์เดินเฝ้าศพไม่ยอมไปไหนเป็นเหตุอันผิดปกติวิสัยยิ่งนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าผงลึงค์ช้างนี้จึงมีอานุภาพทางเสน่หาอาลัยถึงขนาดตัวตายก็ไม่ยอมแยกจากนั่นเอง
    - ผงจักรพรรดิภูติพรายทองคำ ผงวิเศษที่ได้มาจากครูบาอาจารย์ของท่าน ท่านว่าเป็นผงมหาภูติที่งอกขึ้นเอง เพิ่มจำนวนเองได้ดุจผงวิภูติ ทั้งภูติยังมีฤทธิ์และมีศักดิ์สูงกว่าพวกผี พวกพรายทั้งหลาย นับเป็นเทวดาในปกครองของท้าวธตรฐจอมเทพแห่งจตุมหาราชิกา เป็นของกายสิทธิ์มีฤทธิ์รอบตัวทั้งยังงอกเงยพอกพูนเป็นกฤติยาคมแฝดให้คนใช้ได้ดี มีในสิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จักขาดรู้จักพร่อง
    - ขี้ผึ้งมหาละลวย ท่านว่าดีทางเจรจามีปากเป้นเอก เป็นเมตตาแก่ชนทั่วไป จะพูดจาสิ่งใดก็ต่อรองได้ดั่งสายน้ำไหล ไม่ตกเป็นรองคู่เจรจา เป็นมหาละลวยงงงวยโอนอ่อนผ่อนตาม พูดให้รวยก็รวย ใช้ทำมาหากินก็ได้
    - สีผึ้งเทียนมัทรี ขี้ผึ้งกัณฑ์เทศนี้ว่ากันว่ามีอานุภาพดีทางจูงจิตจูงใจให้หลงไหล พ่ออาจารย์ท่านหุงจนสัตว์เล็กๆทั้งน้อยใหญ่ล้วนแต่เคลิบเคลิ้มตกหล่นไร้สติ
    - ผงเศรษฐีพันวิมาน ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเราลบเป็นมวลสารตรงตัวเพื่อจะสร้างท้าวพันตานี้ ให้คนใช้เป็นมหาเศรษฐีมีเรือนมีวิมานนับพัน เป็นยอดผงแห่งความเจริญรุ่งเรืองอันหาสิ่งใดเสมอเหมือนไม่ได้
    - ชันทั้งเจ็ด ได้แก่ ชันตะเคียน ชันพะยอม(นางยอม) ชันโรง ชันรูจี ชันยาง ชันเพ็ช ชันดิน ด้วยชันแต่ละชนิดล้วนมีอานุภาพแตกต่างกันไปตั้งแต่กันไฟ กันฟ้า กันเคราะห์ กันกระทำย่ำยี ทั้งยังเป็นเสน่ห์ เมตตา ตลอดจนใช้ให้นางยอมได้สมชื่อ
    - ผงสหัสโยนี คือผงองค์กำเนิดที่พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องลบยันต์โยนีถึงพันครั้งเพื่อให้สำเร็จตามสูตร เป็นมวลสารการกำเนิดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง ท่านว่าปราศจากพลังงานของศักติแล้วย่อมไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นมาได้เลย พลังงานนี้แฝงอยู่ในทุกสิ่งเป็นทั้งเสน่ห์เมตตา เรียกลาภทั้งกันคุณไสยสารพัดจะใช้สุดแล้วแต่ปรารถนา ท่านใส่ผงนี้ลงไปด้วย ท่านว่าเวลามีคนจะกระทำย่ำยีเรา หรือจะทำของใส่เรา ใช้อาคมเวทย์มนต์ข่มเรา ของมาถึงเจอผงนี้หลุดกระจุยทั้งหมดทำอะไรไม่ได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าเรานั่งลบจนเทพเทวานางฟ้าเขาสมสู่กันเพราะโดนฤทธิ์ของผงนี้จึงถือว่าสำเร็จ

    ท่านได้นำผงต่างๆที่แรงและมีอำนาจเป็นกฤติยาคมแฝดเหล่านี้มาผสมด้วยผงสกุลเศรษฐีที่ท่านเก็บเอาไว้ทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าโปรดสัตว์ ผงพระสีวลีให้ลาภ ผงพระสังกัจจายน์อุดมลาภ ผงเศรษฐีทศชาติ ผงจินดามณี ผงพระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้า ผงเศรษฐีค้าสำเภา ผงต่อลาภเร่งวาสนา ผงบันดาลโชค ผงเงินไหลมา ท่านว่าสมัยนี้จะทำของดีต้องเอาให้ครบเครื่องเน้นให้หนักทั้งเสน่ห์ ทั้งการงาน โชคลาภ วาสนา ทุกอย่างต้องไปพร้อมกันจึงจะเกิดยอดคนขึ้นมาได้


    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงวิเศษมาผสมกันขึ้นรูปกดพิมพ์เพียรทำไปทีละองค์ ท่านว่าการสร้างท้าวพันตานั้น ไม่ใช่ว่ากดแล้วจะเสร็จเลย ท่านต้องนั่งปั้นเศียรพระค่อยๆต่อเติมลงไปด้วยกว่าจะสำเร็จนั้นจึงไม่ง่ายเลยด้วยต้องตำผงทีละครก ใช้ผงพอประมาณให้กดพระได้หนึ่งองค์ ปั้นไปแต่งไปเช่นนั้น


    ท่านได้นำของกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัวเองชนิดหนึ่งมาโรยไว้ที่พระผงท้าวพันตานี้ นั่นคือผงตะไบท้าวพันตา พญาพันวัง ด้วยถือคติว่ามีชื่อเดียวกัน มีอานุภาพเสมอกัน ไม่มีอะไรมีตามากเท่าแหซึ่งมีตาเป็นหมื่นตา จึงได้ชื่อว่า "ท้าวพันตา" ส่วนพญาพันวังนั้นก็ถือว่าวังคือหนองน้ำ แหหนึ่งปากไปคลุมวังได้เป็นพันวัง พันๆ หนองน้ำแหปากเดียวมีค่าเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านได้นำแหที่ผ่านการใช้งานมาเสกเป็น "แหอาคม" วิชาชั้นยอดที่ใช้คลุมได้ครอบรอบหมดไม่มีอะไรหลุดรอด ท่านว่าแหอาคมนี้ตามแต่ใจและมโนนึกคิด จะดักจะปรารถนาอะไรก็ให้นึกเอาว่าสิ่งนั้นโดนแหคลุมไว้ อยากได้อะไรจะทำอะไรก็เร่งทำเถิด พ่ออาจารย์ท่านว่าแหอาคมคลุมแล้วไม่มีรอดซักราย ท่านนำแหอาคมนี้มาเผาไฟเข้ากันกับผงที่ใช้สร้างท้าวพันตา และนำตะกั่วตีนแหมาตะไบใส่ท้าวพันด้วย


    ด้วยแหอาคมนั้น นอกจากจะใช้ดักและเหวี่ยงครอบสิ่งที่เราอยากจับแล้ว ท่านว่ายังใช้สะกดและข่มอาถรรพ์ได้อีกด้วยทั้งถอดถอนและขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ทำให้เกิดสิริมงคลทดแทนขึ้นมาได้ ท่านว่าที่เอาแหอาคมทำเป็นผงผสมไปด้วยนั้นก็เพื่อจะแก้อาถรรพ์กันอันตรายในตัวคนใช้ ไม่ว่าจากสถานที่ต่างๆซึ่งในวันหนึ่งๆเราต้องเดินต้องเดินทางไปทำกิจการทั้งหลาย อาถรรพ์จากดวงวิญญาณและพลังงานลึกลับก็ดี อาถรรพ์ต่างๆที่สร้างความแตกแยก อาถรรพ์ในอาชีพที่กระทำ ในที่อยู่อาศัย ในพื้นแผ่นดิน ท่านว่าอาถรรพ์ทั้งหลายย่อมไม่เกิดขึ้นกับเราเลยด้วยท้าวพันตาท่านใช้แหอาคมครอบคลุมร่างกายสะกดกันอาถรรพ์ สิ่งชั่วร้ายและอัปมงคลทั้งปวงไว้หมดแล้ว


    ท้าวพันตามีตานับพันถือคติว่าท่านรู้หมดคือว่ารู้เงินทองโชคลาภอยู่ที่ไหน รู้ว่าเราอยากได้ปรารถนาสิ่งใด ใจเราต้องการอะไร รู้ทั้งร้อยทั้งพันและมีกำลังมากกว่าร้อยพันที่จะทำให้ความปรารถนาเราสำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้เข้าไปที่ไหนที่นั่นมั่งมีและยังสมบูรณ์ทั้งหมดทั้งอาหารการกินการบริโภคอุดมสมบูรณ์ โชคลาภไม่ขาดมือ หากินเก่ง หากินคล่อง ไม่อดอยาก มีกินตลอด เงินทองมาทางไหนต้องดักให้หมดให้ได้ทุกทางอย่าให้เหลือหลุดลอดไปได้ ท่านว่าตัวเราคนใช้จะกินอะไรก็ขอเอาเอง พระผงนี้นอกจากมีอานุภาพทางด้านเจริญรุ่งเรือง หากินคล่องเงินทองไม่ขาด ด้วยท่านนำแหอาคมทำเป็นมวลสารแล้ว นอกจากนี้ท่านว่าคนใช้เขาอยู่ตรงไหนเหยื่อก็ติดแหได้ง่ายขึ้นอยู่ที่ว่าเค้าอยากได้อะไรเป็นเหยื่อ ไปที่ไหนก็มีเงินไหลมาเทมาเข้าแล้วไม่ออกเพราะแหนั้นดักและปิดทั้งหมด


    ด้านหลังท่านฝังลูกอมท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารไว้ ท่านว่าจะมีอะไรมั่งคั่งสมบูรณ์เท่ากับคลังหลวงในพระราชวังอันยิ่งใหญ่ย่อมไม่มีอีกแล้ว ลูกอมนี้ท่านเอาดินท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารมาปั้นเข้ากับผงคตและแร่วิเศษต่างๆตำรับหลวงปู่เฒ่ายิ้มที่ท่านเสกเก็บไว้ ท่านว่าลูกอมนี้เชื่อขนมกินได้เลย อุปมาเหมือนคนไร้ทุนซึ่งสมัยนี้คนไม่มีทุนไม่มีปัจจัยสะสมไว้มีอยู่มาก เรียกว่าคนไม่มีความพร้อมเช่นนั้นก็ได้ ท่านว่าอย่าว่าแต่คนไม่มีทุนเลย แม้คนที่ไม่มีอะไรเหลือแล้วยังมีกินขึ้นมาได้ ดังนั้นแม้ไม่มีทุนไปแต่ตัวก็ต้องได้ของดีกลับบ้านแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้ง หรือที่พูดกันว่าไปแต่ตัวแต่ต้องเจริญขึ้นจนกลับบ้านเช่นนี้


    นอกจากนั้นยังมีปลาที่เป็นสื่อตัวแทนของโชคลาภวาสนาใหญ่โตต่อเนื่องไม่ขาดตอนที่พ่ออาจารย์ท่านลงเสกด้วยวิชาตะเพียนเงินตะเพียนทองตามตำรับหลวงพ่อจงไว้ด้วย วิชาเสกปลานี้ท่านว่าเหมือนมีโชคลาภชอนไชเข้ามาในชีวิต คนที่ไม่มีดวงทางการเสี่ยงโชค ซื้อให้ตายก้ไม่ถูกเล่นยังไงก็เจ๊ง ท่านว่านี่ดีคบหมดเลย เป็นมหาอุดมอย่างมากท่านว่าบอกได้เท่านี้นะ


    พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกให้เต็มที่ท่านว่าเสกจนเต็ม จนเสกไม่เข้า และนำมาอธิษฐานจิตเสกปิดในฤกษ์จันทรคราสที่ร้อยปีนับจากนี้ก็ไม่มีจันทรคราสเช่นนี้อีก ด้วยถือเป็นมงคลเอาฤกษ์เอาชัยว่าคนที่ได้ไปชีวิตจะได้เหมือนจันทร์เต็มดวงที่ผุดเกิดขึ้นมาใหม่บนท้องฟ้าที่มืดดับ


    คาถาบูชา

    เอหิจิตตัง มหาจิตตัง พ่อปู่ท้าวพันตาอยู่หรือยัง(ให้ตอบเองในใจว่าอยู่) หากอยู่แล้วจงมากับลูก ไปช่วยลูกปราบทุกข์เข็ญ นะชาลิติ พุทธัง ลาภาคะยะ อุดเถหิมะมา ชัยยะลาโภ จะ มหาลาโภ ภวันตุเม มิเตพาหุหะติ(อธิษฐานได้ทุกสิ่ง)

    * พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาท้าวพันตาแบบเต็มวิชานี้ท่านจะทำให้ครั้งเดียวเพราะสร้างยากทำยาก และต้องเน้นพุทธคุณหนักแน่นไปทางโชคลาภ เสน่หา ทั้งยังเปิดวาสนาเป็นทุนรอนให้ชีวิตคน ท่านว่าของเช่นนี้พันปีก่อนมีอย่างไร วันนี้เราทำไว้ให้แล้วให้ดีครบดุจของเก่า และเชื่อว่าอีกร้อยปี พันปี ถึงจะมีก็ไม่สมบูรณ์เช่นนี้อีก


    ร่วมทำบุญบูชา พ่อขุนจักรพรรดิท้าวพันตาวาสนาครองฟ้าดิน(ผงเศรษฐีพันวิมานสหัสโยนี) บูชา 2,500 บาท

    37838914_2257157487903993_6860042535356596224_n.jpg 37904747_2257157521237323_784602220451594240_n.jpg
    37920987_2257150711238004_5139924939515625472_n.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา จอมครุฑยกฐานะพญาสุเรนทรชิต(มหาบารมีสะกดพระเคราะห์)

    หากกล่าวถึงพญาสุเรนทรชิตแล้ว สามารถเรียกได้ว่าพ่ออาจารย์ท่านเป็นต้นตำรับในการสร้างจอมครุฑได้เลย จากตำนาน สืบตำนาน...วัตถุมงคลที่ได้รับการยอมรับว่าศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดชนิดหนึ่ง ที่มีข้าราชการ เจ้าใหญ่นายโตติดต่อขอให้พ่ออาจารย์ท่านเมตตาทำให้มากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ก็มักได้รับการปฏิเสธทุกครั้งไป ว่าท่านไม่ทำแล้วบ้าง ยังไม่ถึงเวลาบ้าง ....ยังจำได้หรือไม่ว่าพ่ออาจารย์ท่านเคยแกะสลักไม้ใบระกาไว้เป็นรูปมหาครุฑพญาสุเรนทรชิต ซึ่งแต่เดิมนั้นก็มีหลายท่านที่บูชาไปบอกว่ามีขนาดใหญ่โต ห้อยบูชาไม่ได้ต้องตั้งไว้อย่างเดียว ซึ่งครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านก็มีประสงค์จะทำไว้ให้ห้อยบูชา


    เมื่อจะสร้างจอมครุฑที่ได้ชื่อว่าเป็นครุฑองค์ต้นหรือองค์กำเนิด เป็นมหาครุฑองค์ปฐมในวัฏจักรเผ่าพันธุ์เทพวิหค ที่ครุฑทั้งหลายต่างเกรงกลัวนอบน้อมดุจจอมราชันย์แห่งเผ่าพันธุ์ พญาครุฑที่มีวิมานอาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นไวกูณฐ์ร่วมกับพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า เป็นวิมานเอกเทศดุจอาณาเขตต้องห้ามที่ไม่มีใครหาญกล้าไปรบกวน นั่นคือ พญาสุเรนทรชิต ครุฑผู้อาจหาญสามารถชนะได้แม้กระทั่งพระอินทราธิราชองค์นั้น


    ก่อนจะทำพ่ออาจารย์ท่านได้แกะหุ่นเทียนขึ้นมาหล่อด้วยตะกั่วลงถม โดยใช้พิมพ์กางปีกมีขนปีกแผ่สยายลงมาถึงเข่าเช่นปกติ ซึ่งหล่อไปได้เพียงองค์เดียวบล๊อคก็ระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุ พ่ออาจารย์ท่านถึงกับพึมพำว่า พญาสุเรนทร์นี้แรงเอาเรื่อง ใช่ย่อยเลย คงมีอะไรไม่ถูกใจท่านกระมัง ท่านจึงตั้งจิตถึงจอมครุฑองค์ปฐมพญาสุเรนทรชิตว่าต้องการให้ทำรูปอย่างไร ไหนๆจะแก้แล้วก็ต้องถามท่านเพื่อให้ดี จะได้ทำให้มีเอกลักษณ์พิเศษเป็นแบบเฉพาะของท่านไปเลย สาวกผู้ศรัทธาในองค์ครุฑทั้งหลายจะได้มีของดีที่ทรงอานุภาพเต็มแบบที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเก็บไว้บูชา


    ซึ่งท่านได้รับคำแนะนำว่า ปกติรูปหล่อองค์ครุฑจะสำนักไหนๆก็กางปีกทำมือตวัดขึ้นเสียทั้งหมด ท่านไม่อยากให้พ่ออาจารย์สร้างออกมาให้เสียของเช่นนั้นบล๊อคจึงระเบิดไปในเบื้องต้น ในอดีตพ่ออาจารย์ท่านสร้างตามประสงค์ขององค์ครุฑในรูปแบบแปรมือหันเข้า แต่กับวาระปัจจุบันนั้นท่านให้ทำในรูปจิกข่มตัวทุกข์ ประทับยืนเหนือราหูเทพอสุรา เป็นการสะกดพระเคราะห์ สะกดดวงที่ตกต่ำย่ำแย่ของผู้บูชา ทั้งทุกข์เข็ญอุบาทว์จัญไรถ้วนทั่วทุกประการล้วนโดนสะกดทั้งหมดด้วยอำนาจแห่งองค์ครุฑ


    ท่านว่าเมื่อองค์ครุฑประทับข่มพระราหูนั้น เรื่องร้าย กาลแห่งทุกข์ ความเดือดร้อน กลียุคทั้งหมดทั้งสิ้นจะฉิบหายไป เหลือแต่ความสุขสงบและสันติภาพ ด้วยเหตุนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงได้หล่อหลอมลงรูปปลุกคุณวิชา เชิญญาณพญาสุเรนทรชิตขึ้นมา โดยศาสตร์แห่งความเชื่ออุปมาด้วยพระราหูแทนดาวบาปเคราะห์ทุกข์โศกโรคภัยที่กลั่นแกล้งตลบแตลงดวงชะตาทั้งปวง เมื่อจอมครุฑเหยียบเอาพระเคราะห์และตัวทุกข์ที่ล้อเล่นกับชะตามนุษย์ไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว อาถรรพ์แห่งภพชาติที่ติดมาแต่ดวงชะตาดาราจักรย่อมไม่เกิดขึ้น ซึ่งท่านว่าวิชานี้มีอาถรรพ์แรงนักแต่โบราณครูบาอาจารย์จึงไม่นิยมลงปลุกกันเพื่อมอบให้ศิษย์หากไม่รักและเชื่อใจกันจริง ท่านว่าราหูฝ่ายบาปเคราะห์นั้นเป็นตัวแทนของความทุกข์ อวิชชา ความตกต่ำยากแค้นลำบาก จะเรียกว่าตัวก่อทุกข์เบียดบังชะตามนุษย์ก็ได้ ไอ้ตัวทุกข์นี่แหละที่จอมครุฑท่านเหยียบท่านสะกดไว้ เป็นอุบายที่ความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายแต่นี้ต่อไปอย่าได้บังเกิดขึ้นเลย เพราะท่านข่มท่านระงับไว้เสียหมดเช่นนั้น ซ้ำยังเป็นมหาอำนาจที่ขับพลังส่งให้ตัวเรายิ่งใหญ่ขึ้น เจริญขึ้น เพื่อก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ท่านว่าต่อให้มีผู้เรืองอำนาจเพียงไหนเราเหยียบหัวคนอื่นเขาขึ้นไปทั้งหมด เขาจะเคารพเทิดทูนเรานัก


    เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านได้ลงพระเวทย์วิชาวิษณุมนต์ไว้ปลุกกระตุ้นจอมครุฑให้ตื่นอยู่ พร้อมอยู่ตลอดเวลาตามคติที่พระนารายณ์เป็นเจ้าเป็นนายของครุฑนั้น ทั้งยังกำกับให้ท่านข่มท่านต่อต้านความทุกข์และลิขิตดวงดาว ท่านสร้างจอมครุฑรุ่นนี้เพื่อให้เป็นอริกับดาวบาปเคราะห์ทั้งหมดอย่างแท้จริง ด้วยท่านว่าคนเราเวลาพระเคราะห์เสวยอายุนั้นมักจะกินเวลานานจนเกิดการสูญเสียและพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป จึงต้องมีมหาอานุภาพที่เป็นดาวข่มพระเคราะห์เหล่านั้น ไม่ว่าจะพระราหู พระเสาร์ พระอาทิตย์ พระอังคาร แต่ละองค์ล้วนแต่มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งนั้นยิ่งดาวบาปเคราะห์ที่ทรงอานุภาพสูงสุดอย่าพระเสาร์หรือศนิเทพที่เสวยอายุทียาวนานนับสิบปี ท่านว่าทั้งหมดทั้งมวลแม้จะเป็นศนิเทพก็ย่อมจะอวยชัยให้พรไม่เข้ามาทำร้ายด้วยเคารพในองค์ครุฑต้นกำเนิดนั่นเอง ใครที่กลัวดวงจะตก จะต้องเคราะห์กรรม คอยเป็นกังวลกับชะตาชีวิต ปีนี้ดาวไหนจะจรดวงจะตกไหม จะชงไหม จะแก้อย่างไร จุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้ลงวิชาพิเศษกำกับไว้เสริมให้องค์ครุฑนั้นมีคุณยิ่งขึ้นไปอีกในทางต้านเคราะห์กรรมด้วยวิชาราหูหนุนดวงที่ท่านลงกำกับไว้ในแร่หัวใจพระราหูซึ่งฝังด้านหลัง วิชานี้ท่านบอกเอาไว้ว่าบูชาไปเถิด คนใช้จะสบายไปเจ็ดชั่วชีวิตเพราะว่าทุกข์มันหนีไกล ช่วยได้ทุกอย่าง ไม่ได้อย่างเดียวคือตอนถึงที่ตาย แต่หากไม่ถึงคราวตายอะไรก็ทำลายเราไม่ได้ ท่านว่าแร่หัวใจราหูที่ลงกำกับวิชานี้เป็นของสำคัญเพราะคนใช้จะเจริญขึ้นโดยส่วนเดียวไม่มีตกต่ำ แต่คนใช้อย่าใช้ในทางที่ผิด อย่าทำลายตนเองก็พอ มีข้อห้ามอยู่สองอย่างคืออย่าทำลายตนเองและก็อย่าตายนอกนั้นถือขึ้นหมด


