ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวิฬาร์ย่ำเหยียบเงาหมื่นกฏไม่ใช่เรื่องของเรา(เงาปรากฏรวยอมตะ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือ (ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ)

    โดยปกติแล้วสำหรับคนที่เล่นอาคมหรือใช้เครื่องรางของขลังก็ดี สิ่งที่เขากลัวที่สุดย่อมเป็นการได้มาและเสื่อมไปของอานุภาพแห่งคาถาอาคมนั้นและความฉิบหาย หายนะที่จะเกิดขึ้นในวันที่เครื่องรางไร้พลังงาน ด้วยพลังงานในวัตถุมงคลและคาถาอาคมต่างๆก็ถือเป็นปัจจัตตังมีเกิดขึ้นและเสื่อมสลายเช่นเดียวกับกฏของสังสารวัฏ แต่ทั้งนี้หลังจากที่หลายคนสอบถามกันเข้ามามากๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าอัจฉริยาจารย์แต่เมื่อกาลโบราณนั้น ท่านก็มีวิธีทำ วิธีสร้างและตรึงพลังงานให้อยู่ในเครื่องมงคลได้ตลอดนับกัปกัลป์เช่นกัน ท่านว่าถึงขนาดที่ว่าพลังงานจะไม่เสื่อมสูญลง เรียกว่าใช้อย่างไรก็ไม่เสื่อมหากไม่กลายเป็นน้ำเป็นฝุ่นอยู่ตรงนั้น ในเมื่อจะทำแล้วก็จะทำของวิเศษที่ได้ชื่อว่าแรงที่สุดไว้ทีเดียว


    จำเนียรกาลข้ามผ่านวันเวลา โลกได้หมุนวนเข้าสู่กาลโกลาหล พฤติกรรมของสัตว์โลกย่อมเรรวนขึ้นลงเป็นอันมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนได้ทุกข์ได้ร้อนเพราะความแค้น ความอาฆาตพยาบาทที่เพื่อนมนุษย์พึงมีใส่กัน แม้ในเหตุเล็กๆน้อยๆก็กลับกลายเป็นผูกเวรอาฆาตรุนแรงทำให้เป็นกรรมติดตามภพชาติส่งผลให้ผูกเวรและจะต้องเกิดร่วมชาติเพื่อใช้กรรมร่วมกันไม่รู้สิ้นรู้สุด


    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีดำริจะทำพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือหรือที่ท่านเรียกว่าไพรีพินาศ ท่านว่าสมัยนี้มีทั้งคนที่พยาบาทมุ่งร้ายด้วยพื้นฐานจิตใจที่ผิดปกติ มีทั้งคนที่กระทำคุณใส่ผู้อื่นด้วยอวิชชาและไสยศาสตร์ ท่านจึงอัญเชิญพุทธบารมีของสมเด็จพระพุทธเรวัตตะมาสงเคราะห์มนุษย์ที่เกิดในกาลโกลาหลซึ่งจิตใจด้านลบจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัวในอนาคตเช่นนี้ให้ผ่านพ้นไป


    แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จะเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งในทุกโลกเสมอกัน แต่บารมีเฉพาะทางอันเป็นอุปนิสัย เป็นพุทธวิสัยที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็แตกต่างกันไป จากการที่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญบารมีมาแตกต่างกันนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้ท่านอุบัติมาในสมัยที่โลกอยู่ในความโกลาหล มีมารในจิตมนุษย์อยู่มาก มีการกระทำคุณไสย มนต์ดำพวกไสยศาสตร์อวิชชาขั้นรุนแรงเหนือยิ่งกว่ายุคสมัยใดปองร้ายพุทธบริษัทแทบจะตลอดเวลาชนิดไม่ไว้หน้าองค์พระศาสดากันเลยทีเดียว แต่สมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้ก็ได้สงเคราะห์พุทธบริษัททั้งหลายอยู่เนืองๆจนการพยาบาท การกระทำคุณไสยทั้งหลายสะท้อนย้อนกลับไปยังความพินาศแก่ผู้คิดร้ายให้เกิดขึ้นเสมอ ดังนั้นพระองค์ท่านจึงมีบารมีมากทั้งด้านเฉพาะทางมีความชำนาญที่จะสงเคราะห์สัตว์โลกและพุทธบริษัททั้งหลายที่ตกอยู่ในห้วงการกระทำ การกลั่นแกล้ง ทั้งจากอำนาจหน้าที่ สถานะหรือแม้แต่การกระทำด้วยศาสตร์นอกรีต ศาสตร์เหนือธรรมชาติใดๆให้พ้นจากการรังแกกดดันของผู้อื่นได้


    พ่ออาจารย์ท่านดำริว่าหากจะทำพระไพริพินาศให้ไพรีพินาศทันตาจริงๆก็ต้องใช้พุทธบารมีของสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้เองในการสงเคราะห์พุทธบริษัททั้งหลาย ท่านจึงได้กำหนดขออนุญาตให้สมเด็จพระพุทธเรวัตตะสงเคราะห์ด้วยจะสร้างพระให้แก่ผู้นับถือนำไปใช้ฉลองศรัทธาก้าวข้ามผ่านกาลโกลาหลเป็นมงคลทุกกาลสมัย สมเด็จพระศาสดาทรงรับคำดีแล้วพ่ออาจารย์ท่านจึงสร้างพระไพรีพินาศตำรับของท่านด้วยวิชาเต็มรูปแบบครั้งแรก


    ท่านได้แกะบล๊อคปั้นหุ่นเทียนสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนั่งประทับในลักษณะพระไพรีพินาศเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ท่านได้นำหุ่นเทียนนั้นมาโสรจสรงน้ำทิพย์มนต์บอกกล่าวสมเด็จท่านเป็นขั้นเป็นตอน โดยสมเด็จท่านแนะว่าให้สร้างรูปท่านด้วยสิ่งสูงค่าที่สุดเท่านั้น ยิ่งสูงค่าเท่าไหร่องค์พระก็จะยิ่งมีพุทธานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ด้วยพุทธดำรัสนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงคิดแต่ว่าเราต้องใช้ทองคำหล่อกระมัง แต่หากใช้ทองคำแล้วราคาต้นทุนก็จะยิ่งสูงมากขึ้นยากที่คนมีปัญหาจะได้บูชาหรือคนทั่วไปมีไว้ในครอบครองได้ แม้จะใช้เงินอานุภาพก็ยังเป็นรองทองคำอยู่ดี คิดได้เช่นนี้ท่านจึงวิตกว่าพระรุ่นนี้หากทำแล้วคงไปตกอยู่กับพวกเจ้าพวกนายทั้งหลาย ตกอยู่กับเฉพาะชนชั้นที่มีอำนาจในตัวอยู่แล้ว ไม่ตกอยู่กับคนที่โดนกดขี่ทั่วไปผิดวัตถุประสงค์แรกเริ่มแน่นอน ท่านวิตกอยู่เช่นนั้นจนสมเด็จท่านแนะให้ใช้ธาตุกายสิทธิ์สร้างขึ้น ท่านว่าจะมีสิ่งใดมีค่าและมีอานุภาพไปกว่าธาตุกายสิทธิ์ได้อีก "และนี่จะเป็นครั้งแรกในทุกๆโลกที่สร้างรูปของเราโดยใช้ธาตุกายสิทธิ์" เมื่อมีทางสว่างพ่ออาจารย์ท่านจึงนำธาตุกายสิทธิ์มาหล่อหลอมผสมทองคำบางสะพานที่มีอาถรรพ์มากและเงินพดด้วงอันเป็นโลหะสูงค่าที่สุดของมนุษย์ลงไปเป็นหัวเชื้อโดยลำดับ


    ปกตินั้นพระไพรีพินาศจะมีคุณเป็นทั้งมหาปราบและมหาระงับในตัวเอง คือปราบปรามเรื่องไม่ดีทั้งหลายรวมถึงระงับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดในชีวิต การจะเสกพระไพรีพินาศได้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าต้องลงคุณให้ครบ ทั้งปราบ ระงับ สะท้อนย้อนกลับ รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดวงชะตาทั้งดวงคุด ดวงแตก ดวงแย่ ดวงไม่ดี มีแต่ศัตรู ทำมาหากินไม่ขึ้น พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ราหูทับ เล็งลัคนาต่างๆ เรื่องเหล่านี้ต้องมีครบเพราะเป็นปัญหาทำให้คนดีๆพินาศได้จริง ...ไพรีหรือศัตรู ทั้งที่มองไม่เห็นหรือมองเห็นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์ ได้ชื่อว่าคอยกลั่นแกล้งให้ร้ายเราต่างๆนาๆ คอยหาเรื่องหาราว สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจไม่สิ้นสุด พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาพระฉันนี้ไปอาราธนารับรองได้ว่าไพรีพินาศปราศจากเคราะห์ภัย หายเจ็บหายไข้ได้เป็นใหญ่เหนือคน


    พ่ออาจารย์ท่านได้รับพุทธดำรัสในสมเด็จพระพุทธเรวัตตะให้นำรูปเคารพท่านที่หล่อมาจากชนวนกายสิทธิ์นี้ นำไปเสกในฤกษ์สุริยคราสเก้าครั้งเป็นปฐมฤกษ์ก่อน โดยสมเด็จท่านจะมาทำพิธีให้ทุกครั้ง การเสกเช่นนี้หรือที่ท่านเรียกว่าฤกษ์ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ อุปมาเหมือนตะวันแม้จะยิ่งใหญ่ร้อนแรง มากอำนาจ มากบารมีล้นฟ้าทั้งสะกดทั้งข่มแสงดาวดาราน้อยใหญ่ชนิดที่ว่าไม่ปรากฏดาวใดเทียบเคียงรัศมีเสมอเหมือนได้ เป็นที่ขยาดหวาดกลัวในอานุภาพปานนั้นยังดับลงได้ สิ้นแสง สิ้นอานุภาพไม่หลงเหลือเช่นนั้น เก้าคราสดับตะวันฉันใดก็ดีไพรีแม้มีอำนาจยิ่งใหญ่ดุจดวงตะวันก็ย่อมดับย่อมพินาศไปฉันนั้น(พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จท่านเมตตามากนะให้ใช้สติตรองดูกันเถิด เพราะทอดสายตาไปทุกวันนี้ตลอดจนในอนาคตกาลก็จะไม่ปรากฏมนุษย์ผู้ใดที่มีบารมีมากพอจะอุปมาได้กับดวงตะวันนั่นเอง มนุษย์ที่จะเปรียบกับดวงตะวันนั้นต้องมีบารมีระดับพระจักรพรรดิราชซึ่งไม่อาจปรากฏได้ง่ายฉันใดกาลเวลาก็ทอดยาวไปฉันนั้น อีกนาน...นานมากจริงๆ)

    หนนี้ทำพระไพริพินาศพ่ออาจารย์ท่านว่าลงมือแล้วนอกจากจะทำให้เสร็จก็ต้องทำให้ดีที่สุดด้วยเพราะเราใช้บารมีในพระพุทธเรวัตตะอันหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้มาทำ ท่านจึงทำผงสูตรผนึกอาคมอุดฝังไว้ที่ด้านหลัง ท่านว่าผงนี้จะผนึกและปิดกั้นไม่ให้อาคมเสื่อมสูญไปตามกาลเวลา ท่านว่าเครื่องมงคลนี้แรงอย่างไรก้จะแรงอยู่เช่นนั้นพลังงานไม่มีตกลงเลยรังแต่จะเพิ่มขึ้น เรียกว่าเข้าได้แต่ออกไม่ได้รั่วไหลไม่ได้เลยก็ย่อมได้ ผงเช่นนี้โดยปกติแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่มีใครเขาทำกันเพราะกลัวคนเอาไปใช้กำเริบใจว่ามีของดี หนนี้ท่านเมตตาทำให้เพราะถือคติมีแต่เข้าไม่มีออกเป็นมงคลในทุกด้าน นอกจากจะพิฆาตไพรีย่ำยีหมู่มารแล้ว กระแสแห่งพลังงาน สิริ สวัสดิมงคลที่รักษาตัวเรา ทั้งโชึลาภทรัพย์สิน ความสุข สิ่งทั้งหลายอันควรจะเกิดพ่ออาจารย์ท่านว่าเราลงไว้ครบทั้งหมดเลยให้มีแต่ไหลเข้าไม่ไหลออก ให้ตัวทุกข์ตัวฉิบหายไม่มีช่องให้เกิดได้

    มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือนี้ นอกจากสำเร็จด้วยพุทธบารมีในสมเด็จพระเรวัตตะแล้ว พ่ออาจารย์ยังได้ฝังเครื่องมงคลที่มีพลังงานสอดรับ เสริมส่งกันไว้เร่งความแรงและอานุภาพให้ใช้ได้ไม่มีหมดอีกด้วย

    - แว่นฟ้าบาปวิบัติ พ่ออาจารย์ท่านได้ทำแว่นฟ้าบาปวิบัติขึ้นโดยอาศัยคติการสร้างคันฉ่องแต่โบราณที่ใช้รวบรวมพลังมงคลแห่งจักรวาลเพื่อหนุนเสริมบารมี วาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ ความก้าวหน้าในตำแหน่ง ความเจริญในหน้าที่การงาน ทั้งเสริมดวงให้แก่ผู้ครองครองบูชาได้มีพลังอำนาจเหนือดวงดาวด้วยพลังจักรวาลทั้งสามารถปกป้องคุ้มภัย ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีขับไล่เสนียดจัญไรโรคาพยาธิทั้งหลายให้มลายสิ้นไป แม้ได้ถือครองจะอุดมพรั่งพร้อมไปด้วยลาภผลพูนทวี มั่งมีศรีสุขดั่งมหาเศรษฐี อายุยืนตลอดกาล และจะปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งที่เป็นอัปมงคลใดๆทั้งปวง ทั้งป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันลมเพลมพัด ป้องกันภูตผีปีศาจ ด้วยคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้สำคัญนักเพราะใช้ได้ทั้งกันทั้งดูดในคราวเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะดูดพลังจักรวาลมาเสริมส่งมงคลแก่ผู้ครอบครองแล้ว ยังดูดพลังวิญญาณร้าย พลังงานด้านลบทั้งหลายมาใช้เป็นอำนาจให้แก่ตนเองได้อีกด้วย เมื่อได้พกติดตัวก็จะสลายพลังร้ายในร่างกายเราได้ทั้งหมดเพราะเขาสังเคราะห์พลังงานทั้งจากในร่างกายเราและจักรวาลมาทำงานร่วมกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นสิ่งเล็กๆที่สร้างให้เกิดวงจรอันยิ่งใหญ่เพื่อสนองตอบกับปัจจัยสี่ข้อหนุนเสริมผู้ครอบครองคือความยิ่งใหญ่ ความสุข ความมั่งคั่ง และความไม่มีโรคมีอายุยืนยาวที่แม้แต่ทวยเทพยังทำไม่ได้ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก ทั้งแว่นฟ้ายังเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจเหนือกรรมลิขิตของพระบรมบิดาพรหมเทพ ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเสกและใช้แว่นฟ้าเพื่อรวมศูนย์พลังงานจักรวาลอันเป็นพลังมงคลที่ต่อต้านความหายนะ พินาศ ฉิบหายของอกุศลและความมัวหมองได้อย่างน่าฉงน ท่านจึงให้ชื่อแว่นฟ้านี้ว่าบาปวิบัติ ด้วยอาศัยอำนาจพลังมงคลของจักรวาลที่แว่นฟ้าจะรวบรวมไว้ตลอดเวลาลดทอนหายนะ อกุศลกรรมและความพินาศที่จะเกิดแก่ผู้ถือครอง *เหนือสิ่งอื่นใดแว่นฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกยากมากเพราะเขามีอาถรรพ์ให้คุณเหนือกว่าเทวดาเจ้าบุญนายคุณนับสิบเท่า ทั้งยังดีทางด้านการพนันเสี่ยงดวงทั้งหลายด้วย โดยนัยน์ของแว่นฟ้านี้ท่านว่าแม้เราอยากได้ใครไม่ว่าจะคน จะเป็นสิ่งของหรือที่ดินทั้งหลาย ให้เราส่องแว่นฟ้านี้ออกไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสมือนเงาสิ่งนั้นได้ถูกดูดไว้ในคันฉ่องแล้วท่านว่าพูดมากไม่ได้แต่เอาว่าได้แน่ๆ
    - ตะกรุดดับล้างกาลโกลาหล สืบจากยุคสมัยที่บีบรัดด้วยกฏแห่งวัฏสงสารยังผลให้เกิดกาลโกลาหลและเภทภัยทั้งปลุกมารในใจมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ทำตะกรุดดับล้างกาลโกลาหลขึ้นเพื่อให้พลังงานคอยปราบปรามสิ่งชั่วร้าย ปิดกั้นทุกข์โทษโทสาทั้งหลายให้เข้าไม่ถึงตัว ตะกรุดนี้สำคัญนักเพราะสามารถขจัดศัตรูตลอดจนทำลายอุปสรรคขัดขวางให้แก่ผู้บูชาได้ ใครโดนกลั่นแกล้งใส่ความ กระทำด้วยทุจริต ชีวิตโดนรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด ท่านว่าแก้ไขได้หมด หรือแม้แต่คุณไสย ไสยศาสตร์มนตร์ดำชาติไหนภาษาใด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่พ่ายแพ้อานุภาพไม่มีได้กินซ้ำยังปรับเสริมแก้ไขอุบาทว์ตัวทุกข์ตัวเคราะห์ตลอดจนสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งภายในภายนอกด้วย เพราะเป็นตะกรุดดับล้างท่านว่าคนอาราธนาจะไม่เจออุบัติเหตุร้ายแรงสิ่งใดเลยมาแผ้วพาลกับชีวิต จะไม่เจอเหตุที่ทำให้ตื่นตระหนก ไม่พบสาเหตุใดที่นำเราออกจากชีวิตอันสันติและผาสุกจากการครองเรือน นอกจากการกันแก้อาถรรพ์ร้าย ล้างบางอวิชชา ให้โทษกับมารยาทุจริต ทั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้พลีผ้าแดงที่ใช้พับรองฐานถวายครูแม่ย่ากาลี อันผ่านพิธีการปลุกเสกเชิญครูนับเนื่องหลายสิบปี มาตัดเป็นแผ่นและเชิญครูแม่ย่านำหมึกมาลงจารอักขระเลขยันต์เต็มแผ่นม้วนเป็นไส้ไว้ในตะกรุดด้วยวิชาที่แม่ย่าบอกกล่าวให้กับท่านเท่านั้นและยังเฉพาะเจาะจงให้คนที่มีปัญหาทางการเงินและปากท้องไว้บูชา ดุจดังว่าครูต้องการจะช่วยแก้ไขความอัตคัดขัดสน เพราะแม่ย่านั้นท่านมีพลังพิเศษเฉพาะทางที่จะหนุนนำโชคลาภตลอดจนอำนาจราชศักดิ์มาสู่ผู้บูชาเป็นหน้าที่ของท่านที่จะช่วยศิษย์อันมีน้ำใจจงรักภักดี กอปรกับสีแดงยังเป็นสีแห่งกำลังอำนาจ เป็นสีของสุริยะเทพ เป็นสีมงคลที่เชื่อว่าจะดึงดูดทรัพย์สินและสิ่งที่ดีงามมาสู่ผู้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าเหมาะและควรที่สุดแล้วที่จะใช้ผ้าแดงนี้มาทำยันต์ของแม่ย่า เมื่อท่านนำยันต์แดงรับทรัพย์มาม้วนเป็นไส้ตะกรุดท่านว่าตะกรุดนี้จะดีทางโชคลาภโภคทรัพย์ขึ้นมาในตัวด้วย ไม่ใช่เพียงอานุภาพของครูแม่ย่าหรือยันต์แดง แต่เป็นเพราะว่าตะกรุดนั้นมีไส้ เวลาท่านนำมาเชิญครูจุติมันครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งภายในภายนอกเพราะว่าวิชานี้มันกินมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ด้วยอานุภาพของตะกรุดซ้ำยังจะมีไส้อีกโบราณถือนักไม่เจริญก็ให้มันรู้ไป เอาว่ามีเหลือกินเหลือใช้เลี้ยงคนทั้งเมืองได้ก็พอ ที่ผ่านมาคนถามหายันต์แดงของท่านกันเยอะมากทำกี่ครั้งก็เกิดอาถรรพ์รุนแรงจนคนที่เอาไปใช้เห็นผลคาตาทุกครั้ง หนนี้ท่านจึงทำไว้ให้ในตะกรุดดับล้างด้วย เพราะหวังให้พระไพรีพินาศนี้ใช้ได้ครอบจักรวาล ท่านว่าตะกรุดดับล้างกาลโกลาหลนี้มีบารมีแม่ย่าอยู่ทุกดอกให้รู้กันเอาไว้ด้วยว่าทำยากมาก*ตอนเสกนี่ถึงกับทำเอาพานรองที่วางตะกรุดเป็นรูทีเดียว ท่านว่าแม้ตัวเราเองเกิดมาก็ไม่เคยพบเจอตะกรุดรุ่นไหนครั้งไหนที่จะเสกจนพานทะลุได้เช่นนี้
    - สี่ตะกรุดจตุรทิศไพรีพินาศพ่ายฤทธิ์ แม้เป็นตะกรุดดอกเล็กก็มีความสำคัญ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราลงไว้เพื่อคุมมหาทิศทั้งสี่และทิศย่อยทั้งสี่ ใช้ปราบไพรีสยบอาถรรพ์ร้าย ทั้งทำลายพลังงานลบในมหาทิศที่จะออกสัญจรไปตามม่านฉากแห่งละครชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดทั้งสี่นี้แรงนะเป็นตะกรุดสายกำราบปราบปราม ตอนเสกต้องเชิญเทพสงครามทั้งยังครูที่มีฤทธิ์รุนแรงมาสำเร็จให้ด้วยหลายวาระ เพราะครูเขารักเขาหวงคนใช้ดุจลูกรักเขา ก็ครูพระครูเทพเขาหวงเช่นนี้ถึงขนาดตอนเสกครูพระขันธกุมารที่เป็นดาวกษัตริย์สงครามที่เราเชิญมาขอบารมีท่าน ถึงกับออกวาจาหลังประสิทธิ์ให้ว่าเราขอให้ผู้ทำผิดคิดร้ายมีชีวิตอันวิบัติอัปรี อย่ามีซึ่งสิ่งใดที่จะตั้งมั่นดำรงค์อยู่ได้อย่างสถาพร พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นเรื่องปัจจัตตังพูดมากไม่ได้ แต่บอกได้คำเดียวว่าแรงจริงๆ


    พ่ออาจารย์ท่านได้เสกลงอาถรรพ์พระไพรีพินาศรุ่นพิเศษนี้อย่างถึงที่สุด ด้วยตั้งใจให้ผู้บูชาได้อุ่นใจแม้ต้องเผชิญกับร้อยแปดปัญหาและทุกเภทภัยในชีวิต ท่านว่านี่ก็ทำให้อย่างถึงที่สุดแล้ว ทั้งดุดัน เฉียบขาดจนเกินคำว่าไพรีพินาศไปไกลโขมีพลังงานทั้งคุณพระคุณเทพครอบคลุมทั้งหมด ท่านว่าพระรุ่นนี้ไม่เหมาะกับคนจำพวกเหยาะแหยะไม่ปรารถนาความมั่นคง ความยิ่งใหญ่ เป็นคนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ชีวิตไม่ดิ้นรน คนพวกนี้ไม่ต้องมาเอาไป

    คาถาบูชา (นะโม3จบ)
    นะโมนะกะ นะโมพุทธายะ กูขอปราบศัตรู กูจะปราบไพรี กูจะปราบผีร้าย กูจะปราบปรปักษ์ กูจะปราบ กูจะปราบ นะมะอะอุ นะมะพะธะ นะกูจะปราบ นะกูจะปราบ กูจะปราบไพรี โอมสวาหะ กูจะปราบศัตรู นะมะอะอุ โอมสวาหะเถ็ก

    * พระไพรีพินาศรุ่นสำคัญนี้รับจองเฉพาะทาง PM ด้วยเหตุที่พ่ออาจารย์ท่านว่าเหลือไม่มาก มีห้าองค์เพราะพวกเจ้านายพวกอธิบดีเขาเอาไปใช้แล้วได้ดีเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงกันก็มีเขาก็แนะให้คนมาเอาเรื่อยๆ ท่านจึงว่าใครมีวาสนากับสมเด็จพระพุทธเรวัตตะก็ให้มาเอากันเอง ให้เป็นไปตามกรรมลิขิตแล้วแต่บุญแต่กรรมกันเลย แบบใครดีใครทันใครได้ รายได้ร่วมสมทบทุนไถ่ชีวิตโคกระบือสืบต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือ (ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ) บูชา 4,000 บาท


    39174750_228331444524470_8417124474016497664_n.jpg 37528074_263457414484587_4117862146295988224_n.jpg
    suriyothai.jpg 25561027-042938.jpg sri-ishta-siddhi-subramanya.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)
    ด้วยมนุษย์ย่อมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด ย่อมมีช่วงชีวิตที่เป็นสุขที่สุด ย่อมมีเวลาที่พึงใจ พอใจ สบายใจที่สุด และย่อมมีเวลาที่เสื่อมสูญความปรารถนาอันพึงสำเร็จนั้นไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ที่ผูกพันธ์และจดจำบันทึกช่วงชีวิตนั้นไว้อย่างแม่นยำ ด้วยความปรารถนาและความเพียรพยายามต่อสู้กับเวทีชีวิตเพื่อไปให้ถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกครั้ง...และอีกครั้ง

    อันชนทั้งหลายล้วนฝากคำถามและเคยปรารภบรรยายถึงช่วงเวลาสำคัญและถดถอยดั่งระดับน้ำที่มีขึ้นมีลง ล้วนแต่ใช้คำว่าเคย ทั้ง..เคยได้..เคยมี..เคยรวย..เคยคบ ....เคยสุขสมหวังต่างๆนานา แต่ไอ้ตัวเคยเหล่านั้นในสถานการณ์ปัจจุบันล้วนไม่มีสิ่งใดเป็นเหมือนเมื่อวันวานทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย


