ลั่นทม ความงามที่มาพร้อมคำสาป

วันนี้ฉันได้อ่านบทความจาก Technoblog.org
ในบทความเขียนบอกไว้ว่า

"โบราณท่านว่า ต้นลั่นทม
หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็นลีลาวดี เป็นไม้อัปมงคล
ต้องปลูกเฉพาะในวัด ทั้งๆ ที่เป็นต้นไม้ที่มีรูปทรง
หรือฟอร์มสวยงาม ดอกก็สวย กลิ่นหอมยวนใจ
แต่ก็ไม่มีใครชี้ชัดลงไปว่า ไม่ดีอย่างไร
บ้างคิดว่าคงเป็นเพราะชื่อที่ฟังเหมือนระทม

วันนี้ ถึงคราจะเผยความเร้นลับที่มากับความงามนี้ให้ฟังว่า ที่ว่าอัปมงคลนั้นก็เพราะ ….ลีลาวดีเป็นต้นไม้ที่มาพร้อมกับคำสาปแช่งนี่เอง!

สิ่งที่จะเผยให้ฟัง รู้จากอานุภาพทางจิตรู้
ที่ทรงพลังที่สัมผัสกระแสละเอียดที่ซ้อนอยู่
ในมิติทางจิตได้ ดังนั้น ใครที่เงื้อง้าเตรียมบอกว่างมงาย กรุณาอย่าอ่านต่อ เพราะหากอ่านแล้ววางใจให้แค่รู้อย่างเดียวไม่ได้ มาต่อว่าต่อขานผู้เขียน
ย่อมเดือดร้อนได้ภายหลัง เพราะอาจารย์ไม่มีเครื่องแบบ จึงง่ายนักต่อการปรามาส

เรื่องเล่านี้ อาจารย์มิได้เล่าเพื่ออวดอ้างคุณวิเศษอันใด แต่เล่าไว้เผื่อว่า จะช่วยลดกระแสลบบางอย่างที่แทรกซึมสู่จิตของผู้ที่ติดหลงได้บ้าง
จิตใจของผู้คนรวมถึงแผ่นดินจะได้สงบ
เย็นขึ้นมาได้อีก

ลั่นทม เป็นต้นไม้ประจำประเทศลาว
เข้ามาสู่ไทยโดยสมัยหนึ่งนานมาแล้ว
เจ้าเมืองลาวได้นำมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ
แก่พระมหากษัติรย์ไทย ในฐานะที่ลาวเป็นเมืองขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวในยุคต้น
ลาวแบ่งเป็นสามราชอาณาจักรคือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง , เวียงจันทร์ และจำปาศักดิ์
ทั้งสามอาณาจักรต่างเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน
และเพื่อชิงความเป็นใหญ่ต่างก็ขอมาสวามิภักดิ์ต่อเพื่อนบ้านเช่น ไทย พม่า เพื่อขอกำลังมาสยบอาณาจักรฝั่งตรงข้าม แต่ในที่สุดในปี 2321 ทั้งสามอาณาจักรก็ตกเป็นของไทยจากการขยายพระราชอาณาเขตของพระเจ้าตากสินมหาราช

ต่อมาในปี 2369 พระเจ้าอนุวงศ์
เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรเวียงจันทร์
ได้มารับราชการในสมเด็จพระพุทธเลิศล้านภาลัย
จนมีความดีความชอบ ต่อมาในช่วงผลัดแผ่นดินไทยมาสู่รัชกาลที่สาม เจ้าอนุวงศ์จึงช่วงชิงโอกาสนี้แยกตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับสยามอีกต่อไป
เมื่อทางไทยปราบได้ เจ้าอนุวงศ์ก็ขอมา
สวามิภักดิ์อีกครั้ง แต่ก็เกิดการหักหลังสั่งฆ่าทหารไทยที่ประจำการอยู่ที่เวียงจันทร์ตายจนหมด ทำให้สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วมาก
สั่งจับตัวเจ้าอนุวงศ์มาลงโทษ คุมขังประจานกลางพระนครจนสิ้นพระชมน์…..
กรณีนี้ถือเป็นบาดแผลในใจ
ของสองแผ่นดินเสมอมา

พ้นจากยุคนั้น ก็ข้ามมาวิกฤติ ร.ศ.112
ตรงกับพ.ศ.2436 ในสมัยรัชกาลที่ห้า
ที่ไทยเสีย จำปาศักดิ์ หลวงพระบาง
เวียงจันทร์ให้แก่ยุคล่าอาณานิคม
โดยการฉกฉวยโอกาสด้วยเล่ห์เหลี่ยมของฝรั่งเศส ประเทศลาวยังเป็นระบอบกษัตริย์อยู่ โดยมีเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ ทรงครองราชอยู่ที่หลวงพระบาง
ขณะนั้นโลกกำลังถูกคุกคาม
ด้วยระบอบคอมมูนิสต์
เมื่อกษัตริย์สว่างวงศ์สวรรคต พระโอรสคือเจ้าสว่างวงศ์วัฒนาขึ้นครองราชแทน แต่ไม่ทันจะได้เข้าสู่พิธีสถาปนาก็ถูกกองกำลังประชาชนโดยการนำของเจ้าสุภานุวงศ์ ตั้งตนล้มล้างรัฐบาลและระบอบกษัติรย์ เจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาพ่ายแพ้
ทั้งพระองค์และพระมเหสีถูกจับส่งเข้าไปสู่ค่ายแรงงานกักกันหลายปี จนสิ้นพระชนม์ในที่นั่น ประเทศลาวก็สถาปานาเป็นสาธารณรัฐ
ประชาธิปไตยประชาชนลาว
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2518

ประวัติชาติอันน่าเศร้าสลด ประวัติการแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่มาตลอด จึงไม่น่าแปลกใจว่า
ทำไมจึงมีการส่งต้นไม้ที่แสนสวย
แต่ฝังมาด้วยกระแสแห่งคำสาปแช่งได้

