วัดแจ้ง..เมืองอุทัยเก่า กับพระเจ้าตาก..

แล้วเรื่องเล่าของชาวบ้านเกี่ยวกับพระปรางค์ละพี่ ยังไม่เห็นเล่าเลยนิ
อ๊ะ...อย่าลืมม้าศึก 2 ตัวด้วยเน้อ เดี๋ยวเค้าจะเสียใจ อิอิ

 

เรื่องแม่ชะเอมกับเจดีย์คู่เหรอ..รึ.เรื่องรัยอ่ะ หงัยนึกไม่ออก..นิ
ต้องให้มิกกี้ช่วยแระ..อิอิ
แต่เรื่องม้าศึก..ยังไม่ถึงคิว..เน้อ.ออ

 

ที่พระปรางค์...มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับภาพถ่าย...ถ่ายไม่ติด หรืออะไรนี่แหละค่ะ
พี่เสือต้องไปหามาเล่าให้เพื่อนฟังเลยนะ...เกร็ด (ความเชื่อ) เล็กๆ น้อยๆ ไงคะ

 

แว๊ก.กกก :boo:

สำหรับเรื่องพระปรางค์ มีหลายคนที่เข้าไปในวัดแจ้ง แล้วรับสัมผัสคลื่นพลังงานพิเศษได้
ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลละกัน..สำหรับเราสถานีไม่ค่อยดี เลยรับคลื่นพลังงานไม่ค่อยได้..อิอิ

สำหรับเรื่องถ่ายภาพไม่ติด ผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่า โบสถ์วัดแจ้งนั้น.เคยมีจอมปลวกขึ้นที่ในโบสถ์
บางครั้งการถ่ายภาพภายในโบสถ์ก็ไม่ติดอะไร ต้องมีการเอ่ยคำขออนุญาตก่อน
(ผู้ใหญ่ไม่เคยเล่าเรื่องโบสถ์ให้ฟังมาก่อน หลังจากที่ทีมงานของเราได้เข้าไปทำความสะอาดโบสถ์เสร็จแล้ว จึงเล่า
แถมบอกด้วยว่า..โบสถ์นี้ไม่เคยทำความสะอาดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๘ แล้ว)
เมื่อคืนเราก็ถ่ายภาพโบสถ์ไม่ติด คือ กล้องไม่ทำงาน พอบอกขออนุญาตหน่อยนะคะ ก็ถ่ายภาพได้อย่างที่เห็น..จ้ะ

 

ปลายปี พ.ศ.๒๕๕๔ ได้มีคนมารวมกลุ่มกันเพื่อสร้างศาลพระเจ้าตากขึ้นใหม่
โดยมีปัจจัยอยู่ประมาณสี่แสนกว่าบาท การประชุมได้มีขึ้นหลายครั้ง เพื่อหาข้อสรุป
เกี่ยวกับรูปแบบของศาลที่จะสร้าง ซึ่งข้อตกลงก็สรุปได้ว่า งบประมาณมีน้อย
ก็ให้สร้างแบบหลังคาเป็นเก๋งจีน ออกแบบแล้ว ถอดแบบเรียบร้อยใช้งบประมาณสามแสนบาท
เป็นค่าถมดิน(สูงจากเดิมประมาณหนึ่งเมตร)ประมาณหนึ่งแสนบาท
ก่อนดำเนินการสร้าง ก็มีคณะทำงานส่วนหนึ่งได้ไปดูศาลพระเจ้าตากที่ จ.ตาก
พอกลับมาอุทัยธานี ก็ตกลงกันว่าจะสร้างแบบ จ.ตาก เป็นศาลาทรงไทยหลังคาจตุรมุข
โดยมีงบประมาณในการก่อสร้างสามแสนบาท ซึ่งไม่พอแน่นอน แต่ก็จะเริ่มทำก่อน
วันตั้งเสาเอก ประมาณเดือนเมษายน ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เสียดายจำวันไม่ได้(ต้องถามผู้ใหญ่)
เราก็ได้ไปร่วมพิธีด้วย (ผู้ใหญ่โทรมาบอก) วันนั้นไม่ได้มีพิธีอะไรมาก มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
ตั้งเครื่องบวงสรวง (โดยไม่มีเจ้าพิธี) แต่มีพระมาทำพิธีสวดที่เสาในทิศต่างๆ แล้วบังเอิญ
เราได้นำพวงมาลัยดาวเรืองพวงใหญ่ไปด้วย..ก็เลยได้แขวนไว้ที่เสาเอก
แล้วก็ได้ร่วมกับคนอื่นๆโปรยข้าวตอกดอกไม้..ไปทั่วๆ ในบริเวณนั้น