    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่าชนทั้งหลายนั้นย่อมมีวาสนา คนที่เคยสำเร็จ เคยสุขเสมอใจ เคยรวย เคยมีเคยได้ คนเหล่านี้ล้วนเคยมีวาสนาทั้งสิ้นและก็ยังมีสัญญายึดติดอยู่กับความสุขทางกามคุณทั้งลาภยศชื่อเสียงอันเป็นโลกียะที่ผองชนใฝ่ฝันหา ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ ด้วยความเพียรพยายามไม่หยุดนิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ควรแก่เวลาที่คนเหล่านั้นจะข้ามอุปสรรคได้เสียที


    เหตุที่คนทั้งหลายนั้นล้มบาง ลดบ้าง ทิ้งตัวบ้าง ต่ำตกบ้าง สูญเสียบ้าง ท่านว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะรากไม่มั่นคง ฐานก็ไม่แน่น แล้วยังไปคิดฝันไปฝืนสร้างให้ใหญ่โต ยังรั้นจะเดินตามความปรารถนาต่อไปในฐานที่ทรุดๆแหว่งๆเช่นนั้น ท่านว่าสุขเท่าไหร่ รวยเท่าไหร่ มีเท่าไหร่ มันก็รังแต่จะรั่วจะไหลออกหมด ยิ่งฝืนมากมันก็ยิ่งพังยิ่งล้มง่าย ด้วยวาสนาที่เป็นพื้นฐานแต่ละคนมันรองรับไม่ไหว ด้วยไม่ได้เกิดมาเพื่อให้มีวาสนาเช่นนั้นแม้เพียรพยายามอย่างไรก็มีแต่จะพังพินาศย่อยยับไปได้ไม่เป็นท่าเหลือเพียงความจำและสัญญาที่ปรากฏว่าเคยมีเคยไปถึงเพียงเท่านั้น


    ด้วยสถานการณ์เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะแก้คนก็ต้องแก้ที่ฐานราก แก้ที่ตัววาสนาในชะตาของเขาท่านจึงได้ขอครูพระสยมเพื่อใช้วิชาท่านสร้างตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)ขึ้นมา


    ตะกรุดนี้สำคัญอย่างไร ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเสกกลยันต์หนุนกลวาสนาชะตาชีวิตคน วางระบบแบบจักรวาทิน ใช้ชะตามหาจักรพรรดิผูกเข้า แทรกซึมไปในเนื้อตัวและวาสนาคนใช้คนรับไปอาราธนา อันมหาจักรพรรดิคือเจ้าแห่งราชาที่อยู่เหนือจอมราชันทั้งหลาย การจะเป็นมหาจักรพรรดิได้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ใช่แต่คนเขาจะยอมรับ หากแต่สามโลกแม้ในนรกหรือบนสวรรค์ก็ต้องยอมรับด้วย เรียกว่ามีอำนาจและบารมีสะกดภพภูมิทั้งหลายได้ไม่ครั่นคร้ามทีเดียว


    ดังนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดและได้ใช้บารมีมหาจักรพรรดิมาเป็นรากฐาน เป็นวาสนาให้กับคน ท่านว่าตรงนี้สำคัญมากเพราะมหาจักรพรรดิมีบุญบารมี มีพระราชอำนาจเป็นอาญาสิทธิ์กดขี่สรรพชีวิตทั้งปวง ท่านทำเพื่อหนุนนำวาสนาลับฐานร้ายให้กลายเป็นดี พลิกฟื้นสิ่งที่เราสูญเสียไปให้กลับคืนมาเป็นของเราตามกาลมหากลับแห่งพันธะสัญญา


    ด้วยวิสัยวาสนาของมหาจักรพรรดิ สิ่งที่ได้มาแล้ว เป็นของเราแล้วย่อมไม่มีเสื่อมสูญไปทั้งยังจะได้มากขึ้น เพิ่มพูนขึ้น เรียกว่าแผ่กระจายรากฐานได้มั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นตามคติจักรวาทินของการขยายพระราชอำนาจสู่ทิศตะวันออก พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดเสริมรากฐานเช่นนี้ทำยากนะเพราะมันต่อวาสนาคนใช้เท่านั้นไม่พอมันยังเสริมให้จนแกร่งแม้อยากจะทรุดก็ทรุดลงไปไม่ได้อีก ทั้งยังขยายขอบเขตอาณาบริเวณฐานรากเราออกไปเนืองๆด้วย กล่าวภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายก็คือขยายอำนาจวาสนาชะตาของเราออกไปให้ดีขึ้น ประเสริฐขึ้นดั่งวาสนามหาจักรพรรดิที่หนุนนำอยู่


    พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นวิชาเฉพาะทางเป็นของคู่บารมีคน เอาว่าเค้ารู้ตัวว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไร จะชัดแจ้งแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา เขารู้อยู่แก่ใจว่าทำให้ตายลงไปตรงนั้นแต่วาสนาเขารับได้แค่ไหน ท่านว่าถ้าคนที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักเขาจะไม่คู่ควรกับตะกรุดนี้เลย


    ตะกรุดนี้นอกจากตั้งรากต่อฐานแล้ว ท่านว่าที่สำคัญเลยคือเอาไว้ใช้ต้านคลื่นลมด้วยนะ คลื่นลมที่ฉันหมายถึงนี้ไม่ใช่จะเอาไปหยุดฝนหยุดน้ำขึ้นน้ำลงในทะเลแต่อย่างใด หากแต่หมายถึงคลื่นลมที่พัดใส่ชีวิต เป็นมรสุมของความยุ่งยากเรื่องเดือดร้อนที่จำเพาะพัดโหมมาในบางช่วงเวลาเป็นระยะๆไป คลื่นลมเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าล้วนแต่เจอกันทุกคน กำลังดีๆมีลาภบ้างมีความสุขบ้างคราวเคราะห์ก็มาเยือนทำให้มีอันเป็นไปต่างๆนานนา


    เช่นนั้นท่านจึงว่ามีร้อยก็ลดเหลือสิบ มันจะเอาอะไรไปสำเร็จไปเจริญขึ้นมาได้ นอกจากรากจะแข็ง ฐานจะกว้างแล้ว คลื่นลมยังเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามรสุมเล็กๆพอที่จะผ่านไปด้วยกำลังปัญญาของตนได้นั่นมันก็ไม่มีอะไร แต่หลายๆครั้งหรือแทบจะทุกครั้ง ทุกคนจะเจอมรสุมใหญ่ คลื่นลมที่มีกำลังแรงเกินกว่ารากกว่าฐานเราจะต้านรับได้ มันสำคัญอยู่เช่นนี้ถ้าทำฐานให้กว้าง ทำรากให้แน่น แต่วิบากกรรมมันแรง มรสุมมันมีกำลังมากจะแน่นจะกว้างอย่างไรรากก็พังฐานก็แตกพ่ออาจารย์ท่านจึงต้องใช้ค่ายกลคุณวิชาของครูพระสยมนำบารมีมหาจักรพรรดิมาจำกัดขอบเขตกระแสกรรมอันเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคล


    ตะกรุดนี้นอกจากจะมีความลึกซึ้งถึงระดับยากเกินจะบรรยายและทำความเข้าใจได้เพราะเป็นค่ายกลกำลังที่ส่งผลต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบ เป็นของเฉพาะคนเฉพาะกาลอย่างแท้จริงแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังเสกไว้ให้ใช้ได้ครอบคลุมแก่ผู้รับอาราธนาอีกด้วย นอกจากจะกลับร้ายให้กลายเป็นดีอุปมาเหมือนเนื้อร้ายกลายเป็นเนื้อดีพลิกฟื้นคืนวาสนากลับสิ่งอันสูญเสียเป็นของเราแล้ว ยังใช้ได้ในด้านอื่นๆอีกเหลือคณานับ


    ทั้งช่วยหนุนดวง เร่งโชคชะตา ทำให้เหตุการณ์ร้ายๆเปลี่ยนแปลงและมีจุดจบลงเอยที่ดีเหมาะสมแก่ตัวเรา ทำให้ศัตรูที่ปองร้ายกลับกลายเป็นมิตรมีความคิดช่วยเหลือเรา ทำให้ศัตรูแพ้ภัยตัวเองส่งผลกรรมวิบัติแก่ผู้คิดทำลาย เดินทางไปไหนเมื่อไปแล้วต้องได้กลับ ไปได้ก็กลับได้แคล้วคลาดปลอดภัย...ท่านว่าอุปเท่ห์ใช้ได้ไม่รู้จบถือคติไปได้ก็กลับได้ทั้งกลับใจคนรัก คนที่จากไปแล้วให้กลับมาหาเรา กลับของที่สูญเสียไปทั้งโชคลาภวาสนาชะตามงคลให้เข้ามาเพิ่มพูนมากล้นเหนือกว่าเดิม ท่านว่าตามแต่จะอธิษฐานเอาเลย ใช้ทางปลดหนี้ก็ได้ อะไรที่เป็นของเราล้วนแต่เอากลับคืนมาได้ ทั้งยังสร้างสิ่งที่เป็นของเราให้มากขึ้น เยอะขึ้นตามวาสนาจักรพรรดิที่กำกับไว้


    นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันขจัดปัดเป่าภัยพิบัติต่างๆไม่ให้มาย่ำยีฐานชะตาชีวิตเรา ท่านว่าสิ่งที่จะทำลายเราเข้าถึงไม่ได้เลย ถึงวันนั้นจะรู้เองจำคำของเราไว้ให้ดีว่าเอาไว้ใช้กันภัยพิบัติในอนาคต นอกจากนั้นตะกรุดนี้ท่านยังลงไว้ให้ครบ ท่านว่าติดตัวเอาไว้ดีใช้ได้ยันตัวตาย เมื่อถึงกาลกิริยาจะไม่ตายทรมาน ไม่ตายโหง จะจากโลกนี้ไปอย่างสบาย ไม่ทนทุกข์ทรมานต้องสอดใส่สารพัดสายหรือนอนติดเตียงทรมานกับกายสังขารที่ไม่มีพลังงานให้เคลื่อนไหวเช่นนั้นเลย

    คาถาบูชา
    สหวัสสา ทัสสะนา สัมปะถากะถา สาสินิระ สัพพา นะหิชาติ

    * พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้เป็นของเฉพาะคน จะชี้มาก แนะมากก็ไม่ได้มันผิดกฏข้างบนเขา เราได้แต่ทำแต่ถ้าเขาไม่ขวนขวายกันเองก็ถือว่าไม่มีวาสนา ท่านว่าทำไว้ให้แปดดอกถักเชือกลายจรเข้ขบฟันเพื่อแยกไว้เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันเหลืออยู่ห้าดอก อีกสามดอกนั้นคนที่เขารู้เขาก็รีบมาเอาไปอุดฐานชะตาเขาจนมั่งคั่งมั่งมีไม่รู้เสียเท่าไหร่ ด้วยสำคัญว่าวิชานี้จะหาใครทำให้ไม่ได้เลย และท่านก็จะทำหนเดียวเพราะต้องเสกนาน ท่านว่าจะจารจะถักก็ไม่ยากเท่ากับเสก

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา) บูชา 2,500 บาท

    39274522_303582110447403_3377704298963009536_n.jpg
    39388089_2108030879484632_560960266871767040_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2023
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เวทย์ศาสตราอาถรรพ์เศรษฐีพันโกฏิวาสนาร้อยชาติภพ(พญาแมงป่องเล่นฤทธิ์)

    ย้อนกลับไปในสมัยหลวงปู่ภูวัดท่าฬ่อซึ่งเป็นพระเกจิร่วมสมัยกับหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ท่านได้สร้างเหรียญหางแมงป่องขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ตกถึงยุคปัจจุบันนี้เหรียญของท่านนอกจากมีราคาสูงแล้วใครได้ไว้สืบทอดในตระกูลยังถือเป็นสิริมงคลสืบทอดชั่วลูกหลาน


    พ่ออาจารย์ท่านว่าการบูชาแมงป่องและศาสตร์เกี่ยวกับแมงป่องนี้มีมายาวนานนับพันปีแล้ว บางลัทธิของพราหมณ์ก็ผนวกเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลบูชางูหรือ "นาคปัญจมี" ที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปีในวันขึ้น 5 ค่ำ ตามปฎิทินฮินดู


    ด้วยตัวแมงป่องนั้นมีคุณลักษณะอันเลิศ เป็นสัตว์ให้คุณที่จะอุปมากับข้อธรรมได้ เช่นมีหางเป็นอาวุธ เวลาเดินก็เที่ยวชูหางไป เปรียบด้วยผู้ปฏิบัติมีญาณเป็นอาวุธ จะยกชูญาณขึ้นขัดเกลาบรรเทากิเลสโดยลำดับ ถ้าหมู่กิเลสยังมีอยู่ ก็ตั้งใจสู้ด้วยวิธีลับอาวุธคือญาณให้คมกล้า จนสามารถตัดหมู่กิเลสได้อย่างเด็ดขาด ภัยทั้งปวงก็ไม่สามารถครอบงำฯ

    เช่นนี้ศาสตร์การสร้างหุ่นแมงป่องนั้นจึงมีความลึกซึ้งและให้คุณอย่างมากด้วยถือว่าแมงป่องเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับเหล่าเทพ และในกลุ่มลัทธิผู้บูชาแมงป่องนั้น จะมีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านแมงป่องของลัทธิในศาสตร์ระดับสูงเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ เช่นนี้วิชาการสร้างหุ่นแมงป่องย่อมสูญหายไปในชั้นหลัง

    ด้วยแมงป่องนั้นจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง กล่าวคือที่หางของแมงป่องจะมีเหล็กไนที่มีพิษร้ายแรง สามารถทำอันตรายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้จึงอุปมาได้ว่าเป็นสัตว์มีพิษ มีดีในตนเอง แม้ตัวเล็กๆก็มีอันตราย ตราบใดที่มีผู้ที่เห็นภัยในสังสารวัฏได้นำหุ่นแมงป่องนี้ไปใช้งานอาราธนาติดตัว เขาจะอุ้มชูยกชีวิตเรา ดุจเขายกหางตนเองตลอดเวลา

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะมีสัตว์ชนิดใดในโลก ที่มีอากัปกิริยายกหางหรือชูอวัยวะส่วนใดตลอดเวลาบ้าง ให้ลองตรองดู หุ่นแมงป่องนี้ยกหางก็คือชูอาวุธพร้อมจะสู้ พร้อมจะรบ พร้อมจะอุ้มชูผู้บูชาตลอดเวลานั่นเอง เช่นนั้นชาวฮินดูบางส่วนจึงมักนิยมบูชาขอพรแมงป่อง แต่หากย้อนไปในสมัยเมื่อพันปีพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้องเสียเวลาบูชาแต่อย่างใด หากแต่จะผูกหุ่นแมงป่องไว้ใช้ให้มันเล่นฤทธิ์กลายธาตุเพื่ออุ้มชูส่งเสริมเราหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือเขาจะคอยกำจัดศัตรูและอุปสรรคที่ขวางทางเดินของเรา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะผูกหุ่นพญาแมงป่องนั้น ท่านว่าหากสำเร็จเป็นหุ่นคุณวิชาแล้วนอกจากเป็นสัตว์์เทพมงคลพิทักษ์ เขายังเป็นศาสตราพระเวทย์ที่ช่วยเป็นสื่อและยกระดับอำนาจการใช้ การแสดงออกของพระเวทย์ในตัวเรา เรียกว่าเพิ่มฤทธิ์อำนาจให้ตัวตนเราอย่างชัดเจนเป็นเอกเทศน์แตกต่างจากการบูชาเทพหรือใช้สัตว์มงคลสิ่งใด พ่ออาจารย์ท่านว่าศาสตร์ของพญาแมงป่องนี้ลึกซึ้งยิ่งนักเพราะแทบจะไม่มีใครตระหนักรู้ได้เลยว่าเขาจะเป็นสื่อนำความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิต

    ด้วยมีรูปลักษณ์น่าเกรงขาม น่าสะพรึงกลัวดุจนักรบสวมเกราะโลหะ มีกล้ามใหญ่โตพอๆกับตัวเป็นอาวุธ ทั้งยกชูหางอย่างแข็งกร้าวหันเหล็กในชี้เป้าใส่ศัตรูตลอดเวลาด้วยพร้อมจู่โจมอย่างรวดเร็ว ทั้งชอบดำรงอยู่เฉพาะในความมืด ด้วยอุปนิสัยลึกลับ ด้วยมีตาหลายคู่มองเห็นได้รอบทิศ ทั้งประสาทสัมผัสดีไวต่อเสียง ต่อความรู้สึก ต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นรอบด้าน ดุจการเจริญสติที่มีประสาทสัมผัสไวระลึกรู้และแวดระวังทุกสิ่ง ด้วยมีอำนาจที่จะมอบความตายให้ผู้อื่นได้อย่างแม่นยำทั้งอุปนิสัยบูชาความรัก ยอมให้แม้ตัวตาย ยอมให้กลืนกินชีวิต...

    ตัวเแมงป่องนั้นย่อมแสดงถึงมนต์ขลังแห่งความลึกลับที่ดึงดูดให้คนค้นหา แม้รู้ว่าอันตรายถึงตายก็สะกดให้อยากเข้าใกล้ คนทั้งหลายต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งการสะกด หลงใหลเสน่ห์แห่งความงามดุจตัวเราแม้มีอันตรายทำให้เขาตายถึงชีวิตได้เขาก็ยังหลงใหลได้ปลื้มไปกับตัวเราพร้อมจะตายเพื่อสิ่งล่อลวงฉันใดก็ฉันนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าหุ่นวิชาแมงป่องนี้มันจึงมีอะไรมากกว่าความเท่ห์หรือเอาไปใช้เป็นแฟชั้นเท่านั้น ท่านว่าเมื่อจะสร้างท่านต้องรวบรวมตะกั่วปิดปากโกฏิเศรษฐี จำนวนมากถึงร้อยถึงพันโกฏิด้วยกัน ท่านว่านี่วิชาสำคัญนะ ตะกั่วปิดปากโกฏิเป็นตะกั่วอาถรรพ์ที่รับและสะสมพลังวาสนาทั้งสะกดวิญญาณสิ่งชั่วร้ายได้ ท่านต้องรวบรวมตั้งแต่เจ้าสัวและเศรษฐีคหบดีขุนนางในอดีตถึงปัจจุบัน กว่าจะครบร้อยครบพันพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ง่ายเลย

    ร้อยโกฏิ พันโกฏิ คือร้อยวาสนาชะตาฟ้า ร้อยดวงมหาเศรษฐี พันวาสนาลิขิต เอามาหล่อหลอมกับกายสิทธิ์และแผ่นยันต์ผูกหุ่น ยันต์การทำพยนต์ต่างๆบรรดามีหล่อหลอมเสกซัดอัดธาตุเล่นฤทธิ์ใส่วิชาให้บังเกิดศาสตราพระเวทย์ชักนำความอุดมสมบูรณ์ ชักพาวาสนาร้อยชาติภพมาสู่เจ้าของ

    พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากวิชาพยนต์และศาสตร์การผูกหุ่นแมงป่องแล้ว ที่ท่านนำตะกั่วร้อยโกฏิเป็นชนวนหล่อหลอมนั้น ก็คือเราถือคติให้สัตว์เทพให้นำพาวาสนาร้อยชาติภพมาชูให้ถึงปาก ป้อนให้ถึงมือผู้ครอบครอง ดั่งที่กล่าวไว้ว่าเค้าเป็นสื่อมหาอุดม คือนำความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตได้เพราะเค้าช่วยค้นหาหยิบจับโภคทรัพย์เงินทอง ทั้งพิทักษ์ทรัพย์สิน รักษาทรัพย์เราไว้หวงแหนและช่วยให้พอกพูน

    คุณลักษณะที่เป็นเอกของหุ่นแมงป่องก็คือความอุดมสมบูรณ์ แม้คนไม่มีวาสนาเขาก็จะให้โชคอยู่เป็นนิจ พ่ออาจารย์ท่านว่าวาสนาของคนไม่เสมอกัน ในจำพวกคนที่ไม่มีดวงให้เปิดเลย คือไม่เห็นช่องทางว่าจะเอาดีทางไหนให้รวยให้พลังของคุณวาสนาดวงมหาเศรษฐีร้อยชาติภพนี้หนุนส่งได้ เขาก็จะสงเคราะห์ด้วยการให้โชคอยู่เป็นนิจกาลทดแทน ดลให้คนใช้มีแต่โชค จับแต่เงิน เกี่ยวข้องแต่โชคลาภโภคสมบัติ

    แม้จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงดวงประการใดก็ดี ถึงเป็นคนไม่มีดวงทางด้านนี้เลยก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านว่าให้บอกกล่าวอธิษฐานกับเค้า เอาให้ละเอียดกันนะพวกเธอ ไม่ว่าจะเสี่ยงโชคหรือเดินทางไปไหน ไปเจอใคร ไปทำอะไร ให้บอกกล่าวอธิษฐานให้ละเอียด นอกจากจะแคล้วคลาดจากภัยอันตราย คอยบอกเหตุแสดงนิมิตแจ้งเตือนยามมีภัยถึงชีวิตแล้ว แม้การเดินทางการเสี่ยงโชคครานั้นๆก็จะเต็มไปด้วยสวัสดิมงคลดุจพบลาภลอยมาหาเช่นนั้น

    นอกจากนี้หุ่นแมงป่องยังเป็นหุ่นวิชาเสน่หาที่ให้ผลดีเยี่ยม พ่ออาจารย์ท่านว่าให้พกติดตัวไว้ไปทำอะไรก็เป็นเมตตามหาเสน่ห์ใครเห็นใครรัก มีแต่คนรัก คนนิยมชมชอบ แม้ได้บูชาจะเป็นเสน่ห์แก่ตนเอง ท่านว่าเสน่ห์ตัวนี้มันแปลกนะนอกจากผู้ใดที่ได้พบเห็นจะเกิดความรัก ความเอ็นดู นิยมชมชอบแล้ว ท่านว่าใช้ชีวิตไปเฉยๆ อยู่ของเราให้เป็นปกตินั่นแหละ อยู่ดีๆจะมีคนมาหลงใหล แอบรัก แอบชอบเราเข้าเองไม่ต้องไปดิ้นรนหา เพราะเขาเป็นสัตว์ที่นำโชคนำลาภมาให้เรา ยกให้ถึงตัว ถึงมือ ถึงวาสนาเรา


    เมื่อได้ชื่อว่ามีชนนิยมทั่วโลกให้ความรักเอ็นดูเรามิขาดแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าที่การงานให้เจริญก้าวหน้ารวดเร็ว ทำสิ่งใดมักได้โอกาส พ่ออาจารย์ท่านว่าตรงนี้สำคัญมาก เพราะคนมีความสามารถนั้นมีมากมายเป็นดอกเห็ด แต่สิ่งเดียวที่คนไม่ได้มีเสมอกันนั่นก็คือโอกาส บางคนเรียกว่าดวงโทษไปถึงเทวดา พ่ออาจารย์ท่านว่านี่แหละคือโอกาส เป็นโอกาสอีกครั้งและอีกครั้งที่จะผูกพันกับชะตาชีวิต


    หุ่นแมงป่องนั้นมีคุณยิ่งใหญ่หลายด้านที่เป็นเรื่องเร้นลับ ท่านว่าถ้าไม่ถืออะไรมากก็คิดว่ารับเครื่องมงคลที่จะสร้างโอกาสเปิดวาสนาด้วยดวงมหาเศรษฐีทั้งร้อยชาติภพให้กับตัวเอง รับทาสแลบริวารที่ซื่อสัตย์ มีฤทธิ์มีอำนาจเข้ามาในชีวิตตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านเสกให้ครอบคลุม เปิดให้ทั้งหมด แม้เอาติดตัวไปให้สังเกตุตัวเองได้เลย อย่างน้อยตัวตนก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนสุขุม มีมุมมอง มีความคิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้นอันเป็นลักษณะของผู้นำ ทั้งยังหากินเก่ง ไม่อดอยาก มีแต่ความสำเร็จ เรื่องพวกนี้มันจะเปลี่ยนแปลงตัวตนคนได้ ท่านว่าทำให้แล้วก็เอาไปใช้กันให้ดี


    หุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเป็นทาสรับใช้เรา ท่านทำผงลบวิชาจินดามณีร้อยสายที่เป็นผงจินดามณีหลายตัวรวมกัน บางตัวก็ให้คุณมากจำต้องปิดเป้นความลับและขาดคนสืบทอด ท่านลบถมลงปั้นเป็นลูกอมเพื่อฝังบรรจุไว้ในแมงป่องนี้โดยเฉพาะ ท่านว่าผงนี้ทำและปั้นเมื่อสำเร็จก็เหมือนดวงแก้วมณีโชติเป็นแก้วสารพัดนึกในสายท้าวมหาพรหมอาตมัน ท่านว่าฝังให้พยนต์แมงป่องนอกจากทำให้เขามีสัมผัสรู้และประสาทตอบรับตลอดจนความคิดที่ว่องไวแล้ว ยังเป็นแก้วจินดาที่ใช้บันดาลชักพาสวัสดิมงคลได้ทุกเรื่องตามประสงค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเรานั้นร้อยพ่อพันแม่ แค่ชาติกำเนิดยังต่างกันแล้วปัญหาเรื่องเดือดร้อนในแต่ละวันจะเหมือนกันได้อย่างไร ท่านทำดวงแก้วนี้เสริมให้พญาแมงป่องเขามีฤทธิ์พร้อมที่จะสงเคราะห์เราได้ทุกเรื่อง

