วัดประจำรัชกาลที่ ๔ : วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 14 กันยายน 2009.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    วัดประจำรัชกาลที่ ๔
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร



    • ประวัติของวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
    • ประกาศให้เรียกนามวัดราชประดิษฐ์ฯ ให้ถูก
    • ทรงอาราธนาพระสาสนโสภณมาเป็นเจ้าอาวาส
    • การปฏิสังขรณ์พระอารามในสมัยรัชกาลที่ ๕
    • การสร้างปราสาทยอดปรางค์แบบขอม
    • ปูชนียวัตถุ-ปูชนียสถานของวัดราชประดิษฐ์ฯ
    • ศิลาจารึกวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
     
  2. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม


    • ประวัติของวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

    วัดประจำรัชกาลที่ ๔-๕...สร้างใหม่ด้วยใจศรัทธา

    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
    และ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
    เป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ ตามโบราณพระราชประเพณี และทรงรับ
    เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระกษัตริย์ทุกพระองค์สืบมาจนถึงปัจจุบันนี้

    (ตามธรรมเนียมโบราณพระราชประเพณีนั้นมีว่า ในราชธานีหรือเมืองหลวงจะต้องมีวัดสำคัญ
    ประจำ ๓ วัดด้วยกัน คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ เช่นที่สุโขทัย สวรรคโลก
    พิษณุโลก และพระนครศรีอยุธยา

    แต่ในสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
    ในรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดสลักเป็นวัดนิพพานาราม และเปลี่ยนเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์

    แต่ต่อมามีพระราชดำริว่า ในกรุงเทพฯ ยังไม่มีวัดมหาธาตุ จึงเปลี่ยนชื่อวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดมหาธาตุ

    และพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
    เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระพี่นางเธอในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณะวัดเลียบ ต่อมาได้นามว่า วัดราชบูรณะ

    ขณะนั้นกรุงรัตนโกสินทร์ยังขาดอยู่เพียงวัดเดียวคือวัดราชประดิษฐ์
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น นับได้ว่า
    วัดราชประดิษฐเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญยิ่ง พระอารามหนึ่งในพระบรมราชจักรีวงศ์)

    [​IMG]
    ภายในพระวิหารหลวง


    พระราชประสงค์อีกประการหนึ่งในการสร้างวัดราชประดิษฐ์ฯ นั้นขึ้น ก็เพื่ออุทิศถวายแด่พระสงฆ์
    คณะธรรมยุติกนิกายโดยเฉพาะ เนื่องจากครั้งยังทรงผนวชอยู่ ทรงเป็นหัวหน้านำพระสงฆ์
    ชำระข้อปฏิบัติ ก่อตั้งคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายขึ้น รวมทั้งทรงมีพระราชประสงค์
    จะสร้างวัดธรรมยุติกนิกายขึ้นใกล้กับพระบรมมหาราชวัง เพื่อพระองค์ และข้าราชบริพาร
    ที่ต้องการทำบุญกับวัดธรรมยุติกนิกาย ไม่ต้องเดินทางไปไกลนัก

    แต่ก่อนหากต้องการจะไปทำบุญกับพระสงฆ์ธรรมยุตต้องไปที่วัดบวรนิเวศวิหาร
    ซึ่งเมื่อก่อนนั้นการเดินทางจากพระบรมมหาราชวังไปวัดบวรนิเวศวิหาร
    จะต้องลงเรือที่ท่าราชวรดิษฐ์เข้าไปทางคลองรอบกรุง นับว่าไปลำบาก

    [​IMG]
    สาธุชนมามนัสการพระพุทธสิหังคปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง


    พระอารามนี้จึงนับเป็นพระอารามแรกของคณะสงฆ์ธรรมยุต
    เพราะวัดธรรมยุตก่อน ๆ นั้น ได้ดัดแปลงมาจากวัดมหานิกายเดิมทั้งนั้น
    วัดราชประดิษฐ์ฯ จึงเป็นเสมือนวัดต้นแบบของคณะธรรมยุติกนิกาย
    ที่มีอยู่ในพุทธอาณาจักรบนแผ่นดินไทยนับแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา

    วัดราชประดิษฐ์ฯ สร้างขึ้นในที่ดินที่เคยเป็นสวนกาแฟอยู่ริมวังของหลวง
    โดยก่อสร้างใน พ.ศ. ๒๔๐๗ โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจากกรมพระนครบาล
    เมื่อทรงได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว จึงได้ทรงประกาศสร้างวัดธรรมยุตขึ้น
    เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๗ และทรงพระราชทานนามวัดไว้ตั้งแต่กำลังทำการก่อสร้างว่า
    “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม”

    [​IMG]
    พระพุทธสิหังคปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง


    มีพระราชประสงค์จะถมพื้นที่ให้สูงขึ้น จึงทรงใช้ไหกระเทียมที่นำมาจากเมืองจีน
    หรือเศษเครื่องกระเบื้องถ้วย ชาม ที่แตกหักมาถมที่แทนดิน และทราย ที่อาจจะทำให้พื้นทรุดตัว
    ในภายหลังได้ (วัสดุดังกล่าวมีเนื้อแกร่ง ไม่ผุ ไม่หดตัว และมีน้ำหนักเบา
    จึงเท่ากับการใช้เสาเข็มที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ในปัจจุบันนั่นเอง)

    วิธีการหาไหกระเทียม และเครื่องถ้วยกระเบื้องทั้งหลายเป็นจำนวนมาก ๆ นั้น
    พระองค์ทรงใช้วิธีออกประกาศบอกบุญเรี่ยไรให้ประชาชนนำไหกระเทียมมาร่วมพระราชกุศล
    โดยเก็บค่าผ่านประตูเป็นไหกระเทียม ไหขนาดเล็ก ขวด ถ้ำชา และเครื่องกระเบื้องอื่นๆ
    และทรงอนุญาตให้ประชาชนไปดูการนำไหลงฝัง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่า
    พระองค์จะทรงใช้ไหกระเทียมเหล่านั้นบรรจุเงินทองฝังไว้ในวัด

    [​IMG]
    ปาสาณเจดีย์ พระเจดีย์หินอ่อนทรงลังกาองค์ใหญ่


    เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงได้เปลี่ยนเป็น “วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม”
    เพื่อให้เหมาะสมกับเป็นที่ประดิษฐานหลักศิลา
    ซึ่งเป็นสีมามีจารึกคาถาบาลี และภาษาไทย ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์รวม ๑๐ หลัก
    ปรากฏในประกาศเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ เรื่องประกาศให้เรียกนามวัดราชประดิษฐ์ให้ถูก

    อนึ่ง ในอดีตได้มีผู้เรียกวัดราชประดิษฐ์ว่า วัดราชบัณฑิต บ้างหรือ วัดทรงประดิษฐ์ บ้าง
    ซึ่งไม่ถูกต้องกับที่พระราชทานนามไว้ จึงทรงกำชับว่า ให้เรียกชื่อวัดว่า
    “วัดราชประดิษฐ์” หรือ “วัดราชประดิษฐ์สถิตย์มหาสีมาราม”

    ถึงกับทรงออกประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ต่อไปถ้ามีผู้อุตริเรียกชื่อวัดผิดหรือเขียนชื่อวัด
    ไม่ตรงกับที่ทรงตั้งชื่อไว้คือ “วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม” แล้วให้ปรับผู้นั้น
    เป็นเงิน ๒ ตำลึง เพื่อเอาเงินมาซื้อทรายโปรย ในประกาศฉบับนี้มีข้อความน่าอ่านมา
    และเป็นฐานในแง่ของประวัติศาสตร์โบราณคดี จึงขอคัดลอกนำมาลงให้อ่านทั้งฉบับ ดังนี้

    [​IMG]
    สถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามของพระวิหารหลวง (ด้านตะวันตก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    ด้านหน้าประตูทางเข้าพระวิหารหลวง


