วัดศาลพันท้ายนรสิงห์

​

วันทาไหว้พันท้ายนรสิงห์​

พ่อเป็นมิ่งขวัญลูกปลูกสืบสาน​

พ่อผู้ยึดมั่นกฎมณเฑียรบาล​

พ่อเป็นคานคุณความดีที่คงทน​

ถึงพ่อสิ้นผ่านกาลมานานเนิ่น​

เสียงสรรเสริญมิมีหยุดสุดทุกหน​

วีรกรรมพ่อสร้างไว้ให้ได้ยล​

ดวงกมลแกร่งกล้าสง่างาม​

 

ขอบคุณสำหรับการแนะนำค่ะ..พี่ตุ่ม
ไปค้นมาให้ฟังกันนะ..






<TABLE style="FILTER: glow(color:#004080"><TBODY><TR><TD><CENTER>พันท้ายนรสิงห์ - ประนอม คุปตะวาทิน, สิงห์ อิ่มลาภ

คำร้อง-ทำนอง มนัส ปิติสานต์</CENTER>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>ปางเมื่อพระเจ้าเสือ เสด็จประทับเรือเอกชัย ​

ประพาสชลาลัย ใคร่สำรวจตรวจพารา​

พันท้ายนรสิงห์ ถือท้ายนิ่ง ระวังนาวา
เอกชัยแล่นเข้าคลองมา ล่วงถึงหน้าโคกขามตำบล​

เห่.............................​

คลองคดคัดเรือไม่ไหว โขนเรือโดนไม้ หักปี้ป่น
นรสิงห์รู้โทษตน กระโดดขึ้นบนฝั่งถวายชีวิตตัว​

นรสิงห์ทูลถวายชีวิต เมื่อทำผิด แล้วไม่กลัว
เกียรติศักดิ์ รักยิ่งกว่าตัว ยอมเสียหัว ไม่ยอมเสียวินัย​

จนพระทัย สั่งให้ประหาร แล้วสร้างศาลคู่กันไป
เอาศีรษะนรสิงห์ไว้ อีกโขนเรือ คู่เคียงพิง​

พี่น้องทุกเหล่าเชื้อเผ่าไทย ต้องรักษาเกียรติวินัย เช่น นรสิงห์
ไทยต้องรักวินัยให้มั่นจริง บูชายิ่งกว่าหัวใจ อย่าได้ลืม​

ขอบคุณเนื้อเพลงจาก .. Bloggang.com : blue balloon : ♪♭ ?ѹ?钂?Êԧˬ - ?Ð?́ ?ػ?ЇҷԹ, ʔ?ˬ ͔聅Ҁ♭♪​

​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.850032/[/MUSIC]​

 

อนุโมทนาสาธุ ครับ

 

ขอบคุณนะคะพี่เจง

ชอบไปเที่ยววัด แต่ไม่ค่อยมีเวลาไปเลยค่ะ

โมทนากับพี่เจงด้วยนะคะ น่าไปมากๆๆ

 

พันท้ายนรสิงห์

​

​

เป็นเพลงที่พ่อร้องให้ฟังหวังสอนลูก
หวังปลูกผูกวินัยไว้ให้ลูกรัก
แม้ทำผิดให้ประจักษ์อย่างนรสิงห์
รับผิดชอบสิ่งที่ทำอย่างกล้าตาย
ถึงวันนี้ยังจำเพลงที่พ่อสอน
ยังสวดมนต์อ้อนวอนไม่ห่างหาย
แม้พ่อจาก..จากแต่กาย
จำจนตาย..สิ่งพ่อสอนผ่านบทเพลง​

ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ..น้องเจง​

 

ใช้รูปพวงมาลัยหรือดอกไม้แทนได้ไหม ขออย่าได้ใช้เครื่องทองน้อยเลย....