    พญาแมงป่องเขามีก้ามใหญ่โตหยิบจับคีบคั้นสิ่งใดไม่มีหลุดมือ พ่ออาจารย์ท่านว่าอธิษฐานกันให้ดีว่าจะเอาอะไรหยิบจับฉวยคว้าโอกาสใด ทั้งหน้าที่การงานวาสนาคู่ครองหรือโชคลาภทำกันให้ดี รับรองว่าไม่มีหลุดพ้นมือเราแน่นอน พ่ออาจารย์ท่านหล่อพญาแมงป่องชูหางกำกับให้พร้อมทำร้ายศัตรูโดยรอบของเรา ท่านว่าพกเขาไว้แล้วอุ่นใจเหมือนมีรถถังมีปืนใหญ่พกไว้เฉพาะตัว เห็นแบบนี้บอกได้แค่ว่าเล็กดีแต่รสโตอานุภาพใช่เล่นเลย

    ด้วยไม่สนคุณสนโทษว่าจะดีหรือจะชั่ว เพราะเขาไม่สนว่านายจะเป็นคนอย่างไร ในสัญญาความจำได้หมายรู้มีแต่หน้าที่ทาสรับใช่ อุปนิสัยเขาจึงเหมาะที่จะสงเคราะห์ไม่เลือกเรื่อง ไม่เลือกปัญหาว่าจะชั่วหรือจะดี ไม่สนจริงๆว่าเรื่องจะดีหรือร้ายขอเพียงขอเขาช่วยทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่สำคัญต่างจากพระ เทพ หรือพยนต์และกุมารต่างๆที่มีสำนึกความคิดของตนเอง

    ในเรื่อง***การเลี้ยงดู(อ่านให้ดี)นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าทำง่ายๆเลย ต้องย้ำว่าง่ายจริงๆ แค่เอาไปวางหลบมุมในที่มืดๆแค่นั้นไม่ต้องเซ่นต้องเลี้ยงอะไร เค้ายิ่งจะมีฤทธิ์มากมีพลังแรงกล้าถ้าอยู่ในที่มืดที่อับ ตรงนี้ใช้สติตรองกันดีๆ พ่ออาจารย์ท่านว่ามันใช้ง่ายมาก ที่อันมีเงาก็ดี ใช้งานเสร็จก็เอาเขาไปวางไว้ หรือแม้แต่ตอนเราใช้ก็ดี ก็กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าใส่ของที่เราจะซุกจะซ่อนเขาไว้นั่นแหละ มันมืดมันอับทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทำเพียงเท่านี้ก็แรงขึ้นอีกมากมายก่ายกอง ไอ้ที่จับพลังว่าแรงจนมือลั่น เเรงจนปวดมือ แรงจนสติจะแตกก็ว่ากันมาแล้ว ท่านว่าคนพวกนั้นที่ลองจับนั่นคือเขาจับในที่สว่างนะ แต่เวลาใช้เราหลบเค้าไว้ในหลืบในเงาของตัวเรา เพราะเขาเป็นเงาบริวารของเรา เขาจะยิ่งเก่งขึ้นอีกจนหาตัวจับยากทีเดียว

    วิธีใช้เฉพาะทาง
    สิ่งที่ต้องประสงค์ คนที่จะเอา ของที่อยากได้ คนที่จะทำให้วิบัติ ให้เขียนใส่กระดาษแผ่นเล็กๆไว้ ถ้าเป็นคนก็เขียนชื่อเขาไว้ อธิษฐานบอกพญาแมงป่องดีๆแล้วเอาเขาทับกระดาษนั้นไว้...พ่ออาจารย์ท่านว่าสมหวังทันตาเห็น

    คาถาบูชา
    นะวะกะ ปะตะนะ กะวะสุสุ เทวตานะมหิทธิกา นะมามิหัง

    * แมงป่องรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าทำได้น้อย ท่านตั้งใจจะให้ใช้กันถ้วนทั่วจึงให้บูชาได้ในราคาไม่สูงเกินไปนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาแมงป่องนี้มันสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับดวงข้าทาสบริวารเรา เพราะมันหนุนและชูเรา แม้แต่ตัวท่านยังต้องเก็บไว้ใช้เองเท่ากำลังวันเกิดเพื่อหนุนตัวท่านเองทีเดียวจะเห็นว่าน้อยครั้งที่พ่ออาจารย์ท่านจะเลี้ยงอะไรไว้ใช้เอง เพราะท่านว่าพอดวงมันหนุนขึ้นมาเรื่องนึงมันก็กลายเป็นเจ้าคนนายคนวาสนาสิ่งใดๆมันก็เปิดทั้งหมด ในเมื่อจากศูนย์ จากไม่มีอยู่ดีๆมันมีขึ้นมา เรื่องอื่นๆมันจึงมีขึ้นมาตามกันไปทั้งโชคลาภวาสนาสารพัดทาง พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่เกิดมาไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคน ไม่มีข้าทาสบริวารให้เลี้ยงดูก็บูชาใช้งานเขาให้ดีหลายๆแรงเรื่องใหญ่ๆก็สำเร็จได้ไว ท่านว่าถ้าจะต้องเลี้ยงตามกำลังวันเช่นท่านมันก็จะเยอะไป แต่ละคนถ้าจะหนุนวาสนาบริวาร สร้างตัวตนเปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นผู้นำแล้ว ใช้สี่ห้าตนก็พอตามแต่กำลังตัวเอง หากจะบูชาห้อยเอาพุทธคุณก็ตัวสองตัว ท่านว่ารุ่นนี้ลงเอวได้ ใส่กางเกงได้แม้วางไว้กับพื้นเดินข้ามก็ยังได้ไม่มีเสื่อม

    ร่วมทำบุญบูชา เวทย์ศาสตราอาถรรพ์เศรษฐีพันโกฏิวาสนาร้อยชาติภพ(พญาแมงป่องเล่นฤทธิ์) บูชา 800 บาท

    39734928_297474921036884_1727391771496808448_n.jpg 39861884_290605731525432_6881705366850109440_n.jpg
    39610625_223065751722839_561639868136947712_n.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา องค์อาตมันมงคลมูรติพระศรีคเณศประสาทพร (สิทธิฤทธิพันวิถีพลิกผัน)
    ชนใดหวังข้ามอุปสรรค พึงพำนักพิฆเนศนาถา
    สำเร็จเสร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆนะจัญไร

    ตามคติพราหมณ์ พระศิวะเจ้าทรงยกย่องพระคเณศบุตรให้เป็นพระเป็นเจ้าเเห่งฤิทธิเเละสิทธิ ทรงยกพระคเณศไว้ในฐานะพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกับพระองค์เเละเทพเจ้าอื่นๆ ด้วยการมาปรากฏของท่านถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งมงคลกับทุกสรรพสิ่ง จึงเปรียบพระองค์ท่านเสมือนสัญลักษณ์อันเป็นอุดมมงคลของการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปิดเส้นทางใหม่ เบิกหนทางสู่ความสำเร็จสูงสุด และทางพราหมณ์ยังถือว่าพระเศียรของพระเณศบุตรเป็นสัญลักษณ์รูปตัวโอมอันเป็นเครื่องหมายของพระเป็นเจ้าสูงสุดอีกด้วย


    สืบเนื่องจากอดีตนั้น พ่ออาจารย์เคยได้รับนิมิตรเป็นพระรูปแปลกประหลาดเเละท่านเข้าใจในความหมายของพระรูปที่ปรากฏนั้นเป็นพระทักษิณาจัตุรมูรติในอดีต ทำให้ท่านทราบดีถึงความหมาย ความยิ่งใหญ่เหนือกฏเกณฑ์และพลังงานใดๆของเทพเจ้าองค์นี้ โดยธรรมดาพระพิฆเนศวรหรือคเณศบุตรนี้ จะมีหน้าที่คัดกรองเเละดูเเลรักษาหรือกำจัดในผู้ที่ประสงค์จะรับพรจากพระเป็นเจ้า ตรงนี้สำคัญมาก หมายความว่าการไหว้ การบูชา คำพรที่เราขอไม่ว่ากับพระคเณศก็ดี หรือกับเทพเจ้าองค์อื่นก็ดี จะสำเร็จมั๊ย จะไปถึงมั๊ย ล้วนเป็นหน้าที่ของท่านทั้งสิ้น จะรักษาไว้หรือจะกำจัดก็ขึ้นอยู่กับท่านเห็นเหมาะสมเป็นอย่างไร จะเห็นได้ว่าบางครั้งที่บูชาเทพขออะไรก็เห็นผลไว แต่บางครั้งขอให้ตายก็นิ่ง เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะให้ขอผ่านผู้มีหน้าที่ทำลายความขัดข้องคือพระคเณศไปเลย พ่ออาจารย์บอกว่าเป็นการดีที่พระรูปนี้ปรากฏออกมา เพราะใครได้รับพรจากท่านก็เหมือนเข้าถึงพระเป็นเจ้าทั้งสาม


    ทางคติพราหมณ์ถือว่า ท่านได้สิทธิอัครบูชาคือต้องไหว้ต้องทำการบูชาเคารพท่านก่อนเป็นอันดับเเรกทำอะไรจึงจะสำเร็จ คติพราหมณ์นั้นเชื่อว่าท่านเป็นโอรสพระศิวะกับพระเเม่อุมา เป็นเทพเจ้าเเห่งฤทธิและสิทธิ ดั้งนั้นผู้ใดปรารถนาเข้าถึงอิทธิฤทธิ์และอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกามภพทั้งลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ผู้ใดปรารถนาสิทธิความชอบธรรมความสำเร็จอย่างงดงาม ความสำเร็จระยะยาว การเข้าไปสู่จุดสูงสุด ไม่สะดุดขาตัวเอง เมื่อขึ้นไปแล้วไม่ตกต่ำลงมาในสรรพศาสตร์และการทำกิจการทุกเเขนงจึงต้องบูชาเคารพพระองค์ พ่ออาจารย์ท่านจึงปรารถนาที่จะสร้างพระพิฆเนศที่ดีที่สุด มีอาถรรพ์สูงสุดให้คนที่ศรัทธานำไปบูชา ท่านเปรียบว่าเหมือนเขายกมือไหว้ครั้งเดียว ดั่งได้อานิสงค์ไหว้ผ่านเทพเจ้าทุกพระองค์เเละเข้าถึงปรพรหมอาตมัน เพราะพระพิฆเนศวรนี้เป็นเทพองค์เดียวที่ได้รับสิทธิอัครบูชาจากพระเป็นเจ้า เมื่อพระรูปของพระองค์ปรากฏขึ้นนั่นย่อมหมายถึงการเข้าถึงพลังอำนาจอันสูงสุด


    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าองค์พระคเณศนั้นคือมงคลมูรติ หมายถึงรูปปรากฏที่เป็นพลังอำนาจลึกลับ เป็นมงคลอันสูงสุดเหนือกว่าเทพเทวะใดๆในจักรวาล ท่านเป็นปรพรหม เป็นอาตมัน ดำรงค์อยู่ของท่านมาเช่นนั้นจนปรากฏรูปขึ้นมาในฐานะของศิวบุตร พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้องค์พระเคณศถือได้ว่าเป็นเทพที่มีพลังงานและพลังปาฏิหาริย์สูงสุดเหนือเทพเทวะใดๆ ด้วยเป็นเทพที่มีผู้นิยมสักการะและระลึกถึงมากที่สุดในโลก ท่านว่าถ้ารู้จักสร้างและทำให้เป็น เราก็สามารถดึงพลังปาฏิหาริย์นั้นมาฉุดช่วยยกชีวิตผ่าเคราะห์กรรมให้ผู้บูชาได้


    พ่ออาจารย์ท่านเข้าใจสมดุลย์เรื่องพลังงานของจักรวาล ซ้ำท่านยังรู้คติและหน้าที่ความเหมาะสมของเทวะ รู้ว่าพระคเณศที่มีสถานะพระเป็นเจ้าดำรงค์อยู่อย่างไร และพระคเณศที่เป็นเทวดาคอยตอบรับคำขอของคนทั้งหลายนั้นเป็นเช่นใด ท่านได้ปรารภให้ฟังว่า พระพิฆเนศวรที่เขาคอยวิ่งช่วยเหลือคนอยู่นั้นไม่ใช่รูปร่างอ้วนท้วมมีศรีษะเป็นช้าง เเต่เป็นเทพบุตรองค์หนึ่งที่มีผิวกายขาวหน้าตาหล่อเหลางดงามถึงจะถูก ท่านจะคอยตอบรับการบูชาเเละสนองตอบความต้องการแก่ผู้บูชาพระพิฆเนศวรนี้ นอกจากนั้นท่านยังได้เล่าเรื่องพระพินายที่เกือบจะไม่มีใครกล่าวถึงเเล้วให้ทราบอีกด้วย ท่านว่าพระพินายและพระพิฆเนศวรนี้ เราเองก็ไม่ได้ก้าวล่วงไปสอบถามอะไรท่านมากเเต่หากพิจารณาเเล้วรูปร่างลักษณะเทพทั้งสองนี้จะเหมือนฝาแฟดกันทีเดียว ต่างกันก็เพียงรัศมีผิวกายพระพินายนั้นจะดุเเละจะมีรัศมีรุนเเรงกว่าพร้อมทั้งพระวรกายจะเป็นสีนิลดำเลื่อมสวยงาม ท่านว่าคนส่วนมากมักจะบูชาพระพินายรวมเเละปนไปกับพระพิฆเนศวรจนเเยกไม่ออกเเละท่านทั้งสองเองก็มักตอบรับการบูชาเเละให้พรผู้บูชาเช่นกัน เรียกว่าทั้งสองทำงานร่วมกันในนามและฐานะของพระพิฆเนศไปพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับคำพรและวาระว่าใครขออย่างไรเหมาะสมกับองค์ไหนควรจะเข้าแก้ไขช่วยเหลือเช่นนี้


    ทั้งนี้ด้วยพ่ออาจารย์ท่านทราบดีว่า คนทั้งหลายยากนักที่จะเข้าถึงพระเป็นเจ้า ยากนักที่จะเข้าถึงปรพรหมสูงสุดและพลังองค์อาตมัน เช่นนั้นสภาวะพระเป็นเจ้าของพระพิฆเนศจึงให้กำเนิดเทพทั้งสองที่เรียกว่าพระพิฆเนศและพระพินายนี้มาทำงาน ทำหน้าที่แทนพระองค์ในนามของท่าน ด้วยมหากรุณาขององค์ท่านที่มุ่งหวังให้ผู้ต้องการความสำเร็จได้ลุกิจประโยชน์โดยเฉพาะ ท่านกล่าวว่าเทพทั้งสององค์นี้เฉลียวฉลาด ปราดเปรียวมีสติวิจารญาณรอบคอบซึ่งเป็นพื้นฐานของคนที่จะประสบความสำเร็จเเละทำการณ์ใหญ่ได้ ท่านเป็นใหญ่รอบรู้ในสรรพวิทยา เเละศาสตร์ทุกศาสตร์ที่จะพึงมีในจักรวาล นอกจากนั้นยังมีนิสัยส่วนพระองค์ที่เคร่งครัดยึดมั่นในกฏระเบียบปกครองส่วนรวมด้วยดี


    พ่ออาจารย์นั้นท่านว่าเราอยากจะทำพระคเณศโดยเชิญพระคเณศเนื้อแท้ที่เป็นพลังงานแห่งองค์อาตมันมาเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุดให้กับผู้มีโอกาสเหมาะสม และเข้าใจวาระที่เปิดออกหนนี้นำไปบูชา พร้อมกันนี้ยังเชิญพระพิฆเนศและพระพินายที่เป็นรูปทางกายภาพมาสถิตย์พร้อมๆกัน เรียกว่าเป็นวงจรพลังงานที่ยิ่งใหญ่อันเชื่อมไปถึงปรพรหมคือองค์อาตมัน หรือที่รู้จักกันในนามดวงชีพนิรันดร์และเทพผู้รับหน้าที่มาปฏิบัติอีกทอดหนึ่ง ให้ทั้งสองพระองค์ตอบรับคำขอและตอบสนองความคาดหวัง คำอธิษฐานบูชา พาผู้ศรัทธาออกจากความข้องขัดพบกับหนทางนำไปสู่ความสำเร็จสูงสุดทุกกิจที่ได้กระทำ


    ท่านได้นำไม้สักโปร่งฟ้าที่ต้องสายฟ้าและยืนต้นตายพรายมาแกะรูปพระเคณศเก็บไว้โดยเฉพาะ ด้วยเหตุว่าไม้ตายพรายนั้นมีอาถรรพ์สูงมาก ซ้ำยังโปร่งฟ้าทะลุทะลวงไร้สิ่งขวางกั้น อุปมาเป็นความปลอดโปร่งไร้อุปสรรคปัญหาและได้รับสายฟ้าธรรมชาติอันเป็นธาตุที่มีอำนาจรุนแรงเพื่อจะใช้ทำลายสิ่งขัดข้องทั้งมวลอย่างด้วย ท่านว่าเหมาะที่สุดแล้วที่จะนำไม้นี้มาเป็นอาถรรพ์สร้างเทพผู้คอยทำลายความขัดข้องดลบันดาลให้ชีวิตชนที่ศรัทธาประสบความสำเร็จสูงสุด พ่ออาจารย์ท่านได้แกะไม้อาถรรพ์เป็นศรีษะครูองค์พระคเณศ ท่านว่าเราแยกนำมาเสกโสรจสรงอัญเชิญท่าน ทั้งผ่านการบูชาไฟ บูชาด้วยเครื่องหอมสารพัด เมื่อเชิญญาณทั้งองค์นามธรรมและรูปธรรมทั้งสองพระองค์แล้ว ยังขอเมตตาท่านกำกับให้ช่วยสงเคราะห์พาคนบูชาออกจากกระแสความขัดข้องในโชคชะตาวาสนาที่พัดพาไปอีกด้วย

    ท่านว่าแกะเป็นเศียรครูนี้ เพื่อให้เวลาที่เราจะอาราธนาพระองค์ท่านสวมคอ คล้องคอ เป็นมงคลต่อชีวิต เสมือนตัวเราได้นำเศียรท่านนั้นครอบหัวเทิดทูนเอาไว้บนหัวตลอด เป็นสัญลักษณ์และคติแห่งความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองเมื่อชีวิตเราได้ร่วมทาง ร่วมงาน ร่วมชีวิต ทำกิจทุกสิ่งไปกับครูพร้อมๆกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าตราบใดที่เอาท่านคล้องอยู่ในคอทิพยสภาวะของพระองค์ก็จะสถิตย์เหนือหัวเหนือกระหม่อมตลอด คนที่สัมผัสดีๆจะรู้ว่าหัวเรานั้นหนักขึ้นมาก(ท่านว่าอย่าไปลอง)


    ด้านหลังนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้นำผงเสือข้ามถิ่นมาพอกเอาไว้ ท่านว่าผงนี้มีอาถรรพ์มากและลบยากแต่เราทำให้เพื่อคนที่ใช้ครูองค์พระจะได้มีสิริมงคลและความสำเร็จสูงสุด พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นมักจะได้ดีอยู่ในถิ่นของตนเองเรียกว่าเป็นใหญ่ เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าอยู่แต่ในบ้าน พอออกนอกบ้านไปจากเสือก็กลายเป็นเหยื่อให้เขาตะครุบ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงคุณวิชาเสือข้ามถิ่นนี้มีอาถรรพ์ที่จะแก้ชะตาและวาระการดำเนินชีวิตได้ เพราะปกตินั้นทุกคนล้วนแต่ต้องออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก สู้กับฉากละครชีวิตในแต่ละวัน พ่ออาจารย์ท่านอุปมาว่ผงนี้มีคุณมากหนุนให้เราเป็นผู้นำดุจเป็นเสือที่ใครๆก็เกรงกลัว เป็นเสือทั้งในบ้านและนอกบ้าน ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จะเปลี่ยนที่อีกสักกี่ร้อยครั้ง ชีวิตก็ต้องเป็นผู้นำ ต้องสำเร็จทุกครั้งตกต่ำลงไม่ได้ ท่านว่าเราทำไว้ให้เหมาะกับคนที่คิดการณ์ใหญ่ คนที่แสวงหาความเจริญก้าวหน้า ด้วยอาถรรพ์คุณวิชาของผงนี้จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าที่ไม่จบสิ้น เป็นเสือ เป็นเจ้าคนนายคนในทุกๆถิ่น ทำอะไรก็ชนะเขา ขย้ำเขาอยู่ข้างเดียว แม้จะแปลกที่แปลกถิ่นก็แพ้ไม่เป็นเช่นนั้น


    นอกจากนี้ท่านยังได้นำแม่กำเนิดที่เสกลงพลังงานขององค์ศักติมาฝังไว้ด้านหลังอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าเพื่อความสมบูรณ์แห่งพลังงานไม่ว่าจะเป็นองค์อาตมันหรือพระศรีเคณศก็ล้วนแต่ต้องมีอำนาจแห่งมหาศักติหนุนไว้ทั้งสิ้น ท่านให้เหตุผลว่าการบูชามหาเทวะนั้นมักจะใช้เวลานานเพื่อทดสอบสภาวะจิตใจและการเข้าถึงของผู้บูชา เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าบางคนก็เดือดร้อนเกินไป หากจะให้รอมหากรุณาโดยอุตสาหะเพื่อทดสอบกำลังใจนั้นเกรงว่าคนจะท้อกันเสียก่อน ดังนั้นท่านจึงให้นำรูปแม่กำเนิดที่สร้างเสกเป็นตัวแทนองค์มหาศักติฝังไว้และออกมาให้บูชาไปพร้อมๆกัน

    มหาศักตินั้นคือพลังงานสูงสุดของจักรวาล ในสามภพหรือไตรดาลคือทั่วทั้งสวรรค์แดนมนุษย์หรือในบาดาล หากปรากฏพระรูปของมหาศักติขึ้นแล้วสรรพชีวิตทั้งหลายย่อมนอบน้อมและเคารพบูชา พ่ออาจารย์บอกว่าในทางกายภาพนั้นคนมักจะนิยมบูชามหาศักติกันในรูปของพลังงานที่แยกกันออกไป นั่นคือ องค์พระแม่ปารวตี องค์พระแม่ลักษมี องค์พระแม่สุรัสวดี ซึ่งทั้งสามพระองค์นั้นคือภาคอวตารของมหาศักติ แต่สัญลักษณ์มหากำเนิดนี้คือสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ เป็นจุดรวมหน้าที่และกำลังแห่งมหาศักติทั้งปวง ได้แก่


    - การทำลายล้างความชั่วร้ายสถาปนาไว้ซึ่งระบบคุณธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ขจัดคนพาลมิจฉาทิฏฐิ ปกปักรักษาไม่ให้ถูกข่มเหง รังแก ด้วยอำนาจอย่างเด็ดขาดและเหี้ยมหาญประทานชัยชนะเหนือศัตรูท่านว่าไม่มีใครจะรังแกเราได้เลย เร่งรุดให้เจริญในอำนาจวาสนาบารมีด้วยเกียรติยศอย่างสูงสุด ประทานยศถาบรรดาศักดิ์และความเป็นใหญ่ตลอดจนอำนาจในการปกครอง ด้วยว่าพระนางนั้นคือมารดาแห่งสรรพชีวิต ทุกชีวิตคือลูกเสมอกัน ประทานความรักให้เท่าเทียมกัน ดำรงไว้ซึ่งน้ำระทัยที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา ซ้ำยังช่วยให้มีกำลังใจกล้าหาญ ประกอบด้วยกำลังวังชาอาจชนะมวลศัตรูได้ทั้งสิบทิศ ดำรงค์ตนอยู่ในความยุติธรรมสุจริต และยังเกื้อกูลให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีพร้อมบริบูรณ์ อำนวยความสุขในการครองเรือน ยังชีวิตให้อิ่มเอม ผาสุข เปี่ยมสุขด้วยความอุดมสมบูรณ์ คุ้มเกรงให้ออกห่างจากภยันตรายทั้งปวง ด้วยกำลังของพระแม่ปารวตี

    - สืบวงศ์ดำรงค์ตระกูล ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งและร่ำรวย ประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการทุกสาขาอาชีพ ให้ผลทางด้านการเจรจาต่อรอง เปิดทางโชคลาภโภครัพย์ อุดหนุนความสุขเพิ่มพูนในชีวิตคู่และการครองเรือน ให้คู่ครองรักใคร่กันดี ให้เจอเนื้อคู่ที่ดี ด้วยว่าพระนางนั้นจะอำนวยโชคด้วยน้ำระทัยที่ตั้งอยู่ในมหากรุณาอยู่เนืองนิตย์อย่างไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ช่วยให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างสูงสุดด้วยกำลังของพระนางอันมีรูปกายวิจิตรละลานตาสะกดฝูงชนผู้พบเห็นงามพร้อมทั้งรูปกายและกิริยามารยาท จึงส่งผลให้ผู้บูชามีเสน่ห์มีวาจาที่น่าเชื่อถือ จึงอาจกล่าวได้ว่าในส่วนของความเจริญรุ่งเรือง พระนางเป็นผู้นำมาถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรืองถ้วนทุกประการ อันเป็นกำลังของพระลักษมีเทวี

