พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    เนื่องจากเห็นว่ากระทู้ดูเงียบๆ โต้ตอบทักทายกันเป็นปกติ เลยหาเกมส์สนุกๆ มาให้เล่นกัน ด้วยการใช้จิต นิมิต และการเดา ฉะนั้น จึงไม่มีคำว่าถูกหรือผิดเพราะว่า เป็นตามอำนาจจิตสัมผัสปัจจัตตังของแต่ละบุคคล นานๆที จะมีอะไรมาให้ทายเล่นๆ กัน ทีนี้ก็ถึงเวลาเฉลยแล้วนะครับ ตามนี้เลยครับ


    ร่างมหึมา ปานราหูชูหัวพรวดขึ้นจากบึง หัวสูงเทียมยอดเขา สีดำเป็นเงาราวกับนิล บนหัวมีหงอนเป็นหยัก ๆ ลงไปตามสันหลัง ดวงตาขนาดโอ่งมังกรเห็นจะได้ ลิ้นสีแดงแลบแปลบปลาบราวกับสายฟ้าในนรก..!

    พญางูยักษ์..! เจ้าประคุณเอ๋ย..ทำไมถึงใหญ่มหายักษ์ขนาดนี้ ชูพ้นมาแค่เลยคอนิดเดียว สูงเท่ากับภูเขาซะแล้ว ถ้าแผ่พังพานออกมิบังฟ้าเลยหรือนี่..? จะว่าเป็นพญานาคก็ไม่เหมือนในภาพเขียนเลย..!

    “มาแค่ ๑๑ คนไม่พอกินหรอก” แน่ะ..ขู่กันซะด้วย

    อาตมาหันหลังให้บึงสวดมนต์อยู่สามารถ “มองเห็น” เขาได้ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็น “งูลม” ยิ่งมาขู่กันแบบนี้ยิ่งมั่นใจใหญ่ เลยสวดมนต์ต่อไม่รู้ไม่ชี้...

    “วิรูปักเข หิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปเถ หิ เม...” ถึงบทขันธปริตร พอดี พอเอ่ยนามท้าววิรูปักข์จอมนาคราช อสรพิษมหายักษ์ก็หดหัวหายวูบในบึงตามเดิม อาตมาสวดมนต์ต่อจนจบ...

    หันกลับมาให้ทุกคนเช็คยอด เพราะอาตมายังไม่ทราบเลยว่า คณะของเรามากันกี่คน ปรากฏว่า ๑๒ คนทั้งอาตมา เออ...ขอบคุณเป็นอันขาดที่ไม่คิดจะกินพระเข้าไปด้วย แล้วเฉลยข้อข้องใจให้ทุกคนฟัง...
    แสงชัยเอะอะโผงผางว่า

    “อย่างนี้ต้องเจอกับ “ปู่ขาว” ของผม”

    ทำพูดดีไปเถอะ..ถูกพ่อแดกซะก่อนปู่จะมาช่วยแล้วจะรู่ซึก..! ไล่ทุกคนไปกินข้าวเย็น เว้นหัวหน้าชาติชาย แดง และจ่าชิต เพราะทั้งสามถือศีลแปด...

    อาตมาตั้งใจแผ่ส่วนกุศลต่อเจ้าของสถานที่ทั้งหลาย จะเป็นอากาศเทวดา รุกขเทวดา ภุมมเทวดาก็ดี สัมภเวสี เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานใด ๆ ก็ดี ขอให้ทุกท่านโมทนาในส่วนกุศลของข้าพเจ้านี้เถิด...

    “เห็น” ผู้มาโมทนาคลาคล่ำไปหมด มีรายหนึ่งหน้าดำเป็นนิล โผล่มาใกล้ที่สุดข้างกองไฟ เลยขอให้เขาช่วยดูแลความปลอดภัยของทุกคนตลอดเวลาที่ยังพักอยู่ที่นี่ ขวานฟ้าหน้าดำรับปากโดยไม่ลังเล.. ขอบคุณมาก ๆ...

    (ขอตัดตอนมาเพียงเท่านี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับพญานาค ณ บึงลับแล จากบันทึกการเดินทางของพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เมื่อ ๘เมษายน ๒๕๓๔ ครับ)

    นิยามให้นะครับ

    บึง หมายถึง บึงในภาพที่ให้ทายกัน ชื่อว่า "บึงลับแล" หรือ "บึงน้ำทิพย์" อยู่ใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีครับ

