ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวิฬาร์ย่ำเหยียบเงาหมื่นกฏไม่ใช่เรื่องของเรา(เงาปรากฏรวยอมตะ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจกฟรี พระผงโลกอุดรเนื้อผงเจดีย์100ยอด (หลวงปู่ใหญ่)

    ความลับระหว่างพ่ออาจารย์กับองค์หลวงปู่ใหญ่นั้น ดูจะมีอะไรที่ลึกซึ้งมาก แต่ทำอย่างไรท่านก็ไม่ค่อยยอมเล่าเท่าไหร่

    รู้และทราบกันดีว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร หรอหลวงปู่ใหญ่นั้นคือเอกองค์อรหันต์ที่ยังอยู่ช่วยงานของพระพุทธศาสนา ดูแลพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ครบถ้วน 5,000 พระวัสสา ซึ่งท่านก็ได้รับศิษย์หลายต่อหลายรุ่น ซ้ำยังคอยสั่งสอนและช่วยเหลือเหล่าผู้ทรงศีลในเวลายากลำบาก

    เรื่องของท่านนั้นยิ่งกว่าตำนานของเหล่ามหาเทพ ด้วยว่าหาตัวจับยากและเป็นเรื่องที่เกินจริงทั้งสิ้น

    ครั้งนี้จะพูดเพียงสั้นๆเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านไม่ให้พูดอะไรมาก เพราะเป็นของที่ดีจริงๆ เมื่อพ่ออาจารย์ท่านประสงค์จะทำหลวงปู่ใหญ๋ขึ้นมา แจกเป็นทานบารมี ให้กับศิษย์ที่มีบุญและมีวาระตรงกัน ซึ่งท่านได้มีนิมิตรถึงองค์บรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร

    ซึ่งหลวงปู่เทพโลกอุดรหรือหลวงปู่ใหญ่นั้น ได้ให้พ่ออาจารย์ท่านทำพิธีพลีกรรมขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวบรวมผงสถูปเจดีย์โบราณต่างๆที่แตกหักมีอายุนับร้อยนับพันปีให้ครบ 100 องค์ ซึ่งท่านใช้เวลาหลายปีเพื่อรวบรวมโดยเดินทางไปทั้งทั้งภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน ประกอบพิธีพลีขอกลับมาประกอบเป็นมวลสาร

    ด้วยท่านว่าแต่โบราณกาลนั้น พระเจดีย์คือสัญลักษณ์ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา มีพระเจดีย์ที่ไหนแปลว่าพระศาสนาเข้าถึงที่นั้น ซ้ำองค์เจดีย์นั้นจะได้รับการบำรุงรักษาเคารพกราบไหว้อย่างดี เปรียบดั่งพระวรกายแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยว่าในพระเจดีย์เหล่านั้นล้วนประดิษฐานซึ่งพระบรมสารีนิกธาตุของพระองค์

    เมื่อรวบรวมมวลสารได้ครบเเละมาประกอบขึ้นเป็นผงเจดีย์ 100 ยอด ท่านว่าจะมีอานิสงค์ให้ผู้บูชานั้นเป็นศูนย์รวมของความเจริญ อยู่ที่ไหนที่นั่นก็เจริญ เดินทางไปไหนก็ได้ดีตรงนั้น ซ้ำยังเป็นยอดคน ทำอะไรก็ดีไปกว่าคนอื่นเค้าหมด ผงเจดีย์100ยอดนี้ท่านว่าทำยากเพราะเดินทางหลายครั้งหลายวาระเสียเวลามาก ต้องขอต้องพลีนำมาตำมาบด กว่าจะเสกเก็บไว้

    เมื่อจะขึ้นรูปเป็นหลวงปู่ใหญ่นั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ใช้บล๊อคไม้แกะแม่พิมพ์ขึ้นโดยบอกกล่าวท่านก่อนกดพิมพ์ พิมพ์ทรงจึงดูเหมือนพระแบบโบราณไม่สวยงามเหมือนพระโรงงานแต่ท่านว่าขลังนัก และในวาระการอธิษฐานจิตนั้นท่านก็ได้เชิญองค์หลวงปู่เทพมาทำมาแผ่บารมีให้เต็มขั้นเต็มภูมิ

    ท่านว่าบอกเค้าสั้นๆ ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ ของดีอย่างไรก็ย่อมดี สายครูบาอาจารย์ของใครก็ของคนนั้น เค้าไม่เอาก็ไม่ต้องไปฝืน

    * วัตถุประสงค์ที่ท่านสร้างก็คือเผยแพร่เกียรติคุณของบรมครูองค์หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านว่าให้คนรู้จักและศรัทธาเพิ่มมาเสียซักคนก็เป็นกุศลมหาศาลแล้ว

    คาถาบูชา
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร ปะฎิสัมภิทัปปัตโต จะ เตวิชโช พุทธะสาวะโก พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรานุสาสะโก อะมะตัญเญวะ สุชีวะติ อะภินันที คุหาวะนัง
    โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต อิธะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเลโน นิโยชะเย ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะเทสสะติ ปะระมะสารีริกะธาตุ วะชิรัญจาปิวานิตัง
    โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร อะยังโน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง วะเรนะ สุภาสิตัง
    โลกุตตะโร จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา มะหาเถรานุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม

    *กติกา
    พระผงโลกอุดรเนื้อผงเจดีย์100ยอด (หลวงปู่ใหญ่)นี้ จะแจกให้ฟรีโดยจะให้เล่นเกมส์ ผู้ใดอยากได้ให้พิมพ์เรื่องราวประสบการณ์และความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่เทพโลกอุดรไว้หน้าเพจเลย หมดเวลาสองทุ่ม พระมี 20 องค์ จะทำการคัดเลือกและจับฉลากตามรายชื่อผู้ที่พิมพ์ เมื่อประกาศผลแล้วผู้รับต้องโอนค่าส่งไว้ 100 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2_492.gif
      2_492.gif
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      151
    • SAM_47961.jpg
      SAM_47961.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.7 MB
      เปิดดู:
      141
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ตอบคำถาม

    วันนี้ก็จะมาคุยกันเช้าๆนี่แหละ

    มีหลายคนถามว่าทำไมพ่ออาจารย์ท่านออกวัตถุมงคล ทำไมไม่สอนธรรมมะ ทำไมไปสอนให้ยึดติด

    ก็จะตอบรวมๆแบบนี้ ท่านว่าคนเรานี่มีหลายแบบ กว่าจะลุถึงประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้นั้น ต้องเจออะไรมากมาย ผ่านการขัดเกลาอย่างหนัก ธรรมมะนั้นถึงจะเข้าใจด้วยตนเองไม่ใช่ด้วยว่าผู้ใดสอน

    ซึ่งขั้นตอนทั้งหลายนั้นก็จะเริ่มจากการเชื่อและศรัทธาในพระรัตนตรัยก่อน มีศาสนาขึ้นมาในใจก่อน เครื่องมงคลที่ทำทั้งหลายนั้น ก็ทำให้เขาเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ให้รู้ว่าพุทธคุณนั้นมีจริง เทวานุภาพนั้นมีจริงให้เค้าออกจากทุกข์ที่ฉาบฉวย มีกำลังใจในการปฏิบัติ มีชีวิตที่ดี ก็สุดแท้แต่เขาจะเลือกอะไร ตามจริตของเค้า ตามวาระของเค้าที่จะประสบเคราห์กรรมอะไร โฉลกจะใช้เครื่องมงคลใด ตามความเชื่อเดิมที่หยั่งรากลึกในจิตใจของเค้าที่จะถูกกระตุ้นขึ้นมา

    ซึ่งการขัดเกลานั้นมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เพาะบ่มไปเรื่อยๆ เหมือนเธออยากกินผลมะม่วง เธอปลูกวันนี้พรุ่งนี้จะได้กินเลยนั้นก็หาไม่ มรรคผลนิพพานก็ดุจเดียวกัน เมื่อมามีศรัทธาตรงนี้ เราก็ให้หมั่นไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิทำกรรมฐาน เพราะทุกอย่างมันต้องทำต้องเก็บ เป็นปัจจัตตังจะรู้ได้ด้วยตนเอง เราพูดเสมอว่าไม่มีใครสวดมนต์เฉยๆแล้วเป็นพระอรหันต์ สมาธิก็เช่นกันนั่งได้แล้วเป็นอรหันต์ฤา ก็เปล่า แต่มันเป็นการฝึกจิตของเรา ให้เรามีมหาสติที่มั่นคงขึ้นเพื่อจะนำเราไปในขั้นต่อไป เพื่อจะให้เห็นสัจธรรม

    คนเรานั้นผ่านทุกขเวทนามามากมาย รับทุกข์แล้วก็เจ็บเนื้อร้อนใจ ทำไมเธอไม่คิดกันเล่าว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่มีความทุกข์เข้ามาให้เห็นให้พิจารณากันประจำ ทำไมมีโอกาสถึงปานนั้น จะไม่มองไอ้ตัวทุกข์นี้ให้ออก พิจารณาเข้าไปสิว่าทุกข์นี้คืออะไร ผลเป็นอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร ต้นตออยู่ที่ไหน พิจารณา พิจารณา พิจารณา มันจะทำให้เรานี้เคยชินไปเอง มีทุกข์กี่เรื่องก็พิจารณามันเข้าไป มันจะทำให้เราเข้าถึงปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เธอจะได้ชื่อว่าผู้รู้พึงรู้เฉพาะตนของเธอ เพื่อที่จะมองให้เห็นทุกข์ เพื่อจะกระทำที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อที่จะหาหนทางออกจากทุกข์

    คนสมัยนี้มีเม็ดมะม่วงคือตัวทุกข์อยู่ในมือกันทุกคน แต่ไม่อยากลงทุนปลูกรอเวลาเสียเลย เขาอยากจะกินเนื้อมะม่วงเลย หายใจเข้า หายใจออกเขาจะไปนิพพานกันเลย บันไดมีให้เดิน กลับหาหนทางที่จะกระโดดเพราะคิดว่าไวกว่าคนอื่นเค้า หาได้ใส่ใจเลยว่าจิตตนเองนั้นพัฒนาการไปถึงขั้นไหน ตกลงมาจะเจ็บแค่ไหน คนที่เค้าค่อยๆเดินๆอย่างมั่นคง ทำไมเค้าไปถึงก่อน จริงหรือไม่

    เรื่องของเครื่องมงคลของคาถาอาคมนั้น มันทำให้คนรู้จักท่องบ่นมนต์ ทำตัวอยู่ในศีลในธรรมตามคำสั่งสอนครูบาอาจารย์ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานนำไปสู่การสวดมนต์ทำสมาธิ เจริญสติ พิจารณาทุกข์ หาหนทางดับทุกข์ที่เป็นของเฉพาะตนต่อไป ก็ลองมองส่วนที่ดีที่มีประโยชน์แก่โลกบ้างก็ยังดี ก่อนจะไปกล่าวหาใครว่างมงาย มันก็เหมือนไปชี้หน้าตราหน้าด่าบรรพบุรุษตัวเองตั้งแต่กษัตริย์ยันไพร่ในอดีตไม่รู้กี่ชัวคน ที่เค้าใช้สิ่งเหล่านี้เป็นอุบายธรรมสืบทอดกันมา ขอให้มีคนที่เข้าใจ มีคนที่ดีขึ้นซักหนึ่งคนก็ยังดี เมล็ดพันธุ์เหล่านี้สมควรจะเร่งปลูกฝังกันไว้

    เมื่อมีเครื่องมงคลแล้วรู้จักการไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิ ก็อย่าเพิ่งไปหยุดแค่จุดตรงนั้น ต้องก้าวต่อไปด้วยเพื่อพัฒนาการของตนเอง ก้าวเข้าไปหาความทุกข์ ใช้สติ ใช้การพิจารณา ทำต่อไปทีละขั้น ทีละขั้น ถ้ามันยังไม่พอก็กลับมาสวดมนต์ทำกรรมฐานใหม่ ฝึกไปเรื่อยๆ ฝึกจิตฝึกใจตนเองเพาะบ่มไปชาตินี้ไม่ได้ ชาติหน้าก็ยังมี ด้วยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลนั้นก็ยังรอวาระที่จะอุบัติอยู่ ดีกว่าพร่ำบ่นขอให้เกิดทันท่าน ขอให้นิพพาน ทันท่านแล้วอย่างไรเล่า เธอก็จะเป็นชนกลุ่มน้อยที่สดับธรรมแล้วไม่มีพัฒนาการสิ่งใด เพราะของเก่าเธอไม่มี เธอก็ต้องไปรอไปอธิษฐานถึงพระองค์อันจะอุบัติในกัปต่อไปเรื่อยๆอีก

    การสวดมนต์นั่งสมาธินี้ไม่ได้สอนเพื่อให้ทำแล้วว่าจะได้นิพพานใดๆ ธรรมมะทั้งหลายของพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน ก็เป็นเพียงแนวทางให้เรานำไปปรับใช้ในชีวิต ให้เราศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยว่ารู้ธรรมมากอ่านพระธรรมมามากจะเป็นอรหันต์แต่อย่างใด ธรรมมันต้องเกิดขึ้นในใจของเธอเอง เธอต้องมีธรรมที่เธอเข้าใจเป็นของเธอเอง เป็นธรรมที่เกิดจากการฝึกฝนขัดเกลา เป็นธรรมที่เหมาะแก่จริตของเรา ไม่ใช่จะไปงมงายยึดตามคนอื่นเสียหมด พระอรหันต์ในโลกนั้นมีอยู่ แต่จะเเสวงหาทำไม ได้ประโยชน์อะไร ไปหาธรรมต่างๆนานามามากมาย ฟังแล้วรู้เรื่องบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ตามไม่ทันบ้าง เพราะเธอไม่ได้ฝึกตนเอง เธอยังไม่ผ่านทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ ยังไม่เห็นธรรม แต่จะเที่ยวไปรับธรรมมาขบคิด คิดไม่ออกก็วิตกเป็นกังวลขึ้นมาอีก ไปนั่งสมาธิจิตก็ตก จิตก็หลอนเพ้อเจ้อต่อไปอีก จะแสวงหาสิ่งใดทำไม ในเมื่อเธอทั้งหลายหากคิดจะเริ่มทำที่สุดแห่งทุกข์ ตัวเธอก็เป็นอรหันต์ได้เองเช่นกัน

    ค่อยๆเดินไปตามทางเถิด พระพุทธองค์ท่านก็ยังค่อยๆเดิน หาได้ก้าวกระโดดใดๆไม่ แนวทางนั้นมีไว้ให้ปฏิบัติ ไม่ใช่เพื่ออ่านให้เข้าใจประกวดความรู้แข่งกัน
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชารับ เหรียญหล่อองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณ (องค์ปรพรหมอาตมัน)

    พ่ออาจารย์ท่านได้สื่อญาณกับองค์ครูพระสยม ทำให้ท่านได้รู้ได้เห็นอะไรมามาก ในภาวะสูงสุดของอนันตจักรวาลนั้น มีมหาชีวะที่ทรงพลังงานบริสุทธิ์อยู่สภาวะหนึ่ง ที่แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามเอง ก็ยังเพียรทำตบะเพื่อให้เข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับมหาอานุภาพนั้น

    สิ่งนั้นกล่าวได้ว่าเป็นดวงพระวิญญาณสูงสุดแห่งมหาจักรวาล ที่ได้ให้กำเนิดพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่อันแตกต่างกัน ซึ่งดวงพระวิญญาณนี้พ่ออาจารย์ท่านจำกัดความให้สั้นๆว่า ดวงชีพนิรันดร์หรือองค์อาตมภูวญาณนี้ เพราะอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามเองเมื่อถึงกาลถึงวาระที่พันธะหน้าที่หมดไป ก็ยังต้องกลับเข้าไปรวมกับองค์อาตมภูวญาณเช่นกัน

    การดำรงค์อยู่ในสภาวะพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด ยิ่งมหาพรหมยิ่งเทพเจ้านี้ คือพลังธรรมชาติที่มีชีวิตนั่นเอง ดำรงค์อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่มีขอบเขตจำกัด อยู่เหนือทุกกฏ ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ แต่ก็ปรากฏพระองค์ในทุกแห่ง ในทุกสถานเช่นกัน

    องค์พระสยมท่านได้ให้พ่ออาจารย์เห็นพระรูปอันน่าตะลึงลานนั้น ด้วยว่าองค์อาตมันได้ปรากฏรูปทางกายภาพแล้วจะมีพระวรกายเช่นใด ท่านว่ามีพระพักตร์และพระกรมากมายไปหมด รัศมีนั้นส่องสว่างเกินกว่าเทวะใดๆ แต่ละพระกรนั้นล้วนทรงถือสิ่งอันเป็นความหมายมงคลต่างๆ รูปกายท่านคือปรพรหมสูงสุด (ไม่ใช่พระพรหม 1 ใน 3 พระผู้เป็นเจ้าของพราหมณ์ ซึ่งพระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหมนั้นก็เป็นเพียงพระภาคหนึ่งขององค์อาตมันเท่านั้น)

    สภาวะอาตมันนั้นคือสภวาะของการหลุดพ้นโดยแท้จริง ท่านตั้งฟ้า ตั้งดิน สถาปนาพระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม เป็นมหาเทพที่อยู่กับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และอยู่แม้กระทั่งในตัวพวกเราทุกคน

    พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจ ขอพระรูปองค์อาตมันนั้น ว่าจะกระทำให้เป็นเกียรติยศกับชีวิตท่านสักหนหนึ่ง ด้วยว่ายังไม่เคยมีใครทำองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณกันเลย เพราะนี่คือสิ่งสูงสุดที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์มากที่สุด ทำไม่ดีพลีไม่ถูกคนทำคนเสกแย่ใจหายเลยทีเดียว ท่านได้ขออักขระที่เป็นมหาสัญลักษณ์ ดุจหัวใจ ดุจลัญจกรขององค์ปรพรหมอาตมัน เพื่อมาทำวิชาสร้างเสกให้ถึงที่สุดกันไปในทีเดียว

