ร่วมแจมประวัติและพระเครื่อง สุดยอดพุทธคุณสายใต้ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย cornell, 7 พฤศจิกายน 2009.

  1. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ผมไปเจอพระหลวงปู่ทวดเนื้อเมฆพัตรองค์หนึ่ง เพื่อนบอกว่า อ.นอง สร้าง ในปี 38 ที่วัดพิชยญาติ แต่บางคนบอกว่า อ.นองไม่เคยสร้างเนื้อเมฆพัตร เซียนสายใต้ท่านใดพอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดที่มีข่าวว่า อ.นองสร้างที่วัดนี้ไหมครับ

    มีลิ้งดูข้อมูลด้วย แต่ไม่รู้ว่าชัวหรือมั่วนิ่ม ขอความเห็นเพื่อน ๆหน่อยครับถ้าข้อมูลเป็นจริงจะได้รีบเก็บ

    http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=2&qid=2331
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2010
  2. จิ๊กซอ

    จิ๊กซอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,062
    ค่าพลัง:
    +2,356
    ส่วนตัวก็ไม่ชำนาญสาย อ.นองเท่าไหรนักครับ แต่ถ้าเป็นผมไม่เก็บรุ่นนี้ครับ เพราะคลุมเคลือเหลือเกิน.....ครับ
     
  3. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    พอดีช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลยครับ เลยมิได้เข้ามาเท่าใดนัก ไงแล้วขอบคุณทุกท่านที่มาโพสท์เเจมกันนะครับ และ ที่ขาดไม่ได้คุณจิ๊กซอว์เเละคุณน้ำที่เข้าร่วมให้ความรู้ ร่วมกันครับผม
    ....พอดีผมได้แวะไปตอบกระทู้ของคุณวาตานาเบ้ มาเกี่ยวกับ พระผงพรายสมุทร อชิโต หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก มาครับ จึงขอนำข้อมูลที่ผมร่วมรวบ นำมาลงไว้ในกระทู้นี้ อีกรอบนึงครับ
    พระพ่อท่านจัดว่าเป็นพระที่เด่นทางเมตตาโภคทรัพย์แคล้วคลาด ที่มีราคายังสบายกระเป๋า พี่น้องอยู่ครับ.......
    [​IMG]
    ประวัติหลวงพ่อเจิม วัดหอยราก
    พ่อท่านเจิม อชิโต หรือ พระครูพิศาลวรเวทย์ อดีตพระเกจิอาจารย์ขลังแห่งลุ่มน้ำปากพนัง ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2451 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 8 ค่ำ เดือน 7 ปี วอก เป็นบุตรของนายภู่ นางคล้าย แก้วช่วย ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดคงคาสวัสดิ์ (วัดใต้) โดยมี หลวงพ่อนุ่ม เกสโร พระครูประภาสภูมิสถิตย์ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชแล้วก็ประจำพรรษาที่วัดคงคาสวัสดิ์ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และพระเทวอาคมกับหลวงพ่อนุ่มผู้เป็นอุปัชฌาย์ จารย์จนมีความเชี่ยวชาญในสรรพเวทวิทยาคมอย่างลึกซึ้ง พ่อท่านเจิม อชิโต ได้มารั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ.2479 และได้ละสังขารลงเมื่อ ปี พ.ศ.2527 รวมสิริอายุ 76 ปี 57 พรรษา


    ครั้งเมื่อพ่อท่านเจิม อชิโต สมัยท่านยังไม่ละสังขารอยู่นั้น ท่านได้สร้างพระเนื้อผงดินเผา พระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปิดตา ปี พ.ศ. 2499 เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา พ่อท่านเจิมได้เสาะแสวงหาและรวบรวมมวลสารที่เป็นมหามงคล โดยใช้ระยะเวลาอยู่นานร่วม 7-8 ปี เมื่อได้มวลสารที่ต้องการแล้ว พ่อท่านเจิมได้ทำพิธีกดพิมพ์พระพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และพิมพ์ปิดตา เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2499 ซึ่งมวลสารที่พ่อท่านเจิมได้ใช้ในการสร้างล้วนมีพุทธคุณ และคุณวิเศษมากมายในตัวซึ่งเป็นมวลสารที่หายากยิ่ง พ่อท่านเจิมอยากให้วัตถุมงคลที่สร้างออกมาให้มีพุทธคุณ จึงต้องทำให้ตรงตามตำราโบราณทุกอย่าง ทุกขั้นตอนอย่างประณีต โดยเฉพาะมวลสารที่เป็นดินพรายสมุทร (ท้องทะเล) ต้องใช้ถึง 108 ปั้น โดยต้องดำน้ำลงไป และเถ้าคนที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารให้ได้ 7 ป่าช้า เอามาบดเป็นผงให้ได้ 108 จอกชา และยังมีมวลสารที่สำคัญอีกร่วม 700 ชนิด พ่อท่านเจิมได้นำพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และ พิมพ์ปิดตา เข้าปลุกเสกเดี่ยวในพระอุโบสถ วัดศรีสมบูรณ์อีก เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ด้วยพระคาถาพระมหาหมื่น 10,000 จบ พ่อท่านเจิมใช้ระยะเวลาการปลุกเสกนานถึง 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2499-2501 พระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปิดตา ของพ่อท่านเจิม จึงเป็นวัตถุมงคลที่มีความเข้มขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธคุณสูง
    บทความต่อไปนี้เป็นบทความจาก พระสมุห์เจิม แก้วช่วย เจ้าอาวาสวัดศรีสมบูรณ์ (หอยราก) อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
    “สวัสดีท่านที่เคารพและนับถือทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้าจัดทำรูปหลวงพ่อ อะชิโตขึ้นครั้งนี้ ทำตามแบบโบราณ ที่ท่านเขียนไว้ในคำภีร์ใบลาน พัสดุที่เอามาประสมเกินกว่า 700 สิ่ง แต่ละสิ่งล้วนเป็นของศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ข้าพเจ้าเที่ยวหาของต่าง ๆ นั้น 2 ปีซ้อน ทำแต่ผงนั้นราว 4 เดือน และทำแต่รูปหลวงพ่อ อะชิโต ก็ราว 3 ปี และโดยเฉพาะปลุกเสกอยู่นั้นย่างเข้า 5 ปี คือเริ่มปลุกเสกในฤกษ์ของวันเสาร์ เดือน 5 ปี มะเส็ง กระทั่งถึงวันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา พ.ศ.2512 เป็นอันสัมฤทธิ์ผลโดยสมบูรณ์ รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ ขึ้น 8 ค่ำเดือนเดียวกัน เป็นปฐมฤกษ์ของการแจกจ่ายให้เช่า อันเป็นมหามงคลฤกษ์ของอมฤคฆโชค แปลว่า เป็นโชคอันไม่ตาย

