ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลงถมมหาสนองเป่าแล่นฟ้าคล้อยยอมตาม(บัญชาฟ้าสอพลอ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา พระดวงธรรมบันดาล(จอมครุฑเหิรระเห็จ)

    วิชาดวงธรรมบันดาลนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นวิชาไสยขาวอาศัยคุณแห่งพระธรรมสัจธรรมความจริงในกฏของไตรลักษณ์ดลบันดาลให้เกิดให้เป็นไปได้ในทุกสิ่ง ซึ่งท่านก็ลงตะกรุดดวงธรรมบันดาลไว้ เป็นสายวิชาเฉพาะที่ให้ผลเร็วแรงทันใจนึก ซึ่งท่านว่าวิชานี้แท้ที่จริงแล้วในยุครัตนโกสินทร์ก็มีสืบทอดมาสมัยต้นกรุง มาขาดหายไปในช่วงหลังนี่เอง คงเป็นไปด้วยครูบาอาจารย์และเทพยดาท่านต้องการบดบังหรือยังไม่ถึงเวลาอันสมควรก็เป็นได้ ซึ่งครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านปรารถนาจะสร้างพระผงตระกูลสูง จึงได้ลงไว้เสียวาระหนึ่ง

    พระดวงธรรมบันดาลนั้น เป็นพระที่แรงและมีอาถรรพ์มาก ดุจเป็นตรามหาสัญลักษณ์ที่มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในขอบข่ายพระศาสนา ด้วยว่าท่านได้รับนิมิตจากขรัวโตหรือครูสมเด็จ ให้สร้างพระที่เป็นเอกในด้านฤทธานุภาพไว้เสียหนหนึ่ง เพราะใครๆเขาก็ไม่ทำกันเลย โดยมีนิมิตให้เห็นรูปพระเจ้าทรงครุฑซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ปิติอย่างยิ่งเพราะว่าประสงค์จะลงวิชาเชิญองค์สุเรนทรชิตเอาไว้เลย

    โดยองค์พระดวงธรรมบันดาลนั้น ที่ว่าเป็นเอกด้านฤทธานุภาพ พ่ออาจารย์ท่านอธิบายไว้ดังนี้ เพราะว่าโลกยุคนี้ พระศาสนาได้เสื่อมไปจากใจคนเสียมาก เพราะวิถีชีวิตและองค์ประกอบต่างๆเปลี่ยนไป จึงส่งผลครอบคลุมไปทั้งหมด เสด็จพระใหญ่ท่านทราบเหตุ ท่านจึงปรารภว่า ครั้นพุทธกาลนั้นก็มีพระมหาโมคคัลลานะที่ได้ใช้ฤทธานุภาพอันเป็นเอกดลบันดาลให้ชนทั้งหลายเห็นบาปบุญคุณโทษ สำเร็จสุขสำเร็จประโยชน์ใหญ่หันมานับถือพระศาสนา ต่อมาก็มีอนุพุทธะพระอุปคุต ท่านก็ทรงฤทธานุภาพเสมอด้วยพระมหาโมคคัลลานะได้มาช่วยกิจแห่งพระศาสนา สืบทอดความมั่นคงให้ดำรงค์อยู่เสียอีกวาระหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริคิดที่จะทำพระดวงธรรมบันดาลในรูปแบบองค์สมเด็จพระบรมครูผู้เป็นใหญ่ มีฤทธานุภาพพุทธานุภาพ เหนือกว่าเหล่าพระอรหันต์ทั้งปวง ประทับทรงครุฑราชอาสน์อยู่เบื้องล่าง ซ้ำด้านหลังท่านยังได้ประกอบพิธีหล่อรูปพระอุปคุตและพระมหาโมคคัลลานะขึ้นเพื่อมาฝังไว้เป็นอนุสติอีกด้วย ท่านทำเพื่อประสงค์จะให้องค์พระนี้สงเคราะห์คนด้วยอำนาจฤทธิ์ ดุจดั่งองค์พระชินสีห์และพระมหาโมคคัลลานะตลอดจนพระอุปคุตเถระได้สถิตย์อยู่กับกายตน

    เมื่อจะสร้างและท่านแกะแม่พิมพ์แล้ว ท่านประสงค์จะให้พระผงดวงธรรมบันดาลนี้มีอานุภาพสูงสุด และกอปรกับมีรูปครุฑอยู่ในองค์พระด้วย ท่านจึงพลีคตไข่นกของเจ้าปู่ชัยพรหมสามใบลงมาเป็นมวลสารเพื่อผสมในเนื้อพระ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ครุฑนั้นเป็นเทพเดรัจฉาน เกิดมาก็เป็นกายสิทธิ์ในตนเอง คตไข่นกนี้ก็มีกำเนิดดุจเดียวกัน คือเกิดมาก็เป็นกายสิทธิ์อยู่ในตนเองเช่นเดียวกัน แถมยังมีตระกูลสืบเนื่องกันด้วยเป็นชาติปักษากายสิทธิ์ ท่านจึงพลีมาทำพระผงรุ่นนี้ด้วยปรารถนาจะให้เป็นธาตุตั้งต้น ท่านว่าจะได้รองรับพลังงานขององค์สุเรนทรชิตได้ทั้งหมด และอานุภาพของคตไข่นกนั้นยังใช้ได้สารพัด ทั้งกันฟ้า กันไฟ กันกระทำย่ำยี อยู่แต่ผู้ใดผู้นั้นก็จะมีลาภผลมาก อุดมสมบูรณ์ไปชั่วชีวิต

    เมื่อท่านพลีคตไข่นกแล้ว จึงนำมาผสมในเนื้อพระที่ท่านประกอบขึ้นด้วยว่านยา และผงกสิณธาตุ ตลอดจนผงลบกระดานชนวนพระยันต์ชั้นสูงต่างๆ โดยยืนหลักผงพุทธคุณทั้งห้าประการและเพิ่มผงจักรพรรดิ์ตราธิราช ผงมหาระงับ ผงลบยันต์มหาปราบหงสาเสริมเข้าไป ด้านหลังนั้นท่านฝังเหรียญหล่อพระมหาโมคคัลลานะและพระอุปคุตเถระไว้ โดยท่านได้เล่าถึงเหรียญหล่อทั้งสองว่า
    - เหรียญหล่อพัดโบกพระมหาโมคคัลลานะ ครูโมคคัลลาน์เป็นครูสายฤทธิ์ในนิพพานของท่าน เมื่อจะทำเหรียญหล่อนั้น ท่านได้ให้พ่ออาจารย์ทำในลักษณะเหาะเหยียบเมฆ โดยยื่นมือข้างหนึ่งซื่งถือตาลปัตรโบกออกไปข้างหน้า พ่ออาจารย์ว่าสำคัญยิ่งนัก เพราะครูพระมหาโมคคัลลานะในปางนี้ คือปางที่ท่านใช้ฤทธานุภาพเหาะขึ้นไปในอากาศ ซ้ำยังพัดปัดเบ่าเบิกทางให้กับคนที่บูชาท่าน ท่านว่าเดี๋ยวรู้เห็นเอง ว่าอุปสรรคใดๆต่อไปมันคลายหมด ถึงมันมีมันจะเข้ามาอย่างไรมันก็ไม่ต้องไม่โดนตัวเราเลย ด้วยอรหันตานุภาพของพระเป็นเจ้ามหาโมคคัลลานะ พ่ออาจารย์ท่านว่าพัดนี้สำคัญนักเพราะปัดอุปสรรคปัญหาออกไปพัดอัปมงคลและเสนียดต่างๆให้พ้นกายเราแล้วก็พัดดึงเอาสิ่งดีๆโชคลาภวาสนาเข้ามา เหรียญนี้ถ้าเป็นอาหารก็คงต้องพูดว่ามีครบรส อธิษฐานเอาเถิด ขอให้ยึดมั่นในบุญทานการกุศลท่านช่วยเต็มที่
    - เหรียญหล่อพระอุปคุตเปิดบาตร พระมหาอุปคุตนั้นเป็นพระเถระที่ทรมานพญามาราธิราชจนคลายพยศปรารถนาพระโพธิญาณเป็นมหาโพธิสัตว์ใหญ่ในสิบองค์โพธิสัตว์อันมีพระชาติแน่นอนแล้ว ท่านมีฤทธิ์เสมอสูงสุดด้วยพระพุทธองค์และพระมหาโมคคัลลานะทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านสร้างเหรียญหล่อพระอุปคุตเปิดบาตรนี้ด้วยอำนาจที่ทรงไว้ซึ่งมเหศักดานุภาพ ด้วยปรารถนาจะใช้ฤทธานุภาพแห่งพระเถระบันดาลให้ผู้บูชามีลาภผลสุขสมหวังถ้วนทุกประการ สิ่งใดที่ปิดอยู่ก็ให้ท่านสงเคราะห์เปิดให้ เปิดแล้วต้องได้รับ ต้องอิ่ม ต้องสมบูรณ์พูนสุขครบถ้วนนั่นเอง

    จะเป็นเรื่องน่าแปลกหรือไม่อย่างไรก็สุดแท้แต่คาดคะเนได้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าแม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระมหาโมคคัลลานะและพระอุปคุตเถระ ทุกท่านล้วนเคยมีพระชาติเกิดเป็นพญาครุฑแล้วทั้งสิ้น และพระมหาโมคคัลลานะกับพระอุปคุตเถระก็ยังเคยใช้ฤทธานุภาพแปลงกายตนเป็นพญาครุฑด้วยในวาระต่างๆ

    เมื่อท่านประกอบพิธีพิมพ์พระขึ้น ท่านยังได้นำตะกรุดดวงมหาจักรมาฝังไว้ด้านหน้าอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่าตะกรุดดวงมหาจักรเป็นของสำคัญเพราะจะเป็นพลังงานขับเคลื่อนผู้บูชาให้เป็นใหญ่ได้ดีเจริญด้วยยศศักดิ์ รุ่งเรืองในกิจที่กระทำทุกสิ่ง โดยอาศัยตำแหน่งของดาวนพเคราะห์ทั้งหลายที่โคจรเฉพาะเป็นบาทฐานผลักดันชีวิต เมื่อมีดวงมหาจักรอยู่กับตัวแล้วชีวิตจะได้ดีงามประสบความเจริญสูงสุด

    เมื่อพิมพ์องค์พระขึ้นมา พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงไม้ตะเคียนหลักเมืองต้นเอกอันมีญาณของแม่ตะเคียนมาโรยด้านหน้าไว้ทุกองค์ ซึ่งขอสงวนที่มาไว้ท่านว่าเป็นไม้ตะเคียนหลักเมืองที่มีจิตวิญญาณ มีอายุหลายร้อยปี และเป็นไม้สำคัญมีที่มาสูง มีดีทั้งด้านมหานิยม ค้าขายเสริมดวงชะตาทุกสิ่งตลอดจนบนบานศาลกล่าวได้ เมื่อสร้างแล้วท่านได้อาราธนาองค์พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ในนิพพานทั้งหมดมาบรรจุฤทธิ์ ท่านว่าเป็นงานใหญ่ขององค์พระเบื้องบน ต้องทำกันหลายคราวหลายวาระ ซึ่งท่านเองต้องเลือกเวลาเสกเก็บมาตั้งแต่ฤกษ์สุริยุปราคา จันทรุปราคา ฤาษ์ขึ้นปีใหม่ เสาร์ห้า ผ่านมาเรื่อยๆต้องทำและเก็บครบทุกฤกษ์พิธี

    พระดวงธรรมบันดาล(จอมครุฑเหิรระเห็จ) พ่ออาจารย์ว่ามีอานุภาพมากกว่าองค์ครุฑสุเรนทรชิตที่เคยทำไว้เดี่ยวๆมากนัก เพราะเชิญและประจุในภาคส่วนของรูปองค์ครุฑเหมือนกัน หากแต่ว่าได้กำลังของคตไข่นกที่ประจุรองรับเเละผลักดันได้ดีมากขึ้น ท่านว่าไม่ต้องกล่าวอะไรเลยเพราะเป็นพระประจำโคตรวงศ์ ตกอยู่ที่ใดใช้ได้สืบลูกสืบหลานคุ้มครองไปได้เจ็ดชั่วคนท่านว่าครุฑเจ้าฟ้าเมื่อเหิรแล้วย่อมไม่ลงต่ำ ครูท่านตั้งชื่อนี้เพราะท่านต้องการประสิทธิ์มงคลและวิชาเอาไว้ อยากให้เจ้ารู้ว่านับแต่นี้ต่อไปชีวิตเจ้านั่นจะไม่ต่ำลงอีกเจ็ดชั่วชีวิต


    * พ่ออาจารย์ท่านว่าพระผงรุ่นนี้ดีที่สุดในสายฤทธานุภาพตั้งแต่ได้สร้างพระเครื่องมา ท่านว่าให้อธิบายเขาคร่าวๆพอเข้าใจ จะรับไว้บูชาอาราธนาอย่างไรก็สุดแล้วแต่บุญสัมพันธ์ของเขา ว่าจะมีบารมีเก่าร่วมกับองค์พระหรือไม่ เพราะเสด็จพระใหญ่ท่านเลือกเจ้าของไว้ทุกองค์

    คาถาบูชา
    พุทโธ ธัมโม จะปัจเจกะพุทธา สังฆาจะสามิกา ทาโสวา หัสสะมิง เมเตสัง คุณังฐาตุสิเรสะทา ติสะระณัง ติลักขะณูเปกขัง นิพพานะมันติมัง สุวันเทสิระสานิจจังละภามิติวิธามะนัง ติสะระนังสิเรฐาตุ สิเรฐาตุ ติลักขะนัง อุเปกขาจะสิเรฐาตุ นิพพานังฐาตุเมสิเร พุทธาสุกรุณาวันเท ธัมเม ปัจเจกะสัมพุทเธ สังเฆจะสิรสาเยวะ ติติอุนิพพานะมามิหัง
    อาราธนาครุฑ มหิทธิกาสุปัณณาเย นาคะราชะ มะหัพพะเล คเหตวา ชินะเขตเตวะ ปักขันทิงสุนะเภ พะลา เตพุทธสรณา สทาโสตถิง กโรนตุโน สะทา
    ถ้าจะอาราธนาให้เป็นมหาเสน่ห์ ให้ภาวนาว่า อะเสทา ปะราชิตา นิทิสัง ปะรายันติอะเสสะโต
    ถ้าปรารถนาจะให้คนรัก ภาวนาว่า สัพเพชนา พหูชนา เมตตาสุขัง จะมหาราชัง ปิยังมะมะ
    ถ้าใช้ทางเจรจา ภาวนาว่า ทายะ ยะทา พุทโมนะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ
    ถ้าผจญกับอันตราย ขออาราธนาองค์พระคุ้มครอง ให้ภาวนาว่า พุทธะสังอิ

    * สำหรับผู้ที่จะบูชา ให้จองไว้ในPM ซึ่งองค์พระดวงธรรมบันดาลนั้นท่านเลือกให้เฉพาะคนที่ศรัทธาจริงๆ โดยท่านได้สร้างไว้ทั้งหมด 16 องค์ ก็มีผู้ขอบูชาตั้งแต่รู้ข่าวเมื่อวานไปแล้วบางส่วน โดยปัจจัยนั้นท่านจะนำไปสมทบบุญวิหารทานตามวัดในเขตต่างจังหวัดต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระดวงธรรมบันดาล(จอมครุฑเหิรระเห็จ) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1370797656-1-o.jpg
      1370797656-1-o.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91 KB
      เปิดดู:
      73
    • m2.jpg
      m2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.9 KB
      เปิดดู:
      99
    • 20101901022257.jpg
      20101901022257.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.7 KB
      เปิดดู:
      70
    • 928493-11ced.jpg
      928493-11ced.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.6 KB
      เปิดดู:
      67
    • SAM_4996.JPG
      SAM_4996.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      86
    • SAM_4998.JPG
      SAM_4998.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2023
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวัง (ขอทรัพย์พระปัจเจก)

    วิชาพระปัจเจกโพธิเจ้านั้น หลวงพ่อปานท่านได้เรียนมาจากครูผึ้ง ซึ่งเคล็ดจริงๆของคนที่จะใช้ขึ้นเลย พ่ออาจารย์บอกว่าขึ้นอยู่กับการทำทาน ถ้าขยันทำทานมาก ชอบใส่บาตร ให้เงินขอทาน หรืออะไรที่เรายกจิตตั้งไว้ว่ามันเป็นทานบารมี ถ้าทำได้เพียงนี้ก็ถือวิชาขึ้นและจะให้ผลมาก

    ซึ่งวิชานี้คือวิชาทำคนให้รวย ทำให้ทรัพย์สินเพิ่มพูนนั่นเอง ซึ่งในส่วนของพระคาถาหลายๆท่านก็มักจะภาวนากันติดปากอยู่แล้ว แต่ว่าในตำรับการทำวิชานั้น เพียงแค่การลงคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ทั่วไป ท่านว่ายังไม่พอ ยังใช้ไม่ได้

    ทั้งนี้เพราะว่าโดยแท้จริงแล้ว ในส่วนของพระยันต์นั้นก็มียันต์เฉพาะอยู่ คาถานั้นเป็นเพียงบทเสกเท่านั้น หรือมีไว้เพื่อให้คนภาวนา เมื่อจะทำวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์หรือที่ท่านเรียกว่าตะกรุดพ่อสมหวัง(ขอทรัพย์พระปัจเจก)ให้สำเร็จบริบูรณ์ขึ้นนั้น ท่านว่าทั้งสองต้องสอดคล้องกันทั้งยันต์และพระคาถา

    พ่ออาจารย์ท่านได้เชิญครูผึ้ง ครูผู้สอนวิชานี้ถวายแด่หลวงพ่อปานมาถามเคล็ดวิชาและสิ่งที่ท่านสงสัยว่ามันจะยังขาดไปในการลงวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ ซึ่งท่านได้รับการแนะนำต่างๆ รวมไปถึงตัวอักขระยันต์ที่ต้องลงจารเป็นหัวใจของตะกรุดขอทรัพย์พระปัจเจกนี้ด้วย

    ซึ่งท่านว่ามันเต็มแล้ว นั่นคือส่วนที่ขาดที่พร่องไปที่มันมากกว่าเรื่องของการบริกรรมแต่ต้องใช้พระยันต์ที่เป็นหัวใจจริงๆของวิชาที่ท่านไม่รู้ ท่านจึงได้รู้และรู้ว่าต้องทำเช่นไร นั่นจึงเป็นสิ่งที่ท่านกล่าวว่ามันเต็มแล้วคือครบถ้วนบริบูรณ์แล้วนั่นเอง

    เมื่อท่านเรียนได้ ท่านก็ลงตะกรุดขอทรัพย์พระปัจเจกไว้ โดยเอาไปให้ขอทานบ้าง ให้แม่ค้าขายอาหารบ้าง ให้ร้านขายวัสดุก่อสร้างบ้าง ให้โรงงานทำน้ำแข็งบ้าง ท่านว่าที่สังเกตุได้เลยที่ให้ไปนี้ต่างอาชีพกันทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่าทุกคนมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหมด คือดีขึ้น เจริญจนถึงขั้นมั่งคั่ง แม้แต่ขอทานก็ยังได้รับแบงค์ห้าร้อยและแบงค์พันจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ยิ่งกว่านั้นที่ได้ปลื้มคือแม่ค้าขายอาหารก็เสี่ยงโชคถูกเป็นว่าเล่น อีกเจ้าของธุรกิจทั้งสองไม่ว่าจะเป็นขายวัสดุหรือโรงน้ำแข็ง จากเสี่ยโรงงานกลับกลายเป็นเจ้าสัวในไม่นาน ทุกคนดีใจและเอาเงินมาตอบแทนท่าน แต่ท่านก็ปฏิเสธที่จะรับไว้ ได้แต่แนะนำไปเพียงว่าถ้าอยากจะมีมากกว่านี้อีก ให้นำปัจจัยไปตักบาตร ทำทานต่างๆตามวาระและโอกาส แผ่เมตตานึกถึงคุณพระปัจเจกโพธิเจ้า คุณครูผึ้ง คุณหลวงพ่อปาน

    เมื่อกาลเวลาผ่านไป ท่านก็ไม่ได้ทำตะกรุดขอทรัพย์พระปัจเจกอีกเลย โดยตัวท่านเองบอกแต่เพียงว่าต้องระงับไว้ก่อน ข้างบนนั้นเค้าให้ชั้นรอของบางอย่างอยู่ จวบจนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่ท่านได้รับนิมิตรว่ามีพระปัจเจกโพธิธาตุ ขององค์พระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่าปิยทัสสี ได้เสด็จมาอยู่ในถาดแก้วของท่าน เมื่อไปสำรวจดูจึงพบพระธาตุขนาดเล็กต่างลักษณะ ที่ใสก็มี ขุ่นมัวก็มี สีดุจน้ำผึ้งก็มี ท่านได้แต่อุทานว่าดีมาก ดีมากๆ ของครบแล้ว ผู้บูชานอกจากจะมีทรัพย์มาก ยังจะมีทุนรอนเป็นของเค้า แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้าอันทรงพระนามว่าปิยทัสสีนี้ประดิษฐานอยู่กับผู้ใด ผู้นั้นจะมีทุนรอนมากแม้ได้ทำทาน ด้วยปัจเจกพุทธานุภาพก็ไม่ต่างจากทำกับพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย

    หลังจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้ลงตะกรุดพ่อสมหวัง(ขอทรัพย์พระปัจเจก)ขึ้น โดยแต่เดิมนั้นท่านได้เพียรจารลงในแผ่นตะกั่ว แต่เมื่ออธิษฐานจิตแล้ว ท่านว่าพระเบื้องบนท่านไม่โปรด ท่านให้ใช้โลหะสีทองจะเหมาะสมกว่า ท่านว่าจุดนี้ไม่อยากจะพูดเลย เอาเป็นว่าท่านต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยแผ่นตะกั่วนั้นท่านได้นำมาเก็บไว้เป็นชนวนหล่อหลอมเครื่องมงคลต่อไป ซึ่งก็เท่ากับว่าท่านทำตะกรุดนี้สองวาระจึงสำเร็จนั่นเอง

    เมื่อจะลงในแผ่นทองเหลืองนั้น ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อปานให้ลงบทเสริมสิริกับตัวบทคาถาที่ช่วยให้ความหวัง ความปรารถนาของคนอธิษฐานเป็นจริงด้วย ท่านจึงเสริมพระคาถาบทเต็มลงไปอีกสองบทรวมกับคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์เป็นสาม ล้อมรอบหัวใจพระยันต์ตะกรุดขอทรัพย์พระปัจเจกโพธิเจ้าตามตำรับเดิมที่ท่านได้จากนิมิตร

    ตะกรุดขอทรัพย์พระปัจเจกนี้ท่านว่าพิเศษกว่าครั้งที่แล้วเพราะครูท่านเมตตาเจาะจงให้เพิ่มในส่วนของตัวสิริและตัวสมหวังลงไป ที่ว่าพิเศษนั้นเพราะหากร่างของผู้ใดมีสิริสถิตย์อยู่ผู้นั้นทำอะไรก็สำเร็จง่าย เห็นทรัพย์ง่าย ร่ำรวยไว อย่างอนาถปิณฑิกะเศรษฐีนั่นอย่างไร มหาเศรษฐีทั้งหลายล้วนแต่มีสิริสถิตย์อยู่ในร่างกายตนเองทั้งสิ้น จึงอาจกล่าวได้ว่าสิรินั้นเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์โภคสมบัติและความเจริญทั้งหลาย

    ในส่วนของความสมหวังนั้นก็เป็นเรื่องของอธิษฐานบารมีที่เราจะขอกับตะกรุดกับองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าท่าน แต่ตัวนี้คือเสริมไว้ด้วยอาคมอีกวาระหนึ่ง เพราะคาถานี้จะช่วยให้ขออะไรก็สมปรารถนาทั้งสิ้น ท่านว่ากล่าวแต่เพียงเท่านี้ พูดมากไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของปัจเจกพุทธองค์ท่านจะสงเคราะห์สัตว์โลกดีกว่า

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงจารและเสกกรึงตะกรุดแล้ว ท่านได้นำพระปัจเจกธาตุลงมาบรรจุในตะกรุดทุกดอก ซึ่งธาตุแก้วพระปัจเจกนี้มีขนาดเล็กนัก ท่านจึงได้นำสีผึ้งมนต์เศรษฐีเรือนนอกเศรษฐีเรือนในมาอุดไว้ที่หัวท้ายตะกรุด เพื่อให้ธาตุพระปัจเจกนั้น ติดยึดอยู่กับสีผึ้งไม่คลอนหรือหลุดร่วงแต่อย่างใด

    โดยการทำเช่นนี้ท่านว่าเสริมอานุภาพมากขึ้นกว่าของเก่าที่เคยทำยิ่งนัก เพราะต้องรอวาระทำได้เฉพาะกาลและโอกาส เมื่อได้เเล้วท่านต้องลงวิชาเลือกเสกเก็บแต่ในฤกษ์เศรษฐีฤกษ์ที่ดีมีมงคล หลังจากนั้นจึงเชิญเสด็จพระใหญ่และครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาร่วมกันลงวิชาอีกหนหนึ่ง

    ตะกรุดพ่อสมหวัง (ขอทรัพย์พระปัจเจก)นี้ เป็นตะกรุดที่ทำได้ยากเพราะต้องทำในวาระที่สมควร ท่านทำไว้ทั้งหมด 16 ดอก โดยได้อธิษฐานจิตมาร่วมสามปีจนเห็นว่าช่วงนี้คนเดือดร้อนกันมาก จึงได้นำออกมาให้บูชา ต้องกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ท่านได้ทำตะกรุดที่บรรจุพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า โดยพุทธคุณนั้นท่านว่าก็ตรงตามชื่อเลยไม่เกินเลยมากกว่านั้น ก็คือพ่อสมหวังนั่นเอง ตะกรุดนี้ท่านว่าใครบูชาไปให้ไว้เป็นทุนรอนของชีวิต ใช้เรื่องทุนทรัพย์ความมั่นคง จะดีมากขึ้นเพียงไหนก็อยู่ที่อุปนิสัยเราด้วย ถ้าขยันตักบาตร เป็นคนชอบทำทานเช่นนี้ยิ่งเจริญเร็วกว่าคนปกตินัก

    คาถาบูชา(ท่านให้ใช้คาถาเงินล้านได้เลย)
    (ตั้งนโม 3 จบ) สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ(คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม(คาถาเงินแสน)
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ(คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ(คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ

    * ตะกรุดพ่อสมหวัง (ขอทรัพย์พระปัจเจก)มีทั้งหมด 16 ดอก ท่านที่ต้องการบูชา ให้ขอบูชาเข้ามาใน PM เท่านั้น ปัจจัยที่ได้ท่านจะเข้าโรงทานและบริจาคข้าวสารให้กับพระเถระที่อยู่ในชนบทต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวัง (ขอทรัพย์พระปัจเจก) 1,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2022
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา หัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพ(ปลิงทองดูดพลัง อิ่นม้าบ้ารัก)

    เนื่องจากมีหลายสาเหตุที่ท่านได้สร้างหัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพขึ้นมา โดยประการแรกนั้นเพราะท่านว่าศิษย์ทั้งหลายจะได้มีครู และองค์พระฤาษีอิศวรมุนีภพก็เป็นบรมครูใหญ่จะละเลยท่านไม่ได้ แล้วก็มีเสียงเรียกร้องให้ท่านทำเศียรครูเสน่ห์ขึ้นมา ซึ่งท่านว่างานนี้ก็ตรงจุดแล้วเพราะครูท่านคือครูพระสยม เรื่องเสน่ห์ถ้าเป็นครูเทพในปางพระอิศวรมุนีภพนี้ ท่านว่ากินขาด

    พระอิศวรมุนีภพนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นหนึ่งในบรมครูสูงสุดของจักรวาล เป็นปางที่องค์พระสยม(ศิวะเจ้า)ได้แบ่งพระภาคออกมา เพื่อทำพรตโยคีสร้างสมตบะกรรมของพระองค์ จะเรียกว่าเป็นปางที่เป็นต้นตอของอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ทั้งหมดขององค์พระศิวะก็ได้ เพราะฤทธิ์เหล่านั้นล้วยเกิดจากการปฏิบัติโยคะของพระเป็นเจ้าสูงสุดทั้งสิ้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมนี้ท่านชอบที่จะบำเพ็ญพรต เข้าตบะกรรมโดยวัตรปกติของท่าน แต่เป็นเรื่องแปลก ทั่วทั้งตรีโลกนี้ หากมีสตรีใดได้เห็นองค์พระอิศวรมุนีภพ แม้จะเป็นในสภาพโยคีถือบวช ไม่ว่าสตรีนั้นจะเป็นนางฟ้า มนุษย์ ธิดากษัตริย์ หรือแม้แต่โยคินีที่ถือบวชวางจิตอยู่ในญาณอุเบกขา ก็จะเกิดอารมณ์กำหนัด ถึงขั้นที่ว่าแม้มีสามีอยู่แล้วก็ยอมละทิ้งได้ เพลิดเพลินและชื่นชมไปกับรูปโฉมของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเองพระองค์ก็ไม่ใช่จะรับรักใครง่ายๆ เพราะว่าพระองค์จะรักเฉพาะผู้ที่เข้าถึงพระองค์ด้วยศรัทธาและความรักที่บริสุทธิ์เท่านั้น

    จนมองเป็นเรื่องปกติไป เมื่อพระองค์นิรมาณกายออกมาอยู่ในปางของพระอิศวรมุนีภพเมื่อไรเป็นได้เรื่องทุกครั้ง แม้จะมาเพื่อทำการปราบอสูรก็ยังมิวายจะทำให้สตรีทั้งหลายหลงใหลไปกับพระสิริโฉมในพระองค์นั้น พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาแล้วเห็นดีว่าควรจะทำไว้เสียหนหนึ่งเพราะเป็นเศียรสำคัญ เวลาห้อยอยู่ในคอก็เสมอด้วยได้ครอบหัวพระอิศวรมุนีภพไว้เหนือเกล้าเหนือศรีษะตลอดเวลา ด้วยว่าครูองค์นี้มีเดชมากให้คุณให้ประโยชน์ได้มาก ครอบหัวท่านไว้จะได้มีเสน่ห์ใครเห็นก็รักก็ชื่นชมในตัวเราดุจบรรดาสตรีทั้งหลายชื่นชมองค์พระอิศวรมุนีภพนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเค้ารักเรา เมตตาเรา จะทำงานอะไรก็ง่ายไปหมด จะค้าขายหรือด้วยว่าจะเจรจาอย่างไร อุปเท่ห์เล่กลมากมายตามวิสัยมนุษย์ก็สุดแต่ใจเถิด เอาไปใช้ให้เกิดสิ่งที่ดีงามเท่านั้น

    เมื่อท่านพิจารณาได้ดังนี้ จึงได้แกะแม่พิมพ์ขึ้น และได้นำผงวิภูติที่ท่านได้สะสมไว้ อันเป็นผงที่เสด็จมาเองปรากฏขึ้นตามฐานตามพิธีเวลาท่านไว้ครูองค์พระสยมภูวญาณ ผงนี้พ่ออาจารย์ว่าถ้าจะเอาว่ายอดขลังก็เป็นที่สุด เพราะเป็นผงเทพประทาน ท่านนิรมิตรให้ ด้วยว่าผงวิภูตินั้นเป็นเถ้าที่พระองค์ทรงโปรดนำมาทาตามพระวรกาย ไม่มีสิ่งใดที่จะมีคุณเช่นนี้อีกแล้ว ใช้สร้างพระรูปเพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงกันได้ดีทีเดียว เมื่อได้ผงวิภูติหรือผงเทพเสด็จนั้นท่านได้นำมานวดกับผงอิทธิเจเตียงหัก ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่พวกปั่นสามล้อและวินมอเตอร์ไซด์สมัยก่อนเรียกกัน ผงอิทธิเจชุดนี้เป็นผงที่ท่านลบผงและนวดผงในระยะแรก โดยท่านใช้น้ำตาปลาพะยูนผสมเป็นน้ำนวดก่อนจะเขียนผง ซึ่งน้ำตาปลาพะยูนนี้เชื่อกันว่ามีอำนาจรุนแรงดุจน้ำมันพรายแต่ไม่ใช่ของต่ำของผี เมื่อได้ผงสำเร็จแล้วท่านก็นำมาใส่ซองแจกคนตอนนั้น ท่านว่าแค่ละอองหนึ่งก็มีค่ามากแล้ว ตอนนั้นเราเองไม่รู้ค่าก็เลยแจกไปคนละถุง พวกปั่นสามล้อขับวินได้ไปเอาไปตั้งชื่อกันเสียว่าอิทธิเจเตียงหัก เพราะพุทธคุณก็ตรงตามชื่อที่เค้าตั้ง เดือดร้อนคนมีลูกเมียแล้วต้องเอาผงมาคืนท่านจึงได้รู้เรื่องว่าเค้าไปตั้งชื่อกันแบบนั้น หลังจากนั้นผงชุดนี้ท่านก็เก็บมาตลอดไม่เคยนำผงมาผสมกับอะไรเลยเพราะว่ากลัวจะมีเรื่องแบบหนนั้นเกิดขึ้น

    เมื่อท่านคิดจะทำเศียรครูองค์พระอิศวรมุนีภพนั้น ท่านได้รวบรวมว่านยาต่างๆเพื่อมาบดนวดเข้ากับผง ทั้งว่านดอกทองทั้งตระกูล เสน่จันทร์ทั้งตระกูล ช้างผสมโขลง ว่านมหาเสน่ห์ รักซ้อน เครือเถาหลง ว่านสามกษัตริย์ ว่านเสน่ห์ขุนแผน เครือร้อยปลา และอื่นๆที่ท่านรวบรวมไว้ บดผสมนวดเข้ากับน้ำมันช้างผสมโขลงและสีผึ้งกาตอมซาก

    โดยการสร้างหัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพนั้น ท่านได้มีนิมิตรถึงครูพระสยมที่ได้เคยเมตตามาสอนวิชาท่านไว้วิชาหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าศิวะมายา ท่านจึงได้ลงจารจรดแผ่นทองแดงลงจารตะกรุดศิวะมายาขึ้นเพื่อเป็นแกนกลางฝังไว้ในเศียรนี้ พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าตะกรุดศิวะมายานั้นมีความสำคัญมากดุจเป็นแรงและกำลังขององค์พระศิวะเจ้าก็ไม่ปาน วิชานี้ว่าด้วยฤทธิ์ทางมายาศาสตร์ของพระศิวะ ที่ว่าทุกสิ่งนั้นล้วนแต่เกิดจากการสรรค์สร้างของพระองค์ มีพระองค์สถิตย์อยู่ในทุกห้วงสรรพสิ่ง สามารถเป็นได้ทุกอย่างและแปรผันแปรเปลี่ยนได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสถานการณ์หรือรูปนามใด ในอดีตปัจจุบันและอนาคต ถ้าพระองค์ทรงโปรดให้เป็นเช่นใดก็จะเป็นตามพระประสงค์นั้น ตะกรุดศิวะมายานี้จึงมีอานุภาพมาก ที่ว่ามากเพราะเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพด้วยพระผู้เป็นเจ้า ปกติวิชาเอกเช่นนี้ ไม่มีใครเค้าเรียนแล้วนำมาทำกันนัก เพราะเค้าจะหวงไว้เป็นสมบัติเป็นของส่วนตัว ถือว่าฟ้าท่านให้ท่านประทานให้เฉพาะคน แต่ท่านว่าเอาเถิดไหนๆทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าไม่ใช้วิชาของท่านมาสร้างรูปท่านแล้วจะไปรออะไร ใช้อะไร ทำประจุไว้เวลาเค้าปรารถนาอะไรจะได้ไม่เกินกำลังของเค้า ใช้ได้ทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องเสน่ห์เมตตาความรักนั้นถือเป็นของง่ายทีเดียวเพราะศิวะมายานั้นคือสร้างและกำหนดขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีก็ต้องมี จากมีเป็นไม่มีก็ย่อมได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ทั้งสิ้น ท่านว่าเอาไว้ขอไว้ใช้อธิษฐานก่อนลงมือกระทำการณ์และกิจทั้งหลายจะได้สำเร็จผลงดงาม

    ในส่วนของมวลสารสำคัญที่ขาดไม่ได้และของที่มีอิทธิคุณแฝดซึ่งท่านใช้ฝังด้านหลังนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้พิจารณาถี่ถ้วนแล้ว โดยตัวท่านนั้นมักจะนิยมชมชอบที่จะนำคตปลิงของเจ้าปู่ชัยพรหมมาพกติดตัวท่านเสมอ ท่านว่าปรารถนาสิ่งใดก็ตั้งจิตไว้นึกรูปนึกสิ่งที่ต้องการไว้ นึกให้ปลิงเค้าช่วยดูด เดี๋ยวได้เดี๋ยวมาเองสำเร็จเอง ดูดได้ทุกเรื่องทุกอย่าง เพราะเค้าเกิดมาแล้วกลายเป็นคตด้วยการเข้าแฝงของกายสิทธิ์นี้ก็เพื่อสร้างบารมีเช่นกัน ดังนั้นจึงอยากให้คนสำเร็จมากช่วยเหลือคนได้มากนั่นเอง ท่านจึงนำคตปลิงสี่ตัวที่ท่านไม่ได้ใช้งานมาพลีบอกกล่าวเค้าบอกเค้าว่าต้องการให้มาทำงานนะ ให้ออกไปช่วยคนไปทำความฝันความปรารถนาเขาให้สำเร็จ ให้ดูดสิริมงคลโชคลาภและสิ่งที่เขาต้องการให้กับเขาก่อนที่จะบดเป็นผง เพื่อสร้างองค์คุรุเทพอิศวรมุนีภพนี้ คตปลิงจึงเป็นมวลสารสำคัญที่จะขาดไม่ได้ ท่านว่าอยากจะทำให้ใช้ทุกคน จะได้รู้ว่าดูดได้จริงทุกอย่าง ท่านพูดเพียงว่าเอาไปนะ เอาไปใช้ให้ได้ดีให้มีกำลังใจ อย่าลืมทำบุญอุทิศถวายแก่ธาตุกายสิทธิ์และเทพในวงศ์โพธิสัตว์ที่มาถือกำเนิดเป็นคตปลิงด้วย

    ท่านว่าไม่เคยเจอเครื่องมงคลอะไรที่จะมีอานุภาพพลังดูดได้ทุกสิ่งเช่นนี้ แต่ว่าไม่ต้องกลัวไม่มีภัยอะไร อย่าไปใส่ใจว่าจะมีอันตรายเพราะเทพท่านไม่ทำอันตรายหรือให้ร้ายคนแน่นอน ปรารถนาจะให้ท่านดูดสิ่งใด ไม่ให้ท่านดูดสิ่งใดก็บอกกล่าวท่านว่าพ่อครูอิศวรมุนีภพเจ้าขา พ่อช่วยลูกด้วย จะดูดสิ่งใดอย่าดูดอะไรก็ว่าไป จะให้มีพลังทางเสน่ห์เป็นเอกดึงดูดใครก็อธิษฐานใจเอา

    เมื่อท่านสร้างและผสมนวดมวลสารลงตัวแล้ว ท่านก็กดพิมพ์ออกมาแม้เราจะทักว่าหย่อนงามไปหน่อย ท่านก็แย้งว่าเอาเพียงเท่านี้ ไม่รู้จะทำไปอวดใคร ไม่ต้องสวยเช่นนี้แหละ เราเอาแค่ว่าขลังมากเท่านั้นพอ เพราะมวลสารหลายอย่างมารวมกัน เนื้อพระมันก็ไม่เป็นไปดั่งใจเราทุกครั้งหรอกจะเนียนบ้างหยาบบ้างจะกำหนดอะไรทำไมเพราะเราใช้เนื้อมวลสารล้วนๆมาสร้างมาทำ ท่านว่าพอกดขึ้นมาแต่ละองค์นั้นเหมือนกดหัวคน มีชีวิตทุกหัว กดเสร็จต้องจับต้องปั้นทีละหัว รู้สึกไม่ต่างจากการทำหัวครูครอบเลย ไม่ใช่กดๆวางๆก็จะเสร็จไป

    เมื่อท่านสำหัวครูนี้ ด้านหลังท่านได้ทำเครื่องมงคลสองสิ่งฝังลงไปด้วย
    - อิ่นม้าบ้ารัก สำคัญนัก เพราะท่านทำขึ้นและแกะขึ้นจากไม้มะเขือบ้า ต้นที่ท่านปลูกเองเลี้ยงเองอ่านมนต์เสน่ห์ทำน้ำรดของท่านทุกวันจนเติบใหญ่ ท่านว่าไม่เขือบ้านี้คนสมัยก่อนนิยมเอามาทำของขลังทางเสน่ห์แต่ก็หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน อย่างมากก็ได้แต่ใช้ผงของมันผสมทำพระ ท่านว่าถ้ามาทำของเสน่ห์นี่แรงนักกว่าว่านกว่าไม้ใดๆ ด้วยมะเขือก็เป็นชื่อเรียกกลายๆของเครื่องเพศชายอยู่แล้ว มะเขือบ้ายิ่งเข้าไปใหญ่ตีความหมายกันเอาเองว่าร้อนแรงเพียงใด บ้ารัก บ้าพิศวาสร้อนแรงยิ่งกว่าอะไร ท่านจึงนำมาแกะเป็นอิ่นม้าแช่ไว้ในน้ำมันว่านเสน่ห์จันทร์ปลุกเสกเรียกรูปเรียกนามใส่วิชาอิ่น ท่านว่าอิ่นม้านี้ทางฝั่งเหนือนิยมมากและเชื่อว่าเป็นอิ่นตัวที่แรงที่สุด ไม่ใช่จะดีทางเสน่ห์ แต่ครอบจักรวาลหมดเลย ทั้งการเข้าหา เจรจา เป็นมหานิยม ใช้ทางค้าขาย โชคลาภได้ดั่งใจนึก ทั้งยังกันของกันคุณไสยกันกระทำในตัวของมันเองกันเดรัจฉานวิชาฝ่ายต่ำลมเพลมพัดด้วย ท่านว่าทำยากนั่งแกะไปก็เรียกรูปเรียกนามไป ถ้าจะใช้ทางเสน่ห์ให้ตนเองเป็นจุดสนใจดูโดดเด่นท่านว่านี่ก็สุดๆไปเลย ม้าตัวนี้คึกมากแต่ไม่พยศ ยิ่งทำมาจากไม้มะเขือบ้าที่เลี้ยงดูโตขึ้นจากมนต์มหาละลวย มหาเสน่ห์ล้วนๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านจึงตั้งชื่อให้ว่าอิ่นม้าบ้ารัก ตามที่ครูท่านเคยสอนว่าถ้าใช้ไม้เขือบ้าทำอิ่นนั้น รักแรงขนาด
    - ปลิงทองดูดพลัง ท่านว่าทำไว้ให้เห็นเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่ารุ่นนี้มีคตปลิง มีเทพโพธิสัตว์ได้พลีร่างกายท่านถึงสี่องค์เพื่อมาเป็นมวลสารสร้างพระขึ้น จะได้เห็นและระลึกรู้ไว้ไม่ลืมกัน ซึ่งท่านก็ได้นำตะกั่วอวนเจ้าสมุทรมาลงอักขระเวทย์วิชาดูดทรัพย์ดูดบารมี ก่อนหล่อหลอมขึ้นมาเป็นปลิงทองดูดพลัง ก่อนจะลงจารกำกับใต้ท้องปลิงไว้ และที่สำคัญท่านนำคตปลิงตนครูของเจ้าปู่ชัยพรหมที่ท่านใช้อยู่ จับมานั่งเสก นั่งถ่ายพลังทีละตน จนท่านเห็นว่าพอแล้ว มีพลังเสมอกันไม่ต่างจากคตปลิงตัวครูเลยท่านจึงหยุด ซึ่งขั้นตอนนี้แม้จะดูว่าง่ายแต่กินเวลานับขวบปีทีเดียว จึงเป็นสาเหตุให้เครื่องมงคลนี้มีอานุภาพมาก มีพลังดูดที่แรงกล้าพอจะสนองความต้องการของคนใช้ได้