    องค์ปรมัตถ์อาตมภูวญาณนั้น พ่ออาจารย์บอกว่าเป็นพระรูปที่ปรากฏทางกายภาพ แม้เหล่าพระเป็นเจ้า เทพเจ้า ฤาษีสิทธิ์ที่ไหนพบเห็นก็ต้องกราบไหว้นบนอบหมอบคลาน ด้วยทรงไว้ซึ่งศักดิ์และอาญาสิทธิ์สูงสุด เกรงเดชพระองค์กันถึงปานนั้น ด้วยว่าเป็นผู้รู้ราตรีนาน เป็นสภาพธรรมมะที่แท้ของมหาจักรวาล

    พ่ออาจารย์ท่านได้แกะหุ่นเทียนจำลองขึ้นเป็นมหาพรหม 5 พระพักตร์ ซึ่งพระพักตร์บนสุดนั้นคือสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมนั่นเอง ท่านปรารถนาจะสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นทั้งพุทธานุสติ และเทวานุสติ ด้วยว่าพระองค์นั้นคือสภาพธรรมสูงสุด เป็นพลังชีวิตที่รักษาสมดุลย์แห่งธรรมของการค้นพบพระสัจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย

    เมื่อผู้ใดได้พบได้อาราธนาจะผ่านพ้นเหตุการณ์วิปริตผิดธรรมชาติต่างๆไปโดยง่าย แม้ภัยธรรมชาติก็หาได้กล้ำกราย เป็นที่เกรงอกเกรงใจแม้แต่เหล่าเทพยดา อยู่เหนือผู้อื่นกว่าเขาหมด และยังเสริมพลังงานธาตุ พลังงานชีวิตให้กับตัวเองอย่างมหาศาล ด้วยว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ล้วนมีเชื้อแห่งอาตมันนั้นอยู่ในตนเองทั้งสิ้น จะมีความคิดเห็นที่ถูกที่ควร มีญาณทัศนะกระจ่างสว่างใส มีจิตรู้ในตนเองที่บริสุทธิ์มากขึ้น จะปรารถนาอยากจะกระทำความดี จะปรารถนาการเข้าถึงอมฤตธรรม จะหิวกระหายในคุณธรรมความคิดเห็นอกุศลมืดบอดจะค่อยๆหมดไป แม้ปรารถนาจะเอาดีทางโลก ก็ได้ดีได้พบความสำเร็จโดยง่ายดุจเหล่ามหาบุรุษ แม้ประสงค์จะเอาดีทางธรรม ก็เห็นสัจธรรม มีสติตั้งมั่น เดินไปบนหนทางที่ถูกต้องไวกว่าคนอื่น

    จะไม่มีวันตกต่ำลงกว่าเดิมแม้อธิษฐานขอพรกับพระองค์ ก็จะเห็นความศักดิ์สิทธิ์ในองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณอย่างรวดเร็ว เทพเจ้ามิจฉาทิฏฐิหรือสิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายไสยครอบคลุมทั้งหมดจะไม่กล้าแสดงฤทธิ์ต่อต้านอวดดีฉุดรั้งอีกต่อไป ด้วยนบนอบและเกรงกลัวในองค์องค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณหรือองค์อาตมันดวงชีพนิรันดร์ยิ่งนัก นอกจากนั้น แม้ท่านจะขอพรกับเทพพระองค์ใดก็ย่อมสำเร็จได้โดยง่าย ด้วยเค้าเกรงใจในองค์ปรพรหมสูงสุดของเขากันทั้งนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าถึงยุคแล้วที่พระเป็นเจ้าสูงสุดนั้นจะเริ่มปรากฏรูปกายและมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยว่ามนุษย์นั้นจมอยู่ในทุกข์เวทนากันเหลือเกิน ผุดเกิดเวียนว่ายไม่สามารถเข้าถึงพลังในกายตนเองได้ ไม่เห็นอาตมัน ไม่พบสัจธรรม ไม่กลับเข้ารวมกับสภาวะสูงสุด ไปไม่ถึงพระนิพพาน ติดอยู่ในบ่วงกรรม ในห้วงทุกข์เวทนาต่างๆ ด้วยเป็นผลแห่งการกระทำที่ทำไว้ จึงมีแต่อำนาจแห่งพระนิพพานและสภาวะธรรมสูงสุดของพระองค์เท่านั้นที่จะตัดกลางหนทางแห่งเวรกรรมทั้งหลายได้ อำนาจอื่นนั้นไม่สามารถตัดกรรมตรงนี้ได้ทั้งสิ้น ช่วยได้ชั่วครั้งชั่วคราวเพียงเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงเชิญองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณ และมวลหมู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อนลงมาประจุวิชาไว้เต็มที่

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างไว้ 2 เนื้อ
    - องค์ครู โดยสร้างด้วยเนื้อธาตุกายสิทธิ์แท้ๆ ทั้งวัชรธาตุ หยาดน้ำฟ้าทวาราวดีแบบเน้นๆ โดยก่อนทำท่านได้นำมาขับล้างอานุภาพต่างๆเพื่อให้เป็นรังบริสุทธิ์ที่จะเชิญองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณเข้ามาสถิตย์และประจุอานุภาพได้เต็มที่ และชุดนี้ท่านได้พลีปรอทชมพูนุช ปรอททองคำดำของหลวงปู่ละมัย ที่มีผู้ถวายเพื่อหล่อรูปครูอาจารย์ ให้นำไปใช้ในเวลาอันสมควร ใส่ลงไปต้มหลายลูก ทำให้เนื้อองค์พระเมื่อหล่อแล้วมีประกายขึ้นสะเก็ดเพชรแวววาวสวยงามมากท่านเลยเรียกว่าปรอทกายเพชร
    * สำหรับองค์ครู นั้น ด้านหลังจะฝังตะกรุดโทน เนื้อเงินโบราณลงถม ที่พ่ออาจารย์ท่านลงถมอักขระมหายันต์ต่างๆจนศักดิ์สิทธิ์ และได้นำมากระทำพิธีลงจารอักขระตรามหาสัญลักษณ์ขององค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณด้วยพิธีกรรมทางจิตและพระเวทย์ลงไปพร้อมทั้งปะสระโลหิตก่อนนำมาฝังในเหรียญหล่อ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงอำนาจครูบาอาจารย์และรับอานุภาพจากองค์ปรพรหมอาตมันได้เร็วขึ้น

    - เนื้อตะกรุดโทนตะกรุดเก่าและตะกั่วลงถม ซึ่งเป็นเนื้อที่ได้จากการทำตะกรุดรุ่นเก่าๆที่ท่านทำไว้แจกนำมาหล่อหลอมรวมกันกับตะกั่วลงถมที่ท่านได้จารและลงถมเก็บไว้ทำตะกรุดพิเศษ จึงเป็นเนื้อที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเองจากข้างในอีกเนื้อหนึ่งเช่นกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเหรียญรุ่นนี้ใช้เวลาทำมานาน ทำเก็บหล่อไว้ในราชาฤกษ์ แล้วจึงเสกเก็บมาในทุกฤกษ์มงคล แม้เชิญองค์ท่านเสกเสร็จแล้ว เราก็ยังทรงพระเวทย์เสกต่อไปเรื่อยๆแม้จะไม่เข้า จนมีนิมิตรเห็นพระรูปองค์ปรพรหมท่านบอกว่าให้พอได้แล้ว จึงได้หยุดได้พอ

    คาถานมัสการ
    โอม ยัมไศวาหะ สะมุปาสะเต ศิวะอิติ พรมเหติ เวทานติโน เพาทธา พุทธอีติประมาณะปะฎะวะหะ กรเตติ ไนยายิกาหะ อรหันนิตยะถะไญนะ ศาสะนะระตาหะ กรรมเมติ มีมานสกาหะ โสยัมโน วิทะธาตุวานณะ ฉิตะผะลัม ไตรโลกยะนาโถ หะริหิ
    โอม เทวะ มหาเทวะ ปรมัติอาตมภูว มหาอธิบดี ไตรโลกาธาตุ นะอุภะยะอะ โอม ฤ ฤา มหา ฦ ฦา ยันโน กริตตัง คุคิคะเมตัง นานาเมตัง สาละภูมิตังเมสังเส อะนะวะชะสะระมะ สัพพะอิเจติ ทิพจักขุง มหาเตชัง มหาวิริยัง ปรมัตถัง ตวะเมวะมาตาจะบิตา ตวะเมวะพันธุศจะสะขา ตวะเมวะวิทยาทรวิณัม ตวะเมวะสรวัม มะมะเทวะ เทวะ

    * ท่านว่าสร้างไว้ได้น้อยนัก ไม่พอกับผู้ที่เดือดร้อนทั้งหลาย ด้วยเนื้อธาตุกายสิทธิ์นั้นทำไว้ได้เพียง 12 องค์ เนื้อตะกั่วลงถมอีก 15 องค์ หากผู้ใดต้องการจะได้ไว้บูชาด้วยเห็นว่าตนเองนั้นมีเรืองเดือดเนื้อร้อนใจ ติดกรรมเก่า ทำอะไรไม่ขึ้น ต้องการจะให้เป็นสรณะที่จะพึ่งพิงครูอาจารย์ได้ในกาลเบื้องหน้า ก็ค่อยมาขอรับไว้บูชา
    * ให้สั่งจองทางPM เท่านั้น รายได้จากการบูชาท่านจะมอบให้ตามวัดต่างๆที่มีการหล่อรูปเหมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมต่อไป ท่านว่านำไปสี้างพระใหญ่จะได้ลดเคราะห์ตัดกรรมเขาช่วยกันไปอีกทางหนึ่ง

    ร่วมทำบุญบูชารับ เหรียญหล่อองค์ปรมัตถ์พรหมอาตมภูวญาณ (องค์ปรพรหมอาตมัน)
    - เนื้อธาตุกายสิทธิ์ปรอทกายเพชรหลวงปู่ละมัย บูชา 4,000 บาท
    - เนื้อตะกรุดโทนตะกั่วลงถม บูชา 2,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.1 KB
      เปิดดู:
      131
    • SAM_47991.jpg
      SAM_47991.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.8 MB
      เปิดดู:
      310
    • SAM_48001.jpg
      SAM_48001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      103
    • SAM_48011.jpg
      SAM_48011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      146
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    เชิญร่วมทำบุญบูชา องค์พะหะปัตเยมหาราช (พระแม่อุปถัมภ์)

    แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้กล่าวถึงวิกฤติและเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆที่จะเกิดกับคนไทย ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ ชีวิต ความเป็นอยู่ ด้วยท่านบอกแต่เพียงว่าองค์มหาเทวีหรือพระแม่อุปถัมภ์นั้น ท่านไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้หมดหวังไปในทีเดียว ด้วยว่าพ่ออาจารย์ท่านขอไว้ว่าอย่างน้อยก็ขอให้ลูกหลานได้ดีก็แล้วกัน ให้ท่านลงมาเปิดบารมีเกื้อหนุนค้ำชูเป็นรายตัวรายบุคคลกันไปเลย

    พระแม่อุปถัมภ์นั้น เกิดจากธาตุและธรรมที่ได้จุติพลังงานซึ่งจะควบคุมจักรราศี ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่างๆในมหาจักวาลขึ้นมา ซึ่งดวงจิตนั้นพ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าองค์พะหะปัตเย ได้ควบคุมความเป็นไปและการเปลี่ยนแปลงต่างๆของมิติกาลอวกาศในรูปของพลังงาน กลุ่มดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ทั้งหมดทั้งมวล

    ซึ่งชีวจิตแห่งองค์พะหะปัตเยนั้น ได้แบ่งรูปออกมาในลักษณะต่างๆและเข้ารักษาปกป้องสรรพชีวิต ซึ่งเป็นจุดย่อยที่สุดในระบบโครงสร้างจักรวาล ซึ่งสิ่งมีชีวิตนั้นก็ยังรับพลังงานการเปลี่ยนแปลงและอยู่ใต้อำนาจของดวงดาวต่างๆ โดยพ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าในส่วนของสยามนั้น พระองค์ท่านนิรมาณกายมาเป็นมหาเทวีที่พ่ออาจารย์เรียกว่าพระแม่อุปถัมภ์นั่นเอง

    ดังนั้น องค์พะหะปัตเยมหาราช ก็คือจอมราชาผู้ปกครองจักรราศีตลอดจนกลุ่มดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ต่างๆทั้งหมดในมหาจักรวาล

    เมื่อได้ขออำนาจของพระองค์ให้ทำการจุติอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือลูกหลานที่มีจิตศรัทธาแน่วแน่เป็นรายบุคคลไป ท่านก็เริ่มตั้งแต่แกะแม่พิมพ์ โดยประกอบขึ้นเพื่ออาศัยนัยยะสำคัญลงไปด้วย ท่านแกะขึ้นเป็นพระเเม่อุปภัมพ์อุ้มดวงจิตอุ้มชีวิตที่ท่านให้ความอนุเคราะห์อยู่ แวดล้อมด้วยกลุ่มรูปดาวทั้งซ้ายและขวาเพื่อให้รู้ว่านี่คือผู้ยิ่งใหญ่เหนือพลังธรรมชาติองค์พะหะปัตเยที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นมา

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าที่ตั้งใจให้เป็นลักษณะแม่อุ้มลูกนี้ คือจะให้เอาไปเป็นของค้ำคูณตัวเอง ถ้ามันเป็นค้ำคูณเฉยๆมันธรรมดาไม่เกิดผลเท่า แต่นี่ใครเอาไปก็ใช้ได้ทุกคน ให้เปรียบตนเองเสมือนลูกที่แม่ต้องคอยอภิบาลไม่ให้เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ให้ต่ำกว่าคน จนกว่าใคร ไม่ให้อันตรายใดๆกล้ำกรายลูกได้ อยากได้อะไร ก็ขอกับแม่ของตน แม้ยากลำบาก แม่ก็จะทุ่มเทชีวิตหามาให้ลูกทุกครั้งไปขอกับแม่ที่ไหนก็ไม่สัมฤทธิเท่ากับมีแม่เป็นของตน และยังเป็นการย้ำกับองค์มหาเทวีด้วยว่าให้รักและอุปถัมภ์ลูกผู้เป็นเจ้าของนี้ดุจเลือดเนื้อและชีวิตของตนเอง แม้เลือดในอกก็ยังสละให้เขาได้ เมื่อสำเร็จวัตถุทางกายภาพได้รูปลักษณะพิมพ์ทรงแล้ว มวลสารที่นำมาจัดสร้างนั้นก็ได้ชื่อว่าวิเศษสุดๆเหลือเกิน

    พ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมผงวิเศษต่างๆเพื่อมากดพิมพ์สร้างองค์พะหะปัตเยด้วยความยากลำบาก ต้องบอกเลยว่าทำได้น้อยมากบูชาคุณพระมารดา เพียง 12 องค์ เพราะต้องใช้เนื้อมวลสารล้วนๆนั่นเอง
    - ผงเถ้ากองกูณฑ์อัคคี เป็นผงที่ได้จากกองไฟที่บูชาเทพเจ้าโดยส่งผ่านพระอัคนี เมื่อจะสร้างรูปเทพเจ้าเอาไว้ให้เค้าใช้ทางค้ำคูณแล้วพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าจำเป็นต้องใส่ลงไป เพราะไฟแห่งกองกูณฑ์อัคคีนี้คือไฟที่ใช้เผาได้ทุกอย่าง ดุจไฟที่แผดเผากิเลส รักโลภโกรธหลงโทสะโมหะต่างๆให้หมดสิ้นไป เมื่อนำมาทำก็จะได้เป็นสื่อเผาเคราะห์หามยามร้าย เศษกรรม วิบากกรรมต่างๆของผู้นำไปใช้ด้วย ซ้ำเวลาขออะไรกับองค์พระแม่อุปถัมภ์ก็จะได้สมใจง่ายๆและประสบความสำเร็จไว ท่านว่าเพราะอุปเทห์นั้นเป็นของพิเศษมาก การขอนั้นไม่ใช่การขอธรรมดา แต่เป็นการขอท่านผ่านกองกูณฑ์อัคคี ที่จะสามารถสื่อและขอสิ่งใดๆก็ตามจากเทพเจ้าได้โดยตรง
    - ผงสะหรี๊พันต้น เป็นผงที่พ่ออาจารย์ได้ทำรวบรวมไว้และนำมาเสกทางค้ำคูณ ชุ่มเย็นลงไปอีก ท่านว่าผงนี้หนุนดวง หนุนนำชะตาชีวิตดีนัก ชีวิตมันไม่ตกลงเลยนะ มีแต่จะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ใครที่กลัวตัวเองตกต่ำลงกว่าเดิมหรือกลัวที่จะเลวลงสามวันดีสี่วันไข้ ได้ดีไม่สม่ำเสมอนี่เลิกคิดไปเลย มีผงนี้ใส่ไปให้ต่อไปนี้จะได้ทรงตัวและพุ่งขึ้นไปให้สูงไม่ต้องทรุดลงมาอีก
    - ผงยาแดงสายบรมครูโพมิงข่อง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รับมาจากครูท่าน จึงผสมลงไปในรุ่นนี้ดวย ท่านว่ายาแดงนี้ดีนัก ใครมีติดตัวมีแต่ดีวันดีคืน ดุจตนนั้นมีฤทธิ์เดชมากมีพลังกายสิทธิ์ ผสมใส่ไว้จะได้ทั่วถึงกันให้ผู้มีบุญสัมพันธ์กันนำไปใช้
    - ไม้สีฝันครูบาเจ้าศรีวิชัย พ่ออาจารย์ท่านนำมาตัดและป่นเป็นผงผสมลงไปด้วย ท่านว่าสำคัญนัก ลมหายใจน้ำลายไอปาก ของพระผู้เหนือโลกอย่างครูบาเจ้าท่านอยู่ในนี้ จะทำของค้ำคูณนี่ต้องอาศัยบารมีท่านมาเสริมด้วย ที่ต้องโทษทุกข์ภัยใดๆนี่จะคลี่คลายได้เร็วนัก
    - ผงลบยันต์สุริยประภา จันทรประภา ที่ท่านลบถมเก็บสะสมไว้ตอนเกิดพิธีอุปราคาทั้งสอง ด้วยหวังอานุภาพหนุนดวง ขับส่งเสริมชะตาผู้ใช้ในทุกๆด้าน ท่านว่าผงนี้วิเศษนักปรารถนาสิ่งใดก็ได้สมใจทุกประการดุจแก้วสารพัดนึก ดีทุกด้าน ยิ่งลงในเวลาทรงพระเวทย์เฉพาะพิธีอุปราคาด้วยแล้วยิ่งดีเหนือดีขึ้นไปอีก
    - ผงแร่เทวาประสิทธิ์ โรยไว้ทุกองค์