    พญาสุเรนทรชิตนั้นพ่ออาจารย์ท่านถือเป็นจอมครุฑ เป็นราชาเหนือราชาในเผ่าพันธุ์เทพวิหค เมื่อท่านคอยค้ำชูเรา จะมีสิ่งดีๆตามเข้ามาในชีวิตอย่างรวดเร็วปานมหาวายุพัด เพราะท่านบินสูงเหนือลม เล่นลม เฉกเช่นนั้น ผู้ที่มีดวงครุฑ มีบารมีครุฑหนุนอยู่ ล้วนแต่ได้ดีเป็นยอดคนแห่งยุคทั้งสิ้น


    ซึ่งเมื่อจะหล่อนั้น ท่านให้พ่ออาจารย์หล่อเฉพาะในเพชรฆาตฤกษ์ เหมือนกับครุฑรุ่นแรกที่แรงและมีประสบการณ์มากประดุจหนึ่งว่าจอมครุฑรุ่นนี้ แม้มีผู้บูชาไปท่านก็จะทำการตัดซึ่งเคราะห์กรรมทั้งหลาย อุปสรรค อันตราย อันจะเกิดมีในชีวิตต่อไปจะพินาศย่อยยับสิ้น จะสู้กับใครก็ชนะเขาหมด จะอาสาเจ้านายก็ได้ชัย จะทำการณ์ใหญ่ก็สำเร็จ จะปราบศัตรูก็พิฆาตได้สิ้นทั่วทิศานุทิศ ทำให้ผู้ครอบครองมีความเด็ดขาด กล้าที่จะตัดสินใจ เมื่อเสริมส่งด้วยอำนาจบารมีของพ่อพญาสุเรนทรชิตแล้วจึงยิ่งกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้


    เมื่อดำเนินการณ์หล่อนั้น ท่านไม่อนุญาติให้ใช้ตะกั่วลงถมหล่อรูปท่าน ท่านให้ใช้เฉพาะกายสิทธิ์ธาตุ อันได้แก่เหล่าวัชรธาตุและหยาดน้ำฟ้าทวาราวดีมาหล่อขึ้นรูปเท่านั้น ด้วยองค์ท่านนั้นเป็นกายสิทธิ์ เป็นอมตะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์วัฏจักร ท่านจึงประสงค์ให้หล่อท่านด้วยธาตุอันเป็นกายสิทธิ์เช่นกันเพื่อจะได้รองรับพลังได้เต็มที่


    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าครุฑนี้คือเจ้าฟ้า พระนารายณ์คือเจ้าแผ่นดิน ก็มีที่ใดเล่าอันอยู่ในโลกนี้ที่ฟ้าจะครอบคลุมไปไม่ทั่วถึง เมื่ออยู่ใต้ฟ้าก็เหมือนอยู่ใต้สายตาของพ่อพญาสุเรนทรชิตตลอดเวลา ใครมีไว้จะเจริญด้วยยศศักดิ์สูงสุด คิดทำการณ์ใดก็สำเร็จโดยไว


    พญาครุฑนี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเสกมานานมากตั้งแต่ก่อนพิธี จันทรคราส สุริยคราส เสกเก็บมาทุกพิธี คนที่ได้ไปให้เอาไปใช้อย่าเอาไปเก็บ ให้ห้อยไว้กับตัวให้อำนาจให้กายสิทธิ์นี้ซึมซับเข้าสู่ร่างกายไม่ต้องกลัวสึกกลัวเสีย ไม่ต้องเลี้ยง ไม่ต้องไหว้บูชาอย่างไร ขอแค่ให้เอาไปใช้ ยิ่งใช้จะยิ่งดี จะยิ่งแรง จะปรับสมดุลย์ธาตุขันธ์และสนองตอบผู้ใช้ได้ไวในทุกวาระและโอกาส อย่านำไปเก็บไว้เฉยๆเช่นนั้น


    .......จะขอนำประวัติคร่าวๆเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำจอมครุฑพญาสุเรนทร์ไม้ใบระกาแกะมาลงไว้อีกครั้งหนึ่ง


    เป็นที่ทราบกันดีว่า อยากเป็นใหญ่เป็นโตต้องบูชาพญาครุฑ และครุฑมีดีอะไร พ่ออาจารย์พลมีดีอะไรถึงสร้างเเละเสกพญาครุฑได้

    มาดูกันที่วิชาพญาครุฑนั้น ท่านบอกว่ายิ่งนานวันก็จะยิ่งเลอะจนกู่ไม่กลับ แต่เดิมนั้นครุฑเป็นความเชื่อของทางพราหมณ์ฮินดู เเต่พุทธก็รับเอาเข้ามาด้วย แม้ในนานาอารยประเทศก็มีเรื่องพญาวิหคเช่นครุฑตามความเชื่อของเเต่ละชนชาติ เช่นฟีนิกส์ หงษ์ไฟ เป็นต้น

    ครุฑที่เเท้จริงนั้นคือครุฑที่มีกำเนิดสูงส่ง หาใช่ครุฑที่เป็นเทพเจ้าในป่างิ้วตามคติพุทธไม่ ท่านว่าพราหมณ์สมัยก่อน เวลามีเทพเจ้าที่ไม่สามารถอธิบายถึงการเกิดได้ก็มักจะผูกเป็นตำนานยกให้เป็นลูกพระกัศยปเทพบิดร ครุฑก็เช่นกันถูกยกให้เป็นลูกของพระกัศยปเทพบิดร

    พญาครุฑของถิ่นต้นกำเนิดเเท้ๆนั้นที่ว่าสูงส่ง เขาสูงอย่างไร สูงเพราะว่าเป็นเทพเดรัจฉานที่บินสูงสุดเเละมีฤทธิ์มากที่สุด เขามีรัศมีเป็นประกายไฟลุกเจิดจ้าเสมอด้วยพระอัคนี เวลาบินไปไหนเหล่าเทวดาต่างหวาดผวาด้วยรัศมีกายนึกว่าพระอัคนีเสด็จมา เทวดาเขาเห็นเขาก็จะออกมาไหว้ทำความเคารพเพราะเข้าใจผิดเรียกว่าเทวดามายืนไหว้กันตั้งแต่เกิด ที่ว่ามีฤทธิ์มากนั้นมากเพียงไหน ฤทธิ์ขององค์ครุฑต้นกำเนิดนั้นมากพอๆกับที่วชิราวุธของพระอินทร์ซึ่งเป็นสุดยอดอาวุธเทวโลกไม่สามารถทำอันตรายให้ระคายผิวได้ แต่ครุฑก็เป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนยอมคบหาพระอินทร์เป็นเพื่อนเเละสลัดขนปีกให้พระอินทร์เป็นที่ระลึก1เส้น

    อำนาจของครุฑนั้นมากพอต่อยุทธิ์กับพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากครุฑได้สู้รบกับพระนารายณ์โดยไม่รู้ผลเเพ้ชนะเเละพระนารายณ์เองก็ไม่ประสงค์จะรบต่อ ถ้าเกิดเเพ้ก็จะเสียศักดิ์ศรีของพระผู้เป็นเจ้าจึงยอมตกลงทำสัญญากัน ซึ่งครุฑนั้นเวลานั่งจะอยู่สูงกว่าพระนารายณ์ เเละเวลาไปไหนจะยอมเป็นพาหนะให้ท่าน แต่ก็ปรากฏว่าในตำนานของพราหมณ์มีเเทบนับครั้งได้เลยที่พระนารายณ์จะเรียกใช้พญาครุฑมาเป็นพาหนะ หากไม่มีความจำเป็นเเล้วก็จะไม่รบกวนเเละยังให้เกียรติซึ่งกันเเละกันอีกด้วย ในมหาสงครามหลายครั้ง ครุฑก็ได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนพระนารายณ์ไปออกรบแทน เสมอด้วยพระนารายณ์เสด็จเองเพราะมีอำนาจดุจเดียวกัน

    เรื่องของพญาครุฑนั้น พ่ออาจารย์บอกว่า ครุฑที่เป็นเทพเจ้าในป่างิ้ว เป็นชาวสวรรค์จาตุมหาราชิกาที่มีนับล้านๆๆตนนั้น เป็นเพียงเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของครุฑองค์ต้นเท่านั้น พญาครุฑองค์ต้นหรือพญาสุเรนทรชิตนั้นมีอานุภาพมาก มากขนาดที่ว่ากางปีกก็สามารถบดบังเเสงพระอาทิตย์ไม่ให้ตกต้องถึงโลกได้ กระพือปีกทีหนึ่งก็จะเกิดลมประลัยกัลป์พัดพาสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรืออะไรก็ตามให้ปลิวหายไปได้ในพริบตา ซึ่งแน่นอนว่าครุฑที่มีอานุภาพเช่นนี้คือพญาสุเรนทรชิตเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจของครุฑทุกตนในชั้นลูกหลาน

    ครุฑที่พ่ออาจารย์ท่านสื่อท่านทำนี้ มีชื่อว่าพญาสุเรนทร์หรือสุเรนทรชิตนั่นเอง ซึ่งเป็นชื่อที่มีเกียรติ เป็นชื่อของครุฑองค์ต้น เป็นชื่อที่มีความหมายว่าครุฑผู้ชนะพระอินทร์นั่นเอง เเม้เเต่เจ้าสวรรค์และอาวุธที่ทรงอานุภาพสูงสุดในเทวโลกยังเอาชนะได้โดยไม่บาดเจ็บหรือระคายผิว นับประสาอะไรกับปัญหาเรื่องเล็กๆของมนุษย์ ที่จะให้ท่านช่วยคลี่คลายหรือแก้ไข

    พ่ออาจารย์ท่านเเกะครุฑในท่ากระทำสิงหนาทสำเเดงรัศมีเเบบพระอัคนี ครุฑนี้เเหละที่อยู่ที่ไหนไปที่ใดเทวดาก็หลงเข้าใจผิดว่าพระอัคนีพากันออกมาบูชาเพราะเป็นครุฑองค์ต้นที่ทรงฤทธิ์ถึงปานนั้น

    หลายท่านอาจสงสัยเอาไว้ทำอะไร มีดีอย่างไร พ่ออาจารย์บอกว่า ในร่างกายคนเรานี้มีเสนียดมีอัปมงคลอยู่มาก อาจมีไฝในที่ลับ มีสิ่งไม่พึงประสงค์เป็นอัปมงคลในตัวโดยที่เราไม่รู้ ให้พญาสุเรนทร์นี้ท่านช่วยเเก้ไขอาถรรพ์เหล่านั้น ให้ท่านช่วยทำลายอาถรรพ์ต่างๆในร่างกายของเรา เมื่อร่างกายของเราไม่มีอาถรรพ์ทั้งหลายเเล้วเราจะทำอะไรก้จะสำเร็จได้โดยง่ายแบบคนอื่นเขา