 

การก่อสร้างศาลก็ดำเนินการมาเรื่อย และเริ่มมีการพูดคุยกันถึงเรื่องหล่อพระบรมรูปพระองค์ท่านขึ้นใหม่
แทนรูปเดิมซึ่งเป็นปูนปั้นที่เริ่มชำรุดแล้ว ก็ได้ข้อสรุปจากการประชุมว่า ควรคงความเป็นเอกลักษณ์
ของอุทัยเก่า คือ เป็นรูปพระเจ้าตากยืนถือดาบสองมือ โดยกำหนดให้มีการจัดงานเททองหล่อ
รูปปั้นพระองค์ท่าน ในวันที่ ๖ พ.ย. ๕๕ (ตรงกับวันคล้ายวันตีค่ายโพธิ์สามต้นของพม่าแตกพ่ายในอดีต)
การเตรียมการก็ได้ทำตามขั้นตอน มีการติดต่อโรงหล่อเพื่อมาทำพิธีที่วัดแจ้งในวันดังกล่าว
จนถึงการขึ้นรูปหุ่นพระองค์ท่านเป็นขี้ผึ้ง สูงขนาด ๑๘๙ ซม. รวมฐานด้วยก็สูงประมาณ ๒ เมตร
ซึ่งวัดแจ้งในตอนนั้น ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์มาจำวัดอีกรูปหนึ่ง เพื่อสอนญาติโยมให้ทำวัตรเย็น
และปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เพราะเชื่อว่าพระเจ้าตากชอบความรัก ความสามัคคี ความรักชาติ และการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
ตอนเย็นๆ ก็จะมีชาวบ้านเกือบสิบคน ทั้งสาวมาก และสาวน้อย มาทำวัตรเย็น ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เป็นประจำ
วันหนึ่ง ปรากฏว่า ผู้ใหญ่บ้านได้โทรมาหาเรา แล้วบอกว่า..ตายแล้ว จะทำงัย พระเจ้าตากลงร่างแม่..จ..
บอกว่า กูเหนื่อย กูอยากพักบ้าง ให้สร้างรูปนั่ง (ประมาณนี้) เราก็บอกผู้ใหญ่ว่า แล้วจะทำงัย
มันเลยขั้นตอนนั้นแล้ว ประชุมตกลงกันแล้ว ชาวบ้านเห็นดีเห็นงาม ตอนนี้ขึ้นหุ่นขี้ผึ้งเรียบร้อยแล้วด้วย
ก็เลยบอกผู้ใหญ่ว่า วันประชุมครั้งหน้า เชิญแม่.จ..มา เราจะลองดู ว่าเป็นงัย..ใช่พระเจ้าตากจริงมั๊ย
ถ้าใช่เราก็จะขอ..เหอะ..เหอะ..ครั้งนั้นมีบางคนบอกเราว่ากล้าเล่นกับสิ่งที่มองไม่เห็นเชียวหรือ
เราบอกว่า..ไม่ใช่กล้า แต่เราไม่สามารถถอยหลังได้ ถ้าเราหยุด แล้วล้มขั้นตอน ศาลพระเจ้าตากสร้างไม่เสร็จแน่นอน
แล้วเราเชื่อมั่นว่า..พระเจ้าตากไม่ทำให้ลูกหลาน หรือคนที่รัก เคารพ ศรัทธา พระองค์ท่าน เดือดร้อน..เป็นแน่

 