    - เปิดสติเร่งปัญญาให้พร้อมรับรู้ทุกสิ่ง ด้วยอำนาจแห่งความรู้ ปรับบุคลิกภาพให้สุขุมนุ่มลึกเงียบสงบ พร้อมจะใช้สติพิจารณาสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างแยบคาย ด้วยกำลังของเทวีผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพความรู้ทั้งมวล ทรงประทานความเข้าใจในสรรพศาสตร์ต่างๆที่มีความประสงค์จะศึกษาจะใคร่รู้ ไม่ว่าวิชาการนั้นจะล้ำลึกเพียงใด วิทยาการจะก้าวหน้าสักปานไหน พระองค์คือสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรม วิทยาการตลอดจนงานศิลปะทุกแขนงซ้ำยังเป็นผู้ให้กำเนิดภาษาเทวนาครีและนิพนธ์รจนาบทสวดมนต์บทแรกในจักรวาลอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยกำลังของพระนางนั้นจะช่วยให้ถือเวทย์มนต์และคาถาอักขระต่างๆขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ใช่เพียงแต่การศึกษาแม้จะทำการสิ่งใดที่อยู่ในอำนาจของการใช้ภาษา การเจรจา การนิพนธ์รจนา ท่านว่าทุกสิ่งที่มีภาษา มีสำเนียง มีการออกเสียง มีคำพูดเข้ามาเกี่ยวข้องทุกอย่าง ทุกสิ่งนั้นอยู่ในอำนาจของพระนางทั้งสิ้น หากพระนางเมตตาใครแล้วด้วยว่าทรงประทานกำลังแห่งความรู้และสรรพวิทยาการ คุณลักษณะนั้นแม้ตายตกตามกันไปถึงเจ็ดชั่วชีวิตก็จะไม่เสื่อมหายไป เป็นกำลังของพระแม่สุรัสวดี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการรวมกันของมหาศักตินั้น ก็คือการรวมกันของอำนาจสูงสุดสามสิ่ง นั่นคือความร่ำรวย ความรู้ตลอดจนถึงอำนาจวาสนา ซึ่งคุณทั้งสามนั้นคือคุณสมบัติสูงสุดที่มนุษย์ใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาและเติมเต็ม เพราะว่าบุคคลที่มีพร้อมทั้งสติปัญญา ความรู้ รูปกาย ทรัพย์สมบัติตลอดจนอำนาจวาสนานั้น คือที่สุดแห่งความบริบูรณ์ที่มนุษย์ควรจะเป็น เรียกว่าเป็นชีวิตในอุดมคติก็เป็นได้ ท่านจึงปรารถนาจะสร้างพระมหาศักติขึ้นด้วยการรวมอานุภาพสูงสุดของมหาจักรวาลซึ่งท่านว่าทอดสายตาไปทั่วทั้งสามภพก็หาจะมีซึ่งผู้ใดที่ทรงอานุภาพมากกว่านี้ด้วยว่าเป็นพระแม่สูงสุดของจักรวาลผู้รักและให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งมวลนั่นเอง เพื่อจะเกื้อหนุนดวงชะตา ทำลายสิ่งเลวทรามชั่วร้ายในชีวิต เร่งเร้าให้ผู้บูชามีครบถ้วนบริบูรณ์ในทุกสิ่งที่ปรารถนานั่นเอง


    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงตะกรุดกำลังพระเคณศฝังเอาไว้ด้วย ตะกรุดนี้สำคัญมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยเราทำให้นี้เป็นยันต์เฉพาะที่ได้รับมาจากครูองค์พระท่านนิมิตให้ ท่านตั้งให้ให้ทำฝังเอาไว้ในรูปท่าน เป็นกำลังแห่งเทวะ เป็นกำลังแห่งแสงสว่าง เป็นกำลังแห่งอาตมันอันมีอานุภาพใช้ได้นับร้อยเส้นทางทั้งยังพลิกกลับพลิกแพลงได้อีกนับพันวิถี พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นตะกรุดที่จะใช้อำนาจแห่งเทวะนั้นสงเคราะห์วิถีชะตาคนอันต่างกันร้อยพ่อพันแม่ ไม่ว่าจะประสบเคราะห์กรรมหนักเบาอย่างไร ดีร้ายอย่างไรก็พลิกแพลงแก้ไขมีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือความสำเร็จสูงสุดอันพึงคาดหมายไว้ของชีวิตได้ทั้งสิ้น


    คาถาบูชา

    โอมวักกระตุณดะ มหากายา สุริยาโกติ สมาปราภา นิรวิกนัม คุรุเมเดวา สารวาการ เยสุ สารวาดา

    * พระคเณศรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะทำให้ครั้งเดียวเพราะผงเสือข้ามถิ่นนี้ทำยากและมวลสารต่างๆที่เหมาะและเข้ากันแบบนี้ก็ไม่มีแล้ว ที่สำคัญท่านเชิญและเสกมานานแล้วพร้อมทั้งขอมหากรุณากำกับองค์เทพไว้อย่างดี ท่านว่าไม่ต้องพูดอะไรบอกอะไรเขามาก(แต่ท่านมักทำหน้าและสายตาลึกซึ้งตลอดเวลาที่มองพระคเณศชุดนี้พร้อมกับบอกว่าของชุดนี้คนที่เอาไปเขามีประสบการณ์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว แต่ท่านไม่ยอมเล่าหรือบอกว่าเป็นอะไร) พ่ออาจารย์ท่านว่าชีวิตคนแน่นอนว่ามีปัญหา แต่ปัญหาในแต่ละวันนั้นย่อมไม่เหมือนกันซักคน พระคเณศรุ่นนี้ท่านทำไว้ให้ขจัดความขัดข้อง นำพาออกจากปัญหาได้นับร้อยพลิกแพลงเปลี่ยนผันได้นับพันวิถี พ่ออาจารย์ท่านว่าเพียงเท่านี้ ถ้าเขาหาเหตุแห่งความเจริญก้าวหน้า พร้อมที่จะเดินไปบนทางแห่งความสำเร็จเขาก็จะรับเอาไว้เอง


    ร่วมทำบุญบูชา องค์อาตมันมงคลมูรติพระศรีคเณศประสาทพร (สิทธิฤทธิพันวิถีพลิกผัน) บูชา 3,000 บาท



    40102398_1881903651855625_8195444809389834240_n.jpg 39997280_417063002153248_6028796471854235648_n.jpg
    39966860_675539076156055_3738489755214544896_n.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา คันฉ่องดูดพลังจักรวาลแว่นฟ้าบาปวิบัติ(พระสิขีพุทธเจ้าส่องประทีบ)

    สืบเนื่องจากวาระที่ท่านทั้งหลายต้องการจะบูชาพระพุทธเรวัตตะ(ไพรีพินาศ)ซึ่งติดจองเต็มอย่างรวดเร็วนั้น ทั้งนี้หลายๆคนได้แสดงความต้องการว่าถ้าไม่ได้ก็ขอเพียงแว่นฟ้าบาปวิบัติก็ยังดี ทั้งอยากได้แบบพิเศษที่พ่ออาจารย์ท่านเชิญและใช้บารมีเฉพาะทางเหมือนพระไพรีด้วย


    ทั้งนี้ด้วยความบังเอิญหรือเหตุผลกลใดก็ไม่ทราพ่ออาจารย์ท่านว่ามีคันฉ่องชุดนำฤกษ์อยู่ ซึ่งท่านเทไว้ก่อนสร้างพระพุทธเรวัตตะ ทั้งคันฉ่องชุดนี้ท่านยังนำวิชาเฉพาะทางของสมเด็จพระพุทธสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำตะกรุดคุณวิชาฝังไว้ด้วย


    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธสิขีนี้เป็นคนละองค์กับสมเด็จองค์ปฐมนะ ถึงชื่อเหมือนกันแต่ก็ต่างกาลต่างวาระเป็นยุคหลังองค์ปฐมลงมา ดังจะยกประวัติคร่าวๆชองพระองค์ลงไว้เพื่อใช้แยกแยะ ดังนี้

    ในคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินีระบุว่า หลังจากที่พระสิขีโพธิสัตว์จุติจากการเป็นท้าวสันดุสิตแล้ว ได้ทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางปภาวดี พระอัครมเหสีในพระเจ้าอรุณแห่งกรุงอรุณวดี ได้รับพระนามว่าเจ้าชายสิขี เมื่อเจริญพระชนม์ขึ้นได้เสกสมรสกับพระนางสัพพกามา มีพระโอรสด้วยกันพระองค์หนึ่งชื่อเจ้าชายอตุละ เมื่อดำรงค์พระชนมายุได้ 7,000 พรรษา ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง 4 จึงตัดสินพระทัยทรงช้างต้นออกผนวชโดยมีข้าราขบริพาร 137,000 คน ตามเสด็จออกบวชด้วย บำเพ็ญอยู่ 8 เดือนจึงตรัสรู้ แล้วออกประกาศพระศาสนา ทรงตั้งพระอภิภูและพระสัมภวะเป็นพระอัครสาวก พระเขมังกรเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสขิลาและพระปทุมาเป็นคู่พระอัครสาวิกา สมเด็จพระสิขีพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานที่วัดอัสสารามวิหาร กรุงสีลวตี สิริพระชนมายุได้ 70,000 พรรษา

    แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จะเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งในทุกโลกเสมอกัน แต่บารมีเฉพาะทางอันเป็นอุปนิสัย เป็นพุทธวิสัยที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็แตกต่างกันไป จากการที่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญบารมีมาแตกต่างกันนั่นเอง


    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธสิขีพุทธเจ้านี้ท่านอุบัติมาในสมัยที่ชนทั้งหลายในโลกติดอยู่กับความมืดบอด มีความเห็นผิดแยกแตกต่างกันรุนแรง และยังดำเนินชีวิตกันไปในหนทางที่ผิด พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จท่านต้องใช้เวลาถึงเจ็ดพันปี เจ็ดพันปีนี้เพื่อวางรากฐานสังคม เพื่อนำทางแก้ไขความมืดบอด ความเห็นผิด ความหลงผิดทั้งหลายในชนชั้นที่แตกแยกกันอย่างรุนแรงให้ประสานสามัคคีกัน แม้ออกผนวชสำเร็จเป็นพระบรมศาสดาแล้วพระองค์ก็ยังโปรดที่จะสงเคราะห์สัตว์โลกและพุทธบริษัททั้งหลายที่มีชีวิตมืดแปดด้าน หาทางออก ทางที่เหมาะสมคู่ควรกับการดำเนินชีวิตไม่ได้


    ด้วยพระเมตตาอันใหญ่และมหากรุณาอันยิ่ง บารมีของสมเด็จพระพุทธสิขีนี้ จึงเป็นบารมีเฉพาะทางที่จะช่วยพลิกชีวิตคนอันตกอยู่ในหนทางมืดมนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตดี พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าสมเด็จท่านนั้นเป็นดุจดั่งดวงประทีปที่ฉายรัศมีปัดเป่าความขัดข้องออกไป หากได้สงเคราะห์ใครแล้วก็ดุจชีวิตเขาได้พบเจอหนทางเดินใหม่ ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดหนทางที่ปิด ขจัดเมฆหมอกอันมืดมัวในโลกสงสาร


    ด้วยมนุษย์ทุกวันนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้บางคนจะผ่านเวลามาครึ่งชีวิตแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังไม่รู้หน้าที่ ไม่รู้กิจที่ตนควรจะทำ ไม่รู้คำว่าเมื่อถึงเวลา เมื่อเวลามาถึง เวลานั้นคือเมื่อไหร่ มีแต่ต้องถอยร่นตกหล่นจนตายสิ้นชาติภพกันไปก็ยังไม่เข้าใจคำว่ายังไม่ถึงเวลา ด้วยความเห็นที่ผิดพลาดทั้งการสำคัญตัวผิด พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นรังแต่จะประวิงเวลาให้ความสว่างความสงบในชาติภพนี้ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ซ้ำกรรมยังซ้อนทับกันให้ชาติภพใหม่ก็ไม่อาจพานพบ ดังนั้นท่านจึงได้ขออนุญาติใช้วิชาของสมเด็จพระพุทธสิขี ตลอดจนบารมีเฉพาะทางของพระองค์ท่านมาสงเคราะห์เพื่อเป็นแสงสว่างขับไล่ความมืดมน ขับไล่เมฆหมอกลางร้าย หายนะ จิตมาร และห้วงแห่งความผิดพลาดต่างๆ ให้ชีวิตที่มืดแปดด้าน หาทางเดินไม่เจอ หาทางออกไม่ได้ ให้คนที่เกิดมาไม่รู้หน้าที่อยู่ในสิ่งที่พึงกระทำ


    พ่ออาจารย์ท่านได้ลงอักขระพระเจ้าส่องประทีปพร้อมทั้งขอบารมีสมเด็จพระพุทธสิขีสำเร็จตะกรุดนั้น ท่านว่าเราขอให้พระองค์ท่านเปิดทาง ส่องสว่างชีวิตที่มืดมน ใครที่ตาบอดมืดมัวด้วยอกุศลกรรมใดๆปิดกั้นอยู่ท่านว่านี่ใช้ได้เลย ถ้าพวกไหนชอบจับพลังพ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาพระเจ้าส่องประทีปนี่เอาให้จับไปเลยเขาจะพบเจอแต่แสงสว่างที่ไม่รู้จุดสิ้นสุดเป็นพลังงานที่จะทำลายความติดขัดมืดมนในอัตภาพตัวตนที่ติดกับชาติภพทุกรูปนาม


    ในส่วนของวิชานี้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวไว้อย่างน่าคิดว่ ถามหน่อยสิ ชีวิตใครบ้างที่มันจะส่องสว่างได้ตลอดเส้นทาง ไม่ตก ไม่มืดดับอับแสงเลย ในช่วงที่ชีวิตมืดบอดนี่แหละบางคนก็เสียเวลาอยู่กับมันทั้งชีวิต บางคนก็ล้มไปแล้วไม่สามารถกลับมาลุกยืนขึ้นได้อีก ซึ่งในจุดที่พลิกกลับนั้นหากมีดวงประทีปดวงหนึ่งส่องนำทางให้เธอล่ะ ในความมืดของชีวิตเธอยังมีแสงสว่างปัดเป่าและเป็นเชื้อเพลิงเติมให้จิตวิญญาณเธอตลอดเวลาอยู่ล่ะ ในเมื่อมีทางให้ไป มีแสงสว่างให้เดิน มีพลังงานลึกลับที่จะฉุดยื้อไม่ให้เธอตกลงไปได้ ในหนทางอันมืดบอดกับคนที่มีแสงสว่างนำทางมันก็ต่างกันถึงเพียงนั้น ..เพราะแสงสว่างของสมเด็จพระพุทธสิขีที่จะสถิตย์อยู่กับชีวิตของเธอต่อจากนี้ได้ชื่อว่ามีกำลังแรงกล้ายิ่งกว่าตะวันพันดวงเสียอีก


    พ่ออาจารย์ท่านได้นำตะกรุดสำเร็จวิชาที่ขอบารมีพระพุทธสิขีดีแล้ว มาฝังไว้ในแว่นฟ้าบาปวิบัติด้วยความตั้งใจของท่าน เพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานและขยายวงจรให้แว่นฟ้ามีแสงสว่างดุจตะวันพันดวงเบิกทางเปิดชีวิตให้กับผู้ถือครองได้


    แว่นฟ้าบาปวิบัติ พ่ออาจารย์ท่านได้ทำแว่นฟ้าบาปวิบัติขึ้นโดยอาศัยคติการสร้างคันฉ่องแต่โบราณที่ใช้รวบรวมพลังมงคลแห่งจักรวาลเพื่อหนุนเสริมบารมี วาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ ความก้าวหน้าในตำแหน่ง ความเจริญในหน้าที่การงาน ทั้งเสริมดวงให้แก่ผู้ครองครองบูชาได้มีพลังอำนาจเหนือดวงดาวด้วยพลังจักรวาลทั้งสามารถปกป้องคุ้มภัย ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีขับไล่เสนียดจัญไรโรคาพยาธิทั้งหลายให้มลายสิ้นไป


    อันแว่นฟ้านั้นท่านว่าแม้ได้ถือครองจะอุดมพรั่งพร้อมไปด้วยลาภผลพูนทวี มั่งมีศรีสุขดั่งมหาเศรษฐี อายุยืนตลอดกาล และจะปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งที่เป็นอัปมงคลใดๆทั้งปวง ทั้งป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันลมเพลมพัด ป้องกันภูตผีปีศาจ


    ด้วยคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้สำคัญนักเพราะใช้ได้ทั้งกันทั้งดูดในคราวเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะดูดพลังจักรวาลมาเสริมส่งมงคลแก่ผู้ครอบครองแล้ว ยังดูดพลังวิญญาณร้าย พลังงานด้านลบทั้งหลายมาใช้เป็นอำนาจให้แก่ตนเองได้อีกด้วย เมื่อได้พกติดตัวก็จะสลายพลังร้ายในร่างกายเราได้ทั้งหมดเพราะเขาสังเคราะห์พลังงานทั้งจากในร่างกายเราและจักรวาลมาทำงานร่วมกัน


    พ่ออาจารย์ท่านว่าตัวแว่นฟ้านั้นเป็นสิ่งเล็กๆที่สร้างให้เกิดวงจรอันยิ่งใหญ่ เพื่อสนองตอบกับปัจจัยสี่ข้อหนุนเสริมผู้ครอบครองคือ

    - ความยิ่งใหญ่
    - ความสุข
    - ความมั่งคั่ง
    - ความไม่มีโรคมีอายุยืนยาว
    ซึ่งปัจจัยทั้งสี่นี้ท่านว่าเป็นเสมือนพรมงคลที่แม้แต่ทวยเทพยังทำให้ไม่ได้ ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก ทั้งแว่นฟ้ายังเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจเหนือกรรมลิขิตของพระบรมบิดาพรหมเทพ

    ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเสกและใช้แว่นฟ้าเพื่อรวมศูนย์พลังงานจักรวาลอันเป็นพลังมงคลที่ต่อต้านความหายนะ พินาศ ฉิบหายของอกุศลและความมัวหมองได้อย่างน่าฉงน ท่านจึงให้ชื่อแว่นฟ้านี้ว่าบาปวิบัติ


    อันพลังที่ขัดเกลาอกุศลตรงนี้เกี่ยวข้องกับวงจรใหญ่ ท่านว่าเปรียบได้กับการสร้างวงจรใหม่ขึ้นไปทดแทน ถึงจะเป็นวงจรเล็กๆแต่ก็เป็นวงจรใหม่ที่ใช้เปลี่ยนได้ทั้งหมด อาศัยอำนาจพลังมงคลของจักรวาลที่แว่นฟ้าจะรวบรวมไว้ตลอดเวลาลดทอนหายนะ อกุศลกรรมและความพินาศที่จะเกิดแก่ผู้ถือครอง


    *** เหนือสิ่งอื่นใดแว่นฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกยากมากเพราะเขามีอาถรรพ์ให้คุณเหนือกว่าเทวดาเจ้าบุญนายคุณนับสิบเท่า ทั้งยังดีทางด้านการพนันเสี่ยงดวงทั้งหลายด้วย โดยนัยน์ของแว่นฟ้านี้ท่านว่าแม้เราอยากได้ใครไม่ว่าจะคน จะเป็นสิ่งของหรือที่ดินทั้งหลาย ให้เราส่องแว่นฟ้านี้ออกไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสมือนเงาสิ่งนั้นได้ถูกดูดไว้ในคันฉ่องแล้วท่านว่าพูดมากไม่ได้แต่เอาว่าได้แน่ๆ


    แว่นฟ้าหรือคันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีความสำคัญอยู่มาก แม้ตอนเสกเองท่านได้เชิญเสด็จพระใหญ่มาเสกซึ่งท่านก็มาดูด้วย ท่านว่า "คันฉ่องนี้มีความลับอีกมากมายที่เธอบอกเขาได้ไม่หมด ร้อยเรื่องพันเหตุการณ์ เขาจะไปประสบพบเจอกับปาฏิหาริย์ที่คู่ควรกับวาสนากันเอง ท่านว่าฉันเห็นไม่บ่อยหรอกนะที่ใครจะเชิญท่านพุทธสิขี ขอบารมีท่านสงเคราะห์คนเช่นนี้" (ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเพราะบารมีพระพุทธสิขีนั้นเป็นแสงสว่างที่มีกำลังดุจตะวันพันดวง ท่านจะเผาผลาญความมืดบอดและขลาดเขลาทั้งหลายให้ย่อยยับไป)


    ด้วยวิชาคันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านทำให้เป็นเครื่องสูง เป็นของสูง ท่านว่านับแต่สมัยโบราณคันฉ่องถือเป็นของใช้งานเฉพาะจักรพรรดิ เป็นของแสดงพระราชอำนาจที่จะเลือกมอบให้แก่ใคร เป็นของแทนตัวพระจักรพรรดิ แม้มีทรัพย์สินเงินทองปานใดก็ไม่สามารถสร้างคันฉ่องได้ด้วยจะถือว่าเป็นกบฏทันที พ่ออาจารย์ท่านว่าคันฉ่องนี้ก็เช่นกัน ท่านทำให้เป็นของสูงเสกตามศาสตร์ทุกศาสตร์ทีละเรื่อง เพราะเป็นชุดพิเศษ จึงเสกลงอาถรรพ์ของคันฉ่องโดยเฉพาะแยกออกมา ท่านว่าพกไว้เถอะ ดุจเรามีความน่าเกรงขาม มีพลังงานของโอรสสวรรค์คอยหนุนฐานชีวิต


    ท่านว่าที่สำคัญที่สุดเลย คันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานจิตให้เชื่อมโยงกับแว่นฟ้าของบรมบิดาพรหมเทพ ทุกความเป็นไป ทุกปัญหาและอุปสรรคมากมายในชีวิต จะฉายเป็นภาพขึ้นตรงกับพระบรมบิดา ท่านว่าเราบอกได้เท่านี้ แต่เราเองก็ขอท่านไว้แล้ว เรื่องไหน ใครเจออะไร ถ้ามันจะทำให้ชีวิตเขาแย่ลง เรื่องนั้นเราขอให้พระบรมบิดาท่านสงเคราะห์ทันที อย่าให้เหตุการณ์อันนำมาซึ่งความวิบัติรุนแรงเกิดขึ้นได้


    คาถาบูชา

    (พ่ออาจารย์ท่านว่าแว่นฟ้านี้เป็นของวิเศษ มีจิตสำนึกในตัวเอง เขาแรง เขาไวด้วยตัวของเขาอยู่แล้ว ให้อธิษฐานใช้งานได้เลยไม่ต้องอาราธนาอะไร เพียงแต่ระลึกถึงชื่อสมเด็จพระพุทธสิขีท่านเท่านั้นก็พอ)

    ร่วมทำบุญบูชา คันฉ่องดูดพลังจักรวาลแว่นฟ้าบาปวิบัติ(พระสิขีพุทธเจ้าส่องประทีบ) บูชา 800 บาท


    40126178_550431118727029_8509569732347691008_n.jpg 40102917_2192309181028326_8391400480361676800_n.jpg
    40161848_174508773388262_7531953008758751232_n.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระยอดมงกุฎธรรมอนันต์โพธิวงศ์สรรพสิทธิ์(องค์ธรรมสภาฝังยาปัดอุบาทว์)

    นับแต่โบราณนั้น...ใบหน้าถือเป็นศรี (ราศี) ที่สำคัญของร่างกาย ชาวไทยเราจึงเชื่อกันว่าการล้างหน้าเป็นการชำระล้างร่างกายส่วนที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงมีการสวดอาราธนาพระคาถาเวลานำน้ำมาล้างทำความสะอาดใบหน้าและร่างกายเวลาเช้า และสำหรับท่านที่ทรงญานสมาบัติก็มักจะทรงอารมณ์กรรมฐานในพุทธานุสติกรรมฐานกำหนดมงกุฏพระพุทธเจ้านั้นครอบศรีษะและใบหน้าไว้ตลอดเวลา

    ด้วยพ่ออาจารย์นั้น ท่านเคยได้รับนิมิตให้สร้างปฐมพุทธพักตร์มาก่อน จำเนียรกาลผ่านไปเสด็จพระใหญ่ท่านว่าถึงวาระที่จะสร้างธรรมศาสตราอันมีความพิเศษนั่นคือพระยอดมงกุฏธรรมแล้ว ด้วยเสด็จพระใหญ่เคยให้หัวใจสำคัญพ่ออาจารย์ท่านไว้บทหนึ่ง แน่นอนว่าหากพูดถึงคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าแล้วหลายคนคงรู้จัก หลายคนคงท่องเป็น แต่หากจะพูดถึงหัวใจของมงกุฏยอดธรรมแล้ว ตรงนี้หลายคนคงไม่รู้จักและไม่เคยได้ยิน ด้วยสิ่งนี้เป็นหัวใจของยอดธรรม ยอดมงกุฏในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และการชักยันต์หัวใจมงกุฏยอดธรรมที่เป็นธรรมศาสตราของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเราก็ได้รู้ได้เห็นจากเสด็จพระใหญ่เช่นกัน หนนี้จึงเป็นการทำวิชามงกุฏยอดธรรมของพระพุทธเจ้าครอบหน้าพระพุทธพักตร์ แต่ทว่าเป็นหน้าพระพักตร์ที่พ่ออาจารย์ท่านเสกเชิญพระพุทธเจ้าทุกพระองค์


    การสร้างพระยอดมงกุฏธรรมนั้น ท่านว่าเป็นยอดธรรม ยอดมงกุฏของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงเป็นของสูงและสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ด้วยบารมีของพระเจ้าทุกพระองค์ทุกชาติภพนับแสนนับล้านโกฏิอันจะหาที่กำหนดประมาณนั้นย่อมเป็นไปมิได้ กว่าจะทำได้สำเร็จนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเราต้องอัญเชิญคุณอันวิเศษแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมไปถึงคุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว กางออกให้ปรากฏรูปเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วยมงกุฎแก้วยอดธรรมและเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิ เพื่อครอบคลุมผู้บูชานั้นไว้ในกาลทุกเมื่อให้เป็นศรี(ราศี)แก่ชะตาและชีวิตแม้หากระลึกถึงก็เป็นการเจริญพุทธานุสติกรรมฐานไปด้วยในตัว