    พญาสุเรนทรชิตนี้ นอกจากใช้อธิษฐานให้ท่านช่วยทำลายอาถรรพ์ทั้งหลายในร่างกายเเล้วยังให้ท่านทำลายอาถรรพ์ทั้งหลายสิ่งอัปมงคลทั้งหลายในเคหสถานบ้านเรือนได้อีกด้วย บ้านใครตรงทางสามเเพร่งตรงเสาไฟอยู่ในที่อาถรรพ์เจ้าที่เฮี้ยนเป็นมิจฉาทิฏฐิ เทวดาเกเรรังแก ท่านว่าสิ่งเหล่านี้บอกกล่าวพ่อพญาสุเรนทร์ท่านเถิด ศักดิ์ศรีท่านสูงเเค่ท่านมาสิ่งอัปมงคลเหล่านี้ก็กระจัดกระจายเเล้ว เหมาะกับอาชีพนักการเมือง อาชีพที่ต้องการยศตำเเหน่งเป็นใหญ่เป็นโตรับราชการ เเละอาชีพที่มีศัตรูคู่เเข่งที่ไม่อาจหักล้างเอาชนะได้ สมควรอย่างยิ่งที่จะบูชา

    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ยังเชิญองค์ท่านมาเสกมาทำให้เองทีละองค์อีกด้วย ท่านว่าใช้ได้ทุกทาง เสน่ห์ก็ดี ดูลูกหลานท่านสินับล้านล้านๆตน ของอย่างนี้อิทธิคุณออกได้ทุกทางตามที่เราอธิษฐานเลย

    คาถาบูชา

    ในเวลาปกติ ให้ภาวนาว่า "ครุฑโธ" เป็นสมถกรรมฐานอย่างหนึ่ง เเละจะไปได้เร็วด้วย เมื่อจะสวดระลึกถึงท่านให้ว่าคาถา ดังนี้
    โอม นะโม วิโลโค วิลูคะรีนะตีอูรู นะมัตเตร ฮีเรคารัมมาตู
    เมื่อจะอาราธนาพกให้ภาวนาคาถา ดังนี้
    มหิทธิกาสุปัณณาเย นาคะราชะมะหัพพเล คเหตวาชินะเขตเตวะ ปักขันทิงสุนะเภพะลา เต พุทธสรณา สทาโสตถิง กโรนตุโนสะทา ครุฑโธ ครุฑธัง มาบังตนกู พระเจ้าแผลงฤทธิ์ นิมิตรจิตโต มหาเถโรครุฑโธ ครุฑธัง มาบังอังอุ สิจิลิเต ข้าเเต่จอมฟ้า ผู้มีนามยิ่งใหญ่ปรากฏว่าพ่อพญาสุเรนทรชิต จอมครุฑผู้เป็นต้นกำเนิดเเห่งมหาพญาครุฑทั้งหลาย จงสดับสัจจะวาจาเเละคำอธิษฐานของข้าพเจ้า ขอให้...........(ตามแต่จะอธิษฐาน) ครุฑโธ ครุฑโธ ครุฑโธ .

    เหนือสิ่งอื่นใดจอมครุฑรุ่นนี้นอกจากพ่ออาจารย์ท่านจะทำเพื่อสะกดเคราะห์กรรมแล้วท่านยังฝังแร่หัวใจพระราหูและเสกรูปพระราหูให้ครบองค์ด้วย ท่านว่าเมื่อไหว้จอมครุฑก็ถือได้ว่าไหว้พระราหูไปในตัว ด้วยคนที่บูชาพระราหูจะมีความสำเร็จหรือมีโชคลาภอยู่เสมอ การเงิน การลงทุนทุกอย่างจะมีทางรวย เห็นทางรวย แม้จะมีปัญหาบ้างก็จะสามารถแก้ไขผ่านไปได้จนเรียบร้อยสามารถแก้ไขได้ทุกอย่าง ซ้ำท่านยังช่วยป้องกันภัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับตัวเราด้วย


    นอกจากหลักใหญ่คือข่มพระเคราะห์แล้ว ก็แล้วทำไมพ่ออาจารย์ท่านจึงเลือกพระราหูเป็นตัวแทนของพระเคราะห์ ไม่ใช้เทพองค์อื่นเป็นตัวแทน ท่านว่าต้นสายปลายเหตุก็คือเมื่อท่านทำวิชาสร้างพระราหูเป็นกฤติยาคมแฝดให้คนบูชาองค์ครุฑใช้นี้เวลาเขาขออะไร แม้บางอย่างจะเป็นการโลภหรือเป็นการผิดกฎหมายไม่สมควรบ้างตามจริตของมนุษย์ เรื่องเหล่านั้นก็ย่อมสำเร็จได้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ความสำเร็จทั้งหลายมักจะเกิดขึ้นกับคนที่บูชาแร่หัวใจพระราหู แต่หากผู้บูชาเขามีศีลมีธรรมและมีความดีอยู่บ้างทั้งยังหมั่นทำบุญกุศลอยู่เสมอ ความร่ำรวยหรือโชคลาภใหญ่ก็จะเกิดขึ้นได้ทันตา


    * จอมครุฑรุ่นนี้มีไม่เยอะ ท่านว่าเห็นคนถามกันมาบ่อยเมื่อพิจารณาแล้วคนที่มีวาสนาต้องกับองค์ครุฑฉันยังมีอยู่ท่านจึงให้นำออกให้บูชา ซึ่งหนนี้จะให้บูชาในราคาไม่สูงมากเพื่อให้ทั่วถึงและให้องค์ครุฑท่านไปสร้างบารมีร่วมกับคนใช้ตามความตั้งใจของพ่ออาจารย์


    ร่วมทำบุญบูชา จอมครุฑยกฐานะพญาสุเรนทรชิต(มหาบารมีสะกดพระเคราะห์) บูชา 900 บาท

    38264016_2263958773890531_9001115446451109888_n.jpg 38289230_2263958767223865_1615487562535665664_n.jpg
    38228840_2263958750557200_750647510384508928_n.jpg
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าบังกรรมวาสนานำพาข้ามโอฆะสงสาร (ปฐมพุทธเจ้าฉุดดึงผงพุทธอโหสิกรรมเกี่ยวลาภ)
    การสร้างสมเด็จองค์ปฐมพิมพ์พิเศษด้วยผงพุทธอโหสิกรรมนั้น นับว่าเป็นงานยากที่สุดในชีวิตของพ่ออาจารย์ท่านก็ไม่ผิด ซึ่งท่านได้เมตตาบอกกล่าวว่า ท่านยังจำสาเหตุที่จะสร้างได้เป็นอย่างดี โดยแรกเริ่มนั้นท่านมีความกังวลเกี่ยวกับเคราะห์กรรมของแต่ละบุคคลที่ท่านตรวจดวงชะตาแล้วร้ายมากกว่าดีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนมีนิมิตถึงหลวงพ่อปานได้พาท่านไปหาเสด็จพระใหญ่ แต่อยู่ดีๆตอนนั้นท่านก็ได้จ้องไปที่พระพุทธองค์แล้วมีความรู้สึกว่า ทำไมมนุษย์ที่ยังมีกรรมผูกพันธ์กันอยู่จะต้องท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหลาย เมื่อมีภพก็มีชาติ มีทุกข์วนเวียนอยู่ในชาติสงสารเรื่อยไป ในตอนนั้นเสด็จพระใหญ่ก็ได้เมตตาสั่งสอนพ่ออาจารย์ท่านเพราะรู้วาระจิตที่ท่านคิดสืบมาจากความกังวลเกี่ยวกับกรรมที่เลิกให้ผล...สุดท้ายจึงบอกให้ท่านทำผงพุทธอโหสิกรรมไว้เพื่อให้คนที่มีบุญสัมพันธ์กันได้นำไปเสริมกำลังใจให้พ้นจากเคราะห์กรรมในชาติสงสารนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าพอรู้หลักทำผงพุทธอโหสิกรรมจากพระองค์ท่าน เราก็คิดอยู่ว่าน่าจะทำเป็นพิมพ์พระรูปท่านถึงจะเหมาะจะควร จะได้เกิดเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิตของคนผู้บูชาต่อไปไม่น้อย ท่านว่าเราเพียงระลึกอยู่เท่านี้ แต่เสด็จพระใหญ่กลับเปล่งวาจาว่าสาธุๆออกมาถึงสามครั้งสามหน

    พ่ออาจารย์ท่านหลังจากได้รับพุทธนิมิตแล้วก็ตั้งใจว่าจะทำและจะทำให้อย่างดีที่สุด ท่านว่าท่านไม่เคยทำอะไรที่ยากถึงเพียงนี้เลย เพราะเสด็จพระใหญ่กำหนดให้มาแต่เดิม เมื่อจะสร้างพระผงวิเศษนี้ท่านว่าให้พ่ออาจารย์กลับไปทำพระพิมพ์ฉุดดึงโดยประทานนิมิตโอภาสให้ท่านเห็นเป็นอัศจรรย์ เป็นรูปพระองค์ทรงกางกลดให้พระฉายา(เงา)ตกลงไปต้องกระทบเหมือนกำลังบังร่างกายสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พระองค์จูง รั้ง ฉุด ดึง นำทางพวกเขา


    พ่ออาจารยท่านได้นำผงซึ่งทำไว้สร้างปฐมพุทธพักตร์ที่ท่านจำต้องลบถมผงวิเศษถึง 227 ชนิด เท่ากับศีลพระ ทั้งอักขระยันต์จากคัมภีร์ปถมังต่างๆ ตำราพระพิชัยสงครามแต่ละสูตร รวมไปถึงวิชาและอักขระยันต์ต่างๆที่พ่ออาจารย์ท่านได้รับการขัดเกลาและสั่งสอนโดยตรงจากเสด็จพระใหญ่ท่าน ท่านได้ทำการลบถมจนทะลุกระดานชนวนในเวลาหลายปีกว่าจะได้ครบ 227 ชนิด ซึ่งท่านบอกว่านี่ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ใช้อย่าเพิ่งตายก็แล้วกัน ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้นพ่ออาจารย์ท่านเมื่อจะผสมผงสร้างพระท่านยังได้นำผงรัตนมาลาที่ท่านเรียกสูตรลบทีละตัวทีละพระคาถาอีก 108 พระคาถา มาใส่ผสมลงไปด้วย ท่านว่าเฉพาะผงที่ใช่ทำพระนี่ก็นับว่าเป็นที่สุดของวิชาอันจะเกิดจะมีขึ้นได้ในโลกนี้แล้ว

    ท่านได้เมตตานำผงลบถม 227 ชนิดมาผสมกับผงรัตนมาลาทั้ง 108 ท่านว่าหากจะทำอิทธิวัตถุให้มีฤทธิ์อำนาจสูงสุดนั้น ตัววัสดุมวลสารที่นำมาใช้จะต้องผสมกลมกลืนกันทั้งพุทธและไสย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงวิเศษอีกชนิดหนึ่งมาใช้ผสมนั่นก็คือผงโฮมัมหรือฮวานัมที่ได้จากกองกูณฑ์อัคคีในการบูชาไฟด้วยอาถรรพ์เวทย์ต่อองค์พระสยมภูวญาณของท่านผสมลงไปด้วย ท่านว่าผงนี้ดี ใช้ทางกันตัวได้ทุกสิ่งพกอยู่ที่ไหนยิ่งกว่ากำแพงแก้วเจ็ดชั้นหรือว่าตาข่ายเพชรเสียอีก เป็นสุดยอดของกันตัวแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าต่อให้ผงวิชาเกราะเพชรหรือวิชาต่างๆก็เทียบกับผงตัวนี้ไม่ได้ ชีวิตใครที่มักมีสิ่งไม่พึงใจ ไม่พึงประสงค์มารบกวน ทั้งที่ตัวเองก็หาทางแก้แล้ว ไปรับยันต์เกราะเพชรมาก็แล้วหรือพกวัตถุเกี่ยวกับยันต์เกราะเพชรก็แล้ว ยังแก้ไม่หาย ท่านว่าผงนี้เอาอยู่ ทุกสิ่งที่ไม่พึงประสงค์นั้นไม่ว่าจะเกิดแต่กรรมลิขิตหรือเป็นไปตามวัฏจักรก็ตาม หากเป็นอัปมงคลแล้วไซร้ย่อมถูกแผดเผาไปให้เป็นจุณมหาวิจุณในพริบตา


