ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย montrik, 1 กันยายน 2018.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    #พระเหนือโลกยุคสองทรงอภิญญาบารมีตอนที่5

    หลวงพ่อบัวลอยได้เรียนวิชาธาตุกับหลวงปู่คำประมาณ6เดือนหลวงปู่คำจึงได้แนะนำว่าหากชอบเรื่องฤทธิอภิญญาให้ไปกราบหลวงปู่คำคะนิงซึ่งท่านสำเร็จวิชาธรรมเก้าโกฏิซึ่งเป็นสุดยอดวิชาสายสมเด็จลุนยากที่ใครจะเรียนได้ ท่านจึงได้เดินทางไปกราบหลวงปู่คำคะนิงที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานีทันที
    หลวงปู่คำคะนิงเป็นพระที่เคยบวชเป็นฤษีมาก่อนหลายสิบปีจนได้รับความเคารพจากคนในฝั่งลาวเป็นอันมากต่อมาเจ้ามหาชีวิตของลาวได้ทำการบวชที่วัดหอคำเมืองจำปาสัก ช่วงที่ท่านบวชเป็นฤษีปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าได้พบกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโคและลูกศิษย์อันมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ฤาษีลิงขาวได้ทดสอบวิชากันต่อหน้าลูกศิษย์(วิชาแปลงธาตุ)ซึ่งเรื่องนี้ต่อมาหลวงพ่อฤษีลิงดำได้ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ฟังและถูกบันทึกเป็นตำนานจวบจนปัจจุปันนี้
    หลังจากท่านได้บวชและได้เข้าป่าปฏิบัติธรรมและเดินธุดงค์จนข้ามฝั่งมาพบสถานที่สัปปายะเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรคือถ้ำคูหาสวรรคท่านจึงได้สร้างเป็นวัดขึ้นด้วยเหตุที่นี่มีภพภูมิซ้อนอยู่คือเมืองของพญานาคซึ่งท่านเล่าว่าพญานาคเคยนิมนต์ท่านไปดูเมืองของเขาด้วยกายเนื้อถึง3วัน3คืนเรื่องพญานาคมีจริงนี้ครูบาอาจารย์พระปฏิบัติแทบทุกองค์แม้หลวงปู่มั่นก็ยังกล่าวถึง หลวงพ่อบัวลอยได้เข้ากราบนมัสการขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาธรรมเก้าโกฏิกับหลวงปู่คำคะนิงซึ่งมีค่ายกครูคือผ้าไตรสิบชุดและทองคำอีกห้าบาทท่านจึงไม่ได้เรียนด้วยไม่สามารถหาค่ายกครูได้แต่ก็ได้อยู่อุปถากรับใช้หลวงปู่คำคะนิงประมาณสามเดือนได้รับคำแนะนำในเรื่องธาตุสี่ดินน้ำลมไฟที่เป็นหัวใจของการเกิดอิทธิฤทธิ(วิชาธรรมเก้าโกฏินี้หลวงปู่หมุนก็สำเร็จโดยเรียนกับอาจารย์ดำซึ่งเป็นเหลนหลวงปู่สมเด็จลุน)
    ต่อมาท่านได้เดินทางไปขออุบายธรรมจากหลวงปู่หลุยศิษย์หลวงปู่มั่นที่ถ้ำผาบิ้ง จ.เลย ที่นี่เป็นวัดป่าธรรมยุติท่านจึงได้เป็นแค่พระอาคันตุกะพักอยู่ได้แค่7ราตรีด้วยท่านบวชในมหานิกายจึงไม่สามารถอยู่รวมกับหมู่คณะสงฆ์ธรรมยุติได้พอครบ7วันท่านก็แก้ปัญหานี้โดยการเก็บบาตรกลดออกมานอกเขตวัดแล้วกลับเข้าไปขอพักอาศัยใหม่ร่วมหกเดือนจนสมควรแก่เวลาท่านก็เดินมุ่งหน้าไปกราบขออุบายธรรมจากหลวงปู่ชอบ ฐานสโมวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย ที่ไม่ห่างจากวัดถ้ำผาบิ้งเท่าไหร่ หลวงปู่ชอบเป็นพระที่จิตเร็วมากต้องควบคุมจิตไม่ให้เตลิดไปไหนเพราะท่านจะรู้ทันทีจากนั้นหลวงพ่อบัวลอยก็ขึ้นไปหาหลวงพ่อชา สุภัทโธ ที่วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ช่วงนั้นหลวงพ่อชาท่านนอนอาพาธไม่สามารถลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวขยับตัวได้หลวงพ่อบัวลอยคลานเข้าไปมอบกราบหลวงพ่อชาท่านได้ขยับมือให้หลวงพ่อบัวลอยให้ไปกราบที่มือท่านพอสัมผัสมือหลวงพ่อชาเท่านั้นเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลจากมือหลวงชาจนหลวงพ่อบัวลอยชาไปทั้งร่าง ท่านอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดหนองป่าพงประมาณ6เดือนด้วยวัดหนองป่าพงเป็นวัดมหานิกายท่านจึงอยู่ร่วมกับหมู่คณะถือธุดงควัตรใช้ผ้าสามผืน ฉันท์มื้อเดียวในบาตร อดนอน ผ่อนอาหาร ทำให้การปฏิบัติรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นท่านจึงได้กราบลาหลวงพ่อชาเดินทางกลับมายังภาคกลางและได้มาอยู่ที่วัดท่าตะเคียน จ.พิษณุโลกซึ่งในขณะนั้นเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่อาศัย.
    *ติดตามตอนหน้าหลวงพ่อบัวลอยพบหลวงปู่ฤทธิพระอภิญญาในอดีตและธุดงค์ลงใต้ศึกษาสรรพวิชาสายเขาอ้อและตอนอวสาน*
    ขอบคุณที่ได้ติดตามอ่านมาตลอด หากบทความนี้มีประโยชน์แด่สาธุชนได้รู้จักพระดีที่น่ากราบ ขอได้ช่วยกดไลด์กดแชร์ก็จะเป็นบุญเป็นกุศลร่วมกันครับ
    FB_IMG_1553566768058.jpg FB_IMG_1553566770382.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    #พระเหนือโลกยุคสองทรงบารมีตอนสุดท้าย