เมื่อวันประชุมมาถึง หลังจากที่ได้ประชุมเพื่อวางแผนเตรียมจัดงานทอดกฐิน วันที่ ๔ พ.ย. ๕๕
และเททองหล่อพระบรมรูปพระองค์ท่าน วันที่ ๖ พ.ย. ๕๕ เสร็จสิ้นเรียบร้อย
ชาวบ้านก็นำข้าวต้ม มาเลี้ยงผู้ประชุม พอปิดประชุมปุ๊บ..แม่ จ.. ก็มีอาการถูกลงร่างทันที
ก็มีคนเข้าไปหาสองคน ส่วนเรากำลังกินข้าวต้มอยู่ ผู้ใหญ่ก็บอกเอาแล้วๆๆ เราก็บอกว่า
ขอกินข้าวต้มก่อน สักพักก็ได้ยินเสียงแม่..จ..พูดเอะอะโวยวาย เราได้ยินก็ยังพูดว่า
พูดภาษาอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง ภาษาพม่ามั้งเนี่ยะ ชาวบ้านก็เลยว่า อ๊าว.วว ถ้าเป็นพม่า
ก็จะมาทำให้เราล้มเหลว..สิ (อิอิ) พอไม่มีใครสนใจ แม่..จ..ก็มีอาการเป็นปกติ.
หลังจากวันนั้น ทุกอย่างก็มีแต่เดินหน้าอย่างเดียว..โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างศาลพระเจ้าตากให้สำเร็จ

 

แล้ววันทอดกฐินเพื่อจัดหาปัจจัยในการหล่อพระบรมรูปพระเจ้าตากก็มาถึง..๔ พ.ย. ๕๕
โดยที่ทางวัดมีปัจจัยเหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่ ไม่พอจัดงาน และต้องจ่ายให้โรงหล่อ จำนวน สองแสน บาท
การหาปัจจัยในการจัดงานนั้น ได้มาจากการสร้างเหรียญพระเจ้าตาก รุ่นสร้างศาล ร่ำรวย ปลอดภัย
โดยให้ผู้จองเหรียญได้จ่ายเงินก่อน แล้วมารับเหรียญในวันที่ ๖ พ.ย. ๕๕
เหรียญที่จัดสร้างมีเนื้อเงิน บูชา ๙๙๙ บาท สร้าง ๑๕๐ เหรียญ (หมดก่อนวันงาน)
เหรียญพระเจ้าตาก และเหรียญหลวงปู่สังวาลย์ เนื้อทองแดงรมดำ บูชา ๙๙ บาท สร้างอย่างละ ๕,๐๐๐ เหรียญ
( ปัจจุบันยังพอมีอยู่บ้าง..ให้บูชาที่วัด) การสร้างเหรียญนั้น ได้นำไปให้หลวงพ่อวัดลุ่มมหาชัยชุมพล จ.ระยอง
อธิษฐานจิต ๑ เดือน แล้วนำมาเข้าพิธีพร้อมการเททองหล่อพระบรมรูปใหญ่ ซึ่งพิธีในวันนั้น
มีเกจิอาจารย์ของอุทัยธานี นั่งอธิษฐานจิต ๔ ทิศ คือ
หลวงปู่สังวาลย์ หลวงปู่โฉม หลวงตาอั้น หลวงพ่อสมัย

แล้วก็ข่าวดีในวันทอดกฐินคือ ได้ปัจจัยสองแสนกว่าบาท พอจ่ายให้กับโรงหล่อพอดี คณะกรรมการก็..เฮ้อ.ออออ โล่ง.งงง อก

 

วันเททองหล่อพระบรมรูป ๖ พ.ย. ๕๕ (ตรงกับวันคล้ายวันตีค่ายโพธิ์สามต้นแตกพ่ายในอดีต)
ก็มีพิธีพราหมณ์หลวงทำพิธีบวงสรวง มีเกจิอาจารย์ของอุทัยธานีนั่งอธิษฐานจิต สี่ทิศ
หลวงพ่อวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นประธานฝ่ายสงฆ์จุดเทียนชัย
ประธานฝ่ายฆราวาส มีหลายคนแบบสามัคคีรวมพลัง คือ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส.
หัวหน้าส่วนราชการ ตอนทำพิธีเททองหล่อ ทุกท่านก็จะยืนเข้าแถวหน้ากระดานประมาณ ๙ คน
งานวันนั้นก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และมีปัจจัยส่วนหนึ่งที่จะดำเนินการสร้างศาลต่อไป
ในวันนั้น เราก็ได้เห็นตัวเป็นๆ ของสาวใต้ ชาวพัทลุง นามว่า มิกกี้ ครั้งแรก เอิ๊กๆๆๆ
มาได้งัยก็ไม่รู้ แค่คุยกันทางเฟส ตี๊ด.ดดด เดียวนะนั่น..ช่างกล้าจริงๆ เดินทางมาคนเดียวไม่กลัวใคร

 