    • ประกาศให้เรียกนามวัดราชประดิษฐ์ฯ ให้ถูก

    ณ วันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก มีพระบรมราชโองการบารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท
    ให้ประกาศแก่ข้าทูลฉลองธุลีพระบาท ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ผู้ใหญ่ ผู้น้อยทุกหมู่ทุกกรมทุกพนักงาน
    และพระสงฆ์ สามเณร ทวยราษฎร์ทั้งปวงในกรุงเทพฯ แลหัวเมืองให้ทราบทั่วกัน
    พระอารามซึ่งทรงบริจาคพระราชทรัพย์ให้จัดซื้อที่ แล้วทรงสถาปนาสร้างขึ้นในทิศตะวันออก
    ของพระบรมมหาราชวัง พระราชทานนามไว้ว่า วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
    ตามธรรมเนียมโบราณซึ่งเคยมีมาในเมืองใหญ่ ๆ ที่ตั้งเป็นกรุงมหานครอย่างเมืองสุโขทัย
    เมืองสวรรคโลก เมืองพิษณุโลก และกรุงเก่า คือ มีวัดมหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบูรณะ
    เป็นของสำหรับเมืองทุกเมือง

    และนามชื่อวัดราชประดิษฐ์ในครั้งนี้ แต่เดิมเริ่มแรกสร้างก็ได้โปรด ให้เขียนในแผ่นกระดาษ
    ปักไว้เป็นสำคัญ ภายหลังโปรดให้จาฤกชื่อนั้น ลงในเสาศิลาติดตามกำแพงนั้นก็มี
    แต่บัดนี้มีผู้เรียก และเขียนลงในหนังสือตามดำริห์ของตนเองว่าวัดราชบัณฑิตบ้าง วัดทรงประดิษฐ์บ้าง
    เปลี่ยนแปลงไปไม่ถูกต้องตามชื่อที่พระราชทานไว้แต่เดิม ทำให้เป็นสองอย่างสามอย่าง เหมือนขนานชื่อขึ้นใหม่

    เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้สืบต่อไป ห้ามอย่าให้ใครเรียกร้อง และกราบบังคมทูลพระกรุณา
    และเขียนลงในหนังสือบัตรหมายในราชการต่างๆ ให้ผิดๆ ไป จากชื่อที่พระราชทานไว้นั้นเป็นอันขาด
    ให้ใช้ว่าวัดราชประดิษฐ์ ฤาว่าให้สิ้นชื่อว่า วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ให้ยั่งยืนคงอยู่ดังนี้

    ถ้าผู้ใดได้อ่านและฟังคำประกาศนี้แล้วขัดขืนใช้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนแปลงไป
    จะให้ปรับไหมแก่ผู้นั้นเป็นเงินตรา ๒ ตำลึง มาซื้อทรายโปรยในพระอาราม วัดราชประดิษฐ์นั้นแล

    ประกาศมา ณ วันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก

    [​IMG]
    พระปรางค์ขอม ที่บรรจุพระอังคารของอดีตเจ้าอาวาส
     
  4. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว)
    หรือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ในกาลต่อมา


    • ทรงอาราธนาพระสาสนโสภณมาเป็นเจ้าอาวาส

    หลังจากทรงสร้างเสร็จแล้ว ได้ทรงอาราธนา พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว)
    หรือ สามเณรสา ผู้สอบเปรียญ ๙ ประโยคได้ขณะเป็นสามเณร เป็นสามเณรนาคหลวง
    สายเปรียญธรรมรูปแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ จากวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นเจ้าอาวาส
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ปีฉลู ทรงกระทำการสมโภชทั้งเจ้าอาวาสและวัดใหม่เป็นเวลา ๓ วัน

    กล่าวกันว่า ที่ทรงเจาะจงอาราธนา พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว) มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
    ปกครองวัดราชประดิษฐ์ ก็เพราะพระสาสนโสภณ เป็นศิษย์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดมาก

    เมื่อมีเจ้าอาวาสปกครองวัดเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ในการทะนุบำรุงพระภิกษุสงฆ์และบูรณปฏิสังขรณ์
    พระอาราม ก็เป็นอันพันไปจากพระราชภาระ แต่ก็มิได้ทรงทอดทิ้ง ยังใฝ่พระทัยในวัดราชประดิษฐ์อยู่เสมอ
    โดยทรงรับเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นพิเศษยิ่งกว่าวัดหลวงอื่นๆ ตลอดรัชสมัยของพระองค์

    [​IMG]
    พระรูปเขียนสีสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)


    ดังความตอนหนึ่งที่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    ทรงเล่าถึงพระราชประเพณีถวายพุ่มพระในวัดต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ไว้ว่า

    “วัดราชประดิษฐ์นั้น ในพระบรมราชาธิบายว่าตั้งแต่สร้างวัด ทูลกระหม่อมก็เสด็จไปถวายพุ่มพระ
    ทั้งวัดทุกปี ดูทำนองอย่างเป็นเจ้าของวัดที่เสด็จไปถวายพุ่มพระวัดราชบพิธทั้งวัดในรัชกาลที่ ๕
    ก็ทำตามอย่างวัดราชประดิษฐ์ นั่นเอง...”

    เมื่อการสร้าง วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม สำเร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ตามพระราชประสงค์
    ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทุกประการ คือทรงซื้อที่สร้างวัดด้วยพระราชทรัพย์
    ส่วนพระองค์ เริ่มสร้างวัดราชประดิษฐ์ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๗
    เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ได้ประกอบพระราชพิธีผูกพัทธสีมา ในวันที่ ๗-๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๐๘

    [​IMG]
    พระรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ซึ่งหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์
    ในท่านั่งแสดงพระธรรมเทศนา ประดิษฐานด้านหน้าปาสาณเจดีย์


    และทรงอาราธนาศิษย์เอกผู้ทรงคุณวุฒิ คือ พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว)
    พร้อมทั้งพระอนุจรอีก ๒๐ รูป มาเป็นเจ้าอาวาส และพระลูกวัด

    ต่อจากนั้น ก็ทรงทะนุบำรุงรับวัดราชประดิษฐ์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นพิเศษยิ่งกว่าวัดหลวงอื่นๆ
    ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ วัดราชประดิษฐ์ก็เจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ

    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร นั้น เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นโรงเรือน
    ที่อยู่อาศัยของข้าราชการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
    ทรงขอซื้อที่เพื่อสร้างวัดธรรมยุติกนิกาย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๗ เพื่อสำหรับเจ้านาย ข้าราชการ
    ฝ่ายหน้า-ใน ได้บำเพ็ญกุศลสะดวกขึ้น เนื่องเพราะตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง

    [​IMG]
    ‘ปาสาณเจดีย์’ พระเจดีย์หินอ่อนทรงลังกาองค์ใหญ่
    ด้านหน้าประดิษฐานพระรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
     
  5. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    พระวิหารหลวง


    • การปฏิสังขรณ์พระอารามในสมัยรัชกาลที่ ๕

    เมื่อสิ้นสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ครั้นในรัชสมัย
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างปฏิสังขรณ์
    สิ่งชำรุดทรุดโทรมทั่วทั้งพระอาราม เสร็จแล้วได้โปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ ๔
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถ บรรจุลงในกล่องศิลา
    แล้วนำมา
    ประดิษฐานไว้ภายใน พระพุทธอาสน์ ณ พระวิหารหลวง ตามพระกระแสรับสั่งของพระองค์

    [​IMG]

    การอัญเชิญพระบรมอัฐิของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อน ๆ ไปประดิษฐานในที่อันสมควรนั้น
    ก็เพื่อป้องกันมิให้พระบรมอัฐิเหล่านั้นต้องกระจัดกระจายไปอยู่ในที่ต่างๆ เพราะว่าในขณะที่
    พระราชโอรส และพระราชธิดา ผู้ที่ทรงรับแบ่งพระบรมอัฐินั้นไปรักษาไว้ ขณะยังทรงพระชนม์อยู่ก็ไม่เป็นไร