    หลังจากท่านเดินทางกลับมาจากเดินธุดงค์ในป่าแสวงหาครูบาอาจารย์ร่วม10ปี ท่านได้เดินทางมาถึงวัดท่าตะเคียน จ.พิษณุโลกซึ่งขาดการบูรณะดูแลอีกทั้งวันหนึ่งท่านปฏิบัติธรรมเข้าสมาธิ หลวงปู่ฤทธิพระอภิญญาในอดีตมานิมนต์ให้ช่วยซ่อมแซมเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา (หลวงปู่ฤทธิเป็นอดีตเจ้าอาวาสในสมัยก่อนเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อเงินบางคลาน ประวัติของท่านลางเลือนไม่มีบันทึกไว้รู้เพียงแต่ว่าท่านเป็นพระอภิญญาในสมัยนั้นหากเรือที่วิ่งผ่านวัดไม่แสดงความเคารพท่านเครื่องจะดับทันที ท่านเป็นอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อแจง ธัมมะโชโตวัดเกาะแก้ว จ.พิษณุโลก เกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง)
    หลวงพ่อบัวลอยท่านเล่าว่าตอนมาอยู่ใหม่ๆขาดแคลนทุกอย่างท่านจึงจุดธูปบอกหลวงพ่อฤทธิว่า"ถ้าหลวงพ่อจะให้ผมมาช่วยสร้างวัดต้องช่วยผมหาปัจจัย"จากนั้นไม่นานผู้คนก็เข้ามาทำบุญจนการปฏิสังขรณ์เสนาสนะสำเร็จลงด้วยดี ในช่วงที่ท่านว่างท่านก็จะไปเรียนวิชากับหลวงพ่อสุเทพ โชติโย วัดแสงดาวซึ่งหลวงพ่อสุเทพได้ร่ำเรียนวิชาสายหลวงพ่อเงินบางคลานมาจากหลวงพ่อแจง วัดเกาะแก้วซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงินบางคลานเท่ากับว่าหลวงพ่อบัวลอยเป็นศิษย์ชั้นเหลนสายวัดบางคลานโดยปริยาย
    ในยุคนั้นวัดเขาอ้อมีศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมเป็นฆราวาสชื่อดังผู้เรืองวิทยาคมเลื่องลือมีพลังจิตสูงส่งชื่ออ.ชุม ไชยคีรี วิชาสายเขาอ้อเป็นวิชาที่อยู่ยงคงกระพันเป็นที่เลื่องลือ"กินเหนียวกินมัน"คือพิธีหุงข้าวเหนียวดำด้วยว่านยาใครได้กินข้าวเหนียวดำในพิธีนี้จะอยู่ยงคงกระพันชาตรี(เมื่อห้าปีที่ผ่านมาป๋าพยัพ คำพันธ์ผู้มากบารมีในวงการพระเครื่องก็ได้ผ่านพิธีนี้โดยศิษย์สายเขาอ้อท่านหนึ่ง)ท่านอ.ชุม ไชยคีรี มีวิชาที่ยอมรับในวงการไสยเวทย์ที่ได้พิสูจน์ต่อหน้าคนนับร้อยมาแล้วคือวิชาเสด็จกลับ วิชานี้มีผู้ทำได้ที่เป็นฆราวาสและถูกบันทึกไว้แค่เพียงสองท่าน คือ อ.พัว แก้วพลอยศิษย์นอกดงสายหลวงปู่เทพโลกอุดรและ อ.ชุม ไชยคีรี วิชาเสด็จกลับนี้เป็นวิชาสายหลวงปู่ศุขปากคลองมะขามเฒ่าโดยท่านแลกเปลี่ยนวิชากับอ.อุทัย ดุจศรีวัชร์ วิชาเสด็จกลับของอ.พัว แก้วพลอยจะตั้งปะรำพิธีทำพิธีแล้วนำวัตถุมงคลลงเรือออกไปทิ้งกลางทะเลส่วนท่านอ.พัว แก้วพลอยจะรวมธาตุแล้วเรียกวัตถุมงคลที่อยู่ในทะเลให้ไหลตามคลื่นเข้ามาสู่ชายหาด ส่วนของอ.ชุม ไชยคีรีจะตั้งปะรัมพิธีแล้วปูผ้าขาวรองรับแล้วนำวัตถุมงคลไปทิ้งน้ำ หลังจากนั้นท่านจะเรียกวัตถุมงคลขึ้นจากน้ำโดยท่านอัญเชิญเทพเทวดาพญานาคในเมืองบาดาลให้นำวัตถุมงคลมาคืนให้ทางอากาศโดยวัตถุมงคลที่เรียกกลับจะตกลงมาจากอากาศลงสู่ผ้าขาวที่ปูรองรับไว้
    หลวงพ่อบัวลอยได้ขอเรียนสรรพวิชาโดยเฉพาะวิชานะต่างๆจากท่านอ.ชุม ไชยคีรีซึ่งช่วงนั้นท่านอ.ชุมเริ่มป่วยท่านจึงเรียนวิชาต่อจากอ.ณรงค์ฤทธิ ไชยคีรีทายาทวิทยาคมลูกชายของท่านอ.ชุม ไชยคีรี จากนั้นหลวงพ่อบัวลอยก็ขอเรียนพระเวทย์วิทยาคมจากครูบาจารย์เก่งๆอีกหลายรูปและเริ่มมีความมั่นใจในพระเวทย์วิทยาคมที่เล่าเรียนมาจึงเริ่มสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่มาทำบุญสร้างเสนาสนะกับท่านทั้งยังเป็นเครื่องทดสอบในวิชาที่ร่ำเรียนมาและทดสอบพลังจิตอีกด้วย ครั้งหนึ่งท่านกำลังเดินทางไปสุโขทัยขณะที่ผ่านต้นโพธิใหญ่ที่ตายพรายท่านเลยขอพลีกิ่งโพธิตายพรายมาสร้างพระปิดตาโดยท่านได้มอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่งนำไม้ไปแกะสลักเป็นพระปิดตา ในขณะที่ลูกศิษย์แกะพระปิดตาได้แค่6องค์ด้วยความแรงในพระเวทย์วิทยาคมที่ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ลูกศิษย์คนนี้กลับได้เมียโดยความตั้งใจหรือจะเป็นเพราะพระเวทย์วิทยาคมก็ไม่สามารถจะรู้ได้หลังจากอยู่กินกันแล้ว ลูกศิษย์คนนี้ก็กลับมาแกะพระใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้กลับเป็นเรื่องแปลกพอเริ่มแกะพระจะมีอาการปวดหัวทันทีตอนแรกคิดว่าบังเอิญก็หยุดอาการปวดหัวก็หายไปพอเริ่มจะแกะพระจับเครื่องมือขึ้นมาก็ปวดหัวอีกเป็นอย่างนี้ตลอดจึงได้นำพระที่แกะได้แค่6องค์มาคืน หลวงพ่อ ท่านปรารพว่า"วิชานี้แรงมากเขาคงจะให้ทำได้แค่นี้"
    หลังจากท่านบูรณะวัดท่าตะเคียนจนเจริญรุ่งเรืองจนได้รับพระราชทานสมณศักดิเป็น"พระครูสถิตธรรมานุรักษ์" ท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดน้อย อ.อินทรบุรี จ.สิงห์บุรี อันเป็นบ้านเกิดของท่าน ช่วงแรกๆที่ท่านกลับมาท่านจะอยู่แบบเงียบๆไม่ค่อยยอมเปิดเผยเรื่องราวของท่านเท่าไหร่ด้วยท่านเกรงว่าเรื่องต่างๆที่เล่าเหมือนดาบสองคมคนมีหลายประเภทที่เชื่อก็ดีไปหากไม่เชื่ออาจจะปรามาสเป็นบาปเป็นกรรมไปปล่าวๆ
    ขอจบเรื่องราวของหลวงพ่อเพียงเท่านี้ และขอขมากรรมที่ได้เขียนเล่าเรื่องของหลวงพ่อเพื่อเป็นวิทยาทานหากแม้นข้อเขียนเกิดข้อผิดพลาดโดยไม่เจตนาก ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวและขอหลวงพ่ออโหสิกรรมแก่ผมขออย่าได้มีบาปกรรมแก่ผมด้วยเทอญ. สาธุ สาธุ สาธุ
    FB_IMG_1553566838316.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    อ่านเล่นๆ ให้เป็นประโยชน์

    #เหาะมาได้แต่เหาะกลับไม่ได้เพราะพิษกาม

    มนุษย์เราเก่งแค่ไหนก็ยังแพ้พิษของกิเลสกาม ขนาดสำเร็จสมาบัติ ๘(รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔) อภิญญา ๕จนสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าไม่สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ดีก็ย่อมพ่ายแพ้แก่กามคุณ....