    ท่านได้นำอักขระสูตรยันต์ต่างๆประทับลงในแผ่นโลหะพร้อมทั้งอธิษฐานจิตปลุกเสกเต็มกำลังก่อนนำมาหล่อหลอม ท่านว่าต้องลงหัวใจพระพุทธเจ้าก่อน พร้อมทั้งประกอบพิธีเสกกำกับด้วยการเชิญเสด็จพระใหญ่และพระพุทธเจ้าทั้งปวงอันได้เคยอุบัติตรัสรู้มาแต่กาลก่อนในอนันต์จักรวาลนี้ มาทำการประสิทธิ์แฝงพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ด้วยพระยอดมงกุฏธรรมนนี้เปรียบได้กับวัตถุที่รวมกำลังของสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าทุกพระองค์ไว้ดีแล้ว ท่านว่าเสกยากจริงๆเพราะตัวเราเองเสกไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ไปเสกต้องให้พระเบื้องบนท่านทำให้ ทุกสิ่งเป็นไปด้วยพระพุทธานุภาพ พร้อมกันนี้ยังต้องขอความเมตตาเสด็จพระใหญ่ให้ชุมนุมพระเวทย์และพระธรรมทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าอันพระสัทธรรมนั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์ กำเนิดมาก่อนตั้งฟ้าตั้งดิน เป็นพลังงานอันยิ่งใหญ่ที่ให้กำเนิดสรรพสิ่งต่างๆ พระยอดมงกุฏธรรมนั้นจะได้มีแก่นของพลังงานที่ไม่เหือดแห้ง พร้อมทั้งจะได้ให้กำเนิดสิ่งดีๆแก่ผู้บูชา

    ด้วยเป็นของสูงค่ายากที่มนุษย์อันไม่ได้มีบุญวาสนาจะพานพบเจอ เพราะเสด็จพระใหญ่ท่านบอกไว้แต่เริ่มว่ามงกุฏยอดธรรมนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อปรากฏรูปขึ้นแล้ว หากได้อาราธนาสวมคล้องเสมอด้วยร่างกายเรามียอดธรรม ยอดมงกุฏของพุทธวงศ์ทั้งมวลครอบรักษาเอาไว้ ทั้งยังขัดเกลาภูมิจิต ภูมิธรรมของเราตลอดเวลาให้มากบารมีดุจพระจักรพรรดิ ท่านว่าอานุภาพตรงนี้นั้นมีมากพอที่จะปิดอบายภูมิได้เลย กล่าวให้ชัดเจนคือตกนรกไม่ได้

    การสร้างพระยอดมงกุฏธรรมนี้ พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจทำเพื่ออานุภาพอันเป็นปัจเจกเฉพาะตัวให้ผู้มีวาสนาสัมพันธ์กันกับวิชาพิเศษ ได้นำไปใช้อาราธนาเพื่อปลดเปลื้องภาระแห่งชาติเวร ทั้งภาระจากชาติสงสารแลวิบากเวรกรรม ท่านจึงได้นำยาแก้กรรมมาผสมกับยาปัดอุบาทว์เพื่ออุดไว้เป็นกฤติยาคมแฝดในองค์พระด้วยอีกคำรบหนึ่ง ท่านได้เมตตานำผงลบถม 227 ชนิดมาผสมกับผงรัตนมาลาทั้ง 108 เข้ากับเครื่องยาโบราณที่ท่านประกอบขึ้นเรียกว่ายาแก้กรรมนี้ด้วย ซึ่งยานี้ท่านทำจากสมุนไพรและเครื่องยาโบราณล้วนๆนำมาประกอบกับชะมดเชียง ดีหมี เขี้ยวเสือ นอแรด เป็นต้น ซึ่งท่านว่าเป็นยาที่ทำยากมากสูตรเสด็จพระใหญ่ด้วยว่านยาทั้งหลายที่ท่านกำหนดให้ไปกู้มาประกอบยานั้นล้วนหายากทั้งสิ้น ท่านว่ายานี้มีคุณตามชื่อเลย นั่นคือใช้ผ่อนหนักเป็นเบาและชะลอกรรมเก่าได้ ขอให้เป็นคนดีหมั่นสร้างความดีอย่าปล่อยโอกาศให้หลุดมือท่านว่าเสด็จท่านจะช่วยเหลือเต็มที่ นอกจากนี้ยาแก้กรรมยังสามารถใช้แก้ได้สารพัด ที่เป็นเครื่องยาอันประกอบด้วยสิ่งอุบาทว์และอัปมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะยามนต์ ยาคุณไสย ยาหลง ยารัก ยาแฝด ยาสั่ง ยาประสาท ยาชัง ยาหน่าย ยาตาย ยาพิษ ยาเสน่ห์ ยาต่างๆที่เกิดจากของฝ่ายต่ำและสิ่งอัปมงคลอันเกิดแต่การกระทำมาด้วยวิธีไสยศาสตร์ทั้งหลายนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าทำร้ายเราไม่ได้เลย ให้พกยาแก้กรรมนี้ไว้ถึงมีอยู่ในร่างกายถึงขั้นเข้าเลือดเนื้อไปแล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะขับออกมาทั้งสิ้น

    ในส่วนของยาปัดอุบาทว์นั้น ท่านว่าทำยากเพราะนอกจากว่านยาที่จะกู้มาแล้วต้องนำมาลงอักขระตามสูตรเสกว่านยาแล้วจึงบดเป็นผงนำมาเข้ากับผงวิเศษต่างๆที่มีฤทธิ์รุนแรงและเป็นความลับอีกห้าชนิดจึงจะสำเร็จ ยานี้ใช้ปัดได้ทั้งเหตุที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติวิสัยหรือผิดธรรมชาติ ทั้งอัปมงคลเป็นลางไม่ดี ทั้งอาเพศ อุบาทว์ เหตุร้ายที่จะเกิดแบบปัจจุบันทันด่วน รวมไปถึงภัยอันตราย ความทุกข์ร้อนที่จะเป็นต้นตอลุกลามมอดไหม้ต่อไปทั้งกับตนเองและวงศ์ตระกูล พ่ออาจารย์ท่านว่าสรุปสั้นๆคือใช้ล้างอาถรรพ์ร้ายทั้งหลายทั้งปวงอันจะปรากฏมีขึ้นในโลกในชีวิตตนได้ดียิ่งนัก

    พระยอดมงกุฏธรรมนี้นอกจากเป็นสิ่งแทนดวงพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้ว ยังมียอดธรรม ยอดมงกุฏของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพุทธรัศมีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ครอบรักษาเราอยู่ เมื่อได้อาราธนาพ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากปิดอบายแล้ว เมื่อครอบมงกุฏยอดธรรมเราจะมีอำนาจ มีตบะ เกิดสง่าราศีเป็นราชเสน่ห์แก่ผู้คนตรงนี้ท่านว่าใครเห็นเขาก็รักก็เทิดทูน ทั้งยังกัดกินและบรรเทาโรคภัยทั้งหลายด้วย พวกโรคเวรโรคกรรมอย่างมะเร็ง อัมพฤติอัมพาต หรือโรคเจ็บป่วยร้ายแรงต่างๆจะไม่เกิดขึ้นแก่เราเลย แม้โรคที่เป็นอยู่อาการก็จะค่อยๆบรรเทาดีขึ้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเสด็จองค์ปฐมนั้นทรงสรรเสริญพระยอดมงกุฏธรรมไว้เกินกว่าที่จะบรรยายใดๆได้หมด ท่านว่าแม้ความปรารถนาใดๆก็ดี ถ้าจะประสงค์หรือหากมีปรารถนาแล้วไซร้จะเป็นไปได้ดังปรารถนา ทั้งเป็นจังงังและมหาละลวย มหาเมตตาครบถ้วน เอากันถึงขนาดว่าแม้คนใจเหี้ยม ดุร้ายยังกลับใจอ่อนรักและเอ็นดูเรา ใครคิดร้ายก็มีอันเป็นไปรุนแรงเท่าความคิดและการกระทำของเขา ทั้งยังกันภูติพรายกินตัว กันอำนาจและปิดกั้นพลังงานแปลกปลอมที่จะชำแรกแฝงเร้นเข้ามาสิงสู่หรือเกาะกินเรา


    นอกจากนั้นยังใช้ได้อีกหลายด้าน ท่านว่าผู้ใดแม้มีมงกุฏแก้วยอดธรรมนี้ประดิษฐานไว้เหนือเศียรเกล้า ไม่ต้องพูดอะไรมากเอาแค่ปรับธาตุขันธ์กันสักพัก ต่อไปแม้เธอเพียงทอดสายตามองอะไรให้เธอกำหนดจิตไปด้วย จะให้เป็นแบบไหนก็จะเป็นเช่นนั้น ท่านว่าแค่เธอแลมองเขาพร้อมกำหนดจิตอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นก็ได้เรื่องแล้ว เช่นหากจะปกป้องคุ้มครองคนให้เขาไปดีกลับดีก็เพียงแค่มองและกำหนดจิตรักษาคุ้มครองเขา พ่ออาจารย์ท่านไม่สามารถบอกอะไรได้มากท่านว่าเราพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แต่วิชานี้เอาว่ามีอาถรรพ์แรงถึงขนาดนั้น ขอให้มีจิตคิดดีและปรารถนาดีแก่ผู้อื่น มองเขาอวยพรเขาสิริมงคลและกุศลกรรมมากมายก็จะเกิดขึ้นแก่เราแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย ท่านว่ายิ่งให้ยิ่งได้


    เมื่อได้กราบได้อาราธนา เหมือนได้ครอบเศียรพระเจ้าแปดหมื่นสี่พันพระองค์ ได้แวดล้อมบัญชรอยู่ในธรรมสภาแห่งสมเด็จพระตถาคตเจ้าทั้งมวล แม้นยกมือขึ้นไหว้มีกุศลดั่งได้ไหว้พระจุฬามณี ได้สักการะพระบรมธาตุ พระพุทธปฏิมา พระมหาธาตุเจดีย์ในโลกพิภพทั้งสิ้น ทั้งของที่มีวาสนาต้องกันและเหล่าพระบรมธาตุจะเกิดขึ้นแก่เราและเสด็จมหาหาเราโดยปาฏิหาริย์ ***และจงจำเอาไว้ว่านี่เป็นของสูง ต้องวางไว้สูงที่สุด สูงกว่าพระพุทธรูปทุกยุค ทุกสมัย ทุกครูบาอาจารย์ทีเดียว เพราะแม้ขั้นตอนการสร้างนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาแค่ตอนหล่อนี่ก็ยากแล้วกว่าจะหล่อติดได้ ต้องทำให้ถูก เชิญให้ครบทุกพระองค์ ไม่อย่างนั้นเทอย่างไรก็ไม่ติดหน้าพระพักตร์เลย


    ด้านหลังพ่ออาจารย์ท่านได้ฝังของสำคัญหลายอย่างไว้ ได้แก่

    - ตะกรุดยอดปิฏก ท่านลงตะกรุดพระปิฏกกัณฑ์ไตรไว้ด้วยตะกั่วขอมโบราณที่นำมาหลอมรีด พร้อมทั้งเสกด้วยสูตรปาฏิโมกข์ ท่านว่าตะกรุดนี้สำคัญนักเพราะไม่ได้ใช้แก้ที่ปลายเหตุ แต่กลับใช้กันที่ต้นเหตุ ทุกสิ่งที่เป็นอันตรายเมื่อกันไว้แล้วย่อมไม่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น เมื่อไม่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวิตกหรือหาทางแก้ เราพูดอะไรไม่ได้เยอะเพราะที่จริงเสด็จพระใหญ่ท่านไม่ให้บอกใครเลยด้วยซ้ำ แต่เราจะบอกสั้นๆไว้เพียงอย่างเดียว คือใช้กันได้ทั้งหมดสารพัดแม้แต่กรรมหนักที่ก้มหน้ารับกันอยู่

    - ตะกรุดพระเจ้าร้อยแปด อีกดอกหนึ่งนั้นท่านเรียกว่าพระเจ้าร้อยแปด เพราะใช้บารมีของพระอรหันต์แลพระพุทธเจ้าทุกพระองค์มาเสก ท่านว่าเราฝังไว้ให้เป็นกำลังของพระยอดมงกุฏธรรมโดยเฉพาะ ดอกนี้อธิษฐานใช้ได้ร้อยแปดพันประการทีเดียว

    - จีวรพระเหนือโลก ท่านได้นำจีวรหลวงปู่ใหญ่ที่ท่านเก็บรักษาไว้มาโรยไว้ด้านหลังด้วย ท่านว่าจะทำพระสำคัญก็ต้องใช้ของสำคัญใส่ลงไปให้หมด ท่านได้พลีเศษจีวรหลวงปู่ใหญ่ใส่ลงไปด้วยแบบเห็นด้วยตาเนื้อกันได้เลยทีเดียว พูดไม่ออกว่าเป็นวาสนาไม่รู้กี่ชาติภพกับคนที่ได้สัมผัสหรือครอบครองแม้เศษจีวรนี้ของหลวงปู่ใหญ่ อาจต้องเรียกว่าจะได้ไว้เฉพาะผู้มีบุญสัมพันธ์กับหลวงปู่ใหญ่ท่านก็ได้ เพราะจีวรหลวงปู่ใหญ่นั้นหายากเสียยิ่งกว่าเหล็กไหลน้ำหนึ่งซะอีก นับเป็นสิริมงคลสูงสุดทั้งด้านบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์

    - กาคาบแก้ว ท่านได้นำอีกาสำคัญที่ท่านเสกเล่นวิชาไว้ครบฝังเอาไว้ด้วย ท่านเรียกว่ากาคาบแก้ว คือกาที่จะคาบความสุข ความปรารถนา ความตั้งใจที่สัมฤทธิ์ผลมาสู่ผู้เป็นนายของมัน พ่ออาจารย์ท่านว่ากานี้เราลงเอาไว้ครบ ทั้งใส่วิชากาจับหลักให้พุทธคุณเสริมส่งดุจนกกาไร้รังนอนมีหลักที่มั่นคงให้เกาะ ให้พบให้เจอความมั่นคง ลงหลักปักฐาน จับให้มั่น ทำให้มั่นคง เป็นมหาทั้งห้าเช่น มหานิยม มหาเสน่ห์ มหาโชค มหาสมบัติ มหาละลวย นอกจากนั้นท่านยังลงเสกด้วยวิชากาวิดน้ำที่ใช้ดีด้านทวงหนี้ ตามสิ่งที่สูญหายอีกด้วย ท่านว่าวิชานี้นอกจากช่วยให้ของที่สูญหายไปนั้นได้กลับคืนมา ดุจสายสัมพันธ์โซ่ตรวนชะตากรรมที่ขาดจากกันแล้วได้ผสานขึ้นมาใหม่ แม้วาสนาที่หายไปย่อมได้กลับมาด้วย คนเราสมัยนี้ได้ๆหมดๆไม่สามารถรักษาวาสนาตัวเองไว้ได้ ท่านว่านี่เราลงให้ครบเลยนะสุดแล้วแต่จะอธิษฐานกันเลยว่าจะใช้อย่างไร แต่เหตุผลหลักนั้นคือเป็นกาคาบข่าว เป็นพาหนะของเสด็จพระใหญ่ท่านที่จะใช้สื่อสาร นำสาส์นเวลาพวกเราอธิษฐานอะไรกัน ท่านว่ากานี้ทำยากเพราะต้องเสกถึงเจ็ดสถานที่ แล้วก็ต้องถวายทานให้ครบเจ็ดครั้ง ทำยากเพราะแต่ละสถานที่นั้นต้องเสกจนกว่ากาจะมารุมเกาะจึงสำเร้จ

    คาถาบูชา

    อิติปิโสภควา อิสวาสุยะ ระอิมะทิตะสัง วินะมึพึทะอะอุมะทะเว

    * พ่ออาจารย์ท่านว่าพระยอดมงกุฏธรรมนั้น เป็นของสักดิ์สิทธิ์ในขั้นของคู่บารมีเพราะยอดมงกุฏนั้นจะติดตัวไปทุกชาติภพ เป็นของทิพย์ที่แม้ตายก็เอาไปได้ ท่านทำไว้ได้ทั้งหมดหกองค์ และเก็บไว้เพื่อใช้อาราธนาเององค์หนึ่ง ก็รับจองเฉพาะทาง Pm เท่านั้นท่านว่าผู้ที่จะบูชานั้น ท่านจะใช้ผงมหาราชเจิมองค์พระให้ โดยให้บุคคลนั้นแจ้งชื่อนามสกุลไว้ พร้อมกับบอกสิ่งที่ปรารถนาหรืออยากจะบอกกล่าวด้วย ท่านจะทำการบอกกล่าวและประสิทธิ์ให้อีกคำรบหนึ่ง รายได้ท่านจะนำไปสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา พระยอดมงกุฎธรรมอนันต์โพธิวงศ์สรรพสิทธิ์(องค์ธรรมสภาฝังยาปัดอุบาทว์) บูชา 4,000 บาท


    40447013_524801427969551_4945071975627227136_n.jpg 40511307_687152164992475_2869681423864823808_n.jpg
    40589353_229129281100574_3160592684242960384_n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลพญาปลายกตรีกูฏหนุนโลกแบกวัฏจักร (มัจฉาโต้วารี แท่งยามหาสะดาะ)

    " เป็นของใช้สำหรับคนที่มีความรับผิดชอบมาก ภาระบนบ่าเยอะ ยิ่งแบกความหวังความตั้งใจไว้เท่าไหร่ เอาว่ายิ่งหนักเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ใครลอยตัวชีวิตสบายไม่มีภาระห้ามใช้ "


    อันเขาตรีกูฏดุจหินสามเส้ารองเขาพระสุเมรุ ทำหน้าที่เสมือนส่วนฐานมีภาระที่หนักหนา ใหญ่หลวง เพราะต้องแบกรับภพภูมิต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังแบ่งเขตแดนโลกต่างๆให้ขาดออกจากกันด้วย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นสถานที่แบ่งเขตสวรรค์ มนุษย์ และบาดาล แยกดินแดนมนุษย์ เทวดา พรหม เปรต อสุรกาย พ่ออาจารย์ท่านจึงเปรียบเขาตรีกูฏเป็นรากฐานของวัฏจักรภพภูมิทั้งหมด ท่านว่าเมื่อยกตรีกูฏขึ้นก็ดุจยกเขาไกรลาส ยกเขาพระสุเมรุที่เป็นแกนผลึกจักรวาลขึ้นพร้อมๆกันด้วย เมื่อยกขึ้นจึงดุจยกได้ทั้งหมดลั่นฟ้าสะเทือนสวรรค์


    นับจากอดีตกาลเนิ่นนานผ่านพ้นมา พ่ออาจารย์ท่านว่ามนุษย์นั้นแบกรับเศษเสี้ยวกฏของวัฏสงสารเอาไว้ บางคนเกิดมาตามกรรมลิขิต มีภาระความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นเขา ต้องทำงานใช้ชีวิตเหมือนแบกโลกอยู่ทั้งใบแม้กระนั้นก็ยังหาประโยชน์และความสุขอะไรกับใครเขาไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านจึงอุปมาชีวิตคนเหล่านั้นเสมือนยอดเขาตรีกูฏ เพราะเขานั้นล้วนมีภาระหนักเทียมฟ้าที่ต้องแบกเอาไว้ตลอดเวลาเสมอกัน


    ด้วยท่านเวทนาเหล่าคนที่มีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบหนักทั้งหลาย ท่านว่าบางคนหนักจนรู้สึกเหมือนภาระจะทับตัวตายตอนไหนก็ได้ ตรงนี้ใครไม่เคยเจอเขาก็จะไม่รู้ ทั้งๆที่เป็นคนเสมอกัน แต่ความรับผิดชอบหน้าที่กลับมีไม่เท่ากัน บางคนนั้นภาระก็หนักเกินกำลังของเขาไปมาก ยิ่งแบก ยิ่งรับ ก็ยิ่งบีบชีวิต เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเอาเคล็ดการสร้างมัจฉาโต้วารีที่มหาพรหมยมราชได้เคยแนะนำสอนสั่งท่านไว้ ว่าให้ทำวิชานี้ให้กับคนที่หน้าที่มีปัญหามาก มีภาระความรับผิดชอบหนักได้ลอยตัว ให้ชีวิตพ้นจากเศษกรรมนั้น


    การสร้างมงคลยกตรีกูฏหนุนโลกแบกวัฏจักรมัจฉาโต้วารีนั้น พ่ออาจารย์ท่านถือุปเท่ห์เป็นกฤติยาคมแฝดสองอย่างด้วยกัน

    - ประการแรก คือความเชื่อเรื่องปลาอานนท์ ด้วยตามลัทธิพราหมณ์นั้นว่าปลาอานนท์นอนหนุนโลก เพราะมีร่างกายใหญ่โตโอฬารมากมายเหลือคณา เล่ากันว่าหากวัดความยาวของปลาอานนท์นี้นับได้เป็นพันๆโยชน์ทีเดียว โดยปกตินั้นปลาอานนมักจะนิ่งสงบและแบกโลกไว้ แต่อยู่มาก็อาจจะเกิดความเมื่อยขบ ก็เลยพลิกตัวบ้างเพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบทที่ได้แบกโลกไว้จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวภัยพิบัติเหนือผิวโลก ลมฟ้าแปรปรวน....เป็นต้น พ่ออาจารย์ท่านจึงถือคติที่ปลาอานนท์นั้นรองรับยอดเขาตรีกูฏอีกชั้นหนึ่งว่าเขาเป็นปลาที่มีภาระหนักมาก เพราะจะต้อง แบกน้ำหนักของโลกแลภพภูมิต่างๆไว้ ที่จะมีสิ่งใดแบกรับภาระยิ่งใหญ่หนักหนาเกินปลาอานนท์นี้เป็นไม่มี
    - ประการที่สอง คือความเชื่อดึกดำบรรพ์ของกำเนิดมนุษยชาติ ที่องค์ศรีหรินารายณ์ทรงอวตารมาเป็นปลาศะผะริ ในกาลนั้นลูกปลาน้อยได้ถูกพระมนูช้อนเอาไปเลี้ยง แต่เมื่อเอาไปเลี้ยงในภาชนะเล็กๆปลาก็โตใหญ่คับภาชนะอย่างรวดเร็ว เอาไปใส่ในสระไม่นานก็คับสระ เอาไปใส่ในคลองไม่นานก็คับคลอง เอาไปใส่ในแม่น้ำไม่นานก็โตใหญ่เต็มแม่น้ำ พ่ออาจารย์ท่านจึงอุปมาปลาศะผะรินี้แม้อยู่ในที่ไหนเปลี่ยนถิ่นไปสถานที่ใดๆแม้นมีภัยจากนาคาและมัจฉาสังหารมากมาย แต่ปลาน้อยก็กลับแคล้วคลาดรอดพ้นเติบใหญ่อุดมสมบูรณ์ชนิดโตไวไปยิ่งกว่าโตวันโตคืนเสียอีก ท่านว่าปลาศะผะรินี้มีพลังในการพัฒนาการแม้นนำมาสร้างเป็นเครื่องราง ใครได้ใช้เขาก็จะใหญ่โตคับบ้านคับเมือง ซ้ำเมื่อน้ำท่วมโลกพระมนูได้นำคนและสิ่งจำเป็นต่างๆของมนุษยชาติลงเรือใหญ่ ปลาศะผะรินี้ก็ได้ชักลากจูงเรือไปให้พ้นจากเขตอันตราย พ่ออาจารย์ท่านจึงถือว่าเป็นปลาวิเศษเพราะเขาให้ความช่วยเหลือในเวลาที่มนุษยชาติเข้าตาจนให้รอดพ้นจนอยู่รอดปลอดภัย จึงเป็นอีกคติหนึ่งที่ว่าพญาปลาต้องช่วยคน ต้องแบกภาระใหญ่ช่วยคนทั้งโลกชักจูงไปส่งให้ถึงฝั่ง ซ้ำยังซ้อนด้วยฤทธิ์อันเป็นปัจเจกแห่งนารายณ์อวตารที่อยู่ไหนก็เจริญเติบโตคับที่ คับบ้าน คับเมืองเช่นนั้น

    ด้วยท่านประสงค์ที่จะใช้เคล็ดวิชามัจฉาโต้วารีของมหาพรหมยมราชสร้างวาสนาใหม่ให้กับมนุษย์ ดุจช่วยเขายกตรีโลก แบกวัฏจักร แบกภาระ แบ่งปันกฏของกรรม ท่านจึงยกพญาปลาทั้งสองนั้นเพื่อมาทำวิชาร่วมกันทั้งปลาอานนท์และปลาศะผะริ ท่านว่าตอนเสกนั้นก็ยากเพราะต้องแบ่งจิตปลาอานนท์มาตั้งเป็นรูปนามเสียใหม่ซ้ำยังต้องเชิญองค์ศรีหรินารายณ์ให้อวตารเล่นฤทธิ์ไปพร้อมกัน ท่านว่าวิชาปลานี้จึงสำคัญมาก แต่หากจะทำให้เพียงแรงฤทธิ์แล้วก็จะเสียประโยชน์ใหญ่ไป เพราะในหลายๆครั้งของที่มีอานุภาพมาก มีฤทธิ์แรง มีเทวดารักษาแต่กลับใช้ช่วยสงเคราะห์คนไม่ได้ก็มีอยู่มากมาย ทั้งนี้ท่านจึงได้ยกพญาปลาทั้งสองอันมีวิสัยเบื้องต้นที่ต้องแบกภาระยิ่งใหญ่แทนมวลมนุษย์อยู่แล้วมาเป็นหัวใจหลักกอปรกับวิสัยปลาเวลาเจอเคราะห์กรรมแลภัยอันตรายมักจะดีดตัวพลิกตัวต่อต้านคลื่นลมแรงกรรมเสมอ พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจทำของมงคลเอาไว้ดีดชีวิตด้วยอานุภาพพญาปลาทั้งสองขึ้นมา