    อาตมา คือ พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    สรุปคือ นิมิตพญานาคที่ให้ทายกันในครั้งนี้ คือนิมิตของพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ท่านครับ สำหรับท่านที่เห็นต่างไปจากนี้ อาจเป็นเพราะพญานาคตนอื่นท่านมาสื่อให้เห็นก็เป็นได้ เพราะน่าจะอยู่กันหลายท่าน แต่ที่แน่ๆ หัวหน้าใหญ่ น่าจะเป็นท่านที่กล่าวถึงนี่แหละครับ
    ส่วนเรื่องตระกูล เนื่องจากท่านมีกายสีนิล ตามตำนานที่กล่าวถึงกันจัดว่าท่านอยู่ในตระกูลกัณหาโคตมะครับ อันนี้เป็นเกร็ดความรู้ตามตำนาน ฉะนั้น จึงมิอาจฟันธงสรุปลงไปได้ครับ

    อนุโมทนาสาธุ

    ขอขอบคุณข้อมูลจากบอร์ดของพี่หญิง ณญาดาด้วยครับ
    http://palungjit.org/threads/รวมบันทึกฯ-ร่วมอนุโมทนา-รับชมภาพอ่านบันทึกทริปธรรมฯ-๙-ได้ที่หน้า-๙๙-คคห-ที่-๑๙๗๑.165029/

    และข้อมูลต้นฉบับจากเว็บกระโถนข้างธรรมมาสน์
     
  2. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ลูกหลานพญานาคไปไหนกันหมดอะ เงียบจังเลย
     
  3. Punnattha Eiamsuwan

    Punnattha Eiamsuwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +36

    มาแล้วจ้า มารายงานตัว มัวแต่ไปกบดานอยู่ในเมืองใต้บาดาลมา
    นานๆจะโผล่ขึ้นมาชมดาวชมเดือนกับเขาบ้าง

    เห็นภาพของคุณสิงหนวัติ โพสต์มาให้ดู ช่างสดใส สดสวยจริงๆ
    สายน้ำพริ้วเป็นระยับ สุดที่จะบรรยาย รู้แต่ว่าชอบจัง สุขุม ลุ่มลึก และเยือกเย็น

    เหล่าพญานาคทั้งหลายที่ท่านมีที่อยู่เป็นห้วงน้ำมหรรณพ ขอให้ท่านมีจิตใจที่สุขุม
    เยือกเย็น เหมือนสายน้ำที่ท่านได้อยู่ได้อาศัย แม้ว่าชาตินี้จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วไซร้ จงทำใจให้บริสุทธิ์ดุจสายน้ำที่เยือกเย็น หมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้เทอญ

    กลับแล้วจ้า ท่านแม่นางพญานาคีเรียกตัวไปรับใช้อีกแล้ว
     
  4. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    เสน่ห์มนตราริมฝั่งโขง จากเชียงคานถึงเมืองพญานาค



    [​IMG]

    สีสันชีวิตยามเย็นในลำน้ำโขงเมืองเชียงคาน


    “แม่น้ำโขง”หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญแห่งเอเชีย

    แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่า ตำนาน ความลี้ลับ ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมและประเพณีอันหลากหลาย นอกจากนี้ความงามของสายน้ำ ธรรมชาติ เกาะ แก่ง ขุนเขา ป่าไม้ ชุมชน บ้านเรือน วิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำใน 2 ฝั่งโขง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งผูกมัดให้ผู้หลงใหลในวิถีแห่งสายน้ำตรึงตราอยู่กับมนต์เสน่ห์เหล่านั้น

    สำหรับตัว“ตะลอนเที่ยว”แล้ว แม่น้ำโขงคือมหานทีแห่งชีวิตอันน่าตื่นตาตื่นใจ มากมายเรื่องราวชวนค้นหา นั่นจึงทำให้ในทริปนี้ เราหลีกลี้จรลีหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง เดินหน้าสู่อีสานเหนือไปพักใจแต่ไม่พักแรงในเส้นทางเลาะเลียบริมฝั่งโขง เพื่อชื่นชมเสน่ห์มนตราของมหานทีแห่งชีวิตสายนี้

    [​IMG]

    ปั่นจักรยานชมเชียงคาน


    เชียงคาน ความงามในความเงียบ

    ปฐมบทของเส้นทางเลาะเลียบริมโขงเริ่มขึ้นที่เมือง“เชียงคาน” อ.เชียงคาน จ.เลย ดินแดนแรกในอีสานที่สัมผัสกับลำน้ำโขง ณ จุดที่เรียกว่า“ปากเหือง”บ้านท่าดีหมี

    พูดถึงเชียงคานแล้วชื่อนี้คงไม่ต้องสาธยายกันมาก เพราะนี่คือเมืองท่องเที่ยวแห่งยุคสมัยที่กำลังดัง กำลังแรง สอดคล้องกับเทรนด์และจริตของคนเมืองยุคใหม่ที่อยากจะหลีกลี้หนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ความเร่งรัดในหน้าที่การงาน มาพักกายคลายใจ เอกเขนก นอน นั่ง ฟังสรรพสำเนียงของความเงียบสงบ(Sound Of Silence) ที่แฝงเจือไว้ด้วยความงามแห่งวิถีอันเรียบง่าย

    [​IMG]

    ป้ายอะไรหว่า?