    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี วันหนึ่งพระภิกษุบวชใหม่ได้เที่ยวไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงคนหนึ่งตกแต่งตัวสวยงาม ไม่สำรวมจักษุ จ้องดูนางด้วยอำนาจของความงาม กิเลสภายในของพระภิกษุรูปนั้นก็หวั่นไหว เป็นเหมือนต้นไม้มียางอันถูกกรีดด้วยมีดฉะนั้น

    จำเดิมแต่นั้น เธอก็ตกอยู่ในอำนาจของกิเลส ไม่ได้ความสบายกายและความเบาใจเลยทีเดียว ดูวุ่นวายคล้ายกับชะมด ไม่มีความยินดีในพระศาสนา ปล่อยผมและขนรุงรังเล็บยาว จีวรก็เศร้าหมอง จนเพื่อนภิกษุต้องพาเธอไปเฝ้าพระพุทธเจ้าให้ทรงช่วย พระองค์จึงได้ตรัสอดีตนิทานให้ฟังว่า

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว #พระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีตนหนึ่งได้สมาบัติ ๘ อภิญญา ๕ บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ป่าหิมพานต์ วันหนึ่งได้เดินทางเข้าไปพำนักในสวนหลวงในเมืองพารณสี รุ่งเช้าครองผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังเสือ เกล้าผมทรงบริขาร เที่ยวภิกขาจารไปถึงประตูพระราชวัง พระราชาทรงเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้เข้าไปฉันในพระราชวัง และนิมนต์ให้อยู่ในที่พักภายในสวนหลวง ฤาษีรับคำนิมนต์อยู่เป็นเวลา ๑๖ ปี

    อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเสด็จไปปราบกบฎแถบชายแดน จึงมอบหน้าที่ถวายภัตตาหารแก่พระมเหสีนามว่ามุทุลักขณา ฤาษีมักเข้าพระราชวังตามเวลาที่ตนพอใจเป็นประจำ วันหนึ่งพระนางได้เตรียมอาหารเสร็จแล้ว เข้าใจว่าฤาษีจะมาช้าจึงเอนพระกายรอที่ท้องพระโรง ขณะนั้น ฤาษีได้เหาะเข้ามาถึงพอดี พระนางเมื่อได้ยินเสียงเปลือกไม้ก็รีบเสด็จลุกขึ้น ทำให้ผ้าที่ทรงอยู่ซึ่งเป็นผ้าเนื้อเกลี้ยงเลื่อนหลุดลงเหลือแต่ตัวเปล่า เป็นเวลาที่พระฤาษีเหาะเข้าทางช่องพระแกล (หน้าต่าง) พอดี ทำให้เห็นรูปกายของพระนาง

    อำนาจแห่งความงามของอิสตรีเป็นเหตุให้กิเลสภายในฤาษีกำเริบขึ้น ทันใดนั้น ฌานของท่านก็เสื่อมลงทันที หลังจากรับอาหารแล้วท่านก็บริโภคไม่ลง จะเหาะกลับก็ไม่ได้เพราะฌานเสื่อมเสียแล้ว ต้องลงเดินด้วยเท้าจากปราสาทเข้าไปสวนหลวงนอนซมในที่พัก ไม่ยอมแตะอาหารเพราะกามกำเริบ ปล่อยให้ร่างกายซูบผอมอยู่ถึง ๗ วัน

    ในวันที่ ๗ พระราชาเสด็จกลับมาถึงเมืองทำประทักษิณพระนครแล้ว เสด็จตรงไปหาฤาษีทันที เห็นอาการเช่นนั้นแล้วทรงตกพระทัยจึงตรัสถามถึงสาเหตุ ฤาษีได้ตอบว่าเป็นเพราะมีจิตกำหนัดในพระนางมุทุลักขณาเป็นเหตุ

    พระราชารู้สึกสงสารพระฤๅษีจึงหาทางช่วย โดยได้ร่วมวางแผนกับพระมเหสีเพื่อช่วยฤๅษีหนุ่มผู้พลาดท่าให้แก่กิเลสกาม พระองค์จึงแจ้งแก่ฤๅษีหนุ่มว่าทรงยินดีถวายพระนางให้แก่ฤาษี แต่ทรงได้ทำสัญญาลับกับพระนางมุทุลักขณาว่า ขอให้พระนางพยายามใช้ปัญญารักษาตัวให้ดีด้วย

    พระนางจึงได้บอกฤาษีว่าการที่จะได้ครอบครองนางนั้นจะต้องมีเรือนหลังหนึ่ง ฤาษีจึงขอเรือนที่อยู่จากพระราชา พระองค์มอบเรือนวัจจกุฏี (ส้วม) ให้หลังหนึ่ง พระนางไม่ยอมเข้าไปด้วยความสกปรก ดาบสจึงไปนำตะกร้ามาจากพระราชสำนักมาโกยสิ่งสกปรกและขยะเอาไปทิ้ง พระนางให้ดาบสทำความสะอาดห้อง แล้วให้ไปขนเตียงมาและเก้าอี้มาทีละอย่าง ต่อมาก็ใช้พระฤๅษีไปตักน้ำมาให้เต็มตุ่มเพื่อที่พระนางจะได้เอาไว้สรงพระวรกาย

    เมื่อถึงเวลาค่ำขณะกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยกัน พระมเหสีก็ทรงจับสีข้างของดาบสฉุดให้ก้มลงตรงหน้าพลางตรัสว่า

    "#ท่านไม่รู้ตัวว่าเป็นสมณะหรือพราหมณ์เลยหรือ"

    พระฤๅษีจึงกลับได้สติคืนมาในเวลานั้นเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านไม่รู้ตัวเอาเสียเลย เพราะหลงในอำนาจกามกิเลส พระฤๅษีจึงตัดสินใจนำพระเทวีไปถวายคืนแก่พระราชาแล้วกล่าวคาถาว่า

    “ขอถวายพระพรมหาบพิตร ครั้งก่อนอาตมภาพยังไม่ได้รับพระราชทานพระเทวีมุทุลักขณาของมหาบพิตร อาตมภาพก็มีความปรารถนาเพียงอย่างเดียว เกิดความต้องการขึ้นอย่างเดียวเท่านั้นว่า โอหนอ ขอให้เราพึงได้พระนาง

    แต่พออาตมภาพได้รับพระราชทานพระนางผู้มีพระเนตรแวววาว มีพระเนตรกว้าง มีดวงพระเนตรงามขำเข้าแล้ว ทีนั้นความปรารถนาข้อแรกของอาตมาทำให้เกิดความปรารถนาอื่นสืบต่อเนื่องขึ้นไป เช่นความปรารถนาเรื่องเรือนนอน ความปรารถนาในเครื่องอุปกรณ์ ความปรารถนาในเครื่องอุปโภคเป็นต้น

    ก็ความปรารถนาของอาตมานั้นเล่า เมื่อพอกพูนเข้าอย่างนี้จักไม่ยอมให้อาตมภาพยกศีรษะขึ้นได้จากอบายได้เลย พอกันทีสำหรับพระนางนี้ที่จะเป็นภรรยาของอาตมภาพ ขอมหาบพิตรจงรับพระมเหสีของมหาบพิตรคืนไป ส่วนอาตมภาพจักขอกลับไปป่าหิมพานต์”

    ทันใดนั้นเอง #พระดาบสก็ทำฌานที่เสื่อมไปให้เกิดขึ้น นั่งในอากาศแสดงธรรม ถวายโอวาทแด่พระราชาแล้วเหาะไปสู่ป่าหิมพานต์ทางอากาศทันที ไม่มาสู่ประเทศที่ชื่อว่าเป็นถิ่นของมนุษย์อีกเลย ได้แต่เจริญพรหมวิหาร ไม่เสื่อมจากฌาน ไปบังเกิดในพรหมโลกแล้ว

