วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ติดอันดับวัดป่าของดีที่สุดที่สำรวจในเอเซีย..

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 18 มิถุนายน 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    วัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปัน[​IMG]โน ติดอันดับ ของดีที่สุดของเอเชีย

    ในประเทศไทยที่ได้รับการเลือกเป็นสุดยอดแห่งบทเรียนของการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ก็คือ วัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน หรือที่เรียกปกันว่า วัดเสือ ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯราว 200 กม.

    ที่วัดนี้มี เสือโคร่งอยู่ 17 ตัว ซึ่งพระในวัดตั้งชื่อให้ต่าง ๆ กันอย่างไพเราะเพราะพริ้ง เช่น แสงอาทิตย์ รุ้งกินน้ำ อรุณรุ่ง ฯลฯ

    เสือเหล่านี้จะถูกขังกรงในช่วงเช้า แต่ในช่วงบ่ายจะปล่อยให้ออกมาเดินเล่น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ประชาชนที่ไปเยี่ยมวัดเข้ามาลูบคลำลูบหัวเสือเหล่านี้ได้

    วัดนี้ได้สถาปนาขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1994 โดยตั้งใจให้เป็นที่พักพิงของสัตว์ป่าที่บาดเจ็บหรือขาดพ่อแม่ทั้งหลาย และได้รับการเลี้ยงดูแบบชาวพุทธที่ดี เช่น เมื่อบรรดาเสือแสดงอากัปกิริยาที่ไม่ดีมีการร้องคำรามขู่ พระที่เลี้ยงก็จะเอาน้ำสาดจากขวดพลาสติก หรือหาอะไรปิดตาเสือเหล่านี้ไว้ เมื่อมี วัว หรือแพะเดินผ่านมาใกล้ ๆ

    อย่างไรก็ตาม ทางวัดก็ได้จัดสถานที่ให้เสือเหล่านี้อยู่ในบริเวณที่แยกกับที่อยู่ของม้าและกวางซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในวัดเช่นกัน

    ขณะนี้ทางวัดมีแผนที่จะขยับขยายที่อยู่ของเสือโคร่งเหล่านี้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากจากการบริจาคของประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย

    ซึ่งหากทำได้สำเร็จแล้ว เสือเหล่านี้ก็จะไม่ต้องถูกขังกรงอีกต่อไป

    อย่างไรก็ตาม ทางวัดก็จะคงยังรักษาแบบแผนทางปฏิบัติไว้ประการหนึ่ง นั่นก็คือการให้ประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมวัดทุกคนลงนามในแบบฟอร์ม ยกเว้นความรับผิดชอบของวัด หากผู้มาเยี่ยมได้รับอันตรายใด ๆ จากการไปเล่นกับสัตว์ร้ายเหล่านี้


    ภาพ/ข่าว นสพ.เดลินิวส์
    [​IMG]
    ข้อมูลเดลินิวส์
    http://www.dailynews.co.th





    วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ <!--BEGIN WEB STAT CODE--><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://truehits2.gits.net.th/data/n0025686.js" type=text/JavaScript1.1></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><!--END WEB STAT CODE-->
    วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ ๕ บ้านพุไม้แดง ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี รหัสไปรษณีย์ ๗๑๑๕๐

    ติดต่อผู้ดูแลเวปไซด์ webmaster@tigertemple.org




    [​IMG]


    ____________________________________________________________
    ท่านสามารถรับฟังโทรทัศน์ดาวเทียมหลวงตามหาบัวทั้งภาพและเสียงได้แล้ว
    และสถานีวิทยุเสียงธรรมวัดป่าบ้านตาดตลอด 24 ชั่วโมง ได้ทั่วประเทศ