    สำหรับการมาเยือนเชียงคานครั้งนี้ สิ่งแรกที่เราทำคือการไปยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยจากการนั่งรถมายาวนานด้วยการปั่นจักรยานชมเมืองเชียงคานในช่วงบ่ายแก่ๆของวัน โดยเราเริ่มออกสตาร์ทที่ “วัดท่าคก” (ถ.ชายโขง ซ.20-21) วัดเก่าแก่ที่โดดเด่นไปด้วยโบสถ์ศิลปะล้านช้างอันกระทัดรัดเรียบง่าย

    จากนั้นเราบรรจงปั่นเจ้า 2 ล้อย้อนตัวเลขซอยเรื่อยไปบนถนนชายโขง ชื่นชมกับบรรยากาศบ้านเรือน 2 ฟากฝั่ง ที่เป็นดังแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสชื่นชมในความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์อยู่ในตัว

    [​IMG]

    บรรยากาศยามเย็น ณ ริมโขง


    บ้านเรือนที่นี่ด้านหนึ่งหันหน้าออกแม่น้ำโขงด้านหนึ่งหันหน้าเขาหาถนน ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้เก่าประตูบ้านเฟี้ยมแซมด้วยบ้านใหม่ที่สร้างอย่างไม่แปลกแยก บางบ้านดูเงียบเหงาไร้วี่แววคนอยู่ บางบ้านดูมีชีวิตชีวาด้วยสมาชิกอันอบอุ่นในครอบครัว บางบ้านปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นที่พัก เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด บางบ้านเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านนวดแผนโบราณ เรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    เราปั่นชมวิถีสีสันเมืองเชียงคานบนถนนชายโขงไปจนถึง“วัดศรีคุนเมือง” (ซ.6-7) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแหล่งรวมศิลปะล้านนาและล้านช้าง ที่นี่ “ตะลอนเที่ยว” เข้าไปไหว้พระประธานชื่นชมศิลปะภายในโบสถ์ ก่อนเปลี่ยนเส้นทางการปั่นออกไปยังถนนบนสันเขื่อนเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศริมฝั่งโขงอย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าชมดวงตะวันลาลับขอบฟ้าอันเป็นอีกหนึ่งมนต์ขลังของเชียงคานที่ผู้มาเยือนไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

    [​IMG]

    ร้านรวงยามราตรีที่เชียงคาน


    หลังแสงสุดท้ายของวันลาลับ แสงแห่งราตรีเข้าแทนที่ ร้านรวงจำนวนหนึ่งบริเวณเฮือนหลวงพระบางย่านดาวน์ทาวน์สำคัญดูคึกคักเล็กน้อย จากการเปิดขายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาซื้อของชื่นชมกันพอประมาณ ก่อนที่ม่านวิกาลจะค่อยคลี่คลุมเมืองนี้ให้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

    [​IMG]

    เชียงคานยามเช้ากับวิถีการตักบาตรข้าวเหนียว


    ตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวแก่งคุดคู้

    วันเวลาที่เชียงคานอาจเดินช้าในความรู้สึกของใครหลายๆคน แต่ว่ากับ“ตะลอนเที่ยว”แล้ว เช้านี้มันมาถึงเร็วเป็นพิเศษ เพราะถ้าไม่รีบตื่นแต่เช้าตรู่ก็จะพลาดการตักบาตรข้าวเหนียวที่เรานัดกับเจ้าของที่พักไว้ให้ตระเตรียมข้าวของไว้สำหรับใส่บาตร

    เวลาประมาณ 6 โมงเช้า พระ-เณร แต่ละวัดได้ทยอยเดินเป็นแถวมาให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวใส่บาตรกันอย่างแช่มชื่นอิ่มเอิบใจ

    [​IMG]

    ช่วงหน้าแล้งแก่งคุดคู้จะสวยงามด้วยแก่งหินใหญ่และชายหาดน้ำจืด


    จากนั้นช่วงสายของวันนั้นเราล่ำลาถนนชายโขงไปแวะชม “แก่งคุดคู้” อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของเชียงคาน มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่พาดขวางกลางลำน้ำโขงที่เชี่ยวกราก ยามหน้าฝนแก่งคุดคู้จะซ่อนตัวอยู่ใต้ลำน้ำโขงที่ไหลบ่าเป็นปริมาณมาก รอวันเผยตัวอวดโฉมความงามในช่วงหน้าแล้งที่สายน้ำโขงแห้งขอดมองเห็นตัวแก่งขนาดมหึมาได้อย่างชัดเจน พร้อมๆกับหาดทรายชาดหายน้ำจืดอันสวยงามในบริเวณนั้น ซึ่ง ณ ที่นี่ เราเดินทางเลาะเลียบสายน้ำโขงมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดหนองคายเมืองพญานาคอันเลื่องชื่อ