    ด้านหลังท่านฝังจิ้งจกเก้าหางไว้ทุกองค์ จิ้งจกเก้าหางนี้ท่านหล่อจากตะกั่วลงถมล้วนๆ ท่านว่าไม่ต้องฝังอะไรมากแค่จิ่งจกนี้ตัวเดียวเหลือกิน จำกันได้หรือไม่ที่พ่ออาจารย์ท่านเคยเจอจิ้งจกเผือกางใบโพธิ์เก้าหางมาหลายวาระแล้ว ท่านว่าแต่เดิมนั้นเป็นร่างจำแลงลงมาคอยสังเกตุดูศิษย์ขององค์ท้าวสหัมบดีบรมพรหม จะจิ้งจกที่ไหนก็ช่าง แต่ของท่านนั้น ท่านว่าเป็นจิ้งจกมหาพรหม ด้วยลงไว้เป็นสองลักษณะทั้งเชิญท่านมาและลงวิชาจิ้งจก พ่ออาจารย์ท่านว่าเชิญพระองค์ท่านและขออานุภาพท้าวสหัมบดีบรมพรหมให้นิรมาณกายมาช่วยเหล่าศิษย์ มีจิ้งจกนี้ก็เหมือนอยู่ในสายพระเนตรของท่านเป็นตัวแทนความรักความห่วงใยของท่าน ซ้ำยังมีกินไม่อดอยาก มีเสน่ห์เมตตาอย่างยิ่งตามสายวิชาจิ้งจก เฉพาะจิ้งจกนี้ท่านแยกเสกเก็บไว้ต่างหากอย่างเดียว ตก 3 เดือน ทั้ง 12 ตัวถือว่าเป็นพญาจิ้งจกตัวครูเลยก็ว่าได้

    คาถาบูชา
    โอม พะหะปัตเย มาตากี โอม การัม พินทุสัมยุกตัม นิตยัม ธยายันติ โยคินา กามะทัม โมกะสะทัม ไจวะ โอม การายะ นะโม นะมะ พะหะปัตเย นะโม นะมะ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้บูชาเฉพาะคนไทย คนที่มีบุญสัมพันธ์กันและทำอะไรไม่ขึ้นจริงๆอยากได้ของทางทิพย์กายไปค้ำคูณ ท่านว่าสุดแล้วแต่จะเอาไปใช้เถิด แม้ห้อยไว้กับตัวก็เป็นเมตตาสุดๆ ด้วยรูปลักษณาการนั้น หามีสิ่งใดในโลกแล้วที่จะมีเมตตามากกว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูก ท่านว่าทำของค้ำคูณที่ยิ่งกว่าหนุนดวงชะตาทั่วไปแบบนี้ทำยากมาก เพราะมันให้ผลยิ่งใหญ่ครอบคลุมไปหมด หมั่นท่องคาถาบ่อยๆ อธิษฐานขอพรท่านให้ความรักท่านท่านก็จะให้ความรักกลับดุจความรักที่แม่มีต่อลูก วิชานี้พลังไม่มีวันถดถอยเสื่อมคลาย หากผู้บูชายังตั้งมั่นอยู่ในความรัก ไม่ต้องกลัวของจะเสื่อมพลังจะลดน้อยถอยลงใดๆทั้งสิ้น ใจตนเองนั้นรักท่านแค่ไหนมันก็แรงเสมอใจตนเท่านั้น

    * ให้บูชาทาง PM เท่านั้น เนื่องจากมีจำนวนจำกัด และเป็นการเปิดวิชาครั้งแรกของท่านด้วย ใครประสงค์จะร่วมทำบุญก็PM ข้อความกันไว้ ปัจจัยตรงนี้ท่านจะส่งมอบทำบุญให้กับเหล่าเด็กกำพร้าและเหล่ามารดาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกต่อหนึ่ง

    เชิญร่วมทำบุญบูชา องค์พะหะปัตเยมหาราช (พระแม่อุปถัมภ์) องค์ละ 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_48031.jpg
      SAM_48031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      80
    • SAM_48051.jpg
      SAM_48051.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      61
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระซุ้มเจ้าสัวสมเด็จองค์ปฐมวิสุทธรังษีสิกขีโพธิญาณ(พระป้อนข้าวป้อนคำ)

    เมื่อครั้งหนึ่งหลวงพ่อฤาษีท่านเคยมอบข้าวก้นบาตรอธิษฐานของท่านให้พ่ออาจารย์ท่านเก็บไว้ โดยหลวงพ่อท่านได้เสกและใส่วิชาต่างๆไปจนบริบูรณ์ ท่านบอกแค่ว่า ถึงวาระ ข้างบนเค้าให้หน้าที่แกมา แกจะต้องทำให้ดีกว่าฉันนะ พ่ออาจารย์ท่านก็เอาคำข้าวนั้นมาตากแห้ง อัศจรรย์ที่เม็ดข้าวเหล่านั้นไม่หม่นหมองแต่กลับสุกใสราวกับอัญมณี ท่านนำมาตำป่นจนละเอียดเก็บไว้เรื่อยมา

    สืบเนื่องจากอดีต ที่องค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำพระคำข้าวไว้ ใครได้ไปก็ล้วนดีขึ้นทันตาเห็นมีลาภผลต่อเนื่อง พ่ออาจารย์ท่านเองก็เลยปรารถนาที่จะทำพระคำข้าวมาซักรุ่นหนึ่ง

    จนกระทั่งท่านรวบรวมมวลสารได้ครบ ท่านได้ภาวนาขอฉันทานุมัติจากครูบาอาจารย์ เพราะท่านไม่รู้จะทำเป็นแบบใดดีและท่านได้กราบเฝ้าสมเด็จพระศาสดาองค์ปฐมซึ่งเป็นองค์ต้นธรรมในสายพุทธวงศ์ทั้งมวล

    ซึ่งองค์พุทธิบรมครูผู้เป็นเอกในสภาพุทธวงศ์นั้นได้ประทานอนุญาติว่า พระคำข้าวเขาทำไปแล้ว เธอจะทำ ก็ต้องทำให้ยิ่งกว่า เราจะให้บทภาวนากำกับเอาไว้เจริญสติเวลาทำพระ พระที่จะให้ทำนี้เรียกว่าพระป้อนข้าวป้อนคำ พร้อมทั้งพระองค์ท่านได้กำกับบอกทั้งพิมพ์ทรงและคาถาที่จะใช้มาให้ พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จท่านให้บทภาวนามากำกับโดยท่านพูดว่าเอาไว้เจริญสตินั่นก็คือคาถานี่เอง ท่านว่าพระคำข้าวก็คือลาภที่คายจากปากมาให้ผู้อื่น ส่วนพระป้อนข้าวนี้ ก็คือลาภที่ตั้งใจจะหยิบยื่นให้โดยตรงไม่ต้องผ่านปากใคร

    เมื่อท่านรู้ท่านเห็นแล้วว่าจะทำอย่างไร ท่านจึงเริ่มนำตะกั่วอวนเจ้าสมุทรมาลงอักขระรับทรัพย์เปิดทางหาทรัพย์ทุกลูกก่อนจะนำมาหลอมกับตะกั่วลงถมหมื่นยันต์พันคาถาทั้งปรอทและกายสิทธิ์ธาตุ เพื่อจะนำไปเทพระสมเด็จองค์ปฐมนั่นเอง โดยพ่ออาจารย์ท่านแกะแม่พิมพ์เพื่อจะเทหล่อถึงสองครั้ง ในวาระแรกนั้น หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตามาบอกกล่าวว่าองค์พระแกทำให้เหมือนพระโบราณหน่อย ทำบาตรให้ใหญ่ๆไปเลย บาตรนะไม่ใช่กะลา บาตรนี้ต้องบรรจุทรัพย์ได้เป็นอสงไขยโกฏิจะมาทำเล่นๆเล็กๆไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านจึงแก้ไขพิมพ์อีกรอบจนสำเร็จและเทหล่อออกมา เป็นรูปสมเด็จพระบรมศาสดาพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่1 กำลังหยิบคำข้าวขึ้นจากบาตรมาพิจารณา ไม่ได้อยู่ในอาการที่จะหยิบมาเพื่อเสวย แต่อยู่ในอาการที่หยิบขึ้นมาเพื่อจะป้อนของทิพย์ในบาตร จะหยิบยื่นความรักความเมตตาของพระองค์นั้นให้แก่ผู้บูชา เหรียญหล่อพระมหาพุทธพิมพ์ปางนี้จึงดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์มากทีเดียว

    เมื่อหล่อองค์พระสำเร็จแล้วพ่ออาจารย์ท่านได้เชิญเสด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมมาบรรจุธาตุบรรจุธรรมตามวาระต่างๆที่ท่านอาราธนา หลังจากนั้นสมเด็จผู้ยอดยิ่งดวงธรรมผู้บรมครูท่าน จึงมีดำริต่อว่าให้ใช้ฤกษ์ปัญจมหาเศรษฐี เพื่อจะทำพิธีอัญเชิญพระเจ้าเข้าเรือนในวาระที่สอง พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าสมเด็จท่านเมตตามนุษย์มากเพราะว่าฤกษ์ปัญจมหาเศรษฐีทั้งห้าฤกษ์นี้ เป็นฤกษ์ที่นำมาสร้างพระทำวิชา จะส่งผลให้ร่ำรวยมากดุจมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่มีอู่ทรัพย์นับอนันต์ คำว่าเศรษฐีแต่ละท่านของพระองค์นั้นไม่ใช่เศรษฐีธรรมดา แต่มีทรัพย์ไม่ต่างจากพระราชาเลยทีเดียว ฤกษ์ทั้งห้านี้คือ
    - นันทมหาเศรษฐี
    - ภัทรมหาเศรษฐี
    - ชัยมหาเศรษฐี
    - มิตรมหาเศรษฐี
    - ปุรณมหาเศรษฐี
    พ่ออาจารย์ท่านได้แกะบล๊อกไม้แบบโบราณ โดยทำเป็นพิมพ์ซุ้มกระจังเหมือนพระเจ้าสัวของหลวงปู่บุญเช่นนั้น ท่านว่าแค่เห็นก็รู้ว่านี่คือพระเจ้าสัว ใครบูชาจะมีอานิสงค์ทางโชคลาภหนักมาก ซุ้มกระจังนี้ก็เปรียบเหมือนเรือนแก้วอู่แก้ว ในเรือนในอู่นั้นมีทรัพย์เก็บทรัพย์ได้นับล้านโกฏิ เมื่อเชิญรูปพระบรมศาสดาเข้าไป จึงจะได้ชื่อว่าพระเจ้าสัวอย่างแท้จริง ท่านได้นำมวลสารพิเศษต่างๆมาประกอบขึ้นเป็นซุ้มเรือนแก้วดังนี้
    - คำข้าวผลึกเพชรของหลงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ไม่หม่นหมองและสุกใสดุจอัญมณี ด้วยเป็นคำข้าวที่หลวงพ่อท่านมอบให้พ่ออาจารย์ท่านไว้ใช้ในกาลอันเห็นสมควร เมื่อนำคำข้าวที่ท่านอธิษฐานจิตไว้ดีแล้วมาทำ พ่ออาจารย์ท่านว่าจะให้ผลไม่ต่างจากพระคำข้าวของท่านเลย เชื่อว่าใครได้ไว้จะมีลาภผลมาก
    - คำข้าวพระอรหันต์ สิ่งนี้เป็นของส่วนตัวของท่าน โดยท่านได้รับเมตตามาจากหลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล ผู้เป็นพระอรหันต์แห่งยุคองค์หนึ่ง ได้คายคำข้าวใส่มือท่าน ดุจจะรู้ว่ากาลในอนาคตนั้นท่านจะได้นำมาใช้ประโยชน์ช่วยเหลือผู้คน ซ้ำยังได้มอบคำข้าวขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ท่านรักษาไว้มาให้พ่ออาจารย์อีกด้วย แค่คำข้าวที่พะอรหัต์คายออกมาเหล่านี้ ก็ล้วนเชื่อได้เลยว่าองค์พระรุ่นนี้จะต้องมีลาภผลมากแน่นอน พ่ออาจารย์ท่านว่าใครมีไว้ดุจมีสมบัติทิพย์นับล้านโกฏิอยู่กับตัว
    - ผงพุทธคุณทั้ง 5 ของสมเด็จโตบรมครูที่ตกทอดมา ซึ่งพ่ออาจารย์จะผสมสร้างพระในบางกาลบางวาระเท่านั้น
    - ผงเหล็กไหลโกฏิปี อันได้ชื่อว่าเป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่มีอานุภาพสูงสุด ท่านได้นำมาเข้าเครื่องเจียจนเป็นผงละเอียดเพื่อผสมลงไปในองค์พระ ท่านว่าจะได้มีความเป็นทิพย์มีอำนาจกายสิทธิ์น้ำหนึ่งอยู๋ภายใน จะหยิบจับทรัพ์จะหาอะไรก็คล่องไม้คล่องมือ
    - ผงรังต่อ ท่านว่าขาดไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นเคล็ด จะได้ต่อออกไปไม่รู้หมด ไม่อยู่ที่เดิม มีพระรุ่นนี้จะได้ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
    - ผงลบมนต์น้ำซึมบ่อทราย มนต์มหาเศรษฐีหลวง มนต์พระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้าสำเภา มนต์พระโพธิสัตว์เป็นมหาเศรษฐี ท่านว่าใช้ผงเพียงสี่ตระกูลนี้เท่านั้นมาผสมลบถมผงวิเศษ มนต์น้ำซึมบ่อทรายนี้จะได้รวยแบบมั่นคงดุจน้ำตกสู่ทรายก็ค่อยๆซึมเข้าไป ชีวิตผู้ใช้ที่ว่าไม่มีโชคก็จะได้มีโชคหล่นมาหาซึทซับเข้าไปในตัวเราอยู่ร่ำไปไม่มีวันหมด ส่วนผงมนต์พระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้าสำเภานั้นจะทำกิจการงานใดๆก็จะสำเร็จลุล่วงประสบโชคลาภครั้งใหญ่ได้โดยง่ายเมื่อรวมกับผงพระโพธิสัตว์เป็นมหาเศรษฐีและผงมนต์มหาเศรษฐีหลวงแล้ว ก็จะช่วยต่อยอดให้ได้เป็นมหาเศรษฐีเร็วขึ้น
    ท่านได้นำผงต่างๆ มาประกอบเป็นเครื่องมงคล ท่านนำผงดังนี้ทั้งหมดมาตำ อาศัยฤกษ์ปัญจมหาเศรษฐีที่ชนเข้าในมหัทธโนฤกษ์ เพื่อเสริมผลทางด้านความร่ำรวยจนถึงขั้นมหาเศรษฐี และความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้า เมื่อกดพิมพ์แล้วก็ได้บริกรรมคาถาพระเจ้าเข้าเรือนแก้วอันเป็นเคล็ดลับสูงสุดวิชาหนึ่งในสายอยุธยา เพื่อเชิญองค์ปฐมบรรจุไว้ในซุ้มกระจัง