    ข้าพเจ้าขอเตือนว่า ทุก ๆ ท่านที่มีรูปหลวงพ่อ อะชิโต ไว้นั้น อย่าสักแต่ว่าเอาไว้เฉย ๆ เท่านั้น มันไม่เกิดเป็นมงคลและผลประโยชน์อะไรเลย เหมือนอย่างไก่ไปพบพลอย พลอยก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับไก่เลย ฉะนั้น ขอท่านอย่าได้ประมาท อุตส่าห์กราบไหว้บูชาอยู่เสมอ เป็นรูปที่ทำขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พอถึงวันอังคาร หรือวันเสาร์ ควรจัดของถวายข้าวพระ มีน้ำสิ่งหนึ่ง ข้าวสิ่งหนึ่ง คาวสิ่งหนึ่ง หวานสิ่งหนึ่ง อย่างน้อยให้ได้เดือนละหนึ่งครั้ง เวลาจะหลับนอนหรือไปไหน ให้ยกเอารูปหลวงพ่อ อะชิโต ขึ้นตั้งเหนือหัวขอท่านช่วยคุ้มครองป้องกันรักษาเถิด พระพุทธเจ้าทรงตรัสภาษิตไว้ว่า อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ แปลว่า ท่านทั้งหลายจงยังไม่ประมาทให้ถึงพร้อม พระพุทธภาษิตขึ้นนี้ท่างจะยึดถือไว้ให้มั่น นี้เป็นหลักของหลวงพ่อ อะชิโต ที่จะต้องปฏิบัติคือ อย่าได้ประมาทเลย และขอให้ท่านทุกท่านที่มีหลวงพ่อ อะชิโต ไว้กับตัวและครอบครัวของท่าน จงสัมฤทธิ์ผลดลบันดาลให้สำเร็จทุกประการเทอญ”
    ปัจจุบันพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปิดตา เป็นที่เสาะแสวงหาในวงการพระเครื่องพระ ศิษยานุศิษย์สายพ่อท่านเจิม และบุคคลทั่วไป

    วิธีการบูชาพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ และพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปิดตา ปี 2499 ของพ่อท่านเจิม อชิโตนั้น มีดังนี้
    นะโม 3 จบ แล้วกล่าวต่อว่า


    *** ติวาคะภะ โธพุทนังสา นุสมะวะเท ถาสัตถิระ สามะทัมสะ ริปุโรตะ นุตอะทูวิ กะโลโตคะ สุโนปันสัม ณะระจะชา วิชโธพุทสัมมาสัมหังระ อะวาคะภะ โสปิติอิ ***

    สรุปมวลสารทั้งหมด
    มวลสารที่จัดหาได้แก่
    1. ว่าน ๑๐๘ ชนิด จำนวน ๑๐๘ บาตร
    2. ดินพรายสมุทรท้องทะเลลึก ๑๐๘ ปั้น
    3. ดินท้องแม่น้ำปากพนัง ๑๐๘ ปั้น
    4. ดินกลางวัด ๑๐๘ วัด ๑๐๘ ปั้น
    5. ดินกลางนา ๑๐๘ แปลง ๑๐๘ ปั้น
    6. ดินหาดทรายแก้ว ๑๐๘ หาด
    7. ดินกลางไร่ ๑๐๘ ไร่
    8. ดินรูปูนา ๑๐๘ รู
    9. ดินปราบหญ้าไม่งอก ๑๐๘ ปราบ
    10. ดินจอมปลวกวัวเลีย ๑๐๘ จอม
    11. ดินกลางสระน้ำ ๑๐๘ สระ
    12. เถ้าเชิงตะกอนเผาศพ ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร ๗ ป่าช้า บดเป็นผง ๑๐๘จอก
    13. เถ้าหนังสือใบลาน ๑๐๘ จอก
    14. ดินป่าช้า ๓ วัด ปั้นเป็นก้อน ๑๐๘ ก้อน
    15. ดอกไม้บูชาพระบรมธาตุ วันมาฆบูชา เฉพาะที่ตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ บดเป็นผง ๑๐๘ จอกชา
    16. น้ำจากหุบเขาชัยราช แนวต่อจังหวัดชุมพรกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นน้ำผสมผงปั้นพระ
    17. น้ำฝนตกชายคาพระอุโบสถ เฉพาะที่ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑๐ ค่ำเป็นน้ำผสมผงปั้นพระ
    18. ดินพอกหางหมู ๑๐๘ ก้อน
    19. ผงพระท่าเรือ นครศรีธรรมราช
    และยังมีวัตถุมงคลอื่นๆอีกรวมแล้ว ๗๐๐ ชนิด มีพระสมุห์เผียน หมอเพียร ชาวบ้านหนองนก หมอปลื้ม ช่วยกันจัดหา และใน พ.ศ.๒๔๙๙ ได้เริ่มกดพิมพ์ และได้เริ่มปลุกเสกในพระอุโบสถ พ่อท่านเจิมได้ปลุกเสกด้วยพระครถามงคลต่างๆ