    พระราชา ภายหลังมาเกิดเป็นพระอานนท์
    พระมเหสี ภายหลังมาเกิดเป็นพระอุบลวรรณาเถรี
    พระฤๅษี ภายหลังมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

    ที่มา: มุทุลักขณาชาดก
    ภาพประกอบ: จากอินเตอร์เน็ต
    FB_IMG_1553700851742.jpg FB_IMG_1553700845801.jpg
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    น่าจะมีประโยชน์ในการถ่ายภาพวัตถุมงคลัอง โดยไม่ตองไปจ้างสตูฯถ่ายให้

    ใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพวัตถุมงคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นของโทรศัพท์มือถือและความสามารถของกล้องถ่ายภาพ
    .
    {{ แสง }}
    - แสงในอาคาร ส่วนใหญ่จะเป็นแสงจากหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ ถ่ายภาพไม่ค่อยจะเหมือนจริง ทั้งนี้ก็ตามสะดวก ครับ
    - แสงจากโคมไฟ การเลือกใช้หลอดไฟ ให้ถามพนักงานขาย(ผู้รู้)ว่าเราต้องการแสงหลอดไฟคล้ายแสงพระอาทิตย์ช่วงเช้า 0700 - 0900 น. ส่วนใหญ่แสงจากหลอดไฟจะเป็นแสงที่เติมเต็มให้วัตถุมงคลมีสีที่สวยขึ้น ... แต่ไม่เหมือนแสงธรรมชาติจริง ทั้งนี้ก็ตามสะดวก ครับ
    - แสงนอกอาคาร แสงนอกอาคารจะเป็นแสงที่มีความแตกต่างกัน ตามระยะเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนที่ไปในแต่ละองศา แสงในช่วงเช้าที่ทำให้ถ่ายภาพวัตถุมงคล สีวัตถุมงคลดูเป็นธรรมชาติที่สุด ประมาณ 0800 - 1100 น. ทั้งนี้ก็ตามสะดวก ครับ
    .
    {{ พื้นวัสดุที่ใช้รองวัตถุมงคล }}
    - ผ้าสีต่างๆ เช่น สีแดง สีดำ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีขาว...
    - ไม้ เหล็ก ทอง เงิน หนัง กระดาษ แร่ ผลึก ดินสีต่างๆ
    * วัสดุที่ใช้รองวัตถุมงคล มีผลต่อวัตถุมงคล เช่น พระเครื่องสีทอง ควรเลือกใช้พื้นสีฟ้า สีเทา .. เป็นต้น ... หากใช้พื้นสีแดง สีส้ม .. อาจจะทำให้พระเครื่องสีทองถ่ายภาพออกมาแล้วกลายเป็นพระเครื่องสีเงินแทน... ครับ.. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมแสง และอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ถ่ายภาพ หรือกล้องถ่ายภาพทีใช้เลนส์ถ่ายภาพระยะใกล้ ครับ..
    .
    {{ อุปกรณ์ภายในบ้าน }}
    - กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แก้วน้ำกลมๆ ใช้วางโทรศัพท์มือถือ
    .
    ขั้นตอน
    - เลือกพื้นผิวที่จะวางวัตถุมงคล
    - วางวัตถุมงคล
    - วางกล่อง
    - วางโทรศัพท์มือถือ เปิดกล้อง ขยายภาพให้พอดี จับโฟกัส กดถ่ายภาพ
    - พลิกวัตถุมงคล จับโฟกัส กดถ่ายภาพ
    * ภาพที่ได้จะมีขนาดของวัตถุมงคลที่เท่ากัน
    .
    หมายเหตุ :
    - หลายท่านมีประสบการณ์ถ่ายภาพและใช้แอปแต่งภาพ ก็ควรอธิบายกันไว้ก่อนนะครับ ...
    - ถ้าแต่งภาพสวยเกินไป ผู้เช่าไป ได้รับวัตถุมงคล จะเห็นว่าวัตถุมงคลที่ได้รับทำไมไม่เหมือนในภาพ
    .
    ข้อแนะนำ
    - ฝึกถ่ายภาพบ่อยๆ จะทำให้มีความชำนาญ มากขึ้น ครับ
     
  5. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ในทางศาสนาพุทธพูดถึงเรื่องเทวดาไว้มาก

    เรื่องนี้ก็อยู่ในตำราโบราณด้วยเช่นกัน

    มีตำราโบราณเกี่ยวกับเทวดาเสวยอายุของโบราณมี ๙ องค์ตามวันเกิดของแต่ละบุคคลเวียนรอบไป ตามกำลังปี เรียกว่าเสวยอายุ เช่นพระจันทร์มีกำลัง ๑๕ ปี แต่เสวยอายุตัวเอง ๑ ปีส่วนที่เหลือก็จะมีเทวดาที่จรมาจบครบ ๑๕ ปี จึงเปลี่ยนเป็นพระอังคาร ๘ ปี หลวงปู่ท่านบอกว่าบทสวดมนต์ในเจ็ดตำนานดีที่สุด จึงขอยกคำกลอนของโบราณมาให้พิจารณา
    อาทิตย์หกยกนี้มีคาถา (เสวยอายุ ๖ ปี)
    สวดอุเทตยัญจักขุมา (โมรปริตร หรือ บทยูงทอง)
    จันทร์สิบห้าสวดยันทุนมีคุณดี (เสวย ๑๕ ปี สวดบทอภันปริตร)
    อังคารแปดสวดยัสสานุภาเสร็จ (เสวยอายุ ๘ ปี สวดบทขัดกรณีเมตตสูตร)
    พุธสิบเจ็ดสวดสัพพาสี (เสวยอายุ ๑๗ ปี สวดบทขัดขันธปริตร)
    เสาร์สิบสวดยะโตหังภคนี ( เสวยอายุ ๑๐ ปี สวดอังคุลีมาลปริตร)
    พฤหัสสิบเก้าสวดปูเรบัน (เสวยอายุ ๑๙ ปี สวดบทขัดยูงทอง)
    ราหูสิบสองสวดกินนุสันเสร็จ (เสวยอายุ ๑๒ ปี สวดบทราหู)
    ศุกร์ยี่สิบเอ็ดสวดอัปปสัน (เสวยอายุ ๒๑ ปี สวดบทขัดรัตนสูตร)
    เกตุเก้าสวดชยันโตเช่นโสกันต์ (เสวยอายุ ๙ ปี สวดบทชัยปริตร)
    จบกำลังวันดีเท่านี้เอย
    หลวงปู่ดู่ท่านสรุปในเรื่องเทวดาว่า "มีจริงทำบุญอะไรก็ตามหมั่นอุทิศกุศลไปให้ เทวดาท่าน ตาทิพย์ หูทิพย์ พระที่ข้าเสก ยังต้องขอให้เขามาอนุเคราะห์ช่วยเหลือรักษาวัตถุมงคลเหล่านี้เพราะเขาอายุยืนกว่าเรา วัตถุมงคลที่มีคุณประจำอยู่ เทวดาย่อมมาสถิตด้วยตลอดกาล ไม่มีเสื่อมสลาย โดยหลักไสยศาสตร์ เช่นลอดราวผ้านุ่ง กินฟักกินแฟง เป็นต้น,
     
  6. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    คำเตือนสติ ผู้กำลังท่องไปในสังสารวัตร
    FB_IMG_1554335919146.jpg
     