    ท่านได้นำมวลสารทั้งหมดมาเข้ากับผงพุทธอโหสิกรรมเกี่ยวลาภ ซึ่งท่านลบถมไว้ตามสูตรของเสด็จพระใหญ่ ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดและทำยากที่สุดในการสร้างพระหนนี้ เพราะเป็นผงที่มีอานุภาพประหลาด ไม่ใช่สร้างเพื่อการชะลอกรรมหรือการประวิงเวลา ***แต่เป็นการยกเลิกกรรมด้วยกฏเกณฑ์พิเศษซึ่งมีอยู่และได้ผลจริงนั่นคือวิชาพุทธอโหสิกรรม แน่นอนว่าเมื่อมีภพมีชาติก็ย่อมมีอกุศลกรรมทำให้ชีวิตเศร้าหมองเลวร้ายลงตามวิถีกรรมที่แสดงผลนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพุดแบบตรงๆชัดเจนกันเลยก็คือวิชาทำผงนี้จะทำให้บาปกรรม อกุศลกรรมทั้งหลายเลิกให้ผล ให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่เพ่งโทษเอาโทษกันอีก อกุศลกรรมอันใดได้มีแล้ว ได้เกิดขึ้นแล้ว ได้ให้ผลตามครรลองแห่งกรรมแล้ว สิ่งเหล่านี้จะงด จะสงบระงับไปด้วยอำนาจอโหสิกรรมแห่งพระพุทธคุณ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงวิชาคุณพระ(พุทธอโหสิกรรม)นี้มีอานุภาพใหญ่นัก เพราะเป็นผงที่ยกเลิกกฏเหล็กของกรรมลิขิตได้โดยไม่ผิดจารีตหรือครรลองใดๆทำให้เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ ที่เราผูกกรรมและล่วงเกินกันไว้ไม่ถือโทษซึ่งกันและกันในกรรมที่กระทำอันล่วงไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นผงสำคัญที่อยู่เหนือกว่าผงทั้งหมด กำเนิดขึ้นด้วยโอกาส กาลเวลา วาระ ที่เสด็จพระใหญ่ท่านเมตตาจะสงเคราะห์พุทธบริษัทอย่างแท้จริง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสังคมสมัยนี้เวรกรรมให้ผลแรง แฝงมาด้วยอันตราย และภัยน่ากลัวเพราะมีปัจจัยร่วมกันหลายด้าน คนที่ดิ้นรนแก้ไขก็ยิ่งอยู่กันยากทั้งนี้เพราะเค้าแก้ไม่ตรงจุดด้วยนำกรรมมาผูกกรรมให้ปมแห่งชะตานั้นขมวดยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น ด้วยการจะแก้ปมนี้เราเห็นมีแต่เพียงอำนาจพุทธบารมีในผงพุทธอโหสิกรรมเท่านั้น ด้วยกุศลเจตนาของเสด็จพระใหญ่ท่าน แม้เวียนว่ายตายแล้วเกิดผ่านภพชาติชะตาฟ้าวาสนาใดๆในรอบหลายร้อยปีต่อจากนี้ไปวิชานี้ก็จะไม่บังเกิดขึ้นมาอีก สิ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเสด็จพระใหญ่ท่านมีโองการหรือดลใจพ่ออาจารย์ท่านอย่างไร ท่านได้แกะแม่พิมพ์ขึ้นโดยใช้นิมิตโอภาสที่ได้เห็นเมื่อคราวนั้นเป็นปฐม ท่านว่าหลับตาครั้งใดภาพก็ฉายชัดอยู่เช่นนั้น ทำให้พระพิมพ์นี้เป็นเอกลักษณ์ในตัวเองยิ่งนัก


    เมื่อท่านได้ใช้ไม้ขนุนตายพรายมาลงอาถรรพ์สำคัญด้วยคุณวิชาเก็บเกี่ยวลาภผลให้มีกินมีใช้ มีวาสนาชักนำไม่รู้สุดรู้สิ้น ซ้ำยังหนุนดวงเสริมส่งโอกาสแก่คนใช้แล้ว ท่านก็นำไม้ขนุนตายพรายนั้นมาแกะแม่พิมพ์โดยท่านทำเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐมเมตตากางกลด ทั้งยังฉุดดึงรั้งตัวของพุทธบริษัทเอาไว้ พาเดินข้ามฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคทั้งหลาย เป็นพระพิมพ์ที่มีความหมายในตัวเอง โดยท่านตั้งชื่อว่าพระเจ้าบังกรรมวาสนานำพาข้ามโอฆะสงสาร หมายถึงเสด็จพระใหญ่ท่านกางกลดให้ร่มเงาจูงเราเดินโดยมีประฉาย(เงา)ทอดบังร่างเราไว้ ทั้งยังเป็นเคล็ดที่พ่ออาจารย์ท่านจะอธิษฐานจิตด้วยวิชาพิเศษของสมเด็จบรมครูท่าน นั่นคือวิชาพระเจ้าบังกรรม


    วิชาพระเจ้าบังกรรมนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นยอดของวิชา ท่านเสกและเชิญเสด็จพระใหญ่มาลงวิชาไว้ให้อย่างเต็มที่ อำนาจของวิชาเป็นพลังที่สมเด็จบรมครูท่านปิด ขวาง กั้น ผลของการกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบันก็ดี หรือในอนาคตก็ดี ทั้งคราวเคราะห์ก็ดี บาปอกุศลก็ดี ปิดไว้ไม่ให้ผ่านเข้ามา บังไว้ให้พ้นจากตัวเรา จะเห็นได้ว่าแม้พ่ออาจารย์ท่านใช้วิชาพระเจ้าบังกรรมนี้กับใครก็ตามเมื่อท่านพิจารณาแล้วว่าเขาไม่ผิด หรือยังไม่เหมาะแก่กาลเวลา ถึงมีโทษานุโทษด้วยอาญาของแผ่นดินแต่ก็แคล้วคลาดหลุดรอดไปได้ทุกครั้ง หลายๆครั้งที่หลายๆคนไม่ว่าเจ้านาย หรือนักธุรกิจใหญ่ ตลอดจนนักการเมืองหรือคนที่เกิดอาเพศกลัววาสนาหมด ทั้งหวาดสะดุ้งและกลัวภัยในวัฏสงสาร ด้วยวาระกรรมที่เกิดปรากฏลางร้ายนานัปการสามารถมีชีวิตแบบปรกติสุข มีชีวิตที่ไม่ล้ม ไม่สะดุดได้ก็เพราะพ่ออาจารย์ท่านใช้วิชานี้ ในหนนี้ท่านจึงได้นำวิชาพระเจ้าบังกรรมมาลงไว้พร้อมกับผงพุทธอโหสิกรรม เพื่อให้มีอานุภาพสงเคราะห์สูงสุดและเป็นการปิดตำนานวิชานี้อย่างแท้จริง ท่านว่าทำเยอะไปก็จะไม่ดี ทำให้หนเดียววิชานี้ให้จบเท่านี้ ใครเขามีวาสนา มีบุญเกื้อหนุนกัน เขาคว้าได้ก็จะคว้าเอาไว้เอง


    พ่ออาจารย์ท่านได้กดพิมพ์องค์พระ พร้อมกับใช้น้ำผุด คือน้ำทิพย์ที่ผุดขึ้นในเศียรพระเจ้า ในพระพุทธบาท และสถานที่อาถรรพ์สำคัญต่างๆมานวดเนื้อพระตอนท่านผสมสูตรเพื่อจะกดพิมพ์


    พระเจ้าบังกรรมหรือที่ท่านเรียกว่าพระผงฉุดดึงนี้พ่ออาจารย์ท่านผูกผง ผูกกลชีวิตให้ผู้ใช้ไว้ด้วยโดยท่านลงตะกรุดทองแดงเสกด้วยธรรมปราบศัตรู ฝังไว้บริเวณใต้เท้าของตัวเรา ท่านว่าเปรียบคนที่เสด็จพระใหญ่ท่านกำลังจูงนั้นคือตัวเอง ในเส้นทางของโลก ในหนทางการดำเนินชีวิตนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เจอคนที่มีอคติกับเราเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ธรรมปราบศัตรูนี้คือวิชาที่ทำให้เขากลัวเรา อยู่ในอำนาจเรา กำราบเขาให้จำยอม สิ้นฤทธิ์ สิ้นพยศ ทำให้ศัตรูโอนอ่อนไม่เหิมเกริมคิดร้ายแก่เราอีก ***เมื่อได้บูชาองค์พระไปแล้ว ท่านให้ผู้บูชาตัดเส้นผมติดไว้ที่หุ่นนี้ สมมติหุ่นนี้เสมอด้วยธาตุและกำลังของตัวเอง เป็นตัวแทนของตัวเราเองอุปมาเหมือนชีวิตเราได้รับการฉุดขึ้นแล้ว จูงเดินไปในทางที่ถูกแล้ว ได้อยู่ในร่มเงาของพระศาสดาได้พบอาถรรพ์วิชาพระเจ้าบังกรรมแล้ว หนทางต่อไปนี้ที่เราจะเดินไปจะใช้ชีวิตนี้อย่างไรล้วนแต่สงบราบคาบ ท่านฝังตะกรุดไว้ที่ปลายเท้าเราก็เพื่อให้เรามีชีวิตที่ก้าวเดินไปได้อย่างสงบสุขนั่นเอง ท่านว่าธรรมปราบศัตรูนี้หยุดเขาเสียได้แม้กระทั่งความคิด เมื่อไม่มีความคิดก็ย่อมไม่มีการกระทำ เป็นการหยุดกรรมที่กระทำร่วมกันอย่างดีที่สุด



    ด้านหลังองค์พระ พ่อาจารย์ท่านฝังของสำคัญที่ท่านสร้างให้สำเร็จศักดิ์สิทธิ์สูงสุดไว้ ได้แก่