    พ่ออาจารย์ท่านแกะแม่พิมพ์เป็นรูปพญาปลาโอบตรีศูลอันหมายถึงโลกทั้งสาม กาลทั้งสามและวิบากกรรมตั้งแต่กรรมในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ว่าจะด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมท่านว่าพญาปลาของเรานี้โอบล้อมจำกัดพื้นที่ไว้ทั้งหมด เป็นคติการยกชูหนุนเขาตรีกูฏขึ้นมา ดุจพญาปลาร่วมแบ่งปันรับภาระแบกกฏวัฏจักรสงสารนั้นไว้แทนตัวเรา ไอ้ที่หนักหนาสาหัส มันก็จะเบาลง และเบาลง ค่อยๆหมดไป ทั้งยังให้ปลายกหางดุจชักลากลำเรือท่านว่าเพราะเราจะให้เขาช่วยคนที่เหนื่อยมาทั้งชีวิตแต่ยังพอมีกำลังเหลืออยู่เหล่านั้น ให้ช่วยเขาในยามเข้าตาจน ให้พญาปลานี้ชักลากนำพาส่งเขาให้ถึงฝั่งชนิดอยู่รอดปลอดภัย


    ท่านว่าปลาของเรานี้ใหญ่โตนักพอที่จะโอบโลกได้ ทั้งยังมีอายุนับกัปกัล เป็นปลาที่มีฤทธิ์มาก แม้เทวดาหมู่อมรคนธรรพ์ ฤาษีสิทธิ์วิทยา นาคา นาคี หรืออสุรกายภูติผีใดๆ ก็ล้วนแล้วแต่หลีกเลี่ยง เลือกที่จะไม่ยุ่ง ไม่เข้าใกล้เสียดีกว่า ดังนั้นคนใช้ชีวิตจึงไร้ปัญหา ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ เรียกว่าแม้มีมารมาผจญก็แคล้วคลาดไปเพราะเขาไม่อยากยุ่งไม่อยากแตะต้องเราด้วยเกรงอานุภาพพญาปลานั้น


    ด้านหลังท่านได้นำแท่งยามหาสะเดาะอันมีอานุภาพแรงฝังไว้เฉพาะพญาปลาทุกตนอีกด้วย แท่งยานี้ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเเต่เดิมเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในภาควิชาของเทพนิมิตร ท่านได้เฝ้าครูมหาพรหมคือองค์สหัมบดี บรมพรหมสูงสุดแห่งปัญจสุทธาวาสท่านจึงได้วิชานี้มา โดยใช้วิชานี้ตั้งตัว เเละทำไว้ให้ลูกศิษย์บ้างเฉพาะบางคนที่มีความประพฤติดี วิชานี้เเต่เดิมเป็นวิชาที่ผู้หวังรวยทางลัด ชอบการพนันเสี่ยงโชคนิยมกัน ซึ่งคนที่ได้ดิบได้ดีทางนี้ล้วนมีอยู่มากมาย เขาเหล่านั้นนอกจากดวงเเละโชคเเล้วยังมีของดีมีวิชาดีติดตัวมาเเต่โบราณด้วย


    วิชานี้องค์บรมพรหมท่านให้มาโดยเฉพาะ พ่ออาจารย์กล่าวว่าแก่นเเท้ของวิชานี้ต้องสวนกับกระเเสของกรรมในระดับหนึ่ง พระองค์ท่านได้มอบอักขระให้พร้อมคาถาเสกเรียกว่ามหาสะเดาะ พระองค์ท่านบอกว่าเพราะสัตว์นั้นมีกรรมเฉพาะเเต่ละบุคคล ถึงมีโชคบางทีก็รับไม่ได้ บางครั้งกรรมส่งผลหนักเเม้โชคก็ยังไม่มีเลย ซึ่งหลังจากทำตะกรุดมหาสะเดาะแล้ว พ่ออาจารย์ท่านก็เพียรลบผงคุณวิชามหาสะเดาะเก็บไว้ โดยใช้ว่านยาที่มีอานุภาพลดทอนกฏของกรรมมาปั้นทำแท่งยา ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าผงนี้แรงกว่าตอนทำตะกรุดนับร้อยเท่า

    ในจุดนี้เพื่อให้ผู้ใช้ได้เสวยศุภมงคลอันเกิดเเต่โชคลาภวาสนา พระองค์ท่านจึงให้วิชามหาสะเดาะเเก่พ่ออาจารย์ ท่านว่าเมื่อพกไว้บูชาไว้กับตัว จะสะเดาะโซ่ตรวนบ่วงพันธนาการที่กุมรัดให้หลุดออก ให้ไขว่คว้าโชคลาภได้ จะทำอะไรก็มีเเต่โชคร่ำรวยง่ายๆโชคดีเเบบนั้น ในส่วนของเวรกรรมนั้นก็ไม่ได้หายหรือสลายไปไหน เพียงเเต่คลายพันธะทั้งหมดออกชั่วคราวให้สัตว์เหล่านั้นที่ได้บูชาสามารถรับโชคได้เเต่กรรมเก่าก็ยังรับเหมือนเดิม พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าวิชานี้มันดีตรงที่เวลามีโชคพูดง่ายๆคือมีเงิน ให้เอาเงินไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร บ่วงกรรมมันก็จะบรรเทาเบาบางลง ทีนี้อะไรก็ง่ายไปหมด ทำไปเรื่อยๆ ได้เงินมาก็เเบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญ ได้เงินมาก็เเบ่งส่วนหนึ่งไปทำการกุศลอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรเขา เช่นนี้ก็ขึ้นชื่อว่าต่อไปบ่วงพันธนาการต่างๆก็จะลดการบีบคั้นคลายตัวจนหลุดลงนั่นเอง เมื่อทำได้เงินเเละความโชคดีมันจะยิ่งไหลมาไม่รู้จบ ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังลบผงด้วยพระเวทย์เฉพาะบทที่เปิดเผยไม่ได้ของครูพรหม ท่านว่าผงนี้ต่อให้อยู่เฉยๆโชคลาภก็วิ่งเข้ามาหาเอง เเม้ปรารถนาเงินทองของมีค่าความสุขสบายใดก็ไม่ไกลเกินความปรารถนา จะเสี่ยงโชคจะพนันขันต่ออะไก็เอาเเต่พองามตามใจเถิด ให้ตั้งสัจจะกับครูไว้ว่าวันนี้อยากได้เท่าไหร่ได้เเล้วให้พอให้หยุด เเล้ววันอื่นค่อยขอเมตตาในส่วนมหากรุณาของเสด็จปู่ท้าวสหัมบดีต่อไป แท่งผงนี้ให้อธิษฐานใช้ในการเสี่ยงดวงที่ปรารถนาพ่ออาจารย์ว่าครอบคลุมทุกอย่าง จะไปสอบสัมภาษณ์ จะไปยื่นซองประมูล จะไปทำอะไรที่มันได้ชื่อว่าเสี่ยง ว่าจะได้หรือไม่ จะร้ายมากกว่าดีหรืออย่างไร ผงนี่มันสะเดาะเคราะห์ทุกข์ให้ชั่วคราว ให้วาระกรรมปิดตัว ให้วาสนามันเปิด อธิษฐานเอาเลยขึ้นชื่อว่าเสี่ยงดวงตั้งจิตอธิษฐานได้ครอบคลุมทั้งหมด

    ซ้ำยังพื้นฐานอำนาจคือการหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมทั้งหลาย ไม่ใช่การฝืนกฏแห่งกรรมไม่ให้เกิด แต่เป็นการสะเดาะให้คลายออกด้วยคุณวิชาเพื่อจะปัดเคราะห์กรรมทั้งหมดออกไปให้พ้นตัว ท่านว่าให้มันเกิดเป็นปกติแต่ทำอย่างไรก็ไม่ถูกต้องตัวเรา ซึ่งวิชานี้ท่านว่ามีอำนาจครอบคลุมในระบบดวงดาวโดยเฉพาะดาวบาปเคราะห์ทั้งหลายด้วย เมื่อพระเคราะห์เสวยอายุ ท่านว่าก็ปล่อยเค้าเสวยไป แต่เค้าจะทำอะไรเราไม่ได้เพราะครูท่านปัดออกหมดด้วยอาถรรพ์แห่งคุณวิชา ใครที่กลัวว่าอนาคตหรือปัจจุบันนั้นดวงจะตกหรือดวงจะแตกท่านว่าเลิกคิดได้เลย ด้วยวิชามหาสะเดาะนั้นนอกจากปัดออกแล้ว หากยังมีเคราะห์กรรมเหลือหลุดรอดเข้ามาได้เมื่อมาเจอกับมหาสะเดาะทุกอย่างก็จะสงบลง ท่านว่าไม่ต้องไปหาที่สะเดาะเคราะห์ที่ไหนอย่างใดให้เสียเวลาอีก เพราะพอเคราะห์กรรมความซวยความตกต่ำทั้งหลายมาถึงเจอคุณวิชาต่างๆเหล่านี้ ครูท่านเขาจะสะเดาะให้เราในตัวอยู่ตลอดเวลาแล้วนั่นเอง

    พญาปลานี้พ่ออาจารย์ท่านว่าสร้างยากเสกยากมาก แม้ตัวท่านเองยังเลือกเอาองค์ที่หล่อทะลุมาใช้อยู่คู่หนึ่งติดกายท่านมาเนิ่นนาน ท่านว่าพกพาเขาไปเขาก็ชอบมาเข้านิมิตให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ยิ่งใช้ยิ่งเก่ง ยิ่งเลี้ยงยิ่งโตมีฤทธิ์มาก เพราะเขาจะแบกรับภาระปลดเปลื้องจิตวิญญาณเราให้เบาสบายอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าอะไรที่หนักๆเอาไปลงกับปลา ตัวเรานี้ไม่เอาเลย เคราะห์กรรมอะไร เรื่องหนักหนาสาหัสอะไรเข้ามายกปลาเทิดหัวบอกเขาไว้ ว่า"พ่อปลาจ๋ารับแทนฉันหน่อยสิ " ท่านว่ากาลแห่งทุกข์และภาระหมักหมมทั้งหลายล้วนไม่ได้กล้ำกรายทีเดียว พอเรายกไปลงกะปลาแล้ว เรื่องต่างๆนั้นล่วนอัศจรรย์ทั้งสิ้น ดุจเข้าไม่ถึงตัวเรา ไม่ใช่ธุระหรือภาระของเรา ซ้ำปลานี้ท่านยังเสกไว้ให้เก่งครบถ้วนด้วยมีแท่งยามหาสะเดาะให้เสี่ยงโชคเรียกลาภกันได้อยู่เนืองๆ


    คาถาบูชา

    มัจฉาราชา กัสสะมะนา มหาสเร พ่อปลาเอ๋ย ขอท่านจงปลดเปลื้องภาระแลวิบากกรรมในตัวเรา ขอให้ตัวเราพ้นจากความเศร้าโศก ความพินาศย่อยยับอย่างใหญ่หลวง ในกาลทุกเมื่อเถิด.

    * พญาปลานี้นอกจากจะทั้งยก ทั้งหนุน ทั้งรับแทนคนใช้แล้ว ยังโต้คลื่นลมคือเล่นกับกฏแห่งกรรมได้ฉมังนัก ท่านว่ายิ่งคลื่นลมมันพัดแรงเขาก็ยิ่งแกร่งกล้าเติบโตได้ไว คนเอาไปใช้ให้อาราธนาทำพวงกุญแจหรือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ได้ **** ท่านว่าถ้าจะให้ดีควรใช้คู่หนึ่งต่อคน เพราะเขาจะกินหัวกินหางกันครบวงจรโอบล้อมวัฏสงสาร(ตรงนี้ถ้าใครเจอเคราะห์กรรมหนักบ่อยๆก็ต้องทำให้มันครอบคลุม ไม่เช่นนั้นแม้แต่ตัวท่านเองยังไม่นำติดตัวไปทุกที่เป็นคู่หนึ่งได้อย่างไร...บอกมากไม่ได้คิดกันเอง)


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลพญาปลายกตรีกูฏหนุนโลกแบกวัฏจักร (มัจฉาโต้วารี แท่งยามหาสะดาะ) บูชา 900 บาท



    41151320_760594797621315_7709785476814602240_n.jpg 40790426_706511759713293_2225057921371209728_n.jpg

    40818598_890897151110961_7644911232759103488_n.jpg
    b6cf715b056606375000157c5abe71cc.jpg
    123087468.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดสลับ กลับ คลาด มหาพิบัติฟ้าชำระจิตวิญญาณ(เข้าผิดคน ทุกข์ผิดตัว)

    " เราจะทำไว้ ให้กับคนที่คู่ควร ".... (อ่านให้จบทุกตัวอักษรนับเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง)


    " ตะกรุดนี้แต่เดิมเมื่อพ่ออาจารย์ท่านเสกท่านทำเสร็จแล้ว แม้พญามาราธิราช(ท้าวมาลัย)ท่านก็ยังมาขอให้ระงับไว้ก่อน ไม่ให้ออกให้คนบูชา ด้วยว่าพลังของตะกรุดนั้นจะส่งผ่านให้เคราะห์กรรมผู้อาราธนานั้นผิดที่ผิดทาง ดวงชะตาผิดฝาผิดตัว แต้แม่คณะเทวปุตมารก็ยังทำงานไม่ได้ เรียกว่าสลับ กลับ คลาดกรรมที่ต้องโดนชำระหรือโดนเศษกรรมแทนผู้อื่น แม้บททดสอบอันแสนยาวนานของพญามาราธิราชและคณะ.... ตลอดจนกฎเกณมหาวัฏจักรบางข้อก็ไม่สามารถทำงานได้ ท่านจึงต้องระงับไว้ จนปัจจุบันนี้หลายๆคนเริ่มคร่ำครวญกันว่าถึงคราวซวยไปติดบ่วงเจอร่างแห ใช้กรรมแทนคนอื่นกันมาก ท่านจึงมีดำริให้นำตะกรุดออกให้บูชาเพื่อแก้กลให้เป็นมหาคลาดสลับกลับเคราะห์ภัยนั้นให้พ้นตัว "


    เกี่ยวกับวิชาการทำตะกรุดชนิดนี้นั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าค่อนข้างจะแรงมากด้วยทำตามพระเวทย์โบราณ แต่เดิมนั้นคนที่ประสบเคราะห์ภัยจากชะตาลิขิตที่เบี่ยงเบน หันเห ผันผวนล้วนมีอยู่มากนัก กรณีของเคราะห์กรรมที่ไม่ตรงดวงชะตาหรือฟ้าลงผิดที่ผิดทาง บางคนไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่กลับซวยแทนเขาก็มี หรือเริ่มมาไม่เกี่ยวกับเราแต่ไปๆมาๆแจคพอตมาตกที่เรา เป็นเราได้อย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนรับกรรมแทนคนอื่น ซวยแทนชาวบ้านซ้ำเป็นเคราะห์กรรมผกผันที่แก้ปมยาก ถึงจะบอกว่าเราไม่เกี่ยว ไม่รู้ แต่มันก็กลายมาเป็นเคราะห์ภัยของเราไปแล้วแม้จะขัดกับดวงชะตาตัวเองก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเศษกรรมที่สัมพันธ์กับคู่กรณีดลให้เป็นไป


    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นภัยในสังสารวัฏทั้งปัจจุบันและกาลเบื้องหน้า ท่านว่าเป็นจำเพาะมนุษย์ในยุคนี้ที่จะเจอบททดสอบให้ชำระเศษกรรมเหล่านั้นกันอย่างหนักหน่วง แม้เหล่าเทวดาเขาก็เตือนก็บอก หากแต่คนนั้นพาลไม่รู้และไม่ได้ยินไปเสียเอง พ่ออาจารย์ท่านว่ากาลข้างหน้าจะยิ่งหนักกันมากขึ้น วาสนาคนจะลดลง โรคภัยจะก่อตัวรุนแรง อายุขัยคนจะถดถอยลงไปเรื่อยๆ


    เมื่อแก่นเวลาของวัฏจักรชำระกฏแห่งกรรมนั้นเศษกรรมทั้งหลายเขาก็ไม่เว้น ไอ้เศษที่ว่านี่แหละเป็นปัญหาใหญ่ของชะตาวาสนามนุษย์ เพราะมันเป็นเศษบางทีจึงไม่ได้ปรากฏในชะตาลิขิตทำให้อ่านอย่างไรก็อ่านไม่ออกจากเรื่องเล็กน้อยเมื่อลุกติดไฟแล้วมันก็กลายเป็นชนวนเผาผลาญตัวเอง เผาไปลึกจนถึงจิตวิญญาณ ซ้ำเศษกรรมทั้งหลายร้อยทั้งร้อยล้วนแต่มีคู่กรณีที่ผูกมันเอาไว้ด้วยแรงอาฆาตพยาบาททั้งสิ้นดังนั้นพอเกิดผลมันจึงแรง บางคนชีวิตมาดีๆจึงไม่แปลกที่จะรู้สึกว่าถึงคราวซวยแทนคนอื่น บางคนก็โดนฉกฉวยชะตาวาสนาที่ควรจะเป็นของตัวเองทั้งชีวิตไปอย่างโจ่งแจ้ง ....หลายๆคนเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเจอบ่อยๆ บางคราเทวดาท่านเมตตาก็เข้านิมิตให้เห็นว่านี่คือชะตาชีวิตของเราแต่มันกลับเป็นตัวเขาที่เสวยวาสนาเราอยู่ ส่วนตัวเรานี้กลับใช้ส่วนกรรมของเขาแทน บางคนถึงรู้สึกตัวได้ก็ยังอับจนหนทางแก้ไข แต่บางคนกว่าจะรู้สึกตัวเองได้ก็สายไปเสียแล้ว


    ด้วยเวทนาที่สัตว์เหล่านั้นล้วนแต่มาสว่างแต่กลับไปมืด ซ้ำเศษกรรมยังขยายผลกลายมาเป็นกรรมปัจจุบันติดตามตัวเองไปอีกหลายภพชาติ พ่ออาจารย์ท่านจึงคิดแก้ไขเศษกรรมให้ระงับผลไปทั้งยังสลัดปัดขวางเศษกรรมใหม่ๆที่พร้อมต่อแถวเรียงคิวเข้ามาซ้ำเติมห้วงชีวิตในชาติมนุษย์นั้นจนครูพระสยมได้เมตตาบอกวิธีชักเส้นสายกลบทยันต์พระเวทย์แต่โบราณที่สืบทอดและขาดหายมานานนับพันปีขึ้นมาให้สืบทอดเป็นวาสนาแก่คนในยุคนี้ พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ลงตะกรุดไว้และทำการปลุกเสกเรื่อยมา


    ตะกรุดที่ท่านตั้งใจทำม้วนให้เป็นดอกน้อยๆไม่ใหญ่โตเพื่อง่ายต่อการอาราธนาใช้งานได้นั้น ท่านว่าพกไว้ได้ทุกส่วนในร่างกายไม่มีเสื่อม ไม่จำเป็นต้องห้อยคอก็ได้ ถึงจะทำให้ดอกเล็กใช้กันง่ายแต่อานุภาพสำหรับผู้ที่เห็นภัยในสังสารวัฏนั้นท่านว่ากลับไม่นับว่าเล็กเลย ตะกรุดนี้ด้วยเรารับฏีกาของพญามาราธิราชไว้แต่เริ่ม เมื่อจะออกให้บูชาเราจึงได้ฝากเป็นธุระแก่พญามาราธิราชท่านไป ว่าให้ดลใจเปิดตา เปิดความรู้สึกในจิตวิญญาณของคนที่ถึงวาระ มีวาสนายิ่งใหญ่ที่จะหลุดพ้นจากเศษกรรมและห้วงทุกข์ปัจจุบันทันด่วนเท่านั้น จะมีแต่คนเหล่านั้นที่เห็นค่าและมาเอาไป ส่วนคนที่มามืดและก็ต้องมืดไปต่อ คนที่วาสนายังปิดตาย คนเหล่านี้ก็ให้ท่านปิดตาปิดความรู้สึกหรือบุญสัมพันธ์กับโอกาสตรงนี้ไว้ ให้เขามองผ่านๆไปเหมือนเห็นอากาศธาตุไม่ได้ฉุกคิดสะกิดใจหรือสำนึกรู้สิ่งใดๆ แม้เงาของตะกรุดคุณวิเศษนี้ก็อย่าได้พบเจอ


    พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลที่ต้องฝากให้พญามาราธิราชท่านอุปถัมภ์เช่นนั้นก็ด้วยว่าของสิ่งนี้แม้จะเป็นวิชาช่วยคน แต่วาสนาของคนก็ไม่ได้เท่ากันเสมอไป บางคนต้องเป็นรากบัวเน่าตายอยู่ในโคลนตมเป็นเหยื่อของหมู่ปลากัดกินต่อไปก็มาก เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้ยึดสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับครุพระสยมแต่เริ่ม ว่า " เราจะทำไว้ ให้กับคนที่คู่ควร "


    ตะกรุดสลับ กลับ คลาด มหาพิบัติฟ้าชำระจิตวิญญาณดอกนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะใช้ให้ตัวเราคลาดแคล้วกับเคราะห์กรรมหลักและเศษกรรมแล้ว ยังต่อต้านอกุศลกรรมในตัวเองอีกด้วย โดยปกติของคนที่อาราธนานั้น ท่านว่าเขาจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าเรื่องเคราะห์หามยามซวยทั้งหลายที่มาเกิดกับตัวเขานั้น จะถูกสลับสับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะมันจะหนีจะย้ายจากตัวเขาไปลงอยู่กับเหล่าคนที่มีกรรมอกุศลร่วมกันแทน เรียกลายๆว่าให้เขาเป็นตัวตายตัวแทน รับเคราะห์แทนเราก็ได้ เช่นนั้นจึงเรียกได้ว่าสลับ กลับ คลาดทั้งหมด

    - สลับ คือสับเปลี่ยนตัวตน
    - กลับ คือย้อนเจตนาและการกระทำกลับไปให้ผู้ทำ
    - คลาด คือคลาดแคล้วเนื้อตัว ไม่ได้กล้ำกรายให้ต้องทุกข์ โทษ ภัย

    นอกจากจะเปลี่ยนชีวิตให้กลับตาลปัตรแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าตรงนี้ต้องทำความเข้าใจไว้ ว่ามันกลับเฉพาะอกุศลกรรมและเคราะห์ภัยรวมไปถึงเศษกรรม หากแต่กุศลกรรมก็ยังเสวยกันได้อย่างปกติมิใช่บางเรื่องดีอยู่แล้วจะกลับไปเลวลง ด้วยคนใช้ตะกรุดนี้ถูกลิขิตไว้แล้วให้ต้องพุ่งขึ้น สูงขึ้น ไม่ตกต่ำลงเท่านั้น นอกจากสลับ กลับ คลาดตัวบุคคลแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่ายังย้อนกลับทุกความคิดปองร้ายและการกระทำด้วยคุณไสย อวิชชา เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ให้กลับคืนเข้าหายังผู้กระทำด้วย


    แม้ใครจะเล่นงานเราก็เข้าผิดที่ผิดทาง ทำอะไรเราก็ทำผิดตัวผิดตนวนอยู่แบบนั้น มันจะเป็นเช่นนั้นอยู่ร่ำไป วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันไม่ได้ไปหยุดยั้งกรรมไม่ให้เกิด แต่มันกลับสับเปลี่ยนให้ตกกับคนที่มีกรรมร่วมกัน ให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นแทนนั่นเอง ท่านจึงอุปมาคุณวิเศษของตะกรุดนี้เสมอดุจว่าเสมือนหาตัวตายตัวแทนทีเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรามารองรับเคราะห์กรรมเรา ย้อนสนองคืนการกระทำให้เขาไปตามเจตนาและชะตาฟ้าที่ควรจะเป็นเช่นนั้น


    แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลย ตะกรุดนี้ท่านว่ามีไว้ชำระจิตวิญญาณของผู้อาราธนาด้วย ท่านว่าคำๆนี้เป็นมิติที่กว้างและลึกมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเราทุกวันนี้ผ่านการเกิดมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เป็นมากันหมดตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก มนุษย์ เทวดา พระราชา...เรียกว่าอยู่กันมาหมดทุกภพูมิ ทุกโลก ทุกโกฏิจักรวาล ไม่มีจะว่างเว้นการมีชีวิตอยู่และล้มหายตายจากแม้ซักวินาที จิตวิญญาณตัวนี้ของแต่ละคนล้วนแต่ตรากรตรำกรำชีวิตกันมาหนักหนา ใช้งานกันมามากมายจนตกตะกอนอกุศลมูลทั้งหลายแปดเปื้อนเนื้อตัว ท่านว่าคิดดูเถิด ถึงเวลาชำระมันบ้างหรือยัง หรือจะปล่อยให้ตายไปแบบเปื้อนๆ แล้วก็เกิดใหม่แบบเปื้อนๆเลอะๆเช่นนี้สั่งสมไปเรื่อยๆ


    พลังที่ชำระจิตวิญญาณนี้เป็นพลังของครูพระสยมที่จะขัดเกลาอย่างช้าๆให้จิตวิญญาณสะอาดและบริสุทธิ์ขึ้นทีละขั้นตอน แน่นอนวาการขัดเกลาและชำระจิตวิญญาณนั้นมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวง ซ้ำยังแสดงผลชัดเจนกับตัวตนผู้อาราธนาด้วย พ่ออาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่าทั้งจิตใจ อารมณ์ ความคิด สติปัญญา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรของจิตวิญญาณทั้งสิ้น ให้มองตัวเองเถิดว่าเป็นคนอารมณ์แบบไหน ร้อนแค่ไหน แรงแค่ไหน มีความคิดอุบาทว์หรือไม่ ต่ำหรือไม่ สูงอย่างไร สมองตีบตันไร้พัฒนาการหรือไม่ ก็นั่นล่ะคือความตกต่ำของจิตวิญญาณตัวเองในกาลปัจจุบันชาตินี้ และต่อไปก็จะยิ่งเสื่อมถอยลงเรื่อยๆไปอีกหลายภพชาติหากไม่พัฒนาขัดเกลาเสีย