  7. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ในสมัยก่อน วัดโป่งกะสัง มีหลวงพ่อพานอยู่รูปเดียว คอมมิวนิสต์ชุกชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระรูปใดกล้าอยู่ มี ตชด.ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนยิงหลวงพ่อพาน (ด้วยตัวของเขาเอง) เล่าให้อาจารย์ไชยาฟังว่า สมัยก่อนเป็นป่าเต็มไปหมด ตชด.ก็ลาดตระเวนในเวลากลางคืน พอมาถึงหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นป่าเขาสูง เห็นเงาตะคุ่มๆ ก็นึกว่าคอมมิวนิสต์

    พวก ตชด.ยิงใส่ไม่มียั้ง ยิงเท่าไรก็ไม่ยอมล้มเสียที จึงค่อยๆ ย่องไปดูใกล้จึงรู้ว่าเป็นพระมาเดินจงกรม ตชด.คนยิงกล่าวกับอาจารย์ไชยา “แปลกทำไมยิงท่านไม่ถูกเลย” ซึ่งไปสอดคล้องกับชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด ถ้าได้ยินเสียงปืนมาจากทางวัดรู้ได้ทันทีว่าหลวงพ่อพานโดนยิงอีกแล้ว เพราะว่า ตชด.จะต้องสับเปลี่ยนกำลังพลเป็นประจำ จึงไม่รู้ว่ามีพระเดินจงกรมอยู่ เป็นเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพานที่ผู้เล่ายังมีชีวิตอยู่
    FB_IMG_1554388277178.jpg
     
  8. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ชมชัดๆ สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเห็นของจริง ลูกแก้วคู่บารมีของหลวงปู่ทวดเหยียบน่ำทะเลจืด อายุ 437 ปี

    ลูกแก้วมีจริง
    หลวงปู่ทวดมีจริง
    สิ่งศักดิสิทธิ์มีจริง
    คำสอนมีจริง
    พระพุทธเจ้ามีจริง
    ...

    อย่าลังเลสงสัยในคำสอนอยู่เลย
    เร่งทำความเพียร พือความหลุดพ้นกันเถอะ

    สาธุ
    สาธุ
    สาธุ
    อนุโมทามิ
    FB_IMG_1554682749436.jpg FB_IMG_1554682746557.jpg FB_IMG_1554682743812.jpg FB_IMG_1554682740663.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ได้มาฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ กับท่านเจ้าคุณอาจารย์ฯ ราวปี พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นเวลาหลายเดือนจนได้รับฟังเทศน์ลำดับญาณ และประสบการณ์การสอบอารมณ์ นอกจากนั้น หลวงพ่อยังจดจำคำสอนมาเผยแพร่อีกหลายอย่าง อาทิเช่น

    ๑. บูชาวงศ์ตระกูล บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง บูชาความรัก
    ๒. พี่น้องอย่าทะเลาะกัน อย่าแย่งสมบัติกัน ต้องเคารพพ่อแม่
    ๓. เคารพผู้ใหญ่ เคารพครูอุปัชฌาย์อาจารย์
    ๔. สามีภรรยาอย่าทะเลาะกัน บ้านไหนสามีภรรยาทะเลาะกัน บ้านนั้นเป็นบ้านอัปมงคลสร้างกุศลไม่ได้
    ๕. คุณหนูมั่นจำ มั่นจด สิ่งใดงามอย่าได้งด คุณหนูมั่นจด มั่นจำ
    ๖. พวกที่มาบวชน่ะ ถ้าเขาไม่มีศรัทธาอย่าบวชให้นะ ถ้าเขามีศรัทธาบวชให้เลย
    ๗. นี่เจ้าคุณเอาตำราใช้ให้ถูกต้องนะ จะมีความรู้มากน้อยไม่สำคัญ ปฏิบัติและสอนตามที่รู้มาก็แล้วกัน
    ๘. เราทั้งหลายเจริญวัยชันษามาได้ เพราะพ่อแม่ชุบเลี้ยงเรามา เราได้รับเรือน ๓ น้ำ ๔ ของพ่อแม่มาทุกคน

    เรือน ๓ คือ เรือนครรภ์ เรือนตัก ที่แม่อุ้มใส่ตัก และเรือนที่อยู่อาศัย ที่พ่อแม่หาไว้ให้ น้ำ ๔ คือ น้ำนม น้ำคำ ลูกจ๋าแม่ให้พร น้ำพักน้ำแรง ที่พ่อแม่หาเลี้ยงเรา และน้ำใจ ที่ไม่มีอะไรเทียบได้เลย

    ๙. ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของวัดและศาสนพิธี

    หมายเหตุ : ในยุคแรกๆ หลวงพ่อยังเกี่ยวข้องกับอิทธิปาฏิหาริย์ และก่อนจะข้ามพ้นจุดนี้มาได้นั้น หลวงพ่อท่านพบครูบาอาจารย์มากมาย เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก (หุงน้ำมันมนต์) หลวงพ่ออินทร์ (เข้าใจว่าคงเป็นวัดเกาะหงส์ จังหวัดนครสวรรค์ องค์นี้ผมรู้จัก ท่านเก่งเรื่องน้ำมันรักษากระดูก พี่สาวผมตกสะพานแขนหักก็ได้ท่านรักษา) หลวงพ่อเรือง (เข้าใจว่าคงเป็นพระอธิการเรือง วัดปากคลองบางคู้ เพราะผมมีเหรียญเก่าท่าน) หลวงพ่อจาด จังหวัดปราจีนบุรี หลวงพ่อลี วัดอโศการาม (เรียนวิชาสะเดาะกุญแจ) นอกจากนั้นท่านยังเอ๋ยถึง หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เรื่องเสกใบมะขามเป็นตัวต่อ (หลวงพ่อท่านเสกผ้าอาบเป็นกระต่ายวิ่งได้) ท่านเจ้าคุณอุบาลี สิริจันโท วัดบรมนิวาส เรื่องการฝากโรคภัยไข้เจ็บไว้ก่อน หลวงพ่อเองก็เคยเล่าไว้เมื่อคราวท่านรับนิมนต์ไปเทศน์ที่ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ท่านอาพาธเมื่อถึงเวลานัดจำเป็นต้องไป (หลวงพ่อไม่เคยเสียสัจจะ) ท่านก็ฝากไข้ไว้ ท่านครูบาศรีวิชัย เรื่องปืนยิงไม่ออก พลุยิงไม่ได้

    ทุกวันนี้ แม้เราท่านจะไม่ค่อยได้ยินได้ฟังเรื่องเหล่านี้ ก็มิได้หมายความว่าท่านลืม เพียงแต่ท่านวางไว้และจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ก็ขนาดท่านเน้นเฉพาะกรรมฐานและสอนญาติโยม คนก็ยังล้นวัดจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ถ้าไปเน้นเครื่องรางของขลังอีก วันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมงคงไม่พอ
    FB_IMG_1554857244153.jpg FB_IMG_1554857242236.jpg
     
  10. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    สมเด็จพระชนนีได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐานกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธิมุนี ณ วัดมหาธาตุ เป็นเวลาถึง ๑ เดือนเมื่อปี ๒๔๙๘
    %E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%931.jpg
     
  11. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ผู้มีจิตศรัทธาสนใจใคร่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับพระเดชพระคุณมากมาย จนมีการแพร่ขยายการอบรมสั่งสอนออกไปอย่างกว้างขวางเกือบทุกมุมโลก