    www.luangta.com[​IMG]
    mms://www.luangta.com/fm103_25
    www.watpa.com

    ประสบการณ์โลกทิพย์ "หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ยอดแห่งพระกรรมฐาน ,ภพภูมิ ,กายทิพย์ ,วิญาญาณ
    ฮือฮา.ในกลุ่มศิษย์ทั้งยโสธร.หลวงตาพวงเดินผิวน้ำ..หลวงพ่อคูณกล่าวถึงหลวงตาพวง
    ประวัติพระมหาเถระผู้เลิศด้วยฤทธิ์ญาณตบะ "หลวงปู่ชอบ ฐานสโม"
    แปลกอัศจรรย์ !!! ภูทอก พระอาจารย์จวน สร้างได้ไง วิศวะยังยอม ! ชมวัดภูทอกได้เลยครับ
    ภาพ คณาจารย์สายพระป่าธุดงค์กรรมฐาน ศิษย์หลวงปู่มั่น ที่ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ในปัจจุบัน
    [​IMG] ประสบการณ์โลกทิพย์"หลวงปู่ตื้อ" กับกายทิพย์ภพภูมิต่างๆ.
    [​IMG] แปลก !!! แพทย์และหมอฮือฮา....เพราะเอกเซร์พระคุณเจ้ารูปหนึ่งปรากฎว่ากระดูกเป็นแก้วหมด
     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE borderColor=#999966 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" bgColor=#ffffff>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content>ความเป็นมาและกิจกรรม-โครงการต่าง ๆ
    ๒๕๓๗
    วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
    นอกจากจะเป็นวันอันเป็นศิริมงคลยิ่งของปวงชนชาวไทย ด้วยเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และเป็นวันคล้ายวันเกิดของพระราชญาณวิสุทธิโสภณ (ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) แห่งวัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
    [​IMG]
    ในวันนั้นหลวงตาฯได้เมตตารับถวายที่ดิน ๑๐๐ ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีราว ๓๗ กม. ริมถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ หลัก กม. ที่๒๑ แยกเข้าไป ๒ ก.ม. ณ หมู่ที่ ๕ บ้านพุไม้แดง ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อสร้างเป็นวัดป่าสถานที่ปฏิบัติธรรมตามปฏิปทาพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินคือ คุณดวงใจ ศรีทอง ด้วยดำริศรัทธาจากการฟังเทปคำเทศนาของหลวงตาฯ ที่วัดป่าบ้านตาด จากความตอนหนึ่งที่ว่า "เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็มีแต่กิเลสเข้าไปครอบครอง จะหาที่สร้างวัดก็ไม่มี" คุณดวงใจจึงได้ปรึกษากับคุณแม่สำลี ซึ่งขณะนั้นกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่าตาดด้วยกัน คุณแม่ก็สนับสนุนว่าเหมาะสมดีจะได้เป็นประโยชน์ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป (ภายหลังได้ถวายเพิ่มเติมจนเป็นเนื้อที่ปัจจุบัน ๒๓๔ ไร่เศษ ในอาณาเขตล้อมรั้ว ๒.๒๕๖ ตรม. และทางวัดไห้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม จนเป็นเนื้อที่ในปัจจุบันรวม ๖๘๘ ไร่
    [​IMG]
    กาลต่อมาหลวงตาฯ จึงได้มีบัญชาให้พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร ไปดูสถานที่ว่ามีความเหมาะสมในการสร้างวัดหรือไม่อย่างไร ​
    วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗
    พระอาจารย์จันทร์ได้เข้าไปกราบนมัสการหลวงตาฯที่สำนักสงฆ์สวนแสงธรรม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เพื่อพาคณะศิษย์อันประกอบด้วย ผู้พิพากษา ทนายความ แพทย์ วิศวกร ตำรวจตระเวนชายแดน ราษฎรในพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าของที่ดิน ไปดูสถานที่ที่ได้รับการถวายเป็นครั้งแรก และได้เข้าไปสำรวจอีกหลายครั้ง ซึ่งการเดินทางครั้งนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากยังไม่มีเส้นทางถนนเข้าสู่พื้นที่โดยเฉพาะ ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝน แต่ทางคณะฯ ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ จัดทำผัง ถ่ายรูป และหาข้อมูลที่ต้องการ
    [​IMG]
    สภาพพื้นที่โดยธรรมชาติเป็นที่ลาดเอียงเล็กน้อย มีเนินเขา ๓ ลูกต่อเนื่องกัน ตั้งอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออก ทิวทัศน์โดยรอบจะมองเห็นทิวเขารายรอบอยู่ไกล ๆ ลักษณะของดิน ดินชั้นบนมีสีค่อนข้างน้ำตาล-แดง ส่วนดินชั้นล่างเป็นดินขาวและหินปูน ต้นไม้มีขนาดเล็ก ต้นไม้ใหญ่ไม่ค่อยมีเพราะถูกโค่นถางไปก่อนแล้ว มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่บ้าง เช่น กระต่าย ไก่ป่า เสือดำ ฯลฯ บริเวณข้างเคียงเป็นพื้นที่ปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง มีหมู่บ้านพุไม้แดงอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกประมาณ ๓ กิโลเมตร
    พระอาจารย์จันทร์และคณะศิษย์พิจารณาแล้วเห็นว่าภูมิประเทศเหมาะสมที่จะสร้างวัดทั้งยังได้ผนวกพื้นที่เนินเขา ๓ ลูกที่ติดกับที่ดิน ๑๐๐ ไร่เศษนี้ด้วย ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านต่างก็อนุโมทนา เนื่องจากยังไม่มีวัดป่าอยู่ในละแวกนั้น หากมีวัดตั้งอยู่จะเป็นการช่วยอนุรักษ์ป่าจะได้มีการปลูกป่าฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป. พระอาจารย์จันทร์ได้กราบเรียนหลวงตาฯ ตามสภาพความเป็นจริงที่ได้พบมา หลวงตาฯจึงได้มอบหมายให้พระอาจารย์จันทร์เป็นผู้ดำเนินงานจัดสร้างวัดในสถานที่แห่งนี้ และถ้ามีปัญหาอย่างใดท่านพร้อมที่จะให้คำปรึกษาแนะนำ โดยสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดนรนาถสุนทริการาม เทเวศร์ กรุงเทพฯ ได้เมตตารับเป็นองค์อุปถัมภ์ ต่อมาพระอาจารย์จันทร์ได้เข้าไปปักกลดในพื้นที่ที่จะสร้างวัดและร่วมกับราษฎรเริ่มพัฒนาพื้นที่โดยการปรับพื้นที่สร้างศาลาขนาดเล็กมุงด้วยแฝก กุฏิชั่วคราว ห้องน้ำ และขุดสระน้ำโดยนำดินที่ขุดขึ้นมาใช้ทำถนนเป็นทางเข้าวัด จากสภาพพื้นที่ที่ค่อนข้างกันดารไม่มีแหล่งน้ำ ได้มีชาวบ้านซึ่งมีความศรัทธาได้ใช้รถบรรทุกน้ำมาถวายเพื่อใช้ทุก ๒ วัน ต่อมาศิษย์และพระลูกวัดจากวัดป่าถ้ำภูเตย ได้มาช่วยในการพัฒนาวัดและออกบิณฑบาต โปรดชาวบ้านในหมู่บ้านพุไม้แดง ซึ่งอยู่ห่างออกไป ๓ กิโลเมตร ทุกวัน
    [​IMG]
    วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
    น.พ.สมศักดิ์ วัฒนศรี ได้เป็นตัวแทนของคณะศิษย์ฯ นำความเข้ากราบเรียนหลวงตาฯ ที่สวนแสงธรรมกรุงเทพเพื่อขอประทานชื่อวัดและหลวงตาฯได้เมตตาให้ชื่อว่า "วัดป่าหลวงตาบัว"
    [​IMG]
    วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๗
    ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี หลวงตาฯได้เมตตาประทานปัจจัย จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นมงคลเบื้องต้น โดยมอบให้พระอาจารย์จันทร์เพื่อดำเนินการสร้างวัดป่าฯ และท่านได้กล่าวเพิ่มเติม "ทุกอย่างได้มอบให้หมดแล้ว ทั้งที่ดินและชื่อวัด ทั้งเงินทุนเริ่มแรกไปดำเนินปฏิปทาครูบาอาจารย์ให้ตรงให้ถูกต้อง" ซึ่งในเวลาต่อมา หลวงตาฯ ยังให้เมตตามอบปัจจัยเพิ่มเติมในการดำเนินการฯ ดังนี้ :
    [​IMG]
    อีก ๑ ปีต่อมา ในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๓๘ หลวงตาฯ มอบปัจจัยดำเนินการ ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท และปีถัดมา ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ หลวงตาฯ มอบปัจจัยดำเนินการ ๓๐๖,๕๖๔ บาท รวมเป็นปัจจัย ทั้งหมดทั้ง ๓ ครั้ง ของทุนเริ่มแรก ๒,๓๐๖,๕๖๔ บาท
    วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
    คุณดวงใจ ศรีทองได้เข้ากราบเรียนหลวงตาฯ ณ สวนแสงธรรม ถึงความคืบหน้าในการสร้างวัดฯ หลวงตา จึงให้ชื่อวัดโดยสมบูรณ์ว่า" วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน"
    ๒๕๓๘
    วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
    [​IMG] ห ลวงตาฯได้มีเมตตาเดินทางมาเยี่ยม วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน เป็นครั้งแรก และได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้ที่วัด ๑ ต้น เป็นปฐมฤกษ์ ท่านได้ปรารภว่า "นี่สร้างวัดนี้แล้ว มันก็เป็นประโยชน์กว้างขวางเป็นหัวใจคน คือ วัดเป็นหัวใจชาวพุทธเรา ที่นี่เป็นที่เหมาะสมด้วยการเข้าออก ไม่ลำบากลำบน ภาวนาสบาย ๆ"


    วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
    ข้าราชการ พลเรือน ตชด. และอาจารย์ คณะนักศึกษา จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ได้ร่วมกันปลูกป่าขึ้นเป็นครั้งแรก
    วันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘
    คณะศิษย์ได้จัดให้มีการทอดกฐินขึ้นเป็นปีแรก
    ๒๕๓๙
    จัดทำโครงการสร้างเสริมพระเกียรติคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ร่วมเทิดพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์สมบัติครบ ๕๐ ปี
    วันที่ ๙-๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
    ทางวัดฯ และค่ายพระพุทธยอดฟ้า จังหวัด กาญจนบุรี ได้ร่วมกันจัดโครงการบรรพชาและอุปสมบท ตชด. จำนวน ๒๖๓ รูป ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี โดยจัดบรรพชาและอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดนรนาถสุนทริการาม เทเวศร์ กรุงเทพฯ เสร็จแล้วเดินทางมาฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
    วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
    ข้าราชการ พลเรือน ตชด. และอาจารย์ คณะนักศึกษา ได้ร่วมกันปลูกป่าเพิ่มเติม ในโอกาสวันวิสาขบูชา
    วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
    เป็นวันอุดมมงคลที่หลวงตาฯได้เมตตาเป็นประธานในพิธีเททองหล่อ "พระพุทธกาญจนาภิเษก" พระพุทธปฏิมาประธานแห่งวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ณ สำนักสงฆ์สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งที่มาแห่งองค์พระพุทธปฏิมาประธานนี้มาจาก ฯพณฯ ดร.เชาวน์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรีได้แจ้งให้พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร เจ้าอาวาสทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่พระราชทานแด่หลวงตาฯ (เป็นชื่อที่นิยมเรียกในหมู่ศิษย์ของพระราชญาณวิสุทธิโสภณ) เพื่อเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ โดยได้กำชับให้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด และทางอธิษฐานให้หายจากพระอาการประชวรด้วยโรคทางพระหทัย พร้อมกับพระราชทานนามว่า "พระพุทธกาญจนาภิเษก" การนี้ทรงมีพระกรุณาโปรดเล้าฯ ให้จัดหานายช่างออกแบบและควบคุมการหล่อเป็นพิเศษ เพื่อให้งานสร้างพระพุทธรูปเสร็จตรงตามพระราชประสงค์ทุกประการ
    วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
    หลวงพ่อพระอาจารย์จันทร์ ได้อัญเชิญพระพุทธกาญจนาภิเษก จากโรงหล่อไปประดิษฐาน ณ วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
    ๒๕๔๑
    วันที่ ๑ เมษายน- ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
    โครงการบรรพชา - อุปสมบทถวายเนื่องในโอกาส ๙๐ ปี สมเด็จพระมหาเมนุวงศ์ และ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่บรมราชวงศ์จักรีไทย ครบ ๒๑๖ ปี โดยข้าราชการกองทัพเรือและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
    หลวงพ่อพระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร และ คณะศิษย์ฯ โดยคุณหมอสมศักดิ์ วัฒนาศรีได้เดินทางไปถวายทองคำหนัก ๑๐๘ บาท แด่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี เพื่อนำเข้าโครงการช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ทั้งหมดนี้ นั้นเป็นความเป็นมาและกิจกรรม-โครงการตามลำดับเวลา ที่เริ่มตั้งแต่การถวายที่ดินของคุณดวงใจ ศรีทอง แด่หลวงตาฯ จนกระทั่งสำเร็จในรูปเป็นร่างอยู่ในปัจจุบันตามที่พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร ท่านได้รับถวายงานเพื่อสนองพระคุณตามบัญชาของหลวงตาฯ ในการสร้างวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน แห่งนี้แต่ต้นมา และงานพัฒนาทางอาคาร-สถานที่ก็ได้สำเร็จลุล่วงไปโดยมากแล้วในปัจจุบัน โดยได้ดำเนินตามแนวทางของวัดป่าฯ ไว้โดยเคร่งครัดและมีรายละเอียดในลำดับต่อไปดังนี้
    งานพัฒนาวัด สิ่งก่อสร้าง/อาคาร
    1. กุฏิพระ ๑๓ หลัง
    2. โรงซักย้อม ๑ หลัง
    3. ศาลาปักกลดปฏิบัติธรรม ๒ หลัง
    4. ห้องน้ำ ๔ หลัง
    5. ศาลาหอฉัน ๑ หลัง
    6. รั้วรอบวัดและประตูวัด
    7. ศาลาเมตตาท่านเจ้าคุณมหาบัว ญาณสัมปันโน ๘๔ ปี
    สถานที่
    1. ปรับพื้นที่เชิงเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งอาคารประดิษฐานพระพุทธกาญจนาภิเษกในปัจจุบัน
    2. ดำเนินการปลูกป่า ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมาทุก ๆ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๘
    3. ขุดสร้างสระกักเก็บน้ำ ให้ชื่อว่า "สระบัวพ้นน้ำ" ขนาด ๔๐x ๗๐x ๔ เมตร
    4. ขุดเจาะบ่อบาดาล
    <HR SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><!-- InstanceEndEditable --></TR><TR><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffcc00 height=86> </TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    <HR SIZE=1>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    หลวงตาฯเยี่ยมวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
    [​IMG]
    วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
    หลวงตาฯได้มีเมตตาเดินทางมาเยี่ยม วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน เป็นครั้งแรก..
    หลวงตาฯ ได้กล่าวว่า
     