    คาถาบูชา
    โอม สะวะยัมภูวะ นะมัส
    โอม บะรมเดวา นะมัส


    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างหัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพ(ปลิงทองดูดพลัง อิ่นม้าบ้ารัก)ไว้ทั้งหมด 16 องค์ ปลุกเสกมนานหลายปี จนมีผู้มาขอบูชาไปจำนวนหนึ่ง ท่านก็พิจารณาให้ตามวาระไปจนเหลือเพียง 9 องค์เท่านั้น ซึ่งท่านได้เก็บไว้ไม่ยอมให้ใครอีก เพราะท่านว่าปู่เขาเลือกคน ในวาระนี้ท่านจึงได้นำมาออกให้ร่วมทำบุญกันด้วยว่าจะรวบรวมปัจจัยเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กในชนบท

    * สำหรับผู้จะจองนั้น รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ให้แจ้งชื่อนามสกุลมาด้วย เพียงสองอย่างแค่นั้น พ่ออาจารย์ท่านจะนำมาเจิมหมึกทองบอกกล่าวครูพระอิศวรมุนีภพตลอดจนกายสิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ภายในให้อีกวาระหนึ่ง


    ร่วมทำบุญบูชา หัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพ(ปลิงทองดูดพลัง อิ่นม้าบ้ารัก) 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ (ซุ้มกอสะดุ้งกลับ โพธิ์เก้า)

    เป็นประสงค์ของพ่ออาจารย์ที่ท่านตั้งใจจะสร้างพระพิมพ์ขึ้นบูชาครูเสียหนหนึ่ง โดยตั้งใจว่าจะทำให้ดี ใช้มวลสารของครูมาทำ เชิญครูลงมาเมตตาอธิษฐานจิตให้ ซ้ำยังเป็นการสร้างพระพิมพ์ที่ได้ชื่อว่าทำได้ยากที่สุดอีกวาระหนึ่ง

    พระพิมพ์นี้เรียกว่าพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ หรือจะเรียกว่าสะดุ้งกลับโพธิ์เก้าก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าพระพิมพ์นี้จะมีปาฏิหาริย์มาก มีฤทธิ์มากและมีคุณครอบทุกทาง ซึ่งท่านใช้เวลาอธิษฐานจิตและเชิญครูลงปลุกเสกนานมาก

    ท่านไม่ให้บอกอะไรที่เรียกว่ามากเกินไป ให้พูดแต่เพียงคร่าวๆพอเข้าใจเท่านั้น โดยแรกเริ่มนั้น ท่านได้นิมิตรเห็นประชาชนเดือดร้อนทุกข์ยากเป็นกำลัง และเหล่าพระเบื้องบนตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาสงสารจับใจ จึงได้ปรารภกับท่านว่า พวกเราจะช่วยกันแผ่เมตตา เอาความกรุณานี้ชำระล้างทุกข์เข็ญที่จะปรากฏขึ้นช่วยกันทำเสียหนหนึ่ง ในภายหลังท่านก็ได้รับสื่อต่อลงมาว่า อยากให้ท่านช่วยสร้างพระพิมพ์ ซึ่งพระพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์สำคัญต้องเป็นท่านเท่านั้นถึงจะทำให้สำเร็จได้ โดยต้องทำตามอาถรรพ์แห่งคุณวิชา เอาไว้ให้เป็นขวัญกำลังใจแก่สัตว์ผู้ยากในภายหน้า

    พ่ออาจารย์ท่านจึงเริ่มบูชาครูแกะแม่พิมพ์ บอกกล่าวครูบาอาจารย์ให้ท่านช่วยเหลือ แฝงครูลงมาช่วยกันสร้างให้รูปแบบพิมพ์ทรงออกมาเป็นเช่นที่ครูต้องการ ท่านว่าพระพิมพ์นี้ให้คุณถึงสามสถาน ดุจมีพระซุ้มกอบูชาไว้ มีพระเศียรโล้นสะดุ้งกลับบูชาไว้ มีพระปรกโพธิ์เก้าใบบูชาไว้ในองค์เดียวกัน

    พระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์นั้น พ่ออาจารย์ท่านใช้มวลสารเดิมของบูรพาจารย์มาเป็นธาตุตั้งต้นในการทำ เพราะท่านอาศัยอำนาจจิตของบูรพาจารย์เหล่านั้นให้กำเนิดก่อเกิดสิ่งดีงามซึ่งทรงคุณวิเศษ โดยท่านกล่าวว่าเดินตามรอยเท้าครูนั่นเอง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์นั้น เป็นพระพิมพ์ที่มีคุณวิเศษอยู่มาก พอจะจำแนกให้เห็นได้ ดังนี้
    - พุทธลักษณะพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับนั้น เป็นการสร้างพระพิมพ์ที่สร้างได้ยากกว่าปกติ อันนี้พูดถึงพระพุทธคุณภายใน ไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์ การทำพระพิมพ์นี้ต้องสำเร็จด้วยวิทยาคมขั้นสูงจากผู้อธิษฐานจิต เหนือกว่าพุทธาคมธรรมดา หากผู้สร้างกระแสจิตไม่เข้มแข็ง ถ้าทำตามหลักคุณวิชาแล้ว จะเสียจริตไปทันที กล่าวคือถ้าเสกไม่เป็นคนเสกเป็นบ้าได้เพราะต่างจากการทำพระธรรมดา โดยการอธิษฐานจิตนั้นจะใช้บทพระคาถายอกย้อนถอยหลังขึ้นต้น แล้วฐานกำลังการปลุกเสกการแผ่กระแสจิตก็ยังไหลยอกย้อนเสมอด้วยบทพระคาถาเช่นกัน จึงเหนือและต่างจากการอธิษฐานธรรมดา ดังนั้น พุทธคุณของพระเศียรโล้นสะดุ้งกลับนั้นจึงแรงกล้ายิ่งนัก เหนือกว่าวิชามหาสะท้อนหรือเพชรกลับใดๆหลายเท่า พ่ออาจารย์ท่านว่า สามารถทำให้ผู้ครอบครองพลิกฟ้าพลิกดินได้ เปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ กลับเรื่องร้ายๆที่กำลังผจญอยู่ สถานการณ์แย่หรือวิกฤติ ให้กลายเป็นโอกาส เป็นเรื่องที่ดีได้ แม้ดวงตก มีทุกข์โทษภัย เคราะห์หามยามร้ายใดๆก็จะคลายสูญสิ้น ไม่ใช่ด้วยจะไปเบียดเบียนกฏแห่งวัฏฏะสงสาร แต่อาศัยพุทธานุภาพและแรงครู ส่งทุกข์โทษภัยเหล่านั้นกลับไปให้ไกลหมื่นโยชน์แสนโยชน์ * ดั่งพระองค์เจ้าอาทิตย์โอรสในเสด็จในกรมหลวงชุมพร ในคราวได้รับพระสะดุ้งกลับจากหลวงปู่บุญไป เมื่อพบปัญหาการเมืองในวาระเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นได้เข้าไปชี้แจงกับคณะราษฏร แทนที่จะถูกลงโทษ พระองค์กลับได้รับการสถาปนาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8(เหตุการณ์กลับร้ายกลายเป็นดีแบบไม่คาดคิด พลิกฟ้าพลิกดินแก้สถานการณ์วิกฤติ เป็นพุทธคุณที่จะแสดงออกแก่ผู้อาราธนา)

    - ปรกโพธิ์เก้าใบ ดั่งที่บอกไปแล้วแต่ต้นว่าพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์นั้น เป็นพระที่พ่ออาจารย์ท่านต้องการเดินขุมพลัง เน้นพุทธคุณทุกทางพร้อมกัน ตามมติครูบาอาจารย์เบื้องบนให้เหมาะแก่ยุคปัจจุบัน การอัญเชิญองค์พระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับเข้าประทับในซุ้มโพธิ์เก้าใบนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปกปักรักษาคุ้มครองไม่ทอดทิ้งกัน ของศิษย์และครู ซ้ำยังมีความหมายถึงความเจริญก้าวหน้า รุดหน้า ไม่อยู่นิ่ง แม้ได้อาราธนาบูชาก็จะพบความสุขร่มเย็น สมหวังในทุกๆสิ่ง

    - พิมพ์ซุ้มกอ สำคัญยิ่งนัก เพราะพ่ออาจารย์ท่านต้องการเน้นพุทธคุณพร้อมกันให้เหมาะแก่สภาวะการณ์ปัจจุบัน โดยท่านว่าพระกำแพงซุ้มกอนั้น ดีเด่นครอบจักรวาล ทุกคนรู้กันดีว่า มีพุทธคุณทางโชคลาภวาสนาสูงนัก ดั่งจารึกในลานทองว่ามีกูไว้ไม่จน แม้องค์ครูสมเด็จจะสถาปนาพระสมเด็จวัดระฆังยังต้องเอาดินกรุ เอาพระกำแพงซุ้มกอที่แตกหักมาเป็นมวลสารผสม จนพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมีอิทธิคุณดุจเดียวกัน คือใครมีกูไว้ไม่จนนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้มวลสารเก่าดั้งเดิม ของครูบาอาจารย์ที่ท่านรับสืบทอดมา นำมาผสมสร้างเป็นหัวเชื้อในการทำพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ครั้งนี้ พอจะยกตัวอย่างได้อาทิเช่น
    - ผงสมเด็จวัดระฆัง ขรัวโต เป็นผงที่พ่ออาจารย์ได้เคยนำออกมาใช้สร้างพระบ้างในบางวาระที่จะสถาปนาพระสำคัญๆเท่านั้น
    - ผงยาวาสนาจินดามณี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งท่านได้นำยาวาสนาทั้งแบบเม็ดยา และลูกประคำปราบหงสานำมาฝนขอเป็นชนวนมวลสารเข้ากับผงยาสำเร็จของหลวงปู่บุญที่เอาไว้ผสมทำพระเนื้อผงยาโดยเฉพาะอีกต่างหาก เพื่อจะนำลงมาผสมเป็นมวลสารในวาระนี้ ใครมีไว้ได้ชื่อว่ามีวาสนาอย่างยิ่ง
    - ผงพระพุทธคุณคาถาลบมือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งท่านได้รับมอบมาจากครูฆราวาสของท่าน โดยครูท่านกำชับไว้ว่า แม้จะผสมทำอะไร องค์พระนั้นมีพุทธานุภาพมาก ไม่ต่างจากที่หลวงปู่บุญท่านทำเอง
    - ผงทำพระ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิต เป็นผงที่ท่านได้รับสืบต่อมาซึ่งผงนี้คือผงที่หลวงพ่อกวย ได้ชักยันต์อักขระคาถาวิชาต่างๆลบถมไว้เพื่อนำมาผสมทำพระผงของท่าน พ่ออาจารย์ว่า พระรุ่นนี้มีพุทธลักษณะนั่งบัลลังค์โพธิ์เก้า จึงได้นำผงของหลวงพ่อกวยผสมทำพระด้วย เพื่อเป็นเกียรติแก่ครูบาอาจารย์
    - ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก เป็นผงที่สร้างชื่อทางสายนี้ พุทธคุณนั้นยิ่งใหญ่ครอบจักรวาลไม่ต้องกล่าวอะไรกันมาก
    - ผงคู่ชีวิต สายหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน
    - ผงวิเศษ 5 ประการ
    - ผงพุทธคุณนะหน้าทอง พระลักษณ์หน้าทอง
    - ผงพระสีวลีเร่งลาภ
    - ผงมนต์พระกาฬสะท้อนกลับ
    - ผงบทพระอิติปิโสธงชัย(ถอยหลัง)
    - ผงว่านสำคัญ 108 ชนิด
    - ผงกรุบางขุนพรหม
    - ผงดินก้นกรุและพระกำแพงซุ้มกอแตกหัก
    - น้ำทิพย์มนต์ธรรมชาติ ที่ผุดเองตามถ้ำและเศียรพระพุทธรูปต่างๆ

    เมื่อท่านได้ผสมมวลสารสำคัญต่างๆแล้ว จึงได้สถาปนาพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ ซึ่งในองค์พระนี้ท่านยังได้ฝัง เครื่องมงคลต่างๆลงไปเสริมอิทธิคุณด้วย อาทิเช่น
    - เหรียญหล่อพระคเณศแหวกม่าน ท่านตั้งใจสร้างและเสกเก็บไว้นานมากก่อนจะนำมาฝังพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์นี้ โดยท่านได้มีนิมิตรจากมหาคเณศหรือองค์พระมงคลมูรติ ให้ทำพระพิมพ์มหามงคลนี้ขึ้นมาเป็นกาลเฉพาะกิจ โดยปกติองค์พระคเณศวรนั้นถือเป็นตัวแทนแห่งความสำเร็จผู้ขจัดความขัดข้องทั้งปวงในกาลของทุกสิ่ง พระองค์มีหน้าที่เฉพาะที่จะทำให้ชีวิตคนไหลรื่นพบกับความสำเร็จหรือจะประทานอุปสรรคความขัดข้องให้เพื่อทดสอบกำลังใจ เมื่อพ่ออาจารย์สร้างเหรียญคเณศวรแหวกม่านนี้ ท่านบอกแต่เพียงว่า พี่ช้างท่านว่าปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่นี้สืบไปจะไม่มีอุปสรรคม่านควันของปัญหาความขัดข้องใดๆมากล้ำกรายผู้มีใจภักดีบูชา เป็นพระพิมพ์เฉพาะที่ท่านสร้างถวายในกาลวาระที่องค์ครูท่านต้องการจะแสดงอภินิหาริย์ปลดเปลื้องเคราะห์กรรมสัตว์ พ่ออาจารย์ท่านเห็นควรว่าน่าจะฝังไว้ในพระผงรุ่นสำคัญนี้ จึงนำเหรียญหล่อมาลงจารและอธิษฐานจิตบอกกล่าวเทวาธิเทพพระคเณศวรเป็นเจ้า ให้ท่านประทานความสำเร็จ ขจัดความขัดข้องในทุกสิ่งทุกกิจแก่ผู้บูชา
    - ตะกรุดขอลาภพระสีวลี เป็นตะกรุดดอกจ้อยที่พ่ออาจารย์ลงหัวใจและวิชาขอลาภพระสีวลีไว้ ด้วยว่าท่านต้องการให้พระรุ่นนี้มีครบรส เหมาะสมแก่ชีวิตคนในปัจจุบัน ท่านว่าเรื่องปัจจัยการดำรงค์อยู่เงินทองก็เป็นสิ่งสำคัญ โชคลาภนั้นควรจะพึงมีพึงรับตามวาระโอกาส ท่านจึงลงตะกรุดขอลาภพระสีวลีดอกจ้อยฝังเอาไว้ด้วย ท่านว่าคนเอาไปนี่นะ ถ้าเขารู้จักขอ เขาใช้เป็น อันนี้ถูกทางเลย หมั่นขอ แล้วจะได้ตามที่ขอ อย่าหยุดขอถ้ายังไม่ได้ นี่สำคัญนัก จะลาภใดๆก็ดีทั้งลาภผล โชคลาภ ลาภสัตว์สองเท้า(คู่ครอง) ลาภอันจะเกิดแก่สัตว์จตุบททวิบาท ต้องการสิ่งใดเพียรขอพรไปเถิดระลึกถึงพระสีวลีเถระเจ้าท่าน(พ่ออาจารย์ท่านว่ามันหนุนกัน พอขอเราก็สำเร็จเพราะมีพลังของมหาคเณศท่านเกื้ออยู่)
    - ตะกรุดพระเจ้าสะดุ้งกลับ
    วิชานี้เป็นวิชาสำคัญท่านลงใส่แผ่นตะกั่ว ท่านว่าเหนือกว่ามหาสะท้อนที่ใช้ๆกันทั่วไป เพราะคุณของวิชานี้เมื่อเสริมกับพระพิมพ์สะดุ้งกลับยิ่งเสมือนกับเร่งความแรงเพิ่มขึ้นอีกทวีคูณ อะไรที่มันไม่ดีไม่งามที่จะเข้ามาในชีวิตเรา เอาว่าเข้าไม่ถึงตัวเราก็แล้วกัน มีเหตุให้ต้องสะดุ้งกลับไป แม้ใครเค้าคิดไม่ดีกับเรา อยู่ดีๆเค้าจะสะดุ้งหวาดกลัวเวรกรรมขึ้นมาทันที เอาว่าไม่มีใครกล้าคิดร้ายปองร้ายเช่นนั้น
    - ตะกรุดคู่เปิดทาง เปิดวาสนา
    เป็นวิชาที่ต้องลงคู่กัน พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าชีวิตคนนั้น เกิดมาเป็นมนุษย์ได้ต้องบอกไว้ว่ามีทุน มีวาสนากันทุกคน แต่ทั้งนี้ใครจะมีกรรมมีสิ่งใดมาบดบังเบียดเบียน มันก็เป็นเรื่องกฏแห่งกรรมของชะตาสัตว์โลก วิชานี้เมื่อเราอาราธนาจะช่วยขจัดปัดเป่า เปิดทาง เปิดผลบุญอำนาจวาสนาให้เราเป็นวาระๆไป มีข้อห้ามอย่างเดียวคือห้ามหาย ต้องอาราธนาตลอด เช่นนั้นคุณแห่งวิชาก็จะเกื้อกูลเปิดทางให้เราตลอด เมื่อทางเปิดแล้วจงเร่งตักตวงสร้างคุณงามความดี อย่าเพลิดเพลินแต่การณ์คิดจะเสวยสุขฝ่ายเดียวก็พอ
    - แร่เหล็กไหลกลางทุ่ง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แร่นี้เป็นในส่วนของขี้เหล็กไหล ที่หลวงปู่บุญท่านเคยชี้จุดให้ศิษย์ฆราวาสไปขุดกลางทุ่งนครชัยศรี ครูฆราวาสของท่านนั้นเล่าว่าตอนขุดนี้มืดฟ้ามัวดินทีเดียว เป็นแร่ที่มีจิตวิญญาณรักษา อัญเชิญขึ้นมาได้ไม่มาก หลวงปู่บุญท่านได้นำมาอธิษฐานจิตในส่วนของพุทธคุณ มีบดผสมพระบางส่วน และที่เหลือท่านก็มอบให้ศิษย์ไว้สืบต่อมาจนตกทอดถึงพ่ออาจารย์ ท่านว่าแร่นี้มีพุทธคุณแรงมาก ทีเทพยดาเข้ารักษาทุกชิ้น เมื่อนำมาฝังแล้วเทพยดานั้นก็จะเข้าอารักขาพระพิมพ์ไปด้วย เมื่อจะขอจะอธิษฐานอะไรกับองค์พระ ให้ทำจิตให้นิ่งสงบ เพ่งจิตไปที่เม็ดแร่กลางอกหรือจะใช้ฝึกสมาธิก็ได้ จิตจะปลอดโปร่ง แม้อธิษฐานสิ่งใดก็สำเร็จโดยเทวานุภาพ
    - โรยแร่เทวาประสิทธิ์ทุกองค์


    พระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์นี้ พ่ออาจารย์ท่านสร้างตามมติครูบาอาจารย์ เมื่อจะเสกท่านก็ได้เชิญครูนอกจากเสด็จพระใหญ่และองค์พระในนิพพานแล้ว ยังมีครูองค์อื่นๆอาทิครูสมเด็จโต และบูรพาจารย์องค์อื่น เช่นหลวงปู่บุญ หลวงพ่อกวย หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อฤาษี ท่านว่าเจ้าของมวลสารท่านลงมาทำให้แผ่เมตตากันครบ ต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะท่านเน้นเชิญแต่ละองค์ให้ลงมาอธิษฐานจิตเดียวควบคู่ไไปกับการทำวิชาของท่าน เมื่อสำเร็จนั้นท่านมีนิมิตรเห็นหลวงปู่บุญมาเตือนท่านว่า พอแล้ว พระเหล่านี้มีเจ้าของครบแล้ว คนมีบุญเขาจะมารับ ตกต้องตามพรหมลิขิตทุกองค์

    คาถาอาราธนา
    ติวาคะภะ โธพุทนังสา นุสมะวะเทถา สัตถิระ สามะทัมสะริปุโรตะ นุตอะทูวิกะโลโตคะสุโนปันสัม ณะระจะชา วิโทพุธสัมมา สัมหังระ อะวาคะภะ โสปิติอิ


    * พระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ (ซุ้มกอสะดุ้งกลับ โพธิ์เก้า) พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ทั้งหมด 12 องค์ ผู้ต้องการบูชาจริงๆรบกวนจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้จากการทำบุญให้ร่วมกันอนุโมทนา ท่านจะนำไปสมทบทุนบุญวิหารทานต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ (ซุ้มกอสะดุ้งกลับ โพธิ์เก้า) 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรม(ไกรสรราชสีห์เนื้อโพรงอากาศเสือ คตกะโปกสิงโต)

    เป็นการสร้างพระครั้งประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่พ่ออาจารย์ท่านได้นำมวลสารพิเศษที่ได้ชื่อว่าทนสิทธิ์และกายสิทธิ์มาผสมผสานเกื้อกูลอยู่ในสิ่งเดียวกัน

    แน่นอนว่าหากท่านตั้งใจทำแล้ว ต้องทำให้ดี ทำแล้วต้องเป็นพระสำคัญอย่างยิ่ง เหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนั้น พ่ออาจารย์ท่านใช้การผสมผสานสิ่งที่ท่านไม่เคยทำและไม่เคยอธิษฐานลงสู่เครื่องมงคลเป็นครั้งแรก

    พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระเครื่องทั้งหลายนั้นส่วนใหญ่มักจะเสกวิชาโดยทั่วๆไปเพื้อเน้นพุทธคุณให้โดดเด่นต่างกันในแต่ละด้าน ซึ่งวิชาเหล่านั้นถึงอย่างไรก็เป็นฝ่ายโลกียะ ยังไม่ใช่วิชาชั้นสูงแต่อย่างใด เพราะยังเกลือกกลั้วไปกับกิเลสความต้องการเป็นฐานฐานนั่นเอง

    ท่านว่าครั้งหนึ่งครูสมเด็จท่านเคยปรารภกับท่านว่าให้เสกพระโดยใช้วิชาโลกุตรธรรมที่ท่านเรียนมาซึ่งเป็นวิชาสายเจ้าปู่สำเร็จลุนซักครั้ง โดยให้พ่ออาจารย์เสกทางกายภาพ ส่วนทางโลกทิพย์ก็จะชุมนุมพระเจ้าทำพิธีชุบพระเจ้าโลกุตรธรรมอีกวาระหนึ่งไปพร้อมๆกัน ซึ่งถือว่าเป็นวาระสำคัญและเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของโลกวิญญาณ

    ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบพ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจสร้างเหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนี้อย่างพิถีพิถันนัก โดยการชุมนุมธาตุกายสิทธิ์ที่แก่คุณวิเศษหล่อหลอมขึ้นมา ทั้งเหล็กไหลนิพพาน วัชรธาตุ หยาดน้ำฟ้าทวาราวดี ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นในวาระการหล่อหลอม ท่านยังอาราธนาคตทั้งหมดของเจ้าปู่ชัยพรหม ลงไปต้มเคี่ยวคั่วบริกรรมพระเวทย์คาถา เหมือนจะดึงเอาบารมีของคตแต่ละชนิดลงฉาบสู่ธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลาย

    ในส่วนของเหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนั้น เป็นการสร้างพระวาระสำคัญยิ่งของพ่ออาจารย์ ดังที่ทราบกันดีว่าท่านไม่เคยเอาธาตุกายสิทธิ์หรือคตมาสร้างพระพร้อมกันเลยซักครั้ง แต่วาระนี้ท่านกลับอธิษฐานจิตให้พระเลือกผู้ครอบครอง โดยตั้งใจจะทำสิ่งที่วิเศษสุดขึ้นมา โดยท่านได้เตรียมการสร้างไกรสรราชสีห์ ด้วยผงคตกะโปกสิงโตทองแดงและคตโพรงอากาศเสือ โดยท่านว่าไกรสรนี้จะมีอานุภาพมากกว่าเดิมอีกหลายพันเท่าเนื่องด้วยกำเนิดจากธาตุตั้งต้นของคตวิเศษทั้งเสือและสิงห์ที่ถือว่าหาได้ยากนักที่จะถือกำเนิดมาได้ในรอบหลายร้อยปี มีครบทั้งสาปเสือไอสิงห์อยู่ในตนเดียวกัน

    ในบรรดาราชสีห์ทุกตระกูล พ่ออาจารย์ท่านว่าไกรสรราชสีหืคือราชสีห์ที่มีฤทธิ์สูงสุด มีอำนาจมากที่สุดกว่าราชสีห์ตระกูลอื่นทั้งหมด ซ้ำยังเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าสัตว์และมนุษย์โดยทั่ว พ่ออาจารย์ว่าวิชาที่ท่านเรียนมานั้น มักกล่าวถึงราชสีห์ว่าเป็นเจ้าแผ่นดิน โดยยืนเหยียบโลกไว้ในอุ้งเท้าทั้งสี่ เป็นสัตว์ที่มีอานุภาพมากซ้ำยังมีศักดิ์สูง มีเกียรติยศต่างจากสัตว์อื่นๆและมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์หลายๆประเทศ

    เมื่อจะทำเหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้ประกอบพิธีสร้างไกรสรราชสีห์ไว้เพื่อฝังด้านหลังโดยเฉพาะ เนื่องจากสาเหตุด้วยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ล้วนมีมหาปุริสลักษณะบางประการดุจดั่งพญาราชสีห์ พ่ออาจารย์ท่านจึงนำราชสีห์นี้เปรียบเป็นสัญลักษณ์และเครื่องหมายโคตรวงศ์ของพระมหาบุรุษ เมื่อจะทำบูชาพระพุทธคุณสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวงในอดีตกาลท่านจึงต้องใช้ของที่ดีที่สุดของท่านมาทำ นั่นก็คือ
    - คตโพรงอากาศเสือ สิ่งนี้เป็นของมีคุณวิเศษและหายากเสียยิ่งกว่าอะไร พ่ออาจารย์ท่านมีคตโพรงอากาศเสือที่สืบทอดมาแต่เจ้าปู่ชัยพรหม สีแดงก่ำดั่งเลือดเป็นวรรณณะคตโพรงอากาศทองแดงซึ่งมีฤทธานุภาพสูงสุด เรียกว่าเป็นของในตำนานชิ้นหนึ่งที่ลำพังชื่อก็ไม่มีใครกล่าวถึงกันแล้ว ซึ่งโพรงอากาศเสือนี้ท่านว่าหายากกว่าเขี้ยวเสือกลวงนับพันนับหมื่นเท่า เพราะไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ในเสือทุกตัว ต่างจากเขี้ยวเสือที่เสือทุกตัวต้องมีเขี้ยว แต่โพรงอากาศเสือนั้นใช่ว่าเสือตัวไหนจะมีได้ ซึ่งคตโพรงอากาศเสือนี้ก็คือส่วนสมองของเสือนั่นเอง จะพบได้ก็ต่อเมื่อเสือเจ้าป่านั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว มีคุณมากท่านว่าเลี้ยงไว้แล้วไม่ต่างจากเสือสมิงแต่อย่างใดเลย จะขออะไรต้องการสิ่งใดก็บอกก็ขอสมิงทองแดงนี้ จะบนบานด้วยเนื้อหรือหมูก็ได้ตามแต่จะสะดวกแต่ถ้าจะไม่ไหว้ก็ไม่ต้องไหว้ไปเลย เขาจะมีนิสัยอ่อนลงไม่ดุร้าย
    - คตกะโปกสิงโตทองแดง สิ่งนี้ก็เป็นของหายากไม่ต่างจากคตโพรงอากาศแต่อย่างใด เป็นหนึ่งในคตในตำนานที่ร้อยหลายร้อยปีจะปรากฏมาเสียครั้งหนึ่ง เพราะจะเกิดในสัตว์ที่มีบุญฤทธิ์จริงๆ มีบารมีเหนือสัตว์อื่นใด คตกะโปกสิงโตนี้ก็เช่นกันจะเกิดเฉพาะแก่ราชสีห์ผู้ปกครองผืนป่าทั้งหมด เป็นใหญ่เหนือสัตว์ทั้งปวง เมื่อตายแล้วเขาจะทิ้งคตในร่างกายเขาไว้ให้ผู้มีบุญญาธิการมาพบและรับสืบต่อไป แม้ใครได้ครอบครองก็จะเป็นใหญ่ ลาภผลพูนทวี ปรากฏเกียรติยศค้ำคูณสืบชั่วลูกหลาน มีบุญบารมีมากดุจดั่งราชสีห์ผู้ปกครองหมู่สัตว์ทั้งผองเช่นนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านได้พลีคตโพรงอากาศเสือและคตกะโปกสิงโตทองแดงล้วนๆเพื่อมาสร้างไกรสรราชสีห์ โดยท่านเน้นใช้ผงคตล้วนๆมาผสมกันเข้ากับแร่เทวาประสิทธิ์ซ้ำยังใส่ผงแร่โคตรเศรษฐีแม่ชีประทุมลงไปด้วยเพื่อให้มีดีทางด้านเร่งโชคยกลาภผลหนุนดวงคนให้เป็นเศรษฐี ให้เป็นสิ่งห์ขยันจะได้ช่วยเหลือคุ้มครองผู้บูชาในทางทำมาหากิน ความเจริญรุ่งเรืองอีกนัยน์หนึ่ง

    ด้านล่างท่านฝังตะกรุดสำคัญจารลงใส่แผ่นทองแดงชื่อว่าพระเจ้าเบิกทรัพย์ไว้ โดยตะกรุดนี้ดีทางด้านโชคลาภอย่างถึงที่สุด ถึงขนาดที่ว่าคนไม่รู้จักคำว่ามี ก็กลับมีกินเหลือเก็บเหลือใช้ได้ ตั้งตัวได้ เจริญรุ่งเรืองได้ แต่ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญที่ว่าต้องเป็นคนดี และหมั่นกระทำกุศลอวยทานเป็นนิจ ท่านว่าเมื่อได้ลาภมาแล้วให้ทำบุญทำทานต่อไป ลาภก็จะไหลเพิ่มพูนมาไม่รู้จักหมด เพราะอาศัยการสร้างบารมีของเราเป็นเหตุ เมื่อเรารู้จักให้ เราก็จะได้รับสิ่งตอบแทนที่เสมอค่ากัน พระเบื้องบนท่านเปิดโลกเบิกทางให้แก่เราแล้วทั้งสิ้น

    สำหรับสิงห์นี้ท่านใช้ผงล้วนๆสร้าง จึงทำได้แค่ 12 ตน เป็นสาเหตุให้องค์พระรุ่นนี้ทำได้จำกัด เพียง 12 องค์เท่านั้น ซึ่งเหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนี้ พ่ออาจารย์ท่านสร้างเสกด้วยวิชาโลกุตรธรรมของเจ้าปู่สำเร็จลุน ที่ถือได้วาหาได้น้อยมากที่จะมีการใช้วิชานี้เพื่อสร้างสิ่งมงคลที่ระลึกในพระพุทธศาสนา เพราะคุณของวิชาที่ผู้ฝึกจะสำเร็จแตกต่างกันไป เมื่อนำมาอธิษฐานจิตลงสู่เครื่องมงคลจึงทำให้มีพุทธานุภาพเป็นเอกยากจะหาวัตถุมงคลใดเสมอเหมือน ใช้ได้ครอบจักรวาลด้วยอาราธนาสำเร็จลุนองค์ต้นครอบวิชาไว้ดุจดวงแก้วสารพัดนึกที่จะสนองตอบตามใจผู้อธิษฐานบูชา จึงเรียกว่าเป็นวิชาที่สาปสูญไม่ปรากฏผู้ใดจะทำกัน ซ้ำแม้ในการเสกที่พ่ออาจารย์ท่านประจุวิชานี้ก็ต้องดำเนินไปพร้อมกับการอาราธานาเสด็จพระใหญ่และครูทั้งหลายในนิพพานในโลกทิพย์ให้ท่านประจุฉาบทาด้วยพุทธรัศมีและอำนาจญาณบารมีที่แตกต่างกันของแต่ละพระองค์ด้วย

    โดยพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเมื่อเราอธิษฐานจิตนั้นสุดท้ายต้องสำเร็จพร้อมกันกับที่พระเบื้องบนท่านทำให้ โดยท่านใช้รัศมีของเหล่าเทพพรหมและพระผู้มีคุณวิเศษถึงแก่การบรรลุเป็นอริยบุคคลในพระศาสนาตั้งแต่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตมรรค อรหัตผลและนิพพาน ใช้รัศมีของท่านทั้งหลายฉาบทาแผ่อำนาจจิตและบารมีลงสู่เครื่องมงคลนี้ ซึ่งเป็นการเสกที่ยากมากเพราะต้องทำทีละองค์แบบเฉพาะเจาะจงกว่าจะเสร็จหนหนึ่งวาระหนึ่งจึงทำให้ใช้เวลานาน ก่อนจะนำมาอธิษฐานจิตรวมกับเครื่องมงคลอื่นๆอีกคำรบหนึ่ง

    ซึ่งรูปพระสมเด็จเปล่งรัศมีด้านหน้านั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นตัวแทนของวิสุทธิกายของมวลหมู่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีประมาณตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมจนถึงสมเด็จพระองค์ปัจจุบัน ดังนั้นแม้ใครได้อาราธนานอกจากพุทธบารมี บารมีของธาตุทนสิทธิ์และกายสิทธิ์ทั้งเหล็กไหลและคตวิเศษแล้ว ด้วยวิชาที่บรรจุอยู่ในเหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรมนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่แผ่พลังงานและอำนาจออกมาฉาบทาปกป้องคุ้มครองผู้บูชา ท่านว่าพระรุ่นี้ดีนัก แม้ละลายเป็นน้ำพุทธคุณก้ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยหนึ่งก็หาไม่

    ท่านว่าให้อธิบายสั้นๆพอรู้ความเพราะพูดหมดจะไม่งาม เนื่องด้วยว่ามหาอำนาจนั้นคือสิ่งที่ใช้สะกดคนสะกดสัตว์ได้ทุกสิ่งเป็นสิ่งที่ใช้ครองโลก เป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือบรรดาสิ่งมีชีวิตร่วมชาติพันธุ์ตนเอง ดังนั้นผู้บูชาจึงต้องวางตัวให้ดี อาราธนาแต่ในเรื่องที่จำเป็นขอบารมีสมเด็จพระชินสีห์และไกรสรราชสีห์นั้นช่วยเหลือเป็นกาลเป็นวาระไป

    * เนื่องจากเครื่องมงคลรุ่นนี้ ด้านหลังฝังไว้ด้วยไกรสรราชสีห์ซึ่งสำเร็จจากคตวิเศษที่มีมูลค่าสูงและหายากยิ่ง พ่ออาจารย์ท่านจึงเลือกเฉพาะผู้ที่ศรัทธาและมีวาสนาร่วมกัน กับของวิเศษนั้นทำให้พระรุ่นนี้มีผู้บูชาไปแล้วจำนวนหนึ่ง โดยท่านได้บอกกล่าวไว้ว่า ไกรสรรราชสีห์นี้คือสัญลักษณ์ของเกียรติยศ การปกครองคน ความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่เหนือผืนแผ่นดิน เป็นมหาอำนาจสุดหยั่ง แม้ใครใช้ก็จะทำให้ผู้อื่นเกรงกลัว หากเขามีอคติคิดชั่วเขาจะยิ่งหวาดกลัวเราเอง ท่านว่าต้องมอบให้ถึงมือคนดีเพราะจะได้ไม่เอาไปใช้ในทางที่ผิด

    คาถาอาราธนา
    อาราธนาองค์พระ
    พุทธะเสฏโฐ มหานาถัง วัณณะโก สิงหะ นาทะกังพุทธะสิระสา เตเชนะ มาระเสนา ปะราเชยยัง ชัยยะ ชัยยะ ชัยยะ ภะวันตุเม
    อาราธนาปลุกตนให้มีกำลังมาก
    มีบารมี ตะมะถัง ปะกาเสนโต สัตถาอาหะ ไกรสรราชสิงโห วิชิมะมหาโน อสัมคิโต สุวัณณคูหา ฆังนะทันโต อิมังตาถัง อัชชะพาสิ
    อาราธนาเป็นมหาอำนาจมนุษย์หรือสัตว์ทำอะไรไม่ได้เมื่อจะไปธุระกิจการการงาน การค้าหรือเที่ยวที่แห่งหนตำบลใด ภาวนาสามหนเจ็ดหน กระทืบแผ่นดินสามครั้ง กระแอมแผดเสียงให้ดังสามครั้งแล้วจึงเดินทางไปเถิดไม่มีศัตรูใดเบียดเบียน
    โวมะถัง ปะกาเสนโต สะถะอาหะ พระยาราชสีโห เชชะนะอาสิทิเสตถัง อาหะเตชะนา อะปัณณะอาสิติ
    อาราธนาพญาไกรสรราชสีห์ใช้ทางเสน่ห์ เมตตา มหานิยม การสบตา การเจรจาทำมาหากิน
    ราชะสีโห มหานามะ เทวัณโณสีหะนาทะกัง พุทธะสัง สีนะลาเทนะมาปัตเถราเชยะ

    (รายการนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าลงวิชาในภาคส่วนของเสือและสิงห์เอาไว้ทุกกระบวนวิชาที่ท่านเรียนมา ไม่ว่าจะสิงห์ป้อนเหยื่อ เสือนอนกิน เสือเหลียวหลัง พยัคฆ์ตวาดฟ้า เสือหัวขาด พยัคฆ์ต้องจักรนารายณ์ และอื่นๆอีกหลายสิบวิชา)

    * รายได้จากการบูชาร่วมสมทบทุนทางการศึกษาให้เด็กที่ขาดโอกาสในถิ่นทุรกันดารและสมทบทุนวิหารทานในวัดที่ห่างไกลความเจริญขาดแคลนเสนาสนะสืบต่อไป
    * สำหรับผู้ต้องการบูชา ให้แจ้งจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น


    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อรัศมีพระเจ้าโลกุตรธรรม(ไกรสรราชสีห์เนื้อโพรงอากาศเสือ คตกะโปกสิงโต) 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 035.jpg
      035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      80
    • SAM_5019.JPG
      SAM_5019.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      60
    • SAM_5023.JPG
      SAM_5023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      62
    • 77960.jpg
      77960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.1 KB
      เปิดดู:
      87
    • 1375208091-lionwide-o.jpg
      1375208091-lionwide-o.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.1 KB
      เปิดดู:
      69
    • เสือ.jpg
      เสือ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      247.1 KB
      เปิดดู:
      67
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดขุมทรัพย์แพะทองคำ

    พ่ออาจารย์ท่านตั้งชื่อตะกรุดนี้ตามอานุภาพของพระยันต์ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาชั้นยอดที่ท่านสืบมาจากครูซึ่งเรียนต่อมาจากหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วอีกคำรบหนึ่ง โดยท่านไม่เคยนำมาสร้างตะกรุดแต่อย่างใดเลย จนกาลต่อมา ท่านปรารถนาจะทำเครื่องมงคลเพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงหลวงปู่บุญและเป็นกำลังใจให้ผู้บูชาท่านจึงตัดสินใจสร้างตะกรุดนี้

    ตะกรุดปถมังสำคัญตำรับใหญ่นี้ เป็นวิชาในองค์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ว่ากันว่าท่านจะทำให้เฉพาะกับคนที่มีความคุ้นเคยสนิทชิดเชื้อแตจ่เพียงเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเพราะเป็นวิชาที่มีอานุภาพมาก จะบันดาลให้เจริญขึ้นโดยส่วนเดียว ไม่มีทุกข์โทษโทษาใดๆเลย ที่เห็นไว้คนที่มีสืบต่อกันมาก็เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง มีเกียรติคุณระดับชาติทั้งนั้น ไม่ตกอยู่ในมือเจ้าสัวก็เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน วิชานี้จึงถือว่าสำคัญนัก

    พ่ออาจารย์ท่านจึงดำริตั้งใจทำตะกรุดบูชาพระคุณหลวงปู่บุญเสียวาระหนึ่งจึงได้บอกกล่าวขออนุญาติหลวงปู่และขอให้ท่านเมตตามาช่วยลงพระเวทย์ปลุกเสกให้เสมอเหมือนกับตะกรุดที่ท่านเคยสร้างไว้แต่เก่าก่อน