    ฝังของวิเศษสามสิ่ง
    - ตะกรุดพระเจ้าค้าคำ วิชานี้พ่ออาจารย์กล่าวว่าเป็นยอดของวิชาชั้นสูงทางมหาบังเกิด ทางทรัพย์สิน ทางความร่ำรวยอย่างแท้จริง ด้วยอาศัยเหตุปัจจัยที่เกิดจากอำนาจบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า แม้พระองค์ทรงพระประสงค์จะพึงมีปรารถนา แม้ภูเขาทั้งลูก ก็เปลี่ยนเป็นทองคำได้ วิชานี้จากสิ่งที่ไร้ค่าก็มีค่า มันมีแต่ดีมีแต่ได้กับได้ เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระประสงค์สิ่งใดสิ่งนั้นก็ย่อมเป็นไปด้วยพุทธานุภาพ วิชานี้จึงเกิดขึ้นมาด้วยโบราณจารย์ท่านถ่ายทอดให้สืบต่อกันเอาไว้ใช้ช่วยคนที่เค้ามีวาสนาถึงพร้อมต้องการจะเป็นมหาเศรษฐี ต้องการจะหลุดจากทุกข์แห่งการหาเช้ากินค่ำโดยแท้ ซึ่งน้อยนักที่ครูบาอาจารย์จะทำวิชานี้ให้แก่ผู้ใด เมื่อทำพระป้อนข้าวป้อนคำท่านว่านี่เหมาะสมอย่งายิ่งแล้ว คำในทีนี้คือทองคำ จะได้รวยเหนือรวยเป็นมหาเศรษฐีมากกว่าเงินก็ต้องมีทองเป็นโกฏิเท่าภูเขานี่แหละ
    - ดวงดารา ท่านว่าดาวเป็นของสูง เหมือนคนเรามีฝันมีความสำเร็จที่อยู่สูงก็ต้องไปให้ถึง ไขว้คว้าไปบางคนก็ตายเปล่าก็ยังไปไม่ถึง ท่านจึงทำดวงดารานี้เก็บไว้ ด้วยว่าเมื่อฝังลงไปแล้วเค้าจะได้สมปรารถนาในสิ่งที่ฝัน ความสำเร็จนั้นอยู่ในอุ้งมือเค้าอยู่ประจำกับตัวเค้าไม่ต้องเที่ยวไปไขว่คว้าให้เหนือยยาก คนเราฝันต่างกัน เวลาจะใช้ท่านว่าหลังจากบูชาองค์ปฐมแล้ว ก็ให้หันด้านดวงดาวนี้แหละกำหนดจิตนึกสิ่งที่หวังที่ฝันเอาไว้บอกไปกับดาวดวงนี้ แล้วก็สวมใส่ไว้แนบชิดติดกายเรา ความสมหวังมันจะวิ่งเข้ามาหาเราเองไม่ต้องเหนื่อยยากแสวงหาอะไร ดีกว่าดาวยศ ดาวค้ำ เพราะนี่คือดาวสำเร็จ
    - กุมารีอินทรมิตา ท่านว่าจากที่ท่านเสกวิชากุมารทองทั้งหลายมา เหนือกว่ากุมารก็ต้องกุมารี นี่เค้าขยันกว่า ว่านอนสอนง่ายกว่า เเรงฤทธิ์มากกว่า เมื่อจะทำกุมารีองค์นี้ขึ้นมาพ่ออาจารย์ท่านได้เชิญญาณชุมนุมเหล่าเทพยดาเพื่อหาดวงจิตที่เหมาะสมลงมาอุบัติรูปเป็นกุมารี ท่านว่าท่านเองนั้นก็คาดไม่ถึง ด้วยว่าท้าวสักกะหรือองค์อมรินทร์จอมเทพนั้นท่านจะเมตตาแบ่งพระภาคลงมากำเนิดเป็นเป็นกุมารีอินทรมิตา ท่านว่านี่แหละดีนัก ตัวช่วยพระองค์นี้จะแรงและไวมาก กุมารีอินทรมิตานี้จะไปไหนทำงานอะไรให้พ่อให้แม่ก็จะไว ด้วยมีศักดิ์สูงไปที่ไหนเทวดาเปิดทางหมด ให้ความเคารพทั้งหมด เข้าได้ทุกที่ ภูติปีไม่ต้องไปพูดถึง ถ้าจะบนให้บนด้วยดอกไม้เครื่องหอม น้ำอบน้ำปรุง ถ้าจะบนกิจการใหญ่โตให้บนด้วยชุดไทยชุดสไบทอง เวลาจะขออะไรท่านก็ไม่ต้องคิดมากนึกถึงพระอินทร์ไปเลยท่องสหัสเนตโตๆจนจิตนิ่ง บอกกุมารีอินทรมิตา อยากได้อะไรก็ขอเลย

    เมื่อสำเร็จเป็นองค์พระแล้วท่านยังได้เสกเก็บในฤกษ์มหาเศรษฐีทั้ง 5 เน้นเฉพาะที่ชนเข้ามหัทธโนฤกษ์จริงๆ เชิญประชุมพระเวทย์และพระธรรม เชิญองค์ต้นธาตุต้นธรรม เชิญพระองค์ยอดแก้วต้นธรรมอย่างสมเด็จองค์ปฐมลงมาเสกลงมาควบคุมประจุธาตุและธรรมเอง

    พระรุ่นนี้พ่ออาจารย์ปลุกเสกมานานนับปี ไม่ค่อยออกให้ใครได้บูชาด้วยว่าต้องการจะเลือกเเละมอบประสิทธิให้กับคนที่มีความฝัน ต้องการความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะใครที่ได้ไปก็รวยขึ้นทุกคน หนทางเปิดหมด เมื่อจะนำมาออกท่านก็ได้นำมาโรยผงเทวาประสิทธิ์และเคลือบอย่างดีกันมวลสารจะหลุดร่อนด้วยว่าท่านหวงแหนหนักหนาเพราะเป็นคำข้าวครูบาอาจารย์และเหล่าพระอรหันต์

    คาถา
    โอม นะโม สิทธิกาลัง สวาหุม นาโถธัมโม สังฆัง สังฆา พุทธะคุณณัง ธัมมะคุณณัง สังฆะคุณณัง วะสะทะนะ สัปปะ พุทธสิริ มะอะอุ ธัมมะ สะจัง สะรัง มอะอุ อุอะ ขะมะอะ

    ข้อปฏิบัติ
    คาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม
    นะโม กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วา วะชิรัง นามะ ปะฏิมัง อิทธิธรรมะปาฏิหาริยะกะรัง
    สมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นพุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม

    คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม
    สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา
    นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ

    คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้
    1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเรา การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก
    2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข
    3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง
    4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์
    5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็น จิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชา พระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ
    1) พุทธานุสสติกรรมฐาน
    2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน
    3) สังฆานุสสติกรรมฐาน
    4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    5) อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน
    6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ
    7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆ วันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย
    8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น
    9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้น จิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล
    10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ
    1) สัตว์นรก
    2) เปรต
    3) อสุรกาย
    4) สัตว์เดรัจฉาน
    5) คน
    6) เทวดา พรหม
    โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะ กฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่ เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป

    * ท่านว่าถ้าจะใช้ในแง่เครื่องมงคลนั้น ให้เจริญเพียงคาถาก็พอ แต่ถ้าใครถือข้อปฏิบัติได้จะร่ำรวยดุจมหาเศรษฐีแห่งพุทธกาลที่สมบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม
    * องค์พระเหลือให้บูชาเพียง 16 องค์เท่านั้น ด้วยว่าไม่ค่อยออกให้ใครได้บูชา ด้วยว่าต้องการจะเลือกเเละมอบประสิทธิให้กับคนที่มีความฝัน ต้องการความสำเร็จอย่างแท้จริง ถึงขั้นมหาเศรษฐี เพราะใครที่ได้ไปก็รวยขึ้นทุกคน หนทางเปิดหมด จะเปิดให้จองบูชาเฉพาะทางPM เท่านั้น บอกเล่าความฝันความสำเร็จที่ต้องการมาจะอนุมัติเป็นรายคนไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระซุ้มเจ้าสัวสมเด็จองค์ปฐมวิสุทธรังษีสิกขีโพธิญาณ(พระป้อนข้าวป้อนคำ) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • newchin9.jpg
      newchin9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      77
    • namo.jpg
      namo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.8 KB
      เปิดดู:
      88
    • 268_1264209126_jpg_122.jpg
      268_1264209126_jpg_122.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.4 KB
      เปิดดู:
      96
    • imagesCACMX3I7.jpg
      imagesCACMX3I7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      68
    • in_4.jpg
      in_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.4 KB
      เปิดดู:
      75
    • SAM_48061.jpg
      SAM_48061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      93
    • SAM_48091.jpg
      SAM_48091.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      108
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ตะกรุดผูกเงื่อนพันธะมหาสัญญา(วิชาท้ามหาพรหมสนังกุมาร)

    ตะกรุดผูกเงื่อนพันธะมหาสัญญานี้เป็นยอดตะกรุดที่ใช้ได้หลายทาง พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเป็นวิชาในสายสัญญาด้วยส่วนหนึ่ง เนื่องจากคนเรานั้นปราศจากสัญญาในจุดนี้ ไม่มีความจำได้หมายรู้ เวลาจะทำอะไร แม้บางครั้งอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ไม่ช่วยเหลือ เพราะว่าไม่เคยมีพันธะต่อกันมาก่อน ดังนั้นแต่ละพระองค์จึงไม่ถือเป็นธุระไป

    ตะกรุดนี้เป็นวิชาในสายมหาพรหมของท้าวสนังกุมารพรหม ด้วยว่าอยู่เหนือกฏธรรมชาติใดๆ โดยตัววิชาเองได้ผูกเงื่อนสร้างพันธะในส่วนของมหาสัญญาขึ้นมา เมื่อสัญญาก่อเกิดแล้ว ความผูกพันธ์ ความช่วยเหลือเกื้อกูลก็จะตามมา

    เนื่องจากหลายคนประสบเหตุทำนองเดียวกัน พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ทำวิชานี้ขึ้นมา ด้วยว่าจริงๆวิชานี้มีดีอยู่หลายด้านแต่จะหนักไปทางเสน่ห์และโภคทรัพย์พร้อมๆกัน ท่านว่าไม่ใช่เพียงเท่านั้น คนใช้จะดูมีราศีมีหน้ามีตามากขึ้น พูดได้ง่ายๆว่าดูดี ในส่วนของวิชาเงื่อนพันธะมหาสัญญานี้ จะต่างจากวิชาอื่น พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพอมีสัญญาเกิดระหว่างกัน นอกจากขออะไรแล้วฟ้าจะสงสารเทวดาเขาจะเห็นใจ นอกจากนี้คนที่ยังโสดก็จะมีคู่ จะมีดวงเรื่องคู่ครอง ปรารถนาใครก็อธิษฐานเอาเลยเพราะสัญญาของเค้าและของเรานั้นได้ผูกเข้ากันแล้ว เรามีสัญญาระหว่างกันเกิดขึ้นแล้ว มันแก้เคล็ดตรงนี้ได้อีกส่วนหนึ่งด้วย คนเกลียดกันไม่รักไม่ลงรอยกัน เค้าจะหายโกรธเกลียดเราทันที

    นอกจากนี้ท่านยังบอกว่าวิชานี้เป็นวิชาในสายพรหม เวลาอาราธนาสวมคอใส่ไปไหนเหมือนเธอครอบศรีษะมหาพรหมลงไว้ในหัวของตนเอง มีแรงครูมหาพรหมซ่อนรูปอยู่กับตัวเสมอๆ จริงๆแล้ววิชาในส่วนของท้าวมหาพรหมแต่ละพระองค์นั้น ส่วนมากจะดีเรื่องเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว อย่าทำตัวเจ้าชู้ที่ไหนเลยนะ อย่าไปให้ความหวังใคร เพราะเค้าจะรักจะปรารถนาเราได้ง่ายๆ

    เวลาลงนั้น ท่านว่าหายากทำยากมากนักเพราะต้องลงในยามที่ดาวเกตุสถิตย์เป็นฐานของวันเวลานั้น และต้องชนเข้ากับฤกษ์อันเป็นศุภมงคลด้วย พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า เพราะว่ามนุษย์นั้นด้วยว่าบางคนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจช่วยเหลือเกื้อกูลใดๆได้ ดังนั้นท่านจึงดึงอำนาจของดาวเกตุมาช่วยโดยตรงเพื่อเสริมเข้าไปอีกแรง ให้นามสัมพันธุ์กับรูป จิตวิญญาณสิ่งลี้ลับตลอดจนทวยเทพต่างๆสามารถสื่อสารและเข้าถึงผู้บูชา ซ้ำติดตัวไว้จะได้มีญาณหยั่งรู้ในตัวเองที่แม่นยำขึ้น

    ซึ่งท่านว่าตะกรุดแต่ละดอกนั้นมีอักขระมากกว่า1,000อักขระ ถ้าท่านเองไม่ทำตอนนี้ ตอนที่กายสังขารยังพอจะทำไหวทำได้ ต่อไปก็คงไม่มีโอกาศได้ทำเป็นแน่ พ่ออาจารย์ท่านต้องค่อยๆเอาแว่นขยายส่องไปจารไปเพื่อจะให้ได้ดอกตะกรุดที่มีขนาดเล็กที่สุด สองนิ้วบ้าง สามนิ้วบ้างก็ดี ท่านว่าทำดอกใหญ่ๆไปมันจะหนักคอคนห้อย เขาจะไม่อยากพกกัน

    วิชานี้แต่เดิมนั้นก็เป็นเสน่ห์อยู่มากแล้ว แต่พ่ออาจารย์นั้นท่านได้เสริมอาถรรพ์ขั้นรุนแรงเข้าไปในตะกรุดอีกโสตหนึ่ง กล่าวคือท่านได้บรรจุสิ่งของมงคลที่ให้พลังขับเคลื่อนทางด้านมหาเสน๋ห์ขั้นรุนแรงไว้ภายในตะกรุดอีกทีหนึ่งด้วย ได้แก่
    - สีผึ้งพ่อครูประกำช้าง หมอส่วยชาวสุรินทร์ ครูผู้เฒ่าที่เคยสอนคาถาอาคมให้กับพ่ออาจารย์ท่านคนหนึ่ง ซึ่งเจนจัดในด้านวิชามหาเสน่ห์มาก สามารถมีภรรยารุ่นสาวคราวลูกคอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ในบ้านได้ทีเดียวตก 20 คน ซึ่งสีผึ้งนี้เป็นสีผึ้งเก่าของท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่าครูส่วยครูปะกำช้างนี้ มีดีในตัวมาก ขนาดช้างซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายยังเชื่องจนยอมทำตาม ใจช้างนะนั่น ใจคนจะไปเหลืออะไร สีผึ้งนี้ดีด้านเสน่ห์แน่ๆ ท่านหุงของท่านไว้มา 30 จะ 40 ปีเเล้ว ไม่มีผีไม่มีพรายใดๆทั้งสิ้น มีแต่ว่านยา น้ำมันอาถรรพ์ช้างตกมัน ไม่มีส่วนประกอบใดๆของมนุษย์ แรงด้วยว่านยาและอำจาจพระเวทย์คาถาของท่าน ซึ่งสีผึ้งนี้พ่ออาจารย์ท่านอุดไว้แบบล้วนๆ หัวเชื้อเลยไม่ได้ผสมอะไร
    - ผงโยนีมหาเสพย์ เป็นผงที่ลบเอายันต์วิชาแม่กำเนิด สายโยนีโลกีย์กามตัณหาล้วนๆ ซึ่งผงนี้เป็นของครูเฒ่าท่าน เป็นวิชาในสายฤาษี การเสกการปลุกและอักขระคาถาจึงทะลึ่งมาก พ่ออาจารย์ท่านเรียนไว้แต่ไม่เคยนำมาทำ เพียงแต่รับผงเก่าของครูอาจารย์มาเก็บไว้ ซึ่งก็ได้หยอดเป็นหัวเชื้อลงไปในตะกรุดทุกดอก ท่านว่าแรงและดีเสมอชื่อเลยนั่นแหละโยนีมหาเสพย์แปลกันเอาเอง
    - ว่านดอกทอง เป็นว่านดอกทองที่พ่ออาจารย์ปลูกด้วยคุณวิชารดด้วยน้ำมนต์ของท่านตามวันและเวลายามมงคลต่างๆ ซึ่งท่านจะหวงว่านดอกทองชนิดนี้เป้นพิเศษ ได้นำมาแช่ในน้ำมันภูติพระเจ้าแล้วแบ่งส่วนมาฝังในตะกรุดนี้
    - น้ำตาปลาพะยูน มหาเสน่ห์แดนใต้ เป็นของเก่าที่ท่านได้ตกทอดมา ได้มาตามตำราไม่ใช่วิธีทรมานสัตว์อันจะทำให้กรรมตกแก่ผู้ใช้แน่นอน น้ำมันชนิดนี้ว่ากันว่าเป็นเสน่ห์ลุ่มหลงหนกหนามีอาถรรพ์เหนือกว่าน้ำมันพรายเสียอีก หาของแท้ยากมาก ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้หยดลงไปในตะกรุดด้วย
    - น้ำมันช้างตกมัน ของครูหมอส่วยเก่า ที่เรียกว่ากัวเผาะ หาง่ายแต่เอายาก เพราะเวลาช้างตกมันนั้นมันพร้อมที่จะเหยียบจะแทงควาญช้างให้ตายคาที่ น้ำมันช้างย้อยก็เรียก เป็นน้ำมันที่ให้ผลทางด้านเสน่ห์สูงและรุนแรงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งกล่าวกันว่ามีอาถรรพ์และอานุภาพรุนแรงกว่าน้ำมันพรายด้วยเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านก็ได้หยดไว้ให้ในตะกรุดทุกดอก

    มวลสารทางมหาเสน่ห์นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าบรรจุลงไปไว้ในตะกรุด ด้วยว่าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นของลามกอนาจารแต่อย่างใด คนเรามีเสน่ห์มันก็ดีไป 108 พันเรื่อง เมตตา โชคลาภ ทรัพย์สินจะให้มันไหลเข้ามาก็สุดแต่ใจ ท่านว่ามวลสารดอกหนึ่งนี้เอาไปผสมสร้างพระได้เป็นร้อยองค์ สุดแต่ใครจะเอาไปใช้ แต่แรงกว่า ดีกว่าคุณผีคุณพรายแน่นอน มีแต่คุณว่านคุณยา คุณของอาถรรพ์ทางธรรมชาติทั้งสิ้น

    ตะกรุดนี้ให้เอาติดตัวกันไว้ ท่านว่าดีนัก มันจะช่วยลบและกลืนกินความมัวหมองในร่างกายของเรา ด้วยวิชาพรหมนั้นเมื่อถือไว้ก็เป็นสง่าราศีอยู่มากแล้ว ตอนเสกเสร็จท่านว่าเห็นรัศมีขององค์ท้าวมหาพรหมอยู่ในตะกรุดทุกดอก รัศมีนี้คือแสงสว่างที่เรืองไปได้ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล ด้วยรัศมีพรหมนี้จะท่องเที่ยวไปในมหาทิศใด ก็สุดแต่ใจปรารถนาเถิด เปิดกันให้หมดเลย ไม่มีอะไรขวางกั้น ใช่แต่ดีเรื่องเสน่ห์ จะแสวงหาโชคลาภใดๆก็บนบอกกับท่านได้ ตะกรุดนี้เป็นตะกรุดสายเสน่ห์ขั้นสูง

    ตะกรุดผูกเงื่อนพันธะมหาสัญญานี้ อย่าเอาไปใช้เล่นๆ แค่พกติดตัวแม้ไม่อธิษฐานหรือภาวนาคาถาใดๆก็เป็นสิริมงคลอย่างสูงแล้ว มันจะดึงสัตว์ ดึงคู่ ดึงสิ่งที่เราปรารถนา ทั้งโชคลาภ ให้เข้ามาหาเราเอง ด้วยอำนาจแห่งพระยันต์และพระเวทย์นั้นได้ผูกเอาไว้หมดแล้ว จากที่ไม่เคยมี ก็มีได้ เพราะเราแก้ทางแก้อาถรรพ์ไว้แล้วด้วยการผูกการสร้างขึ้นใหม่