    [​IMG]

    พระเครื่องท่านเด่นทางเมตตาค้าขายโภคทรัพย์อย่างมาก ว่ากันว่าอธิฐานขอดีนักแล
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  4. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    วันนี้มาแบบเช้าๆ กับ พระดีพิธีใหญ่ สุดยอดประสบการณ์อีกชิ้นเเห่งแดนทักษิณ ครับ
    พระหลวงพ่อทวด วัดสุวรรณคีรี
    [​IMG]

    ได้ระบุ รายชื่อ เกจิสายใต้ ที่ร่วม พิธี เพียง สามท่านคือ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระครูศรัทธา อ.ปากพะยูน และอาจารย์วัน วัดปากพะยูน จาก ๑๐๘ ท่าน
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
    เนื้อหามวลสารที่ผสมองค์พระเครื่องก็มีหลากหลาย เช่น เนื้อผงผสมว่านสบู่เลือด เนื้อผงใบลาน เนื้อว่านร้อยแปด ซึ่งเมื่อผสมแล้ว พระที่ได้ จะมีเนื้อออกโซนสีแดง น้ำตาล เทา ดำ อยู่ที่ว่าส่วนผสมขององค์พระในแต่ละองค์ เป็นต้น
    ด้านหลังองค์พระ
    จะมีการกดยันต์ หลังองค์พระ และฝัง หรือ โรยหินมากบ้าง น้อยบ้าง หรือ มีแค่แท่งเดียว ที่วงการเรียกว่า หิน เพชรน้ำค้าง หรือหลังเรียบ.
     
  5. จิ๊กซอ

    จิ๊กซอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,062
    ค่าพลัง:
    +2,356
    ข้อมูลเพียบเลยครับ.....หลวงปู่ทวดวันสุวรรณคีรี มีพ่อท่านคล้าย อ.ทิม ไปปลุกเสกด้วย ผมว่าเลือกใช้แทนวัดช้างให้ที่ราคาเป็นแสนๆได้เลยนะครับ...
     
  6. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ถูกต้องครับ เป็นอีกทางเลือกของผู้ที่นิยมหลวงปู่ทวด ที่มิต้องออกเเรงเยอะครับ พระดีพิธีใหญ่ พ.ศ.ลึก
     
  7. จิ๊กซอ

    จิ๊กซอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,062
    ค่าพลัง:
    +2,356
    แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนหรือครับพี่หนุ่ม.....
     
  8. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    เดี๋ยวว่าจะออกไปธนาคารนี่เเหละหลวง หลวงไม่ไปไหนรึ
     
  9. จิ๊กซอ

    จิ๊กซอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,062
    ค่าพลัง:
    +2,356
    อยู่ขายตั๋วเครื่องบินครับ....พรุ่งนี้ถึงจะว่างไปเลี่ยมพระเสียหน่อยครับ
     
  10. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    [​IMG]
    [​IMG]