    [​IMG]
    พระวิหารหลวง


    แต่ถ้าสิ้นพระชนม์ไปแล้วจะขาดผู้รักษาต่อ ด้วยผู้ที่จะมารับมรดกจะนิยมศรัทธาในพระบรมอัฐินั้นๆ หรือไม่ ก็ไม่ทราบได้

    อนึ่ง การประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวไว้เป็นที่เป็นทางนั้น ยังเป็นการเปิดโอกาส
    ให้ประชาชนเข้าสักการบูชา หรือบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายตามอัธยาศัยได้สะดวกอีกด้วย

    ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    ให้รวบรวมพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆ จำนวน ๓ รัชกาล
    บรรจุลงในกล่องศิลาแล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ภายใน พระพุทธอาสน์ของพระประธาน
    ในพระอุโบสถวัดสำคัญประจำรัชกาล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์นั้นทรงสร้างหรือบูรณะไว้ คือ

    [​IMG]
    พระพุทธสิหังคปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง
    ภายในพระพุทธอาสน์เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิ (บางส่วน) ของรัชกาลที่ ๔
    ส่วนด้านหลังคือพระโกศพระศพสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)


    พระบรมอัฐิในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑
    ประดิษฐานไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

    พระบรมอัฐิในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
    ประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม

    พระบรมอัฐิในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
    ประดิษฐานไว้ที่วัดราชโอรสาราม

    ส่วนพระบรมอัฐิในพระองค์นั้น ทรงมีพระราชประสงค์จะให้บรรจุไว้ ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธาน
    ในพระวิหารหลวง ณ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นดังกล่าวแล้ว

    [​IMG]
    ตุ๊กตาอับเฉาจีนด้านข้างพระวิหารหลวง

    [​IMG]
    ตุ๊กตาอับเฉาจีนด้านข้างพระวิหารหลวง อีกแบบหนึ่ง
     
  6. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    “หอไตร” ปราสาทยอดปรางค์แบบขอม


    • การสร้างปราสาทยอดปรางค์แบบขอม

    ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    ให้สร้างปราสาทยอดปรางค์แบบขอมขึ้น ๒ หลัง ตั้งอยู่บนลานไพที ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก
    ของพระวิหาร ปราสาททั้งสองหลังนี้ มีรูปร่างส่วนสัดคล้ายกันมากและมีขนาดเท่าๆ กัน

    เดิมที ที่ตรงที่สร้างปราสาททั้งสองหลังนี้ เป็นเรือนไม้ สร้างในคราวเดียวกับการสร้างวัด
    ครั้นถึงรัชกาลที่ ๖ เรือนไม้ทั้งสองก็ชำรุดทรุดโทรมลง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ช่างกรมศิลปากรรื้อสร้างใหม่เป็นปราสาทยอดปราค์แบบขอม
    สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยลวดลายสวยงามมาก ผู้ออกแบบปราสาทยอดปรางค์
    แบบขอม กล่าวกันว่าเป็นฝีมือของ พระยาจินดารังสรรค์ ผู้เคยออกแบบ และสร้างอนุสาวรีย์
    รูปปรางค์ ๓ ยอด แบบขอมในสุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม มาก่อน
    ในส่วนรายละเอียดของปราสาททั้งสองหลังนั้น มีดังนี้

    [​IMG]
    “หอพระจอม” ปราสาทยอดปรางค์แบบขอม


    หลังที่อยู่ด้านทิศตะวันออก หน้าบันของซุ้มประดับด้วยรูปปั้นปูนนูน เป็นภาพพระพุทธประวัติ
    ปางประวัติ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน ภายในปราสาทหลังนี้ใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก
    และคัมภีร์ต่างๆ จึงเรียกกันว่า “หอไตร”

    ส่วนหลังที่อยู่ด้านทิศตะวันตกนั้น ยอดปรางค์ประดับด้วยพรหมสี่หน้า หันไปทางทิศทั้งสี่
    หน้าบันของซุ่มประดับภาพปูนปั้นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ตามวรรณคดีพระนารายณ์
    จะต้องบรรทมอยู่บนหลังพญานาค แต่ที่หน้าบันของปราสาทหลังนี้ กลับเป็นรูป
    พระนารายณ์บรรทมสินธุ์บนหลังมังกร เบื้องหลังมีพระลักษมี และเศียรนาคแผ่พังพาน
    ภายในปราสาทใช้เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔ พระบรมรูปยืนเต็มพระองค์
    และขนาดเท่าพระองค์จริง จึงเรียกกันว่า “หอพระจอม”

    [​IMG]
    หน้าบันหอพระจอม ประดับภาพปูนปั้นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์บนหลังมังกร
     
  7. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    ปาสาณเจดีย์ พระเจดีย์หินอ่อนทรงลังกาองค์ใหญ่


    • ปูชนียวัตถุ-ปูชนียสถานของวัดราชประดิษฐ์ฯ

    วัดราชประดิษฐ์ฯ ถึงแม้จะเป็นพระอารามหลวงที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งมีเนื้อที่ตั้งของวัด
    อยู่เพียง ๒ ไร่ ๒ งาน กับ ๙๘ ตารางวาเท่านั้น แต่ภายในบริเวณวัดได้บรรจุเอา
    ความสวยงามวิจิตรตระการตา เป็นสง่าภาคภูมิไม่น้อยไปกว่าพระอารามหลวงอื่นๆ
    ที่มีบริเวณพระอารามใหญ่กว่าเลย

    ดังจะเห็นว่า เมื่อก้าวพ้นประตูวัดทางด้านทิศเหนือซึ่งมีบานประตูเป็นไม้สักสลักเป็นรูป “เซี่ยวกาง”
    มีลักษณะเป็นนักรบจีนหนวดยาวหน้าตาขึงขัง นายทวารบาลตามคตินิยมของจีนกำลังรำง้าวอยู่บน
    หลังสิงห์โต ก็จะเห็น “พระวิหารหลวง” ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นไพทีทรวดทรงทั่วไปสวยงามมาก
    มีมุขหน้า และหลังทั้งหลังประดับด้วยหินอ่อนตลอด หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีส้มอ่อนๆ

    [​IMG]
    “ประตูเซี่ยวกาง” ตามคตินิยมของจีน อยู่ด้านหน้าวัด


    มีช่อฟ้า ใบระกา ประดับเสริมด้วยพระวิหารหลวง ทำให้เด่นประดุจตั้งตระหง่านอยู่บนฟากฟ้านภาลัย
    หน้าบันทั้งด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปมหาพิชัยมงกุฎบนพระแสงขรรค์ ซึ่งมีพานแว่นฟ้า
    รองรับมหาพิชัยมงกุฎ และพระขรรค์นั้น

    พานแว่นฟ้าประดิษฐานอยู่บนหลังช้าง ๖ เชือก ทั้งสองข้างประดับด้วยฉัตร ๕ ชั้น
    พื้นของหน้าบันเป็นลายกนกลงรักปิดทองทั้งหมด

    ตัวหน้าบันเป็นไม้สักแกะสลักเป็นลวดลายดังกล่าวนั้น นับว่าเป็นหน้าบันที่งดงามวิจิตรพิสดาร
    เป็นยอดของสถาปัตยกรรมอันดับหนึ่งของประเทศไทย

    [​IMG]
    ซุ้มหน้าต่างพระวิหารหลวง ทรงมงกุฎ ประดับด้วยเครื่องแขวนพวงกลาง


    ซุ้มประตู และซุ้มหน้าต่างทุกบานประดับรูปลายปูนปั้น ลงรักปิดทองติดกระจกสีเป็นรูปทรงมงกุฎ
    ตัวบานประตูหน้าต่างสลักด้วยไม้สักเป็นลายก้านแย่ง ซ้อนกันสองชั้น ลงรักปิดทองติดกระจกสี
    ทำให้ดูงดงามยิ่งขึ้น