    - ขวดน้ำมันแก้วบรมจักรพรรดิ์ธาตุปรอทสำเร็จ สืบเนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านถือว่าปรอทนั้นมีคุณในตัวเองทั้งยังเคลื่อนไหวรวดเร็ว มาได้ ไปได้ หนีได้ กินอาหารได้ยิ่งถ้าเป็นปรอทสำเร็จขั้นสูงสุดก็ยิ่งมีคุณมากเสมอด้วยแก้วบรมจักรพรรดิ์หรือมณีรัตนะทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านจึงนำปรอทสำเร็จที่ถึงขั้นแก้วจักรพรรดิ์อันหาได้ยากในโลกนี้ยิ่งนักของเจ้าปู่ชัยพรหม นำมาตะไบเอาผงทำน้ำมันสำคัญไว้ ตามคติรัตนะแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ์ มณีรัตนะคือแก้วมณีที่มีไว้เพื่อเลี้ยงคน เพราะพระเจ้าจักรพรรดิ์ท่านต้องปราบไปถึงทวีปทั้งสี่ ต้องใช้กำลังทรัพย์มากกว่าการบำรุงไพร่พลทั่วไป เรียกว่าต้องเลี้ยงผู้ที่อยู่ใต้อำนาจทั้งหมดได้ อุปมาเหมือนแก้วสารพัดนึกดวงเดียวเลี้ยงผู้คนทั้งสี่ทวีปได้นับร้อยปีพันปีเท่าอายุพระจักรพรรดิ์ ด้วยท่านว่าแก้วนี้เขาให้ลาภใหญ่ ให้ลาภหนักมากพอจะเลี้ยงคนได้ทั้งบ้านทั้งเมือง เหมาะแก่คนสมัยนี้ที่มีภาระ ที่ต้องดูแลครอบครัว เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้ทำน้ำมันแก้วบรมจักรพรรดิ์ขึ้น เพื่อให้คนเอาไว้อธิษฐานใช้ให้เกิดลาภสักการะเลี้ยงปากท้องเลี้ยงคนในครอบครัว ท่านว่าน้ำมันนี้ใช้แก้วจักรพรรดิ์จริงๆมาตะไบเอาผงเป็นเชื้อใส่ไปทุกขวด ทำให้ทุกขวดมีอานุภาพแก้วจักรพรรดิเต็มถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ซ้ำเมื่อเสกแล้วยังได้เชิญเสด็จพระอินทร์ให้ท่านเป็นธุระขออนุญาติเทวดาอันรักษามณีรัตนะองค์ต้น นำมณีรัตนะมาเทียบพลังใส่ในขวดแก้วทุกขวดอีกวาระหนึ่งด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าขอเขายากมาก เพราะน้ำมันนี้จะมีอานุภาพเสมอแก้วจักรพรรดิจริงๆ เราต้องรับปากเขาไว้ว่าจะให้แต่คนดีมีใจคิดการกุศลนำไปใช้เขาถึงยอม ท่านว่าน้ำมันนี้ทำยากมากเพราะต้องใช้ทั้งน้ำมัน ทั้งปรอทสำเร็จ ทั้งผงคุณวิชามาหุงเข้าด้วยกันตามสูตรเพื่อให้เกิดวัตถุธาตุที่มีคุณเสมอมณีรัตนะ อุปมาน้ำมันนี้คือมณีรัตนะมีคุณเลี้ยงคนได้ทั้งสี่ทวีปเราบอกได้ท่านี้ นับภาษาอะไรกับเราคนเดียวหรือครอบครัวของเราก็ลองคิดดูเอาเอง ท่านว่าเหลือกินเหลือใช้นำไปอธิษฐานกันดีๆ ถ้าพวกเธอเข้าใจคำว้าแก้วสารพัดนึกเธอควรเข้าใจว่าอานุภาพเขานั้นขอได้ทุกอย่าง เราบอกได้แค่ว่าน้ำมันนี้มีคุณเสมอด้วยมณีรัตนะอันประดิษฐานอยู่ที่วิบูลบรรพตและดวงแก้วมณีโชติอันประดิษฐานที่เขายุคนธรนั่นทีเดียว
    - ตะกรุดหนีกรรมข้ามวัฏสงสาร ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นวิชาธรรม ลงเอาไว้ให้ใช้เมื่อคราวจวนตัว ใช้กับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ท่านว่าเราอยู่ในสถานะพูดมากไม่ได้เหมือนคนถูกปิดปาก พอจะบอกได้คร่าวๆแค่ว่าตะกรุดนี้จะทำให้กรรมหนัก หรือเรื่องร้ายแรงที่จวนตัวเราผ่านพ้นไปได้ตลอดทุกครั้ง พ่ออาจารย์ท่านว่าอาจาริย์เจ้าแต่โบราณ พวกท่านย่อมรู้จักเตรียมความพร้อม รู้จักแก้ไขและรับมือกับฉากละครแห่งช่วงชีวิต ดังนั้นท่านจึงลงตะกรุดหนีกรรมไว้เป็นตัวเสริมกำลังองค์พระอีกชั้นหนึ่ง ท่านว่าคนเรามีดีเช่นไรก็ไม่ควรประมาท ท่านทำไว้เพื่อแก้กันทางแห่งปัญหาและอุปสรรคใหญ่ที่เราจะผ่านไปได้ยากให้หนีไปให้ไกลตัว วิชานี้ท่านว่ามีอยู่จริงแต่หาคนรับไม่มีท่านทำให้ไว้ใช้คู่กันกับองค์พระเป็นดุจสะพานแห่งภพที่เราจะเดินหนีข้ามไปเวลาเจอกรรมหนักอันหลบเลี่ยงไม่ได้ ท่านว่าเจอกรรมเจอปัญหาใดๆก็ดุจมีสะพานทอดมาให้เราเดินเพื่อข้ามเพื่อหนีอุปสรรคนั้นๆ ให้การเดินการใช้ชีวิตของเราเป็นไปได้อย่างไม่สะดุด พ่ออาจารย์ท่านว่าเรายกอุปมาเปรียบให้ได้เท่านี้เพราะวิชานี้ฝืนกฏแห่งกรรมแบบหนักหน่วง เป็นคุณวิชาที่สำคัญมากเสด็จพระใหญ่ท่านไม่ให้พูดล่วงถึงด้วยซ้ำ ท่านว่า " ใครมีวาสนาก็เป็นเรื่องของเขา เธอรับไปทำแล้วจะเปิดหมดเผยหมดนั้นยังไม่คู่ควร ถ้าเขารู้ค่า รู้ว่าอะไรดีกับชีวิตเขาก็เป็นวาสนาเท่านั้นไม่ต้องพูดมากไปกว่านี้ เราเลยทำได้แค่อธิบายไว้พอเข้าใจ "

    ท่านว่าชีวิตใครที่มัวแต่แก้ไขปัญหา ยิ่งแก้ก็ยิ่งมีปัญหาเพิ่ม พอเจอปัญหาก็แสวงหาแนวทางแก้กันไป พอแก้ไปก็ได้ดีแค่เสมอตัว สุดท้ายก็เจอปัญหาให้มานั่งแก้ใหม่อีกต้องแก้ไขซ้ำซากเป็นวงจรชีวิตไม่จบสิ้นซักที ต้องมานั่งกลุ้มนั่งแก้บ่อยๆเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดแค่เสมอตัวไม่ใช่แก้แล้วหักจบประสบโชคพบเจอชัยชนะและความสำเร็จเลยแบบชีวิตคนอื่นเขา ท่านว่าตรงนี้สำคัญ มันจะแก้ได้อย่างไรก็เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นกรรม ยิ่งแก้มีแต่ยิ่งวุ่นวายนอกจากใช้วิชาพุทธอโหสิกรรมนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าข้างบนเขาไม่ให้เราพูดมาก เราบอกได้แค่ว่าเอาไปใช้เถิด อาราธนาท่านและคุณวิชาให้ดี ชีวิตเธอจะเหมือนมีเสด็จพระใหญ่ท่านเดินนำทาง จูงมือเธอก้าวข้ามทางแห่งภพไปด้วยกันทีเดียว ในหนทางอันทอดยาวนี้จะไม่โดดเดี่ยว หรือเดินผิดทางอีกต่อไป


    คาถาบูชา
    อิเมเสถะพุทธจิตตัง มนุสสะจิตติสัญญาปะ อาทะยันตามะขิละปัถวีพุทธายะ ปะระยัตตังตุกาทาสุราเมมะริยะจี ขอเดชเดชะปฐมพุทธานุภาพดับสังวัฏฏิสงสาร ดับสารพัดทุกข์ โรคหายดับ เคราะห์หายดับ เสนียดจัญไรหายไป หนีสงสาร ข้ามสงสารด้วยมหาพุทธานุภาพ ทุกโขทุกขังวินาสสะยันติ ปฐมพุทธังอานุภาเวนะชัยยะมังคะลัง ปฐมพุทธะเมตตา สะทะปะโต อโหสิ อโหสิ อโหสิ สวาหะ


    * เมื่อได้รับองค์พระไปแล้วให้ตัดเส้นผมติดผนึกไว้ที่ตัวหุ่นดุจเป็นตัวแทนของตัวเองด้วย พระพิมพ์สำคัญนี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ทั้งหมดแปดองค์ด้วยผงพุทธอโหสิกรรมนั้นทำยาก ทั้งตัวท่านยังเอาไว้ใช้เองและให้คนบูชาไปบ้างจึงมีให้จองเพียงห้าองค์เท่านั้น รายการนี้รับจองเฉพาะทาง Pm ท่านว่าผู้ที่จะบูชานั้น ท่านจะใช้ผงมหาราชเจิมองค์พระให้ รายได้ท่านจะนำไปสมทบทุนไถ่ชีวิตโคกระบือสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าบังกรรมวาสนานำพาข้ามโอฆะสงสาร (ปฐมพุทธเจ้าฉุดดึงผงพุทธอโหสิกรรมเกี่ยวลาภ) บูชา 4,000 บาท


    38404849_1789755737810897_1710848858847707136_n.jpg 38476934_2051103671816172_7332049403848425472_n.jpg
    38536209_528222774277776_8345431423917752320_n.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลฟื้นวาสนาไก่เถื่อนเจ้าฟ้าพญาแถน(ตะกรุดมือเรียกทรัพย์วิชาเรียกเงิน)

    ย้อนกลับไปในอดีตกาลอันยาวนานนับหาประมาณกาลเวลามิได้ เมื่อพระกกุสันโธเสวยพระชาติเป็นไก่ป่านั้น ในกาลต่อมาก็มีการนำชื่อสัตว์เหล่านั้นมาตั้งเป็นนามของพระพุทธเจ้า เป็นรูป เป็นนาม เป็นอาการสามสิบสองของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสปะ พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตย เช่นนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำพญาไก่เถื่อนตามตำรับสมเด็จพระสังฆราชสุก ให้ทรงคุณวิชาสูงสุด ขลังที่สุด ท่านจึงได้เอ่ยอ้างอดีตชาติแห่งสมเด็จพระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นปฐมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ พร้อมเชิญบารมีของพระองค์อาราธนามาสำเร็จเครื่องมงคลเพื่อให้ได้พญาไก่เถื่อนที่มีอานุภาพสูงสุด..มีอานุภาพมาก แม้ผู้ใดได้บูชาเป็นนิจสินก็จะเกิดลาภสักการะทั้งยศฐาบริวารไหลหลั่งมามิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น กิจการที่ประกอบล้วนราบรื่นเป็นไปด้วยดีไม่มีอุปสรรค แม้จะทำนา ทำสวน ทำไร่ผลการเกษตรก็เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญามีมโนสำนึกแจ่มใสดุจพระพุทธโฆษาจารย์อันได้ชื่อว่ามีปัญญามากในหมู่สงฆ์ทั้งหลาย ถ้าอาราธนาติดตัวไว้เวลาจะเดินทางไปหนใด ไปทำกิจการงานใดหากมีอันตรายก็ให้คลาดแคล้วจากภัยทั้งหลายดีนักแล หากบูชาอย่างมีสติหมั่นสั่งสมคุณงามความดีตามหลักวิธีองค์คุณสมบัติของพญาไก่เถื่อน ในบั้นปลายก็จะบรรลุพระนิพพานด้วยเมตตาบารมีนี้เอง

    ในยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เห็นจะมีแต่สมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่เถื่อน) ที่ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวิชานี้ เพราะท่านสามารถใช้คาถาจนไก่ป่าเดินเข้ามาจิกอาหารจากมือท่านได้ แม้ท่านเดินไปที่ใดไก่ป่าที่ได้ชื่อว่าตื่นกลัวมนุษย์อย่างถึงที่สุดก็เดินตามท่านไปเป็นฝูง ด้วยไก่ป่านี้มีนิสัยปราดเปรียว มักจะคอยหนีคนหนีภัยอย่างเดียวเพราะเชื่องกับคนยาก แต่ท่านก็ยังสามารถเสกข้าวด้วยเมตตาให้กินจนไก่ป่าที่หวาดกลัวภัยของมนุษย์นั้นเชื่องได้ ท่านปฏิบัติตามองค์คุณแห่งไก่ป่าจนถึงซึ่งมรรคผลนิพพานเป็นที่สุด

    เกี่ยวกับวิชาไก่ของพ่ออาจารย์นั้น ท่านว่าไก่เป็นสัตว์ให้คุณที่มีสัญลักษณ์ต่างๆตามร่างกายอยู่ 5 ประการ คือ
    ตัวไก่ หมายถึง ความขยัน ทำมาหากิน
    หงอนไก่ หมายถึง สติปัญญา
    เดือยไก่ หมายถึง อาวุธ
    การต่อสู้ หมายถึง ความกล้าหาญ
    การขันตอนเช้า หมายถึง ความยึดมั่น
    ดังนั้น เมื่อท่านทำไก่แก้วพญาแถนหรือไก่เถื่อนของเจ้าสวรรค์ ท่านจึงใส่ใจในองค์คุณทั้งหมดของวิชาไก่เป็นพิเศษ ท่านว่าหากเสกให้มีชีวิตจิตวิญญาณลงอาการสามสิบสองเฉยๆใครก็ทำได้ แต่การสร้างไก่ให้เพียบพร้อมด้วยคุณทั้งห้าจนแสดงผลตอบสนองแก่ผู้ใช้นั่นแหละ จึงจะเป็นไปได้ยาก ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ตรงตามคุณห้าประการนั้น ทำให้ได้ดั่งที่สมเด็จพระกกุสันโธท่านรับสั่งไว้ เพื่อให้ได้ไก่แก้วที่เก่งที่สุด


    พญาไก่เถื่อนที่พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาลงคาถาวิชาโบราณเรียกอักขระคาถาแผ่นจารทั้งตัวขอม ตัวธรรม ทั้งเวทย์สวรรค์ ทั้งอักษรปัลวะหล่อหลอมขึ้นมานั้น ท่านว่าชนวนมวลสารมีไม่มากทำได้น้อย ท่านจึงหลอมออกมาเป็นตัวเล็กๆเพื่อให้ง่ายต่อการพกพา อันพญาไก่นี้นอกจากดีด้านทำมาหากิน คือหากินง่าย หากินเก่ง กินไม่เหลือ กินไม่เลือก เรียกว่าโชคลาภอยู่ที่ไหนก็พร้อมขุดคุ้ยกันจนกว่าจะเจอแล้ว แม้นผู้ใดได้อาราธนาท่านว่าให้สังเกตุดูนะวันนั้นเจ้าจะมีสติ มีคติ มีมโนสำนึกที่แจ่มใส มีกำลังใจสูงส่งอย่างน่าประหลาด ก็ไอ้กำลังใจตัวนี้แหละที่จะเปลี่ยนชะตาคนได้จะดูดดึงมงคล ลาภสักการะ และเรื่องราวดีๆที่มันตรงกับความคิด ความต้องการจะเข้ามาหาเจ้าได้ทำอะไรก็ล้วนสำเร็จด้วยกำลังใจทั้งสิ้น ทั้งยังทำให้มีปัญญามากดั่งพระพุทธโฆษาจารย์ด้วยคติและสติพร้อมมโนสำนึกนั้นใสกระจ่างแล้วนั่นเอง

    ทั้งคุณแห่งไก่ป่านั้นยังขันขานได้ไพเราะนัก ครูบาอาจารย์แต่โบราณท่านยกคุณสมบัติไว้ว่าเสียงไก่ป่าขันดุจเสียงสาลิกาสวรรค์ ดังนั้นวิชาไก่เถื่อนที่เสกเต็มวิชาจึงเป็นทั้งเมตตามหาเสน่ห์ เป็นทั้งอาถรรพ์ทำให้วาจาคำพูดนั้นน่าฟังน่าเชื่อถือยิ่งกว่าลงสาลิกาใดๆ ทั้งยังเป็นอาถรรพ์ที่จะปลอบประโลมสิ่งมีชีวิตแลจิตวิญญาณรอบด้านให้ผ่อนปรน ให้รู้สึกสบายตัวอย่างน่าประหลาดด้วยวิชาไก่เถื่อนแท้ๆนั้นเป็นกระแสเมตตาเจโตวิมุติที่ใช้เพื่อปลดปล่อยพันธนาการจิตวิญญาณของตนเองและผู้อื่นโดยถ้วนทั่ว ด้วยการปลอบประโลมนี้สรรพสัตว์ มนุษย์และเทวดาทั้งหลายล้วนจะเกิดความรู้สึกดี ความปรารถนาดี ความเมตตาแก่เจ้าของไก่เถื่อนนี้ตามคติวิชาเมตตามหานิยมขั้นสูงสุด เป็นกระแสเมตตาเจโตวิมุติที่ชุมเย็นเป็นที่สุด

    นอกจากนั้นท่านว่าเสียงไก่ธรรมดายังใช้ปลุกคนได้ แล้วเสียงขันพญาไก่เถื่อนนั้นเล่า พ่ออาจารย์ท่านถึงกับอุปมาไว้ว่า"กลในไก่ขันให้คนตื่น" ด้วยคำๆนี้ เฉพาะคำๆนี้ พ่อาจารย์ท่านว่ามีค่ายิ่งยวดนักเพราะคำๆนี้สมเด็จพระกกุสันโธท่านรับสั่งไว้ อุปมาดั่งชีวิตที่เงียบสนิท ชีวิตที่หลับใหล ไร้สีสัน ไร้ชีวิตชีวา คือชีวิตที่หยุดความก้าวหน้าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว ชีวิตเหล่านี้ล้วนแต่จะตื่นขึ้น ตื่นเพื่อเจริญก้าวหน้า ตื่นพ้นจากอวิชาและอกุศลกรรมทั้งหลาย ด้วยอาถรรพ์คุณวิชาพญาไก่เถื่อนนี้เองอันนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นการตื่นทางโลกียะ อีกส่วนหนึ่งคือการตื่นขึ้นทางโลกุตระโดยนัยยะของคำพูดนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามันกว้างมากนะ ถ้ามีสติพอจะระลึกได้ คงรู้ว่าการตื่นนั้นหมายถึงการตื่นรู้ ตื่นจากความเป็นปุถุชนกลายเป็นอริยบุคคล ตื่นจากห้วงทุกข์เข้าสู่พระนิพพานดุจดั่งสมเด็จพระสังฆราชสุกเช่นนั้น นี่คือการตื่นตามองค์คุณพญาไก่เถื่อนอย่างแท้จริง

    เช่นนั้นวิชาพญาไก่เถื่อนนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงพูดว่าทำได้ยากและมีความลึกซึ้งมากนัก ถ้าไม่ได้สมเด็จพระสังฆราชสุกแลบารมีสมเด็จพระกกุสันโธแล้ว จะทำไก่เถื่อนนี้ให้เต็มวิชาได้คงหาใครที่ทำสำเร็จไปกว่าทั้งสองท่านแล้วเป็นไม่มี นอกจากนี้อำนาจพญาไก่เถื่อนยังได้ชื่อว่าเป็นตบะเดชะยิ่งนัก หากพูดถึงตบะแล้วหลายคนจะนึกถึงตบะเสือหากแต่ตบะของพญาไก่เถื่อนที่ใช้สะกดสรรพชีวิตนั้นเป็นตบะที่เกิดจากพลังเมตตาต่างจากตบะที่น่าหวาดกลัวของสัตว์อื่น ทั้งคุณแห่งวิชาพญาไก่เถื่อนของพ่ออาจารย์นั้น ท่านว่าให้พกติดตัวไว้เถิด ใจเราจะเกิดลางสังหรณ์พิเศษที่เรียกว่าญาณหยั่งรู้ขึ้นมา ไอ้ญาณตัวนี้นั้นสำคัญนักเพราะอาจสามารถรู้ใจคนได้ รู้ความคิด รู้น้ำใจของเค้าที่จะปรากฏชัดอยู่ในความรู้สึกของเราดุจพญาไก่เถื่อนที่รู้กลิ่นตัวคน รู้ว่าใครมาดีมาร้ายหมายชีวิตเช่นนั้น เมื่อหยั่งรู้น้ำใจผู้อื่นแล้วท่านว่าให้เชื่อความรู้สึกตัวเองเป็นที่สุดเถิดแล้วจะรู้ว่าใครเขาร้ายหรือดีกับเราและเราควรจะปฏิบัติตอบเค้าเช่นใด

    และด้วยอำนาจแปลกประหลาดของไก่เถื่อนเจ้าฟ้าพญาแถนนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติภูติผีปีศาจจะเกรงกลัวไก่เถื่อนนัก มงคลไก่เถื่อนนี้ก็เช่นกันผีร้าย วิญญาณบาปทั้งหลายล้วนเกรงกลัวจะตกตายด้วยอำนาจพญาไก่ยิ่งนัก ที่สำคัญที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญเหนือกว่าผีเลยก็คือคน เพราะคนนี่แหละที่เลี้ยงผี ทั้งผีที่เป็นวิญญาณ กับผีในจิตใจที่คิดโทษให้ร้ายรังแกคนอื่น ท่านว่าด้วยอาถรรพ์พญาไก่เถื่อนที่ท่านลงไว้นี้นับว่าแปลกมาก เพราะใครมีมีผีในใจ ใครที่มาร้ายไม่หวังดีกับเรา ถึงเขาจะมาได้แต่เขาล้วนล้มหมด ท่านว่าคนล้มสมัยนี้ลุกยากนะ มันยิ่งกว่าแพ้ภัยตัวเองเสียอีกเพราะหากชีวิตเขาล้มแล้วย่อมไม่เหลืออำนาจใดๆมารังแกเราอีกเลย นี่คืออาถรรพ์แห่งพญาไก่เถื่อนที่จะมาเปลี่ยนชีวิตคน นั่นคือไม่ว่าใครก็ข่มเราไม่ได้ ล้วนล้มหายตกต่ำไปทั้งสิ้นพ่ายแพ้แก่อำนาจเรา

    พ่ออาจารย์ท่านนอกจากจะเสกไก่ให้เป็นมหาภูติมีชีวิตแล้ว ท่านยังลงคุณห้าประการให้ครบเพราะตั้งใจจะทำไว้ให้คนยกระดับขยับฐานะกัน เขาจะได้ลืมตาอ้าปากได้ด้วยการทำมาหากิน โชคลาภวาสนาการเงินนั้นสำคัญ และไก่เถื่อนก็มีความสามารถทางขวนขวายทรัพย์จะเห็นได้จากคนโบราณที่สังเกตจากพฤติกรรมของไก่มาประกอบเปรียบเทียบไว้ว่าไก่ฝูงหนึ่ง มักมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว แต่มีตัวเมียล้อมรอบนับสิบ นี่จึงเป็นกฤติยาคมแฝดทางมหาเสน่ห์ ทั้งยังสื่อว่าแม้บุรุษเพียงคนเดียวก็ยังหาเลี้ยงภรรยาได้นับสิบ พญาไก่เถื่อนนี้จึงเก่งทางขวนขวายทรัพย์มาก พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพูดอะไรมากไม่ได้ บอกได้แค่เก่งมากจนเหลือกินเหลือใช้เผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ทุกชีวิต ด้วยอานุภาพไก่เถื่อนมีคุณดั่งแก้วสารพัดนึก นึกสิ่งใดย่อมสมปรารถนาในสิ่งนั้นทุกอย่าง ขอเพียงให้ศรัทธาเชื่อมั่นไว้เถิด จะเกิดลาภผลอย่างประเสริฐ ทั้งเป็นทางอยู่ยงคงกระพัน เป็นเมตตา เป็นมหาอำนาจ มีตบะเดชะครบถ้วน แม้มีบูชาไว้และหมั่นภาวนาพระคาถาให้ได้ทุกวันแล้วไซร้ย่อมเป็นเจ้าคนนายคน ไม่มีวันอับจน มีผู้คนเมตตาอุปถัมภ์โดยตลอดแล