    [​IMG]

    ห้อง ซอก ซอย มากมายในถ้ำดินเพียง


    ท่องเมืองพญานาค

    เมื่อเข้าเขตหนองคาย จุดแรกที่เราไปเยือนคือ“ถ้ำดินเพียง” วัดถ้ำศรีมงคล (บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม) สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ที่แม้ระบบการจัดการยังไม่ลงตัวนัก แต่ว่านี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ตอกย้ำความเป็นเมืองพญานาคของหนองคายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องเล่าขานต่างๆนานๆเกี่ยวกับงูใหญ่ ผนวกกับรูปลักษณะภายในถ้ำอันน่าพิศวง ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่านี่คือเมืองพญานาค ที่สามารถเดินทางไปใต้ลำโขง ไปๆมาๆระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ได้

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่าในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย เป็นถ้ำที่ต้องเป็นพระผู้ทรงศีลอันแก่กล้าเท่านั้นจึงจะเห็นเส้นทางสัญจรดังกล่าว ส่วนเราๆท่านๆนั้นสามารถเข้าไปเที่ยวในถ้ำได้ แต่เป็นในเส้นทางของมนุษย์ทั่วไป ไม่ใช่เส้นทางของผู้บำเพ็ญเพียร ซึ่งถ้ำดินเพียงนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ท้าทาย โดยต้องมีผู้นำทางเข้าชม และผู้เข้าชมก็ต้องมีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคไขข้อ เนื่องจากการเข้าถ้ำต้องย่อ หมอบ ลอด มุด คลานสูง คลานต่ำ และแถเถือกไถเลื้อยไปดังพญานาคในหลายๆช่วง เริ่มประเดิมตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำที่ต้องมุดซอกหินเข้าไป

    [​IMG]

    คลานลุยน้ำ เที่ยวแบบผจญภัยในถ้ำดินเพียง


    จากนั้นภายในถ้ำจะเป็นเพียงช่องเล็กๆแคบๆขนาดตัวคนให้เคลื่อนกายสารพัดวิธี(ที่กล่าวมาในข้างต้น)ไปตามเส้นทาง ซึ่งภายในมีห้อง ช่อง ซอก ซอย ที่มากด้วยส่วนโค้ง ส่วนเว้า อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินจำนวนมากนับเป็นพันๆ หลายช่องทางสามารถเดินทะลุเชื่อมถึงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งในเส้นทางเที่ยวถ้ำยังมีสายน้ำตื้นๆไหลเอื่อยๆให้เราตะลุยกันไปเกือบตลอดเส้นทาง และเมื่อเราหยุดเพ่งพิจารณาสารพัดช่องทาง อันซอกซอนเหล่านี้ มันอดให้นึกถึงเส้นทางการเลื้อยของงูใหญ่ไม่ได้

    สำหรับจุดเด่นๆภายในถ้ำนั้นก็มี ส่วนห้องโถง ห้องหีบศพปู่อินทร์นาคราช ช้างสามเศียร บรรลังก์พญานาค ธิดาพญานาค 3 องค์ ฯลฯ โดยบริเวณทางออกจากมีเจดีย์หินที่เชื่อว่าสร้างถวายแก่พญานาคตั้งโดดเด่นให้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่ “ตะลอนเที่ยว”จะล่ำลาเมืองพญานาคแห่งนี้ไปด้วยความทุลักทุเลจากการผจญภัยอันน่าระทึกใจ

    [​IMG]

    รูปเคารพหลวงปู่เทสก์ ในเจดีย์บรรจุอัฐิ


    จบจากการผจญถ้ำอันเหน็ดเหนื่อยแต่สนุก เราเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวสบายๆไหว้พระทำบุญในเมืองหนองคายกันบ้าง เริ่มจาก“วัดหินหมากเป้ง” ริมแม่น้ำโขง(บ้านไทยเจริญ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่) สถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    ภายในวัดมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่เทสก์ให้สักการะบูชาริมแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศแมกไม้อันร่มรื่น โดยก่อนจากเราแวะไปสักการะเจดีย์บรรจุอัฐิหลวงปู่เทสก์ ที่ภายในมีรูปปั้น เครื่องอัฐบริขารพร้อมด้วยชีวประวัติของท่านให้เราศึกษากัน

    [​IMG]