    ตะกรุดนี้มีพรรณคุณวิเศษนานัปประการ ด้วยว่าจะดลบันดาลให้ทุกสิ่งพบกับความสำเร็จ เป็นฐานมั่นคงให้ผู้บูชาเจริญรุ่งเรือง ซ้ำยังมีคุณดุจดวงแก้วมณีนพรัตน์อันเกิดแต่บุญญาภิสมภารพระมหาจักรพรรดิ์ เป็นดวงแก้วสารพัดนึกสุกสว่าง ที่จะประกอบการสิ่งใด นึกคิดอะไร ก็สามารถฉุดดึงให้ผู้บูชาเจริญขึ้น ไม่ตกไปสู่ความมืด เจริญและมั่นคงในทุกกิจที่พึงกระทำ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดเวทย์วิชานี้มีอานุภาพกว้าง เพราะจะทำอะไรก็สำเร็จไปหมดไม่มีคำว่าแพ้ว่าพ่าย ไม่มีคำว่าติดรั้งขัดสนต้องผจญอุปสรรค ด้วยว่าสำเร็จด้วยพุทธานุภาพจึงมีอภินิหาริย์อย่างยิ่ง ปกติวิชานี้จะไม่ลงให้กับใคร ไม่ใช่ว่ากับใครก็ได้เพราะเป็นวิชาเอก ท่านว่าสมัยหลวงปู่บุญบังทรงสังขารอยู่ท่านก็ยังไม่ค่อยจะใช้วิชานี้ในการเสกวัตถุมงคลเลย เพราะว่ามันให้คุณมากไป ท่านกริ่งเกรงว่าจะเป็นโทษภัยใหญ่หลวงหากคนใจต่ำได้ไปครอบครอง

    ด้วยกาลเวลาและสถานการณ์ทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พ่ออาจารย์ท่านจึงดำริว่า ถ้าเรียนมาจะมัวแต่เก็บงำเอาไว้ ก็ไม่สู่ฝังดินเสียดีกว่าอื่น ไหนๆคนเขาก็เดือดร้อนทุกข์ยากกันถ้วนหน้าแล้วจะทำไว้เสียวาระหนึ่งจะเป็นอย่างไร ถือด้วยว่าทำบูชาพระคุณบูรพาจารย์

    ท่านจึงลงอักขระพระยันต์ไว้สองส่วน โดยตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วย
    - ยันต์แก้วนพรัตน์ ตามตำรับหลวงปุ่บุญ ซึ่งวิชานี้จะให้ผลทางด้านความเจริญรุ่งเรือง เสริมส่งให้ผู้บูชามั่นคง ซ้ำยังเป็นดั่งแก้วสารพัดนึก พ่ออาจารย์ท่านว่าตั้งจิตอธิษฐานขอเอาได้ถ้วนทุกประการ ทุกอย่างที่ขอจะตั้งอยู่บนฐานความสำเร็จ ถ้ามีกฏแห่งกรรมมาเกี่ยวเนื่องฉุดรั้งไว้ ด้วยอานุภาพตะกรุดจะแปรเปลี่ยนให้เป็นไป ที่ว่าหนักก็จะเบา ที่ว่าเบาก็จะหายไป จะไม่ให้ขุ่นข้องเจ็บเนื้อช้ำกายแต่อย่างใด ใช้ได้ครอบจักรวาล หากใช้เป็นสามารถปรับดวงจิตปรับภพภูมิของตนและสรรพสัตว์ได้ ตีค่าไว้เสมอด้วยดวงแก้วคู่บารมีบรมจักรพรรดิ์ของหน่อพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง
    - ยันต์กลางกระบาล ท่านลงเพิ่มให้อีกส่วนหนึ่งในแผ่นทองเหลืองห่อหุ้มไว้ชั้นนอก โดยพระยันต์นี้เป็นพระยันต์ที่พ่ออาจารย์ท่านว่าได้มาแต่สมัยเรียนกับหลวงปู่ใหญ่ ท่านเอานิ้วเขียนไว้กลางกระหม่อมของพ่ออาจารย์ ท่านจึงจดจำและใช้มาตลอดโดยเรียกว่ายันต์กลางกระบาล ซึ่งวิชานี้ให้อิทธิคุณสูงสุดทางด้านโชคลาภ การทำมาหากิน การเสี่ยงโชค ความเจริญลาภผลเงินทอง ท่านว่านำมาขอบารมีหลวงปู่ใหญ่ลงไว้เพื่อประกอบกับยันต์แก้วนพรัตน์จะได้หนุนส่งกัน แม้ไม่ปรารถนาหรืออธิษฐานแต่อย่างใดก็จะมีโชคลาภความสุขสบายเข้ามาหา (วิชาสายในดงของหลวงปู่ใหญ่พ่ออาจารย์ท่านไม่ค่อยทำจริงๆ)

    เมื่อทำตะกรุดนั้นท่านได้อธิษฐานจิตปลุกเสกอยู่ร่วมขวบปี และเชิญหลวงปู่ใหญ่ตลอดจนหลวงปู่บุญมาร่วมอธิษฐานสำเร็จเครื่องมงคลชิ้นนี้โดยเฉพาะจนตะกรุดมีรัศมีส่องออกมาเป็นแสงประกายพฤกษ์ ซึ่งองค์หลวงปู่บุญได้บอกกับพ่ออาจารย์ท่านว่าเต็มแล้ว ต่อจากนี้ให้เชิญบารมีเฉพาะของเมณฑกเศรษฐีมาครอบอีกหนหนึ่ง จะได้สำเร็จประสงค์

    พ่ออาจารย์ท่านจึงอธิษฐานเชิญเมณฑกเศรษฐีขอบารมีเฉพาะทางของท่านให้ผู้บูชาร่ำรวย มีความสุข โดยบอกท่านว่าขอให้เค้าตั้งตัวได้ คิดสิ่งใดก็สมปรารถนาสำเร็จโดยไว สำคัญคือได้อะไรมาง่ายๆแบบสบายๆ ซึ่งท่านตามดูการอธิษฐานจิตนั้น ด้วยบารมีของเมณฑกเศรษฐีจึงปรารกฏฝูงแพะทองคำขึ้นมาจำนวนมาก ตะกรุดแต่ละอกได้เปลี่ยนไปกลายเป็นแพะทองคำ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ท่านตั้งชื่อให้ว่าตะกรุดขุมทรัพย์แพะทองคำ เพราะเป็นของมงคลที่มีคุณใหญ่ดุจแก้วพระมหาจักรพรรดิ์เป็นแก้วสารพัดนึก ซ้ำยังได้บารมีของเมณฑกเศรษฐีอธิษฐานจิต ซึ่งแพะทองคำของเมณฑกเศรษฐีนั้นเป็นแพะสารพัดนึก ที่จะปรารถนาเงินทอง เสื้อผ้าแพรพรรณ อาหาร หยูกยารักษาโรค ทุกสิ่งหากมีประสงค์เพียงแต่ดึงด้ายออกมาจากปากแพะ ก็จะได้สมปรารถนาในทุกสิ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำมาถักด้ายขาวสาวพรหมจรรย์ไว้ที่ตะกรุดอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่าจะมีพุทธคุณดีทางเมตตามหานิยมอย่างที่สุด ตะกรุดดอกนี้เรียกได้ว่ามีครบรส ถ้าปรารถนาความรุ่งโรจน์มั่นคง และความร่ำรวย ท่านว่าใช้แทนเจ้าสัวของหลวงปู่บุญได้ไม่ต่างกัน

    คาถาอาราธนา(ระลึกถึงหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่บุญ เมณฑกเศรษฐีเป็นที่สุด)
    (ส่งให้เฉพาะทางPM)

    * ตะกรุดขุมทรัพย์แพะทองคำนี้ท่านสร้างไว้เพียง 16 ดอก ออกให้บูชาเฉพาะผู้สั่งจองทางPM เท่านั้น รายได้ทั้งหมดนำสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสในชนบท

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดขุมทรัพย์แพะทองคำ 1,500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา พระจันทรโมเลศวรพิมพ์ใบมะตูม(แม่ย่ากาลี)

    พระผงพิมพ์ใบมะตูมนี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นตามศาสตร์ศิวะมายากาลี โดยท่านสร้างเพื่อบูชาครูพระสยมและครูใหญ่ฝ่ายอิตถีเทวะคือองค์แม่ย่ากาลีนั่นเอง โดยพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจไว้แต่แรกเริ่มว่า พระพิมพ์โบราณนี้ท่านจะทำจำนวนจำกัดและทำลายบล๊อคทันทีหลังสร้างเสร็จ

    ในวาระการสร้างพระจันทรโมเลศวรนี้พ่ออาจารย์ท่านให้ความใส่ใจในเรื่องเนื้อหามวลสารและพิธีกรรมมากเป็นพิเศษโดยได้รวบรวมสุดยอดผงว่านยาและมวลสารต่างๆจำนวนมากมานวดเข้าด้วยกันก่อนขึ้นพิมพ์เป็นองค์พระ

    ซึ่งเมื่อดำริจะสร้าง ท่านก็ยังแคลงใจอยู่ว่าจะทำในรูปลักษณะใด และด้วยศิวะมายาที่พระผู้เป็นเจ้า(องค์พระสยม)ท่านต้องการจะให้เป็นไป จึงทำให้พ่ออาจารย์ท่านมีนิมิตรเห็นใบมะตูมขึ้นมา ท่านจึงได้พิจารณาว่าใบมะตูมนั้นมีสิริมงคลเหมาะแก่การสร้างเป็นเครื่องมงคลโดยแท้ ซึ่งแต่เดิมนั้นในอินเดียสำหรับสานุศิษย์ของพระศิวะจะให้ค่าความสำคัญกับใบมะตูมมากว่าเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยว่าเจ้าโลก(องค์พระศิวะ)ท่านประทานให้ไว้เป็นเกียรติเป็นอนุสรณ์ถึงความจงรักที่พระลักษมีมีต่อพระองค์

    มีความเชื่อสืบกันมาว่า พระลักษมีชายาแห่งพระวิษณุนารายณ์นั้น ได้บูชาองค์พระศิวะด้วยดอกบัววันละพันดอกทุกวันจนกระทั่งดอกบัวหมด พระนางจึงดำริถึงคำแห่งองค์พระนารายณ์ว่าอุระของพระนางนั้นสวยงามเหมือนดอกบัวที่กำลังจะบาน จึงทรงใช้มีดหวังจะเฉือนอุระของพระนางออกเพื่อใช้แทนดอกบัวบูชามหาเทพ ในกาลนั้นพระศิวะทรงปรากฏองค์ขึ้นห้ามปรามและทรงพอพระทัยในความภักดีของพระลักษมีมาก แต่กระนั้นก็ช้าไปเสียแล้วเพราะพระนางได้เฉือนอุระออกเสียข้างหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าจึงได้นำอุระที่พระนางเฉือนมาบูชาพระองค์นี้ ไปฝังดินไว้ในโลกด้วยมีพระประสงค์จะให้เกิดต้นไม้ที่ได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์สูงสุดด้วยอานุภาพแห่งความภักดีนั้น ด้วยเหตุนั้นต้นมะตูมจึงได้เกิดขึ้น

    ใบของต้นมะตูมนั้น มักจะใช้ในการบูชาองค์พระศิวะอยู่เสมอ ใช้บูชาศิวลึงค์บ้างหรือใช้ในงานมงคลต่างๆตลอดจนงานพระราชพิธีที่เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยเชื่อว่าใบมะตูมนั้นประกอบไปด้วยคุณลักษณะสามประการขององค์พระศิวะ ซ้ำยังเป็นสัญลักษณ์แทนตาทั้งสามของพระองค์ และเป็นสัญลักษณ์พระแสงหอกสามคม(ตรีศูล)อีกด้วย ด้วยว่าใบมะตูมนั้นเป็นของสูงและมีสิริมงคลมากครูใหญ่ท่านจึงต้องการให้พ่ออาจารย์สร้างพระรูปของพระองค์ในพิมพ์ใบมะตูมนี้

    ด้วยว่าท่านต้องการจะให้เครื่องมงคลนี้มีอานุภาพสูงสุด ท่านจึงได้นำใบมะตูมที่ท่านถวายครูพระสยมโดยท่องมนต์พรหมกรรมะมาบดเป็นมวลสารด้วย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าใบมะตูมที่ผ่านพรหมกรรมะนั้นสำคัญมาก เพราะเชื่อว่าสามารถทำลายบาปแก่ผู้มีศรัทธาได้ สามารถล้างบาปหนักที่สุดได้แม้เพียงได้เห็นหรือสัมผัสก็จะหลุดพ้นจากบาปทั้งปวง ท่านว่าอยากจะให้ศิษย์ที่มีวาสนาเกี่ยวข้องกับองค์พระสยมนั้นได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อะไรไม่ดีที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป ใช้อำนาจของของมนตราพิธีกรรมและความเชื่อนี้ล้างบาปล้างสิ่งไม่ดีออกไปให้หมด ซึ่งเรื่องนี้อยู่เหนืออำนาจกฏแห่งกรรมของวัฏฏสงสารโดยแท้

    ท่านนำผงใบมะตูมพิธีพรหมกรรมะนั้นมาเข้ากับผงคตสำคัญของเจ้าปู่ชัยพรหม นั่นคือคตรังต่อ(มีหลายท่านที่ผมส่งรูปทางไลน์ให้ดูและบอกกันว่าแปลกดี พอจะขอบูชาผมก็บอกว่าหมดแล้วไม่มี) เพราะพ่ออาจารยท่านนำคตรังต่อของจริงทั้งหมดแกะออกมาจากในรังทำการบดเป็นมวลสารเพื่อผสมสร้างเป็นองค์พระขึ้นมา ท่านว่าคตรังต่อนี้แต่ละลูกจะมีเทวดาสถิตย์อยู่ตกสามสี่พระองค์ คอยช่วยกันปกป้องคุ้มครองผู้บูชา ถึงขนาดที่ว่าใครมาทำไม่ดีประทุษร้ายท่านจะตามไปจองเวรกันเลยทีเดียว ดุจเทพารักษ์ที่จะคอยอารักขาพิทักษ์เจ้านายด้วยความจงรักภักดี และตัวคตเองยังมีอานุภาพเป็นกายสิทธิ์ที่แปลกประหลาดกว่าคตชนิดอื่นคือใช้ต่อเงิน ต่อทอง ต่อโชคลาภวาสนาบารมี รวมไปถึงหนุนเสริมส่งดวงชะตาได้อย่างดีเยี่ยม เป็นของที่เกิดขึ้นเฉพาะกาลและหาได้ยากอย่างยิ่ง ท่านว่าต้องเป็นเจ้าของที่มีวาสนาร่วมกันถึงจะได้ครอบครอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงวิเศษที่เตรียมไว้มาเข้ากับผงวิภูติขององค์พระศิวะรวมไปถึงผงมงคลโสฬสผงโสฬสมหาพรหมตลอดจนผงสำคัญต่างๆที่ท่านรวบรวมไว้และว่านยาในพิธีกรรมเฉพาะที่พ่ออาจารย์ท่านจะใช้พอกเทวรูปครูพระสยมก่อนทำพิธีสรงสนาน ว่านยาเหล่านั้นท่านว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์มากดุจไคลของพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้จริงท่านได้นำมานวดผสมกัน

    โดยวาระนี้ท่านได้นำสีผึ้งช้างตกมันและสีผึ้งจันทร์เพ็ญกับน้ำมันกฤษณาที่ใช้บูชาองค์พระศิวะนวดเข้าไปในเนื้อพระด้วย
    - สีผึ้งช้างตกมัน เป็นสีผึ้งของครูเขมรส่วยเก่าที่ได้หุงไว้จากน้ำมันช้างตกมัน ช้างย้อย หรือช้างประมโขลงนี้เข้ากับว่านยาเสน่ห์หายากที่มีอาถรรพ์มากมีอายุตกเกือบ 50 ปี พ่ออาจารย์ว่าครูท่านนั้นแม้แก่ก็มีภรรยาสาวรุ่นมากมายก็เพราะใช้สีผึ้งนี้ ท่านได้แบ่งสีผึ้งช้างตกมันนี้มาผสมในเนื้อพระด้วยส่วนหนึ่ง
    - สีผึ้งจันทร์เพ็ญ เป็นสีผึ้งที่พ่ออาจารย์เคี่ยวมาตกสิบปี จากมวลสารว่านยาทางเสน่ห์มากมาย ถึงพีธีจันทร์เพ็ญดาวเต็มฟ้าบรรยากาศปลอดโปร่งเมื่อไหร่ท่านก็จะนำมาเคี่ยวเชิญครูเสน่ห์เทวดาอารักษ์มาช่วยกันประสิทธิ์ประสาททุกครั้งไป ท่านเคี่ยวแล้วเคี่ยวอีกจนครั้งนี้ท่านได้แบ่งให้มาผสมเป็นมวลสารในการทำพระสยม ท่านว่าคอยดูชีวิตคนใช้จะเต็มทุกอย่างดุจพระจันทร์วันเพ็ญไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
    - น้ำมันกฤษณา น้ำมันหอมตระกูลสูงหนึ่งในสี่จตุชาติสุคนธ์ น้ำมันกฤษณาที่แต่เดิมมีค่าดุจทองคำนี้มีประวัติความเป็นมาว่าเป็นเครื่องสูงมีความเกี่ยวเนื่องกับเทพเจ้าตลอดจนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่ออาจารย์ท่านได้นำน้ำมันหอมกฤษณาที่มีคนถวายมาให้ท่านใช้ในพิธีขององค์พระสยม ออกมานวดเข้ากับเนื้อพระโดยตรง ท่านว่ากลิ่นหอมของกฤษณานี้ก็มีฤทธิ์ในทางขับไล่ภูติผีปีศาจและอัปมงคลอยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นน้ำมันที่เสกแล้วขึ้น ในทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ การทำมาค้าขึ้นความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ท่านว่าไม่รู้จะพูดให้เชื่อกันอย่างไร แต่เอาว่าแม้แต่น้ำมันจันทร์แท้ๆซึ่งมีราคาสูง ยังเทียบกับอานุภาพของน้ำมันกฤษณาไม่ได้แม้แต่น้อย

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระจันทรโมเลศวรขึ้นด้วยความหมายสำคัญหลายประการ ท่านว่าที่เลือกพิมพ์และชื่อนี้เพื่อจะบอกให้เค้ารู้ว่าครูพระสยมรุ่นนี้ ใช้ดีทางมหานิยมและมหาเสน่หสูงสุด เพราะท่านทำเป็นเศียรองค์พระศิวะทัดปิ่นจันทร์เปล่งรัศมี ด้วยว่าพระจันทร์เทพบุตรนั้นก็มีคุณด้านเสน่ห์ ความอ่อนหวานตลอดจนคู่ครอง หรือแม้แต่จะใช้ในทางทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองก็ดี ท่านว่าครูพระสยมปางนี้มีเมตตาสูงสุดอยากขออะไรก็ขอได้ไม่ต้องบน ใช้ทางเสน่ห์มหานิยมดีกว่าขุนแผน