    เรื่องเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวเป็นตำนานที่เล่ากันมาหลายร้อยปี ศาลที่ประดิษฐานรูปสลักเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ปัจจุบันตั้งอยู่กลางเมืปัตตานี ชาวบ้านเรียก ศาลเจ้าเล่งจู เกียงตำนานเกี่ยว กับศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวมีว่า แต่เดิมนั้นเมืองปัตตานีเรียกว่าเมืองตานี เป็นเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่ง มีเรือสำเภานำสินค้าจากต่างเมืองมาค้า ขายและขนถ่ายสินค้าเป็นประจำ ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเป็นพ่อค้าหนุ่มชาวจีนนำเรือสำเภาไปค้าขายตามเมืองต่างๆ ได้แวะมาที่เมืองตานี และนำสินค้าเครื่องบรรณาการไปมอบให้เจ้า เมืองตานี จึงได้มีโอกาสพบธิดาเจ้าเมืองซึ่งมีรูป โฉมงดงาม ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเกิดหลง รักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนนางก็มีใจตรงกัน ติดขัดอยู่ที่ว่าฝ่ายชายเป็นคนต่างชาติต่างศาสนา บิดาของนางจึงขอให้ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามตามอย่างนาง ซึ่งลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็ยินยอมโดยได้ส่งเรือสำเภาให้เดินทางกลับไปส่งข่าวให้มารดาทราบว่าตนจะตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองตานี ไม่กลับไปเมืองจีนอีก เมื่อมารดาทราบข่าวก็เศร้าโศกเสียใจมาก นางลิ่มกอเหนี่ยวผู้เป็นน้องสาวจึงตัดสินใจเดินทางมาหาพี่ชายเพื่อขอร้องให้กลับไปเยี่ยมมารดา
    เมื่อลิ่มกอเหนี่ยวมาที่เมืองตานี ก็พบว่าพี่ชายได้เข้ารีตนับถือศาสนาอิสลาม และกำลังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยเจ้าเมืองตานีก่อ สร้างมัศยิดหลังใหญ่เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานทางศาสนาซึ่งนางเห็นว่าเป็นความผิดอย่างมหันต์ เพราะจะทำให้วิญญาณของบรรพ บุรุษต้องเสียใจที่ลูกหลานนอกรีตนอกรอย นางพยายามขอให้พี่ชายวางมือจากการก่อสร้าง แต่ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมฟังเสียง ในที่สุดนางลิ่มกอเหนี่ยวก็ลั่นวาจาสาปแช่งขออย่าให้พี่ชายสร้างมัสยิดได้สำเร็จได้ แล้วคืนนั้นเอง นางก็ตัดสินใจผูกคอตายกับกิ่งมะม่วงหิมพานต์ที่ตรงหน้ามัสยิดที่กำลังก่อสร้างนั้น เมื่อลิ่มโต๊ะเคี่ยมรู้ก็เศร้าโศกเสียใจ และได้จัดการ ฝังศพนางไว้ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ต้นนั้น
    หลังจากทำศพน้องสาวเสร็จ ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็พยายามสร้างมัสยิดต่อไป โดยเจตนาให้เป็นอนุสรณ์แก่น้องสาวด้วยแต่ ปรากฏว่าเมื่อสร้างไปถึงยอดโดมอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญก็เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าผ่าลงตรงกลางทำใหห็ยอดโดมพังทลายลงมา ครั้งแรกยังไม่มี ใครคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากเห็นว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติและลงมือสร้างต่อไปใหม่ แต่พอสร้างถึงยอดโดมก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาเป็นครั้งที่สอง ทำให้ยอดโดมพังทลายลงไปอีก ลิ่มโต๊ะเคี่ยมจึงนึกถึงคำสาปแช่งของนาง ลิ่มกอเหนี่ยวขึ้นมาได้และสั่งให้คนวางมือจากการก่อสร้างทั้งๆที่สร้างเสร็จแล้วเป็นส่วนมากเหลืออยู่แต่เพียงยอดโดมที่เป็นสัญลักษณ์ของมัสยิดเท่านั้น
    มีเรื่องเล่าว่า เมื่อประมาณร้อยปีมานี้ มีผู้พยายามสร้างยอดโดมต่อ แต่ก็ประสบเหตุอาถรรพ์เช่นเดิมอีก กล่าวคือเกิดฟ้าผ่าลงมาตรงกลางครั้งที่สาม เป็นเหตุให้ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะคำสาปแช่งของนางลิ่มกอเหนี่ยวนั่นเอง ในปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้ยังคงเหลือ โครงร่างอยู่เช่นเดิม ที่ตำบลรือเซาะ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร และหลุมศพของนางลิ่มกอเหนี่ยวก็ยังคงปรากฏอยู่เช่นกัน เรื่องเมืองปัตตานีสร้างมัสยิดไม่สำเร็จเพราะคำสาปแช่งของนางลิ่มกอเหนี่ยวได้แพร่สะพัดไปทั่ว ต่างก็ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ของคำสาป หลุมศพของนางลิ่มกอเหนี่ยวจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหว้ไม่ขาด และเชื่อกันว่าเป็นหลุมศพของเจ้าแม่ เมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนก็พากันไปบนบานศาลกล่าวขอให้เจ้าแม่ช่วยเหลือ และก็ปรากฏว่าสัมฤทธิผลไปตามๆกันคน จึงพากันนับถือมากขึ้นทุกที ต่อมามีชาวจีนคนหนึ่งได้ตัดกิ่งมะม่วหิมพานต์ที่นางลิ่มกอเหนี่ยวผูกคอตายนำไปแกะสลักเป็นรูป เหมือนของนางและสร้างศาลเล็กๆ ขึ้นไว้ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์นั้น นำรูปแกะสลักไปประดิษฐานไว้ให้คนไปเคารพบูชา
    เมื่อไม่นานมานี้เอง ชาวจีนในจังหวัดปัตตานีส่วนมากมีความเห็นว่า ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวเป็นที่เคารพบูชาของคนทั่วไป ด้วยถือว่าเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาลนั้นตั้งอยู่ไกลจากตัวเมือง ไม่สะดวกแก่การประกอบพิธีบวงสรวง จึงได้ร่วมมือกันสร้างศาลเจ้าแห่ง ใหม่ขึ้นที่ตัวเมืองปัตตานี คือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง และอัญเชิญรูปสลักเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวมาประดิษฐานที่ ศาลเจ้าแห่งใหม่ และยัง คงเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปตราบจนทุกวันนี้

    ...........เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นตำนานที่เล่าขานกันมานับร้อยปี ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียง จังหวัดปัตตานี แต่คนทั่วไปมักเรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตามตำนานเล่ากันว่า เดิมเมืองปัตตานีซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญ มีเรือสินค้าจากต่างเมืองแวะมาขนถ่ายสินค้าเป็นประจำ พ่อค้าหนุ่มชาวจีนชื่อว่า ลิ้มโต๊ะเคี่ยม ได้มาแวะที่เมืองแห่งนี้ และได้นำสินค้าเครื่องบรรณาการต่างๆ ไปมอบให้กับเจ้าเมืองตานี