  4. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ประมวลภาพข่าวของเราที่ท่านเมตตามาเยี่ยมให้โอวาทธรรม</TD></TR><TR><TD>12 ธันวาคม 2549 : หลวงตาพระมหาบัวฯ เมตตาเยี่ยมวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD>วันที่ 12 ธันวาคม 2549 หลวงตาพระมหาบัว ฯ ได้เมตตาเยี่ยมวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ(วัดเสือ) ในระหว่างที่ท่านมาพำนักอยู่ที่กรุงเทพ ในภาพคือพระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) เจ้าอาวาส และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี (นายอำนาจ ผการัตน์) ได้รอรับหลวงตาทันทีที่ท่านทราบข่าว หลวงตาท่านได้เมตตายืนดูเสือใหญ่ 2 ตัวคือเหิรฟ้าและเตโช ซึ่งรอคอยหลวงตาอยู่ข้างทางเดิน หลวงตาท่านยังได้เมตตาเดินไปดูเสือทั้งหมดที่อยู่ในกรงและลูกหมีแมมแมม ตลอดจนเหยี่ยวพิการ จากนั้นท่านจึงได้เดินไปที่ศาลาใหญ่ ซึ่งตลอดทางเดินได้มีสัตว์ป่ามากมาย อาทิ ม้าป่า กระทิง ละมั่งและหมูป่า พยายามเดินมาใกล้ๆท่าน

    ที่ศาลาใหญ่ หลวงตาฯท่านได้เทศน์และสนทนา โดยมีเสือน้อย 2 ตัวที่เพิ่งเกิดชื่อฟ้าใหม่และแสงทองได้นำมาอยู่บนศาลาด้วย แสงทองได้คลานมาใกล้หลวงตาฯและหลับไปอย่างมีความสุข ขณะที่ฟ้าใหม่เดินไปทักทายกับคณะผู้ติดตามอย่างกล้าหาญสร้างความรื่นรมย์ให้กับทุกท่าน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2007
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD> กรกฏาคม 2549 : ยอดแห่งธรรมที่ควรปฏิบัติ </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD><CENTER>พระธรรมเทศนาของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมฆราวาส
    เนื่องในวโรกาสที่
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
    เสด็จมาบำเพ็ญกุศล
    ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
    เมื่อเช้าวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
    ยอดแห่งธรรมที่ควรปฏิบัติ</CENTER>