    พระสุธรรมเจดีย์


    จากวัดหลวงปู่เทสก์ เราไปต่อเส้นทางบุญกันที่ “พระสุธรรมเจดีย์” วัดอรัญบรรพต (ริมถนนศรีเชียงใหม่-สังคม ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่) ที่สร้างถวายแด่หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ อีกหนึ่งเกจิชื่อดัง ภายในจัดแสดงกึ่งพิพิธภัณฑ์มีโลงทองบรรจุสังขารของหลวงปู่เหรียญให้พุทธศาสนิกชนเคารพสักการะ

    เสร็จจากการเข้าชมพระสุธรรมเจดีย์ เวลาเดินทางมาถึงช่วงเย็นย่ำ “ตะลอนเที่ยว” จึงเดินทางยาวเข้าสู่ตัวเมืองหนองคายไปหาอะไรอร่อยๆกินแถวร้านริมโขง ก่อนเข้าที่พักนอนเอาแรง เก็บพลังไว้ลุยต่อในวันรุ่งขึ้น

    [​IMG]

    อุโมงค์ชมปลาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฯ


    เที่ยวตัวเมืองหนองคาย

    สำหรับเช้าวันใหม่ ณ ใจกลางเมืองหนองคาย หลังเติมพลังในมื้อเช้าแล้ว จุดท่องเที่ยวแรกที่เราจะไปแวะชมก็คือ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย” (ตั้งอยู่ใน ม.ขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย อ.เมือง) ภายในเป็นแหล่งรวบรวมปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยเน้นเป็นพิเศษที่พันธุ์ปลาน้ำจืดทางอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง มีอุโมงค์ชมปลาช่วงเดียวที่ยาวที่สุดในเมืองไทย 34 เมตร ที่ในอุโมงค์ประกอบด้วยปลามากมาย ภายใต้การตกแต่งแบบเมืองบาดาลอันเป็นที่อยู่ของพญานาค

    [​IMG]

    พระธาตุบังพวน


    ต่อจากการดูปลาสารพัดสารพันแล้ว “ตะลอนเที่ยว”เดินตามเส้นทางบุญอีกครั้งด้วยการไปสักการะ“พระธาตุบังพวน” ณ วัดพระธาตุบังพวน (บ้านดอนหมู ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง) วัดที่มีพระธาตุบังพวนอันเก่าแก่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการจำลองสัตตมหาสถาน หรือสถานที่สำคัญ 7 แห่ง ในพุทธประวัติหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้และได้เสด็จไปประทับเสวยวิมุติสุขแห่งละ 7 วัน รวมถึงมีสระปัพพฬนาค หรือสระพญานาค ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการตั้งเจ้าเมือง มีการนำน้ำในสระนี้ไปสรงเพื่อความเป็นสิริมงคล

    [​IMG]

    หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย


    จากวัดพระธาตุบังพวน เราไปต่อยัง“วัดโพธิ์ชัย”เพื่อไหว้ “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ที่เมื่อมาเมืองนี้แล้วควรไปสักการะท่านเพื่อความเป็นสิริมงคล

    [​IMG]

    ประติมากรรมหลากรูปแบบที่ศาลาแก้วกู่


    ก่อนจะไปปิดท้ายทริปกันที่ “ศาลาแก้วกู่” สถานที่แสดงประติมากรรมปูนปั้นกลางแจ้งขนาดใหญ่อันเกิดจากศรัทธาและแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ที่มี พระพุทธรูป เทวรูป และรูปปั้นคติเตือนใจหลากหลายรูปแบบ ทั้งในศาสนาพุทธ พราหมณ์ พร้อมหลักธรรมคำสอนให้ศึกษากัน นับเป็นเสน่ห์ความงามแฝงหลักธรรมส่งท้ายในเส้นทางเลาะเลียบลำน้ำโขง ที่หากใครอยากรู้ว่าริมฝั่งโขง งดงาม ชวนหลงใหลแค่ไหน คงต้องหาวันเวลาเดินทางไปสัมผัสในเสน่ห์มนตราริมฝั่งโขงกันสักครั้งหรือหลายๆครั้ง ตามแต่ใจปรารถนา

    ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
     
  5. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ข้อมูลที่ผมได้จากการติดต่อกับพญานาคในแม่น้ำโขง

    <!-- Main -->[SIZE=-1]ลืมไปว่าตัวเองยังมีความสามารถพิเศษในทางลึกลับบางอย่างอยู่ นั่นคือการติดต่อกับวิญญาณผ่านตัวอักษรได้ แต่เนื่องจากลืมไปก็เลยไม่ได้เตรียมกระดานอักษรไปด้วย ครั้นไปถึงริมแม่น้ำโขงที่บ้านหนองกุ้งเหนือ แล้วนึกได้ เลยลองเชิญพญานาคมาคุยดู ด้วยการเหยียดนิ้วชี้และนิ้วกลางซ้ายออกไป นิ้วชี้หมายถึงใช่ นิ้วกลางหมายถึงไม่ใช่ แล้วให้นิ้วชี้ขวาซึ่งทำหน้าที่ติดต่อเลื่อนไปชี้ที่นิ้วใด[/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>เรื่องนี้เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล โปรดใช้วิจารณะญาณในการฟัง</CENTER>[/SIZE]