อาจารย์รับรู้กระแสคำสาปแช่งที่แฝงอยู่ในต้นลั่นทมนี้ได้เมื่อขณะนั่งสอนวิปัสสนาอยู่
ตั้งแต่ปี 2555 และได้บอกความนี้เฉพาะแก่ศิษย์
แต่ไม่เผยต่อสาธารณ เพราะรู้ว่าแม้จะทำด้วยความหวังดี ก็จะถูกกระแสต้านเพราะมีผู้เพาะขายลีลาวดีเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ยามนี้ถึงเวลาต้องเผย

ด้วยความเป็นต้นไม้ที่มาพร้อมกับ
ความเคียดแค้นชิงชังนี่เอง ยิ่งลั่นทมแพร่พันธุ์ไปมากเท่าไหร่ ก็เป็นการช่วยทวีความริษยา ชิงชัง โกรธแค้น ความเดือดเนื้อร้อนใจเป็นนิจแก่ผู้มีไว้ครอบครอง เพราะมีกระแสที่เป็นตัวกระพือไฟอยู่ในบ้าน
หากจะเทียบให้เห็น เมื่อก่อนที่ลีลาวดี
ยังถูกจำกัดวงให้อยู่แต่ในวัด
จิตใจของคนไทยก็จะดูมีความสมัครสมานสามัคคี
ไม่แตกแยก รุ่มร้อนมากเท่านี้ ต่อเมื่อจู่ๆ ต้นลีลาวดีถูกนำออกมาเพาะปลูกข้างนอก
จิตคนที่มีกิเลสอยู่แล้ว
พอมารับกระแสร้ายเพิ่มเข้าไป
ก็กลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
ที่ยังจิตให้ร้อนรน วุ่นวายมีแต่ความเดือดร้อนใจเป็นนิจ ยิ่งไม้นี้แพร่ไปเท่าไหร่ ก็จะหยุดไม่ได้เท่านั้น
ดังเราได้เห็นความแตกแยกของประชาชน
ทางการเมือง แบ่งสีแบ่งฝ่ายรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พร้อมๆกับการแพร่สะพัดของต้นลีลาวดี ไปทั่วประเทศ

เมื่ออาจารย์ไปภาวนาที่หลวงพระบางช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ได้ไปพักที่โรงแรมที่เคยเป็นพระราชวังที่ประทับของเจ้าชีวิตลาวองค์สุดท้ายคือ พระเจ้าศรีสว่างวงศ์วัฒนา พอเข้าไปถึงห้องพักเท่านั้น ก็ได้สัมผัสทั้งกระแสของความเศร้าโศก เคียดแค้น ความต้องการอิสระ ถาโถมมาสู่จิต
จนต้องนั่งรับกระแสให้จบเพื่อซึมซับรับทราบความ และรู้ด้วยจิตว่าพระองค์ไม่ใช่ผู้สาปแช่ง
แต่จิตของพระองค์เศร้าโศกยิ่งนัก
ชะตาชีวิตของบ้านเมืองและของพระองค์
ได้รับผลร้ายส่วนหนึ่งจากวิบากกรรม
ที่เกิดจากคำสาปแช่ง
ที่ทำต่อกันในระดับแผ่นดิน

อาจารย์ไม่ได้ไปหลวงพระบาง
เพื่อไปถอนคำสาปแต่ก็กลายเป็นภารกิจจนได้
เมื่อเพียรภาวนาถอนกระแสคำสาป
ที่มากับต้นลีลาวดี ผลสุดท้ายที่ได้คือ
ถอนไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
เหมือนคำสาปแช่งทั่วๆ ไป
เพราะมันแพร่เชื้อผ่านต้นไม้ ไปเสียแล้ว!

อันที่จริง หลวงพระบาง เคยถูกลบ
ออกจากแผนเดินทางไปดูโลกของอาจารย์
มาพักใหญ่ แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดนึกอยากไป
ชมชมเมืองมรดกโลก
แต่ก็กลายเป็นการแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง
มาภาวนาแก้ไขคำสาปถึงต้นตอ

โดยเมื่อภาวนาไปช่วงแรก
จิตได้เห็นพระพุทธรูปหันหลังหมายถึง
พระรัตนตรัย หันหลังให้กับประเทศ
ที่ในเมืองเก่านี้ไม่มีต้นโพธิ์ในวัดให้เห็นเลย
เพราะผลที่เกิดจากพลังสาปแช่ง
ทำให้แม้จะมีวัดวาอารามก็เป็นเพียงศาสนาสถาน
ให้นักท่องเที่ยวไปชม การทำบุญตักบาตรของคนท้องถิ่นก็เป็นไปตามประเพณีสืบทอด
กระแสธรรมหาได้มีให้สัมผัสไม่

ขณะภาวนาลงไปที่กระแสรากต้นไม้
ที่เป็นต้นตอแห่งคำสาป
ก็ได้ยินคำสาปแช่งว่า “พินาศ พินาศ พินาศ”
แล้วจิตถูกดึงเข้าไปสู่กระแสแม่น้ำโขง
เพื่อดึงไปสู่กระแสต้นตอที่เป็นรากเหง้า
ของต้นไม้ที่ใช้ทำพิธี กระแสขณะนั้นหนา
และเหนียวหนัก ยิ่งภาวนาก็ยิ่งหนัก
จิตได้ดิ่งเข้าถึงรายละเอียด
ของพิธีกรรมการสาปแช่งมากขึ้น
โดยจิตรู้บอกถึงการฆ่าอสรพิษที่มีทั้งที่ตั้งไข่ 9 ตัวเพื่อนำเลือดมาผสมกับน้ำที่ตักจากลำน้ำโขง
รดลงไปบนต้นไม้ที่จะนำมาบรรณาการ
ทำการอยู่เช่นนี้ถึง 9 วัน
จึงส่งต้นไม้นี้มาเพื่อแพร่ขยายพันธ์ุ
ให้ความพินาศเกิดแก่สยาม

