ร้อนลูกตา เพราะทำกสินไฟ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jerajajen, 26 ธันวาคม 2008.

  1. jerajajen

    jerajajen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +267
    ผมฝกกสินได้ครึ่งเดือน มีความรู้สึกว่าเหมือนตาค้างๆยังไงไม่รู้ และร้อนลูกตาแต่ไม่ได้แสบนะครับ ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า และถ้าเกี่ยวจะต้องทำอย่างไรต่อไป
    รบกวนผู้รู้ช่วยตอบที ขอบคุณครับ
     
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ความร้อนที่ลูกตานั้น ปรกติมีอยู่แล้ว โดยมีอุณหภูมิไม่เกิด 37 องศาเซลเซียส

    ก่อนที่เราจะฝึกกสิณ เราไม่เคยรู้สึก หรือ รู้จักการเอาจิตจับธาตุไฟมาก่อน จึงถึง
    แม้จะรู้ แต่ก็ไม่เคยใส่ใจ

    ตอนนี้มาทำสัญญาระลึกรู้ธาตุไฟให้หนักแน่นแล้ว ให้จิตเคล้าเคลียรกับการระลึก
    รู้ มีวิตก วิจารกับการเห็นธาตุไฟ จิตมันจึงเริ่มรับรู้ความร้อน วูบๆ วาบๆ ที่เกิดขึ้น
    ตามปรกติในกายเราเป็นธรรมดา

    ก็ทำจิตระลึกรู้ไปเฉยๆ เวลาๆ จิตมันไปรู้ธาตุไหในกาย ซึ่งมันจะเกิดเนื่องกับรูป
    กายเสมอ เพราะต้องอาสัยอยาตนะโผฐัพพะเข้าสัมผัส ก็ฝึกไปเรื่อยๆ ระลึกไป
    เรื่อยๆ แล้วทุกครั้งให้ระลึกดูความยินดี และความไม่ยินดี(ยินร้าย) ที่จะเกิดซ้อน
    ตามหลัง ระลึกดูตรงนี้ไว้ด้วย อย่าให้มันเกิดมากเกินไป หรือถ้าเกิดก็ระลึกรู้ให้
    ทัน จะได้ไม่เห็นเป็นปัญหา จะเกิดปัญญา และจะทำให้แยกแยะได้อยู่ว่า ร้อน
    เพราะจิตไปรู้ หรือ ว่าตอนนี้ป่วยไข้

    หากใช้จิตระลึกรู้ไม่ได้ว่า ป่วยไข้ หรือ ยังอยู่ในทางการฝึกฝน ก็หยิบปรอทมาวัด
    พลางๆ แต่อย่าหยิบปรอทขึ้นมาด้วยความสงสัย จะกลายเป็นการทำตามนิวรณ์
    การปฏิบัติจะเสียได้ เพราะนิวรณ์มันแอบครอบงำผ่านขันธ์มาร

    * * * *

    เชิงอรรถ

    1. ตรงการทำกสิณ ตรงนั้นเป็นการ ทำสมถะกรรมฐาน

    2. ตรงระลึกรู้ดูอาการ จิตยินดี ยินร้าย ตรงนี้คือ ทำวิปัสสนากรรมฐาน(เวทนาบรรพ)

    3. หากยกระลึกดูกายเรากำลังเพ่งเทียน หรือ กายเราทั้งกายกำลังรับรู้ความเย็นร้อน(ธาตุไฟ)
    โดยเห็นว่า อะไรสักอย่างที่เรียกว่ากายเรากำลังฝึกเพ่งเทียน หรือ ดูธาตุไฟ แบบนี้
    คือยกขึ้นเป็นวิปัสสนาโดยควบสมาธิ

    วิธีที่ 1 คือ การทำสมถะอย่างเดียว ให้ได้ฌาณก่อน เมื่อได้ฌาณแล้ว ควรไปทำวิปัสสนาอีกที
    เพราะการเกิดสติยังไปเกาะอะไรอยู่ข้างนอกกายนอกใจ ( อยู่ที่เทียนนู้น เป็นต้น )

    วิธีที่ 2 คือ การทำสมถะนำหน้า การทำวิปัสสนา แบบสลับไปมา จะทำให้เริ่มได้ปัญญา
    (วิปัสสนาญาณ)ไปพลางๆ เพราะการเกิดสติสลับการเกิดข้างนอกบ้าง ในกายในจตนบ้าง