    วันนี้เป็นวันมหามงคลแก่พี่น้องชาวพุทธทั้งหลายเรา โดยเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ หรือทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ กับพระสวามี เสด็จมาบำเพ็ญกุศลในวันนี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายกับวันประสูติของท่าน มีบุญกุศลเป็นสิริมงคลสำหรับวันเกิดทุกท่านทุกคน อย่าลืมวันเกิดของตน เกิดมาเพราะอะไร เกิดมาเพราะบุญเพราะกรรมของเรา เราจะตกแต่ง ให้เกิดเอาตามความต้องการไม่ได้ ต้องการด้วยอำนาจแห่งบุญแห่งกรรมทั้งนั้น วันนี้ท่านมาบำเพ็ญกุศล ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของท่าน ที่มาบำเพ็ญกองการกุศลนับว่าเป็นมงคลอย่างมากทีเดียว ให้พี่น้องทั้งหลายระลึกจำเอาไว้เป็นคติตัวอย่างอันดีงามต่อไป
    วันเกิดเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สัตว์เกิดเขาไม่รู้ว่าเขาเกิดวันไหน เดือนใด ปีใด เกิดขึ้นมาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นอะไร แต่เรานี้เกิดมารู้ว่าเป็นบุคคล เป็นคน มีชั้นวรรณะสูงต่ำ ไม่เหมือนสัตว์ทั้งหลาย คือรู้ชั้นวรรณะสูงต่ำ ซึ่งเกิดมาจากความดีงามของเรา ฉะนั้นบุญกุศลจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะหล่อหลอมจิตใจมนุษย์เราให้เป็นคนดี บาปนั้นทำลายจิตใจของเราให้ต่ำทรามลงไปโดยลำดับ จอมปราชญ์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ทรงประนามหรือตำหนิติเตียนว่าสัตว์ทั้งหลายไม่ควรทำบาป
    ดังที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์แสดงเป็นเสียงเดียวกันว่า สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ กุสลสฺสูปสมฺปทา การยังบุญกุศลให้ถึงพร้อม ๑ สจิตฺตปริโยทปนํ การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ่วจนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์ ๑ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ท่านทรงสอนไว้อย่างนี้ พวกเราเป็นชาวพุทธอย่าพากันแหวกแนว ถ้าว่าเหยียบพระเศียรก็ไม่เหมาะกับความต่ำทรามของเรา ถ้าว่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปด้วยความล่วงเกินฝ่าฝืนนั้นๆ เหมาะสมกับความชั่วช้าลามกของบุคคลผู้ไม่ละอายบาป นี้เราเป็นชาวพุทธ เป็นผู้ละอายบาปต้องระลึกข้อนี้ไว้สำคัญมากทีเดียว
    สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ กุสลสฺสูปสมฺปทา การยังกุศลศีลทานให้ถึงพร้อม ๑ สจิตฺตปริโยทปนํ การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ่วหรือผ่องใสจนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์นี้ ๑ ทั้งสามนี้เรียกว่าเป็นยอดแห่งธรรม ที่เราทั้งหลายควรนำมาปฏิบัติตามนั้น พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ท่านสอนเป็นแบบเดียวกันนี้ทั้งนั้น ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดสอนแหวกแนวไป ว่าให้พากันทำบาปมากๆ นะ ตั้งแต่ตกคลอดออกมาจากท้องแม่ คว้าศาสตราอาวุธไว้สำหรับสังหารซึ่งกันและกันให้พินาศฉิบหายตายกันทั่วโลกนี้ อย่าให้มีมนุษย์และสัตว์เหลืออยู่ในโลกนี้เลย อย่างนี้ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ท่านจึงสอนไม่ให้ทำบาป การทำความชั่วช้าลามกทั่วๆ ไป เรียกว่าเป็นบาปทั้งปวง ไม่ควรทำ เพราะการทำบาปนั้นก็คือการทำลายตัวเอง ไม่ใช่เป็นของดิบของดี การยังกุศลคือศีลทานให้ถึงพร้อมนี้ ๑ คือการบำเพ็ญกองการกุศลผลบุญทั้งหลายให้ไหลเข้าสู่ใจ เพื่อชำระซักฟอกใจและอุดหนุนใจให้ไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสมเป็นลำดับไป ๑ สจิตฺตปริโยทปนํ การอบรมจิตของตนที่มัวหมองมืดตื้อนั้นให้ค่อยมีความสว่างไสวขึ้นมา จากการอบรมมีจิตตภาวนาเป็นธรรมชั้นเอก ที่ชำระจิตใจที่มัวหมองให้ผ่องใสขึ้นมา จนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์พุทธะเต็มดวงแล้วถึงนิพพานพ้นจากทุกข์ได้โดยประการทั้งปวง
    สามภาษิตนี้เป็นพระวาจาของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่ทรงสั่งสอนสัตว์ ขอให้เราทั้งหลายได้นึกน้อมธรรมเหล่านี้มาพินิจพิจารณา ส่วนใดที่ไม่ดีให้แก้ไขดัดแปลงตนเองให้เป็นคนดีขึ้นๆ ส่วนใดที่ดีแล้วก็ส่งเสริมให้ดีโดยลำดับไป ความดีทั้งหลายนี้แหละที่จะหล่อหลอมมนุษย์เราให้เป็นคนดี อย่างน้อยเกิดมาเป็นมนุษย์ มีอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภาร มีความร่มเย็นเต็มไปด้วยเมตตา เห็นแก่จิตใจของสัตว์ทั่วโลกกัน ไม่กล้าที่จะเบียดเบียนทำลายซึ่งกันและกัน เพราะความเมตตาครอบไว้แล้วเป็นจิตใจที่อ่อนโยน
    จิตใจที่อ่อนโยนนี้เข้ากันได้หมดไม่ว่าสัตว์ว่าบุคคล เมื่อมีจิตใจอันอ่อนโยนต่อกันแล้ว ย่อมไม่ถือสูงถือต่ำ ถือความเมตตาเห็นใจเขาใจเรา หวังพึ่งซึ่งกันและกันแล้ว มีอะไรก็เฉลี่ยเผื่อแผ่ตามเกิดตามมี นี้เรียกว่าเมตตาธรรม มนุษย์เราจะสนิทสนมกันได้อย่างตายใจก็คือธรรม มีความเมตตาสงสาร เห็นแก่ใจของกันและกัน แม้สัตว์ก็ไม่เบียดเบียนทำลาย อย่าว่าแต่มนุษย์ด้วยกันเลย เป็นจิตใจที่อ่อนนิ่มไปด้วยกัน เข้าที่ไหนเข้าได้หมด คบค้าสมาคมกันนี้ทำเป็นญาติเป็นมิตร เป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายด้วยความสุจริต อ่อนโยนต่อกันนี้เข้ากันได้หมด ไปที่ไหนเข้ากันได้สนิท
    ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานนี้เราก็ไปวัดเสือ วัดนี้เขาถวายหลวงตา ที่เขาถวายหลวงตาให้เป็นวัด ก็ได้จัดหาพระมาเป็นผู้รับผิดชอบในวัดนั้น ให้ชื่อว่าวัดป่าหลวงตาบัว ในวัดนั้นมีตั้งแต่สัตว์เต็มไปหมดในวัด สัตว์เหล่านี้ส่วนมากมีแต่สัตว์ป่าออกมาอยู่ในวัดเต็มไปหมด นับแต่เสือ เสือเมื่อวานนี้ดูว่ามี ๑๖ ตัว เสือเป็นสัตว์ที่โหดร้ายทารุณทีเดียว สัตว์ทั้งหลายกลัวกันทั้งหมด บรรดาสัตว์ไม่มีใครกล้ากับเสือ แต่เสือนี้เลยกลายเป็นมิตรเป็นสหายกับสัตว์ในวัดนั้นทั้งหมด ไปที่ไหนเสือกับสัตว์เป็นเพื่อนเป็นฝูงอันเดียวกัน
    เมื่อวานนี้ได้ไปเยี่ยมเสือ แล้วก็ได้ไปพบบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ได้ไต่ถามท่านว่าสัตว์เหล่านี้มาจากทางใดบ้าง ส่วนมากต่อมากมาจากในป่า เข้ามาอยู่ในวัดเอง โดยไม่มีใครไล่ต้อนให้มา เป็นความสมัครใจของสัตว์เหล่านี้ นี่ก็เพราะความเมตตาสงสารของพระ ที่ท่านปฏิบัติต่อสัตว์ประเภทต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในวัด ท่านนำอาหารไปเลี้ยงสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ แล้วเลี้ยงเป็นประจำ สัตว์นั้นมีหลายประเภท พวกเก้งก็มี พวกกวาง พวกหมู พวกกระทิง วัวแดง แล้วยังมีอีกหลายประเภท ม้าป่า สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ป่า ลงมาเอง ลงมาอยู่ในวัดของท่าน หมูนี่เป็นร้อยๆ หลั่งไหลกันลงมา ท่านจัดอาหารเลี้ยงเขาให้อิ่มหนำสำราญกันทั่วถึง เสร็จแล้วเขาก็ยกพวกกลับไปๆ เป็นอย่างนี้เป็นประจำทุกเช้าทุกเย็น
    พอตอนเช้าก็หลั่งไหลลงมา ท่านจัดอาหารเลี้ยงเขาอิ่มหนำสำราญทั่วหน้ากันแล้ว เขาไม่รบกวน กินอิ่มแล้วเขาก็ขึ้นภูเขา พวกนกยูงก็เป็นร้อยหลั่งไหลลงมา ท่านก็เลี้ยงดูเหมือนสัตว์ทั่วๆ ไป กินอิ่มแล้วเขาก็ขึ้นภูเขาไป พวกที่ไม่ขึ้นกินแล้วนอน กรแล้วนิน พวกขี้เกียจขี้คร้านเหมือนอย่างลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้ มากินแล้วไม่ขึ้นก็มีและอยู่ในวัดนั้นมีเยอะนะ ประเภทลูกศิษย์หลวงตาบัว ขี้เกียจขี้คร้าน กินแล้วนอนกรแล้วนิน สัตว์พวกนี้มากินก็เลยนอนใจ ทีแรกมากินแล้วขึ้นเขาๆ ครั้นต่อมากินแล้วมองเห็นดูว่ามีเสื่อมีหมอน หรือไม่มีเสื่อมีหมอนนอนกันดาดาษก็ได้ ไม่ขัดข้องอะไร เขาก็เลยดาดาษอยู่ตามนั้น
    เมื่อวานนี้ไปดู กระทิงก็มานอนอยู่ในนั้น วัวแดงมา พวกหมู ที่เห็นชัดเจนมีหลายประเภท ส่วนมากจะมีแต่สัตว์ป่าลงมาอยู่ที่นั่นเอง จากอำนาจแห่งความเมตตาของท่านเลี้ยงดูเขาทั่วถึงมาตลอด สัตว์เลยหลั่งไหลมาอยู่ที่นั่น เสือนี่ ๑๖ ตัว เสือเป็นสัตว์ที่โหดร้ายทารุณ กลับกลายเป็นเพื่อนเป็นฝูงกับสัตว์ทั้งหลายในวัดนั้นไปเสียหมดนะ เสือกับสัตว์ ทั้งหลายเหล่านั้นเป็นเพื่อนฝูงกัน เล่นกันอย่างสะดวกสบายเลย นี่เราเคยเห็นไหม คือเสือนี่เป็นสัตว์ที่มีอำนาจ สัตว์ทั้งหลายกลัวกันทั้งนั้น แต่สัตว์ในวัดป่าหลวงตาบัวนี้กลายเป็นเพื่อนฝูงกัน เสือไปที่ไหนกับสัตว์เหล่านั้นเล่นกันสนุกสนานทีเดียว พวกวัว พวกควาย พวกสัตว์ต่างๆ กับเสือนี่เป็นเพื่อนฝูงกัน
    นี่เพราะอำนาจแห่งเมตตาธรรมเลี้ยงดูเข้ากันได้หมด เป็นมิตรเป็นสหายประหนึ่งว่าพึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ เราก็เห็นได้ชัด อย่างที่วัดป่าหลวงตาบัว สัตว์ประเภทต่างๆ เมื่อถามดูแล้วมีตั้งแตสัตว์ป่า เขาลงมาเองนะ ลงมาเอง มาเต็มอยู่ในวัดนั้น ไม่ใช่ใครไปไล่ไปต้อนเขามานะ เขามาเอง ทีแรกก็ได้อาศัยกินอาหาร เห็นเพื่อนฝูงกินคงไปบอกไปเล่ากันฟังละท่า เหมือนพวกมนุษย์เราที่ปากเปราะๆ นี่แหละ พออะไรๆปั๊บนี้ปากเปราะพูดกัน คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ส่งเสียงกระจาย ทุกวันนี้ยิ่งมีวิทยุ ดังที่อยู่ปากหลวงตาบัวเวลานี้ พูดนี้กระเทือนทั่วประเทศไทย