เกือบถึงปัจจุบัน..แระ อิอิ..(นอกเรื่องเล่าเรื่องการสร้างศาลตี๊ด.ดดดด นึง..)
ศาลพระเจ้าตาก ณ วัดแจ้ง เมืองอุทัยเก่า เดิมจะสร้างหลังคาเป็นทรงเก๋งจีน
ก็เปลี่ยนมาเป็นทรงไทยหลังคาจตุรมุข ตอนหลังมาปรับเพิ่มเติมอีก โดยสร้างมณฑปบนยอดศาล
ซึ่งจะคล้ายพลับพลามหากษัตริย์ ด้านบนมณฑปก็ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระสาวก
ซึ่งได้มาจากวัดลุ่มมหาชัยชุมพล จ.ระยอง (เป็นที่พักทัพของพระเจ้าตากในอดีต)
หน้าบรรณของศาลทั้งสี่ด้าน เป็นรูปดวงตรามหาเดช โดยได้ต้นแบบมาจากวัดถ้ำประทุน จ.ระยอง
การสร้างศาลในแต่ละส่วนเป็นลายปูนปั้น ที่ช่างได้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับวัดแจ้ง
ปั้นปูนทาสีทอง และประดับกระจกสี ซึ่งหัวหน้าช่างบอกว่า ทำลายไทยโบราณ
เผื่อไว้ให้เด็กรุ่นหลังได้มาเรียนรู้ อย่างลายหน้าบรรณแต่ละด้านก็ไม่มีเหมือนกัน
เช่น ลายนาคเกี้ยว ลายใบเทศหางโต (ม้าง.งง จำไม่ค่อยได้..อิอิ)
สำหรับเราแล้ว..คิดว่าศาลพระเจ้าตาก ที่วัดแจ้ง เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่สวยงาม น่าภาคภูมิใจ สำหรับคนอุทัยธานี อีกแห่งหนึ่ง

 

ขอพักแป๊บ.บบบบบ เน้อ.อออ rabbit_heart

 

ไม่รู้ว่า...พี่เสือเป็นใคร...มาจากไหน...รู้แค่ว่าอยู่อทัยนิ แล้วข้อยก็ใจง่าย
หอบผ้าหอบผ่อน นั่งรถทัวร์จากใต้-กทม ระยะทางร่วม 12 ชม. จากนั้นก็
นั่งแท็กซี่ เพื่อไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์-อุทัยธานีอีกเกือบ 3 ชม ไปถึง บขส.
อุทัยธานีก็เกือบ 9 โมงเช้า...แล้วก็รอราชรถมาเกย เพื่อไปส่งที่งานเททอง
หล่อองค์พระเจ้าตาก...ไปถึงก็เป๊ะเลย...ทันโดนน้ำมนต์ไป 3 หยด (อิอิ)
จากนั้นก็ไปนู่น...มานี่...จนค่ำ...ปรากฏกว่า ตั้งกะเช้ายันเสร็จงาน ข้อยก็ยัง
ไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน หรืออาบน้ำแต่อย่างใด...เว้ยเฮ้ย...(มิน่า กลิ่นตุตุ)
...ลุยเดี่ยว...ฉายเดี่ยว...กลับเดี่ยว...ไม่กลัวใครเลยอ่ะ...ลูกใครว้า...^^

 

ซาบซึ้งใจ..เป็นที่สุด (ping-love
นอกจากมิกกี้แล้ว วันนั้นมีผู้คนมาร่วมงานมากมาย อย่างไม่น่าเชื่อ..
เราปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด..ที่เห็นว่ามีคนเคารพ รัก และศรัทธา พระเจ้าตาก ไม่น้อยทีเดียว
หลังจาก งานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เราก็พามิกกี้ไปล้างหน้าที่ทำงาน
แล้วก็พาไปที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับพญานาค..
เผื่อว่ามิกกี้จะรู้ได้ว่า..ในอดีตตัวเองเป็นลูกใคร.? อิอิ..
พอไปถึงวัด ได้สนทนากับเจ้าอาวาสวัดสักครู่ วันนั้นเราแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ (เอิ๊กๆๆ)
เลยเล่าให้ท่านฟังว่า เราไปร่วมงานเททองหล่อพระเจ้าตากมาก่อนที่จะเข้าวัด
ท่านก็พูดคล้ายๆ กับว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ขาดพาหนะ เราฟังแล้วก็งง..รัยหว่า
สรุปแล้วเมื่อคนอื่นๆ ช่วยกันอธิบายก็ได้ความว่า จะทำอะไรที่วัดแจ้งอย่าลืมบอกม้าศึก
เพราะนักรบกับม้าศึกนั้น..เหมือนเป็นแขนเป็นขาซึ่งกันและกัน มีความรักและความผูกพันกันมาก
อ๊าย.ยยย หย่ะ เราก็เพิ่งนึกได้ ไม่มีใครบอกกล่าวรูปปั้นม้าศึกที่อยู่หน้าโบสถ์เลย
เราเลยรีบกลับเข้าวัดแจ้งอีกครั้งในบัดดล เอาน้ำไปราดตัวม้า ให้หญ้า ให้น้ำ
แล้วก็บอกกล่าว ให้รับรู้ รับทราบ และมาอนุโมทนาร่วมกัน..อิอิ