    เมื่อจะใช้ให้อาราธนาคาถาเรียกพันธะสัญญาเข้าตัวเราก่อน แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเสมือนสูบวิชาเข้าไป(ทำด้วยกำลังใจ)ดังนี้
    เอหิธาตุระภูตานัง เนวะสัญญา นะสัญญายะตะนะ กายายะ อินทรีจิวะรัง มะมะ
    (เมื่อภาวน่แล้วท่านว่าก็สุดแล้วแต่จะอธิษฐานใช้เลย ไม่ว่าจะด้านไหน เสน่ห์ทางชู้สาว เมตตา เข้าหาผู้ใหญ่ โชคลาภ หาลาภ สู้คดีความและอื่นๆ ขอให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นมนุษย์เถิด จะใช้ด้านไหนก็ได้ทั้งนั้นตามแต่จะอธิษฐาน เพราะพันธะสัญญาและวิชาพรหมได้เข้าไปอยู่ในตัวเราแล้ว)

    ตะกรุดนี้ผมได้ลองขอทำบุญบูชามาดอกหนึ่ง แต่ท่านไม่อนุญาติ ท่านว่าพอแล้วเอาไว้ให้คนที่เค้ามีปัญหาทางนี้ วิชาสายสัญญามันทำยาก อย่าเอาไปเล่น ก็เลยอดไปตามระเบียบ ซึ่งตะกรุดนี้สร้างไว้ทั้งหมด 16 ดอก ใครจะบูชาก็ส่ง PM บอกเล่าปัญหาของตัวเองมา

    * พ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานไว้ ใครที่มีบุญได้วิชาของครูบรมพรหมท่านไปสงเคราะห์เวรกรรมของตัวเอง ก็ขอให้เจ้าของที่แท้จริง แม้จะอยู่ที่แห่งหนไหน เค้าได้มาเจอ มาเห็น มารับไป ซึ่งจะมีได้เพียง 16 คนเท่านั้น

    * ปัจจัยร่วมทำบุญสร้างเสนาสนะสงฆ์ในถิ่นทุรกันดาร

    ตะกรุดผูกเงื่อนพันธะมหาสัญญา(วิชาท้ามหาพรหมสนังกุมาร) ดอกละ 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทร

    สืบเนื่องจากในอดีตนั้นท่านเคยทำเครื่องมงคลที่เกี่ยวกับสายบารมีขององค์อนันตนาคราช มหาพญานาคดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นโคตรบรรพบุรุษในมหาตระกูลสี่สายใหญ่ของเหล่านาคราชทั้งปวง ในวิถีญาณที่ได้สัมผัสพบเจอกับองค์อนันตนาคราชนั้น ท่านมีโอกาสได้รับรู้ถึงของวิเศษสิ่งหนึ่งที่พระองค์ผู้เป็นโคตรวงศ์จอมบาดาลได้พกติดพระวรกายตลอดเวลา นั่นก็คือมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทร ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเองก็แคลงใจไม่น้อยว่าจอมพญานาคที่กล้าท้าเหล่าเทวราชทั้งหลายให้มาประลองฤทธิ์เล่นกัน จอมนาคที่เหล่าเทวดาชั้นผู้ใหญ่เกรงกลัวไม่มีใครกล้าสู้ฤทธานุภาพเช่นท่านจะพกสิ่งวิเศษเล็กๆทำไม

    ด้วยว่าองค์อนันตนาคราชนี้คือพญานาคที่ทรงฤทธานุภาพสูงสุด มีกำเนิดเป็นพี่น้องที่เหลือรอดเพียงตนเดียวขององค์ครุฑพญาสุเรนทรชิต มีฤทธานุภาพไม่ด้อยกว่าหรือเป็นรองกันแต่อย่างใด เป็นทั้งนาคราชอาสน์พระวิษณุประทับ ซ้ำยังได้รับพรพิเศษเป็นเอนกอนันต์ประการจากพระผู้เป็นเจ้าทั้ง 3 อยู่เนื่องๆ ลำพังฤทธิ์อำนาจของพระองค์หากเกิดความพิโรธขึ้นมาจะล่มฟ้าจมดินทำลายโลกให้เป็นจุลมหาวิจุลภายในชั่วเวลาพริบตาหนึ่งเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะทรงฤทธานุภาพถึงปานนั้น เพราะเชื่อว่าเป็นการแบ่งพระภาคถาวรมาเกิดเป็นจอมนาคราชของพระวิษณุนารายณ์ ก็แล้วทำไมบรรพบุรุษนาคพันธุ์ในตำนานถึงต้องทรงมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรคล้องติดพระวรกายดุจสายสังวาลย์ไว้ตลอดเวลาด้วย

    เมื่อสงสัยพ่ออาจารย์ท่านก็ได้เล่าว่า ท่านเพ่งดูก็พอจะรู้ว่าของวิเศษนี้มีฤทธานุภาพมากไม่ใช่ของธรรมดาแต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี จึงต้องเรียนสอบถามให้หายเคลือบแคลง ซึ่งพระองค์ก็ได้ให้ความกระจ่างว่า มหานาคบ่วงบาศก์นี้เป็นของวิเศษประจำพิภพบาดาล การเกิดขึ้นของสิ่งวิเศษคู่พิภพนี้อาจจะเกิดได้พร้อมกับวาระการกำเนิดของภพ หรือหลังจากนั้นไปแล้วอย่างสวรรค์ก็จะมีวชิราวุธ โลกมนุษย์ก็จะมีมหาจักรรัตนะมณีเช่นนั้น พิภพบาดาลก็เช่นกัน มีมหานาคบ่วงบาศก์อันประเสริฐนี้เกิดมาเพียงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นของวิเศษคู่พิภพบาดาลเราจึงนำติดไว้ประจำกายตลอดมา ด้วยว่าเป็นสิ่งวิเศษสูงสุดเป็นที่ปรารถนาแย่งชิงของเหล่านาคราชทั้งหลาย แม้แต่องค์อินทราเทวราชยังต้องพระทัยต้องการจะนำไปไว้ในดาวดึงส์ เราจึงต้องนำมาไว้กับตัว ท่านทั้งหลายที่ต้องการถึงจะเกรงใจเราบ้าง

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าหลังจากนั้นท่านก็ได้ทราบว่า มหานาคบ่วงบาศก์นี้คืออาวุธที่ร้ายแรงสูงสุดชนิดหนึ่ง หากรัดสิ่งใดแล้ว องค์อนันตนาคราชไม่ทรงพระเวทย์คลายออกก็จะรัดกัดกินแน่นเข้าไปเรื่อยๆทำให้เกิดความทรมานเหมือนร่างกายจะแตกดับเป็นธุลีแม้แต่องค์ครุฑพญาสุเรนทรชิตที่มีอานุภาพเสมอพระผู้เป็นเจ้านั้น ก็ไม่มีอานุภาพพอที่จะรอดพ้นมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้

    พ่ออาจารย์ท่านจึงเรียนถามไปด้วยความสงสัยว่า มันวิเศษอย่างไรกัน ก็แค่นาคบาศก์ปกติจะกลัวองค์ครุฑหนักหนา พญานาคราชที่ไหนก็มีกันทุกตน พระองค์ท่านจึงตอบให้กระจ่างว่า อันมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนั้น แตกต่างจากนาคบาศก์ทั้งหลายทั่วไปราวปลายฟ้ากับก้นเหวลึก เมื่อเรามาอยู่พิภพบาดาลนั้นได้ครอบครองมหานาคบ่วงบาศก์เป็นเครื่องพิชัยยุทธ์ของเรา มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงศ์บาดาล ของผู้เป็นเจ้ามหาชีวิตในนครบาดาลไป หลังจากนั้นวงศ์บาดาลก็แบ่งแยกเขตแดนแตกกระจายออกไปมากมาย ด้วยว่าลูกหลานของเรานั้นมีมาก พญานาคราชชั้นสูงระดับเจ้านครแต่ละตนนั้นก็จะบำเพ็ญตบะด้วยบารมีของตนเองเพื่อให้กำเนิดบ่วงบาศก์ขึ้นมา เป็นบ่วงนาคบาศก์คู่บารมีของตน ประจำนครบาดาลของตน ด้วยถือว่าเมืองบาดาลทั้งหลายที่แบ่งแยกออกไปก็ต้องการจะมีของวิเศษประจำพิภพบาดาลไว้ระลึกนึกถึงบ้าง ซึ่งฤทธานุภาพของนาคบาศก์แต่ละเส้นนั้นก็เป็นได้เพียงอานุภาพอันเกิดจากตบะของราชาพญานาคทั้งหลายเหล่านั้น ที่ท่านบอกว่านาคบาศก์ในชั้นหลังนั้นสู้ครุฑชั้นปลายแถวไม่ได้ก็เป็นเช่นนี้ แต่หากพญานาคนั้นมีตบะมีบารมีสูงก็จะให้กำเนิดบ่วงนาคบาศก์ที่มีฤทธานุภาพสูงขึ้นมาพอจะสู้กับครุฑจับกุมครุฑได้ก็มีถมไป ท่านอย่าได้เอานาคบาศก์ที่เกิดจากตบะญาณนั้นมาเทียบกับของวิเศษประจำพิภพบาดาลเลย มันไกลกันนัก แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ท่านก็ยังไม่สามารถสร้างนาคบาศก์ที่มีฤทธิ์เสมอมหานาคบ่วงบาศก์นี้ได้

    พ่ออาจารย์ท่านเมื่อทราบความเป็นไปจึงได้มีความสนใจและขอเรียนเคล็ดวิชาพันธนาการของมหานาคบ่วงบาศก์นี้ ซึ่งองค์อนันตนาคราชท่านก็ยินดีที่จะถ่ายทอดให้ จนกาลเวลาผ่านมาท่านมีดำริและได้สร้างสิ่งวิเศษขึ้นมาอย่างหนึ่งด้วยวิชาที่ได้รับการชี้นำมา ซึ่งวิชาการทำตะกรุดตำรับนี้เป็นตำรับที่ว่าด้วยสิ่งวิเศษที่ทรงมหิทธานุภาพสูงสุดแห่งพิภพบาดาล เอาชื่อตรงของอาวุธวิเศษนั้นมาใช้ เรียกว่ามหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำเเผ่นตะกั่วลงถมมาลงพระยันต์นาคบาศก์เต็มสูตรและเดินพระมนต์เพื่อให้เกิดฤทธานุภาพเป็นเอนกอนันต์ประการล้อมไว้ จากนั้นจึงนำแผ่นเงินลงถมของเก่าที่ท่านทำเก็บไว้มาลงอักขระพระเวทย์ผูกมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรขององค์อนันตนาคราช เรียกว่าแผ่นเงินชั้นนอกนี้คือหัวใจของตะกรุดเลยก็ว่าได้

    เมื่อได้ตะกรุดแล้วพ่ออาจารย์จึงนำมาทำการอุดผงสีดำสนิทล้วนๆ ท่านเรียกว่าผงนาคพันธ์ ด้วยว่าตอนท่านได้ผงนี้มาจากถ้ำสมัยธุดงค์นั้น ท่านมีนิมิตรเห็นพญานาคราชทั้ง 4 ตระกูลใหญ่ อันได้แก่
    - ตระกูลวิรูปักข์
    - ตระกูลเอราปัถ
    - ตระกูลฉัพยาปุตต์
    - ตระกูลกัณหาโคตมะ
    ได้พากันเลื้อยเข้าไปในที่อยู่ของผงนี้ทีละตนๆ แล้วก็ไม่กลับออกมาเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดหลายวัน ท่านจึงขอเจ้าถ้ำและเหล่านาคราชทั้งสี่ตระกูลที่ดูแลผงนี้นำผงออกมา ด้วยว่าพ่ออาจารย์ท่านประสงค์จะเก็บไว้สร้างเครื่องรางที่เกี่ยวกับสายนาคราชโดยแท้จริงท่านจึงเรียกว่าผงนาคพันธุ์ เมื่อนำมาอุดตะกรุดแล้วปิดด้วยสีผึ้งท่านว่าดอกเดียวจะมีญาณของเหล่าพญานาคราชมากมายเข้าพิทักษ์รักษา แต่ละตนนั้นก็ครอบครองทรัพย์สมบัติมากมาย ใครที่มีญาณของเหล่าพญานาคอยู่กับตัวนั้นจะร่ำรวยมีโชคมีลาภบ่อยๆถี่ๆโดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังจะเป็นคนมีเสน่ห์ในตัวอย่างมากดั่งเหล่านาคราช มีแต่เพศตรงข้ามที่มีเชื้อสายดีเป็นชนชั้นสูงปรารถนาจะเข้าหามาทำความรู้จัก ยิ่งบรรจุไว้ในตะกรุดมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ต้องกลัวสิ่งใดจะข่มเราได้ ไม่ว่าจะบารมีองค์ครุฑหรือสิ่งใดๆก็ตาม ข่มไม่ลงทั้งสิ้น

    เมื่อจะเสกท่านได้เชิญองค์อนันตนาคราชมาลงเสกแฝงฤทธิ์บ่วงนาคบาศก์เส้นเอกของพระองค์ท่านลงไป ซ้ำเมื่อเสกเสร็จยังมีนิมิตรเห็นเหล่าราชาพญานาคมากมายพากันเลื้อยลงไปยังตะกรุดนี้นับร้อยพันเป็นเวลาติดต่อกันถึงสามคืน ดุจจะพิทักษ์รักษามหาสมบัติแห่งพิภพบาดาล และมาให้คุณกับผู้ครอบครองจริงๆอย่างใดอย่างนั้น

    ตะกรุดนี้มีอานุภาพมากประดุจว่ามหานาคบ่วงบาศก์นี้จะรัดจะคลายสิ่งใดในโลกก็ได้ทั้งคุ้มครองป้องกันภัยจากศัตรูที่มีอำนาจมาก ก็ดูองค์สุเรนทร์มหาครุฑท่านยังกลัวบ่วงบาศก์นี้แค่คนจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ทำอันตรายเราไม่ได้ จะรัดสิ่งใดเข้ามาไว้กับตัวก็ได้ทั้งนั้นจะใช้เล่นทางเสน่ห์ ทางแสวงหาทรัพย์ จะสะกดอสูรกายภูติผีเทวดาเกเรใช้ได้ทั้งหมด ท่านให้คาถาและวิธีใช้มาพร้อมแล้ว

    เมื่อจะใช้ให้ตั้งจิตให้ดี กราบพระเสร็จค่อยทำ ปรารถนาจะให้มหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้รัดรึงสิ่งใดตั้งจิตให้ดี นึกถึงสิ่่งที่เราปรารถนาต่างๆโดนบ่วงบาศก์นี้มัดคล้องไว้ไม่คลายออกไม่ว่าจะเป็นแก้วเเหวนเงินทอง ความรักการงาน ศัตรูหรืออะไรก็ตาม ตามแต่ที่เราจะนึก กำหนดรูปขึ้นมารัดมันเอาไว้ ถ้าเป็นโชคลาภการงานความรักหญิงสาวมันก็จะมาหาเรา เป็นคนก็จะผูกใจไว้กับเราไม่ไปไหน ถ้าเป็นศัตรูมันก็จะโดนทำลายไปเองหรือในระหว่างที่เรามัดมันไว้มันก็จะคิดร้ายทำอันตรายใดๆกับเรานั้นไม่เกิดผลเลย เมื่อใช้เสร็จปรารถนาจะคลายบ่วงบาศก์ออกเมื่อใดจากสิ่งที่เราพันธนาการไว้ ก็ให้ว่าคาถาคลายออก อย่าเอาไปทำเล่นๆต้องการสิ่งใดค่อยหมั่นทำหมั่นบริกรรมจะได้ไม่เป็นเวรกรรมแก่ตนเอง ท่านว่าการรัดนั้นจะแรงเท่าความปรารถนาเท่ากำลังใจของเราเอง

    ลำพังพกไว้เฉยๆก็มีอานุภาพมากมายเป็นที่เกรงกลัวของเทพยดาและเหล่าภูติผีอสุรกายทั้งปวงมากพออยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นสัญลักษณ์มงคลปรับธาตุปรับขันธ์ให้สมดุลย์กันไม่มีโรคภัย เป็นสัญลักษณ์ของการมีกินไม่รู้หมด ต่อยอดออกไปเรื่อยๆถึงขั้นเป็นคหบดีมหาเศรษฐี ผู้ใดที่มีมหานาคบ่วงบาศก์คล้องไว้กับตัวจะดึงดูดโชคลาภและสิริมงคลชั้นสูงมาสู่ตัวเองแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    วิธีใช้
    ให้ภาวนาคาถากำกับดังนี้
    (ภาวนาบูชา) มะเรนะโส นัง ตะตะ มังมัง รักขันตุ ราชะราชัง สัพพะนาคานัง ปิโยเทวะมะนุสสานังนะ นะมะพะกะ สะตะมุ นะมะปัตติโย วิโมมะมะ พะกะสะ ปิโยนาคะ ตะสุปันนานัง พะพะมะกะสะ ปิยินทรียังนะมามิหัง ทะมะพะกะสะ อะหังพันธะโต อะหังพันธตัง ปะกาทียังปะสาทานิ

    (ปลุกมหานาคบ่วงบาศก์) อสีสะติ ธาเจวะ สัพเพเต อาวุธานิจะ ภัตตา สิ จุนานิ โลมังมาเป นะผุสสันติ นะมิหัง เสพุ เสวะ เสตะ อะเส อุทัง อะโททัง อะโทอุทัง โทอุทัง อะจิปิเสติ มะอะอุเสวะ พรหมมะหัสสะปาทา ปฏิเสวามิ จะวากัสสะ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ อรหังสุคโตภควา กายะสิทธิสวาหะ ประสิทธิเม

    (ปลุกใหรัดกำหนดรูปทางเสน่ห์ใช้กับคนที่สูงเกินเอื้อมดีนัก) ปิโยเทวะ มนุสสานิ อิตถี ราชัง ปิยังมะมะ ปิโยพรหมมานะมุตตะมัง ปุริสะราชัง ปิยังมะมะ ปิโยนาคะสุปัณณราชา ราชัง ปิยังมะมะ ปินินทรียัง มหาเสน่หัง ปิยังมะมะ