ความงามที่มาพร้อมกับคำสาปแช่ง
กลายเป็นมหันต์วิบากที่เกิดแก่ผู้กระทำ
แผ่นดินสยามมากไปด้วยกระแสพระรัตนตรัย
และพระอริยสงฆ์ที่ปกป้องคุ้มครองอยู่
แต่สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเบื้องสูง
คนย่อมไม่กล้าแตะต้อง
พระอริยเจ้าท่านจึงออกอุบาย
ว่าเมื่อรับมาแล้วแต่ให้อยู่ได้แต่เฉพาะในวัด
เพื่อให้พระรัตนตรัยคุ้มกันให้อยู่แต่ในที่ในทาง
ต่อเมื่อพลังธรรมของคนในชาติอ่อนแอลง
จึงเกิดเป็นช่องจังหวะ
ให้ผู้ไม่รู้และผู้ต้องมนต์หลงใหลความงาม
ที่มากด้วยพิษ นำต้นไม้นี้ออกไปปลูกนอกวัด
แล้วเริ่มกระบวนการเพาะชำขาย
บางคนลุ่มหลงความงามนี้มาก
ขนาดไปนำเข้ามาจากประเทศลาว
โดยไม่ได้สังเกตุเห็นว่า ต้นไม้นี้
พอมีอายุแก่ตัวมากเข้า
ก็มีรูปร่างพิลึกเหมือนปิศาจไม่มีผิด
ลองไปหาภาพดูเอาเองเถอะ

เหตุที่ไม่รู้ไม่เห็น ก็เพราะจิตถูกปกปิด
ถูกลวงด้วยอวิชชาผ่านความงาม
จากนั้นมีผู้ไปขอพระราชทานชื่อใหม่
เพื่อให้ฟังแล้วพ้นจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง
แต่ชื่ออย่างเดียว หาได้เปลี่ยนแปลงกระแส
ที่ติดมากับต้นไม้นี้ได้ไม่ ความวุ่นวาย เร่าร้อนใจ ทะเลาะเบาะแว้ง จึงบังเกิดแก่ผู้มีและผู้ปลูกไว้อยู่เนืองๆ เพราะมันเป็นกระแสพลังงานบาป
ที่อัดแน่นไปด้วยเคียดแค้นชิงชังจากอสรพิษ
ตัวอย่างเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับญาติที่นานๆเจอกัน ด้วยความไม่รู้ก็มีต้นไม้นี้ปลูกไว้ที่บ้าน
ทำให้พี่น้องครัวเรือนมีแต่ความแตกแยก
ทะเลาะเบาะแว้งทุกข์ใจเป็นนิจ

เมื่ออาจารย์เพียรเผาสลายกระแสนี้
ลงไปที่ต้นตอ ก็เกิดการลากดึงกระแส
ที่แผ่ไปสู่ต้นลีลาวดีต้นอื่นๆ เหมือนคนลากอวน
คือดึงและดึงๆๆ กระแสอยู่ที่ไหนก็ดึงลากลงมา
เผาด้วยเตโชธาตุให้สลายไปเรื่อยๆ
ภาวนาเสร็จก็แผ่เมตตา
และสอนสั่งธรรมให้แก่จิตพยาบาทไปด้วย
สิ่งที่สัมผัสได้เห็นแต่งู เต็มไปทุกหนแห่ง
มีแต่งูพันกันเป็นเกลียวฝังอยู่กับลำต้น
ในรูปของลำต้นไม้
ส่วนรากหนาใหญ่มากก็เต็มไปด้วยงู
ที่กระจายกระแสความเคียดแค้นชิงชัง
แล้วจิตก็แจ้งว่า ที่คนไทยมีนิสัยมากด้วยจิตริษยา เกิดจากกระแสที่แพร่มากับต้นลีลาวดีนี้เอง
มีแต่กระแสนี้ปกคลุมไปทั่ว
ได้แจ้งชัดถึงกระแสที่มา
พร้อมกับคำว่าพินาศ
สักพักต่อมา จึงได้เห็นเป็นพระพุทธรูป
ดำมากแต่ไม่มีเศียร

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจบการภาวนาแก้ไข
เป็นรอบที่สาม อาจารย์ได้ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปยังวัดเก่าโบราณวัดแห่งหนึ่งอายุราว 400 ปี
เมื่อขึ้นไปข้างบนได้เห็นต้นโพธิ์อยู่หนึ่งต้น
ใจรู้สึกดีขึ้น วัดนี้ร้างผู้คน พอเข้าไปในโบสถ์ อาจารย์ก็นั่งทำจิตให้สงบหน้าพระประธาน
ตั้งจิตให้น้อม แล้วจึงกล่าวอุทิศบุญแห่งการปฏิบัติวิปัสสนาที่หลวงพระบาง ถวายให้แก่พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์แห่งลาว รวมถึงให้สรรพวิญญาณและประชาชนลาว ได้น้อมจิตกล่าวขอขมาต่อการณ์ ใดที่สยามประเทศ อาจได้ทำความขุ่นเคืองไว้ต่อกันกับราชอาณาจักรนี้ น้อมใจไปถึงความทุกข์
การถูกกักขังดวงจิตไว้ด้วยความชิงชังของสรรพวิญญาณที่ติดข้อง น้อมใจขอขมา
และขอทดแทนด้วยอานุภาพแห่งธรรม
ที่ได้ปฏิบัติไว้ ขอพลังภาวนานี้
เกิดเป็นกระแสเมตตา ที่จะช่วยปลดปล่อยจิต
ที่ผูกไว้ด้วยความเคียดแค้น
ให้เป็นอิสระ ให้ได้ไปสู่ภพภูมิใหม่
ขอพลังบุญนี้ เกิดเป็นกุศลแก่ทุกผู้นาม
ที่ได้เอ่ยไว้ และนำมาซึ่งความเจริญ
รุ่งเรืองให้แก่ประเทศลาว

กระแสเมตตาแผ่ไปด้วยความ
ไม่คาดหวังต่อสิ่งใด เพราะภาวนามาหลายคราก็ตีกระแสมืดดำนี้ให้บางลงไปได้เพียงเล็กน้อย
แต่ก็ยังคงเพียรแผ่ไปอยู่เช่นนั้น
กระแสจิตขณะที่อยู่เบื้องหน้าพระประธาน
มีแต่ความนอบน้อมและอ่อนโยน
เมตตาและเห็นอกเห็นใจยิ่ง
พลัน ความมืดมิดสลายออก
เปิดทางให้พลังเมตตาชำแรกแทรกลงไปได้
เกิดเป็นกระแสตอบรับอันอ่อนโยน
เป็นกระแสธรรมที่ช่วยปลดปล่อยจิต
เคียดแค้นชิงชัง เป็นกระแสปิติแผ่ซ่าน
แรงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ.......