 

เอิ๊กกๆๆๆ..มันก็บังเอิ๊ญ...บังเอิญอีกอ่ะนะ...ที่สาวใต้ตัวดำ ไม่สูบบุหรี่
แต่วันนั้นดันพกไฟแช้กไปด้วย...ก็เลยได้ใช้งานในทันทีทันใด อิอิ

 

วันที่ ๒๘ ธ.ค. ๕๕ ที่วัดแจ้งก็มีการทำบุญเลี้ยงเพลพระเพื่อรำลึกถึงพระเจ้าตากเหมือนทุกปี
แต่ปีนี้พิเศษ ได้เชิญทหารเรือ ซึ่งทำพิธีในกรมทหารเรือเป็นประจำ มาเป็นเจ้าพิธีในการถวายเครื่องบวงสรวง
และวันที่ ๒๗ ธ.ค. ๕๕ ทางโรงหล่อ ก็ได้อัญเชิญพระบรมรูปพระเจ้าตากมาส่งที่วัด
ทางวัดอัญเชิญไปประดิษฐานบนศาลา เพราะศาลยังก่อสร้างไม่เสร็จ
(ปัจจุบันก็มีคนที่เคารพ นับถือ และศรัทธา พระเจ้าตาก มาสักการะเป็นประจำ)
วันนั้น ชาวบ้านได้นำเลขทะเบียนรถไปซื้อหวยรัฐบาลแบ่งกัน..แล้วปรากฏว่า ถูกหวยกันซะด้วย
๐๐..ส่วนเราไม่ถูกหวย..อิอิ..

 

ฮ่า.ๆๆๆๆ รีบกลับวัดแจ้งกันหน้าตั้งเลย..
คิดถึงวันนั้นแล้ว..ยังรู้สึกสงสารม้าศึกอยู่เลยนิ.. :'(
ม้าศึกคู่นี้หล่อและทำพิธีมาจากกรุงเทพฯ หลังจากที่บูรณะโบสถ์เสร็จสิ้น ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘
เพราะมีความเชื่อถึงเรื่องที่เล่าและค้นจากพงศาวดาร ว่า พระเจ้าตากได้รบกับทัพพม่าที่นี่ แล้วเสียม้าศึกไปสองตัว..

 

แล้วก็มาถึง..วันสำคัญอีกวันหนึ่ง..
ที่สมควรบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การสร้างศาลพระเจ้าตาก ณ วัดแจ้ง เมืองอุทัยเก่า
"วันรวมพลคนรักพระเจ้าตาก" ...๑๗ กุมภาพันธ์ ๕๖

 

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖..คณะกรรมการได้กำหนดให้เป็นวัน "รวมพลคนรักพระเจ้าตาก"
เพื่อจัดงานทอดผ้าป่าหาปัจจัยในการสร้างมณฑปบนยอดศาลพระเจ้าตากบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ก่อนวันงาน..ก็ได้มีการสอบถามฝ่ายการเงิน..เหอะ..เหอะ..ปรากฏว่ามีเงินในบัญชีน้อยมาก
แต่ที่ได้ดำเนินการสร้างศาลมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะผู้ที่มีจิตศรัทธาได้บริจาคเป็นเจ้าภาพ ในการก่อสร้างส่วนต่างๆ เช่น ช่อฟ้า หางหงส์ พื้น ประตู เสา ฯลฯ
การที่จะก่อสร้างได้สำเร็จนั้น(ไม่นับรวมพญานาคที่ระเบียงและราวบันได)
ต้องมีปัจจัยไม่ต่ำกว่าเจ็ดแสนบาท.....