    (ปลุกกำหนดรูปให้รัดสิ่งต่างๆไว้กับตน )อิติจาหิ ทเปสิตาวะอิเทวัตถิจาหิ อุตตะ คุตโตยะ พันธนัง ติฏฐันติเตชะสา พุทธานุภาเวนะ ธัมมา สังฆา อิสรา นาคานุภาเวนะ ติถันติ พุทธัตเตนะ ธัมมัสสีคัตเตนัง อิมังกายยะพันธนัง อธิฏฐามิ

    (คลายออก) ระชุทา สังระชุทันทะพันธา ปะมุนทันติ

    เมื่อได้ไปแล้วให้หาหลอดเลี่ยมไว้ แล้วนำมาแช่ในภาชนะที่ใส่น้ำสวดบูชาเรื่อยๆพ่ออาจารย์ว่าจะยิ่งมีฤทธิ์มากขึ้นไปอีก ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าไปในตะกรุด และหากจะใส่ก็อาราธนาสวมคอดุจเราคาดสายสังวาลย์มหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรไว้ เมื่อถอดออกก็นำมาวางไว้ในภาชนะที่บรรจุน้ำที่เดิม แนะนำว่าไม่ควรเปลี่ยนที่ และเหล่านาคราชที่อาศัยในอาณาบริเวณที่เราอยู่นั้น จะค่อยๆเริ่มมาบูชาตะกรุดเอกของวงศ์บาดาลนี้เอง เค้าจะนำสิ่งดีๆมาสู่ผู้บูชา

    * ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านทำไว้เพียง 16 ดอก ท่านอธิษฐานให้ผู้ที่มีบุญผูกพันธ์กับสายบารมีเคยมีพระชาติร่วมพงศ์ในวงศ์บาดาลจริงๆเป็นลูกหลานของเหล่านาคราชได้ไปครอบครอง ลูกหลานคนไหนที่มีความประสงค์จะเอาไปใช้มีความต้องการบ่วงบาศก์นี้ก็ค่อยขอบูชามา เพราะทำยากมากนัก ผงนาคพันธุ์ก็หมดแล้วจึงมีแต่รุ่นหนึ่งไม่มีรุ่นสอง
    * เปิดรับจองทาง PM เท่านั้น รายได้ท่านจะนำไปสมทบทุนร่วมสร้างบันไดพญานาคอันมีในศาสนสถานตามวัดต่างๆในชนบทต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทร ดอกละ 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9j.jpg
      9j.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.1 KB
      เปิดดู:
      1,595
    • SAM_48341.jpg
      SAM_48341.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      106
    • SAM_4835.JPG
      SAM_4835.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      87
    • 1353993131.jpg
      1353993131.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.6 KB
      เปิดดู:
      125
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2015
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อพระมเหศวรศดาศิวะเจ้า(ครูพระสยม)

    ที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบดีว่า ในหมวดหมู่ครูใหญ่ฝ่ายพราหมณ์ของพ่ออาจารย์ท่านนั้น ท่านนับถือพระศิวะให้ความเคารพเเละยำเกรงสูงสุด

    ท่านมักจะพูดเสมอๆว่า ครูองค์นี้ถ้าเราทำขึ้นให้แก่ผู้ใด เขานับถือเขาบูชาด้วยใจ ต้องได้ดีเสมอกันหมด

    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่า ในศาสตร์สายนี้ศิวรูปถือเป็นต้นกำเนิดแห่งจักรวาลมีความหมายอยู่ในรูปของพระองค์เองในทุกสัดส่วนของพระวรกาย และไม่ค่อยมีใครจัดทำให้เด่นเป็นเอกลักษณ์กันมากนัก เพราะเหตุผลคือกลัวอันตรายอันจะเกิดเเก่ผู้สร้าง เพราะสร้างแบบไม่รู้เเละไม่เข้าใจ จึงทำให้รูปของพระศิวะนั้นไม่ค่อยมีที่ใดดำเนินการสร้างเป็นวัตถุมงคลเท่าไหร่ ทั้งๆที่เป็นประมุขแห่งทวยเทพและดำรงค์ฐานะพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด

    พ่ออาจารย์นั้นท่านมีญาณสื่อถึงมหาญาณของเสด็จปู่อยู่นานเเล้ว ศิษย์ทั้งหลายจะทราบกันดี เวลาทำอะไรท่านจะเชิญท่านจะมาช่วยกันทำทุกครั้ง ในครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นิมิตรให้สร้างพระรูปของพระองค์ท่าน ท่านว่าให้ทำไว้เพื่อเผยแพร่บารมี เหรียญของเรานี้ใครเอาไปท่านจะไปจุณเจิมช่วยเหลือยื้อยุดฉุดรั้งดึงขึ้นจากความเสื่อมโทรมทุกผู้ทุกนาม

    เหตุเเละที่มาแห่งนามเหรียญหล่อเศียรครูนี้ คือท่านตั้งให้รู้ให้ทราบกันเลย พระสยมภูวญาณ คือเทพผู้ดำรงค์อยู่ในพระญาณอันประเสริฐสูงสุด เป็นชื่อเฉพาะของเทวาธิเทพมหาเทพ หรือเทพเจ้าสูงสุด เป็นหนึ่งไม่มีสองนั่นเอง

    โดยปกตินั้นจะเข้าใจว่าพระศิวะเป็นเทพเเห่งการทำลายล้าง พระนามนี้อาจจะเป็นที่หวาดกลัวเเละสยดสยองกับผู้ทำชั่วและประพฤติบาป แต่การทำลายล้างของพระองค์เป็นการทำลายสภาวะที่เสื่อมโทรมทั้งหลายให้สิ้นซาก เพื่อให้มีโอกาสเริ่มเกิดสิ่งที่งดงามและสมบูรณ์ต่อไป อันนี้ต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่การทำลายที่นึกอยากจะทำลายอะไรก็ทำลาย ทำลายความดีงาม ทำลายคุณธรรม เช่นนี้ย่อมไม่ใช่ เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง

    ซึ่งต้องเล่าเเต่เเรกเลยที่พ่ออาจารย์ท่านแกะบล็อค เป็นที่มาแห่งเหรียญหล่อองค์พระสยมภูวญาณ ซึ่งมีอาถรรพ์และความเฮี้ยนสูงมาก เนื่องจากหลังจากท่านแกะบล้อคเเล้ว ท่านได้ทำการหล่อ หล่ออย่างไรก็หล่อไม่ติด ท่านจึงอธิษฐานว่า ขอให้ติดเพียงซักองค์เถิด แล้วจะทุบบล้อคทิ้งเลย ก็ปรากฏว่าสามารถหล่อติดเพียงองค์เดียวแล้วต้องทำการทุบบล้อคทันที หลังจากนั้นท่านจึงแกะบล้อคใหม่ เอาเหรียญเดิมที่หล่อได้มาใส่เป็นชนวนและทำการหล่ออีกครั้ง การณ์ปรากฏเหมือนเช่นครั้งแรก เทไปนับสิบครั้งก็ไม่ติด พ่ออาจารย์ท่านจึงพูดขออนุญาติครูใหญ่พระศิวะให้ออกไปช่วยเหลือลูกศิษย์เผยเเผ่บารมีให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากนั้นท่านจึงท่องมนต์พระศิวะขึ้นเสียงดังเเล้วทำการหล่อผลปรากฏว่าหล่อติดทุกเหรียญ หยุดเดินมนต์ตอนไหน องค์นั้นก็หล่อไม่ติด นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก เรียกได้ว่าครูเฮี้ยนตั้งแต่เริ่มสร้างก็ว่าได้

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า เราเองก็นึกว่าขออนุญาติแล้ว ได้รับความเห็นชอบให้สร้างจากท่านโดยตรงเราก็สร้าง ที่ไหนได้ตอนทำจริงยังต้องขออนุญาติอีก ตอนหล่อยังต้องเพ่งจิตเดินมนต์ไปด้วยถึงจะหล่อรูปท่านได้ ยากเอาการเลยทำเหรียญหล่อพระอะไรก็ไม่ยุ่งยากถึงเพียงนี้

    ท่านเรียกเหรียญครูพระสยมว่าเหรียญบล๊อคอวตาร เพราะว่าดูสวยงามเข้มขลังแบบพระโบราณ และการทำก็คือการเสกด้วยวิถีการอัญเชิญทิพย์สภาวะ ทิพย์กายของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดให้ ปรากฏและแบ่งพระภาคลงมาใส่ลงมาแฝงไว้ในเหรียญทุกเหรียญ ท่านว่ารูปเหรียญภายนอกนั้นเราเป็นผู้ทำให้ แต่พลังงานภายในเป็นจิตวิญญาณของพระองค์ท่านล้วนๆ

    ซึ่งเหรียญหล่อนี้เป็นเหรียญหล่อที่สร้างได้ยากมากที่สุด พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า พระศิวะเจ้านั้นชนทั้งหลายพึงเรียกนามท่านว่าโพเลนาถ เพราะพระองค์ท่านเปี่ยมด้วยมหากรุณาธิคุณและคอยช่วยเหลือผู้เคารพบูชาท่านด้วยใจจริงทุกอย่าง ให้ล่วงความทุกข์ ให้พบความสุข ประทานพรศักดิ์สิทธิ์ตามวาระเเละโอกาสที่ผู้ไหว้ผู้เคารพศรัทธาร้องขอด้วยใจ ช่วยเหลือได้ในทุกๆเรื่อง ขึ้นอยู่กับความรักและกำลังใจที่มีให้กับท่าน

    * หากจะถามว่าต้องใช้อะไรบูชา ตอบตรงนี้ว่าใช้ความจริงใจของตนเองบูชาเเละเป็นใบเบิกทางให้เข้าถึง แล้วถ้าถามว่าบูชาไปแล้วต้องท่องคาถาอะไร ท่านว่าก็ต้องใช้ภาษาใจเหมือนเดิม ภาษาที่เราฟังรู้เรื่องเราเข้าใจนี่แหละ เพราะเราจะได้สื่อสารให้เข้าถึงได้มากที่สุด หน้าที่ทำหน้าที่สร้างเป็นของเราส่วนหน้าที่ใช้ก้เป็นของพวกเธอ ใช้ด้วยกำลังใจล้วนๆไม่ต้องยุ่งยากลำบากอะไร

    อันที่จริง พ่ออาจารย์ท่านสั่งเพียงว่าให้ออกให้บูชาเฉยๆ อย่าพิมพ์อะไรมาก เพราะยอดเพชรก็คือยอดเพชร เพชรน้ำหนึ่งยอดมงกุฏจักรพรรดิ์ ต่อให้หาเพชรน้ำงามเพียงไหนมาเทียบก็แข่งคุณค่าในตัวมันเองไม่ได้ คนที่รู้ที่เค้าตามหา เค้าจะรู้ว่านี่คือของมีค่าจริงๆ เค้าจะมาบูชาเองโดยอาศัยศรัทธาของเค้าเชื่อมต่อเข้ามา

    * ก็ขอยกเนื้อหาเก่าของเหรียญหล่อพระสยมรุ่นแรกมาให้ทราบกัน สำหรับรุ่นล่าสุดนี้ท่านแกะแม่พิมพ์ในลักษณะเต็มองค์และสร้างเพียงเนื้อเดียวคือเนื้อธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหลขาว หรือจะเรียกว่าเหล็กนิพพาน วัชรธาตุนำมาผสมปรอทป่าก็ได้

    รุ่นล่าสุดนี้ท่านทำไว้ทั้งหมด 16 องค์ ก็มีทยอยออกให้บูชากันไปบ้างแล้วจำนวนหนึ่งสำหรับท่านที่PM สอบถามเข้ามา ท่านสร้างขึ้นในรูปแบบเต็มองค์ ทรงประทับหนังเสือ โดยสาเหตุที่องค์พระสยมท่านนั่งหนังเสือนี้ ก็มีสาเหตุที่มาจากการกระทำนาฎราช(ร่ายรำ)อันยิ่งใหญ่ในวาระแรกนั่นเอง

    ด้วยว่าศีลธรรมในโลกเสื่อมทรามลง แม้แต่เหล่าฤาษี มุนี ดาบส ยังประพฤติอนาจารไม่อยู่ในศีลในธรรม พระผู้เป็นเจ้าศิวะสังกร จึงได้ชวนพระวิษณุนารายณ์ เสด็จมายังโลกมนุษย์ เพื่อจะทรมานเหล่าฤาษีทุศีลทั้งหลาย โดยองค์พระศิวะนั้นได้แปลงพระวรกายเป็นฤาษีหนุ่มรูปงาม ฝ่ายองค์พระนารายณ์ก็แปลงรูปจำแลงเป็นหญิงสาวสวยงามเป็นภรรยาของฤาษี

    เมื่อพระเป็นเจ้าทั้งสองเข้าไปปฏิบัติธรรมในบริเวณละแวกอาศรมของเหล่าฤาษีทุศีลนั้น ภรรยาทั้งหลายของเหล่าฤาษีก็เกิดหลงเสน่ห์ในองค์พระศิวะเข้าอย่างหัวปักหัวปำ ในขณะเดียวกันฤาษีทุศีลทั้งหลายก็อยากได้นางนารายณ์แปลงนั้นมาไว้เป็นภรรยาของพวกตน ประกอบกับเห็นภรรยาตนไปหลงเสน่ห์ฤาษีหนุ่มเข้าก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง

    จึงได้ใช้ฤทธิ์ส่งงูยักษ์พิษร้ายแรงเข้าไปทำร้ายชีวิตโยคีหนุ่มรูปงาม องค์พระศิวะเจ้าก็ร่ายเวทย์สะกดจับมาประดับพระวรกายเสีย เท่านั้นยังไม่พอเมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ จึงใช้ฤทธิ์ของพวกตน ส่งเสือตัวใหญ่เข้าไปสังหารพระเป็นเจ้า พระศิวะก็ใช้มือเปล่าถลกหนังเสือเอามาปูรองนั่งสบายๆ เป็นเหตุให้ยักษ์มุยะละกะหรืออสูรมูลาคนีซึ่งนับถือเหล่าฤาษีนั้นออกมาช่วย องค์พระศิวะท่านจึงเหยียบยักษ์และกระทำนาฏราชฟ้อนรำไป ภายหลังฤาษีทั้งหลายคลายความเห็นผิดลงพระเป็นเจ้าทั้งสองจึงคืนพระรูปเดิม พร้อมกับประทานโอวาทและแนวทางที่ถูกต้องต่อไป

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าองค์พระสยมบล๊อคนี้ที่นั่งหนังเสืออันเป็นสิ่งของที่ระลึกจากปางนาฏราช ซึ่งพระองค์ลงมาแนะแนวทางการปฏิบัติโยคะในยุคที่ศีลธรรมในโลกเสื่อมทราม จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะทำปางนี้ขึ้นในเวลานี้ ท่านว่าถูกกาล ถูกวาระ ซ้ำยังเป็นปางที่ภรรยาฤาษีนับร้อยยังหลงรูปหลงเสน่ห์ของท่านด้วย ใครได้ไปก็ได้ผลพ่วงด้านเสน่หานี้เต็มๆเพราะพระเป็นเจ้าประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น ในอาณาบริเวณที่ประทับหรือบุคคลรอบข้างต้องได้อานิสงค์เช่นเดียวกันหมด พ่ออาจารย์ว่าคนที่เอาไปใช้บูชาก็คือกัน จะได้ผลทางเสน่ห์เพิ่มเข้าไปด้วย นอกจากนั้นโดยรูปลักษณ์แล้วก็เหมือนพระองค์ทรงสะกดความดุร้าย ความชั่วร้าย และอัปมงคลทั้งหมด ทรงประทับเต็มองค์สะกดอำนาจอันยิ่งใหญ่ลงไว้ได้อย่างง่ายดาย ก็ใครที่ชีวิตยังลำบาก ยังผจญกับเวรกรรม หรือตกอยู่ภายใต้อำนาจ การกดขี่ข่มเหงจากผู้ใดก็ตาม ให้เอาไปบูชา จะหลุดจะพ้นเอง ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหนก็จะแปรเปลี่ยนไปไม่กล้าทำร้ายหรือรังแกเรา

    ในส่วนของการเสก ท่านผูกจิตผูกรูปดุจพญาสมิงภูติอันเป็นบริวารคอยรับใช้ทำงานถวายองค์พระศิวะ พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์นี้ดีด้านบริวารด้วย คุมลูกน้องคุมบริวารอยู่ มีอะไรขออะไรถ้าสมิงภูติเขาช่วยได้ เขาจะรีบทำให้เลย ท่านว่าสมิงภูติที่ลงไว้นี้แรงมากทีเดียว ไม่ต้องบนบานอะไร ถ้าเอาไปใช้แล้วฝันเห็นเสือใหญ่แปลว่าเค้ามาแล้ว ต่อไปทำอะไรก็มีแต่เจริญรุ่งเรือง ซ้ำท่านยังลงวิชาตาไฟประลัยกัลป์ไว้ให้ทุกองค์เป่าประสิทธิ์ไว้ในทุกเหรียญ

    ด้วยเป็นเนื้อธาตุกายสิทธิ์จึงรองรับพลังงานได้มากกว่าปกติและยังใช้ปรับธาตุ ฟื้นฟูพลังงานชีวิตได้ดีอีกด้วย ด้านหลังเรียบท่านลงเหล็กจารทุกองค์ ใครพลาดรุ่นนี้ก็รอกันยาวๆเลย เพราะมีหลายท่านเรียกร้องกันเข้ามาจึงเอาออกมาให้ร่วมทำบุญบูชากัน

    คาถาที่ใช้
    การะปูระเคารัม กรุณาวะตารัม สัมสาระสารัม ภุชะเคนทะระหารัม สะทาวะสันตัม หฤทะยาระวินเท ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ

    * สร้างทั้งหมด 16 องค์ ออกให้บูชาไปบ้างพอสมควร รุ่นนี้ใครจะบูชาก็สั่งจองทางPM ไว้ ถ้าหมดจะแจ้งให้ทราบ