    สัตว์เหล่านั้นเขาก็พูดกระซิบกระซาบกัน ว่าวัดป่าหลวงตาบัวดีนะ มีสมบูรณ์พูนผล มีทุกสิ่งทุกอย่างเลี้ยงดู ใครหิวโหยให้ลงไป เขากระซิบกระซาบบอกกัน เพราะฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงหลั่งไหลลงมา หมูก็เป็นร้อยๆ นกยูงเป็นร้อยๆ ลงมากินอิ่มหนำสำราญแล้วขึ้นไป พวกขี้เกียจขี้คร้าน เหมือนลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้กินแล้วนอนเกลื่อนอยู่ตามวัดมีเยอะนะ นี่เพราะอำนาจแห่งความเมตตา เราสรุปความว่าธรรมนี้ไปที่ไหนสมานได้หมด ไม่มีข้าศึกศัตรูต่อกัน ข้าศึกศัตรูต่อกันนี้ได้แก่กิเลสตัวเป็นฟืนเป็นไฟ ตัวเป็นพิษอันร้ายแรง แม้แต่มนุษย์อยู่ด้วยกันก็เข้ากันได้ไม่สนิท เพราะอำนาจแห่งกิเลสตัวนี้ พาให้ระเวียงระแวง ไม่ระวังไม่ได้ ฆ่ากันฉิบหายป่นปี้ไปหมด แต่เมตตาธรรมไปที่ไหนเป็นเพื่อนเป็นฝูงซึ่งกันและกัน
    ยกตัวอย่างอย่างวัดป่าหลวงตาบัว เมื่อวานไปแล้วได้พินิจพิจารณา เรายิ้มแย้มแจ่มใสกับเขา อนุโมทนา ท่านจันท่านเป็นท่านผู้มีนิสัยวาสนาประเภทหนึ่ง เข้ากันได้กับสัตว์ทุกประเภท ท่านเลี้ยงดูได้หมด วัดนั้นเลยเป็นวัดเลี้ยงสัตว์ไปหมดนะ แทนที่จะเป็นวัด บำเพ็ญกองการกุศล เดินจงกรมนั่งสมาธิ เลยกลายเป็นเดินดูสัตว์ นั่งก็นั่งดูสัตว์ สัตว์ตัวนั้นหิวหรือสัตว์ตัวนี้อิ่ม ตัวไหนมาก็ดูนั้นดูนี้ เลยเดินจงกรมเที่ยวทั่วทั้งวัด เดินดูสัตว์ดูสิงห์อะไรต่างๆ ตัวไหนอะไรขาดเขินอะไร บกพร่องอะไรให้อาหารกิน แทนที่จะนั่งสมาธิหลับตา กลายเป็นนั่งลืมตาดูแต่สัตว์ ตัวไหนบกพร่องหิวโหยอะไรก็มา หลั่งไหลมา วัดนั้นจึงเต็มไปแต่สัตว์ทั้งนั้นแหละ
    นี่อำนาจแห่งความเมตตา สัตว์ป่าเราก็ไม่เคยได้เห็น เช่น ม้าป่า เราก็ไม่เคยได้ยิน แต่ได้ไปเห็นแล้วเมื่อวานนี้อยู่ในวัด ม้าเหล่านี้มาอย่างไร บอกม้าป่าทั้งนั้น เขาลงมาอยู่ที่นั่น พวกแพะหรือพวกแกะอะไรเหล่านี้มีทั้งนั้น ถามแล้วว่ามาจากป่าทั้งหมด เขาลงมาเอง พวกหมูก็ยั้วเยี้ยๆ พวกกินแล้วไม่ขึ้นเขาพวกนี้ พวกขึ้นขึ้นไปจำนวนมากเป็นร้อย ๆ ขึ้นบนเขา พวกไม่ขึ้นก็ต้วมเตี้ยมๆป้วนเปี้ยนอยู่ตามนั้นแหละ อาศัยความเมตตาของพระ ท่านเลี้ยงดูเป็นอย่างดีๆ วันหนึ่งๆ ท่านก็เป็นภาระสำหรับเลี้ยงดูสัตว์เหมือนกัน แทนที่จะได้เดินจงกรมนั่งสมาธิ กลายเป็นเที่ยวดูสัตว์ไป
    นี่ก็เป็นนิสัยวาสนาประเภทหนึ่งของแต่ละบุคคล ใครจะไปเสกสรรปั้นยอให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ มันหากเป็นตามนิสัยของแต่ละรายๆ ไป เช่นอย่างท่านจันนี้ท่านมีนิสัยวาสนาเกี่ยวข้องกับสัตว์ด้วยความเมตตาอย่างกว้างขวาง สัตว์ที่ไหนมาเข้ากันติดหมดๆ เสือกับสัตว์ซึ่งเคยเป็นข้าศึกต่อกันกลายเป็นมิตรเป็นสหายกันไปได้หมดทั่วทั้งวัด นี่ฟังซิอำนาจเมตตาธรรม ไม่ได้ถือกันแหละ พวกสัตว์ที่เคยเป็นข้าศึกต่อกันก็กลายเป็นมิตรเป็นสหาย เช่นอย่างเสือกับสัตว์ทั้งหลายนี้เข้ากันได้เมื่อไร แต่นี้เข้ากันได้สนิท ถึงกันไปหมดเลย ทั้งสัตว์ ทั้งเสือ ทั้งเนื้อเต็มไปหมด
    นี่อำนาจแห่งธรรมแยกออกมาเป็นเมตตาธรรม ธรรมแท้กระจายทั่วโลกดินแดน แยกออกมาเป็นแขนงก็เมตตาธรรมเป็นสำคัญ ถ้าคนเรามีเมตตาต่อกันแล้วไปที่ไหนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน เมตตาแล้วย่อมทำให้มีการเสียสละขึ้นมา สงสารเห็นเขาบกพร่องก็อยากสงเคราะห์สงหา นี่ละเมตตาธรรมออกมาแล้วการเสียสละ การเห็นแก่ใจการก็ออกมาตามๆ กัน สงเคราะห์สงหากัน ดังที่วัดป่าหลวงตาบัวนั้นมีตั้งแต่ ความเป็นอยู่ของสัตว์ เป็นอยู่ด้วยความเสียสละ จากความเมตตาของพระทั้งนั้นเต็มไปหมด
    นี่เราดูเอา ธรรมไปไหนไม่มีคำว่าร้าวรานหรือแตกร้าว ไม่มี มีแต่ความสนิทสมัครสมานให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีความแน่นหนามั่นคงต่อความเชื่อถือกันมากขึ้นๆ โดยลำดับ เราให้มาพิจารณา ถ้าเราไม่มีเมตตาธรรม มีแต่ความตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ได้แก่เอา เห็นแก่คดแก่โกงแก่รีดแก่ไถแล้ว ให้ไปกราบสัตว์เหล่านั้นเสีย สัตว์อยู่ในป่านั้น เขาเลี้ยงดูกัน พวกเสือพวกสัตว์เขาเป็นมิตรเป็นสหายกัน เราเป็นมนุษย์อยู่ร่วมกันไม่มีเป็นมิตรเป็นสหายได้ คอยตั้งแต่ที่จะเอารัดเอาเปรียบรีดไถคดโกงต่างๆ นี้เลวกว่าสัตว์เหล่านั้น ถ้าว่าหมาก็มีเมตตาต่อกัน มันเลวกว่าหมาไปอีก มันถึงเป็นอย่างนั้น
    ใจของใครที่เลวกว่าหมาให้แก้ไขดัดแปลงตน ให้คืนมาสู่ร่างมนุษย์ตามเดิม เวลานี้มันเป็นมนุษย์แต่ร่าง จิตใจเป็นสัตว์สาลาสิงห์ ร้ายกว่าหมาไปอีก คอยเอารัดเอาเปรียบ นี่คนไม่มีธรรมในใจเป็นอย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหนคับแคบตีบตัน เห็นแก่ได้แก่เอา แม้แต่มาวัดนิสัยอันนั้นก็ติดมา เข้ามาในวัดนี้แทนที่จะมาเสียสละทำบุญให้ทาน กลับกลายมากอบมาโกย มาย่องนั้นย่องนี้ มาอาศัยวัดเป็นที่หาอยู่หากิน คดโกงรีดไถประเภทต่างๆ ตามนิสัยคนเลวนั่นแหละ มันมีอยู่ทั่วๆ ไป ให้ท่านทั้งหลายได้นำไปพิจารณา
    นี่ละขึ้นชื่อว่าภัย กิเลสตัวนี้ไปไหนต้องเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้แก่เอา ได้ช่องไหนมีช่องว่างเอาเลยๆ นี่เรื่องของกิเลส ไปไหนไม่มองดูหน้าใคร จะมองดูตั้งแต่พุงของตัว ใจของตัวเท่านั้นเท่านั้น ถ้าเป็นธรรมแล้วมองไปที่ไหนเต็มด้วยเมตตา แล้วแนะนำสั่งสอนสงเคราะห์สงหากันเป็นลำดับลำดา จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธมีธรรมในจิตใจ จงเป็นผู้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน การเฉลี่ยเผื่อแผ่เป็นการสมัครสมานน้ำใจให้มีความสนิทสนมฝากเป็นฝากตายกันได้ ไม่ใช่ธรรมเล็กน้อย ให้นำไปปฏิบัติต่อตนและส่วนรวม ต่อๆ ไป โลกนี้ก็จะชุ่มเย็นไปด้วยความเมตตางสาร ความสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ไปที่ไหนจะชุ่มเย็นไปหมด
    มนุษย์อยู่ที่ไหนมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจกัน เป็นมนุษย์ที่พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ทั่วโลกดินแดนนั้นแหละ ถ้าไม่มีเมตตาเสียอย่างเดียว แม้แต่ผัวเมียก็ทะเลาะกัน ลูกเต้าหลานเหลนโคตรใดสกุลใดก็ตาม ถ้ามีแต่กิเลสความเห็นแก่ตัวอย่างเดียวแล้วทำลายกันได้ แม้ที่สุดสามีภรรยาอยู่ร่วมกัน มีเมียหนึ่ง พอเมียเผลอมันก็ไปหาอีสาวนั่นน่ะ อีสาวนี้งามอีสาวนี้สวย ด้อมๆมองๆ ไป กลับมาเมียก็ถาม ถามว่านี่ไปไหน เมื่อคืนนี้หายหน้าไป มันจะแกตัวทันทีว่า ไปฟังเทศน์ ไปฟังเทศน์อีสาวนั่นน่ะ
    เมื่อหลายครั้งหลายหน คนต่อคนมันก็จับพิรุธกันได้คนเรา แล้วก็ร้าวรานกันขึ้นละทีนี้ ทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้น มากกว่านั้นแตกจากกัน นี่คือความเห็นแก่ตัว เมียของเราก็มีแล้วเหมือนเมียทั่วๆ ไป ผัวของเรามีแล้วเหมือนผัวทั่วๆ ไป ทุกสิ่งทุกอย่างมีครบด้วยกัน ทั้งหญิงทั้ชาย มีครบสมบูรณ์แบบที่จะปฏิบัติต่อกันตามวิสัยของมนุษย์ผู้มีกิเลสตัณหาจะปฏิบัติต่อกันด้วยความมีธรรมเป็นเครื่องครอบงำจิตใจ ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ฝากเป็นฝากตายต่อกัน แต่มันกลับไปเป็นอย่างนั้น เพราะกิเลสมันแอบหากินตามธรรมนั้นแหละ กิเลสไปที่ไหนร้าวรานอย่างน้อย จากนั้นแตกแยกกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้พากันจำเอานะ
    ใครก็มีลูกมีผัวมีเมียทุกคน ผัวใครใครก็รัก เมียใครใครก็รัก ให้เห็นน้ำใจว่ามีคุณค่ามาก เราเกิดมายังมีคนรักเรา เมียผัวก็ยัง ให้เห็นใจเมียที่รักผัว ให้เห็นใจผัวที่รักเมีย อย่าคดอย่าโกง อย่าหลบๆหลีกๆ ปลีกตัว หาทำความทุจริตเอาฟืนเอาไฟมาเผากัน ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ฝากเป็นฝากตายต่อกัน แล้วจะเป็นสุขทุกครอบครัวนั้นแหละ ความมีความจนเราเกิดมากับโลกอนิจจังจะให้สม่ำเสมอกันไม่ได้ มันต้องเป็นธรรมดา แต่อย่าให้บอบช้ำทางน้ำใจ บอบช้ำทางน้ำใจนี้บอบมากช้ำมากทีเดียว ช้ำลึกที่สุด ถอนไม่ขึ้น คือบอบช้ำทางจิตใจ เฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสามีภรรยา เมื่อไว้ใจกันไม่ได้แล้วเรียกว่าสร้างฟืนสร้างไฟเผาไหม้กันให้บอบช้ำจนกระทั่งวันตายก็ไม่มีวันลืม
    จงพากันจำทุกคนไปปฏิบัติให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน เป็นอย่างไรก็เป็นเมียของเรา อย่างไรก็ผัวของเรา กรรมของเรานิยมมาอย่างนี้ ให้เรารักเราชอบเอง ไม่มีใครให้รักให้ชอบทั้งสามีภรรยา เป็นความสมัครใจต่อกันแล้วให้ปลูกฝังหลักใจอันนี้ไว้ อย่าให้จืดจาง ซื่อสัตย์สุจริตต่อกันจนกระทั่งถึงวันตายนั้นแหละ เป็นความดีงาม วันนี้ได้เทศนาว่าการให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายฟัง ขอได้นำไปประพฤติปฏิบัติ แล้วจะพากันมีความสงบร่มเย็น บัดนี้ก็แสดงธรรมเพียงเท่านี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