    [SIZE=-1]ขออัญเชิญพญานาคที่สถิตอยู่ในแม่น้ำโขง ณ ที่นี้ (บ้านหนองกุ้งเหนือ) ขึ้นมาสนทนากับผมด้วยเถิด[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านที่มานี้ คือพญานาคใช่หรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* พญานาคเป็นผู้ทำบั้งไฟพญานาคใช่หรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านทราบหรือไม่ว่าบั้งไฟพญานาคเกิดจากอะไร[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* เกิดจากแกสเหรอ[/SIZE]
    [SIZE=-1](เขาเลื่อนแบบก้ำกึ่ง)[/SIZE]

    [SIZE=-1]* จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่เหรอ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]
    [SIZE=-1](การเกิดบั้งไฟพญานาคคงจะมีอะไรที่ซับซ้อน)[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ลำน้ำโขงที่มองเห็นได้สุดลูกตาในขณะนี้ มีพญานาคทั้งหมดกี่ตน[/SIZE]
    [SIZE=-1]1 ตน[/SIZE]

    [SIZE=-1]* หนึ่งตนที่ว่านี้ คือท่านที่มานี้เหรอ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านปรากฏตัวให้ผมเห็นเพื่อถ่ายรูปได้ไหม[/SIZE]
    [SIZE=-1]ได้ ยาก[/SIZE]


    [SIZE=-1]เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์มาก ผมเลยพักการติดต่อไว้เท่านั้นครับ เลยมาคอยดูบั้งไฟพญานาคดีกว่า สามารถไปชมการเดินทางไปดูบั้งไฟพญานาค เพื่อหวังจะถ่ายรูปบั้งไฟครับ[/SIZE]


    [SIZE=-1]เมื่อผิดหวังจากการชมบั้งไฟพญานาคแล้ว วันต่อมาผมมาที่อำเภอเมือง เพื่อมาชมแม่น้ำโขงตรงจุดนี้ ระหว่างเดินทางก็นึกขึ้นได้ว่า ผมได้เซพกระดานอักษรที่พิมพ์เองไว้ในแฮนดี้ไดว์ที่พกมาด้วย จึงได้นำไปปริ้นท์ในร้านคอมแถวนั้น[/SIZE]

    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]

    [SIZE=-1]จากนั้นก็ได้อัญเชิญพญานาคที่อยู่ในแม่น้ำโขง ณ บริเวณแม่น้ำโขงแถวท่าเสด็จขึ้นมาสนทนา[/SIZE]

    [SIZE=-1]* บั้งไฟพญานาคเป็นฝีมือของพญานาคหรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* เป็นฝีมือของเทวดา หรือภูติผี หรือมนุษย์ใช่หรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ในลำน้ำโขง มีพญานาคทั้งหมดกี่ตน[/SIZE]
    [SIZE=-1]87 ตน มีที่สนิทกันอยู่ 3 ตน[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ทั้ง 87 ตนนั้น มีตนใดที่สามารถสร้างบั้งไฟพญานาคได้หรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่มี[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านที่มานี้ มีความยาวลำตัวปกติเท่าไร[/SIZE]
    [SIZE=-1]29 เมตร[/SIZE]

    [SIZE=-1]* พญานาคที่มีลำตัวสั้นที่สุดที่ท่านเคยเห็น มีความยาวกี่เมตร[/SIZE]
    [SIZE=-1]2 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=-1](สงสัยจะเหมือนงูน้ำธรรมดา)[/SIZE]

    [SIZE=-1]* พญานาคที่มีลำตัวยาวที่สุดที่ท่านเคยเห็น มีความยาวกี่เมตร[/SIZE]
    [SIZE=-1]66 เมตร[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านอยู่ในแม่น้ำโขงมานานกี่ปีแล้ว[/SIZE]
    [SIZE=-1]433 ปี[/SIZE]

