ละแล้ว “แก้ว กวินนา” ขอบวชชี

ละแล้ว “แก้ว กวินนา” ขอบวชชี

เส้นทางชีวิตของนักแสดง-นักร้องในวงการบันเทิงย่อมมีขึ้นมีลง เฉกเช่นแสงจากดวงดาววันหนึ่งก็ย่อมอ่อนล้าลงไป เป็นสัจจธรรมแน่แท้ที่สุด เช่นเดียวกันกับชีวิตคู่ขวัญแห่งยุค 90 คู่หนึ่ง “แก้ว กวินนา สุวรรณประทีป” และ “นิค ยูโฟร์” อดีตนักร้องขวัญใจวัยรุ่นจากที่เคยโด่งดังสุดๆ และมีผลงานให้ติดตามมากมาย ทั้งละครและเพลง มาวันนี้ชีวิตของทั้งสองนั้นสุดเหลือเชื่อ “นิค ยูโฟร์” ในวันที่ซีกซ้ายอ่อนแรง



“นิค ยูโฟร์” เผยว่า หลังจากหยุดเล่นดนตรีก็ยังเป็นเพื่อนกันกับ “แก้ว” อยู่ ทว่าช่วงหลังเราก็คุยกันว่าชีวิตมาถึงจุดที่ต้องเดินไปในทางของตนเอง ผมก็ตัดสินใจมีครอบครัว และไปเปิดร้านอาหาร ตอนนี้ผมเป็นกระดูกต้นคอเสื่อมทับเส้นประสาท ทำให้ปลายมือชา แขน-ขาอ่อนแรง โดยเฉพาะขาข้างซ้ายครับ ตอนนี้กายภาพบำบัดอยู่ที่คลินิกหมอโอ่ง ศาลายา (ที่เดียวกับที่พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ไปรักษาครับ)



เขาเผยถึงชีวิตครอบครัวอีกว่า ทุกวันนี้เขามีบุตรชาย 1 คน และยังพอมีงานให้ทำบ้าง ล่าสุดจะมีคอนเสิร์ตในปลายปีนี้ สำหรับคอนเสิร์ตปลายปีครั้งนี้ก็ตั้งใจจะขึ้นให้ลูกชายดูสักครั้ง “น้องเจ้าคุณ ด.ช.ณคุณ อัศวะชานนท์” อายุ 8 ขวบ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มารวมตัวกันอีก ผมจำได้ว่าคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วที่พารากอนมันก็นานเกิน 12 ปีแล้ว ตอนนั้นเขายังไม่เกิด ผมก็อยากจะเล่นให้ดีที่สุดให้ลูกได้เห็นในช่วงที่ร่างกายยังพอไหว



อีกด้าน “แก้ว กวินนา” อดีตนางเอกชื่อดัง เผยแก่ “ดาราเดลี่” ว่า จริงๆ ปีที่แล้วก็ยังมีงานละครรับเชิญบ้าง ที่ PPTV ทว่าตอนหลังผันไปทำธุรกิจความงาม และจิวเวลรี่ ก็ประสบความสำเร็จดี ตอนหลัง “แก้ว” มาศึกษาธรรมะ อาจด้วยอายุมากขึ้นก็ต้องการความสงบ เลยไปบวชชี



ธุรกิจก็ไปด้วยดีนะ ก็อยู่คนเดียวทุกวันนี้ ไม่ได้แต่งงานอะไร เราคิดแล้วว่าชีวิตเราก็น่าจะเป็นแบบนี้ พอดีรู้จักเพื่อนคนหนึ่งเขาชวนว่าน่าจะไปนั่งสมาธิ ก็สนใจ พอไปทำสมาธิรู้สึกว่าสงบมาก “แก้ว” เลยตัดสินใจบวชชีมาระยะหนึ่ง ที่วัดแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดพิษณุโลก ก็ได้รับความเมตตาจากกัลยาณมิตรหลายท่าน ส่งข้อความกันมาเยอะมากว่าไปบวชแล้วเหรอ ก็บอกว่ามาศึกษาธรรมะสักระยะ เราก็โอเค จิตใจสงบมาก



“แก้ว” เผยอีกว่า ทุกวันนี้เธอยังแข็งแรงดี แม้จะไม่ได้ข้องแวะวงการบันเทิงแต่ก็ยังติดตามข่าวสารอยู่บ้าง และขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเป็นห่วงเธอเสมอ



ขอขอบคุณที่มา
https://ftp.daradaily.com/news/84481/read