    พระประธานในพระวิหารหลวง มีพระนามว่า พระพุทธสิหังคปฏิมากร
    เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีหน้าตักราว ๑ ศอก ๖ นิ้ว ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีภายใต้ษุษบก
    ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อจำลอง
    จากพระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
    กรุงเทพมหานคร เนื่องจากทรงโปรดปราน ในพุทธลักษณะ และทรงมีพระราชศรัทธาเป็นพิเศษ
    จึงอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐ์ฯ แห่งนี้ และถวายพระนาม
    พระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธสิหังคปฏิมากร”

    อนึ่ง ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตแล้ว
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงโปรดเกล้าฯ
    ให้อัญเชิญ พระบรมอัฐิ (บางส่วน) ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
    มาบรรจุภายในพระพุทธอาสน์ของ “พระพุทธสิหังคปฏิมากร”

    [​IMG]
    บานหน้าต่างพระวิหารหลวง
    สลักด้วยไม้สักเป็นลายก้านแย่ง ลงรักปิดทอง ประดับกระจกสี

    [​IMG]
    บานประตูพระวิหารหลวง
    สลักด้วยไม้สักเป็นลายก้านแย่ง ลงรักปิดทอง ประดับกระจกสี


    ทั้งนี้ แม้วัดราชประดิษฐ์ฯ จะเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔
    แต่ “ประตูเซี่ยวกาง” ก็เป็นศิลปะที่ยังคงได้รับอิทธิพลจากจีนอยู่
    คำว่าเซี่ยวกาง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “เซ่ากัง” ที่แปลว่า ยืนยาม นั่นเอง

    วัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นพระอารามหลวงที่ไม่มีพระอุโบสถ มีเฉพาะพระวิหารหลวง
    ใช้ประกอบพิธีสังฆกรรม ดังนั้น พระวิหารหลวงจึงถือว่าเป็นพระอุโบสถของวัดด้วย

    ในพระวิหารหลวงมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของขรัวอินโข่ง ที่วาดเป็นรูปเกี่ยวกับ
    พระราชพิธี ๑๒ เดือน นับเป็นภาพวาดที่มีค่ายิ่ง โดยรัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    ให้วาดไว้ เพราะทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงเรื่องราวในอดีต อย่างเช่นพระราชพิธีเดือนอ้าย
    หรือเดือนธันวาคม จะมีพิธีตรุษเลี้ยงขนมเบื้อง ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว

    [​IMG]
    ซุ้มหน้าต่างพระวิหารหลวง ทรงมงกุฎ


    นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังจำลองเหตุการณ์ เป็นพระรูปรัชกาลที่ ๔
    ทรงเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคา ตามความจริงนั้น พระองค์เสด็จไปที่ตำบลหว้ากอ
    เมืองประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ซึ่งพระองค์ทรงคำนวนได้อย่างถูกต้อง
    แต่ในภาพนี้ได้วาดฉากให้เป็นการทอดพระเนตรที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

    ด้านหลังพระวิหารหลวงมีพระเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่ คือ ปาสาณเจดีย์
    เป็นเจดีย์ทรงกลมฐานสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูน ภายนอกประดับด้วยกระเบื้องหินอ่อนทั้งองค์
    เป็นที่มาของคำว่า ปาสาณเจดีย์ ซึ่งหมายถึงเจดีย์หิน และด้านหน้าปาสาณเจดีย์
    เป็นที่ประดิษฐานพระรูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
    ซึ่งหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ประดับด้วยกระเบื้องหินอ่อน ในท่านั่งแสดงพระธรรมเทศนา
    ฝีมือช่างชาวสวิส ชื่อ เวนิง ซึ่งการสร้างพระวิหารและมีพระเจดีย์อยู่ด้านหลังนี้
    ถือเป็นแบบแผนการสร้างวัดของรัชกาลที่ ๔ เพราะถือว่าเมื่อไหว้พระประธานในพระวิหารแล้ว
    ก็จะได้ไหว้พระเจดีย์ไปด้วยพร้อมกันในคราวเดียว

    [​IMG]
    ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชพิธี ๑๒ เดือน


    นอกจากนี้แล้วยังมีสถาปัตยกรรมอื่นๆ ภายในวัดที่สำคัญอันน่าชมยิ่ง เช่น พระปรางค์ขอม
    ตั้งอยู่บนพื้นไพทีด้านหลังพระวิหารหลวง เป็นปราสาทก่ออิฐถือปูน ทรงสี่เหลี่ยม
    มียอดปรางค์แบบขอม ภายในบรรจุ พระอังคารของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
    สรีรังคารของพระสาสนโสภณ (อ่อน อหิงฺสโก) และ สรีรังคารของพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส)
    อดีตเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ทั้ง ๓ รูป

    ด้านข้างถัดจาก “หอพระจอม” ออกไป คือ ศาลาการเปรียญ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก
    ของพระวิหารหลวง เป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโบสถ์ขนาดเล็ก
    ของกรีกโบราณ เพดานประดับด้วยดวงตราประจำพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    รัชกาลที่ ๔ บริเวณนี้เป็นเขตหวงห้ามสำหรับสตรี หรือเขตสังฆาวาส
    อันเป็นบริเวณที่ห้ามสตรีผ่านเข้าออกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ จนถึงปัจจุบัน
    เนื่องจากเป็นบริเวณที่ตั้งกุฏิสงฆ์ มีป้ายปิดที่ประตูว่า ห้ามสตรีเพศผ่าน ด้วยเพราะ
    ธรรมยุติกนิกายนั้นเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก

    [​IMG]
    ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังพระรูปรัชกาลที่ ๔
    ทรงเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  8. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    “หอพระจอม” ที่ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔


    • ศิลาจารึกวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

    ด้านหลังพระวิหารหลวงมีซุ้มซึ่งแกะสลักด้วยหินอ่อนทั้งแผ่น
    ภายในซุ้มเป็นที่ประดิษฐาน ศิลาจารึก
    ประกาศในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒ ฉบับ

    ฉบับแรกเป็นประกาศการสร้างวัดถวายพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย จารึกในปีพุทธศักราช ๒๔๐๗
    ฉบับหลังเป็นประกาศเรื่องงานพระราชพิธีผูกพัทธสีมาวัด จารึกในปีพุทธศักราช ๒๔๐๘
    ประกาศทั้ง ๒ ฉบับลงพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ข้อความในศิลาจารึกทั้ง ๒ ฉบับนั้นนับว่ามีความสำคัญ ซึ่งเป็นมหามรดกล้ำค่า
    ที่เป็นมหาสมบัติของคณะธรรมยุติกนิกาย ที่ได้รับพระราชทานตกทอดมาจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔

    [​IMG]
    เชิงประตู “หอพระจอม” เป็นยักษ์และลิงแบก


    ศิลาจารึกตอนบน

    อิมํ ภนฺเต วิหารารมภูมี สมนฺตโต ปาการมูเลสุ หิฎฺฐกา จยปริจฺฉินฺนํ
    วิสํคามเขตตฺตํ กตวา ปริจฺฉิชฺชมานํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสฺส
    ธมฺมยุตฺติกนกายิกสํฆสฺส อนญฺญนิกายิกสส โอโนเชม สาธุ ฯลฯ สุขาย.