    ครั้งหนึ่ง ผม(มนตรี)ได้มีโอกาสเรียนกรรมฐานโดยตรงกับท่าน ด้วยความบังเอิญ ที่ พระอุโบสถของวัดเซียงกง (จำชื่อเป็นทางการไม่ได้) ท่านสอนเดินแบบย่างหนอ แบบเดียวกันกับที่หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันสอนทุกขั้นตอน ท่านมีเมตตา และเป็นกันเองต่อญาติโยมเป็นอย่างมาก
    %E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%937.jpg
     
  12. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทร์

    หลวงปู่ และหลวงพ่อขอเรา ถือว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ท่านจะมาสนทนาธรรมเกือบทุกครั้งที่หลวงพ่อ เข้ามาที่บ้านสายลมทุกเดือน

    ครั้งหนึ่ง ประมาณปี 253x ผมไปบ้านสายลมประจำ วันนั้น ผมกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน ท่านเจ้ากรมเสริม เป็นเวลาช่วงสายๆ คนยังไม่พลุกพล่าน มีรถแทกซี่เข้ามาจอดหน้าบ้านเพื่อส่งผู้โดยสาร ผมอยู่ตรงนั้นพอดี พอรถเปิดออก จึงเห็นหลวงปู่ กำลังจะออกมาจากรถ ผมจึงได้มีโอกาสอันวิเศษ เข้าไปช่วยพยุงท่านค่อยไลุกออกจากรถ และใพยุงให้ท่านยืนสะดวก พอท่านเดินจะเข้าไปในบ้าน ท่านก็เดินเข้าไปเอง โดยมีไม้เท้าประจำตัวอันนึง

    ความประหลาดที่อยากจะบันทึกไว้ก็คือ วินาทีที่ผมสัมผัสตัวท่านผิวของท่าน ละเอียด นุ่มนวล เย็น มีไฟฟ้าสถิตย์เย็นๆแวบผ่านมือ มาที่ตัวผม รู้สึกเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นพลังแห่งเมตตาที่ท่านแผ่มาให้ก็ได้
    ผมยังจำเวลานั้นได้ดีจนทุกวันนี้

    สาธุ สาธุ สาธุ

    1-5.jpg
    lp-armpan-01.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2019
  13. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    อาจาริยวาท
    วันพุธที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒
    “การลงทุน ในการทำสมาธิ จึงเป็นการลงทุน ที่ไม่ได้สูญเปล่า ลงทุนน้อย แต่ว่าสามารถ ที่จะทำให้เกิดสมาธิเกิดพลัง ให้แก่เรา ได้อย่างล้นเหลือ เมื่อเวลาที่ มานั่งสมาธิ เราก็ไม่รู้

    เพราะว่า เรานั่งพุทโธแล้ว มันก็เหลือแต่จิตเป็นหนึ่ง พอเหลือจิตเป็นหนึ่ง มันก็เกิดความเยือกเย็น มันก็สบายไปแล้วให้เห็น และเคยประพฤติ ที่เรียกว่าไม่ดี ก็กับกลายเป็นประพฤติดีขึ้น อย่างนี้เป็นต้น

    เมื่อเป็นเช่นนั้น สมาธิก็ควร ที่จะต้องทำให้มันง่าย ๆ ไม่ใช่ว่า จะทำพิธีรีตองอะไร มากเยอะแยะ ทำให้มันพอดีพอเหมาะ ที่จะทำได้”

    พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
    ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
    อนุโมทนาขอบคุณ ผู้มีส่วนในธรรมะสาระ และภาพประกอบนี้
    จากหนังสือ คำสอนของหลวงพ่อ หน้า ๗๔
    w.i.f.18 huahin
    ธัมม์นิยม...แบ่งปัน
    105426.jpg 577867.jpg
     
  14. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    เรื่องน่าสนใจ เก็บไว้อ่านครับ
    เกี่ยวกับ เจ้าพระยาโกษาเหล็ก
    หนึ่งในอดีตชาติของหลวงพ่อ

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2514#22
    FB_IMG_1555109956143.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    สงกรานต์ปีนี้ ไม่ได้กลับไปบ้าน
    ผมและลูกชาย จึงจัดการสรงน้ำ พระบรมสารีริกธาติฝุ พระพุทธรุป ที่ตอนโด ระยอง ตามอัตภาพ

    ขอคุณพระรัตนตรัย สิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในสากลภิพิภพ จงปกปักรักษา คุ้มครอง ป้องกันภัย ดลบันดาล ให้เกิดโชคลาภ ไม่เจ็บ ไม่จน รวยๆๆๆๆ แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว และทุกๆท่านด้วยเทอญ
    received_2431010816944232.jpeg received_273083330310531.jpeg received_379027536026782.jpeg received_270989487140011.jpeg received_501761593688054.jpeg received_568028510371564.jpeg received_325283261506125.jpeg received_2059751434322334.jpeg
     
  16. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    เรื่องอาถรรพ์ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
    ไม่เจอกับตัวย่อมไม่รู้
    เราไม่รู้ใช่ว่าไม่มี