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อพระมเหศวรศดาศิวะเจ้า(ครูพระสยม) เนื้อธาตุกายสิทธิ์ 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา พระมุรุกันไตรโลกาธิบดี (พระขันธกุมาร พระพิฆเนศวร พระพุทธคินาย)

    ต่อไปนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ทั้งหลายจะลำบากยากแค้น คนที่รวยและได้ดีก็จะดีขึ้นและดีไปเลย คนที่ยังจนก็จะก้มหน้ารับเศษกรรมต่อไป พ่ออาจารย์ท่านได้เห็นวิกฤติที่จะพึงเกิด พึงมี ต่อไปในเบื้องหน้า จึงได้ปรารถนาที่จะนำศาสตร์และสรรพวิทยาสร้างเครื่องมงคลขึ้นมา จนความปรารถนานั้น เข้าไปในข่ายพระกรุณาญาณแห่งพระศดาศิวะเทพ ท่านจึงมีโองการให้ทำพระรูปของสกันทะบุตร โดยว่าจะเป็นผู้ปราบยุคเข็ญและปลดเปลื้องสิ่งเลวร้ายอย่างแท้จริง เมื่อได้รับโองการแล้วท่านจึงทำโดยมีความตั้งใจอย่างมาก ที่จะเชิญพระองค์ท่านให้ไปอยู่กับผู้มีความศรัทธา ตั้งใจเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้ดี

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ความจริงแล้ว องค์พระขันธกุมารนั้น ไม่ใช่กุมารกุมารีที่ไหน ต้องทำความเข้าใจหน่อย อย่าไปหลู่เกียรติของพระองค์ท่านว่าเป็นเด็ก ที่เรียกท่านว่ากุุมารนั้นเพราะดวงพระพักตร์มีลักษณะแข็งกร้าว เฉียบคมหมดจด แต่ก็อ่อนเยาว์ประดุจผู้มีอายุน้อย ที่จริงพระองค์คือเทพเจ้าที่มีฐานะสูงในระดับพระเป็นเจ้าพระองค์หนึ่งของมหาจักรวาล โปรดการเสด็จไปทั่วทั้งพื้นพิภพเพื่อช่วยเหลือผู้มีจิตศรัทธาที่ตกยากต่างจากเทพองค์อื่นๆ คนไทยเราก็รู้จักพระองค์กันมานานแล้ว แต่ก็เข้าไม่ถึงและทำไม่ถูกจึงมีอันป่นปี้ย่อยยับไป ด้วยองค์พระสกันทะเทวะนี้ แม้คนต่างชาติต่างศาสนาก็ยังนับถือท่าน คนจีนก็ยังไปยกเป็นสกันทะโพธิสัตว์อันมีบารมีสูงส่ง เพราะท่านค้ำคูณใครนั้นย่อมสูงส่งขึ้นทุกคน ไม่เพียงเเต่ในอินเดีย แม้บรรพบุรุษไทยก็เคารพท่านมานานยิ่งนักหรือจะประเทศต่างๆก็มีตำนานของพระองค์ท่านในรูปแบบที่แตกต่างกันไป พ่ออาจารย์กล่าวว่า รู้จักจตุคามมั๊ย คนไทยพยายามจะสื่อ หาความหมายอ้างกันมั่วไปหมดว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้ ว่าเป็นเทวราชโพธิสัตว์บ้าง ว่าเป็นอวโลกิเตศวร ว่าเป็นอะไรมากมายไปหมด แต่ความจริงในส่วนของท้าวจตุคามก็คือองค์พระขันธกุมารนี่แหละ เมื่อสร้างและทำผิดไป ย้ำคิดย้ำทำเชิญผิดสร้างผิดก็ย่อมวิบัติไปตามกฏแห่งโลก พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าขนาดทำผิดยังมีปาฏิหาริย์มากมาย ศาสตร์แห่งพระองค์นี่ถ้าทำถูกไม่ต้องพอที่จะคิดเลย

    พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าพระองค์คือองค์กำลังของมหาจักรวาลเป็นกำลังขององค์พระศิวะเจ้า(ครูพระสยม)กับองค์ปารวตี(แม่ย่าใหญ่) จะกล่าวว่าพระรูปขององค์พระขันธกุมารคือการรวมของพลังอำนาจสูงสุดของจักรวาลทั้งในฝ่ายเทวะและมหาศักติก็ได้ นี่คือข้อเท็จจริง ก็ไม่แปลกใจเลยว่าอย่างไร ทำไมถึงมีคนเคารพองค์พระขันธกุมารเป็นเอกเทศน์กันมากมายพอๆกับองค์พระศิวะเจ้า แม้เรื่องใดที่เหล่าเทพเจ้ายังถึงทางตันหาทางออกไม่ได้ เมื่อถึงมือองค์มหาเทวะเสนาแล้ว ย่อมคลี่คลายทุกสิ่ง องค์พระขันธกุมารนี่พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าแต่เดิมคนเราเชื่อว่ามีถึง 6 พระพักตร์ 12 พระกร แต่งกายงดงามเหมือนกับองค์พระนารายณ์ แต่พระวรกายหมดจดกว่า

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะสร้างนั้น ท่านได้ขอพระเมตตาจากองค์พระขันธกุมาร ซึ่งท่านได้โปรดให้พ่ออาจารย์ท่านลบผงมุรุกานทวะขึ้นมา ท่านว่าผงนี้ให้ผสมสร้างจะวิเศษนัก พ้นพลังอำนาจในฝ่ายของเทวะขึ้นไปอีกเพราะรวมอำนาจของฝ่ายมหาศักติไว้ด้วย ซึ่งท่านก็ได้ทำตาม โดยลบผงตามสูตรนี้ครั้งละ 12 รอบ เมื่อทำเสร็จจึงจะถือว่าทำได้คาบหนึ่ง ต้องทำให้ได้ถึง 6 คาบ จึงจะสมบูรณ์ หลังจากนั้นท่านนำมาประสระมหาโลหิต จนทองฟ้ามืดครึ้ม มีลมมหาวาตะพัดโกลาหล บรรยากาศหวาดผวาสั่นไหวเกิดรัศมีเป็นแสงสีขาวอมทองออกมาจากผงนี้จึงสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้ว ท่านให้พ่ออาจารย์ทำถึง 3 ครั้ง ต้องทำไว้ในปริมาณมาก เพราะว่าประสงค์จะให้ใช้ผงอันเป็นสายวิชาของพระองค์ท่านล้วนๆไม่เอาสิ่งอื่นมาเจือปนนอกจากว่านยาบางจำพวก ประกอบเป็นมวลสารขึ้นมา

    และก็มีข้อแม้สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ พระผงรุ่นนี้ เมื่อผู้ใดได้รับไปพระองค์จะไปช่วยเหลือคุ้มครอง จะทำการณ์กิจใดก็จะมีแต่ชัยชนะแพ้คนอื่นไม่เป็น เป็นเจ้าของเขาเป็นผู้นำเขาทั้งหมด ขจัดความโลเล มีแต่คนรัก คนที่อิจฉาริษยาจะหมดไป ซึ่งพ่ออาจารย์บอกว่านอกจากจุดนี้ สกันทะเทพท่านยังบอกด้วยว่าท่านจะช่วยให้มีจิตใจฮึกเหิม มีกำลังกายและกำลังใจที่เพียบพร้อมไม่อ่อนแรงลง ทุกคำขอ กิจการงานต่างๆต้องสำเร็จลุล่วงอย่างว่องไว จะต้องปรากฏเกียรติยศสูงสุดในกิจที่กระทำอยู่

    ซึ่งพระองค์ท่านนั้นโปรดความยุติธรรม ไม่ชอบการคดโกง ใครที่โดนรังแก โดนคนเอาเปรียบโดนใครโกง แบบนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่มีเสียหรอกเมื่ออยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ท่าน ซึ่งองค์พระขันธกุมารนี้ มีแต่ผู้ต้องการเป็นใหญ่ ประสบความสำเร็จ ในระดับมหาราชา หรือเจ้าผู้ปกครองแคว้นต่างๆมักจะนิยมบูชากัน ท่านก็เลยอยากให้ทุกคนได้ดีและผ่านพ้นเคราะห์ภัยโดยไว จึงขอบารมีพระขันธกุมารมาสงเคราะห์ทำเครื่องมงคล

    ท่านว่าองค์พระขันธกุมารนี่ใช้ได้ทุกอย่างจะขอพรอะไรก็ย่อมได้สุดแต่ใจ จะเล่นทางเสนห์ก็สุดๆ เพราะว่าพระองค์ท่านมีพระชายาถึง 2 องค์ ซ้ำยังเป็นที่ปรารถนาของเหล่านางฟ้านางสวรรค์มากมายด้วยว่าพระรูปของพระองค์นั้นวิจิตรละลานตายิ่งนัก เมื่อบูชาไว้กับตัวย่อมดึงเอาพระบารมีมาเสริมสิริให้ผู้ที่มีบารมีขององค์พระขันธกุมารแฝงอยู่ดูดีในสายตาผู้อื่นขึ้นทันที

    เมื่อจะทำนั้นท่านได้ให้พ่ออาจารย์แกะบล๊อค ให้พระรูปของท่านถือหอกด้วย ท่านว่าสำคัญนัก กายนี้คือกายพ่อเรา หอกนี้คืออำนาจแม่ของเรา จะขาดกันไม่ได้ เพราะหอกคืออำนาจทั้งหมดของฝ่ายมหาศักติ แม่เราแบ่งรูปกายออกมาเพื่อเป็นยอดศาสตราวุธให้กับเราส่วนอีกมือถือดาบ พ่ออาจารย์ท่านทำเป็นสี่พระกร สองมือที่เหลือนั้นท่านให้ทำเป็นปางประทานพรจะได้อำนวยพรให้ตามกิจที่เค้าปรารถนา ส่วนอีกมือให้ถือถ้วยใส่นมเอาไว้ เพราะพระองค์ทรงโปรดเสวยนมมาก แล้วก็เป็นคติแก่ผู้บูชาจะได้มีกินตลอดอีกด้วย นอกจากนั้นท่านยังให้ทำพาหนะของท่านไว้ด้วย ซึ่งพระขันธกุมารนั้นทรงนกยูง พระองค์บอกว่าท่านต้องทำไว้ จะได้สื่อถึงเรื่องบริวาร มีบริวารอะไรก็สะดวกสบาย นกยูงนี้คือจักรพรรดิอสูรที่มาสวามิภักดิ์ด้วยเกรงพระเดชของพระขันธกุมารและพระองค์ทรงเสกสรรค์ให้กลายเป็นนกยูงราชพาหนะไป

    ในส่วนของตัวประสานนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้ผสมน้ำผึ้งป่าเดือน 5 เข้าไป แต่พิเศษเหนือสิ่งใดเพราะเป็นรังผึ้งที่สร้างอยู่ใต้ดินผิดธรรมชาติ เรียกว่าน้ำผึ้งดำ ซึ่งมีสีดำสนิท เป็นของหายากมาก ด้วยชาวป่าชาวเขาตั้งใจหามาถวายให้ท่านกิน แต่ท่านเอามาเทเป็นตัวผสานให้หมดเลย ท่านว่าชันโรงใต้ดินดีอย่างไร น้ำผึ้งใต้พระแม่ธรณีนี้หากนำมาเป็นตัวประสานก็ดีดุจเดียวกัน ทั้งกันฟ้า กันภัย กันเคราะห์ กันกระทำย่ำยี แต่เเรงกว่านั้นร้อยเท่า ท่านเก็บไว้เพื่อสร้างองค์พระขันธกุมารโดยเฉพาะ

    ซึ่งองค์สกันทะเทพนั้นได้บอกกับพ่ออาจารย์ว่า ให้ใส่กำลังโสฬสลงไปในองค์พระด้วย กำลังตัวอื่นๆนั้นท่านไม่เอา พ่ออาจารย์บอกว่านี่สำคัญมากนะ เป็นมหากรุณาโดยแท้ทีเดียว เพราะกำลังอื่นๆแม้แต่กำลังจักรพรรดิ กำลังมหาจักรพรรดิก็ดี คนที่ได้ไปจะยิ่งใหญ่มั่งมีเพียงไหน แต่มันก็ต้องสร้างด้วยตัวเองสร้างจากความลำบาก คนเราเนี่ยชอบคิดเพ้อเจ้อไปเอง พอได้ยินอะไรว่าจักรพรรดิ์หรือมหาจักรพรรดิ์จะรีบขวนขวายมาบูชา เพราะคิดว่าดีที่สุดและยิ่งใหญ่สุดๆแล้ว มันไม่ใช่นะบางครั้งลำบากยากแค้นไปทั้งชีวิตเลย คือว่าเหนื่อย ต้องเหนื่อยก่อนถึงจะสำเร็จ สำเร็จเรื่องหนึ่งก็ต้องเหนื่อยต่อ นี่มันไม่จบ ท่านจึงว่าท่านไม่เอา

    ท่านให้ใส่กำลังโสฬสเอาไว้โดยประทาน 16 มหาอักขระศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพลังจักรวาลทั้งในฝ่ายเทวะและมหาศักติให้ ท่านว่ากำลังโสฬสนี่สบาย จะได้ทรัพย์สินหรือทำสิ่งใดก็ได้ก็สำเร็จมาแบบฟลุคๆง่ายๆ โชคลาภเข้ามาไม่ขาด หนุนด้วยมหาอักขระ 16 อักษรนี้ จะเปิดบารมีเก่าดึงมาไว้ใช้กับตัว เทวดาทั้ง 16 ห้องสวรรค์ชั้นฟ้าเกื้อหนุน ชะตาชีวิตจะไม่อับจน นี่ถ้าพระองค์ท่านไม่บอกเราก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ท่านว่าต่อให้ลงกำลังใดๆซัก 108 ก็สู้กำลังโสฬสนี่ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวนี้ลำบากกันทั้งชีวิตเลย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้ลง 16 อักขระศักดิ์สิทธิ์เท่ากำลังโสฬส ใส่ในแผ่นทองแดงฟ้าผ่าฝังไว้ เพื่อเป็นสื่อชักนำกำลังของเทพเจ้ามาสู่ตัวมนุษย์ให้แรงขึ้นและไวขึ้น ซ้ำยังได้ลงตะกรุดตะกั่วด้วยวิชาเฉพาะซึ่งองค์พระขันธกุมารท่านให้ใส่ไว้เสริมลงไปอีก

    ด้านหลังองค์พระนั้นท่านฝังเหรียญหล่อสองมหาเทพเสริมไว้ ท่านว่าอันที่จริงนั้น องค์พระศิวะเจ้าไม่ได้มีพระโอรสแต่เพียง 2 พระองค์อย่างที่ใครๆเข้าใจ ว่าจะมีองค์พระขันธกุมาร กับองค์พระพิฆเนศวร พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อเหรียญนี้ไว้ด้วยตะกั่วลงถมที่ลงจารลงถมพระเวทย์ต่างๆและเสกเก็บมานานแล้วก่อนจะนำมาฝัง ท่านว่าเพราะเทวะโอรสพระองค์นี้มีพระรูปเป็นช้างเช่นพระพิฆเนศคนเลยจำสับสนและกลืนกันไป ความจริงฝ่ายเทวะโอรสนั้นจะมีทั้งหมดสามพระองค์ คือ
    - พระขันธกุมาร
    - พระพิฆเนศวร
    - พระพุทธคินาย
    ซึ่งองค์พระพิฆเนศวรนั้นจะเป็นเจ้าแห่งความสำเร็จขจัดความขัดข้องต่างๆ ส่วนองค์พระพุทธคินายจะเป็นเจ้าแห่งการบังคับ ควบคุมองค์นี้จะมีฤทธิ์เดชมาก มีหมู่คนธรรพ์ทั้งหลายเป็นบริวารคอยตามรับใช้ พวกครูช้างจึงเอามาเป็นครูของตนไปเรียกเพี้ยนเป็นพระพินายก็มี บางคนก็เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ประทานช้างตระกูลต่างๆมาให้โลกมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านจึงหล่อไว้ให้เป็นเอกลักษณ์โดยองค์พระพุทธคินายนั้นจะทรงขอสับช้าง ส่วนองค์พระพิฆเนศวรจะนั่งชันเข่าถืองาข้างที่หักเอาไว้ ก่อนที่จะเชิญทั้งสองพระองค์ลงมาแบ่งพระญาณแฝงฤทธิ์ประจุลงไป เมื่อสร้างพระขันธกุมารนี้ ท่านเลยเห็นดีที่จะฝังไว้ด้วยกัน เพราะทั้งสามเป็นพี่น้องกันร่วมบิดามารดาเดียวกัน จะได้เสริมส่งกันแรงฤทธิ์ยิ่งขึ้น ผู้บูชาจะได้พบความสมบูรณ์โดยแท้ เสริมอำนาจวาสนาบารมีเป็นที่เกรงกลัวต่อสัตว์ทั้งหลาย ด้วยองค์พระพุทธคินาย และประสบแต่ความสำเร็จทำอะไรก็ไหลลื่นไร้ความขัดข้องด้วยบารมีองค์พระพิฆเนศ


    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ยังได้ใส่เหรียญหล่อรูปหนูติดไว้ด้วย ท่านว่าหนูนี้สำคัญเป็นผู้ส่งสารของพระพิฆเนศวรและพระพุทธคินาย เวลาปรารถนาจะขออะไร ถ้าจะขอจากทั้งสองพระองค์ท่านให้ถือเคล็ด กระซิบที่ข้างหูหนูแล้วทุกสิ่งจะสำเร็จได้ไว ไม่เลื่อนลอยเป็นเพียงลมปาก ท่านว่าต้องเก็บไว้ขอในสิ่งสำคัญและจำเป็นจริงๆนะ ไม่ใช่ขอเล่นๆวันละร้อยเรื่องพันเรื่องก็กระซิบไปทุกเรื่อง