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ ขอประกาศว่า
    ที่ภายในพระนครติดต่อไปข้างใต้ จังหวัดตึกดินเก่า ซึ่งบัดนี้เป็นสนามทหาร
    แลติดต่อข้างด้านตะวันออกหลังวังหม่อมเจ้าดิศช่างหล่อ
    แลติดต่อข้างเหนือวังกรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์
    แลติดต่อข้างด้านตะวันตกถนนริมคลองโรงสีคิดที่ยาวไปข้างตะวันออก ๓๕ วา
    กว้างไปข้างเหนือต่อใต้ ๓๑ วา ๓ ศอก เดิมเป็นที่หลวงอยู่ข้างตึกดิน
    สำหรับพระราชทานข้าราชการที่ต้องพระราชประสงค์ใช้ใกล้ๆ อาศัยอยู่
    แลแต่ก่อนมีผู้สร้างโรงธรรมลงในด้านตะวันออกของที่นี้
    โรงนั้นได้เป็นที่มีธรรมเทศนา แลทำบุญให้ทานของชาวบ้านอยู่ใกล้เคียงที่นี้ช้านาน
    แลเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระบดเขียน เหมือนกับเป็นพระอารามวิหารโดยสังเขป

    ครั้นมาเมื่อแผ่นดินพระบาทพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องพระราชประสงค์ที่นี้เป็นสวนกาแฟ
    จึงให้ไล่บ้านเรือนที่อยู่ในที่นี้เสียสิ้น เจ้าของโรงธรรมการเปรียญต้องรื้อโรงธรรม
    ไปปลูกที่อื่นเสียด้วย ที่นี้ก็เป็นที่สวนกาแฟมาหลายปีจนแผ่นดินปัจจุบันนี้

    แลบัดนี้ไม่ได้ทำสวนกาแฟก็รกร้างว่างเปล่าอยู่ ก็บัดนี้เจ้านายแลข้าราชการข้างหน้าบ้าง
    ข้างในบ้าง ซึ่งเคยเป็นศิษย์ศึกษาประพฤติการทำบุญให้ทาน ตามคติลัทธิอย่างธรรมยุตติกา
    พากันบ่นว่าวัดพระสงฆ์คณะธรรมยุตติกาอยู่ไกล จะทำบุญให้ทานก็ยากไปต้องไปไกลลำบาก

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ข้างล่าง เดิมเป็นครูอาจารย์ต้นลัทธิชำระข้อปฏิบัติต่าง ๆ ให้เป็น
    เยี่ยงอย่างในคณะพระสงฆ์ธรรมยุตติกนิกาย คิดถึงการพระพุทธศาสนาซึ่งตนได้ชำระไว้
    มีความปรารถนาจะใคร่ได้พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายนั้นมามีอยู่ในที่ใกล้ที่ตัวอยู่
    แลจะให้สมประสงค์ ท่านทั้งหลายชายหญิงทั้งปวงถือชอบใจดังว่าแล้วนั้นด้วย

    อนึ่งคิดว่าศาลาโรงธรรมการเปรียญก็สมมติว่าเป็นที่ดังหอพระพุทธรูป หรือหอพระไตรปิฎก
    หรืออาสนศาลาที่ประชุมสงฆ์ เป็นที่นมัสการทำบุญให้ทานของทายกสัปบุรุสผู้มีศรัทธา
    คล้ายกับอารามวิหาร เป็นที่เจดีย์สถานแลที่อยู่พระสงฆ์โดยสังเขปก็โรงธรรมศาสลาการเปรียญเก่า
    ซึ่งมีในที่นั้นเจ้าของรื้อไปเสียแล้ว ควรจะปลูกสร้างขึ้นใหม่ด้วย

    เพราะเหตุดังกล่าวแล้วนั้น

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ท้ายหนังสือนี้
    จึงได้คิดจะทำเจดีย์ แลธรรมสภาแลวิหารที่อยู่พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกาย
    ตามประสงค์ของตน แลท่านทั้งหลายชายหญิงอื่นเป็นอันมากนั้น ในที่นี้ใกล้
    พระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ จึงคิดว่าที่นี้เป็นที่สวนกาแฟของหลวงของแผ่นดิน
    เป็นของกลางอยู่ ไม่ควรจะยกเอามาถวายเฉพาะเป็นของพระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกาย
    เป็นที่พิเศษได้ เห็นว่าจะเป็นทำให้เสียประโยชน์แผ่นดินไป จึงได้สั่งให้กรมพระนครบาล
    วัดที่นี้กะลงเป็นตารางละวาแล้วตีราคาตารางละบาท ที่นี้ยาวไปข้างตะวันตกมาตะวันออก
    ๓๕ วา กว้างไปข้างเหนือต่อใต้ ๓๑ วา ๓ ศอก เป็นตารางวาได้ ๑,๐๙๘ วา

    ฯข้าฯ มีชื่อจดไว้ให้ท้ายหนังสือนี้จึงได้สละทรัพย์เป็นของนอกจำนวน มิใช่ของขึ้นท้องพระคลัง ๑,๐๙๘ บาท
    คิดเป็นเงิน ๑๘ ชั่งตำลึงกึ่ง ได้มอบเงินให้กรมพระนครบาลรับไปจัดซื้อที่อื่นที่ต้องการ
    ในราชการแผ่นดิน คือที่เป็นที่ตั้งกองรักษาถนนหนทางบางบ้านเมือง ที่ซึ่งจัดซื้อด้วยทรัพย์
    จำนวนนั้น เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์สมันตพงษ์พิสุทธมหาบุรุษย์รัตโนดม สมุห์พระกลาโหม
    ได้รู้เห็นตรวจตราให้จ่ายเงินจัดซื้อที่อื่นเป็นอันเปลี่ยนที่นี้เสร็จสมควรแล้ว
    ก็บัดนี้ที่อันนี้ตกเป็นของ ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ผู้เดียว

    จึง ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้
    ยอมยกที่นี้ให้เป็นส่วนเพื่อกุศลแก่บุตรภรรยาญาติพี่น้อง และบริษัทฝ่ายหน้าฝ่ายใน
    บันดาที่มีน้ำใจเลื่อมใสศรัทธานับถือปรนนิบัติพระพุทธศาสนา อย่างคติลัทธิพระสงฆ์
    ธรรมยุตติกนิกายทั้งปวงแล้ว จึงพร้อมใจกันด้วยปรึกษากันบ้าง คาดใจกันบ้าง
    ขอยอมยกที่นี้ซึ่งได้ก่อคันขึ้นด้วยอิฐ มีหลุมที่ปักเสาสีมานิมิตในทิศทั้งแปดนี้
    ให้เป็นส่วนตัดขาดจากพระราชอาณาเขต เป็นแขวงวิเศษเรียกว่า วิสุงคามสีมา
    มอบถวายแก่พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกาย อันมีในทิศทั้ง ๔ อันมาแล้วก็ดี
    ยังไม่มาแล้วก็ดี เพื่อว่าในที่กำหนดไว้จะสร้างพระเจดีย์แลที่ตั้งพระปฏิมากร เนื้อที่เท่าใด
    พระเจดีย์แลชุกชีรอบได้ตั้งลง ที่เท่าใดชุกชีแท่นพระพุทธรูปจะได้ตั้งลง ที่เท่านั้น
    ยกถวายเป็นพระพุทธบูชา แก่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาค ซึ่งเป็นพระบรมศาสดา
    อันเสด็จปรินิพพานแล้วที่นอกนั้นรอบคอบจังหวัดที่กำหนดแล้ว ขอยกให้เป็นที่อยู่ที่อาศัย
    ประพฤติพรหมจรรย์ แลประพฤติการพระพุทธศาสนาสั่งสอนศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย
    แลทำสังฆกรรมน้อยใหญ่ตามวินัยกิจโดยสะดวกทุกประการ

    แต่ที่นี้คงขาดเป็นของพระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกาย ผู้เป็นศิษย์ศานุศิษย์ศึกษาตามลัทธิซึ่ง

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ ได้เริ่มได้ริได้ชำระตกแต่งตำราขึ้น
    แลท่านผู้มีปัญญาละเอียดได้ชำระตกแต่งต่อไปนั้น พวกเดียวก็ผู้จะได้อยู่ได้บริโภคที่นี้ต่อไปนั้น

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ท้ายหนังสือนี้
    ยอมให้อยู่แต่ท่านผู้ที่คนทั้งปวงรู้พร้อมกันว่าเป็นศิษย์ศึกษาต่อๆ ไปจาก
    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ๆ ไม่ยอมให้พระสงฆ์สามเณรพวกอื่น
    ที่มีใช่ศิษย์ศานุศิษย์ศึกษาสืบไป