    ลองอ่านดูครับ
    วิธีแก้ "วิชาและอาถรรพ์"
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
    เมื่อกี้ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้มาบอกว่า "ถ้าลูกหลานคนใด
    ไปที่วัดให้เอาขนมปังไปคนละปอนด์ แล้วไปวางไว้ที่หน้าโบสถ์
    เป็นการแก้ "วิชาและอาถรรพ์" ถามท่านว่า "ทำที่อื่นไม่ได้หรือ"
    ท่านก็บอกว่า "เขาทำที่วัด แก้ที่อื่นมันก็ไม่ได้ ไอ้วิชาและอาถรรพ์นี่เขาทำให้ซวยให้ทุกคนหากินยาก มีความเป็นอยู่ยาก มีการป่วยไข้
    ไม่สบาย" ตัวต้นจริงๆ ก็คือฉัน เขาต้องการให้ตาย นี่บังเอิญไม่ตาย
    ถ้าตายจะมีความสุขมาก
    ก็รวมความว่า เขาทำมามาก เขาทำมาจริงๆ ตั้งแต่ปี ๑๗ แล้วก็ทำ
    เพิ่มเติมทุกปี ทุกครั้งที่มีงาน มีงานวัดพวกนักไสยศาสตร์เขาไป
    ทุกเที่ยว ฉันรู้หมด ทำที่ไหนก็ทราบ แต่ว่าที่ไม่พูดเพราะอะไร
    เพราะเกรงว่าพวกเราบางคนจะเข้าตะรางไป เอาแน่ เพียงได้ยินข่าวยังเอาเลย ไม่งั้นก็ขยี้ตายไปเลย ก็เห็นว่าอันตรายมันมีไม่มาก
    และต่อมาเมื่อวานซืนนี้มีเทวดามาองค์หนึ่ง เป็นเทวดาของ
    ท้าวเวสสุวรรณ ฉันก็นอนภาวนารอเวลารับแขก ก่อนจะรับแขก
    ไม่รู้จะทำอะไรก็นอนภาวนาไปเรื่อยๆ เสียงท่านพูดดังๆ ว่า
    "นี่ เอาขนมปังไปวางหน้าโบสถ์สักปอนด์ไม่ได้รึ"
    ก็นึกว่าเสียงใครวะ เราอยู่คนเดียวนี่ แล้วท่านก็พูดอีก
    "นี่ เอาขนมปังไปวางหน้าโบสถ์ ๑ ปอนด์ไม่ได้รึ"
    พอเหลียวไปดูก็เจอเทวดาลูกศิษย์ท้าวเวสสุวรรณ
    "ผมอยู่ป้องกันอันตรายที่วัดนี้ประมาณ ๑๐๐๐ องค์เศษ"
    ท่านก็บอกว่า "วิชาก็ดี อาถรรพ์ก็ดี เขาทำมามากแล้ว
    เขาต้องการอย่างน้อยที่สุด ให้ท่านขยับตัวไม่ได้ คล้ายคน
    เป็นอัมพาต แล้วประการที่ ๒ เขาต้องการให้ตาย" แล้วท่าน
    ก็ให้ดูทุกจุดว่า วิชาก็ดี อาถรรพ์ก็ดี เขาทำอะไรบ้าง
    ก็เลยบอกว่า "ทั้งหมดนี้ ทราบทุกครั้งที่เขาทำ"
    ท่านก็เลยบอกว่า "ผมเองก็ทราบว่าท่านไม่เป็นไร
    มันเข้าไม่ได้ และลูกศิษย์ของท่าน คนที่เคารพ
    ยันต์เกราะเพชรจริงๆ มันเข้าไม่ได้เช่นกัน"
    ท่านอธิบายต่อไปว่า "สมมติเป็นกองไฟกองใหญ่ ถ้าเขาเอา
    ท่านไปเผาได้ท่านก็ไหม้ แต่เผอิญพวกท่านไม่ได้เข้ากองไฟ
    พวกผมกันไว้ แล้วเปลวไฟที่แลบออกมา ก็ไม่ถึงตัวท่าน
    แต่อย่าลืมว่าสถานที่เดียวกัน ไอร้อนมันมี ละอองคือไอร้อน
    ทีละน้อยๆ มันก็สะสมในตัว อย่างนี้ก็ทำให้การคล่องตัวไม่มี
    อาการที่ป่วยไข้ของท่าน ก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน
    นี่ละอองนะ ไม่ใช่เนื้อแท้ ทีนี้ลูกหลานทุกคน ที่มีความเป็นอยู่
    ไม่ปกติ ก็เป็นด้วยเหตุนี้เหมือนกัน เป็นละออง"
    เมื่อกี้ท่านท้าวเวสสุวรรณ บอกตอนบวงสรวง บอกว่า
    "ให้บอกลูกหลานทุกคน ถ้าไปวัด เอาขนมปัง ๑ ปอนด์
    วางที่หน้าโบสถ์" ตอนที่เทวดามาบอกท่านย้ำว่า
    "หน้าโบสถ์นะ ไม่ใช้ข้างโบสถ์"
    ก็เลยบอกว่า "ที่หน้าโบสถ์ วางบนพื้นสูงด้านหน้าได้ไหม"
    ท่านบอกว่า "นั่นมันบนโบสถ์" ดุด้วยนะ เขาว่าเทวดาไม่ดุ ไม่จริง
    แต่เสียงเทวดาชั้นจาตุมหาราช เสียงท่านห้าวหาญ ไม่ใช่ดุนะ
    เลยถามว่า "ตรงไหนล่ะ" ท่านตอบว่า "ตรงไหนก็ได้ ที่ใม่ใช่ข้างโบสถ์" ก็ถามว่า "เวลาวางต้องทำแท่นต้องทำที่ไหม" ท่านบอกว่า
    "ผมไม่ได้บอกนี่" ถามว่า "เวลาวางทำยังไง" ท่านบอก
    "เวลาวางทุกคนให้ว่าตามนี้นะ วิชาและอาถรรพ์จงพินาศไป" เท่านี้
    ถ้าเราจะเคารพในท่าน ก็จุดธุปบอกหน่อยนะ ท่านบอกว่า
    "หลังจากนั้นต่อไป เป็นหน้าที่ของผม"
    ต่อมาเวลา ๖ โมงเย็น ก็นอนทำกรรมฐานอยู่ ฉันหากินนอนมากว่านั่ง
    ก็เห็นลูกศิษย์ท่านท้าวเวสสุวรรณท่านมา ท่านบอกว่า "เวลาที่เขาทำ
    ใช้เวลามานาน ลูกน้องผมและลูกน้องท้าวมหาราชทั้งหมด พันคนเศษ คุมวัดอยู่ ท่านรอโอกาสนี้มานานแล้ว รอโอกาสที่อกุศลกรรมเปิดทางให้ ฝ่ายที่เขาทำนะ ที่เขากลั่นแกล้ง"
    ถามท่านว่า "การกลั่นแกล้งนี้มาจากไหน เรื่องส่วนตัวรึ เรื่องส่วนตัวนี่
    ไม่มีกับใคร" ท่านบอกว่า "ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเรื่องส่วนรวมและ
    ความโลภ เขาต้องการให้ท่านพับไป แม้ลูกหลานทั้งหมด
    แต่มันพับไม่ลง" แล้วท่านก็บอกว่า "ผมรอเวลานี้มานาน
    วันนี้เวลา ๑๔.๐๐ น. กรรมที่เป็นอกุศลกรรมเขาเปิด"
    ท่านเลยมาบอกเวลา ๑๓.๑๒ น. ไม่ใช่ให้หวยนะ และตอนสัคเคฯ
    พระพุทธเจ้าท่านเสด็จ บวงสรวงต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยนะ
    อันดับแรกก็แค่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถ้าเขายืนกับที่พระพุทธเจ้าท่าน
    เสด็จด้วย พอมาถึงท่านก็บอกว่า "บอกลูกหลานเขานะ ความเจริญ
    รุ่งเรืองจะมีขึ้นตามลำดับ ถอยหลังไม่มี..." ลงท้ายท่านก็บอกว่า
    "เธอยังตายไม่ได้ตามเดิม" ......

    FB_IMG_1555469623441.jpg
     
  17. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    น้อมรำลึก ๑๗ มษายน วันเกิด สมเด็จโต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม พระอมตะมหาเถราจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์.
    ขอบารมีสมเด็จโต ประทานพรอันประเสริฐให้ทุกท่านโชคดี และปลอดภัย ทุกท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ


    FB_IMG_1555472237172.jpg
     
  18. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    และ วันนี้ยังเป็นวัน สำคัญอีก

    ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของราชอาณาจักรธนบุรี

    สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมว่า สิน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรธนบุรี และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของราชอาณาจักรนั้น

    ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีชาวจีนแต้จิ๋วคนหนึ่ง เป็นผู้อพยพมาจากเมืองเฉิงไห่ ซัวเถา ครั้นเมื่อถึงวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗ มีบุตรชายคนหนึ่ง ได้ชื่อว่า สิน เกิดแต่นางนกเอี้ยง ซึ่งเป็นชาวไทย ต่อมาได้รับเฉลิมพระนามเป็นกรมพระเทพามาตย์ สำหรับถิ่นกำเนิดของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้นน่าจะเกิดในแถบภาคกลางมากกว่าเมืองตาก ซึ่งมักว่ากันว่าอยู่ในกรุงศรีอยุธยา

    ต่อมา เจ้าพระยาจักรีผู้มีตำแหน่งสมุหนายกเห็นบุคลิกลักษณะ จึงขอไปเลี้ยงไว้เหมือนบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากสำนักวัดโกษาวาส (วัดคลัง) และบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๓ ปี ที่วัดสามพิหาร หลังจากสึกออกมาแล้ว ได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีตามขนบประเพณี ของไทยบวชอยู่ ๓ พรรษา หลังจากสึกออกมาได้เข้ารับราชการ ต่อกรมมหาดไทยที่ศาลหลวงในกรมวัง

    ต่อมาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) พระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ ๓๔ รัชกาลสุดท้ายแห่งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตากจนได้เป็นพระยาตาก ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นได้ถูกเรียกตัวเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เพื่อแต่งตั้งไปเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชรแทนเจ้าเมืองคนเก่าที่ถึงแก่อนิจกรรมลงใน พ.ศ. ๒๓๑๐