    <CENTER>รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
    www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
    และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
    FM 103.25 MHz</CENTER>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  6. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE borderColor=#999966 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" bgColor=#ffffff>
    วลาของพระอาจารย์จันทร์ ~ เวลาแห่งเมตตาธรรม..
    ที่..ท่านให้กับทุกชีวิต
    ที่...เข้ามาสัมผัส
    [​IMG]
    3.00 - 6 .0 0 น. ปฏิบัติภาวนา :
    พระอาจารย์จะตื่นประมาณตี 3 และปฏิบัติภาวนาแผ่เมตตาและเดินจงกรม เป็นประจำจนกระทั่งเช้าของวันใหม่
    6.30 - 7.30 น. ออกบิณฑบาตร :
    เป็นเวลาที่ท่านออกบิณฑบาตรในหมู่บ้าน ถ้าร่างกายของท่านเป็นปกติ ( เนื่องจากพระอาจารย์เคยได้รับอุบัติเหตุในระหว่างสร้างศาลา ท่านได้เหยียบไม้กระดานที่วางพาดไว้ จึงได้ตกลงมากระแทกพื้นชั้นล่าง โดยท่านได้กำหนดตกลงในท่ายืน ทำให้กระดูกหลังและสะโพกโดนกระแทกอย่างแรง) ฉะนั้นถ้าวันใดที่ท่านปวดหลังมากจนไม่สามารถออกเดินบิณฑบาตร ท่านก็จะมานั่งที่บริเวณหน้ากรงเสือ (ศาลาเล็ก 8 เหลี่ยม) เพื่อนั่งแผ่เมตตาดูแลสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    8.00 - 11.00 ฉันอาหารและรับญาติโยมที่ศาลา :
    พระอาจารย์จะไปที่ศาลาใหญ่เพื่อฉันอาหารมื้อเดียวของท่าน เวลา 8 น. และอยู่สนทนากับญาติโยม นักท่องเที่ยวหรือหมู่คณะที่มาทำบุญสนทนาธรรมกับท่าน จนทุกท่านลากลับหมด ท่านจึงกลับกุฏิของท่าน
    11.30 - 12.30 พัก : เป็นเวลาพักผ่อนของท่านที่กุฏิ
    13.00 - 17.00 เป็นเวลาของเสือ :
    เป็นเวลาที่ท่านจะให้กับเสือ โดยท่านจะพาเสือทั้งหลายไปออกกำลังที่หุบเสือ ดูแลเสือให้ถ่ายรูปกับผู้คนที่เข้ามาร่วมโครงการสร้างบ้านใหม่ให้เสือ
    17.00 - 17.45 ให้อาหารสัตว์ป่า :
    ท่านจะนำเสือกลับเข้ากรง และให้อาหารสัตว์ป่ามากมายที่หลั่งใหลลงมาจากภูเขา จากนั้นท่านก็จะขึ้นไปสรงน้ำที่กุฏิของท่าน
    17.45 - 18.45 ดูแลมูลนิธิฯ พนักงาน และสถานีวิทยุ :
    ท่านจะออกมาที่สำนักงานมูลนิธิฯ (อยู่หน้าวัด) เพื่อตรวจดูแลความเรียบร้อยของมูลนิธิฯ ตลอดจนอบรมพนักงาน และก็ดูแลสถานีวิทยุของมูลนิธิฯ ( FM 93.25 MHz )
    18.45 - 21.00 อบรมการนั่งสมาธิและเจริญภาวนา :
    ท่านจะมาที่ศาลาใหญ่ เพื่ออบรมการนั่งสมาธิและเจริญภาวนาแก่พระภิกษุ และฆราวาสที่มาปฏิบัติธรรม และอบรมการนั่งสมาธิเป็นภาษาอังกฤษถ้ามีผู้สนใจปฏิบัติธรรมหรืออาสาสมัครที่เป็นชาวต่างประเทศ
    21.00 - 24.00 เจริญภาวนาส่วนองค์ท่าน : ท่านจะกลับกุฏิเพื่อเจริญภาวนาส่วนองค์ท่าน
    00 .00 - 03 .00 พักธาตุขันธ์ : เป็นช่วงเวลาจำวัด ( นอน ) ของท่าน
    </TD><!-- InstanceEndEditable --></TR><TR><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffcc00 height=86> </TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    <HR SIZE=1>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  7. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]