 

​

​

คุณความดี..มีไว้..ใครไม่เห็น
ใจร่มเย็น..เป็นสุข..ทุกสถาน
ก่อให้เกิด..กุศล..ดลบันดาล
จิตชื่นบาน..สราญรื่น..ชุ่มชื่นครัน​

ถือแบบอย่าง..เยี่ยงพ่อ..มิท้อถอย
มิมัวคอย..ผลัดวัน..ผิผ่อนผัน
เร่งเดินหน้า..รุดไป..ด้วยคงมั่น
รู้พ่อนั้น..เฝ้ามองดู..อยู่มิไกล​

จะยึดถือ..ความดี..ที่ได้สร้าง
เป็นหนทาง..นำไป..สู่ภูมิใหม่
สั่งสมต่อ..ก่อบุญ..หนุนเรื่อยไป
ถึงหลักชัย..คงได้หยุด..สิ้นสุดเอย​

​

 

อนุโมทนาครับ

เห็นภาพวัดแล้วตะลึงครับ

สวยมากๆ

ขอบคุณที่เก็บภาพมาฝากนะครับ

 

ยังมีอีกจ้า..ตอนแรกที่เข้าไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสวยมากขนาดนี้

สาธุ..

 

I wanted to go there for a long time.

Thank you for your beautiful pictures and information.

The songs are very sad; I got goosebump.

Anumotana satu ka.

 

​

แม่สร้อยจ๊ะ กรณีอนุโลมด้วยอนุสติ จ้า​

การจัดเครื่องทองน้อย<O</O
เป็นเครื่องบูชาอย่างไทยมาแต่ดั้งเดิม เป็นเครื่องบูชาชนิดหนึ่ง สำหรับพระเจ้าแผ่นดิน ทรงใช้บูชาเฉพาปูชนียะวัตถุ
<O
ประกอบด้วยพานรอง ๑ พุ่มดอกไม้ ๓ เชิงธูป ๑ เชิงเทียน ๑
ซึ่งพุ่มดอกไม้ทั้ง ๓ นั้น อาจเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้สด หรือทำจากวัสดุอื่น ๆ เช่น เงิน หรือทอง


ในความหมายเครื่องบูชาปูชนียวัตถุ เช่น พระบรมสารีริกธาตุ พระบรมราชานุสาวรีย์ ฯลฯ หรือบูชาบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว เช่นพระบรมวงศานุวงศ์ หรือพระภิกษุสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์สูง

<O
การวางเครื่องทองน้อย มีหลักคือ ถ้าจะเคารพอะไรให้หันดุ่มดอกไม้ไปทางนั้น เช่น ถ้าต้องการให้ผู้เสียชีวิตบูชาธรรม ก็หันพุ่มดอกไม้ออกมา ถ้าเราต้องการบูชาผู้เสียชีวิต ก็หันพุ่มดอกไม้ไปหา รูปที่ประดิษฐานในโต๊ะหมู่

<O
การจุดเครื่องทองน้อย ให้จุดธูปก่อนจุดเทียน<O</O
จุดบูชาผู้เสียชีวิต ที่เครื่องนอก ก่อน เมื่อมีการแสดงพระธรรมเทศนา จึงจุดเครื่องใน ทีหลัง ใช้บูชาผู้เสียชีวิต ธูปจะอยู่ซ้ายมือของผู้จุด แต่ถ้าให้ผู้เสียชีวิตบูชาธรรม ให้หันพุ่มดอกไม้ออกมาด้านนอก ธูปจะอยู่ขวามือของผู้จุด

<O
กรณีทั่วไป ปรากฏเครื่องบูชานี้ เป็นอนุสติ เพื่อจัดให้ผู้วายชนม์นำไปกราบเคารพพระธรรม

เช่นกรณีท่านผู้มีคุณนี้จ้า นะจ๊ะ แม่สร้อย

<O</O

อนุโมทนาที่มาข้อมูล : การจัดเครื่องทองน้อย




​

 

เคยเรียนตอนเด็กก็วาดภาพในใจ...เรียนแล้วรู้สึกสงสารพันท้ายนรสิงห์มากๆ...

 

จริง ๆ โดยส่วนตัว..ก็อยากไปที่วัดนี้มานานแล้วเช่นกัน สะดุดชื่อตั้งแต่เห็นครั้งแรกเลย แต่โอกาสไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่งต้องตั้งใจอย่างจริงจัง พอไปมาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย หากมีโอกาสจะกลับไปอีกค่ะ..