    จากนั้นเกิดการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองใน พ.ศ. ๒๓๑๐ พระยาวชิรปราการ (ยศในขณะนั้น) ทรงกอบกู้เอกราชเริ่มแต่ในวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๐๙ พระองค์เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียทีแก่พม่า จึงตัดสินใจรวบรวมทหารกล้าราว ๕๐๐ คน ตีฝ่าวงล้อมทหารพม่า โดยตั้งใจว่าจะกลับมากู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนให้ได้โดยเร็ว ทรงเข้ายึดเมืองจันทบุรี เริ่มสะสมเสบียงอาหาร อาวุธ กำลังทหาร เพื่อเข้าทำการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา

    กรุงศรีอยุธยาแตก เมื่อวันอังคาร ที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ และพระองค์สามารถกู้กลับคืนมาได้ เมื่อวันศุกร์ ที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๐ รวมใช้เวลารวบรวมผู้คนจนเป็นทัพใหญ่กลับมากู้ชาติด้วยระยะเวลาเพียง ๗ เดือนเท่านั้น

    เมื่อทรงจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยพอสมควร บรรดาแม่ทัพ นายกอง ขุนนาง ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ตลอดทั้งสมณะพราหมณาจารย์และอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย จึงพร้อมกันกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ ณ วันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๓๑๐

    ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมปวงข้าพระพุทธเจ้าอย่างหาที่สุดมิได้

    FB_IMG_1555472381683.jpg
     
  19. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    บทนี้ผมก็ท่องอยูาเป๋นประจำครับ

    *** #ผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบา ด้วย คาถาบารมี 30 ทัศ (ย่อ) ***

    “อิติปาระมิตาติงสา
    อิติสัพพัญญูมาคะตา
    อิติโพธิมะนุปัตโต
    อิติปิโสจะเตนะโม”

    #ความหมายของพระคาถา
    อิติปาระมิตาติงสา (ขออำนาจแห่งบารมี 30 ทัศ)
    อิติสัพพัญญูมาคะตา (ขออำนาจแห่งพระสัพพัญญู)
    อิติโพธิมนุปปัตโต (ขออำนาจแห่งโพธิญาณ)
    อิติปิโสจะเตนโม (ด้วยอำนาจแห่งคำขอทั้งหมดนี้ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า)

    #พุทธคุณคาถา
    คาถานี้ภาวนาจนเป็นสมาธิ การเห็นภาพนิมิตจะชัดเจน ใช้คาถานี้บูชาคู่เหรียญเงินไม่ขาดบ้าน “เหรียญเศรษฐี” จะมีความคล่องตัวในทางโลก เงินทองไม่ขาดบ้าน มีโชคมีลาภ ในหนังสือ"ตามรอยพระพุทธบาท เล่ม 3 " หลวงพ่อเขียนไว้ว่า " ลงกระดานเรือน หรือ รอดบ้าน เงินไม่ขาดบ้าน "

    #วิธีภาวนาเพื่อผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบา
    หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมตตาบอก “คาถาบารมี 30 ทัศต่อด้วยนะโมพุทธายะ ให้นำไปภาวนาทุกวัน แล้วอฐิษฐานนึกถึงภาพพระครอบตัวของเรา, คนในครอบครัวของเรา, บ้านของเรา จะได้ผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบาลง ถ้าทุกคนช่วยกันภาวนาพระคาถาบทนี้ ก็จะเป็นการช่วยผ่อนกรรมของประเทศได้อีกด้วย”

    ++++++++++++++
    ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บวิกิซอร์ซ th.wikisource.org
    ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บพลังจิต palungjit.org
    ขอบคุณรูปภาพจาก : คุณ ANUPAP HOTRAPAWANON
    FB_IMG_1555491044508.jpg
     
  20. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    (โปรดใช้วิจารณญาณ)

    ห้ามพลาด หลัง 1 ทุ่ม วันโกน ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี ชีวิตดีขึ้นเงินทองไหลมาเทมา(สาธุๆๆ)

    หลายความเชื่อของคนโบราณ ปู่ย่าตาทวด ได้มีสิ่งที่ยึดถือปฏิบัติกันมาเนิ่นนาน และในบางสิ่งยากที่จะพิสูจน์ได้ในทางเหตุและผล แต่สิ่งที่คนโบราณมักทำกันมานั้น มักสืบทอดกันเป็นรุ่นๆจวบจนปัจจุบัน และในแต่ละสิ่ง เมื่อทำไปแล้วมักเห็นผลตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่บอกมา พึงระวัง และพึงกระทำ แล้วจักดีแก่ตนเองและครอบครัว

    "ทำบุญวันโกน....หลัง ๑ทุ่ม.”

    วันโกนคือวันก่อนวันพระ อย่าลืมทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ผี คน และสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก

    คำอธิษฐานเวลาทำบุญวันโกนมาให้ ดังนี้

    " ข้าพเจ้าชื่่อ...............และ.............ของข้าพเจ้าชื่อ วันนี้วันโกน

    และต่อ ๆ ไป ทุกวันโกนข้าพเจ้าและ.......ของข้าพเจ้าจะนำข้าวปลาน้ำมาให้........

    เจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามตัวข้าพเจ้าและ....... เทวดาที่ดูแลรักษาตัวข้าพเจ้าและ

    เจ้าที่เจ้าทาง ผีสางนางไม้ ภูติผีปีศาจ สัมภเวสีผีเร่ร่อนอดยาก ตลอดจนสัตว์

    เดรัจฉานที่ผ่านไปมาทั้งหลาย จงมาดื่มกินข้าวปลาน้ำที่ข้าพเจ้านำมาให้ครั้งนี้ และ

    เมื่อได้ดื่มกินอิ่มหนำสำราญแล้ว ขอจงรีบนำสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายออกไปจากบ้านและ

    ตัวของข้าพเจ้าและ......ของข้าพเจ้าดี๋ยวนี้เลย พร้อมทั้งอวยพรให้ข้าพเจ้าและ.......

    ของข้าพเจ้าจงร่ำรวยแก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมามีโชคลาภถูกหวยถูกล็อตเตอรี่

    รางวัลใหญ่ ๆ สุขภาพแข็งแรง ปราศจากทุกข์โศรกโรคภัยไข้เจ็บ ปัดเป่าปัญหา

    อุปสรรคให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ความสุขกลับมาเยือน ความทุกข์ห่างหายฉับพลัน สาธุ! "

    ใช้ธูปจุด ๑ ดอก ข้าวสวย ๑ ถ้วยเล็ก น้ำเปล่า ๑ แก้ว ปลาทูทอดสวย ๑ คู่(๒ตัว) วางที่กลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านนอกรั้วบ้าน ขอให้ปักธูปไว้ที่ดิน เมื่อได้ทำแล้วขอให้จงได้ทำทุกๆวันโกน จงอย่าได้ลืม ปฏิบัติให้ได้ทุกวันโกน ชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ อะไรที่ติดขัดจะค่อยหาย เริ่มราบรื่นขึ้นมา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล คัมภีร์ลุงรวย เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน

    ขอบคุณ ที่มา: https://www.siamnews.com/view-

    https://4.bp.blogspot.com/-BRDd4M_Y...a8sWqKgl2HVsG5Cv8ZdFyrinwCLcBGAs/s1600/c1.png
    Screenshot_20190418-200329.png
     

แชร์หน้านี้

Loading...