โบสถ์เก่าแก่ร้างผู้คน กลายเป็นที่ชุมนุม
กระแสพระรัตนตรัย ที่ยังความเมตตามาสู่สรรพวิญญาณที่ทุกข์ทนถูกกักขังขึ้นมาอย่างฉับพลัน …..

พลังเมตตานี้ช่างอัศจรรย์จริงหนอ… อ่อนโยนจนอาจารย์น้ำตาซึม นั่งปาดน้ำตาอยู่เบื้องหน้าพระประธานนั่นเอง

หลวงพระบางที่เคยถูกกันไม่ให้มา
บัดนี้มาถึงแล้ว และได้มาทำกิจอีกกิจหนึ่ง
ที่สำคัญ พอวันสุดท้ายก่อนจะกลับ
ก็ยังเพียรภาวนาอีกครั้ง
จนได้เห็นพระพุทธรูปเรียงรายเต็มไปหมด
ขนาดไม่ใหญ่นักแต่มีเศียรครบแล้ว
แต่พระพุทธรูปเหล่านี้ดำมืดขะมุกขะมัว
จิตยังคงตรึงและภาวนาต่อไปด้วยอุเบกขา
มีเมตตานำ ไม่ได้หมายเอาชนะใคร
มีเพียงจิตที่หมายช่วยปลดปล่อยพลัน
ความดำขะมุกขะมัวก็สลายวับไปต่อหน้าต่อตา
อย่างน่าอัศจรรย์ กลายเป็นพระพุทธรูปสีทองอร่าม กระแสเบาสบายที่ไม่เคยสัมผัสได้ขณะภาวนาที่นี่
ก็เกิดขึ้นเป็นคร้ังแรก

จิตแจ้งว่าพลังคำสาปแช่งดั่งเดิมสลายลงไปมากแล้ว แต่จิตรู้บอกว่า ไม่สามารถทำให้สลายหมดสิ้นได้ เพราะสายพันธ์ุร้ายนี้ถูกแพร่เชื้อออกไปเป็นวงกว้างผ่านการแพร่พันธุ์ของต้นไม้
ดุจเชื้อโรคที่กลายพันธุ์ วิธีเดียวที่จะทำให้อ่อนแรงและหมดลงไปได้ คือการหยุดแพร่พันธ์ุไม้
ชนิดนี้ในสยาม

ที่ใดที่มีเชื้อร้าย ที่นั่นย่อมเป็นสังขารหรือที่สิงสถิตย์ให้จิตร้ายมาฝังอาศัย
ด้วยเหตุนี้ ก่อนวันภาวนาเพื่อแผ่นดิน
อาจารย์จึงรู้ว่ามีกระแสต้านในรูปพลังร้ายที่เป็นจิตอสรพิษ มาฝังอยู่ที่ต้นลีลาวดีที่ปลูกไว้รอบต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธเต็มไปหมด
และแพร่กระจายฝังอยู่ใต้ผืนดินก็มาก
เพราะมันมีบ้านที่เป็นกระแสเดียวกันให้สิงอาศัย
จึงต้องสั่งโค่นต้นลีลาวดีทั้งหมดทุกต้นรอบลานโพธิ์เพื่อไม่ให้ผู้ภาวนาถูกแทรกจิตให้เกิดความอาฆาตพยาบาท ปรามาสธรรม เพราะเป็นลักษณะของจิตเคียดแค้นชิงชัง

สิ่งที่จิตได้ตระหนักรู้จากการภาวนาถอนคำสาปแช่งนี้ คือ ความลุ่มหลง ทำให้คนติดวนอยู่ในภพ แต่ความเคียดแค้นชิงชัง เป็นจิตที่ทำให้คนต้องประสบกับความพินาศย่อยยับ ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิมนุษย์หรืออยู่ในนรกก็ตาม

ก่อนที่จะคิดว่า จะทำอะไรให้ตนดีขึ้นมา
ควรจะคิดว่า เรามีจิตเคียดแค้นชิงชังต่อใครไว้บ้าง ก่อนจะเดินหน้า พึงถอยหลังมาแก้
สิ่งที่จะทำให้ชีวิตเข้าเขตอันตราย
ไปจนถึงพินาศกันเถิด
ใครสามารถนั่งภาวนาได้นานแค่ไหน
อุทิศบุญแล้วให้จิตน้อมเมตตาแผ่ไปยังทุกทิศโดยเฉพาะผู้ที่ตนคิดว่าเป็นศัตรู
มีจิตชิงชังต่อกัน ทั้งที่รู้เหตุและไม่รู้
ในความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์แห่งสังสารวัฏนี้
ด้วยพลังเมตตาเท่านั้น
ที่จะช่วยฉุดรั้งสรรพสัตว์รวมถึงดวงจิตของเราเอง
ให้เป็นอิสระจากคุกที่ในใจนี้

อาจารย์จะเขียนเรื่อง ความงามที่หลวงพระบาง Magnificent Luang Prabang
ลงในนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ
ภาพสวยเรื่องดี แต่ภายใต้ภาพที่แสนสวย
เต็มไปด้วยกระแสของความขมขื่น
ไม่ต่างอะไรจากต้นลีลาวดีที่มีลีลาดูอ่อนช้อย
อวดโฉมงาม ที่ภายใต้โฉมนั้นมีแต่ความเป็นพิษที่มีเบื้องลึกมาจากจิตที่ถูกกดดัน
จนกลายเป็นความขมขื่น
และแปรมาสู่พลังแค้นอันแน่นอยู่ในนั้น
จะมีใครบนโลกนี้
ได้รู้จักลีลาวดีลึกซึ้งเท่าอาจารย์บ้างมั้ยหนอ…..
แต่นั่นไม่สำคัญไปกว่า จะมีใครบนโลกนี้
ยังเมตตาให้เกิดแก่จิตจริงๆ เช่นนี้ได้บ้าง