    เว็บไซต์วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
    ที่นี่
    http://www.tigertemple.org/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2007
  8. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    594
    ค่าพลัง:
    +3,843
    คุณแดนเอาของดีๆมาให้อ่านอีกแล้ว อนุโมทนาครับ ผมเคยไปที่นี่ครั้งหนึ่งเสือกำลังหงุดหงิดมากเพราะอากาศร้อน พระท่านไม่ให้ส่งเสียงดังแต่คนไทยนะครับฟังภาษาไทยไม่เข้าใจส่งเสียงเหมือนไปสวนสนุกในขณะที่ฝรั่งเขาเงียบและพระท่านยอมให้ฝรั่งเข้าไปใกล้และจับเสือได้เท่านั้น ฝากเตือนสำหรับผู้ที่จะไปด้วยนะครับ อายฝรั่งเขาบ้าง
     
  9. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    บุญใหญ่ใครสร้าง บุคคลนั้นย่อมได้รับผลอย่างแน่นอนขอรับ


    อนุโมทนาบุญด้วยขอรับ
     
  10. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ร่วม [​IMG] อนุโมทนาบุญด้วยครับ.^./|\.^. [​IMG]
     
  11. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ขออนุญาติแจ้งข่าวด่วน
    การสูญเสียพระเถระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายกรรมฐาน


    [​IMG] ท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต
    วัดป่าดงคล้อ ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มรณภาพแล้ว
    จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
    ส่วนท่านพระอาจารย์เฉลิม ธมฺมธโร บาดเจ็บสาหัส
    รายละเอียดจะรายงานให้ทราบในลำดับต่อไป...


    เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 มิถุนายน ท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต และท่านพระอาจารย์เฉลิม ธมฺมธโร ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะเดินทางได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากฝนตกหนักและมีถนนลื่น รถยนต์จึงเสียหลักทำให้รถหมุนและตกถนนไปชนกับต้นไม้ จึงเป็นเหตุให้ท่านพระอาจารย์เฉลิม ธมฺมธโร แขนหัก ส่วนท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต ได้รับความกระทบกระเทือนทางร่างกายเป็นอย่างมากและมีอาการบาดเจ็บจากการกระแทกที่บริเวณศรีษะ ทางคณะที่ร่วมเดินทางจึงนำท่านส่งโรงพยาบาล จากนั้นเวลาประมาณ 21.00 น. ท่านก็มรณภาพ





    [​IMG]

    พระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต วัดป่าดงคล้อ ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

    [​IMG]

    พระอาจารย์เฉลิม ธมฺมธโร วัดป่าภูแปก ต.หนองงิ้ว อ.วังสะพุง จ.เลย

    ท่านพระอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน
    เป็นศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด

    ท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต
    เป็นกำลังสำคัญในการช่วยงานหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ครั้งโครงการช่วยชาติ
    ปัจจุบันท่านเป็นพระที่ช่วยโครงการสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนในทั่วภูมิภาค
    การมรณภาพจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้
    เป็นการสูญเสียพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบระหว่างปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุ


    *หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ให้นำร่างของท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต
    มาบำเพ็ญกุศลใว้ที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ
    ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2550 รดน้ำศพเย็นวันนี้ ค่ำสวดพระอภิธรรม


    ส่วนกำหนดการประชุมเพลิงศพจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป.
    สวนแสงธรรม โทร. 02-444-2812



    เรียนเชิญศิษยานุศิษย์ร่วมรดน้ำศพพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต
    ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ
    ในเย็นวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ช่วงค่ำพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมศพ
    (ขณะนี้ครูบาอาจารย์เดินทางมาถึงสวนแสงธรรมแล้ว)

    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________




    ประมวลภาพงานรดน้ำศพท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตโต
    ที่ศาลาสวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ

    ในวันที่ 19 มิถุนายน 2550
    http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=1652


    แจ้งกำหนดการประชุมเพลิงศพท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตโต ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2550
    ณ.วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ประทุมธานี เวลา 16.00 น.
    โดยมีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมตตาเป็นประธานในพิธี
    จึงขอเรียนเชิญศิษย์ยานุศิษย์ที่เคารพศรัทธาต่อท่านพระอาจารย์ชิต ฐิตจิตโต และองค์หลวงตามหาบัว มาร่วมงานในวันและเวลาดังกล่าว

    รายละเอียดที่นี่
    www.watpa.com
    http://larndham.net/index.php?showtopic=26757&st=5<!-- / message -->​
     
  12. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE borderColor=#999966 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" bgColor=#ffffff>
    [​IMG]
    ข่าวประชาสัมพันธ์ ที่ ๓/๒๕๔๙
    [​IMG]

    11 กรกฎาคม- 7 ตุลาคม : เทศกาลเข้าพรรษาปี 2549 ที่วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ

    เทศกาลเข้าพรรษาปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม รวม 3 เดือนของช่วงฤดูฝน พระสงฆ์จะต้องอธิษฐานอยู่จำพรรษาในวัดใดวัดหนึ่งตลอดพรรษา 3 เดือน
    ปีนี้ที่วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา รวม 10 รูป และสามเณร 1 รูป และเป็นประเพณีที่พระป่าจะรับอาหารมื้อเดียวของท่านโดยการบิณฑบาตในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ดังนั้นพระภิกษุที่วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ จะเดินบิณฑบาตที่บริเวณหน้าวัดในเวลา 8 โมงเช้า (หลังจากที่พระท่านได้กลับจากบิณฑบาตในหมู่บ้านแล้ว)
    หลักสำคัญของการทำบุญในช่วงเข้าพรรษาสำหรับสาธุชนโดยทั่วไป ไม่เพียงแต่การทำบุญให้ทาน แต่ยังรวมถึงการรักษาศีล 5 ศีล 8 โดยเคร่งครัด การฟังธรรม และการเจริญสมาธิภาวนา บุญนี้ก็จะคงอยู่และสืบทอดในจิตใจตลอดไป
    กรุณาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานมูลนิธิ ฯ โทร 034-531-557
    หรือ ที่ Webmaster@tigertemple.org
    </TD><!-- InstanceEndEditable --></TR><TR><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffcc00 height=86> </TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    <HR SIZE=1>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  13. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ท่านใดที่ไปจังหวัดกาญจนบุรี หรือแถวอำเภอไทรโยค อย่าลืมแวะวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน นะครับ เข้าไปกราบหลวงปู่จันทร์ กันนะครับ และไปดุเสือของหลวงตาเยอะมากเลยครับ ไม่ดุครับ
    แผนที่นะครับ...