อนุโมทนานะคะ..

 

สวยมาก ๆ คะ
พี่เจงจ๋า...พาไปเที่ยวหน่อยสิคะ

 

เพลงอายัยหยอ ปุ๊กก้ามะเห้งเคยได้ยินเยย ????????

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=A4ATXoV2Kq8"]YouTube - อ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี น้ำตาแสงใต้[/ame]

เพลงที่หน้า 1 คือเพลง .. น้ำตาแสงไต้​

นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ
ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวลครวญคร่ำอาลัย​

น้ำตาอาบแก้ม เพียงแซมเพชรไสว
แวววับจับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา​

นวลแสงเพชร เกล็ดแก้วอันล้ำค่า
ยามเมื่อแสงไฟส่องมา แวววาวชวนชื่นชม​

น้ำตาแสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าวระบม
ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์ จำใจข่มใจไปจากนวล​

นวลเจ้าพี่เอย..............นวลเจ้าพี่เอย ​

​

สงัดเงียบของค่ำคืนภายใต้แสงไฟจากไต้สีเหลืองนวล หนุ่มสาวคนรักที่กำลังจะพรากจากไกล เฝ้าคร่ำครวญห่วงหาอาลัย เหมือนล่วงรู้ว่าจากครั้งนี้จะไม่มีโอกาสได้พบอีก ในยามนั้นไม่มีสิ่งใด เศร้าสร้อยไปกว่าเสียงสะอื้นไห้ ขณะที่ไม่มีอะไรงดงามไปกว่าแสงของไต้กระทบกับหยาดใสของน้ำตาที่ประกายวาววับดุจเพชร

น้ำตาแสงใต้...ช่างหวานจับใจ และเศร้าซึมลึก

ไม่ว่า "นวล" ตัวจริงจะมีอยู่หรือไม่ แต่นวลเจ้าพี่เอย...ก็มีชีวิตชีวายิ่งนัก เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ มีกล่าวไว้ในรัชสมัยของพระเจ้าเสือ สมัยอยุธยา เพียงสั้น ๆ กระนั้นคนไทยก็จดจำได้ดีถึงความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของพันท้ายนรสิงห์ ยอมสิ้นชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งกฎมณเทียรบาล

ในเรื่องราวของหน้าที่ มีเรื่องของความรักซ่อนเร้น ระหว่างพันท้ายนรสิงห์ และหญิงสาวคนรักที่ชื่อนวล ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ให้พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถูกนำมาทำเป็นละครเวที เป็นที่จดจำติดตรึงผู้ชมอย่างยิ่ง และยิ่งตรึงแน่นเนิ่นนานเมื่อประกอบด้วยเพลง น้ำตาแสงใต้

ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน เรื่องราวของการจากพราก ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายนำมาซึ่งความเศร้าอาดูร ทว่าความลึกซึ้งของศิลปินผู้ประพันธ์เพลง ทำให้มองความเศร้าเป็นความงดงามอยู่ในที น้ำตาแสงใต้แม้เศร้าแต่ก็หวานจับจิต งามจับใจ

นวลเจ้าพี่เอย...วลีนี้หวานนัก
ความงดงามอยู่ที่...น้ำตาอาบแก้ม เพียงแซมเพชรไสว
แวววับจับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา..

ที่ฟังแล้วเศร้าถึงทรวงก็ตรงที่ร้องว่า...น้ำตาแสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าวระบม ไม่อยากจากขวัญภิรมย์ จำใจข่มใจ ไปจากนวล..