    สำหรับพระพิมพ์ใบมะตูมนี้ ท่านได้ฝังเครื่องมงคลอันสูงด้วยพุทธคุณและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจผู้บูชาดังนี้
    - พระเจ้ายอดเกศ(สมเด็จองค์ปฐม) พ่ออาจารย์ท่านได้จารยันต์อริยสัจโสฬส รวมกับยันต์ดวงไตรสรณคม ยันต์พระปาฏิโมกข์ ยันต์พระไตรปิฏก ยันต์พระกรณี ยันต์ชุมนุมพระเจ้าหลอมรวมกันเพื่อสร้างพระเจ้ายอดเกศขึ้น พระยอดเกศหรือองค์ปฐมที่ใช้ฝังนี้พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลว่าข้างฝ่ายไทยเรามีตำนานพระพุทธเจ้าโปรดองค์พระอิศวรคราวพิธีโสกันต์พระขันทกุมาร ชะรอยว่าตำนานนี้จะได้เค้าเงื่อนมาแต่ตำนานพระเจ้าโปรดท้าวผกาพรหม เป็นเหตุให้มีกาสร้างพระพุทธรูปพิมพ์พระเหนือพรหมไว้ แต่พระอิศวรยังหามีผู้ใดทำเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าแท้จริงแล้วองค์พระสยมท่านก็เป็นกำลังของมหาจักรวาลเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งนั่นเองเป็นกำลังของพระเวทย์และพระธรรม การจะยกรูปพระพุทธเจ้าขึ้นไปประดิษฐานตามนิมิตรนั้นถ้าเข้าใจก็ย่อมกระทำได้ เมื่อท่านทำพระสมเด็จองค์ปฐมประดิษฐานไว้ด้านบนนั้น เพื่อให้ผู้บูชาทุกคนไม่ลืมพระพุทธศาสนาไม่ลืมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซ้ำพระเจ้ายอดเกศนี้ยังมีคุณครบถ้วนตามพระพุทธคุณแต่ละลักษณะของพระยันต์ที่หล่อหลอม เป็นมิ่งมหามงคลเจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญตามแต่ใจจะปรารถนาซ้ำยังกันได้สารพัดและยังใช้ทางเมตตา เจรจาค้าขายได้ครบถ้วน ท่านว่าสมเด็จองค์ปฐมพิมพ์พระยอดเกศนี้ดุจเป็นยอดแห่งแสงสว่าง ที่จะสุกสว่างที่สุดในทุกดินแดนโลกธาตุด้วยว่าเป็นยอดแห่งพุทธิปัญญาและวิชชาทั้งปวง เมื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ก็เป็นขุมกำลังอำนาจแห่งพุทธะที่จะดึงมาส่งเสริมผู้บูชา ด้วยว่าหากปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองเป็นใหญ่หมายใจจะสืบตระกูลให้ลงหลักปักฐานมั่นคงในแดนดินนี้แล้วทั้งพุทธและไสยจะทิ้งไม่ได้ หนึ่งคือความหลุดพ้นในวิสัยคฤหัสถ์ก็ควรเรียนรู้เจริญกรรมฐานฐานและวิปัสนาเพาะบ่มรอเวลาที่บารมีอันสั่งสมไว้จะสุกงอมเป็นเอนกชาติ ในระหว่างการดำรงค์ชีวิตนี้ก็ยังต้องคิดถึงประโยชน์ของความสุขเกื้อกูลไว้ด้วย ด้วยว่าการเพราะบ่มบารมีนั้นยังต้องใช้เวลา เป็นลักษณะของการเกื้อกูลกันทั้งทางโลกและทางธรรม
    * ท่านว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ท่านเน้นพุทธบามีและไศวะบารมี เชิญครูมาทำวิชาพร้อมกันเพื่อให้ผู้บูชาสุขสมหวังในทุกสิ่ง
    - แม่ย่ากาลี สำหรับแม่ย่ากาลีนั้นเป็นครูสำคัญของสำนัก ที่พ่ออาจารย์ได้สร้างแบบเป็นทางการและเปิดบารมีไว้เป็นครั้งแรก พระแม่ย่านี้พ่ออาจารย์ท่านมักจะทำพิธีคู่กันกับครูพระสยม โดยเป็นครูทางอิตถีเทวะที่ทรงพลานุภาพแกล้วกล้าดุดันสูงสุดให้คุณได้มากที่สุด แม่ย่านั้นมีอานุภาพแรงกล้า ท่านจะคอยปราบปรามสิ่งชั่วร้าย ทุกข์โทษโทสาทั้งหลายเข้าไม่ถึงตัว แม่ย่านั้นเป็นเทวีที่มีอานุภาพสูงสุดทรงไว้ด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ สามารถขจัดศัตรูตลอดจนทำลายอุปสรรคขัดขวางให้แก่ผู้บูชาได้ ใครโดนกลั่นแกล้งใส่ความ กระทำด้วยทุจริต ชีวิตโดนรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด ท่านแก้ไขได้หมด หรือแม้แต่คุณไสย ไสยศาสตร์มนตร์ดำชาติไหนภาษาใด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่พ่ายแพ้อานุภาพของท่านไม่มีได้กิน ซ้ำยังปรับเสริมแก้ไขอุบาทว์ตัวทุกข์ตัวเคราะห์ตลอดจนสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งภายในภายนอกด้วย เพราะท่านมีคุณถึงปานนี้ถึงกับว่าผู้บูชานั้นจะไม่เจออุบัติเหตุร้ายแรงสิ่งใดเลยมาแพ้วพาลกับชีวิต จะไม่เจอเหตุที่ทำให้ตื่นตระหนก ไม่พบสาเหตุใดที่นำเราออกจากชีวิตอันสันติและผาสุกจากการครองเรือน นอกจากการกันแก้อาถรรพ์ร้ายล้างบางอวิชชา ให้โทษกับมารยาทุจริต ประทานพลังอำนาจให้กับผู้ทรงธรรมสุจริตแล้ว พระนางจยังปรารถนาจะเติมเต็มความรู้สึกรักใคร่ชอบพอของเหล่าผู้ศรัทธาให้สุขสมหวัง พ่ออาจารย์ท่านมักจะกล่าวว่าพระนางนั้นให้ค่ากับคำว่าความรักและความรู้สึกมาก มากเกินจะทำความเข้าใจได้ทีเดียว ในทางกลับกัน หากผู้บูชาเข้าใจนัยยะที่แฝงอยู่ในรูปกายอันเสียสละและทรงพลังอำนาจของพระนาง สามารถรักพระนางได้ดุจแม่บังเกิดเกล้า ค่าของความรู้สึกนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สายสัมพันธ์แม่ลูกนั้นมีอานุภาพยิ่งใหญ่ ยิ่งเป็นสายสัมพันธ์ที่มีต่อมหาเทวีอันเป็นร่างจำแลงของฤทธานุภาพสูงสุดในศักติแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าการได้เป็นลูกท่านและรับการอุ้มชูนั้นถือว่าคุ้มค่าโดยแท้ เพราะแม่ยอมปกป้องลูกเสมอ และแม่ยอมให้ลูกได้ทุกสิ่ง ด้วยว่าพระพิมพ์นี้เป็นการประดิษฐานรูปครูสำคัญไว้รวมกันถึงสามองค์ โดยเฉพาะครูพระสยมกับแม่ย่ากาลีนั้น แต่เดิมพระสยมท่านก็ยังไม่ปรารถนากับรูปลักษณ์เช่นนี้ จนกระทั่งแม่ย่านั้นได้ประกอบพิธีบูชาพระองค์จึงรู้ว่านางคือพระอุมานั่นเองและเมื่อได้รับความรักจากพระองค์ก็ทำให้แม่ย่ากลับคืนสู่ปางพระอุมาที่สวยงามเป็นปกติ ที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างเพื่อฝังไว้ในจันทรโมเลศวรนั้น เพราะท่านอยากให้ทุกคนสุขสมหวังไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลับเป็นไปได้ อย่างเช่นเรื่องแม่ย่ากาลีที่ท้ายสุดท่านก็ได้กลับมาครองคู่กับพระอิศวรเช่นเดิม
    * สำหรับแม่ย่านี้พ่ออาจารย์ได้แยกมาประกอบพิธีบูชาอัญเชิญปลุกเสกให้พระรูปมีภูติพระเจ้าของพระนางกาลีสถิตย์ทุกองค์ ท่านว่าแม่ย่านี้มีอาถรรพ์สูงมีความรักความเป็นห่วงลูกหลานอย่างจริงใจและรุนแรง ให้คุณมาก ให้ผู้บูชาขบูชาด้วยความรักและจะเห็นเองว่าแม่รักลูกเป็นอย่างไร
    - ตะกรุดส่วย เป็นตะกรุดที่พ่ออาจารย์ท่านลงวิชาที่เรียนมาจากอาจารย์ส่วยชาวเขมรไว้ ใช้ได้เห็นผลชะงัดในทางเสน่ห์และเมตตาสุดแต่ใจจะอธิษฐาน ซ้ำตำรับนี้ยังค้ำคูณอุ้มชูดวงชะตาตนไว้ไม่ให้ตกต่ำด้วย ท่านว่าเป็นของแก้ทางกัน ที่ว่าแก้นั้นเพราะปกติคนที่ชอบเล่นของทางเสน่ห์เมตตาดวงจะตก ได้ลาภสัตว์สองเท้าแล้วจะไม่มีลาภอื่นบ้าง โชคลาภติดขัดบ้าง พอได้คู่มารู้สึกว่าชีวิตตัวเองตกหล่นไม่สมบูรณ์เช่นเดิมบ้าง ท่านว่าวิชานี้ประหลาดเพราะว่าแก้ทางไว้ครบ ไม่ต้องกลัวจะมีเรื่องใดมาขัดลาภผล ทั้งได้และหนุนในตัวเอง ท่านว่าบอกสั้นๆถ้าพูดยาวจะเป็นสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำ เขารู้กันอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ ขาดแต่เพียงวิชาแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะลงไว้ให้ใช้กันเท่านั้น

    คาถาบูชา(สวดพระพุทธคุณขึ้นต้น)
    โอม การะปูระเคารัม กรุณาวะตารัม สัมสาระสารัม ภุชะเคนทรฮารัม สะทาวะสันตัม หฤทยาระวินเท ภะวัมภะวานีสะหิตัมนามามิ
    - ขอบารมีพระแม่กาลี โอม เจมาตากาลีมา โอมกรีมกาลีเย นะมะฮา
    - ขอบารมีคตต่อ บอกกล่าวดุจพยนต์เทพารักษ์ใช้ป้องกันศัตรูและผู้คิดร้ายอธิษฐานใช้ได้สารพัด อิติปิโสภควา วิพัตตะโภติ สัตตะสะหะสานะมามิ สัมปันโน


    * พระจันทรโมเลศวรพิมพ์ใบมะตูม(แม่ย่ากาลี) พ่ออาจารย์ท่านสร้างบูชาคุณแม่ย่าจึงสร้างเท่าที่มวลสารมีเท่ากับคุณมารดา ท่านว่ามีคุณนักและจะทำเพียงครั้งเดียว ได้ทำไว้ทั้งหมด 12 องค์และมีผู้ขอบูชาไปแล้วจำนวนหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการจะบูชานั้นให้ติดต่อจองไว้ทาง PM รายได้สมทบทุนบูรณะพระพุทธศาสนาในถิ่นทุรกันดารต่อไป
    * ผู้บูชานั้นให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย เพราะพ่ออาจารย์ท่านจะทำพิธีเจิมยาแดงที่บริเวณลิ้นของพระแม่ยา ตลอดจนบอกกล่าวฝากฝังให้เป็นเราเป็นลูกของแม่ย่าเป็นการเฉพาะให้ทุกองค์


    ร่วมทำบุญบูชา พระจันทรโมเลศวรพิมพ์ใบมะตูม(แม่ย่ากาลี) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเทพนิมิตรดอกครูมันตรากาลี(ไส้ผ้าแดงรับทรัพย์)

    ตะกรุดครูมันตรากาลีนี้ เป็นวิชาของพราหมณ์โบราณ โดยพ่ออาจารย์นั้นท่านสำเร็จวิชานี้จากการที่ครูแม่ย่าท่านได้สอนสั่ง ซึ่งเชื่อกันอย่างยิ่งว่าวิชาที่ได้จากเทพเจ้า ได้จากการประทานให้ในนิมิตรนั้น จะไม่สอนสั่งหรือทำสืบต่อไว้กับผู้ใด ยิ่งเป็นวิชาเฉพาะทางที่ใช้ดูดกินเคราะห์ภัยเช่นนี้ด้วย

    วิชานี้ก็เช่นเดียวกัน แต่พ่ออาจารย์ท่านได้พิจารณาแล้วที่จะไม่เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนประกอบกับเพื่อจะให้สำเร็จประโยชน์สูงสุดให้เจ้าของวิชาท่านเห็นด้วยและช่วยทำเต็มที่ ท่านจึงได้พลีบอกกล่าวกับครูแม่ย่าขออาศัยเมตตาธรรมอีกทั้งพรหมวิหารธรรมของแม่ย่า ให้ครูท่านประทานอนุญาติและช่วยกันสร้างสืบวิชาของแม่ย่าไว้ให้สำเร็จประโยชน์ใหญ่ให้ลูกหลานได้ดี

    เมื่อครูอนุญาติและฟ้าเป็นใจแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจึงพลีแผ่นตะกั่วชำระในน้ำทิพมนต์เสียวาระหนึ่งก่อนโดยมน์วิชาธรณีสารขับล้างพิษและสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ก่อนที่ท่านจะนำมาตัดเป็นแผ่นตะกรุด เพื่อที่จะลงวิชาถวายครู

    ตะกรุดเทพนิมิตรดอกครูมันตรากาลีนั้น เป็นตะกรุดที่พ่ออาจารย์ลงอักขระหน้าหลังเต็มสูตร ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน
    - ด้านใน ท่านลงยันต์มงกุฏพระแม่กาลีเอาไว้(ท่านเรียกของท่านเช่นนี้) ซึ่งเป็นวิชาเทพนิมิตรที่ให้ผลมาก วิชานี้นับว่าเป็นยอดของวิชาทั้งปวง ด้วยว่าครูแม่ย่าท่านตั้งใจประทานให้ไว้เสมือนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนตัวท่าน เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอันยิ่งใหญ่และฤทธานุภาพสูงสุดของจักรวาลที่เหล่าเทพเจ้ายังให้ความยำเกรง พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้มีคุณเป็นอเนกอนันต์ ซ้ำยังมีคุณทางกลับร้ายกลายเป็นดี ท่านว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุด เพราะในห้วงชีวิตหนึ่งนั้นคนเราไม่รู้ว่าจะเจอเหตุการณ์ร้ายแรงเท่าไหร่ วิชานี้ดุจปกาศิตจากแม่ย่าที่ว่าทุกข์ภัยจะไม่มาถึงตัวแม้มีเข้ามาก็เปลี่ยนเสียหมดจากลูกศรกลายเป็นภมรบุปผา เปลี่ยนเคราะห์ทุกข์โศกโรคภัยให้กลายเป็นความสุข พ่ออาจารย์ท่านว่ามีแม่ย่าอยู่ด้วยตัวเคราะห์จะไม่เข้าใกล้ มีตะกรุดมันตรากาลีอยู่สิ่งนี้สำคัญ เพราะวิชานี้เค้าสูบเค้าดูดกินเคราะห์ในร่างกายจากคนใช้เป็นภักษาหาร เพราะเช่นนี้ชีวิตจึงเหลือแต่สิริมงคล ขอให้รักและเชื่อพระแม่ทุกข์ภัยไม่มี จะมีได้อย่างไรในเมื่อท่านรับเอาไว้เสียหมดแล้วท่านเป็นอริกันกับทุกข์โทษภัยมีเข้ามาเท่าไหร่หรือแม้แต่อยู่ในร่างกายเราท่านจะดูดและเสพย์ออกไปจนหมดสิ้น ซ้ำแม้จะใช้ฝึกปราณภาวนาถึงแม่ย่าก็จะเปิดประสาทสัมผัสทำให้เกิดสัมผัสพิเศษ ท่านว่าสุดแล้วแต่จะอธิษฐานเถิดด้วยบารมีแม่ย่าเป็นไปได้ถ้วนทุกประการ
    - ด้านนอก พ่ออาจารย์ท่านนำพระเวทย์สายวิชาที่ใช้เฉพาะการขอพรเทวดากำกับไว้ เพื่อจะให้เกื้อหนุนกัน ให้คนใช้สามารถจะขอพรจากพระแม่ได้ถ้วนทุกประการ ท่านว่าจะได้สมความปรารถนา เพราะคนส่วนมากแม้มีของดีอยู่กับตัวก็เข้าไม่ถึง ใช้กันไม่เป็น ท่านจึงสำทับกำกับด้วยวิชานี้โดยเฉพาะ ด้วยว่าอยากให้ทุกคนได้ มี สำเร็จ สมปรารถนาในลาภ ยศ สุข สรรเสริญทุกสิ่ง ดุจคุณแห่งวิชานี้จะส่งต่อนำพาคำอธิษฐานของเราไปถึงแม่ย่ากาลีโดยฉับพลันทันที ท่านว่าขอได้ทุกอย่างแต่มีข้อแม้ว่าให้ขอแต่สิ่งที่ดีงามเป็นมงคลเท่านั้น

    ตะกรุดครูมันตรากาลีนั้น พ่ออาจารย์ท่านย้ำนักหนาว่าใช้ได้สารพัดเพราะเหมือนเชิญญาณของแม่ย่าลงไปอยู่กับจิตวิญญาณตัวเอง โดยเมื่อท่านลงจารได้แต่ละแผ่นท่านก็จะนำไปกล่าวคำถวายครูแม่ย่า ใช้เวลาค่อยๆทำไปทีละแผ่นทีละดอก จึงทำให้ใช้เวลานานกว่าจะทำได้จำนวนหนึ่ง เมื่อทำเสร็จทั้งหมด 9 แผ่นแล้ว ท่านได้นำแผ่นตะกรุดทั้งหมดทำพิธีประสระโลหิตและปลุกเสกเสียวาระหนึ่งก่อน โดยท่านว่าต้องประสระโลหิตเท่านั้น เพราะแม่ย่าท่านชอบสีแดง ไม่เพียงแค่เป็นการปลุกเสกยังจะได้หนุนเนื่องชักนำแรงครูด้วย

    เมื่อจะม้วนตะกรุดท่านได้นำผ้าแดงรับทรัพย์ที่เหลืออยู่(ใช้รองฐานเทวรูปแม่ย่า)มาเป็นไส้ในก่อนจะทำการม้วน ซึ่งที่มาของผ้าแดงรับทรัพย์หรือยันต์แดงที่มีประสบการณ์กันมากนี้มาจากที่ แต่เดิมพ่อาจารย์ท่านได้พลีผ้าแดงที่ใช้พับเป็นฐานถวายครูแม่ย่ากาลี ผ่านพิธีการปลุกเสกเชิญครูนับเนื่องหลายสิบปี มาตัดเป็นแผ่นและเชิญครูแม่ย่านำหมึกทองมาลงจารอักขระเลขยันต์เต็มแผ่น ด้วยวิชาที่แม่ย่าบอกกล่าวให้กับท่านเท่านั้นและยังเฉพาะเจาะจงให้คนที่มีปัญหาทางการเงินและปากท้องไว้บูชา ดุจดังว่าครูต้องการจะช่วยแก้ไขความอัตคัดขัดสน ด้วยว่าแม่ย่านั้นท่านมีพลังพิเศษเฉพาะทางที่จะหนุนนำโชคลาภตลอดจนอำนาจราชศักดิ์มาสู่ผู้บูชาเป็นหน้าที่ของท่านที่จะช่วยศิษย์อันมีน้ำใจจงรักภักดี กอปรกับสีแดงยังเป็นสีแห่งกำลังอำนาจ เป็นสีของสุริยะเทพ เป็นสีมงคลที่เชื่อว่าจะดึงดูดทรัพย์สินและสิ่งที่ดีงามมาสู่ผู้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าเหมาะและควรที่สุดแล้วที่จะใช้ผ้าแดงนี้มาทำยันต์ของแม่ย่า ซึ่งท่านก็ได้ให้ร่วมทำบุญกันหมดไปแล้วเวลาท่านไปแห่งใดก็จะมีแต่คนถามถึงยันต์แดงกันมาก แต่ยันต์แดงชุดนี้เป็นยันต์แดงชุดเดิมที่พ่ออาจารย์ท่านนำไปบรรจุลองไว้ใต้ฐานครูแม่ย่าด้วยเหตุผลที่ว่าไปเอาผ้ารองฐานท่านมาใช้ก็เลยต้องรองคืนท่านไปจำนวนหนึ่ง จนวาระนี้พ่ออาจารย์ท่านได้เปลี่ยนผ้ารองเสียใหม่จึงได้นำยันต์แดงที่ใช้รองฐานเชิญครูแม่ย่ากาลีชุดเดิมออกมา

    เมื่อท่านนำยันต์แดงรับทรัพย์มาม้วนเป็นไส้ตะกรุดดอกครูมันตรากาลีนี้ ท่านว่าตะกรุดนี้จะดีทางโชคลาภโภคทรัพย์ขึ้นมาอีกโข ไม่ใช่เพียงอานุภาพของครูแม่ย่าหรือยันต์แดง แต่เป็นเพราะว่าตะกรุดนั้นมีไส้ เวลาท่านนำมาเชิญครูจุติมันครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งภายในภายนอก วิชานี้มันกินมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ด้วยอานุภาพของยันต์มงกุฏพระแม่กาลีที่มีเอาไว้สูบดูดกินเคราะห์กรรม ซ้ำยังจะมีไส้อีกโบราณถือนักไม่เจริญก็ให้มันรู้ไปเอาว่ามีเหลือกินเหลือใช้เลี้ยงคนทั้งเมืองได้ก็พอ

    สำหรับตะกรุดดอกครูมันตรากาลีนี้ พ่ออาจารย์ท่านได้เชิญครูแม่ย่าลงมาทำวิชาด้วย ซึ่งท่านว่าครูแม่ย่านั้นมีสิทธิอำนาจเด็ดขาดรุนแรง ตะกรุดนี้จึงนับว่าแรงที่สุดเกินกว่าวิชาขอมวิชาส่วยวิชาธรรมใดๆ เพราะสำเร็จด้วยแม่ย่ากาลีนั่นเอง โดยพ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำหนักหนาว่าให้บูชาเฉพาะคนที่มีจิตใจดี ท่านว่าตะกรุดนี้ตกตกไปอยู่แก่คนที่มีความรักความศรัทธาในแม่ย่าจริงๆ ซ้ำต้องมีบุญสืบเนื่องกันมาในเบื้องปุริมชาติ จึงจะเปิดให้จองเฉพะทาง PM เท่านั้น

    คาถาบูชา(นึกถึงพระคเณศก่อนท่องคาถา)
    โอม มะหาเมคะ ประภาม ศะยะมาม ตะถา ไจวะ ทิคัมพะรีม กันถาวะ สักตะ มุนทาลี คะลัท ทะรึธิระจะระจิตาม กะระณาวะตัม สะตานีตัศวะ ยุคมะภะยานะกาม โคระทัมษัตตะราม กะราลัศยาม ปีโนนะตะปะโยธะราม ศะวานาม กะระสังคาไต กะรึตะกานจีมะ หะสันมุขีม สะริกะ ทะไวยะ คะละทะรักตะธาราวิสะผุริตานะนาม
    ภาวนาโดยย่อ โอม เจมาตากาลีมา


