วัดวิษณุ .วัดพราหมณ์-ฮินดู หนึ่งเดียวในเอเชียอาคเนย์ที่มีองค์เทพครบ ๒๔ องค์

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 12 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG]

    วัดวิษณุ ตั้งอยู่เลขที่ ๕๐ ซอยวัดปรก เขตยานนาวา กทม. สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ ด้วยชาวอุตตรประเทศ จากประเทศอินเดีย เป็นวัดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพียงแห่งเดียวใน เอเชียอาคเนย์ที่มีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลักด้วยมือ จากประเทศอินเดีย ครบ ๒๔ องค์ นอกจากนี้แล้วยังเป็นวัดแม่ของวัดต่างๆ ในศาสนาฮินดูในประเทศไทย

    สำหรับสถานที่ประดิษฐาน ของเทวรูปนั้น ในโบสถ์ใหญ่ตอนกลาง มีรูปพระราม พระนางสีดา พระพรต พระลักษมณ์ พระสัตรุต พระหนุมาน พระศิวลึงค์ จากแม่น้ำนรมทา พระศาลิคราม จากแม่น้ำนารายณี หรือคัณฑกี

    ข้างขวา มีรูปพระแม่ทุรคา และข้างซ้ายมีรูปเล็กๆ พระนารายณ์ พระแม่ลักษมี พระศิวะ พระแม่ปารวตี พระพิฆเนศวร พระกฤษณะ พระนางราธา เป็นต้น หน้าพระราม (ติดกับเสา) ข้างขวาพระหนุมาน และพระคเณศ

    ในบริเวณวัดวิษณุมีโบสถ์ย่อยคือโบสถ์พระแม่ทุรคา โบสถ์พระศิวลึงค์ โบสถ์นาฏราช (อยู่ใต้ต้นโพธิ์) และโบสถ์พระหนุมาน นอกพระมณฑปข้างขวามีรูปพระพุทธเจ้าปางต่างๆ และข้างซ้ายมีพระคัมภีร์พระเวท

    สำหรับประวัติความเป็นมานั้น สมาคมฮินดูจากสภา ซึ่งเป็น สมาคมทางศาสนา ในองค์การ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ โดยชาวอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ก่อนนั้นชาวอุตตรประเทศ ได้ไปประกอบศาสนกิจต่างๆ ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ถนนสีลม

    [​IMG]

    เมื่อศาสนิกชนชาวอุตตรประเทศ เพิ่มจำนวน และสถานที่ในบริเวณวัดพระศรีมหาอุมาเทวี ไม่สามารถขยาย ตามจำนวนศาสนิกชนได้ ก็จำเป็นต้องหาสถานที่ใหม่ โดยซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง บริเวณซอยวัดปรก แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา กทม. แล้วจดทะเบียนสำนักงานใหญ่ของ สมาคม หลังจากนั้น เริ่มเรี่ยไรเงินจากชาวฮินดู ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย คนละเล็กคนละน้อยเพื่อสร้างโบสถ์

    หลังจากสร้างเสร็จแล้ว ได้อัญเชิญเทวรูปต่างๆ มาจากประเทศอินเดีย และทำพิธีประดิษฐานเทวรูป และทำพิธีเปิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ตั้งชื่อว่า สมาคมฮินดูธรรมสภา (วัดวิษณุ)

    เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้สร้างศาลาวัดวิษณุใช้ในการประชุม เพื่อประกอบศาสนกิจ บางประการ สร้างสระน้ำเก็บน้ำไว้ตลอดปี เพื่ออาบและเอาไปดื่มในบางโอกาส สมัยนั้นศาลาวิษณุเป็นโรงเรือนที่ทำด้วยไม้และหลังคาเป็นสังกะสี เมื่อศาสนิกชนได้เพิ่มมากขึ้น จึงได้ปรับปรุงโดยสร้างหลังใหม่ขึ้นดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

    [​IMG]

    ต่อมาได้สร้างโบสถ์พระศิวลึงค์ โบสถ์พระแม่ทุรคา โบสถ์พระหนุมาน ศาลาโหมกูณฑ์ ตามลำดับ เพื่อปฏิบัติกิจทางศาสนาตามจิตศรัทธาของศาสนิกชน
    จุดประสงค์ของการตั้งสมาคมฮินดูธรรมสภา คือ ๑.เผยแพร่และ ส่งเสริมศาสนา พราหมณ์-ฮินดู นิกายสฺมารฺตในกลุ่มชาวอินเดีย ที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และหรือชนชาวอื่นๆ ที่มีความสนใจในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในราชอาณาจักรไทย

    ๒.สร้างและส่งเสริมมิตรภาพกับศาสนิกชนอื่นๆ และ ๓.ร่วมมือกับกรมการศาสนา และปฏิบัติตามนโยบายและโครงการของรัฐบาลไทย
    นอกจากนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ทางสมาคมได้สร้างตึกสองชั้นและ ได้ตั้งชื่อตึกนั้นว่า ตึกหอสมุดอนุสรณ์แด่ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ย้ายหอสมุดมาอยู่ชั้นล่างภายในตึกนี้แล้ว จัดพิธีเปิดหอสมุดอย่างเป็น ทางการอีกครั้งหนึ่ง ฯพณฯ โกคเล เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย มาเป็นประธานพิธีเปิด และมอบหนังสือภาษาฮินดูจำนวนหนึ่งพันเล่มให้แก่หอสมุด ในปัจจุบันมีหนังสือประมาณ ๕,๐๐๐ เล่ม ซึ่งอำนวยประโยชน์แก่บรรดาสมาชิกและผู้สนใจทั่วไป

    [​IMG]

    ในส่วนของกิจกรรมทางศาสนานั้น ได้จัดให้มีเมรุเผาศพชาวฮินดู เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศาสนิกชนชาวพราหมณ์-ฮินดู ชาวซิกข์และชาวนามธารีไปประกอบพิธีเผาศพ และช่วยกันพัฒนาตามความเหมาะสมให้ดีขึ้น รวมทั้งจัดสถานที่พักอาศัยและสิ่งที่จำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขก ต่างเมืองในการนำเยี่ยมเยียนบุคคลและ สถาบันทางศาสนาและวัฒนธรรมตลอดถึง สถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งแขกเหล่านี้โดยปกติก็เป็นชาวอินเดียอยู่ด้วย
    ด้วยเหตุผลที่ว่า โบสถ์ของทางวัดวิษณุ มีความเก่าแก่มาก บูรณะ พ.ศ. ๒๕๓๕ คณะกรรมการที่ตัดสินใจ สร้างโบสถ์ใหม่ โดยมีนาย บรำยีต สุกุล ประธาน ได้ลงมือรื้อถอนและ ลงเสาเข็มก่อสร้างโบสถ์ใหม่ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างประมาณ ๙ ปี

    สำหรับการวางศิลาฤกษ์ของโบสถ์ ได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาเป็นองค์ประธานในพิธีนี้ โบสถ์วัดวิษณุได้ก่อสร้างเสร็จในปี ๒๕๔๔ ซึ่งขณะนั้นมี นายไกรลาศ ตีวารี ประธานของวัดวิษณุ และในปีนี้คือปี ๒๕๔๗ ก็ได้อัญเชิญเทวรูปทั้งหมด ๒๔ องค์ มาจากประเทศอินเดีย เพื่อประดิษฐานในโบสถ์ใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีนายรามบีลาส ดูเบย์ ประธานคนปัจจุบันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

    ที่มา http://www.komchadluek.net/column/pra/2004/08/20/02.php
     

แชร์หน้านี้

Loading...