วันนึงข้างหน้าคงได้พาศิษย์และผู้ศรัทธา
ไปร่วมภาวนาและแผ่เมตตาที่หลวงพระบาง
แห่งความทรงจำ ใครอยากไปสร้างกุศล
นี้ร่วมกันบ้าง ต้องยังความเมตตาให้เกิดเป็นนิจ

ขอความเป็นอิสระจากจิตเคียดแค้นชิงชัง
จงบังเกิดแก่ทุกดวงจิตในสากลโลกนี้

เมตตาเถิด เมตตา
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
23 ธันวาคม 2557

 

ลั่นทมที่บ้านก็ปลูก สีที่ดูสะดุดตาที่สุดก็คงจะไม่พ้น ขาวเหลือง

**** ส่วนตัวชอบโมกข์ค่ะ *****

" กลิ่นหอมเย็น พาใจ ชื่นชม
อมรดม ชมชื่น มิรู้หาย
ดอกเล็กอ่อน ออกดอก เคียงกาย
พวงละม้าย คล้ายกรองแก้ว สุวรรณ "

 

บ้านเค๊า มีทั้ง..ลั่นทม & ซ่อนกลิ่น.. ครบทีม

 

@dawlong บ้านเค้ามีแต่ (หันไปดูก่อน) ตะบองเพชร (∥￣■￣∥)
@Wanwisa2517 สนุกดีค่ะ วันหลังมาเล่าอีกนะคะ อ่านเพลินมาก

 

@Wanwisa2517 ขอเป็นสอยมะยงชิดตอนออกลูกแทนได้ไหมคะ รอช่วยเก็บ ฮา ของมธุราปลูกหน้าบ้านมายี่สิบปีค่ะที่ทางภาคเหนือ บ้านสวยมากค่ะ ขอให้เสร็จไวๆนะคะ

 

ตะบองเพชร ถ้าออกดอกจะสวยมากเลยนะคะ ไม่รู้ที่บ้านคุณพันธุ์ไหน ??? สมัยเด็กเคยเห็นตะบองเพชรที่ รร. ออกดอก ต้นมันจะสูงประมาณ 1-2 เมตร ดอกสีขาวคล้ายดอกบัว พวกผึ้งเล็กผึ้งน้อยตอมน้ำหวานเยอะเลย สวยไปอีกแบบค่ะ ^_^

ปล.ส่วนลั่นทมที่บ้าน แห้งแขระค่ะ แบบว่าดินคงไม่ดี แต่ถ้าคิดในทางที่ดี ก็อาจหมายถึง พลังแฝงที่มากับลั่นทม คงไม่ส่งผลกับที่บ้านมากนัก 5555+++:boo::boo::boo:
แต่โมกข์นี่ โตเอาๆค่ะ กลิ่นหอมมากเวลาออกดอกพร้อมกัน

ปล.รูปโมกข์ที่ถ่ายจากมือถือ ไม่ได้ใช้แอปตกแต่งใดๆเลย แสงธรรมชาติล้วนๆ

 

เขาว่าดอกมันหอมมว๊ากกก ค่ะ แต่ที่บ้านยังไม่ติดดอกเลยค่ะ
รอ..ร๊อ..รอ..แต่ถ้าว่านมหาเสน่ห์ล่ะบานบ่อยเลยค่ะ อิอิ
(นี่ก็ดอกไม้ต้องห้ามด้วยป่าวนิ)

 

ความรู้สึกลึกๆตั้งแต่เด็ก ผมสัมผัสได้ว่าต้นไม้พันธ์นี้ มันแอบแฝงอะไรแปลกๆมาด้วย

 

@dawlong มันออกดอกไม่พร้อมกันน่ะสิคะ ว่าจะเพาะต้นใหม่ๆเลยเพาะไม่ได้

@Wanwisa2517 ตามมาอ่านตอนต่อไป ว่านโพรงหายากค่ะ หาได้เฉพาะบางอำเภอ ต้องเป็นคนแก่ๆถึงรู้จักค่ะ บ้านมธุราก็ไม่เคยปลูก

@Hightmax ความรู้สึกลึกๆของมธุรา ปลูกกล้วยดีกว่าได้ลุ้นว่าจะมีตานีด้วยไหม ก็ปลูกตะบองเพชรหกร้อยกว่าต้น ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ฮา (แซวขำๆนะคะ)

 

ครับถูกต้องเมื่อก่อนช่วงเช้ามืดจะไปวิ่งบริเวณในวัด รอบองค์พระธาตุผ่านต้นไม้พวกนี้ทีไรขนลุกทุกที มันหอมน่ะแต่เศร้าๆ ยังไงไม่รู้

 

ชอบจัง มีตำนาน เรื่องเล่าหลายเรื่องเลยค่ะ
รอฟังเรื่องต่อไปนะคะ..ปูเสื่อจองหน้าเวทีเลย

 

ส่วนตัวมองว่า ถ้าไปดูสถานที่แล้วแว๊ปแรก
เราชอบเลยก็ถือว่าใช้ได้แล้วนะครับ
และถ้าไปเดินบริเวณรอบๆแล้วรู้สึกเย็นๆด้วยยิ่งดี...
และยิ่งบริเวณสถานที่ใกล้เคียงถ้ามีคนอาศัยอยู่
แล้วอัธยาศัยดีด้วย ดูปลอดภัย ปลอดโจรผู้ร้าย
ก็ยิ่งดีใหญ่ครับ..แต่ถ้าเรารู้สึกดีแล้ว ก็ต้องดูว่าที่เค้าอยู่
มาก่อนหน้านั้นเค้ายังต้องการอะไรอยู่ก็จัดให้ไป
เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติครับ..
ถ้าลุงที่ใส่หมวกแบบท่านขุนชอบทำบุญ
ทำทานเป็นคนมีเมตตา เค้าก็คงต้องชอบ
คนแบบๆเดียวกันให้มาอยู่ด้วยนั่นหละครับ..
ส่วนหญิงที่ใส่หมวกกลมใบโตถ้าถอดหมวก
ผมจะยาวเส้นเล็กรูปร่างดูดีเนี่ยน่าจะเป็นคน
สนิทกับท่านที่ใส่หมวกแบบท่านขุน
อีกหนึ่งเอาผ้าโผกหัวปิดจมูกโผล่แต่
ลูกนัยตาดูไม่ออกว่าหญิงหรือชายครับ