    * ตะกรุดเทพนิมิตรดอกครูมันตรากาลี(ไส้ผ้าแดงรับทรัพย์)นี้ พ่อาอจารย์ท่านสร้างไว้ได้เพียง 9 ดอก เนื่องจากตะกรุดมีจำนวนไม่มากสำหรับท่านที่จะบูชาจึงรับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ทั้งหมดนำไปบริจาคข้าวสารให้แก่วัดในถิ่นทุรกันดาร

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเทพนิมิตรดอกครูมันตรากาลี(ไส้ผ้าแดงรับทรัพย์) 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญตรีกาลพรหมฤาษีนารท(บรรจุผงเสน่ห์หน้าทัพ)

    สืบเนื่องจากหลายๆท่านสอบถามขอให้นำเครื่องมงคลยุคเก่า ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้และเสกยาวนานมานับเนื่องหลายปีนำมาออกให้ได้ร่วมทำบุญกันบ้าง ซึ่งก็ได้ขออนุญาติท่านนำเหรียญตรีกาลพรหมฤาษีนารทออกมาให้ร่วมทำบุญกัน โดยพรหมฤาษีนารทนั้นเป็นหนึ่งในบรมครูสำคัญที่พ่ออาจารย์ท่านให้ความเคารพอย่างสูง และมักจะเชื่อมต่อกระแสญาณ ตลอดจนเชิญครูลงแฝงอยู่เสมอๆ

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าพรหมฤาษีนารทนั้น บางครั้งก็เรียกว่าพระนารทมุนีบ้าง ฤาษีนารอดบ้าง พระประคนธรรพบ้าง พระภรตมุนีบ้าง พระนารทดุริยางค์บ้างก็สุดแล้วแต่คนจะเรียก โดยพ่ออาจารย์ท่านได้เฉลยว่าแท้จริงแล้วทั้งพุทธและไสยนั้นได้สืบทอดความเชื่อของฤทธิ์อำนาจและแรงครูแห่งบรมครูฤาษีสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และในความเป็นจริงนั้น พรหมฤาษีนารทคือประธานของเหล่าฤาษีทั้งหมื่นโลกธาตุในแสนโกฏิจักรวาล เป็นศูนย์รวมอำนาจแห่งฤทธิ์แรงครูทั้งหมดทั้งมวล บางครั้งที่เราครอบหัวครูหรือที่เรียกว่าพ่อแก่นั้น พ่อแก่หรือพระภรตมุนีก็คือปางหนึ่งของพรหมฤาษีนารทนั่นเอง

    ย้อนเวลากลับไปเมื่อแรกเริ่มนั้น พ่ออาจารย์ท่านฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างมากด้วยว่าท่านเคลือบแคลงสงสัยว่าจะมีบรมครูลงมาสถิตย์ร่างกายเพื่อร่วมสร้างบารมีกับท่าน แต่ท่านก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นพระองค์ใด จนท่านสามารถสื่อกับครูได้และองค์พรหมฤาษีนารทนั้น ได้เมตตามีเทวราชบรรหารประทานกรับหิน คือเครื่องใช้ตีให้เกิดจังหวะ อันเป็นสื่อตัวแทนดุจสัญลักษณ์ของพระองค์ท่านให้พ่ออาจารย์ไปอัญเชิญมารักษาไว้ โดยกรับนี้ได้ปรากฏขึ้นตรงตามนิมิตรใต้ต้นไม้หนึ่ง หลังจากพ่ออาจารย์ท่านอัญเชิญมา ก็ได้นำมาถวายเป็นเครื่องบริโภคไว้สำหรับเทวรูปพระนารทมุนี และต่อจากนั้นก็ได้เกิดอภินิหาริย์เป็นอันมาก โดยเฉพาะแรงครูอันน่ามหัศจรรย์หลากหลายประการที่คอยเกื้อหนุนช่วยเหลือศิษย์ แต่พ่ออาจารย์ท่านเองก็ยังไม่ได้ยกย่องบอกกล่าวให้ชื่อท่านเป็นที่ประจักษ์ ด้วยเหตุผลสั้นๆว่ายังไม่ถึงเวลา ในระหว่างนั้นท่านก็มีดำรินึกคิดว่า แต่โบราณกาลจำเนียรกาลผ่านมาหลายร้อยปี คนมักจะประดิษฐ์หัวครูเป็นศรีษะพ่อแก่เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระมุนีนารท ท่านจึงเรียนปรึกษาพรหมฤาษีนารท ด้วยหวังจะกระทำพระรูปที่แท้จริงให้ปรากฏสืบทอดต่อไปเสียคราวหนึ่ง เพื่อจะได้เข้าถึงขุมพลังแห่งครูอย่างแท้จริง โดยท่านได้รับการอนุญาติและอำนวยความสะดวกอย่างดี


    พระมุนีนารทหรือพรหมนารอดนี้มีความสำคัญอย่างไร พ่ออาจารย์ว่าท่านมีกำเนิดที่สูงส่งคือเป็นจิตที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากครรภ์ จากไข่ จากการถือกำเนิดแบบวัฏสงสาร ท่านจึงอยู่เหนือกฏแห่งกรรมมีฐานะพิเศษที่วัฏจักรหรือสังสารวัฏไม่สามารถทำอะไรท่านได้ ด้วยท่านถือกำเนิดมาแต่พระประสงค์ของพระพรหม(พระเป็นเจ้า) มีฐานะเป็นมานสาบุตรแห่งพระพรหมมา ด้วยเหตุนี้องค์พระะนารทจึงเป็นปฐมฤาษีและมีฐานะพิเศษสูงสุดด้วยว่าเป็นยอดและเป็นผู้นำของเหล่ามหาฤาษีทั้งมวล ซ้ำยังถูกยกย่องจากบรรดาฤาษีต่างๆให้มีระดับขั้นเป็นทั้งเทวะฤาษี พรหมฤาษี และมหาฤาษีอยู่ในองค์เดียวกัน ด้วยว่าคุณธรรมของท่านนั้นสูงส่งและถึงซึ่งฐานะและทิพยสภาวะทุกระดับนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านเมตตาเล่าว่า แท้จริงแล้วครูพระนารทนั้นท่านรักมนุษย์มาก ด้วยว่าท่านผูกพันธ์อยู่กับมนุษย์ ดังนั้นเวลาศิษย์เดือดร้อนหรือขอสิ่งใดท่านจึงรีบช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งอานุภาพของพระนารทมุนีนั้นจะไม่มีเส้นแบ่งหรือคำว่าทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต่างจากพุทธานุภาพหรืออำนาจของพระเหล่าใด ด้วยว่าพระนั้นยังมีข้อห้ามผิดศีลผิดธรรม แต่ครูนารทนั้นไม่มีข้อห้ามเช่นพระ ก็จะไม่ให้ท่านรักมนุษย์ได้อย่างไร ในเมื่อพระองค์ท่านมีฐานะเป็นพระผู้สร้าง เป็นหนึ่งในผู้ที่สร้างมนุษย์ มนุษย์แต่โบราณจึงยกย่องท่านไว้สูงสุดในฐานะพระมหาประชาบดีนารท คือเป็นเจ้า เป็นใหญ่เหนือประชากรทั้งปวง

    และที่สูงเสียยิ่งกว่านั้น พระนารทมุนีท่านมีฐานะพิเศษอยู่คือเป็นหนึ่งในเจ็ดยอดมหาฤาษีที่เรียกกันว่าสัตปะฤาษี พ่ออาจารย์ท่านเคยถามสมเด็จองค์ปัจจุบันเกี่ยวกับสัตปะฤาษีนี้ แม้ในหมู่พระพุทธเจ้าทั้งปวงก็ยังรู้และยืนยันว่ามีอยู่จริงซ้ำพระองค์ยังยกเอาไว้ในกลุ่มผู้มีฐานะพิเศษที่จะไม่ก้าวล่วงกัน สัตปะมหาฤาษีหรือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดนี้มีฐานะดุจว่าเป็นแบบอย่างของเหล่าฤาษีและผู้ถือบวชถือพรตทั้งปวง ด้วยว่าจะมีชีวิตยืนยาวอยู่เฉกเช่นเดียวกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้อยู่ใกล้คำว่าอมตะที่สุด

    ดังนั้น ครูพระนารมุนี พ่ออาจารย์ท่านจึงให้ความสำคัญมาก ด้วยว่าแม้ในฐานะที่ท่านดำรงค์อยู่ ทั่วทั้งตรีโลกนี้จะหาครูผู้มีฐานะสูงสุดทั้งเป็นประธานในเหล่าฤาษีดุจว่าเป็นครูที่อยู่เหนือครูทั้งมวลและยังทรงคุณธรรมสถานะของเทวะฤาษี พรหมฤาษี และมหาฤาษีไว้อย่างครบถ้วน ซ้ำยังเป็นมหาประชาบดีมีฐานะเป็นใหญ่ปกครองฝูงชนและเป็นหนึ่งในเจ็ดยอดผู้ยิ่งใหญ่สัตปะมหาฤาษี ท่านว่าตรีโลกนี้จะหาผู้มีฐานะพิเศษเช่นครูพระนารท หาอย่างไรเสียก็ไม่มีวันเจอ

    กอปรกับอานุภาพที่เป็นเอก ที่พระนารทมุนีนั้นเป็นผู้เดียวที่สามารถเดินทางไปในหมื่นโลกธาตุทั้งแสนโกฏจักรวาลได้อย่างอิสระปราศจากความขัดข้องสามารถสอดส่องไปได้ทั่วจึงเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความรู้มาก รู้ในทุกสิ่ง รู้ในกาลทั้งสามคืออดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ความเป็นไปของโลกธาตุทั้งหมดอย่างละเอียด ด้วยความรู้นี้แม้ทางพระพุทธศาสนาครูบาอาจารย์แต่โบราณก็ยังยกย่องพระนารทเอาไว้ว่า องค์พระฤาษีนารอด อันเธอทรงยอดพระปิฏกกัณไตร หรือจะกล่าวอย่างง่ายก็คือแม้ธรรมของพระผู้มีพระภาคท่านก็รู้อย่างละเอียด ไม่เฉพาะของสมเด็จองค์ปัจจุบัน แม้จะเป็นธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเสด็จออกประกาศศาสนาอยู่ในโลกธาตุอื่นๆท่านก็รู้เสียทั้งหมด เช่นนี้ท่านจึงเป็นมหาฤาษีผู้ถูกยกไว้ในฐานบรมครูผู้มีฐานะพิเศษ ซ้ำพระองค์ท่านยังเป็นดุจฑูตสวรรค์ที่คอยบอกกล่าวตักเตือนเหล่ามนุษย์ ซ้ำยังประทานกฏหมายเอาไว้ให้มนุษย์ปกครองกัน โดยเรียกกฏหมายนั้นว่านารทิยธรรมศาสตร์ แล้วก็พระมหามุนีนารทผู้นี้อีกนั่นเองที่เป็นผู้เล่าเรื่องมหากาพย์รามายณะให้ฤาษีวาลมิกิฟังจนภายหลัง พระพรหมเทพจึงมีโองการให้ฤาษีวาลมิกิรจนาพระคัมภีร์ขึ้นเป็นที่มาแห่งเรื่องราวรามเกียรติ์อันจะประกาศเกียรติยศของพระรามให้สถาพรคู่โลกสืบไป

    ด้วยว่าพระนารทมุนีนั้นท่านมีความรู้มาก ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังบอกว่าท่านถนัดนัก คือมีความชอบส่วนพระองค์ มีความสามารถส่วนพระองค์ถนัดในทางเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างสูงสุด เรียกว่าแรงและเหนือกว่าอย่างที่สุดในวิชาทั้งปวง เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะสร้างมงคลแทนครูเพื่อจะให้มีประโยชน์สืบไปแก่ผู้ครอบครองนั้น ท่านจึงได้ขอนิมิตรลักษณะจะทำครูในพระรูปใด ซึ่งพรหมฤาษีนารทเองก็ได้แสดงนิมิตรแก่พ่ออาจารย์ ให้สร้างพระรูปท่านโดยสัญลักษณ์ที่ท่านถือวีณาหรือพิณน้ำเต้าและกรับ อันเป็นมายาภาพที่ท่านใช้ประจำดุจว่าเป็นกายสังขารที่แท้จริง และให้เพิ่มสิ่งสำคัญเข้าไปสองสิ่ง เป็นเครื่องบริโภคที่ท่านถือไว้ พ่ออาจารย์จึงได้ทำให้มีสี่พระกรตรงตามนิมิตร
    - สังข์ ท่านว่าเป็นของมงคล อยู่ที่ใดย่อมดึงเอาสิ่งที่ดีงามมาตกต้องผู้บูชา ด้วยสังข์นั้นเคยเป็นเครื่องบรรจุพระเวทย์ของมหาพรหม เป็นที่กักเก็บความรู้แลสรรพวิทยาทั้งหมด ท่านว่าความรู้นี้จะเป็นแสงสว่าง แม้ชีวิตใครยังมืดมัวไม่เห็นทางครูท่านก็จะนำไป เป็นเครื่องหมายดุจสัญญาใจที่ให้กันไว้ว่าเมื่อศิษย์ระลึกถึงครูฉันใด เราก็จะไม่ทิ้งกันฉันนั้น
    - บ่วงพรหมบาศก์ เป็นเครื่องบริโภคแห่งพระบรมบิดาพรหมเทพที่ได้มอบไว้แก่พระนารทมุนี ด้วยว่าบ่วงนี้จะฉุดชักนำศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดด้วยปกาศิตแห่งพรหม หรือจะผูกมัดคู่มิตร คู่ครองไว้ให้เป็นคู่กัน ไม่แยกออกจากกัน ซ้ำบ่วงนี้ยังเป็นเทพอาวุธอันมีอานุภาพมาก ท่านสามารถใช้ผูกมัดดวงวิญญาณสัตว์อันมืดบอดและมีอกุศลจิตเป็นมนุษย์ผู้ใจบาปลงนรกภูมิได้ และยังใช้ลงทัณฑ์กรรมแก่ผู้มีจิตคิดชั่วไม่วาจะเป็นเทพ ฤาษีหรือภูติผีจอมมารเหล่าใด บ่วงพรหมบาศก์นี้จึงเป็นเทพอาวุธอันมีอานุภาพมากที่สรรพชีวิตหวาดเกรงด้วยว่าสามารถพรากภพพรากภูมิได้ จะฉุดให้ลงต่ำหรือขึ้นสูงก็ได้ ท่านว่าครูท่านต้องการจะฉุดชักให้ผู้บูชาเจริญรุ่งเรือง ซ้ำยังป้องกันคนคิดร้ายและสิ่งไม่ดีตลอดจนภูติผีปีศาจหรือการกลั่นแกล้งจากเหล่าเทวดามิจฉาทิฏฐิและจอมมารทั้งหลาย ซ้ำยังเป็นอุปเท่ห์ทางเสน่ห์เมตตามหานิยมดึงดูดคู่ครองผูกมัดด้วยอำนาจแห่งพรหมลิขิต ท่านว่าถ้าใครยังไร้คู่หรือยังสนุกกับกามคุณทางโลก ก็ให้อธิษฐานบอกครูท่านเลย

    * พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าครูฤาษีนี้จะเฮี้ยนและแรงกว่าอาราธนาพระหรือเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ

    เหรียญตรีกาลพรหมฤาษีนารทนี้ พ่ออาจารย์ท่านได้ขอชื่อจากครูโดยตรง โดยชื่อนี้มีความหมายลึกซึ้งดุจว่าจะสื่ออะไรกับคนใช้ ด้วยว่าท่านอธิบายให้พ่ออาจารย์เข้าใจว่าตรีกาลนี้คือรู้ในกาลทั้งสาม ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต รู้แจ้งในหมื่นโลกธาตุ อันความรู้นั้นเปรียบดุจแสงสว่าง แม้มีแสงสว่างปรากฏที่ใดก็ย่อมทำลายความมืดคืออวิชชาความไม่รู้เสียหมดสิ้น เมื่อมีตัวรู้แล้วทำสิ่งใดก็ไม่มีวันแพ้ไม่มีวันตกอับ ท่านว่าต่อไปนี้ในทุกเรื่อง จะมีแต่คำว่าชนะ แพ้ไม่เป็น

    พ่ออาจารย์ท่านได้หลอมหล่อเหรียญตรีกาลขึ้นจากเนื้อธาตุกายสิทธิ์ล้วนๆอันประกอบด้วยเหล็กไหลขาวหยาดน้ำฟ้าทวาราวดี วัชรธาตุ ปรอทหลวงปู่ละมัย แล้วนำมาแช่น้ำมนต์ธรณีสารและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันรักษาธาตุกายสิทธิ์ออกไป ทั้งนี้เพราะเมื่อสำเร็จเป็นองค์แล้วท่านจึงเชิญพระมุนีนารทลงมาสถิตย์ท่านว่า นี่แหละคือที่สุดแล้ว เพียงพอแล้ว มีพระมุนีนารทอยู่ไม่จำเป็นต้องมีจิตดวงใดอีก ครูองค์นี้องค์เดียว เกินพอ

    ด้วยว่าครูพระนารทนั้นมีวิชาทางเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นเอก ท่านว่ามีความสามารถทางวาทะและการเจรจาที่เป็นเลิศไม่ว่าจะทำให้คนเชื่อ คนปรองดองหรือแตกหัก เอาว่าพูดอะไรไปใครเค้าก็เชื่อ เชื่อหมดเลยก้มหน้าก้มตาเชื่อแบบไม่มีสิ่งใดสงสัย ดียิ่งกว่าพกสาริกาเสียพันตัวล้านตัวก็ยังไม่เท่า เมื่อทำแล้วพ่ออาจารย์ท่านได้จารตะกรุดฝังด้านหลังไว้เรียกว่าตะกรุดนางกลับ ซ้ำยังได้นำมวลสารสำคัญบรรจุปลอดผนึกไว้ภายในด้วย
    - ตะกรุดนางกลับ หรือจะเรียกว่านางกลับใจก็เรียก ที่ว่าไม่รักก็เปลี่ยนกลับมารักมายินดี เอาว่าเปลี่ยนใจคนได้ท่านว่ารู้ไว้แค่นี้พอเพราะอานุภาพมันใหญ่มาก ที่ท่านลงตะกรุดนี้เพราะว่าครูพรหมนารทนั้นท่านสามารถเปลี่ยนใจคนได้ให้เค้าฟังเค้าเชื่อ ถึงขนาดที่ว่าแม้เป็นศัตรูไม่ชอบหน้ากันก็ยังต้องเชื่อฟังกัน ท่านว่าวิชานี้ทั้งสัมพันธ์และเสริมส่งกัน อะไรที่ร้ายจะได้กลับเป็นดี เอาว่าต้องดีและดีมากขึ้นกว่าเดิมด้วยปกาศิตแห่งครู ไม่ดีไม่เอา ไม่ดีไม่ได้ ตรงนี้ชีวิตใครมีเรื่องร้ายๆท่านว่าเป็นเรื่องง่ายๆไปเลย ถ้าจะใช้ทางเสน่ห์เมตตาเวลาพก ก็ให้อาราธนาบอกครูท่านเสียหน่อย เพราะถ้าไม่บอกอาราธนาพกเฉยๆอานุภาพจะเป็นไปในทางกลับร้ายกลายเป็นดี กลับสภาพปัจจุบันให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในฐานะพ่อผู้เป็นมหาประชาบดีอันจะเป็นฐานเสริมส่งผลักดันลูกสืบไป
    - หลอดบรรจุผงเสน่ห์หน้าทัพ ในตะกรุดนางกลับทุกดอกจะมีผงเสน่ห์บรรจุอยู่ดุจว่าเป็นทัพหน้า เป็นแม่ทัพแห่งครูเสน่ห์ทั้งปวง ซึ่งหลอดบรรจุผงนี้พ่ออาจารย์ท่านจะม้วนทับด้วยตะกรุดนางกลับและผนึกเอาไว้ภายใน เนื่องด้วยเป็นมวลสารที่มีอาถรรพ์รุนแรง ท่านจึงเกรงว่าจะนำไปใช้กันไม่ถูกที่ถูกทางเป็นบาปกรรมแต่ตัวเอง จึงเพียงแต่ผนึกไว้เพ่อให้เอาไว้พกพาอาราธนาพอ ท่านว่าแค่พกก็แรงสุดๆแล้ว ซึ่งในหลอดนั้นจะบรรจุไปด้วยมวลสารสามสิ่ง คือ
    1. ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แต่เริ่มเดิมทีสมัยพ่ออาจารย์ท่านได้รับมอบผงพรายกุมารมาจากพระอาจารย์สาครนั้น ตอนนั้นท่านยังไม่ได้สร้างขุนแผนหรืออะไร ยังไม่ได้นำผงพรายกุมารไปใช้ทำอะไร ทำให้มีผงอยู่ในปริมาณหนึ่ง เมื่อท่านทำเหรียญตรีกาลจึงได้นำผงพรายกุมารชนิดหัวเชื้อมวลสารเข้มข้นมาบรรจุหลอดเรียกว่าในปริมาณมากพอตัว สามารถนำไปผสมสร้างพระได้นับร้อยนับพันองค์ ท่านบรรจุไว้ให้ทุกหลอดท่านว่าเอาเถอะ รู้เองเห็นเอง เมตตามหานิยม ทำมาหากินเจริญรุ่งเรื่อง เสน่ห์หลงรักปักใจ ของปลวงปู่ทิมท่านทำมาดีคุมมาดีแล้ว ใช้ได้
    2. กรับหินบรมครู แต่เดิมนั้นสายอ่างทองมักจะทำตะโพน ให้บูชาตะโพน โดยจะเรียกว่าครูตะโพน ซ้ำเวลาจะสร้างพระยังนิยมเอาดินหน้าตะโพนมาผสมเพื่อเป็นมวลสารที่ว่าแรงด้วยเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงสุด ทั้งนี้เพราะเค้าไปเชื่อและยกย่องว่าครูตะโพนนั้นเป็นครูพระฤาษีนารอดนั่นเอง เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำพรหมฤาษีนารทนั้น ท่านไม่ได้ใช้ตะโพน แต่ท่านใช้กรับหินบรมครู อันบรมพรหมนารทมุนีท่านชี้นิมิตรประทานให้ ท่านได้นำกรับหินนั้นมาตะไบเอาผงเพื่อบรรจุลงไปในหลอดมวลสาร ท่านว่าจะทำแล้วทั้งที ก็ใช้สัญลักษณ์ของท่านมาเป็นสื่อถึงองค์ท่านเสียเลย ท่านว่าแรงและเฮี้ยนด้วยฤทธิ์แรงครูเนื่องจากเกิดจากการสร้างสรรค์ของพระองค์ท่านโดยเฉพาะ เป็นของทิพย์ของครูอย่างแท้จริง ท่านว่าจะได้เป็นสื่อให้ทุกคนเข้าถึงครูอย่างสะดวกรวดเร็ว เอาแค่นี้พอ ให้บอกเขาว่าเมื่อเข้าถึงแล้วอยู่ด้วยกันแล้ว มันคือทุกอย่างจริงๆ ไม่ต้องไปอ้อนวอนอะไรอีกแล้ว เพราะท่านอยู่กับเราแล้วนั่นเอง
    3. สีผึ้งนางครวญ เป็นสีผึ้งที่ครูหมอแขกในอดีตอันได้หุงน้ำมันภูติพระเจ้า ซึ่งท่านได้แสวงหามวลสารว่านยาทางมหาเสน่ห์ล้วนๆแรงๆประกอบกับน้ำมันอันมีพรรรณคุณวิเศษมากมายมาหุงสร้างไว้ พ่ออาจารย์บอกว่าวิชาที่ท่านลงนี้แรงขนาด หลายๆวิชาล้วนแต่หายสาบสูญไปแล้วทั้งสิ้น เป็นสีผึ้งหัวเชื้อท่านว่าแม้เท่าปลายเข็มได้พกติดตัวไว้ก็มีอานุภาพมาก ใช้ทางเสน่ห์เมตตาได้สูงสุด เอาว่าวิชาเสน่ห์ครูแขกนั้นแรงหายห่วง แก้ยากเหลือใจ ท่านจึงจำเป็นต้องผนึกเอาไว้ เมื่อจะนำมาใช้ท่านได้บอกกล่าวครูบาอาจารย์นำสีผึ้งไปผึ่งแดดก่อนขอไฟสุริยะหลอมอีกครั้ง เนื่องจากเป็นของเก่าดั้งเดิมทำให้สีผึ้งแข็งดุจหิน