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านตั้งชื่อพระผงรุ่นนี้ว่าพระมุรุกันไตรโลกาธิบดี เนื่องจากรวมพระเป็นเจ้าฝ่ายไศวะนิกายไว้ถึงสามพระองค์ สำหรับรุ่นนี้ท่านจัดสร้างด้วยผงมวลสารล้วนๆ โดยพระโองการนั้นให้สร้าง 30 องค์ แต่ผงทำได้เพียง 16 องค์เท่านั้น บังเอิญจบที่กำลังโสฬสพอดีท่านจึงเอาแค่นั้น และเชิญองค์ท่านมาประจุญาณสวดเสกไม่ต่ำกว่าสามเดือนจึงออกให้บูชา ท่านว่าเหมาะแก่คนที่มีกรรมหนัก ต้องการความสำเร็จมาก ชีวิตไม่อยากแสวงหาเพื่อทำอะไรที่ต้องลงแรงให้เหนื่อยอืกแล้วหรือต้องการเครื่องมงคลที่เป็นศูนย์รวมของพลังในมหาจักรวาลทั้งฝ่ายเทวะและมหาศักติครบถ้วน

    คาถาบูชา
    โอม ตัตตะปุรุสายะวิทัมเห มหาเสนายะธีมะหิ ตันโนสะกันทะปะโจทะยาต โอม สะกันทายะ นะมัส


    * พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ถือเคล็ด ถวายนมโคสดประจำ ถวายเสร็จก็ลามาดื่มกิน เพราะทั้งสามพระองค์นั้นท่านโปรดน้ำนมโคมาก ควรจะหาแก้วเล็กๆซักสามใบตั้งไว้ด้วยกัน ถวายให้ท่านบอกกล่าวท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งทำทุกวันยิ่งดี รับรองว่าสนิทและเข้าถึงกันได้ไวมาก ขออะไรก็ไวด้วย

    * ผู้บูชาให้แจ้งมาทางPM ท่านว่าให้บอกสายงานอาชีพไว้ด้วย จะได้เจิมเเละบอกพระองค์ท่านให้อีกที ว่าจะเอาไปจะให้ได้ดีประสบความสำเร็จกันอย่างไร ด้านไหน แต่โดยรวมแล้วก็ใช้ได้ทุกสายอาชีพ ทุกด้านนั่นแหละ ปัจจัยที่ได้ท่านจะนำไปมอบให้แก่กองทุนที่ดูแลด้านอาหารคนไร้บ้าน ร่อนเร่พเนจรยากไร้ต่อไป ท่านถือว่าให้เพื่อนมนุษย์ที่หิวไม่มีอะไรจะกินได้อิ่มท้องกันถือว่าได้บุญมากกว่าทำกับสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย

    ร่วมทำบุญบูชา พระมุรุกันไตรโลกาธิบดี (พระขันธกุมาร พระพิฆเนศวร พระพุทธคินาย) องค์ละ 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kantakuman.jpg
      kantakuman.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      246
    • SAM_48421.jpg
      SAM_48421.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.9 MB
      เปิดดู:
      232
    • SAM_48431.jpg
      SAM_48431.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      163
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2021
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร)

    แต่ปางหลังนั้น นับจากสมเด็จพระพุทธโคดมศากยมุนีได้ทรงกระทำทิฏฐิในองค์ท้าวผกาพรหมให้แจ้ง รู้ชั่วดี มีปรีชาญาณแล้ว ท้าวผกาพรหมก็ได้บรรลุธรรมและกระทำบารมีต่างๆมากมายจนเลื่อนขึ้นสู่ปัญจสุทธาวาสมหาพรหม เป็นมหาพรหมขั้นสูงสุดคือมหาพรหมอนาคามี

    ครูบาอาจารย์แต่โบราณนั้นท่านรู้ดีว่าพระพุทธานุภาพทรงคุณเช่นไร พรหมคุณขององค์ท้าวผกาพรหมมีความสำคัญแตกต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นอย่างไร ครูบาอาจารย์จึงหยิบยกพระคุณเหล่านี้มากระทำเป็นวัตถุมงคล

    หากจะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นตำนานไปแล้ว หาดูได้ยาก มีพลังอิทธิคุณสูงส่งในพิมพ์พระพุทธเจ้าโปรดท้าวผกาพรหมนี้ ก็ต้องระลึกถึงเหรียญหล่อเมฆสิทธิ์ หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม ที่สภาพสวยๆสมบูรณ์นั้นมีมูลค่าว่ากันที่หลายๆแสน และนับวันจะทวีมูลค่าสูงขึ้นไปอีกและปรากฏของปลอมมากมาย ที่เกริ่นมาแล้วนี้เพราะต่อไปจะมาพูดถึงเหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร) นั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้สัมผัสบารมีและบุญญาภินิหาริย์ของหลวงปู่ทับ วัดอนงค์มาแล้ว ทั้งได้รับคำฝากฝังจากครูบาอาจารย์ว่า ให้ท่านทำให้อีกซักครั้ง ด้วยว่าของที่ท่านทำไว้แต่เดิมนี้ นับวันจะหาของจริงแท้ดูได้ยากเต็มที สมัยผมทำ ผมก็ทำด้วยกายสิทธิ์(เมฆสิทธิ์) ถ้าคุณจะทำไว้เป็นที่ระลึกก็เอากายสิทธิ์ที่เหลือของคุณมาทำ

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้นำหุ่นเทียนมาแกะ โดยขอเมตตาจากบารมีหลวงพ่อทับตลอด ท่านว่าสมัยท่านนั้นจะทำเป็นเหมือนพระพุทธนั่งซ้อนอยู่บนพระพุทธอีกคำรบหนึ่ง คนจึงไม่รู้ว่าเป็นท้าวผกาพรหม ได้แต่เรียกกันว่าพระซ่อนหาไป เมื่อพ่ออาจารย์จะทำ หลวงปู่ทับท่านก็บอกให้แก้ไขพิมพ์ใหม่ ให้รู้ว่าองค์ไหนคือพระองค์ไหนคือท้าวผกาพรหม

    หลวงพ่อทับท่านได้กล่าวว่า ด้วยพุทธบารมีที่พระพุทธเจ้าได้โปรดท้าวผกาพรหมนั้น ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ไปปรากฏในพรหมโลก โปรดท้าวผกาพรหมโดยใช้ฤทธิ์และอภินิหาริย์โดยแท้ ซึ่งอานุภาพเหรียญหล่อนี้ จะมีไว้เพื่อคลายทิฏฐิความเห็นผิดในใจ ผู้บูชาจะระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นอนุสติ ไม่ถูกฝ่ายมารครอบงำ หลุดพ้นจากอวิชชาทั้งหลาย แม้ขัดข้องสิ่งใดจะได้รับการช่วยเหลือการสงเคราะห์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยฤทธิ์แลอานุภาพ ทั้งยังเป็นที่เกรงกลัวของภูติผีปีศาจและเหล่ามารทั้งปวง ซ้ำยังนิราศโรคนิราศภัยร้ายทั้งหลาย เมื่อได้อาราธนาจะไม่มีโรคาพาธเบียดเบียนปลอดภัยจากโรคระบาด เป็นการนำพุทธและพรหมมาเกื้อกูลผู้ที่อาราธนาไปพร้อมกัน ที่เรียกว่าพระซ่อนหานั้น เพราะใครได้ไปได้ดีขึ้น ปรากฏเกียรติยศ ร่ำรวยกันทุกคน ดุจดังว่าได้สิ่งค้ำคูณเกื้อหนุนดวงชะตา ด้วยองค์พระนั้นสื่อความหมายว่าท้าวผกาพรหมไม่สามารถหาพระพุทธองค์พบเช่นไร เวรกรรมอันจะมาเบียดเบียน ทุกข์โทษภัยสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ตามติดผู้ครอบครองอยู่ก็หาตัวเราไม่พบเช่นนั้น ดุจดังว่าเรานั้นเป็นอากาศธาตุจะเพียรหาตามติดด้วยวิธีใดก็หลุดพ้นไปได้โดยพุทธานุภาพ ทั้งนี้ท่านยังได้เมตตาบอกพระคาถาที่จะใช้ในการเสกและการอาราธนาให้ด้วย

    ซึ่งพ่ออาจารย์นั้นท่านได้พิเคราะห์ดูแล้วว่าการเสกนั้น เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะท่านจะลงวิชาตามที่ท่านได้เรียนมา แต่ก็ยังต้องเชิญครูลงมาเสกด้วย ท่านมิใคร่สบายใจนักเพราะเกี่ยวพันกับหลายสายวิชา คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรลงวิชาเน้นด้านใดให้เด่นขึ้นมา จนท่านได้รับนิมิตรจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้บอกให้พ่ออาจารย์ท่านลงมหาปราบโลกเสริมไปด้วย แล้วก็ให้นำตะกรุดเมดอกครู(มหาสะท้อนดอกครู) ที่พ่ออาจารย์เคยลงไว้แบบเต็มสูตรเป็นเนื้อทองเหลืองดอกเล็กๆท่านบีบอีกขระลงพระยันต์มหาสะท้อนตัวครูกำกับด้วยยันต์ท้าวมหาชมพูหน้าหลังเต็มสูตรใส่ลงไปด้วย ซึ่งตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นำไปถวายให้หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตาเป่าเมตตาเสกให้สมัยท่านยังทรงสังขารอยู่ ซึ่งท่านก็รับไปกระทำให้จนเอ่ยปากกลับมาว่า "เสกมาแล้วนี่จะลงอะไรอีก แกนี่ขยันนะ ตั้งใจดีมาก ดูสิ้ดอกนิดเดียวลงมาซะละเอียดเลย ดี ดี ใส่สูตรลงยันต์ไว้ครบ นี่ข้าอราธนาคุณพระมาช่วยได้มากกว่าที่เคยๆเสกมาเสียอีก" พ่ออาจารย์ท่านว่าแค่ตะกรุดดอกนี้ที่เคยได้เมตตาหลวงพ่อฤาษีท่านลงวิชา สมัยนี้จะไปหาที่ไหนได้

    พ่ออาจารย์ท่านจึงนำแผ่นเงินลงถมมาลงพระยันต์มหาปราบโลกและเสก โดยหลังเสกนั้นท่านเรียกของท่านเองว่าตะกรุดไพรีพินาศ ท่านว่าเสริมตัวนี้เข้าไปนี่แหละเราปราบเขาได้หมดเลย ในโลกนี้ขอให้มีจิตมีชีวิตเถอะจะคนจะผีจะเจ้าที่ไหน เอาชนะเราไม่ได้ เสริมตะกรุดเมดอกครูด้วยยิ่งรองรับกัน ส่งต่อพลังงานกันเป็นทอดๆ ใครคิดร้ายทำร้ายเราก็พินาศสมชื่อ เป็นศัตรูเรามีแต่ตกอับล่มจมไป แต่ผู้ครอบครองต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยนะถึงจะใช้ขึ้นและได้ผลแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว

    ซึ่งพุทธคุณเช่นนี้สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อทับท่านทำไว้ก็ไม่ปรากฏจะมี อันนี้ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อฤาษีท่านจึงแนะให้เสริมไว้ ท่านว่าเมื่อทางสะดวก ปราบและกำราบคนที่คิดไม่ดีกับเราหมดแล้ว จะทำอะไรก็เจริญรุ่งเรือง จะเอาดีทางโลกก็ไร้เสี้ยนหนาม จะเอาดีทางธรรมก็ไม่มีอุปสรรค เพราะชั้นถือว่าปราบนี่คือปราบหด ปราบราบคาบแม้แต่กิเลสในใจตน ก็ตั้งจิตอธิษฐานกันเองระลึกให้ดีว่าจะเอาดีทางโลกหรือทางธรรม ยิ่งเมื่อเสริมกันกับอานุภาพธาตุกายสิทธิ์และพลังฤทธิ์เทวราชที่ดูแลรักษา ตลอดจนพ่อท้าวผกาพรหม และสมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หายห่วงได้ทุกเรื่อง ฝากชีวิตไว้ได้

    พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อเหรียญไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร)ไว้ด้วยวัชรธาตุหยาดน้ำฟ้าทวาราวดี นำมาผสมกับเหล็กสังขวานรเก่าพระอุโบสถอยุธยา เข้าด้วยตะกั่วน้ำนมพระท่ากระดานชำรุด ผสมแร่เงิน และปรอทป่า จนหลวงพ่อทับท่านบอกว่าได้เช่นนี้ก็เป็นกายสิทธิ์แล้ว พลังหนักหน่วงแต่กลับเย็น เบาและสบาย ดี ดีมากๆ

    พ่ออาจารย์ว่าเหรียญนี้ตอนเสกนั้นท่านลงวิชาสูตรหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าไว้ที่องค์พระ โดยใช้รัศมีกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉาบเคลือบไว้ทุกเหรียญ แบบที่หลวงปู่ศุขท่านทำเหรียญรัศมีซุ้มประภามณฑล จนปรากฏว่าหลวงปู่ศุขท่านมาอนุโมทนา เป่าเหรียญลงวิชาให้เองทีละเหรียญ ท่านว่าวิชานี้ดี คุ้มได้ทั้งหมด เป็นดั่งแสงสว่างส่องนำทางให้กับเรา ต่อไปไม่มีวันมืดบอดอับจน เปิดแล้ว สว่างแล้ว รัศมีพระสัพพัญญูตกต้องถึงเราแล้ว ทำอะไรจะไม่ตกอับอีกแล้ว

    โดยในส่วนของพระรูปด้านล่างที่เป็นองค์ท้าวผกาพรหมนั้น พ่ออาจารย์ท่านให้เสด็จปู่ผกาพรหมมาแฝงกายทิพย์ของท่านลงไปเอง พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าคนไทยนี้ สมควรจะรู้ไว้นะท้าวผกาพรหมนี่แหละท่านมีความเป็นห่วงผูกพันธุ์กับคนไทยมาก เพราะพวกเราเคารพและไหว้ท่านกันมานานด้วยไปเข้าใจผิดว่าท่านเป็นพรหมของพราหมณ์ เป็นพรหมสร้างโลกลิขิตชะตามนุษย์ เมื่อท่านมีความผูกพันธ์ท่านก็จะเป็นธุระคอยช่วยเหลือให้ในเบื้องบน คอยหาเหล่าเทพ พรหม โพธิสัตว์ให้มาจุติช่วยเหลือบ้านเมืองมาตลอดทุกยุคทุกสมัย นี่เลยหัวแรงมีบุญคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมลูกหลานไทยอย่างแท้จริง พอรู้ว่าเป็นเรื่องของไทยนี่ท่านเอาเป็นธุระหมด ระลึกถึงพระคุณของท่านและอธิษฐานขอพรจากท่านดู เป็นคนไทยเป็นลูกหลานไทย ท่านไม่เพิกเฉยต่อคำร้องขอและอธิษฐานหรอก เพราะท่านมีน้ำพระทัยกรุณา จะตั้งจิตขออะไรก็ขอจากองค์ผกาพรหมนี่จะไวกว่าขอองค์พระนะจำไว้ องค์ผกาพรหมนี่จิตท่านก็สูงสุดในพรหมโลกแล้วเพราะเป็นมหาพรหมอนาคามี บารมีท่านไม่ธรรมดา เราเลยตั้งใจแกะรูปท่านในปางประทานพรเหมือนกลายกลายว่าให้ท่านให้พรคนที่เขาขอทุกเรื่อง ขอแล้วต้องช่วยเช่นนั้น

    เมื่อเสกนั้นท่านนำเหรียญมาแช่น้ำมนต์ 9 สถานที่ ที่ผุดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ทั้งในบ่อ ในถ้ำ และในเศียรพระพุทธรูปโบราณ ที่ท่านรวบรวมไว้ ท่านว่าน้ำเหล่านี้ผุดเอง มาเอง ตักเท่าไหร่ก็ไม่หมด คนใช้จะได้มีกินมีโชคงอกเงย ผุดเองได้เองเรื่อยๆ และท่านก็ลงวิชาของท่าน เชิญครูท้าวผกาพรหม ตลอดจนขอความอนุเคราะห์จากหลวงปู่ศุข หลวงพ่อทับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำมาลงวิชาให้เพิ่มอีกคำรบหนึ่ง ซ้ำยังปรากฏญาณของสมเด็จพระพุฒนาจารย์(นวม)วัดอนงค์อีกด้วย เรียกว่าดีเหนือดีเลยเพราะหลวงปู่ทับคงจะอาราธนาท่านมาเสริมให้

    คาถาบูชา
    นะโม ยะวะ อรหัง กะวิทู อิกะนาโถ โลกะนาโถ กะวิทู เวคะ สะหะกะ กัมมะ ถะละสัตตารา พรัมมะสิริ พรัมมะวังนัง พรัมมะสุขัง พรัมมะรูปัง พรหมันนิพพานัง อนิโสสะ สิวังพุทธัง
    ถ้าใช้ภาวนาสวดเฉพาะท่อนนี้(พรัมมะสิริ พรัมมะวังนัง พรัมมะสุขัง พรัมมะรูปัง พรหมันนิพพานัง อนิโสสะ สิวังพุทธัง)

    * เหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร) พ่ออาจารย์ท่านหล่อไว้ได้เพียง 13 เหรียญ ท่านว่าทำได้ไม่มากเพราะผสมเนื้อพระท่ากระดานเก่าแท้ๆมันมีน้อยใครมีบุญ ใครเป็นเจ้าของก็ให้ไว้เป็นที่ระลึกที่ผู้นั้นร่วมทำบุญกับเรา ปัจจัยท่านจะนำไปบริจาคสร้างวิหารทานในวัดตามชนบทต่อไป ท่านว่าอยากให้พระศาสนาเผยแผ่และเข้าถึงในถิ่นทุรกันดาร ให้พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นเนื้อนาบุญได้ไม่ต้องลำบาก ใครทำตรงนี้อานิสงค์แรงนัก
    * ผู้ใดประสงค์จะสั่งจองร่วมทำบุญบูชา ก็ส่งข้อความแจ้งเข้ามาทาง PM เท่านั้น

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร) บูชา 4,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,717
    ค่าพลัง:
    +18,229

แชร์หน้านี้

Loading...