 

อันนี้ผมลองตั้งสมมติฐานเล่นๆดูนะครับ จริงๆแล้วเนี่ยลั่นทมเดิมๆเนี่ย คงไม่มีอะไรหรอก ส่วนต้นลั่นทมที่คิดคำสาป พอมันแตกหน่อแตกกอ มันก็จะเป็นตัวแพร่เชื้อคำสาปกระจายด้วย ถ้าคำสาปมาจากงู ก็ต้องใช้ เล็บเหยี่ยวหรือ เสลดพังพอน แซม แก้ อันฮาๆนะครับ

 

ขอบคุณค่ะที่นำบทความมาแบ่งปัน

ตอนเด็กๆ เคยกลัวต้นไม้ชนิดนี้มาก เห็นแล้วนึกถึงอาถรรพ์ ความหมองหม่น เศร้าหมองอะไรบางอย่าง

แต่ปัจจุบันเห็นมีการพัฒนาพันธ์ุใหม่ๆ ดอกใหญ่ รูปทรงสีสรรหลากหลาย สวยงาม

ปลูกกันทั่วไป ทั้งร้านอาหาร บ้านเรือน และสถานที่พักตากอากาศต่างๆ

เห็นความงามของพันธุ์ใหม่ๆ ของไม้ชนิดนี้แล้ว ก็เคยนึกอยากนำมาปลูกเหมือนกัน

ไม่นึกเลยว่าความเชื่อที่เล่าขานกันมาปากต่อปากของคนโบราณ

มันจะซ่อนความจริงที่น่าสะพรึงกลัวไว้ขนาดนี้ ขนลุก!

 

@Wanwisa2517 หากสร้างเสร็จแล้วช่วย upload รูปให้ดูด้วยนะคะ ดูแล้วเหมือนมีมนต์ขลังดี อาจเป็นเพราะถ่ายภาพตอนเย็น สวยดีค่ะ หากปลูกเสร็จแล้วต้องการตะบองเพชร มธุรายินดีส่งให้นะคะ เผื่อเอาไปแข่งกับลั่นทม

สนุกดีค่ะ

 

ครั้งแรกท่านที่ใส่หมวกแบบท่านขุนก็เห็น
แต่งตัวคล้ายๆชุดราชปะแตนอยู่นะครับ
ที่เป็นชุดขาวกางเกงขาวครับ..
ส่วนถ้ามีความสามารถพิเศษน่าจะเป็น
ดวงจิตที่โผกผ้าเห็นแต่ตาจนดูไม่ค่อยออกว่า ญ หรือ ช ครับ
ที่เค้าแสดงอย่างนั้น
ก็เพื่อจะบอกว่าเค้านี่หละคอยดูแลความเรียบร้อย
ที่ง่วงแบบไร้สาเหตุเพราะเค้าจะสื่อว่าให้ทำบุญครับไม่มีอะไร
ถ้าเค้าชอบสูบหรี่ จะมีบางคนที่สุบบุหรี่อยู่ดีจะต่อบุหรี่สองตัว
พอนึกภาพออกนะครับ

โดยรวมไม่น่ามีอะไร เพราะว่าค่อนข้างเป็นมิตร
อีกอย่างเค้าชอบทำบุญทำทานอยู่ทั้งหมดนั้นหละครับ
และก็มีเมตตาตามสมควรอยู่ครับ
พูดอย่างนี้พอเข้าเนาะ หรือถ้าไม่แน่ใจจะแปลให้ฟังว่า..
ว่าถ้าทำบุญแบบเฉพาะด้วยที่ดินบริเวณนั้น ไม่ว่าเดินไปตรงไหน
ก็จะรู้สึกเย็นไปหมดนั่นหละครับ
และปัจจุบันนี้ก็มีแต่พี่ผู้หญิงนั่นหละครับที่ออกมายืนกุมมือ
โชว์ตัวอยู่ท่านเดียวเหมือนๆจะใส่ชุดคลุมด้วยนะครับตอนนี้
เพราะว่าใส่แล้วมันดูเหมือนว่าจะทำให้ไหล่ดูกว้างกว่าปกติ
ยังไงอนาคตก็ค่อยว่ากันอีกทีเนาะ ไม่มีไรหรอก
ถือว่าเล่ามาแจมให้ฟังเล่นๆแล้วกันครับ (^_^)
ส่วนตัวพอมีที่ดินกระจึ๋งหนึ่ง กะจะไปสร้างบ้านไม้เอาชั้นเดียว
แต่ยกสูงหน่อยเพราะคิดว่าและคงบรรไดไม่แค่ ๓ ขั้นพอ
เพราะสังเกตุมาเยอะแระ พอคนเรามีอายุมากจะไม่ค่อยได้ขึ้นชั้นบนเท่าไรครับ
แต่ก็จัดทรงหลังคาให้แหลมๆชันกว่าในรูปหน่อยมีช่องให้ลมผ่าน
(เพราะอากาศร้อนจะลอยขึ้นสูงกว่าอากาศธรรมดา และอากาศก็
เดินทางได้เร็ว จากการใช้รูปทรงหลังคาทรงจั่วบังคับทิศทาง
ลมในโลกนี้หลักๆ เดินทางอยู่ ๒ ทิศทางคือ ตะวันอกเฉียงเหนือกับ
ตะวันตกเฉียงใต้ เขียนอย่างนี้พอจะนึกออกว่า ควรเปิดหน้าต่าง
รับลมทางด้านไหนนะครับ)
และติดตาข่ายกันสัตว์เข้าใต้หลังคาเอาไว้
พวกงูเขียว จิ้งจก ตุ๊กแก แล้วย้ายไฟชายคาบ้าน
ที่เรามักจะเปิดไว้ตอนนอน ไปไว้นอกบ้าน(แต่ไฟนั้นควรมี
ความสว่างถึงตัวบ้านนะครับแต่ไม่ไว้ภายในบ้าน)
เพื่อไม่ให้ จิ้งจก ตุ๊กแก ออกมาหาแมลงบริเวณบ้าน จะได้
ไม่ต้องมาคอยตาม เช็ด คะระรี้ ครี่ มัน
และเป็นการบังคับให้สัตว์พวกนี้อาศัยตามต้นไม้
ไม่มายึดใต้หลังคาเราเป็นที่อาศัยด้วยครับ
จากรูปทรงและความชันของหลังคาก็เพื่อให้ถ่ายเทอากาศดีๆจะได้
ไม่ร้อนประมาณนี้ และควรมีบริเวณที่เป็นดินเปล่าหรือปลูกหญ้า
ไว้สำหรับเดินเท้าเปล่าหรือเป็นไปได้ ก็เอาไว้ปูนอนเล่นด้วย
จะดีมากเพราะช่วยให้สุขภาพดีและอายุยืนครับ
เพียงแต่ต้องรักษาความสะอาดภายในและบริเวณรอบๆบ้านดีๆ
เพื่อไม่ให้มิกกี้เมาส์เค้ามาอาศัยอากินบริเวณที่เราอยู่ครับ
ที่ดินกะจึ่งหนึ่งอยู่ตรงเส้นทางระหว่างทางไปอ่างเก็บน้ำป่าเลา
ที่ๆติดกับหมอชาวบ้านท่านหนึ่งที่รับรักษาโรค จับเส้นฯลฯ
ปล.พอขำๆ