    ถึงเวลาชำระแล้วหรือยัง พ่ออาจารย์ท่านว่าพูดมากมันก็ไม่ได้ ไม่ดีกับตัวเราและตัวเจ้าในทุกกรณี หากแต่เพียงบอกได้คร่าวๆไว้ดังนี้ ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนตัวเองจากข้างใน ให้ตะกรุดนี้ค่อยๆชำระจิตวิญญาณของเราให้บริสุทธิ์ขึ้นบ้าง นอกจากจะสลับ กลับ คลาดแล้วยังต้องเปลี่ยนแปลงพลังงานตั้งต้นคือจิตวิญญาณของเราชำระซักฟอกให้มันบริสุทธิ์ด้วย ท่านว่ามันต้องดีจากข้างในเช่นนี้ชีวิตถึงจะสว่าง แม้มาสว่างก็ไปสว่าง ถึงจะมามืดก็ยังไปสว่าง ดังนั้นก็ให้ไตร่ตรองดูให้จงดี


    ท่านดำริว่าคนเราต่อให้ย้ายเคราะห์กรรมพ้นตัวไปแล้ว แม้จิตวิญญาณสกปรก ฌาณสมาบัติมันก็พัฒนาไม่ได้ ชีวิตมันก็ยังมืดมัวคงตัวอยู่เท่าเดิมจะตะกายอย่างไร พยายามมากกว่าคนอื่นเท่าไหร่ก็ล้วนแต่เสียแรงเปล่าทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าตะกรุดนี้ท่านจึงถือเป็นของสำคัญ เพราะมันเปลี่ยนชีวิตคนได้โดยเปลี่ยนและชำระจากข้างใน ให้ดีทุกทางไปพร้อมๆกันทั้งชาติปัจจุบันไปถึงชีวิตหลังความตายและภพชาติต่อไปก็จะได้สูงขึ้นพัฒนาขึ้นเช่นนั้น กาลแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ท่านว่าเราถือเป็นโอกาส ด้วยเพราะวาสนามนุษย์นั้นหากไม่พบกับเทพเจ้าหรือพระอรหันต์ชี้แจงแล้วก็ย่อมดักดานต่อไปไม่สามารถชำระจิตวิญญาณตัวเองได้เลย เช่นนั้นครูพระสยมท่านจึงให้วิชาแต่โบราณนี้สืบทอดต่อไปได้ เพื่อให้คนมีโอกาสใช้ มีโอกาสได้เปลี่ยนจิตเดิม เปลี่ยนวาสนาชะตาคนสืบทอดเฉพาะผู้มีบุญสัมพันธ์กันเท่านั้น


    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นของทำยากมีขั้นตอนมาก***เพราะต้องเสกจนกระทั่งฟ้าผ่าผิด ฟ้าต้องผ่าและต้องผ่าผิดที่ผิดทางตามครูพระสยมท่านกำหนดไว้จึงจะสำเร็จ โดยสายฟ้านั้นพ่ออาจารย์ท่านเปรียบไว้กับการลงทัณฑ์ของสวรรค์ เป็นเคล็ดที่ว่าแม้ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาก็ยังไม่ถูกไม่โดนเนื้อตัวเสมอด้วยเคราะห์กรรมและเศษกรรมทั้งหลาย ท่านว่าต้องเสกจนฟ้าผ่าฟ้าฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ฟาดอย่างไรก็ไม่ถูกไม่โดนตะกรุดและมณฑลพิธี ทำได้เพียงฟาดพื้นที่โดยรอบเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้กว่าจะเสกสำเร็จได้จึงนับว่าเป็นของที่เสี่ยงตายทำมาให้ใช้กันโดยเฉพาะ คิดแล้วก็ยังอดใจหายไม่ได้กว่าจะทำสำเร็จจนเสกเก็บไว้ยาวๆ เพราะถ้าพลาดก็คือเราตายมันท้าทายถึงขนาดนั้น ดังนั้นจึงพลาดไม่ได้เลย ท่านว่าเมื่อสำเร็จแล้วก็ภูมิใจอย่างที่สุดว่าตัวตะกรุดเองก็ดีแบบใจหายเช่นกัน เสร็จแล้วก็มานั่งอาบนั่งคลุกด้วยว่านยาที่ท่านแช่น้ำหมากเอาไว้ด้วย ท่านว่าต้องพิถีพิถันมากเพราะเคราะห์กรรมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ดังจะเห็นว่าเราพูดมากก็ไม่ได้ เพียงทำได้แต่อธิบายให้เธอเข้าใจเพราะพญามาราธิราชท่านขอเอาไว้แล้ว


    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้คิดดูเอาเองเพราะตะกรุดที่เสี่ยงตายทำเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่มีอีก ท่านทำให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่าเราทำให้เพราะมีกรรมร่วมกันแต่ตอนนี้ก็หมดภาระของเราแล้ว ใครเขาจะสำนึกรู้เห็นความสำคัญอย่างไรก็ให้มาเอาไป


    *** วิธีใช้

    พ่ออาจารย์ท่านให้ยกมืออาราธนาไหว้คุณพระสยมระลึกอยู่ในใจก็สามารถพกพาได้เลย ไม่ต้องใช้คาถาอะไรทั้งสิ้น ท่านว่าสำเร็จ ศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง เป็นที่สุดอยู่แล้ว

    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากใช้สลับ กลับ คลาดได้แม้แต่มหาภัยพิบัติแห่งฟ้าแล้ว นอกจากชำระจิตวิญญาณ ท่านยังเสกผูกวิชาครอบคลุมไปถึงเคราะห์ตรีกาลทั้งเคราะห์วัน เคราะห์เดือน เคราะห์ปี เรียกว่าหลุดกฏจักรราศีและวิถีดวงดาว ตรงนี้ท่านว่าบอกเขาได้แค่เราลงไว้ครบไอ้ตัวเคราะห์หน้าตามันเป็นอย่างไร ต่อไปจะไม่ได้เห็น ไม่รู้จักมันทีเดียว เอาตะกรุดไปใช้อาราธนากันให้ดี ***จำไว้ให้ขึ้นใจเพียงอย่างเดียว อย่างวิ่งเข้าไปหาเรื่อง อย่าก้าวเข้าไปเหยียบปัญหาด้วยตัวเอง ขอเพียงเท่านั้นทั้งเรื่องและปัญหามันจะไม่เข้ามาหาเราเช่นกัน


    *** ตะกรุดสลับ กลับ คลาด มหาพิบัติฟ้าชำระจิตวิญญาณนี้ พ่ออาจารย์ท่านทำไว้ทั้งหมดเจ็ดดอก ท่านว่าพอทำเสร็จต้องพลีให้ฟ้าดินไปหนึ่งดอก และตัวท่านเองก็อาราธนาใช้เองอีกหนึ่งดอก จึงมีให้บูชาเพียงห้าดอกเท่านั้น รับจองเฉพาะทาง PM รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสทางสังคมสืบต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดสลับ กลับ คลาด มหาพิบัติฟ้าชำระจิตวิญญาณ(เข้าผิดคน ทุกข์ผิดตัว) บูชา 4,000 บาท


    41555337_1846351968775833_4252484735093178368_n.jpg
    41517398_2736934409666038_148516198114394112_n.jpg
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพระมาลัยรับสาสน์ขอให้ได้เป็น(มาลัยโปรดสวรรค์)
    'มาลัยเทวเถร' เทวะในที่นี้คือพระอริยบุคคลที่หมดกิเลสหรือพระอรหันต์เป็นวิสุทธิเทพนั่นเอง ด้วยเกียรตฺคุณอันปรากฏขจรขจายไปทั่วทั้งเกาะลังกาว่า พระมาลัยเป็นพระผู้อุดมด้วยอิทธิฤทธิ์และญานวิเศษ มีความแตกฉานในพระไตรปิฎก มีบุญญานุภาพมาก มีญาณวิเศษมาก มีเกียรติคุณมากเลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ เป็นองค์พระอรหันต์ขีณาสพสิ้นอาสวะกิเลสทรงธุดงควัตรสันโดษในสัลเลขธรรม มักน้อยในจตุปัจจัย บารมีส่องสว่างในโลกประดุจดังพระจันทร์วันเพ็ญ

    ทั้งโดยปกติวิสัยท่านมักจะเข้าณานสมาบัติแล้วแสดงอิทธิฤทธิ์ชําแรกพื้นปฐพีไปโปรดสัตว์นรกเสมอๆ ด้วยท่านมีอุปการคุณแก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอเนกอนันต์ เช่นเดียวกับพระมหาโมคคัลลานะมีมหากรุณาคุณต่อสัตว์นรกทั้งปวง คือพระมาลัยเทวเถรเจ้าได้ช่วยปลดปล่อยสัตว์ในอบายภูมิทั้งหลายให้ไปบังเกิดในสุคติภูมิเช่นสวรรค์หรือเทวโลกเป็นอันมาก ดั่งพระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้ายังไฟนรกให้ดับไป บันดาลท่อธารนํ้ำฝนให้ตกลงมาสู่สัตว์ทั้งหลายให้เย็นสรีระกายได้รับความสบายกาย และยังโลหะกุมภีอันเคี่ยวสัตว์อยู่นั้นให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังไม้งิ้วมีหนามทั้งหลายให้พินาศ ยังภูเขาไฟอันบดสัตว์นั้นให้แตกกระจัดกระจาย สัตนรกทั้งหลายได้รับความสุขสบายฉันใด พระมาลัยเถรเจ้าก็ได้แสดงอานุภาพเช่นเดียวกันกับพระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้าฉันนั้น กระทําอิทธิฤทธิ์ ยังนํ้าในกระทะทองแดงที่เดือดพล่านให้กลับกลายเป็นหวานเย็น มีรสดังนํ้าผึ้ง ให้สัตว์นรกทั้งหลายได้ดื่มกินเป็นสุขได้ ดุจท่านเป็นที่พึ่งแก่เหล่าสัตว์นรกผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่ในแดนอเวจี


    พระมาลัยนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดความเป็นเลิศทางฤทธิ์ต่อจากพระมหาโมคคัลลานะผู้อัครสาวก นอกจากนรกแล้ว ท่านมักเร้นกายท่องเที่ยวไปในภูมิทั้งหกแม้สุคติโลกสวรรค์เพื่อทำการสนทนากับเหล่าเทวดาและพระโพธิสัตว์ทั้งอินทร์พรหมมิได้ว่างเว้น ทั้งหกภพภูมิทั่วหมื่นโลกธาตุ


    ด้วยคุณสมบัติของพระมาลัยเทวะเถระเจ้าเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ทำตะกรุดเพื่อโปรดสัตว์อันตกทุกข์ได้ยากทั้งหลาย ท่านว่าพระมาลัยนี้สำคัญนักด้วยคติจีนก็ว่าท่านเป็นองค์เดียวกับพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์อันมีปณิธานมุ่งรับผิดชอบการสั่งสอนสรรพสัตว์ที่อยู่ในกามภูมิทั้งหก ท่านปรารถนาช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากนรกทั้งหมด ถึงขนาดที่ว่าหากนรกยังไม่ว่างจากสัตว์นรกก็จะยังไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ


    พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าโลกทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากนรกบนดิน มีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป คนไหนสุขมากหน่อยก็เหมือนอยู่บนสวรรค์เสพย์สุขไปได้เรื่อยๆ แต่คนที่ทุกข์นั่นล่ะพวกเขาใช้ชีวิตดุจมีเส้นแบ่งแยกความเป็นคน ชนชั้น และความเป็นอยู่ออกจากกัน แม้ยังเป็นมนุษย์หลายคนก็เสวยทุกขเวทนามีความเดือดเนื้อร้อนใจดั่งตกอยู่ในขุมนรกซ้ำไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่คอยแผดเผาจิตใจ คอยบั่นทอนกำลังใจกันอยู่เนืองๆนี่เอง พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าทั้งอกุศลและชนที่โดนบาปเคราะห์กัดกินเริ่มมีปรากฏขึ้นมากและในอนาคตชนเหล่านี้จะมีทุกข์คติเป็นที่ไปนรกจะไม่ได้ว่างเว้นจากสัตว์นรกเลย

    เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงนำวิชาพระมาลัยรับสาสน์หรือพระมาลัยโปรดสวรรค์ของท่านมาทำตะกรุดเก็บไว้ ด้วยตั้งใจว่าเมื่อกาลเวลานั้นมาถึง เวลาที่ทุกขเวทนาก่อตัวแรงกล้าในกมลสันดานของสัตว์โลกทั่วไป ท่านจึงจะนำตะกรุดสำคัญนี้ออกให้คนที่ยังพอมีวาสนาเหลือรับอยู่ได้นำไปใช้ติดตัว พ่ออาจารย์ท่านว่าพระมาลัยเถระเจ้าท่านมีฤทธิ์เสมอด้วยพระโมคคัลลานะอัครสาวก ทั้งยังมีอุปนิสัยแตกต่างจากพระอรหันต์องค์อื่นทั้งหมดทั้งมวล นั่นคือท่านชอบจาริกไปในนรกภูมิ ไปถามไถ่กรรมของสัตว์นรกเหล่านั้นเพื่อหาทางปลดเปลื้องพันธนาการทั้งหลาย ส่งพวกเขาจนไปถึงสวรรค์แดนสุคติภูมิ

    เรียกได้ว่าการกระทำของท่านนั้นเป็นการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความเป็นอยู่ที่ต่ำที่สุดของสัตว์ทุกขเวทนาบังเกิดแรงกล้าที่สุด เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิให้ไปอยู่ในจุดที่สุขสบายขึ้น มีความเจริญขึ้นโดยลำดับ ส่งไปให้ถึงจุดหมายปลายทางเป็นบารมีเฉพาะทางของท่าน พ่ออาจารย์จึงพูดติดปากอยู่เรื่อยๆว่าตะกรุดพระมาลัยนี่ดีนะ เพราะวิชานี้เปลี่ยนชีวิตคนได้ไว เปลี่ยนนรกให้เป็นสวรรค์ได้ เปลี่ยนทุกข์ร้อนให้เป็นความสุขได้ จะใช้บารมีใครหรือพระอรหันต์องค์ไหนก็ไม่เหมือนพึ่งใบบุญในพระมาลัยองค์นี้ ถ้ายังมีทุกขเวทนาอยู่และรู้ว่าทุกข์ของตนนั้นให้ผลแรงกล้า เร่าร้อน แผดเผาจิตวิญญาณอยู่ร่ำไป ขอแค่ชนมีทุกข์มาก ท่านก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ยิ่งใครที่อยู่บนโลกแต่กลับเหมือนตกนรกบนดินอันนี้ยิ่งงานถนัดของท่านเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพูดมากก็ไม่ได้พูดได้แค่ว่านี่แหละวิชามาลัยโปรดสวรรค์

    ด้วยท่านมีอุปนิสัยเช่นนั้น แม้เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็มักทำการโปรดไปทั่วนรกภูมิตลอดจนมนุษย์และสวรรค์ ทั้งอสุรกายภูมิ เปรตวิสัยภูมิไม่มีละเว้น เพื่อยังประโยชน์ใหญ่ให้สัตว์ทั้งหลายล่วงออกจากทุกขเวทนามีสุคติภูมิเป็นที่ไป พ่ออาจารย์จึงได้ขอเมตตาและขอบารมีองค์อรหันต์สำคัญพระมาลัยเทวะเถระเจ้านี้เพื่อจะทำตะกรุดผลักดันสัตว์ที่ยังจมทุกข์อยู่

    พ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดพระมาลัยรับสาสน์หรือมาลัยโปรดสวรรค์นี้ด้วยเหตุผลว่า แต่เดิมทีพระมาลัยเวลาท่านไปไหน ท่านรับเป็นธุระให้ใครไม่ว่าจะเป็นบนโลกมนุษย์ ในสวรรค์ หรือนรกภูมิไม่ว่าใครจะไหว้วานอะไรท่าน จะฝากสาสน์ท่านสื่อสารไปถึงสิ่งมีชีวิตในภพภูมิอื่น ทุกเรื่องย่อมสำเร็จประโยชน์ใหญ่ทั้งสิ้น ซ้ำยังเกื้อหนุนส่งเสริมจากจุดต่ำสุดฉุดดึง ผลักดัน ขับส่งให้ขึ้นสู่ที่สูงขึ้นอย่างทันท่วงทีชนิดทันตาและคาตา ยังความสุขสบายใจให้กับผู้ไหว้วานท่านในทุกภพภูมิ พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริว่าอันบารมีเฉพาะทางขององค์พระมาลัยเหนือเกล้านี้เป็นสิ่งเฉพาะทางที่ประจวบเหมาะกับทุกขเวทนาในยุคสมันนี้เหลือเกิน ด้วยสัตว์ทั้งหลายนั้นปรารถนาที่จะล่วงทุกข์แบบฉับพลันทันทีชนิดได้รู้ได้เห็นกันชาตินี้ เห็นคาตาปักใจตัวเองอย่างหมดใจ

    ท่านจึงได้ลงหัวใจพระมาลัยโปรดสวรรค์ซึ่งสืบทอดกันมาลงไว้ในแผ่นตะกั่วน้ำนมบริสุทธิ์ พ่ออาจารย์ท่านว่าหัวใจพระมาลัยโปรดสวรรค์นี้แม้ใครอธิษฐานฝากคำต้องการ ไหว้วานขานกล่าวให้ท่านช่วยเหลืออย่างไร ทุกสิ่งล้วนสำเร็จได้ทันท่วงที ด้วยพระมาลัยนี้ท่านมีพวกอยู่มาก พวกของท่านในที่นี้ก็คือเทวดา พรหม โพธิสัตว์ นายนิรยบาล ตลอดจนสิ่งมีชีวิตที่ท่านสัญจรไปสนทนาทำความรู้จักทั้งหกภพภูมิต่างจากพรอรหันต์องค์อื่นๆ ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านอุทานไว้ว่าแม้ผู้มีฤทธิ์วิเศษหรือองค์อรหันต์ใดๆก็ไม่ได้มีพวกมากเสมอด้วยพระมาลัยองค์นี้ ด้วยท่านมีฤทธิ์มาก มีพวกมาก มีกำลังมากหากเอ่ยชื่อท่านไหว้วานขานกล่าวสิ่งใด ทุกความปรารถนาล้วนสำเร็จไวดั่งใจหวังทันใจและรวดเร็วถึงปานนั้นไม่เคลื่อนคลายแม้แต่น้อย พ่ออาจารย์ท่านย้ำว่าตะกรุดนี้อย่าว่าแต่เรื่องของมนุษย์เลย แม้อธิษฐานกันข้ามภพข้ามภูมิก็ยังนับว่าใช้ได้ไม่เกินเลยแต่อย่างใด

    ด้วยคติที่จะช่วยกันจนหมดทุกข์ ด้วยความเชื่อที่ว่าเมื่อรับเรื่องมาแล้วท่านจะร่วมหัวจมท้ายไปกับเราเร่งช่วยคลี่คลายปัญหาติดตามผลให้เราจนสำเร็จนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านจึงลงวิชาสำคัญนี้ไว้พร้อมกับเชิญองค์พระมาลัยมารับทราบถ้อยคำข้อปัญหาโดยท่านรับอาราธนาว่าจะช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลายในยุคนี้อีกหนหนึ่ง จวบจนกว่าพระศรีอาริย์จะอุบัติขึ้น

    ทั้งพ่ออาจารย์ท่านยังลงหัวใจยันต์วิชาสำคัญเสริมทับไว้อีกคำรบหนึ่งเป็นกฤติยาคมแฝด ท่านเรียกว่าวิชาขอให้ได้เป็น ท่านว่าวิชานี้มันสำคัญพอๆกับกำลังใจของคนใช้เลยเชียวนะ เพราะคนนั้นมีเรื่องเดือดร้อน มีปัญหาให้แก้ไขทุกวันเช่นนั้นถึงยังเป็นคน ด้วยวิชานี้พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ว่าเธอจะอยากได้อะไร อยากเป็นอะไร ก็ให้ขอไปเถิด คนไหนชอบขอ ขยันขอ หมั่นขอนี่แหละได้เปรียบชาวบ้านเขาเพราะมันขอได้ทุกเรื่อง พ่ออาจารย์ท่านอุปมาไว้ว่าขอแล้วต้องให้ ได้แล้วต้องเป็น ไม่ขอก็ไม่ได้ ไม่ให้ก็ไม่เป็น ฉันลงยันต์นี้กำกับไว้พร้อมกับวิชามาลัยรับสาสน์ เท่ากับว่าฉันตั้งใจให้เธอขอเอากับท่าน ขอจนได้ ให้จนเป็น ด้วยอรหันตานุภาพในพระคุณเจ้าองค์นั้นจะช่วยฉุดเธอออกจากทุกข์โปรดเธอจนขึ้นสวรรค์หรือได้รับความสุขเสมอใจในประการทั้งปวงนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ทำยากนะ ตะกรุดตำรับนี้เป็นของโบราณเราตั้งใจจะทำครั้งเดียวเพราะคนสมัยนี้ปากมันยื่นมันยาว มันขอไปเรื่อย ขอกันไม่คิด ท่านจึงดำริว่าทำเก็บไว้ ถ้าสัตว์ผู้ยากทั้งหลายไม่เข้าตาจนหรือเดือดร้อนกันจริงจะไม่นำออกมา จนกาลล่วงผ่านไปหลายปี ท่านว่าถึงเวลาแล้ว ตั้งแต่พระคุณเจ้ามาลัยท่านรับอาราธนามา ท่านก็พร้อมที่จะออกไปช่วยเหลือชนอันตกห้วงทุกข์นั่นแต่แรกแล้ว อันตัวเราจะเก็บเอาไว้ก็จะปิดวาสนาชนผู้อื่นเสียเปล่า ท่านจึงให้นำออกให้บูชา

    เรื่องตะกรุดสำคัญนี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวรองรับไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีความผูกพันธ์ร่วมกันอยู่ในตัวเอง ใครรับใครได้ ใครขอเขาก็ได้ เหมือนเธอหิวเองเธอก็ต้องอาศัยปากตัวเองกิน ใช่ว่าเมื่อเธอหิวแล้วจะไปบอกให้คนอื่นกินแทนตัวเอง เช่นนั้นท้องเธอจะอิ่มหรือไม่ ตะกรุดนี้ก็เช่นกันฉันทำมาให้ใช้ของใครของมัน ถ้าเธอร้อนเธอทุกข์เธอก็ต้องขอเอง ดุจการกินใครกินใครก็อิ่ม แต่ถ้ากินมากกินไม่หยุดมันก็อิ่มมากไป อิ่มมากไปมันก็ทุกข์ ต้องเอาให้แต่พอดีๆ ค่อยๆกินพออิ่มเช่นนั้น กินอย่างไรให้อิ่มพอสมควรแก่ความสุข ตะกรุดนี้ก็เสมอกันใครมีวาสนาได้พานพบ ใครขอใครก็ได้ ค่อยๆขอ ขอแต่สิ่งที่เป็นกิจเป็นความทุกข์ของตัวเองให้คลี่คลาย ด้วยวัฏจักรนั้นย่อมมีกฏของมันอยู่ ถ้าไปขอเกินตัวภายหลังสิ่งที่ได้มาล้วนแต่จะนำทุกข์มาให้ทั้งสิ้น

    ด้วยพ่ออาจารย์ท่านว่า องค์พระมาลัยผู้อรหันต์นั้นท่านรู้บุพกรรมของคนเป็นอย่างดี ท่านเข้าถึงวิชาและดวงชะตาราศีของชนทั้งหลาย ดังนั้นตะกรุดคุณวิชานี้จึงใช้ได้ทั้งฟื้นชีวิตและพลิกดวงชะตาในดอกเดียวกัน ท่านเตือนเอาไว้ว่าให้บูชากันให้ดี "จงจำไว้ไม่ใช่ของเล่น" เห็นเป็นตะกรุดดอกหนึ่งๆเช่นนี้ แต่ละดอกล้วนมีบารมีองค์พระมาลัย มีเทวดารักษาอยู่มาก ไม่นับถือก็อย่าเอาไปเพราะครูแต่หนหลังท่านกล่าวไว้หากทำเป็นเล่นไม่นับถือแล้วเสมอปรามาสพระรัตนตรัย เป็นบาปจะตกนรกหัวแตกเจ็ดภาคเจ็ดเสี่ยงเช่นนั้น

    คาถาบูชา
    โอม จิตติ จิตตัง มาละยะจะมหาเถโร มานิมามา ติติอุนิ อิติมุลิ อิสวาสุ


    ***** วิธีใช้ ท่านให้หากระดาษแผ่นเล็กๆเขียนชื่อนามสุกลสอดไว้ภายในตะกรุด อธิษฐานบอกกล่าว ชื่อ นามสกุลตัวเอง ฝากตัวไว้กับองค์พระมาลัยแล้วจึงนำตะกรุดนั้นไปเลี่ยมแขวนคอหรือวางไว้สวดมนต์บูชาก็ได้ท่านว่าหนุนดวงค้ำชื่อค้ำสกุล ชูดวงยกตัวตนของเราให้สูงไม่ให้ตกต่ำ ทั้งบรรเทาเหตุเภทภัยต่างๆจากร้ายให้กลายเป็นดี หากไม่ประมาทชีวิตจะไม่ตายโหง ถ้าปรารถนาโชคลาภท่านว่าให้อธิษฐานกับตะกรุดขอบารมีองค์พระมาลัย แต่มีข้อแม้อยู่เพียงอย่างเดียวนั่นคือห้ามด่าบุพการีด่าพ่อด่าแม่ทั้งของตนเองและผู้อื่น ทำได้ดั่งนั้น ท่านว่าเป็นยอดทางมหาลาภยิ่งนัก จะขอได้เรื่อยๆเป็นศรีปากมีกินไม่รู้สิ้น