    [​IMG]
     
  14. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE borderColor=#999966 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" bgColor=#ffffff>วัดป่าหลวงตามหาบัว ร่วมแสดงนิทรรศการในวันวิสาขบูชาที่ท้องสนามหลวง


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    16-22 พฤษภาคม 2548 มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในวันวิสาขบูชา ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ โดยร่วมกับวัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี วัดป่าภูมิทัดตปฏิปทาราม จ. ปทุมธานี วัดพิชัยพัฒนาราม ( วัดเขาน้อยสามผาน) จ. จันทบุรี และวัดอโศการาม จ. สมุทรปราการ ในปีนี้คณะศิษย์หลวงตาฯ ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในหัวข้อเรื่อง​
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา</TD></TR><TR><TD>11 เมษายน 2550 : วันที่ไม่มีคำว่า
     
  16. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา</TD></TR><TR><TD>12 สิงหาคม 2549 : น.ส.พ.เดลินิวส์ ลงข่าว
     
  17. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา</TD></TR><TR><TD>11 กุมภาพันธ์ 2550 : มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ร่วมงานบุญประทายข้าวเปลือก วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD>วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2550 มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ร่วมตั้งโรงทาน ในงานบุญประทายข้าวเปลือก ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นงานบุญประเพณี โดยหลวงตาพระมหาบัว ได้เมตตาให้จัดตามประเพณีที่ชาวบ้านได้ทำสืบต่อกันมาช้านาน โดยจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้จากการแลกข้าวเปลือกและจากผู้ร่วมบุญถวายท่านในงานบุญนี้ หลวงตาพระมหาบัว ฯ ให้นำไปสงเคราะห์โลก ซึ่งท่านได้เมตตาให้แก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศ (ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของโครงการ
     
  18. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา (ประมวลภาพ)</TD></TR><TR><TD>5 พฤศจิกายน 2549 : วันทอดกฐินสามัคคีของวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ประจำปี 2549 </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD>พิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2549 ณ วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน คณะเจ้าภาพได้กำหนดทอดในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน โดยมี พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมย์ เป็นประธานกล่าวนำถวายผ้ากฐิน คณะศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศได้มาร่วมบุญกฐินในวันนั้นอย่างหนาแน่น บางคณะมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ ก็ต้องคอยหน้าประตูวัด เพราะพระท่านกำลังออกไปบิณฑบาตรในหมู่บ้าน

    - ตามปรกติเวลา 8.00 น. ถวายภัตตาหารเช้า แด่พระสงฆ์ที่ศาลาใหญ่
    - เมื่อพระสงฆ์สวดกล่าวรับคำกล่าวถวายภัตตาหารแล้ว ท่านจะเริ่มตักอาหารใส่ในบาตรของท่าน (ท่านฉันในบาตรและฉันมื้อเดียว) จากนั้น พระสงฆ์ก็จะสวดอนุโมทนาให้พร ฆราวาสกรวดน้ำตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและทุกจิตวิญญาณตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายในสามแดนโลกธาตุ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ตามความตั้งจิตอธิษฐานของแต่ละคน
    - เมื่อพระสงฆ์เริ่มฉันอาหาร ญาติโยมก็รับประทานอาหารตามอัธยาศัย
    - พิธีถวายกฐินเริ่มเวลา 10.09 น. โดยการกล่าวนำคำถวายผ้ากฐิน โดยประธานในพิธีและทุกคนกล่าวตาม
    - พระสงฆ์รับประเคนเฉพาะผ้าขาวทั้งหมด และสวดอุปโลกน์ คือการประกาศของคณะสงฆ์ ณ ที่นั้นให้ทราบว่ามีผู้ถวายผ้ากฐิน และคณะสงฆ์ตกลงพร้อมใจมอบถวายผ้านั้นแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบและเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสมควรแก่การรับผ้านี้คือพระอาจารย์เจ้าอาวาสพระภูสิต ขันติธโร
    - เมื่อจบการสวดอุปโลกน์ พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) รับประเคนผ้าและของที่เป็นบริวารกฐินทั้งหมดที่ถวายต่อจากผ้าขาวนี้ และคณะสงฆ์สวดอนุโมทนาให้พร เป็นอันจบพิธีการถวายผ้ากฐินสามัคคีของคณะกฐินสามัคคี

    ส่วนปัจจัย (เงิน) ที่ได้รับจากการทอดกฐินนี้ จะนำไปซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้พื้นที่สำหรับสัตว์ป่าที่เข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

    ส่วนพิธีของพระสงฆ์ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะผ้าขาวที่ถวายนี้ พระสงฆ์จะต้องทำการตัด เย็บ ย้อม เป็นผ้าสบง หรือจีวร หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่งให้เสร็จในวันนั้น (ส่วนใหญ่จะตัดทำผ้าสบง) เพื่อให้ทันถวายแด่พระอาจารย์ให้ท่านได้นุ่งห่มในวันเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นพิธีเฉพาะพระสงฆ์และสวดอนุโมทนาในค่ำวันนั้น เป็นอันเสร็จพิธีกรานกฐิน ตามเจตนาของผู้ทอดถวายกฐิน อันเป็นมหากุศลที่ประมาณมิได้ เพราะปีหนึ่งในวัดหนึ่งจะรับได้เพียงหนึ่งครั้ง ภายในช่วงเวลา 1 เดือนหลังจากออกพรรษาเท่านั้น ตามพุทธานุญาตที่ทรงให้ไว้ จึงเป็นมหากุศลยิ่งด้วยประการฉะนี้ (อ่านเพิ่มเติม :ประเพณีทอดกฐิน)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD><CENTER>ความเป็นมาของประเพณีทอดกฐิน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


     
  19. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา (ประมวลภาพ)</TD></TR><TR><TD>14 ตุลาคม 2549 : มูลนิธิฯ ร่วมเปิดโรงทานในงานมหากฐินของหลวงตาฯ </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD>
    มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ฯ ได้ร่วมงานบุญมหากฐินสามัคคี ประจำปี 2549 ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี โดยร่วมเปิดโรงทานแจกอาหารและน้ำดื่มฟรีตลอดงาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


     
  20. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=style18>ข่าวของเรา</TD></TR><TR><TD>12 สิงหาคม 2549 : มูลนิธิฯ กราบถวายหลวงตาพระมหาบัวฯ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่าน เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท </TD></TR><TR><TD><TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD>มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนและคณะศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันกราบถวายพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัวฯ เป็นจำนวนเงิน ๑ ล้านบาท เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ ๙๓ ปีของท่าน ที่วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี แล้วแต่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯจะพิจารณาตามอัธยาศัย เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ หลวงตาฯท่านนำออกช่วยโลกโดยเน้นในการช่วยสร้างโรงพยาบาล ศูนย์ดวงตา เครื่องมือแพทย์ ทั่วประเทศไทยและในประเทศใกล้เคียงคือประเทศลาว จนวัดของหลวงตาฯ (วัดป่าบ้านตาด) ได้รับการกล่าวนามว่า เงินวัดนี้ คือเงินเพื่อโลก เพราะความเมตตาอันหาประมาณมิได้ของหลวงตาฯที่มีต่อโลกนั่นเอง ดังคำเทศน์ตอนหนึ่งที่หลวงตาท่านกล่าวว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...