 

เรื่องลั่นทม เป็น ตำนานที่สนุกดีครับแลดีมีเหตุมีผล ส่วนตัวคิดว่าถ้าปลูกไม่สบายใจก็อย่าไปปลูก หรือว่าถ้ามันมีแล้ว ก็ปล่อยมันไป เสียเงินทองเอาออก สมัยก่อน มีอยู่หน้าบ้านต้น นึง แต่ มันสวยเลยโดนบ้านอื่น แอบ ขุดไป ปลูกซะงั้น

บ้านสวยคร้าฟ ท่านพี่ wan จะทำเป็น summer house ที่เมืองไทยเหรือจะอยู่ยาวเลยเนี่ย อยู่ lattitude สูงมั้ยคับ เสร็จแล้วให้น้องๆไป เที่ยวได้ป่าว อิอิ ปล อย่าลืมปลูกกล้วยเยอะๆ นะ 555

 

ถ้าถามแบบส่วนตัวว่าจะต้องตั้งศาลไหม
ก็ตอบได้เลยว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งครับ
เพราะทุกๆถิ่นอาศัยแทบไม่มีพื้นดินแห่ง
ไหนที่บริเวณนั้นไม่เคยมีใครเสียชีวิตมาก่อนครับ
บางพื้นที่ อาจเคยเป็นผืนดินเดียวกันมา
ก็มีเจ้าของที่เคยเป็นเจ้าเป็นนายมาก่อน
ดังนั้นบริเวณที่เคยเป็นของเค้ามาก่อน
เค้าก็ดูแลรักษาที่ดินเค้าอยู่ครับ



แต่อย่างว่าบางทีก็ไม่อยากขัดใจผู้หลักผู้ใหญ่
หรือถือว่าเป็นความเชื่อที่ควรจะมีก็สุดแล้วแต่นะครับ
แต่ถ้าเรื่องตั้งศาลพระภูมิบางทีก็ต้องดูก่อนนะครับ
ขอพูดแบบทั่วๆไปเนาะ แต่ว่าก็ฟังหูไว้หูนะครับ
๑.ดวงจิต ณ บริเวณที่เราอยู่มีที่สถิตย์หรือยังครับ
เช่น ถ้าสถิตย์อยู่ที่ต้นไม้บริเวณนั้นแล้วอย่างนี้ไม่ต้องครับ..
ถ้าอยากรู้ลองตั้งจิตอฐิษฐานถามดูได้ครับว่าเค้าต้องการไหม
ส่วนมากถ้าระดับที่ดี เราไม่ต้องตั้งศาลครับ
เพราะเค้าก็จะอาศัยบ้านที่เราสร้างนั้นหละครับเป็นที่สถิตย์
ถ้าไม่มากระซิบทางหูด้านขวา เด่วก็จะมาบอกในฝันครับ
หรือถ้าเราไม่กลัวก็จะมาให้เห็นแล้วอาจจะบอกเราก็ได้ครับ
๒.ดูว่าบริเวนใกล้เคียงนั้นมีผู้เป็นใหญ่ท่านใดดูแลอยู่หรือไม่
มักจะเป็นบริเวณที่เป็นป่ามาก่อน อะไรทำนองนี้
ส่วนมากหลายๆท่านก็จะยึดต้นไม้เป็นที่อยู่อาศัย
เคยเจอว่าต้นไม้ใหญ่บางต้นถูกตัด แล้วเราหวังดีไปยืนดู
คิดว่าเค้าจะอยู่ที่ไหน เค้าก็มาให้เห็นว่าไม่ต้องห่วง
อย่างนี้แสดงว่า ไม่ต้องสร้างศาลครับ
และวันดีคืนดีอาจจะได้เห็นผู้ดูแลบริเวณนั้นครับ
๓.ถ้าคิดจะตั้งศาลบางทีอาจจะเจอดวงจิตที่ยึดวัตถุเป็นที่อาศัยมาก่อน
เช่น ยึดติดในทรัพยสินที่ฝั่งดินไว้บริเวณนั้น จะมาขออยู่เป็นต้น..
๔.บางทีที่อยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วก็เป็นบรรบรุษเจ้าของที่ดินเดิม
ตรงนี้ก็สุดแล้วว่าเค้าจะชอบแบบไหนครับ
(บางทีผู้ใหญ่ก็อยากให้ตั้งก็มี เราก็ไม่อยากขัด
ก็ตามๆใจไปไม่อยากมีปัญหา เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย)
๕.ถ้าบริเวณนั้นเป็นเทวดาอากาศอย่างนี้ไม่ต้องตั้งครับ..
๖.เจ้าที่ๆเหมาะคือ ท่านที่เคยเป็นเจ้าของที่บริเวณนั้นมาก่อนจะดีครับ
และเป็นระดับที่มีกำลังจิตจากกำลังบุญและรอเวลาเปลี่ยนแปลงครับ