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพระมาลัยรับสาสน์ขอให้ได้เป็น(มาลัยโปรดสวรรค์) บูชา 800 บาท

    pramalai002.jpg
    41626267_328362684403936_1130521115559460864_n.jpg
    41537150_267140710597458_8685702802103599104_n.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ไม้ครูสมประสงค์ไศวะภูมิมณฑลมเหศวรอัสตรา (พรหมทัณฑ์)
    เกี่ยวกับไม้ครูนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้านายและผู้มากบารมีรวมไปถึงเจ้าสำนักการศึกษาอาคมทั้งหลายมักนิยมถือ เรียกว่าต้องมีไว้ประจำการเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นทีเดียว ด้วยการสร้างไม้ครูนับเป็นรูปธรรมแบบหนึ่งของจิตวิญญาณในองค์ปถมัง ดุจเทียบเคียงไม้ครูนั้นกับเรือนกายมนุษย์ ประกอบด้วยองค์นะต่างๆเช่น องค์นะไม้เท้ามหาเถร องค์นะไม้เท้าค้ำฟ้า องค์นะทันฑะ...ผูกวิชาไว้อย่างลึกซึ้ง


    ในบรรดาไม้ครูทั้งหมดนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าที่ทำยากที่สุดก็คือการสถิตย์จิตวิญญาณและแก่นแท้ของไม้เท้าแห่งพระบรมบิดาพรหมเทพ อันไม้เท้านี้ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของการควบคุมนามธรรมในจักรวาลทั้งความมืด แสงสว่าง ความดี ความชั่ว ความสุข ความเดือดร้อน เคราะห์ร้าย ภัยพิบัติ..... (สิ่งที่เป็นนามไร้รูปร่างแตะต้องไม่ได้เช่นนั้น) ทั้งยังควบคุมอำนาจและความเป็นสิริมงคลทั้งปวง ซึ่งไม้เท้านั้น ปรากฏในชื่อพรหมทัณฑ์นั่นเอง


    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริว่า ปัจจุบันนี้คนเราเดือดร้อนกับนามธรรมกันมาก จะสุขก็นามธรรม จะทุกข์ก็นามธรรม จะได้ดีหรือจะวิบัติล้วนเกิดขึ้นจากนามธรรมที่สัมผัสแตะต้องไม่ได้เหล่านี้ทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริที่จะสร้างไม้ครูพรหมทัณฑ์ขึ้นมาเพื่อให้ชนทั้งหลายได้ใช้อำนาจนั้นควบคุมนามธรรมอันเป็นความสุข เพื่อประโยชน์ใหญ่ในการกำจัดและลดทอนความทุกข์ยากทั้งหลาย จึงได้ขอเมตตาจากครูบรมพรหมสหัมบดี ซึ่งครูท่านก็รับทำให้ด้วยความเต็มใจ ซ้ำยังบอกพ่ออาจารย์อีกว่าให้เชิญครูพระสยมท่านมาลงด้วยไม้ครูนี้ถึงจะมีฤทธิ์ในการทำลายล้างวิบากกรรมเก่าได้แลจะเป็นมากกว่าพรหมทัณฑ์


    เมื่อได้รับโองการพ่อครูท่านจึงขอเมตตาครูพระสยมโดยท่านได้อนุญาติให้ทำได้ซ้ำยังจะทำมเหศวรอัสตราอันเป็นสุดยอดเทพศาสตราทำลายล้างไร้รูป ที่ก่อเกิดจากพลังของดวงเนตรทำลายล้างจักรวาลวิบัติของครูพระสยมผสมหลอมรวมเข้ากับอำนาจตบะญาณโยคีที่ท่านบำเพ็ญมานับเวลาประมาณมิได้ ท่านว่าพรหมทัณฑ์นี้จะมีอานุภาพมากซ้ำยังแฝงมเหศวรอัสตราเป็นฤทธิ์เป็นเดชในตัวไม้ครูนั้น


    โดยธรรมชาติ ไม้ครูสมประสงค์(ไม้เท้าพรหมทัณฑ์)นั้น ปรากฏเป็นวัตถุทางกายภาพอันใช้ควบคุมนามธรรม มีขึ้นด้วยพระเป็นเจ้าปรารถนาที่จะใช้ไปในการรักษาสัจจะและธรรมมะให้คงอยู่คู่จักรวาล อานุภาพของพรหมทัณฑ์นั้นท่านว่าเป็นสุดยอดเทพศาสตรา เพราะมีแรงต้านทานเทพศาสตราได้ทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ศรพรหมมาสตร์และศรปาศุปัตอันเป็นศรล้างสามโลกของครูพระสยม นอกจากป้องกันเทพศาสตราชั้นสูงสุดด้วยกันได้แล้วกลับกัน ตัวพรหมทัณฑ์เองนั้นยังมีอำนาจถึงขั้นสามารถทำลายได้ถึง 14 โลกธาตุให้พินาศฉิบหายเป็นจุลมหาวิจุลไปพร้อมกัน (พ่ออาจารย์ท่านว่าเทพศาสตราทั้งหลายอย่างมากก็แค่ทำลายโลกธาตุได้เพียงหนึ่ง)

    จึงเป็นที่รู้กันว่าในบรรดาเทพศาสตราทั้งหลายนั้นจะหาญหาสิ่งใดมาเทียบพรหมทัณฑ์นั้นหาได้ไม่ ทั้งเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในหมื่นโลกธาตุ สำหรับผู้ที่ถือพรหมทัณฑ์นั้นดุจได้รับการป้องกันแวดล้อมอยู่ในปราการเหล็กที่หาญหักไม่ลง ซ้ำอำนาจของพรหมทัณฑ์นั้นยังเป็นอาญาสิทธิ์ที่พระเป็นเจ้าให้กับผู้ถือครอง ปรากฏว่าผู้ครอบครองพรหมทัณฑ์นั้นยังมีอำนาจใช้พรหมทัณฑ์ลงโทษได้แม้แต่พระอินทร์และเหล่าเทพเจ้าทั้งมวล ดังนั้นหากพูดถึงพรหมทัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากอำนาจตบะของครูพระสยมกับครูบรมพรหมรวมกันแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าจึงเป็นสุดยอดอำนาจของเทพศาสตราที่จะกดขี่ได้ทุกเผ่าพันธุ์สมกับความเป็นพรหมทัณฑ์อย่างแท้จริง

    การสร้างไม้ครูนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงประณีตและพิถีพิถันตั้งแต่การหาธาตุกายสิทธิ์ การรีดธาตุเพื่อจารอักขระหล่อหลอมบังคับตามตำรา รวมถึงการกำกับอาถรรพ์ต่างๆทุกชนิดท่านว่าทำยาก เพราะไอ้คำว่าครูคำนี้มันไม่ได้มีไว้โก้ๆ แต่คำว่าครูก็คือเป็นระดับครูบาอาจารย์ เป็นครูเขาทั้งหมดทั้งของมนุษย์และเทวดา และไม้ครูก็คือไม้ของครู คนที่ถือไม้ครูก็คือคนที่ได้อาญาสิทธิ์ของครู มีอำนาจของครู ท่านว่าสืบไปเบื้องหน้าไม้ครูอย่างพรหมทัณฑ์นี้อีกร้อยปีก็ไม่มีคนทำให้สำเร็จได้

    พวกเธอรู้มั๊ยว่าพรหมทัณฑ์นั้นต่างจากไม้ครูปกติเช่นไร
    - ผู้ใดถือครองพรหมทัณฑ์ ...คือคนผู้นั้นได้รับการเลือก ความไว้ใจจากพระผู้เป็นเจ้า บุคคลนั้นนับเป็นคนที่ฟ้าคัดสรรค์แล้ว
    - ผู้ใดถือครองพรหมทัณฑ์ ...ได้ชื่อว่าถือครองอำนาจส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำมาใช้งาน คนผู้นั้นประดุจได้รับอาญาสิทธิ์จากพระเป็นเจ้า
    - ผู้ใดถือครองพรหมทัณฑ์ ...เสมือนได้ที่สุดของเทพศาสตรา เพราะพรหมทัณฑ์นั้นคืออำนาจสูงสุดแล้ว ที่พระผู้เป็นเจ้าจะสามารถให้ได้ไว้แก่มนุษย์อันทรงตบะหรือเป็นที่น่าพึงใจ เป็นอำนาจสูงสุดของพระองค์ ที่จะให้คนที่พระองค์เลือกเพื่อใช้งานแทนพระองค์


    อันพรหมทัณฑ์นั้นแม้ผู้ใดได้ชูขึ้นพร้อมเอ่ยวาจาเช่นไร ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามนั้น ด้วยคำพรและคำสาปจากพรหมทัณฑ์ย่อมเป็นประกาศิตของทุกสรรพสิ่งในหกภพภูมิ เป็นประกาศิตมั่นคงดั่งเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผาที่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะมนุษย์หรือเทวดาไม่กล้าฝ่าฝืน เพราะสิ่งนี้คืออาญาสิทธิ์สูงสุดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานไว้ให้แก่มนุษย์ สามารถใช้ลงโทษสรรพชีวิตในวัฏจักรสงสารได้ไม่เว้นแม้แต่ทวยเทพ

    ดั่งวลีของพ่ออาจารย์ที่ว่า

    " ทั้งชะตาคน ชะตาฟ้า ล้วนอยู่ใต้พระบัญชาของพรหมลิขิต แต่ประกาศิตหกภพย่อมอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ครอบครองพรหมทัณฑ์ทั้งสิ้น "


    แม้การลงโทษด้วยพรหมทัณฑ์ก็ยังถือเป็นการลงโทษอย่างประเสริฐ เป็นการสาปแห่งพรหมนับเป็นโทษอย่างสูงที่สุด ดังนั้นพรหมทัณฑ์หรือไม้ครูของพ่ออาจารย์นี้ก็คือไม้ที่ครูสร้างให้กับลูกศิษย์ เป็นอำนาจของครู ต้องสร้างตามโองการไม่ใช่นึกจะทำจะเสกก็ทำได้เลย เพราะไม้ครูนี้เป็นอำนาจของพระเป็นเจ้าที่มอบให้แก่ศิษย์นั่นเอง


    โดยปกตินั้นไม้ครูจะมีอำนาจต้นชี้ตายปลายชี้เป็นท่านว่าแม้พรหมทัณฑ์นี้ก็เช่นกัน อันว่าไม้เท้าแต่เดิมนั้นจะใช้ในการพยุงค้ำยันร่างกาย ที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างไม้เท้าพรหมทัณฑ์นี้ให้คนติดตัวก็เพื่อเขาจะได้เอาไปพยุงค้ำจุนไม่ให้ตัวเองตกต่ำ ไม่ให้ชีวิตตกลง ดิ่งลง วิบัติลง ท่านว่าเช่นนี้เราจึงค้ำเขาไว้ด้วยอำนาจแห่งพรหม แห่งไม้ค้ำพรหมทัณฑ์นั่นเอง

    อันพรหมทัณฑ์นี้เมื่อสถิตย์อยู่กับผู้ใด ย่อมเป็นศุภมงคลในกายบุคคลนั้นเพราะเขาจะปกป้องคุ้มครองรักษาไม่ให้ภัยร้ายต่างๆมากล้ำกรายได้ ซ้ำหากเราคิดหรือหวังสิ่งใดแล้วอธิษฐานเบื้องหน้าไม้เท้าพรหมทัณฑ์ ทุกสิ่งนั้นต้องเป็นไปเสมอใจทั้งสิ้น ท่านว่าครูเขาลงมาทำให้แล้วก็เอาไปใช้ให้ดีเถิด หมั่นชี้ตัวเอง สาปตัวเองนั่นแหละไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่นเขา สาปให้ตัวเองรวย ให้ตัวเองสูงส่ง ได้ดี ตามแต่ใจปรารถนา ท่านว่าคนมีปัญญา เขาจะรู้ว่าควรชี้ควรพูดอะไร

    โดยทั่วไปคุณของไม้ครูนั้นจะมีอานุภาพดุจฝอยท่วมหลังช้างแม้ผู้ใดมีไว้ทำกิจการใดก็ทวี
    คูณพูนผล ศัตรูหมู่มารไม่กล้ากล้ำกราย ติดตัวไปทางใดก็เกิดลาภผลบริบูรณ์ ขจัดภัยจากภูผีปีศาจ คุณไสย เสนียดจัญไร สิ่งอาถรรพณ์ทั้งหลายทั้งปวง เป็นสุดยอดมหาบารมี เสริมโชคลาภ ทั้งยังให้แคล้วคลาดจากอุปัทวอันตราย เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์มาก แม้จะใช้ในทางอิทธิฤทธิ์ทางมหาอำนาจ ปราบศัตรู ทำให้ศัตรูเกรงกลัว ไม่คิดต่อสู้ ฆ่าศัตรูให้ตายโดยไม่ต้องใช้อาวุธ ท่านก็ว่าทำได้ด้วยการอธิษฐานระลึกถึงพระแม่ธรณีให้มาช่วยกำจัดศัตรูที่เข้ามาเบียดเบียน หากว่าศัตรูผู้รุกรานล่วงล้ำเขตแดนเข้ามาขอให้พ่ายแพ้ ให้เจ็บ ให้ตาย หรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานา นอกจากนั้นสามารถกำจัดขับไล่ภูตผีปีศาจ ดั่งตำราว่าชี้ต้นตาย คือถ้าหากชี้ด้วยต้นไม้ครูทำให้ข้าศึกมีอันเป็นไปเป็นมหาอำนาจข่มนาม ในส่วนปลายนั้นใช้ในการสร้างสรรค์สวัสดิมงคล การให้พรทั้งความสุข ความเจริญ ทั้งใช้แก้ถอดถอนของดำ ของต่ำ คุณไสยอวิชชา ให้พรให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีโชคลาภ ชี้อธิษฐานรักษาโรคภัยที่เบียดเบียนมนุษย์ ตำราจึงว่าชี้ด้วยปลายเป็น

    ซ้ำไม้ครูของพ่ออาจารย์นั้นท่านว่าให้เอาปลายไม้จรดหน้าผากใช้ถอดถอนคำสาปแช่ง วาจาสัตย์สาบาน ทั้งปัจจุบันและอดีตกาลได้ โดยเฉพาะคนที่มีกรรมเก่าเยอะ คนที่ชีวิตเคยโดนสาปแช่งมานับแต่อดีตกาล เคยไปกล่าวคำสาบานติดหนี้เวรกรรมร้อยชาติพันชาติต่างๆทั้งหลาย ท่านว่าพรหมทัณฑ์นั้นควบคุมนามธรรมย่อมผ่อนคลายและปลดเปลื้องสิ่งต่างๆได้ หากหมั่นทำบ่อยๆทุกสิ่งก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถ้าผลของคำสาปหรือคำสาบานที่ติดตัวมารุนแรงท่านว่าก็ให้ทำไปเรื่อยๆเขาจะผ่อนอำนาจคลี่คลายลง แต่หากผลที่แสดงนั้นไม่รุนแรงมากเพียงครั้งเดียวท่านว่าก็ถอดถอนได้ ขึ้นอยู่กับแรงอาฆาตและกรรมสัมพันธ์


    นอกจากนั้นปลายไม้ครูท่านว่ายังใช้จุ่มแช่น้ำมันจันทร์เอาไว้เจิมอุณาโลมที่หน้าผากตนเองเป็นการเรียกขวัญ ล้างอาถรรพ์ ทั้งยังเกิดพลังเมตตามหานิยมเป็นที่สุดอีกด้วย ท่านว่าทำได้ด้วยตนเอง ทำได้ทุกวัน และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนอกจากใช้เจิมเรียกขวัญตัวเองแล้วแม้นำไปเคาะเครื่องรางหรือวัตถุมงคลใด สิ่งที่ถูกเคาะนั้นก็จะทวิทวีทบทูนกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์แลอานุภาพเพิ่มขึ้นมาได้อีกขั้นหนึ่ง(พ่ออาจารย์ท่านจึงมักนำมาเคาะของที่ท่านใช้หนละ108ครั้ง ท่านว่าไม่ควรเกินไปกว่านี้)


    ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังทำไม้ครูนี้ให้มีลักษณะคล้ายเสาหลักเมืองด้วย ท่านว่าเพื่อจะได้ให้เป็นที่สถิตย์ของผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติที่ปกป้องคุ้มครองเราอยู่ ทั้งเทพที่คอยดูแล พ่อซื้อแม่ซื้อ เจ้าบุญนายคุณ รวมถึงเทพที่ท่านเมตตารักษาเราทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณบรรพบุรุษหรือเทพที่เราบูชาก็ดี


    **** ท่านว่าหากใครที่ดวงไม่ดีแต่กำเนิด เป็นดวงยาจก ผ้าขาด ทำอะไรก็ไม่รวย พยายามเท่าไหร่ก็เหนื่อยเปล่า ท่านว่าไม้ครูนี้ทำไว้ให้แก้เคล็ดอาถรรพ์นั้ได้น ท่านให้หากระธางธูปใบเล็กๆ นำชื่อวันเดือนปีเกิดของต้นรองไว้ใต้ก้นกระถางแล้วจึงใส่ผงขี้ธูปให้เต็ม นำไม้ครูนี้ปักไว้กลางกระถางธูป(ไม้ครูที่นำไปปักไม่ควรชักออกมาใช้งานอีกให้แข็งปักคาขี้ธูปไปเช่นนั้นและกระถางนี้ไม่ควรเอามาใช้จุดธูปอีก)

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ปักไว้เป็นหลักเรือน ซึ่งท่านให้เหตุผลว่า คนเรานั้นมีปัจจัยสี่ที่สำคัญอันดับแรกเลยก็คือที่อยู่อาศัย เราจึงต้องให้ความสำคัญต้องให้ความเคารพต่อหลักบ้านหลักเรือน เพราะโบราณว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป แต่ว่าในปัจจุบันคนมักมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป จึงทำให้หาความสุข ความเจริญได้ยากมาก เช่นกันกับคนไม่มีหลักชีวิตก็โลเลลอยเคว้งคว้างไปตามกระแสกรรมหาที่ยึดเกาะอะไรให้มั่นคงไม่ได้ ท่านว่าบ้านไม่มีหลักอยู่ไปเรือนก็พังทลาย ชีวิตคนไม่มีหลักอยู่ไปก็ไร้แก่นสาร ยิ่งคนที่ดวงตกดวงแตกหรือดวงอาภัพมาตั้งแต่เกิดด้วยแล้วท่านว่าให้ทำตามนี้ จะมีกินมีใช้สบายอยู่กันไปสืบลูกสืบหลาน ทุกข์ทั้งหลายจะกลับกลายเป็นความสุขสวัสดิ์พิพัฒมงคลและเจริญสุขขึ้นในทุกๆประการ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าไม้ครูนี้หากนำไปใช้ปักค้ำชะตาถ้า
    ปักอยู่ที่ไหนตรงนั้น แม้พระศิวะก็ต้องเข้ามาดูแลเทวดาเกเรภูตผีปีศาจเขาก็เกรงกลัว

    *** ข้อควรจำ
    · - ไม้ครูนั้นเป็นของมีจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จะจดจำและซื่อสัตย์กับเจ้าของผู้ใช้งานเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถใช้ได้ และเราก็เอาไปใช้เพื่อคนอื่นไม่ได้(ท่านว่าครูท่านจำเป็นต้องให้ข้อจำกัดเอาไว้บ้างไม่เช่นนั้นจะมีอำนาจโกงเขามากเกินไป)
    - หากใช้ปักค้ำชะตาในกระถางธูป พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าปักไว้เพียงตรงกลางกระถางก็จะพลิกกลับดวงชะตาเราได้ทันที แต่หากมีไม้บริวารปักไว้ครบสี่ทิศในกระถางนั้น รวมเป็นไม้ครูห้าจุดท่านว่าสถานที่นั้นจะบริบูรณ์ดั่งเขาไกรลาสเป็นหลักโลกเช่นนั้น สถานที่นั้นจะเป็นไศวะภูมิมณฑล แม้ครูพระสยมก้ต้องตามปกปักรักษาทั้งตัวเราและที่อยู่ของเราให้เจริญขึ้นอีกนับร้อยนับพันปี (หลักของโลกไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เจริญมั่นคง แข็งแกร่ง ไม่เคยปรากฏว่าล้มมาก่อน อุปมาไว้ว่าถ้าโลกไม่แตกหลักก็ไม่ล้มชีวิตก็พุ่งขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น เคล็ดนี้ครูพระสยมท่านบอกมาว่าถ้าทำอาถรรพ์ไศวะภูมิมณฑลเช่นนี้ดวงชะตาเขาท่านจะรับเอาไว้อุปถัมภ์เอง แม้เกิดกี่ชาติก็ต้องตามไปอุปถัมภ์กันทุกชาติเช่นนั้น)
    *** ไม้ครูนี้พ่อาอจารย์ท่านว่า****อย่างน้อยก็ควรมีไว้ใช้คนละสองเล่ม หนึ่งคือเพื่อใช้งาน อีกหนึ่งคือปักหลักชะตา

    คาถาบูชา

    โอม อะคะหึม อะคะหัม อึอะอำ อะอิอุ อะอิอุ อะอิอุ (ภาวนาไว้ไม้ครูจะยิ่งมีฤทธิ์ทบทวี ใช้ภาวนายามเคาะเพิ่มฤทธิ์สิ่งต่างๆก็ได้)

    อะบรมพรหมมา ศัตรูพ่ายพังกำจัดออกไป ศัตรูประลัยวินาศสันติ
    อิอิศรา ศัตรูพ่ายพังกำจัดออกไป ศัตรูประลัยวินาศสันติ
    อุพระนารายณะ ศัตรูพ่ายพังกำจัดออกไป ศัตรูประลัยวินาศสันติ (ชี้ต้นตาย ใช้ในการเอ่ยคำสาป)

    ก่อนออกเดินทางไปทำงานทั้งกิจธุระใดๆก็ตาม หรือหมายใจจะปราบปรามให้ชนะสิ่งใดให้เอาไม้เท้าครูปักลงดินแล้วระลึกถึงพระแม่ธรณี ถ้ารู้จักชื่อให้เพ่งไปหาศัตรูผู้นั้นถ้าไม่รู้จักชื่อแต่รู้ว่าอยู่ทิศใดก็ตามให้เพ่งไปทิศนั้น โดยการหายใจเจริญสติจนกว่าจะสงบเป็นอารมณ์เดียวกัน แล้วตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง “อะยายา มนุสสานัง ภควา ชังงัง โสปิติอิ” ให้ภาวนาหลายๆครั้งจนกว่าสงบนิ่งแล้วค่อยเดินทางไป แต่หากรู้จักชื่อศัตรูให้ใช้คาถานี้ “อะยายา มนุสสานัง ภะคะวา ชังงัง โสปิติอิ อ้ายหมา....อึมรณัง ว่าหลายๆครั้งชั่วอึดใจแล้วอธิษฐาน (จงใช้กับศัตรูผู้อาฆาตที่มาเบียดเบียนเรา ตั้งใจฆ่าเราเราจึงทำเมื่อเขาเลิกคิดร้ายต่อเราแล้วให้อธิษฐานแก้ให้เขาเสีย)

    ถ้าจะรักษาพวกโดนผีเข้าเจ้าสิงอยู่ในตัวคนให้เอาหัวไม้เท้าเคาะเบาๆไปที่คนเป็นหรือที่เขาเจ็บปวด ทั้งนี้ใช้กับตัวเองก็ได้ด้วยด้ ให้ว่าพระคาถาเช่นเดียวกันว่า “มนุสสานังเป็นอมนุษสานัง” เคาะไปทั่วตัวจนกว่าผีนั้นจะออกไปแล้วให้เอาปลายไม้วนรอบศีรษะแล้วปักที่หัว ว่า “สมุหะเนยยะ สมุหะนะติ สีมาคะตัง พันทะ เสมายัง สะมะหะนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อน หลุดหาย” จบแล้วชักไม้ขึ้นสะบัดไปทางปลายเท้าของคนไข้ 3 ครั้ง ผีไม่กลับเข้ามาอีก


    หากจะใช้ทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ในเรากำหนดรู้นึกถึงบุคคลที่เราต้องการอาทิเช่น ผู้หญิงหรือญาติผู้ใหญ่ เราก็ต้องส่งกระแสจิตไปตามความปรารถนาจับไม้เท้านำมาวางไว้ ที่หัวใจแล้วระลึกถึงคุณท้าวมหาพรหมสหัมบดีไว้ในทุกลมหายใจเข้าออก ตอนหายใจเข้าให้ว่า พรหมมา พ่อพระพรหม พ่ออยู่กับลูกจิตพ่อพันธ์ผูกเหมือนจิตคุณพ่อคุณแม่ ตอนหายใจออกให้ว่า พรหมมา คุณแม่พระพรหม แม่ไปไหนแล้ว กลับมาหาลูกจิตแม่พันธ์ผูกอยู่กับลูกเหมือนจิตแม่กับพ่อระลึกจบแล้วหายใจเข้าแล้วกลืนน้ำลายลงไป ให้ทำแบบนี้บ่าอยๆหลายๆครั้งพร้อมด้วยแกว่งไม้ครูกลับเข้ามาหาตัวเรา พร้อมกำหนดกลืนกินความเคารพ กลืนความนับถือ กลืนความรักใคร่กลืนความเสน์หาลงไป(ให้กลืนจริงๆ)แล้วแต่ปรารถนา

    หากสงสัยว่าตัวเองถูกกระทำย่ำยีหรือดวงตกโชคร้ายขอให้ตั้งจิตระลึกถึงครูพระสยม พร้อมทั้งครูบาอาจารย์แล้วภาวนาพระคาถาในใจว่า “ศิวายานะมะคะ” ภาวนาไปเอาไม้เท้าตั้งเข้าตรงหน้าผากเราแล้วเอาไม้นั้นลูบลงไปปลายมือ ปลายเท้าหลายๆครั้ง


    ร่วมทำบุญบูชา ไม้ครูสมประสงค์ไศวะภูมิมณฑลมเหศวรอัสตรา (พรหมทัณฑ์) บูชา 900 บาท


    image.jpg
    41782930_332745137479982_3913187910756597760_n.jpg
    41751596_261119738070347_3055012513977466880_n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229

แชร์หน้านี้

Loading...