น้ำตาแสงใต้ เกิดขึ้นเมื่อครั้งศาลาเฉลิมกรุงยังมีชีวิต ในปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ละครเวทีเฟื่องฟูอยู่ในแวดวงบันเทิงของไทย คณะศิวารมณ์เตรียมละครเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" เพื่อแสดงที่ศาลาเฉลิมกรุง ใกล้ถึงกำหนดออกโรงในอีกไม่กี่วัน ในบรรดาทีมงานมีผู้ทำหน้าที่เล่นดนตรีให้พวกนาฏศิลป์ซ้อม และต่อเพลงให้นักร้อง คือนักเปียโนหนุ่มชื่อ สง่า อารัมภีร

เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกซ้อมดนตรี สง่าออกไปกินอาหารกับนักประพันธ์รุ่นพี่ชื่อเรืออากาศโททองอิน บุณยเสนา ผู้มีฝีมือในการแต่งเพลง ใช้นามปากกาว่า "เวทางค์" ทั้งสองปรารภกันถึงเพลงเอกในเรื่องซึ่งยังไม่ลงตัว เพราะทำนองที่มีผู้แต่งส่งมาให้ยังไม่เป็นที่ถูกใจของเจ้าของเรื่อง และผู้กำกับการแสดง ซึ่งต้องการเพลงทำนองไทยเดิมที่เย็นและหวานเศร้า "เวทางค์" จึงบอกว่า เพลงไทยที่หวานเศร้าถูกใจมี ๒ เพลงคือ "เขมรไทรโยค" และ "ลาวครวญ" แล้วก็ร้องสลับกันให้ฟัง จนกินเสร็จต่างคนต่างก็แยกกันไป สง่าก็กลับมาที่ศาลาเฉลิมกรุง แล้วเลยนอนหลับอยู่ที่นั่น

คืนนั้นนักเปียโนหนุ่มฝันเห็นคน ๔ คน เป็นผู้หญิงหนึ่งและผู้ชายอีกสาม ผู้ชายคนแรกได้เล่นเปียโนเพลง "เขมรไทรโยค" ให้อีกสามคนฟัง พอเล่นจบ ผู้หญิงก็เล่นเปียโนเพลง "ลาวครวญ" บ้าง ต่อจากนั้นชายคนที่สองก็ลงมือเล่นเปียโนด้วยการเอาเพลงทั้งสองมาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นเพลงใหม่ที่ไพเราะอย่างยิ่ง ส่วนชายคนที่สามยืนฟังเสียงเพลงด้วยความพอใจ

วันรุ่งขึ้นในตอนบ่าย สง่าก็ลองเล่นเปียโนเพลงที่ได้ยินจากความฝันดู ปรากฏว่าเป็นที่พออกพอใจของผู้ใหญ่ในคณะละคร จึงมีการแต่งเนื้อร้องประกอบ และให้พระเอกละครคือสุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ร้องทันที ใช้เวลาไม่ถึง ๒๐ นาทีก็แต่งเสร็จ

เพลงนั้นคือเพลง "น้ำตาแสงไต้" ที่ยั่งยืนมาจนทุกวันนี้


ขอบคุณข้อความจาก.. ?铵ҡʧ䵩

 

เพลงที่สองไม่เคยฟังเลย ขอบคุณคุณวิที่ให้ข้อมูลเพลง
และคุณเจงที่สามารถนำมาให้ฟังได้ ข้อมูลละเอียดและภาพสวยค่ะ

 

ด้วยความยินดีค่ะ..เจงก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
ขอขอบคุณพี่ตุ่มมาก ๆ อีกครั้งสำหรับการแนะนำค่ะ..

 

ทางไปศาลพันท้ายนรสิงห์..ไปง่ายมาก ๆ โดยใช้เส้นทางถนนพระรามที่ 2 วิ่งตรงไปทาง จ. สมุทรสาคร จะมีวัดเก่าชื่อวัดพันท้ายนรสิงห์อยู่ติดถนนใหญ่ จากนั้นก็ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทาง ตรงเข้าไปอีก 8 กม. ค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะ เพราะจะมีป้ายบอกตลอดค่ะ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.851753/[/MUSIC]<!-- google_ad_section_end -->

 

รูปสวยแถมยังมีคนชมหลายๆคนว่าเพลงเพราะ ก็เพราะจริงๆนั่นแหละเนาะ

สงสัยจะรุ่นไล่เรี่ยกันแน่เลย หุ หุ หุ

ขอบคุณนะครับ