    แต่ทั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องพื้นๆ ท่านว่าจริงอยู่ที่เสกไก่พยนต์เป็นไก่ฟ้า ไก่แก้ว ใช้ได้ทั้งการป้องกันตัว ข่มภูติผีปีศาจทั้งหลาย แต่ถ้าหากทำไก่อาคมทั้งทีแล้วทำได้ดีเพียงเท่านั้น ท่านกึงกับพูดไว้ว่า "เราถือว่าน่าผิดหวัง"

    พญาไก่ของพ่ออาจารย์นี้ท่านเรียกว่ามงคลฟื้นวาสนา เพราะท่านตั้งใจทำให้วาสนาที่หดหาย จืดจางลงด้วยเหตุผลอันประกอบด้วยปัจจัยหลักๆหลายด้านเช่นเหตุผลทางเศรษฐกิจ การเงิน การจับจ่ายใช้สอยที่ฝืดเคือง... ด้วยปัจจัยต่างๆรุมเร้าท่านว่าแม้คนดวงดีมีวาสนาก็ยังหากินยาก ดังนั้นพญาไก่ของท่านจึงเป็นมงคลฟื้นวาสนาอย่างแท้จริงเพราะท่านนำวิชาทำตะกรุดมือเรียกทรัพย์(วิชาเรียกเงิน) ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลานที่หาคนทำได้ยากมาลงไว้ที่ไก่ด้วย

    ท่านว่าเมื่อทำวิชานี้จะต้องใช้เงินจริงๆมาทำ เริ่มตั้งแต่เอาเงินมาลงอาถรรพ์พระเจ้าเงินตรา และข้อสำคัญตัววิชาที่ลงตะกรุดกับเงินเสกนี้ก็แยกจากกันไม่ได้ด้วยนะท่านว่าเป็นกฤติยาคมแฝด ดุจว่าตะกรุดนี้เรียกเงินมาเข้ามือเราตลอด ท่านใช้เงินเป็นตัวล่อเพื่อให้ไก่ไปหาเงิน ใช้เงินแท้ๆที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์แผ่นดินเสกให้เชื่อมโยงเงินทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยว่าเงินหายอาถรรพ์หายท่านว่าวาสนาก็หมดดังนั้นท่านจึงต้องผนึกเงินไว้กับไก่ เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงทำผงเงินล้านด้วยสูตรหลวงพ่อปานเพื่อผนึกเงินไว้กับไก่ท่านว่านอกจากกันเงินเสกหายยังจะได้ขอบารมีสองพระอริยะเจ้าทั้งหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อปานมาสงเคราะห์อีกพร้อมๆกัน ท่านเสกให้ไก่วิ่งเข้าหาเงิน ฉกฉวยทรัพย์ ขุดคุ้ยโอกาส เมื่อตะกรุดในไก่ผนึกกับเงินอยู่ที่ตัวไก่ก็เสกให้ไก่หาทรัพย์คาบเงินวิ่งเข้ามือเราตลอดตามสายวิชาหลวงพ่อเงินที่ใช้เงินล่อเงินเข้ามาไม่หยุดเราเป็นเจ้าของก็มีหน้าที่ฉกฉวยนั่นเอง ซึ่งวิชานี้ท่านประยุกต์มาจากวิชาเรียกเงินของหลวงพ่อเงิน โดยวิชานี้ท่านว่าสมัยก่อนหลวงพ่อเงินท่านทำให้ใครมีแต่รวยขึ้นถ่ายเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าหลวงพ่อเงินนั้นท่านไม่ได้มีดีเฉพาะคงกระพันหนังเหนียวนะ แต่ท่านเรียกเงินให้ลูกศิษย์เปลี่ยนฐานะได้สมชื่อท่านเลย เพียงแต่ท่านเลือกทำ เลือกคนรับ

    พ่ออาจารย์ท่านลงวิชาเรียกเงินไว้ ท่านจึงตั้งชื่อไก่ว่ามงคลฟื้นวาสนา เพราะท่านทดลองแล้วถึงสองหน
    - หนแรก เอาให้เศรษฐีโรงงานที่โดนพิษเศรษฐกิจเจ๊งจนคิดฆ่าตัวตายเอาไปใช้ฟื้นตัวจนมีดอกออกผลมากกว่าเก่าสมัยเป็นเศรษฐีได้ เรียกว่ากลับมามีชีวิตใหม่เลิกคิดฆ่าตัวตายมีแต่คิดจะขยายกิจการอย่างเดียวเท่านั้น
    - หนที่สอง นำไปให้คนชาติแขกที่นับถือท่านทำกิจการส่งออกผ้าที่ฝืดเคืองพลิกกับมาขายดีกว่าตอนที่สร้างกิจการได้
    ท่านว่าวิชาของหลวงพ่อเงินนี้ไม่ธรรมดาหรอก ไม่เช่นนั้นสมัยก่อนคงไม่ต้องเลือกคนเพื่อรับวิชา ท่านว่าทำทีก็ทำยากต้องทำไก่ ลงตะกรุด ลงผง เสกเงินลงอาถรรพ์พระเจ้าเงินตรากว่าจะเอาทั้งหมดมาผูกเข้าด้วยกันเป็นเป็นมงคลอาถรรพ์ที่ใช้ให้คนฟื้นตัวตั้งตัวได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านว่าวิชานี้อาถรรพ์สูงถึงขนาดว่าถ้านำมาลงในตัวคนแทนแล้วแม้บุคคลผู้นั้นตายไป นำศพไปฝังไว้ตรงไหน สถานที่ตรงนั้นแม้เป็นป่าช้าก็ยังเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นนิคมหรืออาณาจักรได้


    ด้วยปัจจุบันนี้ท่านว่าการทำมาหากินหลายๆคนบอกว่าแย่ลงเพราะคนไม่ยอมใช้จ่ายด้วยปัจจัยต่างๆที่รุมเร้ารอบด้านในการดำรงชีวิตระดับชาวบ้าน ทั้งรายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง มีการใช้จ่ายไม่จำเป็นจากสิ่งที่ไม่คิดคิดมากมายหลายทาง ทุกอย่างไม่สอดคล้องกันเลย ท่านจึงพิจารณาให้เอาไก่เถื่อนเจ้าฟ้านี่แหละไปใช้แทนกัน ท่านว่าเพราะไก่นี่เก่งมากมีดีหลายเรื่อง และวิชานี้ก็ไม่ใช่จะทำได้บ่อยเพราะท่านอธิษฐานขอหลวงพ่อเงินไว้เพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวที่จะใช้วิชาเรียกเงินของหลวงพ่อ วิชามือเรียกทรัพย์ของหลวงพ่อมาเรียกทรัพย์ให้เข้ามือ

    คาถาบูชา
    เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ

    *****เคล็ดการนำไปใช้
    - พ่ออาจารย์ท่านว่าอาราธนาไว้กับตัวมีอิทธิคุณดังที่กล่าวไปข้างต้น ดั่งที่ว่านี่เป็นวิชาพญาไก่สอดประสานกับผงคุณวิชาสายหลวงพ่อปานและอาถรรพ์วิชาหลวงพ่อเงิน ใครมีบารมีรับได้กี่ตนเขาจะรู้ได้ด้วยตัวเอง ตรงนี้มันขึ้นอยู่กับบารมีนะพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าบารมีเขาถึงมีบริวารเยอะก็ยิ่งดี ด้วยพญาไก่นี่เขาขยันยิ่งเลี้ยงได้มากก็ยิ่งดีมากเพราะหลายๆแรงช่วยกันขวนขวายย่อมดีกว่าทำคนเดียว
    - ถ้าหากจะใช้พลิกชีวิต ให้นำไก่เถื่อนสี่ตัวนำไปวางไว้ไว้ที่สี่มุมเรือนท่านว่าต้องครบทั้งสี่มุมนะจึงจะต้องอาถรรพ์ เป็นการลงอาถรรพ์ในห้องหรือสถานที่อันตัวเราพักอาศัย ด้วยสันดานไก่ป่าไม่ทิ้งรัง ถ้าเอาไว้ในเรือนหรือห้องหับอันเป็นที่อยู่ตนเขาก็จะขวนขวายโชคลาภเข้าเรือนเข้าชีวิตทำลายอาถรรพ์แก้เคล็ดได้ทุกอย่าง ให้สังเกตุได้เลยว่าจะเจอเรื่องดีๆในชีวิตถี่ขึ้น ห้องหับที่อยู่อาศัยจะแน่นหนาไปด้วยทรัพย์สมบัติจนไม่มีที่เก็บ แม้นำไปไว้ในห้างร้าน ที่ดิน หรือสถานที่ประกอบกิจการตนเองก็ดีพ่ออาจารย์ท่านว่าก็ต้องวางหรือฝังไว้ทั้งสี่มุมเช่นกันถ้าทำได้นี่ก็ให้คุณมากด้วยสันดานไก่ป่าไม่ทิ้งรังทั้งยังหวงแหนรังของเขา เขาจะขวนขวายทำให้สถานที่นั้นเจริญรุุ่งเรืองมากยิ่งๆขึ้นไปถึงขนาดที่ว่าต่อให้กิจการย่ำแย่เงียบดั่งป้าช้ายังเจริญเปลี่ยนมาเป็นนิคมมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดได้ทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าบอกได้เพียงเท่านี้เพราะครูบาอาจารย์ท่านห้ามพูด และข้อดีของการฝังหรือวางอาถรรพ์สี่มุมนั้นยังป้องกันโจรผู้ร้ายไม่ให้เข้าปล้นได้อีกด้วย ทั้งอสุรกายภูติผี วิญญาณบาปทั้งหลายล้วนไม่สามารถล่วงเกินเข้ามาในรังของพญาไก่เถื่อนนี้ได้ ถ้าวางไว้ในที่ทำงานหรือกิจการตนแม้ใครมาติดต่องานก็เสมอว่าเขาแพ้แก่อำนาจเราตั้งแต่เริ่มนั่นทีเดียว



    ร่วมทำบุญบูชา มงคลฟื้นวาสนาไก่เถื่อนเจ้าฟ้าพญาแถน(ตะกรุดมือเรียกทรัพย์วิชาเรียกเงิน) บูชา 800 บาท


    38765865_2075948139335745_5754705016371806208_n.jpg 38831525_275830956554228_8480696243469680640_n.jpg
    38794488_664278293943457_3978297119587958784_n.jpg 38675475_665671420462746_8699130574972911616_n.jpg
    38737619_272124390051259_8068165107135283200_n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229

แชร์หน้านี้

Loading...