วัตถุธาตุที่มีชีวิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย svt, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ........ปรัชญาสมัยพระเวทเมื่อราว 2411 ปีก่อนพุทธกาล ซึ่งเรียกว่า ฤาษี หรือ ดาบส ผู้มุ่งแสวงหาสัจธรรมชองชีวิต และธรรมชาติ อยู่ในแถบภูเขาหิมาลัยคล้ายกับนักวิทยาศาสตร์ ในสมัยปัจจุบัน โดยยึดถือองค์ความรู้จากปรากฎการณ์ธรรมชาติ มาพิจารณาใคร่ครวญ ตามหลักแห่งเหตุผล และตรวจสอบจนกระทั่งค้นพบความจริงเกี่ยวกับ รากฐานการกำเนิดสรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาล โดยกล่าวสรุปว่า
    ........“ไฟแห่งสวรรค์ในดวงอาทิตย์ ไฟแห่งโลกในกลางใจโลก ไฟแห่งตัวตนในใจของคน สามภพสามโลกล้วนต่อเนื่องเชื่อมโยงกันด้วยไฟ จากเบื้องบนลงมาสู่โลกเพื่อสร้างโลกและชีวิต แล้วลอยกลับไปสู่ที่มาตลอดกาล ไฟจึงเป็นพลังงานที่ไม่มีตัวตนอุปมาดั่ง กงล้อแห่งธรรม เป็นผู้กำเนิดจักรวาล ธรรมชาติ ชีวิต และความรู้สู่ความจริงแท้ อันเป็นสัญลักษณ์ของความหมายเช่นเดียวกับ กาลจักร

    [​IMG]
    ภาพวาดโดยศิลปิน Alex Grey

    ........ด้วยเหตุนี้หลักอภิปรัชญาอินเดียทุกสำนัก จึงยอมรับว่า ธรรมชาติ และชีวิต ของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกเกิดมาจากการรวมตัวของ ปรมาณูธาตุ หรืออะตอม ของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุ เป็นรูปกายวัตถุเรียกว่า “ประกิต” หรือ “กายหยาบ” อันเป็นวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตอย่างหนึ่ง

    ........ส่วนวัตถุธาตุชนิดพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่เฉพาะในโลกของเราเท่านั้น คือ วัตถุธาตุที่มีชีวิต อันประกอบด้วย สัตว์และพืช นักอภิปรัชญาอินเดียได้แบ่งแยกย่อย สัตว์โลก ออกเป็น 2 ชนิด คือสัตว์โลกที่มีรูปกายวัตถุเจริญเติบโตในแนวตั้งฉากกับพื้นผิวโลก มีสติปัญญาความคิด มีเหตุผลมีความจำสำนึกแตกต่างกับสัตว์โลกชนิดอื่น เพราะในรูปกายวัตถุเป็นที่สถิตย์ของ”วิญญาณธาตุ” เรียกสัตว์โลกชนิดนี้ว่า มนุษย์ ดังนั้นคำว่า มนุษย์ จึงมีความหมายว่าสัตว์โลกที่รูปกายเจริญเติบโตในแนวตั้งฉากกับพื้นผิวโลกเท่านั้น

    ........สัตว์โลกชนิดอื่นที่รูปกายวัตถุเจริญเติบโตในแนวราบขนานไปกับพื้นผิวโลก ดำรงชีวิตอยู่โดยอาศัยแต่เพียงวิญญาณธาตุประเภท “สัญชาตญาณ” รวมเรียกว่า สัตว์เดรัจฉาน

    ........ชาวอินเดียเป็นชนเผ่ามหัศจรรย์ ที่มีอัจฉริยภาพทรงภูมิปัญญา อันสูงส่งไม่น้อยกว่าชาติใดในโลก ได้พากเพียรค้นหาความรู้ทาง จักรวาลวิทยา จนสามารถคิดคำนวณเส้นทางโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้า ได้อย่างแม่นยำดังปรากฎอยู่ใน คัมภีร์สุริยาตร ซึ่งนักโหราศาสตร์ยังคงใช้คิดคำนวณการโคจรของดาวเคราะห์มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนความพยายามในการค้นหาความจริงแท้ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ธรรมชาติ และความลี้ลับชองวิชาโหราศาสตร์ คือ สัจธรรมแห่งจิตวิญญาณ บรรดาฤาษีชาวอินเดียเชื่อว่า การบำเพ็ญสมาธิภาวนา อย่างสันโดษอยู่ในป่าที่สงบเงียบ เพื่อเข้าถึงไฟที่อยู่ภายในตน ระงับไฟแห่งความปรารถนา ความกลัว ความโกรธ จนจิตใจสงบนิ่งบรรลุญาณสมาธิ สามารถมองเห็นสิ่งทั้งหลายได้อย่างล้ำลึก จึงเชื่อว่า จิตวิญญาณ ในรูปกายวัตถุของคนเราเป็นอำนาจยิ่งใหญ่ของจักรวาล จึงให้คำนิยามรูปลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของวิญญาณธาตุ ว่า “ปุรุษา” หรือ “กายทิพย์” ที่อยู่ภายในรูปกายของวัตถุธาตุที่มีชีวิต ซึ่งปรากฎรายละเอียดอยู่ในคำสอนของปรัชญาอินเดียทุกสำนัก แต่อาจแตกต่างกันไปในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าสร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก ที่เรียกว่า ระบบเทวนิยม กับความเชื่อว่า จักรวาล ชีวิต และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกเกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า ระบบอเทวนิยม