    [SIZE=-1]ผมอยากจะถามว่า พญานาคนับถือศาสนาพุทธหรือไม่ ก็เกรงว่าจะใช้คำผิด เลยเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า[/SIZE]
    [SIZE=-1]* ท่านนับถือพระพุทธเจ้าหรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* เช่นนั้นท่านนับถือวันออกพรรษาตามฝั่งไทยหรือฝั่งลาว[/SIZE]
    [SIZE=-1]พญานาคยิ้ม แล้วค่อยๆตอบว่า ฝั่งไทย[/SIZE]
    [SIZE=-1](รู้สึกเหมือนเอนมาเข้าข้างคนไทยเลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้ยึดติดอะไรตรงนั้นมาก)[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ภูติแม่น้ำโขงมีจริงหรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]มีจริง[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ใช่เจ้าแม่นางทอฮูกหรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ตลอดลำน้ำโขงที่มองเห็นได้สุดในขณะนี้ มีพญานาคทั้งหมดกี่ตน[/SIZE]
    [SIZE=-1]1 ตน[/SIZE]
    [SIZE=-1](ตอบเหมือนพญานาคที่บ้านหนองกุ้งเหนือเลย)[/SIZE]
    [SIZE=-1]บางทีสาเหตุที่เขามาติดต่อตรงนี้ เขาอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ประจำ แต่เป็นเพราะผมอัญเชิญมา แสดงว่าใต้แม่น้ำโขงที่เห็นนี้ก็คงไม่มีอะไรประหลาดๆอยู่นอกจากสัตว์น้ำธรรมดาๆ[/SIZE]

    [SIZE=-1]* บั้งไฟพญานาคมาเกิดขึ้นหลังจากที่ท่านมาเกิดในแม่น้ำโขงแล้วเหรอ[/SIZE]
    [SIZE=-1]ใช่[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านทราบไหม ว่าบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นจากอะไร[/SIZE]
    [SIZE=-1]มันยาก เรื่องมันยาว (เท่าที่จำได้น่ะครับ แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้เสียทีเดียว)[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ท่านเห็นตอนมันเริ่มเกิดไหม ว่าเริ่มมาจากอะไร[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่เห็น[/SIZE]

    [SIZE=-1]* มนุษย์กับพญานาค ท่านคิดว่าใครมีสติปัญญามากกว่ากัน[/SIZE]
    [SIZE=-1]มนุษย์[/SIZE]
    [SIZE=-1](กว่าเขาจะตอบได้ เขาคิดนานมาก แต่ผมก็เข้าใจว่าพญานาคบางคนคงมีสติปัญญาดีกว่ามนุษย์บางคน)[/SIZE]


    [SIZE=-1]ต่อมาผมได้เชิญเขามาที่รูปปั้นพญานาคเพื่อให้เขาชี้ว่า ส่วนใดของรูปปั้นที่พญานาคจริงๆไม่มี[/SIZE]
    [SIZE=-1]ความจริงเราๆคงจะพิจารณาเห็นกันก่อนแล้วว่า พญานาคที่เป็นรูปปั้นก็ดี พญานาคที่เป็นลายไทยก็ดี นายช่างไทยเขาคงจะแต่งเติมให้มันสวยงามเกินจริงใช่ไหมครับ โดยการใส่ลายไทยเข้าไป อย่าว่าแต่พญานาคเลย แม้แต่คนในรูปวาดฝาผนัง กับคนจริงๆ เหมือนกันหรือไม่? แล้วพญานาคที่แทบจะไม่มีใครเคยเห็นของจริงเลย จะวาดได้ผิดเพี้ยนไปขนาดไหน[/SIZE]

    [SIZE=-1]ผมให้เขาไปชี้ส่วนของพญานาครูปปั้นที่พญานาคจริงๆแล้ว ไม่มี[/SIZE]
    [SIZE=-1]เขาชี้ที่สันหลัง ที่เป็นฟันปลานั้น และก็ชี้ที่ท้องที่เป็นลอนๆ และก็ชี้ที่ลวดลายที่พันในส่วนหางและในส่วนของคอ[/SIZE]

    [SIZE=-1]* แล้วหงอนหละ ท่านมีหรือไม่[/SIZE]
    [SIZE=-1]มี[/SIZE]

    [SIZE=-1]* ส่วนที่เป็นเหมือนเครานั่นหละ[/SIZE]
    [SIZE=-1]มี[/SIZE]


    [SIZE=-1]จบการสนทนาครับ[/SIZE]
    [SIZE=-1]พอเดินกลับ เห็นรูปปั้นพญานาคหลายเศียร โอ้ยยยยย เพิ่งนึกได้ ทำไมเราไม่ถามน่ะว่าพญานาคที่มีสองหัวขึ้นไปนั้น มีอยู่หรือไม่[/SIZE]

    ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sompop&month=21-10-2008&group=11&gblog=3]Bloggang.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2009
  6. สัมปุรมัส

    สัมปุรมัส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +80
    ระวังจะเป็นอุปาทานหละครับ
     
  7. กาลปาวสาน

    กาลปาวสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +390
    เขาก็บอกโปรดใช้วิจารณญาณในการชมนี่ครับ ^__^
     