     
  11. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ..........วันนี้มีของดีในฝันที่ได้มาจนได้ครับ..... ( องค์นี้สวยปิ๊งปั๊งครับ )
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า พิมพ์ว่านลอยองค์ หายากมาก องค์นี้จัดว่าเป็นพิมพ์ สร้างราวปี2486
    สร้างจากว่าน 108 และผงอิทธิเจ โดยท่านจะเขียนยันต์แล้วลบเก็บ เป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคล ส่วนผสมอีกอย่างคือเพชรหน้าทั่ง และทองคำเปลวที่องค์พระประธาน มวลสารที่ท่านใช้นั้นล้วนเป็นมวลสารมงคลทั้งสิ้น จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านล้วนมีปาฏิหารมากทุกรุ่น หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่าท่านได้รับความรู้ทางวิชา เวทต่างๆจากอาจารย์คง ท่านยังแสวงหาความรู้เพิ่มเติมทุกครั้งที่มีโอกาส หากมีข่าวว่าที่ไหนอาจารย์ดี ท่านจะฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาในเคล็ดลับวิชาแห่งวิชานั้นๆหลวงพ่อปลอดท่านจะใช้วิชาที่ร่ำเรียนมา ในการช่วยเหลือชาวบ้านตลอดมา พระเครื่องและวัตถุมงคล ที่หลวงพ่อปลอดท่านปลุกเสก ท่านได้ส่งพลังจิตในวัตถุมงคลนั้นๆ นับเป็นสิ่งที่มีพลังคุณครบครัน ทั้งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ หลวงพ่อปลอดท่านมักจะปรารภ กับศิษย์เสมอว่า"อันคาถาอาคม เหมือนกับมีด ต้องหมั่นลับเสมอจึงจะคม"คำกล่าวนั้นมีความหมายเป็นนัยว่า .......เมื่อศึกษาวิชาอาคมแล้ว ต้องหมั่นภาวนา ฝึกฝน และปฏิบัติอยู่เสมอ คาถาและวิชานั้นจึงจะ คงอยู่เสมอและใช้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ความขลังในพระเวทจะไม่เสื่อมคลาย......
    พระเครื่ององค์ท่านหลวงตาปลอด วัดหัวป่า
    ท่านจะทำเองทังหมดเริ่มตั้งแต่หาว่าน หาสมุนไพรและส่วนผสมอื่น ๆ การตำผสมกันนั้นพระและสานุศิษย์ต่างออกแรงช่วยกัน โดยหลวงตาท่านกดพิมพ์เอง เสร็จสรรพ การปลุกเสกนั้น บางรุ่นปลุกเสกเป็นแรมเดือน จนถึงปี
    รูปเหมือนลอยองศ์รุ่นนี้ นับเนื่องแล้วแสนวิเศษครบทุกอย่าง เสียดายเพียงหลวงตาท่านสร้างน้อยเสียเหลือเกิน ถ้าคุณชอบเนื้อว่านลองศึกษาอัตถชีวประวัติและการสร้างพระเครื่องของท่านหลวงตาปลอด ปุญญสุสโร เทพเจ้าแห่งหัวป่า อ.ระโนด ดูซึ่งทำก่อนปี 2500 ไม่ว่าจะเป็นนางกวักพระรูปเหมือนและพระพุทธ แล้วคุณจะหายห่วงว่าทำไม"พ่อค้าที่รำร่วยที่ทำการค้าลุ่มทะเลสาบ และนักการเมืองคนหนึ่งที่โด่งดัง แห่ง อ. ระโนด ต้องใช้เนื้อว่านของท่าน"
    ท่านหลวงตาปลอด มรณภาพด้วยอาการสงบในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๗ สิริอายุรวม ๙๗ ปี พรรษาที่ ๗๖ ปัจจุบันร่างขององค์ท่านนอนสงบนิ่งในโลงแก้ว ณ กุฏิเดิมของท่าน วัดหัวป่า ร่างของท่านเป็นอมตะ ไม่เน่า ไม่เปื่อย ผมและเล็บงอกเงยเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป
    เมื่อเข้ากราบไห้ว บนบาน องค์ท่านรับหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจะสมดั่งใจหมาย สำเร็จในสิ่งที่คิดจะทำ *** [​IMG]
    ข้อมูลจากหนังสือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2010
  12. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    "เม็ดเล็กๆแต่พุทธคุณเบ่อเร่อ"
    ชิ้นที่2ที่ได้มาทีเดียว2ชิ้น...ซึ่งหายากกว่าเหรียญที่แพงๆซะอีก แต่ราคานั้นถูกกว่าเป็นกองครับ
    "ลูกอม อ.ศรีเเก้ว วัดไทรใหญ่ "
    [​IMG]
    [​IMG]
    .....ต้องบอกว่า2ลูกนี้เลี่ยมเดิมปิดทองเดิมจากวัด มาเเบบเดิมสุดๆทีเดียวครับ โชคลาภโภคทรัพย์ หายห่วงแน่นอนครับ
    .....อีกทั้งมีลงอยู่ในหนังสือ"พระเครื่องสายควนเนียง"...เป็นหลักฐานเเน่ชัด ที่มาดีอีกต่างหาก ครับ100%อ.ศรีแก้ว ชัดเจนครับ.....ปิดตาท่านราคาไปจะเเสน เหรียญรุ่นแรกก็หลายหมื่น แต่ลูกอมนั้นหาไม่ง่ายเลย ราคาไม่แพง ผู้ใดพบเห็นเก็บไว้เข้าลังเลยครับ ไม่ต้องลังเล.....พุทธคุณ+ประสบการณ์ นั้นชาวทักษิณรู้กันดีครับผม......