    ฯข้าฯ นั้นเข้าอยู่เป็นเจ้าของเลยเป็นแต่ไปสู่มาหาหรืออาศัย ในกำหนดวันเวลา
    ตามน้ำใจยอมโดยชอบใจของพระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายนั้นได้ ก็ถ้าพระสงฆ์
    คณะธรรมยุตติกนิกายที่อยู่ในที่นี้ก็ดี ที่อื่นก็ดี กลับจิตกลับใจกลับรีดลัทธิถืออย่างพระสงฆ์นิกายอื่นก็ดี
    เข้ารีตฝรั่งแลศาสนาอื่นก็ดีแล้ว ก็เป็นอันขาดหลุดจากเป็นเจ้าของที่นี้ จะอยู่ในที่นี้ไม่ได้
    ก็ถ้าด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายสาบสูญสิ้นไม่มีในแผ่นดิน
    เมื่อนั้นที่อันนี้จงตกเป็นของพระผู้มีพระภาคพระบรมศาสดาอรหังสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ที่ปรินิพพานแล้วนั้นเถิด

    ใครมีศรัทธาจะปรนนิบัตินมัสการพระเจดีย์ ก็จงปรนนิบัตรนมัสการเถิด
    ใครจะใคร่จำศีลภาวนา ก็จงมาจำศีลภาวนาตามควรแก่ความเลื่อมใสเทอญ

    เมื่อที่นี้เป็นของพระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายดังนี้แล้ว
    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้
    ถ้ายังยืนยงคงชีพอยู่ ก็จะอุสาหะสร้างทำพระเจดีย์ แลเรือนพระพุทธปฏิมากร
    แลโรงธรรมสภา แลกุฏิวิหารที่อยู่พระภิกษุสงฆ์ แลที่ต่างๆ เป็นเครื่องประดับพระอารามทั้งปวง
    ไปตามกำลังจนบริบูรณ์สถิตธรรมยุตติการาม แต่ที่นี้ใกล้พระราชวัง ถ้าพระเจ้าแผ่นดิน
    ในอนาคตไม่โปรด จะต้องประสงค์ที่นี้ใช้ในราชการแผ่นดินก็ขอให้ซื้อที่อื่นเท่าที่นี้
    หรือใหญ่กว่านี้ ด้วยราคาเท่าที่นี้ ในที่ใกล้บ้านคนถือพระพุทธศาสนา ไม่รังเกียจ เกลียดชัง
    พระสงฆ์ธรรมยุตติกนิกายพอเป็นที่ภิกขาจารได้ แลไม่ใกล้เคียงชิดติดกับวัดอื่น เปลี่ยนก่อนจึงได้ของอะไร

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ ได้สร้างสถาปนาการลงไว้ในที่นี้
    ก็ต้องสร้างใช้ให้ดีให้งามเหมือนกัน จึงควรจะเอาที่นี้เป็นหลวงใช้ในราชการได้
    ถ้าจะโปรดให้เป็นวัดที่อยู่พระสงฆ์พวกอื่นเหล่าอื่นก็เหมือนกัน
    ขอรับประทานให้ซื้อที่ใช้สร้างวัดใช้ก่อน จึงจะเปลี่ยนให้พระสงฆ์พวกอื่นหมู่อื่นอยู่ได้
    ถ้าไม่ได้ซื้อที่อื่นสร้างวัดใช้ ไล่พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายของ ฯข้าฯ
    ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้เสียเปล่า พระสงฆ์พวกอื่นเข้ามาอยู่เป็นเจ้าของ
    เอาอำนาจเจ้านายมาไล่เจ้าของเสียชิงเอา ก็จะเป็นปสัยหาวหารอทินนาทานไป

    ขอท่านผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินในอนาคต จงโปรดประพฤติตาม
    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ทำวัดราชประดิษฐ์นี้
    สั่งไว้จงทุกประการ จึงจะมีความเจริญสุข

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้ ได้แผ่ส่วนกุศลถวายแด่เทพยดารักษาพระนครทั้งปวง
    แลได้ฝากวัดราชประดิษฐ์นี้ไว้แด่เทพยดาให้รักษาอยู่แล้ว

    ประกาศไว้วัน ๖ ฯ ๑๒ ๑๒ ค่ำ ปีชวด ฉศก
    พระพุทธศาสนกาล ๒๔๐๗ พรรษา ศักราช ๑๒๒๖
    เป็นปีที่ ๑๔ เป็นวันที่ ๔๙๔๕ ในรัชกาลปัจจุบันนี้

    อิทํ มยา ปรเมนฺทมหามกุฎสฺมา
    สฺยามวิชิเต รชฺชํ การยตา.

    บันทึกทั้งปวงในกระดาษนี้เป็นสำคัญ
    แต่สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม

    [​IMG]
    ศิลาจารึกวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม


    ศิลาจารึกตอนล่าง

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้
    ขอประกาศเผดียงว่าในที่ภายในพระนคร ฯลฯ
    ตามควรแก่ความเลื่อมใสเทอญฯ จะว่าวัดสำหรับพระสงฆ์ทั้งแผ่นดินไม่ได้
    แต่พัทธสีมานั้นตามพระวินัยจริงๆ จะผูกในบ้านก็ได้ ที่ของใครๆ ก็ได้

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อในท้ายหนังสือนี้ ไม่มีสงสัยเลย
    ขออาราธนาพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวงผูกพัทธสีมาในที่นี้
    ด้วยปาสาณนิมิตรคือเสาใหญ่ซึ่งปักไว้ในทิศทั้ง ๘ นี้เถิด เสาทั้ง ๘ นั้น

    ฯข้าฯ ผู้มีชื่อเขียนไว้ในท้ายหนังสือนี้
    ขอถวายเสาศิลาในทิศซึ่งปักไว้ในทิศทั้ง ๘
    เพื่อจะให้เป็นนิมิตรมหาพัทธสีมา แลอีกเสาสองต้นประกับกัน
    เพื่อจะให้เป็นที่สังเกตที่สวดสมมติให้ท่ามกลางรวม ๑๐ ต้นนี้
    เป็นของพระสงฆ์ในคณะธรรมยุตติกนิกาย ประดับพระอารามนี้ด้วย
    มอบถวายอีกพร้อมกันทั้งเสาศิลา ๑๐ ต้นปักอยู่ในกลางสอง อยู่ในทิศทั้งแปดอีกแปด
    เพื่อจะให้เป็นนิมิตรในทิศทั้งแปด แลเป็นสำคัญที่พระสงฆ์ยืนสวดผูกสีมาในท่ามกลางด้วย
    เพื่อจะได้สมมติสีมา

    ณ วัน ๖ ฯ ๑๗ ค่ำ ปีฉลู สัปตศก พระพุทธศาสนกาล ๒๔๐๘ พรรษา
    จุลศักราช ๑๒๒๗ เป็นปีที่ ๑๕ หรือเป็นวันที่ ๕๑๔๐ ในรัชกาลปัจจุบันนี้

    อิทํ มยา รญฺญา ปรเมนฺทมหามกุฎสฺมา
    สฺยามวิชิเต รชฺชํ การยตา.