 

การจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี "รวมพลคนรักพระเจ้าตาก" นั้น ใช้วิธีการกระจายข่าวไปตามผู้ที่เคารพ รัก และศรัทธาพระเจ้าตาก
เป็นสายๆ สายเล็ก สายใหญ่ตามกำลัง แล้วมารวมพลังกันที่วัดแจ้ง เฉกเช่นเดียวกันสายน้ำเล็กๆ
หลายๆ สาย ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำใหญ่ที่มีพลัง แล้วเราก็บอกชาวบ้านว่า ใครที่ยังไม่ได้ทำบุญ
ร่วมสร้างศาลพระเจ้าตากในครั้งนี้ ให้รีบทำซะ เพราะหลังจากทอดผ้าป่าแล้วจะปิดบัญชีเลย (อิอิ)
มันก็เหมือนการวิ่งเฮือกสุดท้าย หรืออึดสุดท้าย ก่อนถึงเส้นชัย แล้วก็เป็นเช่นนั้น จริงๆ
เป็นการรวมพลังที่มโหฬารมากครั้งหนึ่งของวัดแจ้ง ที่เป็นวัดเล็กๆ มีพระจำวัดอยู่เพียงรูปเดียว
คนมาร่วมงานมากมาย หลายสาย บางสายมาไม่ได้ ก็ส่งปัจจัยมาร่วมบุญ มีทั้งสายที่อุทัยธานี
สายจากชาวบ้านอุทัยเก่าที่ส่งข่าวไปตามญาติเพื่อนสนิท มิตรสหาย ต่างจังหวัด เช่น ระยอง
ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พัทลุง นครนายก กรุงเทพฯ กรมทหารเรือ ตาก ลพบุรี ฯลฯ
แล้วก็ไม่น่าเชื่อ พลังสามัคคีเล็กๆ ก็สัมฤทธิ์ผลจริงๆ
ยอดรวมจากการทอดผ้าป่า ได้ประมาณแปดแสนสามหมื่นกว่าบาท..สาธุ
ทุกคนมาร่วมงานด้วยใจจริงๆ งานนี้สาวใต้มิกกี้ก็ไม่ขาด มาล่วงหน้าเป็นสัปดาห์
มาช่วยเตรียมงาน และปลูกต้นไม้ประดับสถานที่ ทำความสะอาดโบสถ์ กวาด ถู ศาลา
ตามแต่ใครจะใช้ไหว้วาน..คะรุทา ผู้ซึ่งเคารพ รัก พระเจ้าตากอย่างสุดหัวใจ ก็มาพร้อมครอบครัว และคนอื่นๆ อีกมากมาย..

 

งานทอดผ้าป่าสามัคคี "วันรวมพลคนรักพระเจ้าตาก" ๑๗ ก.พ. ๕๖
นอกจากจะได้รับความร่วมมือจากคนรักพระเจ้าตาก ตามสายต่างๆ แล้ว
ก็มีผู้ที่มาตั้งซุ้มอาหารเพื่อบริการแขกต่างบ้านต่างเมืองอีกไม่ใช่ น้อย..
อิ่มอก อิ่มใจ และอิ่มท้อง ไปตามๆ กันทีเดียว
วันนั้น นอกจากทำพิธีทอดผ้าป่าแล้ว ก็ยังได้ร่วมกันทำพิธียกช่อฟ้าเอก ของศาลพระเจ้าตากด้วย
แล้วเป็นความเมตตาอย่างสูงจริงๆ ของหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณโบราณพิทักษ์ เจ้าอาวาสวัดลุ่มมหาชัยชุมพล จ.ระยอง
ที่ท่านได้มาวัดแจ้งในตอนเย็น ซึ่งท่านติดกิจนิมนต์สำคัญ จึงไม่สามารถมาร่วมงานในพิธีตอนเช้าได้ ก็ได้มาพูดคุยกับชาวบ้าน
นำของมาฝาก ถ่ายภาพร่วมกัน เป็นความปลื้มปีติใจอย่างที่สุดสำหรับทุกทุกคน ที่ได้พบท่าน
ตอนท่านกลับ เดินลงมาจากศาลาวัด เราก็มองบนฟ้าเห็นเมฆบนฟ้าเป็นทางยาวจากกรุงธนฯมาถึงยอดศาลเลยก็ว่าได้
คือ เป็นแสงจากทิศใต้ มาจรดยอดศาล ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ
ก็ให้มิกกี้ ถ่ายภาพไว้..สวยงาม จริงๆ