     
  13. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    [​IMG]
    รูปท่าน อ.ศรีแก้ว วัดไทรใหญ่
    ประวัติการสร้างวัดไทรใหญ่ วัดไทรใหญ่
    เดิมทีตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดไทรใหญ่ปัจจุบัน ซึ่งชาวบ้านไทรใหญ่ยังเรียกกันติดปากจนกระทั่งบัดนี้ว่า “วัดเก่า” ห่างจากวัดประมาณ ๕ เส้นเศษ มีเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ ๒ งาน ลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม บริเวณรอบวัดเป็นหมู่บ้านราษฎรและทุ่งนา ถึงฤดูฝนน้ำท่วม คณะกรรมการของวัดในสมัยนั้น ซึ่งมีขุนถาวร สุวรรณรัตน์ กำนันตำบลควนรู พร้อมด้วยพุทธบริษัทของวัดได้ปรึกษากันว่า ต่อไปภายหน้าจำนวนพระภิกษุสามเณรเพิ่มมากขึ้น ประชาชนที่มาบำเพ็ญบุญกันในวัดก็มีเพิ่มขึ้น อาณาบริเวณวัดคับแคบมาก มีเนื้อที่ไม่เพียงพอที่จะขยายเพื่อปลูกสร้างเสนาสนสถานเพิ่มเติมให้เพียงพอที่จะจะขยายเพื่อปลูกสร้างวัดใหม่ขึ้นในท้องที่ตำบลควนรู เมื่อประชุมปรึกษามีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ขุนถาวร สุวรรณรัตน์ จึงได้ขอที่ดินของนายพรหม คงสม เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ และที่ดินของนายเพชร บัวเพชร ประมาณ ๔ ไร่ และของบุคคลอื่นในบริเวณใกล้เคียง ได้เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๒๕ ไร่เศษ ทั้งนี้ไม่รวมกับที่ป่าช้าซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเรียกว่า “เกาะตะเคียน” เมื่อได้ที่ดินมาเรียบร้อยแล้ว คณะพุทธบริษัทได้ลงมือแผ้วถางป่า ปราบพื้นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ย้ายวัดเก่ามายังวัดใหม่ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีชวด โดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เช่น กุฏิ หอฉัน ศาลาการเปรียญ (เว้นแต่พระอุโบสถ) ส่วนการทำสังฆกรรมของพระสงฆ์ ยังคงใช้อุโบสถของวัดเก่า เพราะวัดใหม่ยังไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตพระราชทานวิสุงคามสีมา+ เพื่อบันทึกคุณงามความดีของท่านที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างวัดไทรใหญ่ จึงได้นำรายชื่อของท่านเหล่านั้นมาบันทึกไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ และให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบ คือ
    ๑. ท่านอาจารย์ศรีขวัญ เจ้าอาวาสวัดชลธาวาส ตำบลบางกล่ำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านชะแล้ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
    ๒. ท่านอาจารย์สีแก้ว กุลคุโณ
    ๓. ขุนถาวร สุวรรณรัตน์ (คง สุวรรณรัตน์) กำนันตำบลควนรู อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าแซ ตำบลท่าแซ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    ๔. นายมี คงมัยลิก
    ๕. นายคลิ้ง จันทรโชติ ครูใหญ่โรงเรียนวัดไทรใหญ่
    ๖. นายยิ้ม คงสม
    ๗. นายเขียว อ่อนรักษ์
    ๘. นายลอย อ่อนรักษ์
    ๙. นางศรีนวล สุวรรณรัตน์
    ๑๐. นายลิ่ม อ่อนรักษ์
    ๑๑. นางสุ้น ศรีวะปะ
    ๑๒. นางหนู ปานแก้ว
    ๑๓. นางศรีขวัญ คงสม
    ๑๔. นางจิบ บัวเพชร
    ๑๕. นายเขียน ก่อกิ้มเส้ง
    ๑๖. นายขับ แก้วอัมพร
    ๑๗. นางจันทร์เนี่ยว คล้ายทอง
    ๑๘. นางชื่น สุวรรณรัตน์
    ๑๙. นางเส้ง บัวสม
    ๒๐. นางไชย แก้วสองสี
    ๒๑. นางจันทร์ทอง บัวสม
    ๒๒. คณะราษฎร ซึ่งเป็นพุทธบริษัทในท้องที่หมู่ที่ ๔, ๕, และ ๖ ตำบลควนรู และตำบลใกล้เคียง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
    หลังจากได้สร้างวัดไทรใหญ่ใหม่เรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ ก็ได้เป็นประธานปกครองคณะสงฆ์ของวัดไทรใหญ่ตลอดมา จนกระทั่งถึง พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ ผลงานของท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ ในด้านการสร้างเสนาสนสถานอันเป็นศาสนสมบัติให้กับวัดไทรใหญ่ คือ
    ๑. พ.ศ. ๒๔๖๗ สร้างศาลาการเปรียญ ขนาดกว้าง ๑๔.๐๐ เมตร ยาว ๒๓.๕๐ เมตร
    ๒. พ.ศ. ๒๔๖๗ สร้างบ่อน้ำ ขนาดกว้าง ๖.๐๐ เมตร ลึก ๒๐.๐๐ เมตร + ๓. พ.ศ. ๒๔๗๐ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๖.๐๐ เมตร ยาว ๑๐.๕๐ เมตร
    ๔. พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
    ๕. พ.ศ. ๒๔๗๒ ผูกพัทธสีมา
    ๖. พ.ศ. ๒๔๗๔ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๑๑.๐๐ เมตร ยาว ๒๐.๐๐ เมตร+ ๗. พ.ศ. ๒๔๗๗ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๕.๐๐ เมตร ยาว ๖.๐๐ เมตร
    ๘. พ.ศ. ๒๔๘๐ สร้างพระอุโบสถ ขนาดกว้าง ๑๗.๕๐ เมตร ยาว ๓๐.๐๐ เมตร