    หนังสือนี้ แต่ข้าพระพุทธเจ้า
    สมเด็จพระปรเมนทรามหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม

    [​IMG]
    พระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔ เท่าพระองค์จริง ณ หอพระจอม
     
  9. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
    ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ถนนสราญรมย์ แขวงพระบรมมหาราชวัง
    เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๓-๘๒๑๕

    ความสำคัญของวัด : พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

    สังกัดคณะสงฆ์ : ธรรมยุต

    เจ้าอาวาส : พระธรรมไตรโลกาจารย์ (พูนศักดิ์ วรภทฺทโก ป.ธ.๘)
    เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร รูปปัจจุบัน

    ประวัติเจ้าอาวาส : -

    เว็บไซต์ : <!-- m -->Rajapradit.com - raja prad it Resources and Information.This website is for sale!<!-- m -->

    การเดินทาง : หากเดินทางโดยรถประจำทางธรรมดา
    มีรถผ่าน สาย ๒, ๖๐ และรถประจำทางปรับอากาศ สาย ๑, ๒, ๕๑๒

    แผนที่ : -


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    [​IMG]

    [​IMG]
    ป้ายชื่อวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม


    :cool: ลานธรรมจักร &bull; แสดงกระทู้ - วัดประจำรัชกาลที่ ๔ : วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
     
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    ขอบคุณจ่ะ คุณเจง

    เห็นแล้ว เมื่อไหร่จะมีโอกาสเข้าไปก็ไม่รู้
     
  11. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ได้ไปแน่ๆ จ๊ะ แม่สร้อย


    ต่างจังหวัดยังไปได้เลย ในกรุงเทพฯเช่นนี้ ต้องได้ไปสิจ๊ะ ^___^
    ขอบคุณคุณเจงด้วยค่ะ เป็นวัดที่สวยงามมากค่ะ เห็นแล้วชื่นใจ อีกทั้งข้อมูลเพียบพร้อม อนุโมทนาค่ะ
     
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    สงสัยหนูบุญไม่ถึง บุญยังไม่จัดสรร เลยไม่ได้เข้าไปสักที....
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    ขอบคุณครับคุณเจง


    เมื่อก่อนเดินผ่านบ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้เข้าไปชมความงามเลย

    .
     
  14. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530

    ด้วยความยินดี และภูมิใจนำเสนออย่างที่สุดค่ะ..

    he llo _car


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.696057/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • N20k_07.wma
      ขนาดไฟล์:
      925.6 KB
      เปิดดู:
      1,020
  15. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    “สุสานหลวง” วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

    [​IMG]

    สุสานหลวง
    วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
    แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ

    วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
    พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุต
    เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
    ซึ่งถือว่าเป็นวัดแห่งเดียวของกรุงรัตนโกสินทร์
    ที่เป็นวัดประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ถึง ๒ พระองค์

    ภายในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน
    คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตสุสานหลวง
    เขตพุทธาวาส ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัด
    คือบริเวณที่เป็นสิ่งก่อสร้างอันเนื่องในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ตั้งอยู่บนพื้นไพทีหรือยกพื้นสูงกว่าพื้นปกติ ปูด้วยหินอ่อน
    เขตสังฆาวาส ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัด
    คือบริเวณที่เป็นอาคารจำพรรษาของพระภิกษุสามเณร
    เขตสุสานหลวง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวัด

    เขต “สุสานหลวง ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวัดนั้น ติดกับถนนอัษฎางค์
    ริมคลองคูเมืองเดิม โดยตั้งอยู่นอกเขตกำแพงมหาสีมาธรรมจักรของวัด
    แต่เดิมสุสานหลวงมีพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง ๔ ไร่กว่า ต่อมาในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
    จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    และทางกรุงเทพมหานคร ได้ตัดถนนอัษฎางค์ซึ่งกินพื้นที่สุสานหลวงไปบางส่วน
    จนกระทั่งปัจจุบันสุสานหลวงเหลือพื้นที่เพียง ๒ ไร่ครึ่งเท่านั้น

    [​IMG]
    ป้ายชื่อสุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม


    “สุสานหลวง” วัดราชบพิธฯ เป็นสุสานหลวงแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
    ผู้เป็นพระปิยมหาราชของปวงชนชาวไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    ให้สร้างอนุสาวรีย์ในเขตสุสานหลวงขึ้นเป็นที่บรรจุพระอัฐิ (กระดูก)
    และพระสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) เพื่ออุทิศพระราชกุศลแก่พระบรมราชเทวี
    พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา ตลอดจน พระราชโอรส พระราชธิดา
    พระนัดดา และพระปนัดดา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้ผู้ที่มีความรักใคร่ห่วงใยอย่างใกล้ชิด คือ พระบรมราชเทวี
    พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา ตลอดจน พระราชโอรส พระราชธิดา พระนัดดา และพระปนัดดา
    ได้อยู่รวมกันหลังจากที่ล่วงลับไปแล้ว สภาพโดยทั่วไปในสุสานหลวง จะเป็นการสร้างอนุสาวรีย์
    ของพระบรมราชเทวี พระราชเทวี หรือเจ้าจอมมารดา เพื่อให้ลูกได้อยู่กับแม่
    หรืออย่างน้อยในบ้านของแม่ เว้นในกรณีที่พระราชโอรสหรือพระราชธิดาสิ้นพระชนม์ก่อน
    พระมารดาก็สร้างอนุสาวรีย์ของพระเจ้าลูกเธอพระองค์นั้นไปก่อน

    สุสานหลวงที่วัดราชบพิธฯ แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์
    เป็นแม่กองก่อสร้างขึ้นในที่รอบๆ ชานกำแพงด้านทิศตะวันตกของวัด
    และเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. ๒๔๔๐
    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้านิลวรรณ เป็นแม่กองก่อสร้างสืบต่อมา
    ทั้งนี้ มีอนุสาวรีย์บางส่วนที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างขึ้นในสมัยหลัง
    อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุสานหลวงอนุสรณ์สถานสำหรับ “จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์”

    โดยตามความเชื่อแล้ว หลังจากพิธีเผาศพของผู้ตาย จะมีการนำอัฐิธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์หรือสถูป
    ครั้นต่อมาก็พัฒนาไปสู่การบรรจุอัฐิหรืออังคาร ไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปหรือตามช่องกำแพงแก้ว
    ซึ่งแม้แต่พระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ ก็มีการอัญเชิญไประดิษฐานไว้
    ณ พุทธบัลลังก์แห่งพระพุทธปฏิมาพระประธาน ด้วยการบรรจุอัฐิหรืออังคารไว้ตามสถานที่ดังกล่าว
    จะเป็นการกระทำให้บรรดาลูกหลานในวงศ์ตระกูลใช้เป็นสถานที่เคารพบูชา

    [​IMG]
    บริเวณสุสานหลวง ร่มรื่นไปด้วยไม้ดอกไม้ใบนานาพันธุ์

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์พระเจดีย์สีทอง ๔ องค์ มีลักษณะคล้ายกัน เรียงลำดับจากเหนือไปใต้
    ได้แก่ สุนันทานุสาวรีย์, รังษีวัฒนา, เสาวภาประดิษฐาน และสุขุมาลนฤมิตร์
    ซึ่งรัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างอุทิศพระราชทานแก่พระมเหสีเทวี ๔ พระองค์


    ลักษณะของสถาปัตยกรรมของอนุสาวรีย์ต่างๆ ภายในสุสานหลวงแห่งนี้
    ทำเป็นรูปแบบพระเจดีย์ พระปรางค์ พระวิหาร และอาคาร เป็นต้น
    ทั้งที่เป็นศิลปะแบบยุโรป ศิลปะแบบขอม และศิลปะแบบไทย
    อันเป็นพุทธศิลปแห่งหลักแนวคิดการพัฒนาเมืองไทยให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ

    บริเวณสุสานหลวงได้รับการตกแต่งดูแลอย่างดีจากสำนักพระราชวัง
    จึงเป็นสวนที่ร่มรื่นไปด้วยไม้ดอกไม้ใบนานาพันธุ์ หลายต้นเป็นไม้โบราณ
    เช่น กล้วยทอง กรรณิการ์ สารภี เข็ม ตะแบก ลั่นทม (ลีลาวดี) เป็นต้น
    ปัจจุบันถูกดัดแปลงให้มีลักษณะกึ่งสวนหย่อม กึ่งอนุสรณ์สถาน
    และในวันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปี
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
    (ครั้งยังมีพระชนม์ชีพอยู่) จะเสด็จเป็นประธานในนามของ
    คณะพระราชนัดดาปนัดดาสายสัมพันธ์ในราชกุลรัชกาลที่ ๕
    ในการบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๘
    ซึ่งทั้งสองพระองค์มีวันประสูติร่วมกัน