    วิธีที่ 3 คือ การทำวิปัสสนาควบสมาธิ จะทำให้ได้ปัญญา(วิปัสสนาญาณ)เร็วขึ้น เพราะการ
    เกิดสติอยู่ในฐานการรู้ที่อยู่ภายในกายในใจตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2008
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    กสิณไฟ ไม่ใช่การเอาตาของเราไปจ้องไฟนะครับ อันนั้นยังไม่ถูก
    กสิณไฟจริงๆ ก็คือจินตนาการ หรือนึกถึงภาพไฟ ก็เท่านั้นเองครับ

    ถ้าเรานึกถึงภาพไฟ ได้ตลอดทั้งวัน อันนั้นแหละถึงจะเรียกว่าเริ่มได้ดีในกสิณไฟ
    การจ้องไฟนอกจากจะทำให้ปวดตาแล้ว ยังไม่ถูกวิธีอีกด้วยนะครับ

    ขอให้ลองปรับวิธีใหม่ครับ
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เมื่อก่อนผมชอบดูหนังพวกเอเลี่ยน แล้วก็ไปหาอ่านที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาบ้าง แค่อ่านแล้วก็สักแต่ว่า..
    หลังจากปฏิบัติจนจะครบปีเร็วๆนี้..
    มีบางวันช่วงที่สมาธินิ่งระัลึกถึงตัวเอเลี่ยนนั่นแหละตาโตๆ
    แม๊ะ..มันชัดเจนดีจริงๆ..แต่ก็สักแต่ว่า อย่าไปปรุงแต่งต่อนะครับ..

    ต่อมา..ผมไหว้พระตอนเช้า พระพุทธรูปสีทอง(ทองเหลือง)ที่ตั้งไว้ ก่อนสวดมนต์ผมก็จ้องพี่องค์พระกำหนดรู้ว่า เห็นหนอ ไม่ได้ไปสอดส่องตรงไดตรงนึงนะครับ เห็นเป็นภาพรวมๆนั่นแหละ
    ทำสมาธิแบบลืมตาซักพัก แล้วสวดมนต์ สวดไปซักพักก็หลับตาบ้างตอนนั้นแหละภาพองค์พระท่านก็จะยังอยู่แต่เป็นสีส้ม..


    ปล.ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นสมมตินะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  5. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ขออนุญาติถามครับ กสินไฟของท่าน คือไฟใดครับ แสงเทียน ,กองไฟ หรือ พระอาทิตย์ครับ หากเป็นอันสุดท้าย ขอเตือนระวังจะไม่สบาย เหมือนคนมีไข้สูงนะครับ
     
  6. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    หลวงปู่ละมัย ท่านเคยบอกว่า ท่านเห็นพระฝึกกสิณไฟ ตาบอดมาก็เยอะ ระวังๆ กันไว้หน่อยก็ดีนะครับ
     
  7. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ผมไม่เคยฝึกหรอกครับ เเต่การที่เอาตาเพ่งที่ไฟนี่ ยังไงก็ระวังไว้บ้างก็ดี อย่างที่พี่ nuttadet บอกครับ ระวังตาบอด ยังไงก็ควรศึกษาให้ถูกวิธีดีกว่าครับ ซี้ซั้วทําคงไม่ดีเเน่
     
  8. jerajajen

    jerajajen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +267
    ขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลเตือนใจ
    ผมดูเปลวเทียนแป๊ปนึงแล้วก็หลับตาครับ ไม่ได้เพ่งตลอด แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้นนะครับ อย่างงี้ผมคงต้องเลิกทำหรือเปล่าครับ
     
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถ้าแข็งแรงขึ้น ก็ย่อมมีผลดี เป็นอานิสงค์

    ควรทำต่อไหม

    ต้องดูใจครับ ว่าทำเพื่อหวังผลการแข็งแรงหรือเปล่า
    ถ้าใช่ แปลว่า มีการทำเพื่อหวังผลที่ตั้งไว้ แบบนี้ไม่ควรทำครับ
    ให้ระงับการตั้งจิตทำครั้งนั้นไว้ก่อน

    ถ้าทำเพื่อธรรม เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง แบบนี้ก็พอทำต่อได้ ถึง
    แม้จะเป็นกิเลส แต่ก็พอทำเนา

    แต่ถ้าใช่ เห็นทันความอยาก เห็นทันกิเลสที่ชักจูงให้นั่งลง ให้น้อมเข้าสมาธิ
    ให้น้อมในการทำฌาณ อันนี้ก็ถือว่า ได้วิปัสสนาไปด้วย ระวังข้าศึกอันคือ
    ตัวตัณหาไว้ด้วย ก็ถือว่าแจ่ม หลังจากการเห็นตัณหาแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่อง
    ของเหตุผลอันสมควร ถ้าสมควรนั่ง ทำต่อ ก็ทำต่อ สังเกตุว่าก่อนเข้าสมาธิ
    หรือทำฌาณ จิตมันจะโปร่งๆแต่ต้น จะไม่มีกระวนกระวาย หมายมั่นให้เห็น