    ๙. พ.ศ. ๒๔๙๑ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๖.๕๐ เมตร ยาว ๙.๐๐ เมตร
    ๑๐. พ.ศ. ๒๔๙๕ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๖.๐๐ เมตร ยาว ๙.๐๐ เมตร
    ๑๑. พ.ศ. ๒๔๙๙ สร้างกุฏิ ขนาดกว้าง ๙.๐๐ เมตร ยาว ๑๓.๕๐ เมตร
    ๑๒. พ.ศ.๒๕๑๐ สร้างอนุสาวรีย์ช้างพลายประทุม ขนาดกว้าง ๕.๕๐ เมตร สูง ๖.๕๐ เมตร
    ๑๓. พ.ศ. ๒๕๑๑ สร้างพระประทานประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ ขนาดหน้าตักกว้าง ๕.๐๐ เมตร สูง ๗.๐๐ เมตร
    ๑๔. พ.ศ. ๒๕๑๓ สร้างรูปพระอัครสาวกประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ ขนาดสูง ๒.๖๐ เมตร
    บรรดาสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ของวัดไทรใหญ่ ดังที่กล่าวมานี้ ท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ เป็นผู้นำที่สำคัญและมีบทบาทในการจัดหาเงินและอุปกรณ์ในการก่อสร้างจนสำเร็จ ทั้งนี้โดยความร่วมมือและแรงศรัทธาของพี่น้องชาวบ้าน ไทรใหญ่ วัดไทรใหญ่นับว่าเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในอำเภอรัตภูมิ ที่มีเสนาสนสถานพอเพียงสำหรับภิกษุสามเณรที่บรรพชาอุปสมบทในเทศกาลเข้าพรรษาในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
    ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นต้นมา ท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ ได้เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมาด้วยโรคชรา แม้จะได้รับการรักษาพยาบาลจากหมอเป็นอย่างดี แต่อาการของโรคก็ไม่ดีขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากในอดีต ท่านอาจารย์ได้ตรากตรำเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและบำเพ็ญศาสนกิจมาก จนกระทั่งถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖ เวลา ๐๔ นาฬิกา ท่านอาจารย์ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ท่ามกลางความเศร้าสลดของพระภิกษุสามเณร ญาติพี่น้อง พุทธบริษัทของวัดไทรใหญ่ ที่เฝ้าดูอาการของท่านอย่างใกล้ชิด นับว่าวัดไทรใหญ่ได้สูญเสียพระเถระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไป ทุกคนต่างมีน้ำตานองหน้า แสดงถึงความเศร้าโศก มีแต่เสียงรำพึงรำพันว่า “ตั้งแต่นี้ไป เราจะไม่มีพ่อท่าน ตาหลวง ลุงหลวง ของเราอีกต่อไปแล้ว” ศพของท่านอาจารย์ได้ประดิษฐานไว้เพื่อเป็นที่สักการบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่เคารพนับถือท่านเป็นเวลาถึง ๖ ปีเศษ และได้ทำการฌาปนกิจเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓
    หลังจากท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ ถึงแก่มรณภาพแล้ว ท่านภา สจฺจธมฺโม ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ต่อมา ท่านเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่องค์ใหม่ ได้ปกครองลูกวัดและสร้างถาวรวัตถุโดยดำเนินรอยตามท่านอาจารย์ศรีแก้ว ในระยะเวลา ๕ ปีเศษ ที่ท่านภา สจฺจธมฺโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้สร้างสิ่งสำคัญให้กับวัดไทรใหญ่ คือ
    ๑. สร้างหอฉันและโรงครัว ๑ หลัง ราคาประมาณ ๕๒๕,๐๐๐ บาท
    ๒. สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ราคาประมาณ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
    ๓. สร้างพระประธานและพระอัครสาวก ราคา ๔๕,๐๐๐ บาท
    สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงและกำหนดไม่ได้คือความตาย หลังจากท่านได้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เพื่อซื้อพระประธานสำหรับประดิษฐานไว้ในศาลาการเปรียญแล้ว เมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพโดยกระทันหัน ท่ามกลางความเศร้าของญาติพี่น้องและศิษยานุศิษย์ โดยที่ท่านไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ฌาปนกิจศพของท่านอาจารย์ศรีแก้ว ศพของท่านภา สจฺจธมฺโม ได้ประดิษฐานเคียงคู่อยู่กับศพของท่านอาจารย์ศรีแก้ว หลังจากท่านภา สจฺจธมฺโม ถึงแก่มรณภาพแล้ว ทางคณะสงฆ์โดยความเห็นชอบของพุทธบริษัทของวัดไทรใหญ่ ได้แต่งตั้งให้ท่านเฉี้ยง มเหสกฺโข ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่และเป็นชาวไทรใหญ่โดยกำเนิด ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน สำหรับเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ยังคงสร้างศรัทธาความเชื่อให้กับชาวไทรใหญ่ทุกคน และปกครองภิกษุสงฆ์เยี่ยงพ่อปกครองลูก โดยดำเนินรอยตามท่านอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ และท่านภา สจฺจธมฺโม ดังกล่าวแล้ว