    ปัจจุบัน รวมอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในสุสานหลวงมีทั้งหมด ๓๔ องค์
    โดยมีการจัดตั้งกองทุนสุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
    ขึ้นมาดูแลรักษาสุสานหลวงให้มีความงดงามเพื่อชนรุ่นหลังได้เข้าสักการะต่อไป

    อนุสาวรีย์ในเขตสุสานหลวงที่โดดเด่นเป็นสง่าคือ พระเจดีย์สีทอง ๔ องค์
    (๑ องค์เล็ก กับ ๓ องค์ใหญ่) มีลักษณะคล้ายกัน เรียงลำดับจากเหนือไปใต้
    ได้แก่ สุนันทานุสาวรีย์, รังษีวัฒนา, เสาวภาประดิษฐาน และสุขุมาลนฤมิตร์
    โดยสุนันทานุสาวรีย์ เป็นพระเจดีย์สีทองที่มีขนาดองค์เล็กที่สุด
    ซึ่งรัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างอุทิศพระราชทานแก่พระมเหสีเทวี ๔ พระองค์
    นอกจากนี้ ยังมีอนุสาวรีย์ต่างๆ ในสุสานหลวงองค์อื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ

    [​IMG]
    สุสานหลวงได้รับการประดับตกแต่งภูมิทัศน์เพื่องานพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคาร
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ณ อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา”
     
  16. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    สุนันทานุสาวรีย์

    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “สุนันทานุเสาวรีย์” เป็นพระเจดีย์สีทอง
    อาคารยอดสถูปขนาดใหญ่บุด้วยโมเสคสีทอง เป็นที่บรรจุพระสรีรางคาร
    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
    เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนียลักษณ์ อัครวรราชกุมารี
    พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ใช้เวลาก่อสร้างถึง ๓ ปี จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำพระสรีรางคาร
    ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และพระราชธิดา
    มาประดิษฐานไว้ ณ สุสานหลวงแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๗

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “สุนันทานุสาวรีย์”
     
  17. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    [​IMG]

    รังษีวัฒนา

    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา”
    เป็นพระเจดีย์สีทอง อาคารจตุรมุขยอดสถูป มีมุขกระสันเชื่อมระหว่างกัน
    ตรงกลางเป็นสถูปขนาดใหญ่บุด้วยโมเสคสีทอง
    ส่วนสถูปอีก ๓ องค์มีขนาดย่อมกว่าทาด้วยสีขาว
    เป็นที่บรรจุพระอัฐิ (กระดูก) และพระสรีรางคาร (เถ้ากระดูก)
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าวิจิตรจิรประภา อดุลยาดิเรกรัตน ขัตติยราชกุมารี
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า (ยังไม่มีพระนาม สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ ๔ วัน)
    พระราชธิดาในลำดับที่ ๘๘ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
    - สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ พิมลรัตนวดี
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์
    - สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (ต้นราชสกุลมหิดล)
    - สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
    - สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
    - “สมเด็จย่า” สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (ประดิษฐานไว้เคียงข้าง
    พระสรีรางคารสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม สมเด็จพระบรมราชชนก)
    - พระประยูรญาติแห่งราชสกุลมหิดล

    และครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ พระสรีรางคารของ
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
    ก็ได้นำมาบรรจุไว้ ณ อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา” แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
    เพื่อประทับเคียงข้างพระสรีรางคารสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี

    อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา” นั้น ภายในจะแบ่งเป็น ๒ ฝั่ง
    ฝั่งหนึ่งเก็บพระอัฐิ (กระดูก) ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเก็บพระสรีรางคาร (เถ้ากระดูก)
    ส่วนตรงกลางจะประดิษฐานพระพุทธรูปที่เป็นพระประจำพระชนมวารของแต่ละพระองค์

    มีข้อน่าสังเกตว่า “พระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘” นั้น
    ไม่ได้ประดิษฐานรวมอยู่ ณ อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา” แห่งนี้ด้วย
    เนื่องจากตอนนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘
    ไม่ได้ทรงประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี

    เพิ่งจะมามีในตอนหลัง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
    รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกาศ
    เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
    ขึ้นเป็น “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
    อดุลยเดชวิมล รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช”
    รวมทั้งยังได้ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์บางองค์ เช่น นพปฎลเศวตฉัตร
    ซึ่งใช้ในการกางกั้นพระบรมศพและพระบรมอัฐิ

    ดังนั้น พระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๘
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
    ได้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานชั้น ๓
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    ส่วนพระบรมราชสรีรางคารนั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินอัญเชิญ
    พระผอบพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
    ไปยัง วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร และอัญเชิญบรรจุลงในหีบ
    พร้อมทั้งเคลื่อนหีบพระบรมราชสรีรางคารเข้าสู่พระพุทธบัลลังก์ “พระศรีศากยมุนี”
    พระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘

    ส่วนหนึ่งของพระบรมราชสรีรางคารอัญเชิญไปประดิษฐาน
    พระเจดีย์ราชสกุลมหิดล วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
    ซึ่งที่พระเจดีย์แห่งนี้มีพระตัจจะพระนลาฏ (ผิวหนังหน้าผาก) รัชกาลที่ ๘
    พระทนต์สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
    พระราชสรีรางคารสมเด็จพระบรมราชชนก พระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชชนนีบางส่วน
    และพระทนต์สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
    ดังนั้น พระเจดีย์ราชสกุลมหิดล วัดปทุมวนาราม จึงมีครบทุกพระองค์ที่ล่วงลับ

    [​IMG]

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา”

    [​IMG]
    ระหว่างสถูปขนาดใหญ่สีทองกับสถูปสีขาวอีก ๓ องค์ มีมุขกระสันเชื่อมระหว่างกัน
     
  18. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    เสาวภาประดิษฐาน

    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “เสาวภาประดิษฐาน”
    มีลักษณะเหมือนกับอนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา”
    เป็นพระเจดีย์สีทอง อาคารจตุรมุขยอดสถูป มีมุขกระสันเชื่อมระหว่างกัน
    ตรงกลางเป็นสถูปขนาดใหญ่บุด้วยโมเสคสีทอง
    ส่วนสถูปอีก ๓ องค์มีขนาดย่อมกว่าทาด้วยสีขาว เป็นที่บรรจุพระสรีรางคาร
    สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    และพระราชโอรส-พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    พร้อมทั้งพระประยูรญาติแห่งราชสกุลจักรพงษ์และราชสกุลจุฑาธุช อาทิ
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพชรุตม์ธำรง
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิง (ยังไม่มีพระนาม สิ้นพระชนม์ในวันประสูติ)
    - สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
    - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
    - สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา

    [​IMG]

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “เสาวภาประดิษฐาน”

    [​IMG]
    ระหว่างสถูปขนาดใหญ่สีทองกับสถูปสีขาวอีก ๓ องค์ มีมุขกระสันเชื่อมระหว่างกัน
     
  19. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    สุขุมาลนฤมิตร์

    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “สุขุมาลนฤมิตร์”
    พระเจดีย์สีทอง เป็นที่บรรจุพระสรีรางคาร
    สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
    และเจ้าคุณจอมมารดาสำลี
    พร้อมทั้งพระประยูรญาติแห่งราชสกุลบริพัตร

    [​IMG]

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์อนุสรณ์สถาน “สุขุมาลนฤมิตร์”
     
  20. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    อนุสาวรีย์พระปรางค์สามยอดแบบลพบุรี

    ศิลปะแบบขอม เป็นที่บรรจุพระสรีรางคาร
    - พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์
    กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายา
    - สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศร์
    - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉลิมเกียรติมงคล
    - พระประยูรญาติแห่งราชสกุลยุคล

    [​IMG]
    อนุสาวรีย์พระปรางค์สามยอดแบบลพบุรี (ราชสกุลยุคล)
     

แชร์หน้านี้

Loading...