    คาถาบูชา
    โอม ฤฤา มหาฤฤา มหานาโร โธฮิโร กาเรฮิเร บันยังโดว์ เนวาตูซู ซูกาเดียงร์ ฮัม ฮัม โก โก


    * เหรียญตรีกาลพรหมฤาษีนารท(บรรจุผงเสน่ห์หน้าทัพ) พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ 14 องค์เท่านั้น ได้ปลุกเสกเชิญครู ทำวิชามาตก 4-5 ปีด้วยกัน เมื่อมีคนฝันถามเห็นครูนารทไปโปรด และให้มาบูชาครูกับพ่ออาจารย์พล ท่านจึงจะนำออกมาให้บูชากันเสียองค์หนึ่ง ทำให้มีพระเหลือเพียง 6 องค์เท่านั้น สำหรับท่านที่จะบูชาก็ให้ PM จองเอาไว้ได้เลย รายได้ร่วมสมทบทุนบูรณะพระเจดีย์ตามชนบทต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญตรีกาลพรหมฤาษีนารท(บรรจุผงเสน่ห์หน้าทัพ) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพู

    ที่สุดแห่งตะกรุดครูตำรับพระวิษณุนารายณ์ ที่พ่ออาจารย์ท่านได้เพียรสร้างและเสกเอาไว้เป็นอย่างดี โดยเน้นให้เฉพาะคนที่มีความทุกข์ เผชิญหน้าอยู่ในกาลแห่งทุกข์เท่านั้นได้ร่วมทำบุญบูชา

    ถึงขนาดที่ว่าคนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีเรือนคุ้มหัว ไม่มีที่อยู่อาศัย บ้านจะโดนยึดอยู่แล้วนั่นแหละ พลิกกลับกลายเป็นความสุขได้ มีกิจการใหญ่โตได้ ท่านจึงว่าวิชานี้ช่วยให้เจริญรุ่งเรืองได้อย่างถึงที่สุด

    เมื่อสามปีก่อนนั้น ท่านมีนิมิตรถึงครูสมเด็จโต ได้แนะนำวิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมี ท่านจึงจดจำไว้ด้วยว่าเป็นวิชาสำคัญในองค์สมเด็จบรมครูท่าน หลังจากนั้นท่านจึงได้ลงตะกรุดขึ้นมาแต่ตะกรุดชุดนั้นขรัวโตได้นิมิตรบอกท่านเสมอว่ายังไม่สมบูรณ์ ยังใช้ไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านจึงนำตะกรุดเหล่านั้นไปเป็นชนวนหล่อพระต่อไป จนกระทั่งท่านได้ลงตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพูนี้ ท่านจึงนำวิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมีมาลงเสริมเข้าไป จึงเป็นอันว่าใช้ได้และสอดรับกันอย่างถึงที่สุด

    ตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพูนี้ เป็นเวทย์วิชาหนึ่งที่พ่ออาจารย์อธิบายว่า พระนารายณ์นั้นท่านเป็นใหญ่ในตรีโลก เวลาโลกไหนเขามีเรื่องเดือดร้อนปั่นป่วน จะเป็นธุระท่านต้องไปแก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆเสมอ แม้จะร้ายแรงถึงขั้นปราบปรามก็ทรงต้องทำ เอาว่าเรื่องร้าย กาลแห่งทุกข์ ความเดือดร้อน กลียุคทั้งหมดทั้งสิ้นฉิบหายหมด เหลือแต่ความสุขสงบและสันติภาพ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้อวตารลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อจะล้างโคตรยักษ์มารและอสูรใจพาลทุจริตทั้งหลายตนแล้วตนเล่าให้สิ้นโลก

    พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าวิชานี้ไม่มีคนทำ และท่านอยากให้ผู้ที่มีบุญญาบารมีคู่ควรแก่กันได้ใช้เป็นของคู่กาย จึงได้เสี่ยงสัตย์ขอมหาเทพพระวิษณุนารายณ์เสียซักหน ซึ่งท่านก็ได้อนุญาติให้พ่ออาจารย์ทำไว้เพียง 9 ดอกเท่านั้น

    ตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพูนี้ ด้วยอาศัยคุณแห่งศรีหริวิษณุเทพเป็นปฐม มีคุณยิ่งใหญ่สามารถเบิกฟ้าเบิกดิน ที่มืดมิดก็ให้พลันสว่าง ที่อับเฉาแห้งเหี่ยวไปก็ให้กลับอุดมสมบูรณ์ เรียกว่าเปลี่ยนฟ้าเปลี่ยนชีวิตกันทีเดียว ที่แล้วก็แล้วกันไป ดุจว่าเบิกฟ้าใหม่ รับอรุณดวงใหม่ มีชีวิตใหม่ ซ้ำยังมีอานุภาพเป็นมหาปราบ ปราบหมดซึ่งเสี้ยนหนามอุปาทวอันตรายทั้งปวง ท่านว่าทั้งสกลชมพูทวีปนี้ หามีใครเอาชนะเราได้ไม่ เป็นที่สุดแห่งชัยชนะ จะทำการณ์กิจสิ่งใดแพ้ใครเขาไม่เป็น ปราบทั่วทั้งชมพู มีชัยทั่วพื้นพระธรณี

    ด้วยอานุภาพแห่งตะกรุดนั้น พ่ออาจารย์ได้ชักยันต์ลงรูปพระวิษณุนารายณ์ โดยที่ระหว่างลงนั้นท่านได้กลั้นใจทำคาบสมาธิร่ายประสิทธิ์ด้วยเวทย์วิษณุมนต์ เพื่อให้พระรูปนี้เป็นมากกว่าพยนต์นารายณ์หรือเป็นเพียงรูปสามัญธรรมดาทั่วไป แต่พระรูปนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเปรียบเสมือนหนึ่งครูพระนารายณ์โดยแท้จริงที่ผู้บูชาสามารถเข้าถึงได้ด้วยศรัทธา เมื่อลงรูปปลุกยันต์นั้นท่านได้ลงจารเป็นรูปพระนารายณ์เหยียบหัวยักษ์หรืออสูรเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า ซึ่งท่านว่าวิชานี้มีอาถรรพ์แรงนักแต่โบราณครูบาอาจารย์จึงไม่นิยมลงปลุกกันเพื่อมอบให้ศิษย์หากไม่รักและเชื่อใจกันจริง ท่านว่ายักษ์นั้นเป็นตัวแทนของความทุกข์ อวิชชา ความตกต่ำยากแค้นลำบาก จะเรียกว่าตัวนนทกหรือนนทุกข์ก็ได้ ไอ้ตัวทุกข์หรือเจ้าแห่งความทุกข์นี่แหละที่พระนารายณ์ท่านเหยียบท่านสะกดไว้ เป็นอุบายที่ความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายแต่นี้ต่อไปอย่าได้บังเกิดมี เพราะท่านข่มท่านระงับไว้เสียหมดเช่นนั้น ซ้ำยังเป็นมหาอำนาจที่ตัวเราเองนั้นจะยิ่งใหญ่อยู่จุดสูงสุด ท่านว่าต่อให้มีผู้เรืองอำนาจเพียงไหนเราเหยียบหัวคนเขาอื่นขึ้นไปหมด เขาจะเคารพเทิดทูนเรานัก

    ตะกรุดดอกนี้เป็นตะกรุดสำคัญ เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านได้ลงวิชาพระเวทย์วิษณุมนต์ไว้ปลุกพระนารายณ์ให้ตื่น ให้ท่านข่มท่านต่อต้านความทุกข์ตลอดเวลา ซ้ำด้วยอานุภาพแห่งพระนารายณ์นั้น โดยปกติยังได้ชื่อว่าเป็นอริกับดาวบาปเคราะห์ทั้งหมดด้วย ก็พราะนารายณ์นี่เองที่ขว้างจักรตัดกายพระราหูขาด ดังนั้นพระราหูจึงเกรงกลัวพระนารายณ์มากใครมีตะกรุดวิชานี้อยู่ท่านว่าราหูเขาหนีไกลร้อยโยชน์พันโยชน์ ยิ่งดาวบาปเคราะห์ที่ทรงอานุภาพสูงสุดอย่าพระเสาร์หรือศนิเทพ ก็ยังเป็นศิษย์ให้ความเคารพสูงสุดแก่พระนารายณ์ เมื่อเห็นคนที่มีญาณแห่งพระนารายณ์แฝงและคุ้มครองแล้ว แม้จะเป็นศนิเทพก็ย่อมจะอวยชัยให้พรไม่เข้ามาทำร้ายด้วยเคารพในครูพระนารายณ์นั่นเอง ใครที่กลัวดวงจะตก จะต้องเคราะห์กรรม คอยเป็นกังวลกับชะตาชีวิต ปีนี้ดาวไหนจะจรดวงจะตกไหม จะชงไหม จะแก้อย่างไร จุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้ลงวิชาพิเศษกำกับไว้เสริมให้พระนารายณ์นั้นมีคุณยิ่งขึ้นไปอีกในทางต้านเคราะห์กรรมด้วยวิชาพรหมหนุนดวง อาศัยบารมีพรหมในปัญจสุทธาวาสมหาพรหมชักยันต์เชิญครูประสิทธิ์วิชา ถึงขนาดที่ท่านบอกเอาไว้ว่า วิชานี้ติดตัวไว้สบายไปเจ็ดชั่วชีวิตเพราะว่าทุกข์มันหนีไกล ช่วยไม่ได้อย่างเดียวคือตอนถึงที่ตาย หากไม่ถึงคราวตาย อะไรก็ทำลายเราไม่ได้ ท่านว่าวิชานี้สำคัญเพราะคนใช้เจริญขึ้นโดยส่วนเดียวไม่มีตกต่ำ แต่คนใช้อย่าใช้ในทางที่ผิด อย่าทำลายตนเองก็พอ มีข้อห้ามอยู่สองอย่างคืออย่าทำลายตนเองและก็อย่าตายนอกนั้นถือขึ้นหมด

    ท่านว่าตะกรุดดอกนี้สำคัญนัก เพราะเป็นเมตตาแห่งครูบาอาจารย์ที่ประสงค์จะช่วยสัตว์อันผจญเวรผจญกรรมหลงอยู่ในห้วงวัฏสงสารในทั้ง 31 ภพภูมิให้หลุดออกจากทุกข์ด้วยกรุณาแห่งพระวิษณุนารายณ์ โดยพ่ออาจารย์ท่านได้ลงวิชาไว้สองส่วนผสานกันทั้งหน้าหลัง กลืนกันทั้งพุทธศาสตร์และไสยศาสตร์ ด้วยว่าจะทำให้ผู้บูชานั้นเจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุด ซ้ำยังไม่ตกไปในอวิชชาความเลวร้าย มายาภาพทั้งหลายอันจะเป็นเหตุให้ตกสู่อบายภูมิด้านในตะกรุดท่านจึงลงวิชาเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพูไว้ และด้านนอกท่านได้อาราธนาครูสมเด็จมาประสิทธิวิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมีอีกคำรบหนึ่ง

    วิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมีนั้นเป็นวิชาสำคัญ อาศัยเหตุที่พระมหาโพธิสัตว์จะได้ตรัสพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า และจะได้มีชัยแก่กองทัพของพญาวสวัตตีมาราธิราช ซึ่งเป็นกองทัพใหญ่ที่แม้แต่จอมเทพอย่างพระอินทร์หรือท้าวมหาพรหมทั้งหลายก็ยังหวาดกลัวได้หนีการอารักขาออกไปไกลเสียขอบจักรวาฬ เป็นเหตุให้พระมหาโพธิสัตว์เจ้าได้อธิษฐานเสี่ยงบารมีจนพระแม่ธรณีได้หลั่งอุทกธารามาพัดพากองทัพพญามารนั้นหายไปสิ้น วิชานี้ที่ว่าสำคัญนั้นเพราะท่านว่าเป็นปกติที่คนเกิดมามีชีวิต จะเป็นที่พึงรักพึงชังกับสัตว์ทั้งหลาย ที่รักก็ดีไป แต่ที่ชังนั้นด้วยจิตใจมนุษย์ในปัจจุบันนี้ มีแต่จะอิจฉาริษยากันรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกคราวไป ท่านว่าต่อไปใจมนุษย์นั้นจะหยั่งยากเสียยิ่งกว่ายาก น้ำใจนิสัยก็จะพาลอำมหิตขึ้นกว่าแต่เก่าก่อน ความอาฆาตริษยามาตรร้ายจ้องแต่จะทำลายซึ่งกันและกันจะมีปรากฏไปทั่ว แม้แต่มิตรหรือญาติสนิทก็จะทำลายกันด้วยเหตุของผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย ท่านว่าสังคมอยู่ยากขึ้นกว่าเดิม วิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมีนั้นเป็นวิชาที่เราไปอาราธนามหาบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในนิพานทุกพระองค์มาเกื้อกูลผู้บูชา ไม่เพียงแต่ศัตรูผู้คิดร้ายจะทำร้ายเราไม่ได้ ซ้ำยังจะแพ้ภัยตนเองและตกไปอยู่ในห้วงกฏแห่งกรรมต่อไป

    ซ้ำวิชานี้ยังสำคัญนัก เมื่อเราเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน ปรารถนาจะเสี่ยงโชคลาภหรือปรารถนาจะเสี่ยงดวง จะแข่งขัน จะสอบ จะเข้าหาผู้ใหญ่ จะไปเผชิญอันตราย หรือทำสิ่งใดที่เราคิดว่ายากนะ มันไม่สามารถเป็นไปได้นะ มันไม่น่าจะสำเร็จนะ ท่านว่าให้ยกมือไหว้ตะกรุด นึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์และสมเด็จโตเป็นที่สุดเถิด อธิษฐานขอบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน จะให้ท่านช่วยอะไรเหตุผลไหนเพราะอะไรก็กล่าวไปท่านว่าสำเร็จทั้งสิ้น
    ตะกรุดดอกนี้แม้อาราธนาไว้กับตัวจะเป็นตบะเดชะ กันโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายและกันคุณไสยอวิชชาการกระทำย่ำยีทั้งปวง อาราธนาไปที่แห่งใดท่านว่าเราชนะเขาทั้งสิ้น ตรงนี้สำคัญนัก
    * พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้อยากให้เป็นเสน่ห์ท่านว่าจะเป็นเสน่ห์อย่างถึงที่สุดเหลือประมาณ โดยให้ผู้บูชาตั้งใจระลึกถึงคุณของพระวิษณุนารายณ์อาราธนาตะกรุดลงแช่น้ำ แล้วเอาน้ำนั้นมาสระหัวเสียท่านว่าใครเห็นใครก็รักเป็นเสน่ห์เมตตา แม้นั่งภาวนานึกถึงผู้ใดแบบเฉพาะเจาะจงท่านว่าคนผู้นั้นรักเราจนโงหัวไม่ขึ้นด้วยคุณแห่งพระนารายณ์
    การใช้วิธีนี้ท่านว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทางเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเสมอไปจะใช้ให้เจ้านายรักเอ็นดูก็ได้ ท่านว่าแม้ทำผิดมีโทษหนักถึงตายยังอภัยได้เพราะเอ็นดูเรานัก แม้คนอื่นจะโหดร้ายคลุ้มคลั่งอย่างไรก็กลับกลายเป็นรักใคร่เราได้ เชื่อมั่นและภักดีกับเราแบบไม่เสื่อมคลายเป็นความรักแบบพิเศษเพราะเป็นรักที่ให้ความเคารพนั่นเอง


    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงวิชาทั้งด้านหน้าและหลังเต็มสูตรแล้ว ท่านต้องประกอบพิธีปลุกเสกแยกกันถึงสามวาระ โดยวาระแรกท่านชุมนุมครูบาอาจารย์อธิษฐานจิตตามพุทธศาสตร์ เชิญองค์สมเด็จโตบรมครูมาช่วยเปิดและครอบวิชาทำทีละดอกทีละแผ่น หลังจากนั้นจึงบวงสรวงพระวิษณุนารายณ์ปลุกเสกตามพระเวทย์คติฮินดูจนมั่นใจว่ามีบารมีมีญาณของพระวิษณุนารายณ์สถิตย์อยู่แล้ว จึงนำมาอธิษฐานจิตรวมปลุกวิชาต่างๆอีกคำรบหนึ่ง ถือเป็นครั้งแรกที่พ่ออาจารย์ท่านได้มีการจัดสร้างตะกรุดวิชาครูพระนารายณ์แบบลงพระรูปเต็มสูตร

    คาถาบูชา
    โอม นารายะนายะ วิทัมเห วาสุเทวายะ ธีมะหิตันโน วิษณุ ประโจทะยาต

    ตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพูนี้ เพื่อให้พกพาอาราธนาสะดวกท่านจึงม้วนด้านสั้น ทำให้มีขนาดไม่ใหญโต ก่อนที่ท่านจะไปใช่แช่ในน้ำทิพมนต์ โดยใช้น้ำที่ผุดขึ้นตามถ้ำ ตามเศียรพระ และบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาประกอบพิธีปะสระโลหิตอีกหนหนึ่ง ซึ่งท่านได้ทำวิชาปะสระโลหิตตามธรรมเนียมการสงเคราะห์สัตว์ของพระมหาโพธิสัตว์ในสายพุทธภูมิเพื่อให้เครื่องมงคลนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด และที่สำคัญท่านว่าจะได้ช่วยขนถ่ายความทุกข์นำสัตว์ที่ได้ทุกข์ออกจากทุกข์อย่างฉับไวเสริมส่งกันไปด้วยคุณวิชาเสริมทับลงไปอีก ท่านว่าเป็นตะกรุดที่ทำยากต้องใช้เวลานานนับปีจึงจะทำได้สำเร็จ

    * เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านได้สร้างขึ้นมาเพียง 9 ดอก และมีบูชาไปบ้างแล้ว สำหรับท่านที่ต้องการจะบูชานั้น ให้แจ้งข้อความไว้เฉพาะทาง PM รายได้ทั้งหมดร่วมสมทบบุญใหญ่วิหารทานตามวัดที่ทุรกันดารสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเบิกฟ้าบรมครูพระนารายณ์ปราบชมพู บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2023
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,481
    ค่าพลัง:
    +17,874

แชร์หน้านี้

Loading...