    ประวัติวัดไทรใหญ่นี้เขียนขึ้นโดยถือหลักฐานบันทึกของอาจารย์คุณครูคลิ้ง จันทรโชติ อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดไทรใหญ่ ซึ่งท่านได้มอบต้นฉบับให้ หากข้อความหรือตัวเลขต่าง ๆ ผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปบ้าง ข้าพเจ้ากราบขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ครับผม....
    ท่านอาจารย์ศรีแก้ว ฝึกช้างป่า พลายประทุม”<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    พลายประทุมเป็นช้างป่าที่ดุร้าย พระอาจารย์ศรีแก้วนำมาฝึก โดยมีจุดมุ่งหมาย ๒ ประการ คือ<O:p></O:p>
    ๑. เพื่อใช้งานลากไม้มาสร้างโบสถ์<O:p></O:p>
    ๒. เพื่อเป็นสื่อกลางในการหารายได้จากชาวบ้าน ไทรใหญ่ เพื่อเป็นเงินทุนใช้จ่ายในการสร้างโบสถ์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ขั้นตอนการฝึก<O:p></O:p>
    ๑. นำช้างพลายประทุมมาทำความรู้จักกับควาญช้าง ซึ่งมี นายแคล้ว นายพ่วง นายแดง นายเหมีย นายเพ็ง ทั้งนี้เพื่อไปปรับเปลี่ยนเวียนกันดูแลพลายประทุม ต้องทำทุกวันจนพลายประทุมจำได้และคุ้นเคย<O:p></O:p>
    ๒. เอาน้ำมนต์ที่พระอาจารย์ศรีแก้ว กุลคุโณ ทำขึ้น โปรดบนหัวของพลายประทุมทุกวัน ๆ จากคำบอกเล่าของ นายแคล้ว คงสม ว่าพระอาจารย์ศรีแก้วมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์ด้วย และเคร่งมาก ถึงขนาดยิง ฟัน แทง ไม่เข้า ดังนั้นการทำน้ำมนต์นี้เพื่อกำราบความดุร้ายของพลายประทุม<O:p></O:p>
    ๓. การนำพลายประทุมออกจากวัดเพื่อทำความรู้จักกับชาวบ้าน ฝึกให้รู้จักขอถ้าต้องการจะกินอ้อย กล้วย ของชาวบ้าน โดยใช้คำพูดและตีเบา ๆ เช่น สวัสดีก่อนลูกทุม เก่งมากลูกเก่งมาก นั่งลูกนั่ง ตีเบา ๆ เก่งมากลูกเก่งมาก ทำเป็นประจำจนพลายประทุมรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าต้องการจะกินอะไรต้องขอก่อน ถ้าเจ้าบ้านหรือเจ้าของไม่ให้ พลายประทุมก็จะไม่เอา นิสัยดีมาก<O:p></O:p>
    ๔. การฝึกให้อุ้มบาตร เพื่อจะได้ขอเงินที่ชาวบ้านต้องการทำบุญ โดยให้พลายประทุมรู้จักว่า “นี่คือบาตร” หัดอุ้มกับงวง และส่งยื่นออกไป และนำบาตรกลับเข้ามาไว้ที่ตัวเอง และยื่นออกไปและกลับเข้ามาอย่างนี้เรื่อย ๆ ทุกวัน จนอุ้มบาตรได้ และปฏิบัติการยื่นบาตรได้ด้วยงวงของพลายประทุมเอง<O:p></O:p>
    ๕. ฝึกให้พลายประทุมรู้จักธนบัตร แบงค์ ๑๐, ๒๐, ๑๐๐, ๕๐๐ และเศษสตางค์ คือ เหรียญ ๑ บาท ๕ บาท โดยการนำธนบัตรมาให้ดูและพูด ๑ บาท นะทุม แบงค์ ๑๐ นะทุม ฯลฯ จนพลายประทุมสามารถจำธนบัตรและเหรียญได้หมด<O:p></O:p>
    ๖. ฝึกการใส่ธนบัตรและเศษสตางค์ในบาตร โดยให้พลายประทุมอุ้มบาตร และบอกยื่นออกมานะลูก เมื่อพลายประทุมยื่นออกก็ใส่สตางค์ให้ และบอกว่า เอากลับไปลูก ทำแบบนี้ทุกวันจนพลายประทุมชำนาญสามารถขอเงินจากคนที่พบเจอได้<O:p></O:p>
    พลายประทุมจะรู้ว่าเมื่อไรที่พระอาจารย์ศรีแก้ว หรือควาญช้างเอาบาตรมาให้ แสดงว่าต้องมีหน้าที่ขอเงินแล้ว พลายทุมก็จัดการทำตามหน้าที่ทันที และบัดนี้พลายประทุมมีนิสัย กริยา ท่าทางที่เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี<O:p></O:p>
    ฝึกการทำงานลากไม้ เก็บกวาดอุปกรณ์ให้เข้าที่ จนพลายประทุมสำเร็จการศึกษาเหมือนคนหนึ่งคนที่รู้เรื่องหมดทุกอย่าง<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2010
  14. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    สวัสดีวันใหม่ครับชาวพลังจิต ส่วนข้อมูลผมได้ลงไว้เเล้วด้านบน เชิญอ่านได้เลยครับ สำหรับหลายท่านที่สอบถามเกี่ยวกับ อ.ศรีเเก้ว และ ลอยองค์ว่าน2486ตาหลวงปลอด เชิญชมด้านบนครับผม
     
  15. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ทำตัวเล็ก ๆ ก็ได้ตัวหนังสือ ยิ่งโตยิ่งอ่านยากกว่าเดิมซะอีกเนี่ย
     
  16. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ลอยองค์สวยดีค่ะ เห็นเนื้อว่านล้วน ๆ เลย
     
  17. cornell

    cornell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณครับ องค์นี้ลึกๆเลย พิมพ์ชัดๆ
     
  18. bug_load

    bug_load เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +4,382
    หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า พิมพ์ว่านลอยองค์ สวยดีค่ะ
     
  19. bug_load

    bug_load เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +4,382
    ทำเป็นรูป ด้วย เดี๋ยวก็โดนบุกนะคะ สวยๆ อย่างนี้น่ะค่ะ :cool:
     
  20. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,272
    ค่าพลัง:
    +13,236
    สวัสดีครับคุณ cornell ยังติดตามอยู่นะครับ จะเอารูปปรกโพธิ์ หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก มาร่วมแจมซักหน่อย แต่อัพโหลดรูปไม่ขึ้นเลย ไม่รู้เว็ปเป็นอะไร 2 วันแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...