แต่ปกติถ้าเราอุทิศส่วนกุศลแบบกว้างๆให้ทุกๆดวงจิตดวงวิญญาน
ทั้งที่ๆเราอยู่และบริเวณรอบๆก็เสมือนเรามีเจ้าที่ เหมือนเราตั้งศาล
ไปในตัวเองอยู่แล้วครับ เพราะกำลังบุญที่เราอุทิศส่วนกุศลให้นั้น
จะทำให้เค้าสามารถเดินทางไปไหนได้ไกลขี้น และทำอะไรแบบ
ที่เป็นภาพมายาได้ง่ายขึ้นครับ...
จบเรื่องเจ้าที่ สุดแล้วแต่จะพิจารณาครับ

มาถึงเรื่องต้นไม้ ถ้าเราตัดเรื่องความเชื่อออกไปเลยนะครับ
มาดูถึงเหตุถึงผล...เราจะพบว่าทำไปต้นไม้บางต้นเค้าถึง
ไม่ให้ปลูกในบริเวณบ้าน ให้เราศึกษาลงไปอีกทีว่าต้นไม้นั้น
มันมียางไหมครับ เวลามัน มีดอก นึกออกไหมครับ บางต้นมันจะ
มีละอองยางปลิว พวกนี้ถ้าติดรถ ติดสิ่งของถ้าปล่อยทิ้งไว้มันล้าง
ออกยากครับ
บางต้นถ้าเด็ดดอกมันแล้ว ก็มียาง ยางมันอาจทำให้ผิวเราแพ้ได้
เกิดผื่นแดงได้ครับ บางต้นก็ทำให้ตาบอดได้เลย อย่างยางต้นลั่นทมเป็นต้น

บางต้นก็ไม่ควรปลุกติดใกล้ตัวบ้าน เพราะเป็นไม้ล้ม อย่างกล้วยเป็นต้น
บางต้น ก็รากซ้อนไซยาวไกล อาจจะทำลายโครงสร้างใต้ดิน ทำร้ายฐานราก
ของบ้านที่เราปลูกได้ครับ...
บางต้นก็ไม่ให้ปลุกใกล้บ้าน เพราว่ามันมีหนามมีอะไรหรือเปล่า หากมีใคร
หรือเด็กเข้าไปเล่นจะเป็นอันตราย อย่างนี้พอนึกภาพออกไหมครับ

คงไม่พูดอะไรมากเรื่องต้นไม้ เพราะส่วนตัวก็ดูต้นไม้ไม่ค่อยเป็นเหมือนกันครับ
แต่พูดเป็นไกด์ให้อ่านเป็นแนวทางประกอบการพิจารณา
ดีกว่าไปมองเรื่องความเชื่อ ความเชื่อก็มีแบบเค้าว่ามา โน้นว่ามา
อย่างนี้ว่ามา นั่นว่ามาอย่างงั้น เราเชื่อว่าอย่างนี้ ฯลฯ

และถ้าเป็นความเชื่อ ถ้าต่างฝ่ายต่างเชื่อ
ไม่เหมือนกัน อาจเป็นเหตุให้เคืองๆกันได้ ลองดูในมุมที่แนะนำ
ดูแบบข้างบนได้นะครับ เพื่อว่าจะเลือกต้นอะไรมาปลูกได้เหมาะสม
แต่กล้วยถ้าจะปลูกให้เอามาที่มันเป็นต้นนะครับ จะดีกว่า

แต่ถ้าเจอ ญ ใส่ชุดไทย หน้าดูกลม ผมดูเส้นหนาหน่อย
หน้าตาหน้ารัก ตาดูโตแต่ไม่โตจนตาเหลือก สไบเขียว
อย่าไปนึกว่าเป็น นางตานีนะครับให้ดูดีๆอีกรอบ เพราะสมัย
รัชกาลต้นๆเค้าแต่งชุดอย่างนี้กันเป็นปกติครับ...
พวกนี้ตอนเป็นคนมีศีล แต่ว่าตอนตายยึดติดในวัตถุ
อย่างใดอย่างหนึ่งครับ(^_^)

 

พี่นพมาให้ความรู้ อีกแล้ว สาธุๆครับๆ เดี๋ยวพวกขายศาลก็ขาดงานหรอก 555 พี่ wan เห็นมั้ยต้นสวยๆ คนเข้ามาอาสาขุดไปเองแหละ เอาความสบายใจของเราดีที่สุดครับ นอกจากกล้วย น้ำว้า เล็บมือนาง หักมุกก็ดีครับ เอาไว้ เผาอร่อย ผมว่าปลูกไม้ผล พวกมะม่วงด้วยก็ดีครับ ที่บ้านได้กินสองรอบแน่ะ ทั้ง มะม่วงน้ำดอกไม้กับมะม่วงอกร่องทองครับ

ปล เสริมพี่นพครับ ลองดูได้ครับ เหมือนที่พี่นพบอกเลย เจ้าที่ที่เป็นใหญ่แถวนั้น ส่วนใหญ่จะมาให้เห็นก่อน ที่เราจะไปอยู่อีกนะครับ บางทีเค้าก็จะมาบอกอะไรๆๆ แล้วก็เป็นจริงตามตามเค้าบอก แต่ยักไม่บอกหวย 555 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับความละเอียดของจิตเราที่จะจูนหาเค้าครับ เคยสัมผัสได้ตอนพี่ฟิตเข้าสิง และแผ่กุศลไปมากๆแถวบ้าน (หลังๆเงียบ 555 เพราะพี่ฟิตจากไป...)

แบบนี้ ศาลนี่ตั้งมั่วๆ ก็มี สัมปเวผีมาอยู่แทนได้ซิ บร์ออออ

 

ว่าตามท่านถูกแล้วครับ
ท่านทำแล้วสบายใจ
ดีกว่าเราชอบอะไรแล้วทำครับ (^_^)