  8. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    โดนว่าซะงั้น วาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  9. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    ตามเข้ามาจากกระทู้นู้นค่ะ พึ่งมาอ่าน น่าสนใจจริงๆเลย น้อง pithak007 อยู่อุดร ตำบลหมากแข้งหร๋อจ๊ะ พี่อุ้มเรียนที่นั่นตอน ป3 อ่ะโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ดีใจที่ได้เจอคนที่อยู่ที่นั่นนะจ๊ะ
     
  10. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    จะรู้ได้อย่างไรว่าเคยเป็นลูกหลานมาก่อน

    ไม่เคยมีสัมผัสใด ๆ เลยค่ะ แต่ตอนนี้บูชาเพชรนคาราชอัญมณี เก้า สีอยู่ค่ะ

    บูชามาจากวัดยานนาวา บูชายังไม่ถึง 1 ปี

    มี สี ขาว 2 องค์ สีชมพู
    สีแดง สีเหลือง
    สีเขียว สีม่วง
    สี้ส้ม
    สีฟ้า

    แล้วงัยต่อ............แบบนี้จัดเป็นลูกหลานหรือเปล่า เพราะท่านไม่เคยมาหา นิมิต หรือรับสัมผัสใด ๆ เลย
     
  11. กาลปาวสาน

    กาลปาวสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +390
    มนุษย์เราต่างจิตต่างใจครับพี่พิทักษ์
     
  12. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    พี่พิทักษ์

    พี่คนนั้นเค้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะว่าพี่ว่าอุปาทานนะคะ

    เพียงแต่พี่เค้าแค่ไม่อยากให้เชื่ออะไรโดยขาดสติ

    ขนาดเรานั่งสมาธิถ้าพบเห็นอะไรแล้วเดาเองก็ยังเป็นอุปาทานเลย

    แล้วที่พี่หามาให้อ่าน เราจะรู้ได้ไงว่าจริง100เปอร์เซ็นต์ถูกมั้ยคะ

    ไม่ได้ว่าว่าเค้าโกหกหรืออุปาทาน แต่เราควรจะใช้หลักธรรม

    "กาลามสูตร ๑๐ค่ะ "
     
  13. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107

    อ้าวหรอครับพี่อุ้ม ส่วนผมก็เรียนที่อุดรเหมือนกัน ตอน ม.4-6 ครับ ที่อุดรพิทยานุกูล ฮิๆๆ
     
  14. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107

    เยี่ยมมากน้องหยี ขอสนับสนุนครับ :cool::cool::cool:
     
  15. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +290
    สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดปัญญาไม่เกิด มยุราก็ไม่มา(เหมือนจะเกี่ยวกัน) อิอิอิ
     
  16. พรสุนะโมโล

    พรสุนะโมโล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +75
    จริงๆแล้วมันแบบนี้ม่ะใช่เหรอครับ
    สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา สติมาหมาไม่กัด ถ้าสติถูกกัดจะกัดกับหมา (deejai)(deejai)(deejai)
     
  17. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +290
    พอดี ดูชิงร้อย ชิงล้านมากไปคับ 5 5 5:VO
     
  18. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    ครับ ขอบคุณที่เตือนสติ ครับ:cool:
     
  19. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สรภัญญ์เสียงอาราธนาเทศน์

    สรภัญญ์เสียงอาราธนาเทศน์

    ({).......อย่าสุไลลืมทิ้มพงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า
    อย่าสุละเซื้อเหง้าหาญ้องผู้อื่นดี
    เพิ่นว่าไทไกลนี้เจงเลงน้ำแจ่วข่า
    บ่ท่อใสจิ่งหลิ่งไทใกล้น้ำแจ่วขิ่ง
    เพิ่นว่าสิ่งของนี้บ่ขัดสีปัดเป่า
    อีกบ่โดนกะสิเศร้าเสียค่าของแพง
    ให้ค่อยแหย่งเอาไว้ของไทเฮาซาวลูกหลานพญานาคราช
    ฮีตเก่าของโบราณอย่าพาลข้ามทิ้มเสีย...... :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2009
  20. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    การแสดง ฉลององค์กฐิน วันที่ 18/10/2551 ชุดเทพลีลาพุทธนาคินทร์

    การแสดง ฉลององค์กฐิน วันที่ 18/10/2551 ชุดเทพลีลาพุทธ
    นาคินทร์ ทอดถวายในวันที่ 19/10/2551 ณ วัดป่าสามกษัตริย์ ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      293
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      316
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.7 KB
      เปิดดู:
      273
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      223
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.9 KB
      เปิดดู:
      244
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.7 KB
      เปิดดู:
      224
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.3 KB
      เปิดดู:
      250
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      208.3 KB
      เปิดดู:
      1,181

แชร์หน้านี้

Loading...