    เรื่องความแข็งแรง ให้ยกไปเป็นเรื่องของอานิสงค์นะครับ ทำสมาธิ ไม่ว่า
    อะไรแบบไหนจะมีอานิสงค์เป็นวิบากให้ผลตามมาเสมอ ดังนั้น ไม่จำเป็น
    ต้องตั้งเป้าไว้ แค่รู้ๆว่าเกิดผลอะไรบ้างก็พอแล้ว

    * * *

    การทำกสิณ หรือ แม้แต่นั่งสมาธิหลับตา หากจะมีผลต่อดวงตา ให้สังเกตุ

    1. ขี้ตา ตอนตื่นนอน ถ้ามีมาก และเพิ่มขึ้นทุกวัน มีทุกเวลา แบบนี้ควร
    พักการทำกรรมฐานนั้นๆไว้ก่อน เพราะถ้ายังมีหน้าที่การงาน มีครอบครัว
    เราต้องรักษาร่างกายไว้ก่อน แต่ถ้าบวชแล้ว อันนี้ขึ้นกับอัธยาศัย

    2. หลังจากเจริญกรรมฐาน เมื่อออกจากสมาธิ กรอกตาได้ง่ายหรือว่าฝืดๆ
    แข็งๆ แสบๆ เคืองๆ แบบนี้ให้เลิกทำ แล้วหาพระเพื่อถามไถ่แนวทางปฏิบัติ
    ที่เกษมกว่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2008
  10. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    เป็นอาการปกติของกสิณไฟค่ะ


    กสิณสี เช่น ขาว, เหลือง, แดง, เขียว
    เมื่อเพ่งแล้ว เกิดภาพเมื่อหลับตา เรียกว่า "ดวงกสิณเกิดแล้ว"
    ก็สามารถละการมอง เอาดวงกสิณที่ปรากฏเป็นอารมณ์สมาธิได้เลย
    เพ่งไปมากๆ เข้าก็อาจเปิดตาทิพย์ได้ค่ะ คือ เริ่มเห็นอะไรแปลกๆ เช่น นิมิต


    ส่วนกสิณธาตุสี่ คือ กสิณ, ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ
    เมื่อฝึกแล้ว จะไม่ใช่แค่ดวงกสิณปรากฏเป็นภาพขณะหลับตานะคะ
    แต่ธาตุสี่ในร่างกายจะแปรปรวนด้วย คือ เพ่งธาตุไหน ธาตุนั้นจะเพิ่มมาก
    เป็นอาการปกติของการเพ่งกสิณธาตุสี่


    วิธีการคือ รวมจิตไว้ที่ตาที่สาม แล้วระลึกว่า "ทะลวงออกๆๆๆ"
    เอาความรู้สึกร้อนมาไว้ที่ตาที่สาม แล้วกำหนดด้วยจิตให้มันทะลวงออกค่ะ
    เมื่ออดทนร้อนได้ถึงจุดหนึ่ง ความร้อนจะหายไป แล้วกลายเป็นคนมีธาตุไฟแข็งแรง
    เวลาเขาร้อนกัน เราก็ไม่ค่อยร้อนค่ะ เวลาเขาหนาว เราไม่ค่อยหนาวค่ะ


    กำลังก้าวหน้าแล้ว อย่าหยุดกลางคันนะคะ
    (ถ้าธาตุแปรปรวนมาก ให้ทานยาสมุนไพรปรับธาตุไฟค่ะ เช่น ฟ้าทลายโจร)
     
  11. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    การเพ่งจนตาบอด


    เพราะฝืนกำลังมากไป หากเพ่งแล้ว 5 นาที ไม่เกิดดวงกสิณ ควรหยุดเพ่งกสิณค่ะ
    การฝึกกสิณเป็นการฝึกอภิญญา หรือเจโตวิมุติ ดังนั้น หากกำลังจิตตก จะล้า และ
    ถูกแทรกด้วยนิมิตหลอน ฯลฯ ต่างๆ ได้มาก หน่อย จะบอกลูกศิษย์เสมอว่า อย่า
    ฝึกนาน ถ้าไม่ได้แล้ว พักไปก่อน ให้ฝึกต่อวันหลังค่ะ แค่นี้ ก็ไม่ตาบอดแล้ว
     
  12. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ตอบดีมากครับ ผมก็เคยมีอาการดังที่ท่านบอกครับ อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...