    ........ระบบความเชื่อในเรื่องพระเป็นเจ้าทรงสร้างโลกและสรพพสิ่งทั้งหลายในโลก มีความเห็นว่า พระผู้เป็นเจ้า หรือ พรหมมัน หรือ ปรมาตมัน หรือองค์พรหม เป็นสิ่งสมบูรณ์ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติและคุณวิเศษยิ่งใหญ่เป็น อนันตะ ไม่อาจพรรณาได้ ไม่อาจกำหนดได้ ไม่อาจหาขอบเขตได้ เป็นสภาวะบริสุทธิ์อยู่เหนือสิ่งทั้งหลาย แต่เป็นรากฐานบ่อเกิดของสิ่งทั้งหลายและปรากฎการณ์ในโลก เรียกว่า “พรหมลิขิต” วัฒนธรรมอินเดียดั้งเดิม จึงมีข้อห้ามมิให้สร้างรูปเคารพของ พระเป็นเจ้าขึ้นกราบไหว้บูชาคงสร้างสัญลักษณ์ แห่งองค์ความรู้ เช่น รูปกาลจักร รูปสวัสดิกะ หรือ ศิวลึงค์ ประดิษฐานไว้ตามเทวาลัยทั้งหลาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2012
  2. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    การสร้างวัตถุธาตุที่มีชีวิต

    ..........สมัยต้นพุทธศตวรรษที่ 2 พระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช ทรงสถาปนาจักรวรรดิ์กรีกขึ้นอย่างมั่งคงแล้ว ได้เสด็จนำกองทัพเข้าทำลายจักรวรรดิ์เปอร์เซียที่เคยมีอำนาจยิ่งใหญ่จนแตกสลายไป ต่อจากนั้นพระองค์ยกกองทัพข้ามเทือกภูเขาหิมาลัย บุกรุกเข้ายึดครองแคว้นปัญจาบของอินเดีย คือส่วนที่เป็นประเทศปากีสถานในปัจจุบัน ทรงประทับอยู่ที่ นครตักศิลา เพื่อรอทำสงครามพิชิตกษัตริย์ราชวงศ์นันทะ แห่งมหานครปาฏลีบุตร แต่บรรดาทหารกรีกเกิดเบื่อหน่ายการทำสงคราม เรียกร้องให้มหาราชของตนเสด็จนำทัพกลับคืนสู่มาตุภูมิ

    ........จากบันทึกของนายพลแห่งกองทัพกรีกระบุว่า บรรดาพวกฤาษีชาวอินเดียผู้รักชาติได้รวมตัวกันต่อต้านการรุกรานของกองทัพกรีก โดยมีนักบวชผู้หนึ่งนามว่า จาณักยะ หรือ โกณฑัญญะ ได้สนับสุน จันทรคุปต์ให้เป็นผู้นำในการต่อต้านจนกระทั่งกองทัพกรีกล่าถอยกลับไป จึงพร้อมใจกันสถาปนา จันทรคุปต์ ขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะ ในที่สุดได้รบพุ่งแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์ราชวงศ์นันทะ ได้อย่างเด็ดขาด ทรงรวบรวมดินแดนในชมพูทวีปเป็นจักรวรรดิ์ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก
    ........แต่เนื่องจากกองทัพกรีกได้ยึดครองแคว้นปัญจาบอยู่เป็นเวลานาน ได้นำศิลปอารยธรรมเฮเลนิคอันรุ่งเรืองเข้ามาเผยแพร่ปลูกฝังบนผืนแผ่นดินอินเดียมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง รูปเทพเจ้า ขึ้นเคารพบูชา เช่น รูปเทพเจ้าเซอุส รูปเทพเจ้าอะพอลโล รูปเทพเจ้าวินัส เป็นต้น ศิลปกรรมอันมีสุนทรียภาพงดงามประกอบกับสมัยนั้นกรีกเป็นชาติมหาอำนาจยิ่งใหญ่ และวิทยาการเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก ชาวอารยันจึงหันไปชื่นชมนิยมศิลปวัฒนธรรมตะวันตก

    ........มหาราชครู จาณักยะ ผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ พระเจ้าจันทรคุปต์มหาราช (พระอัยกาธิราชของพระจ้าอโศกมหาราช) จึงได้ถวายคำแนะนำให้จักรพรรดิ์อินเดียสร้าง รูปเทพเจ้า ของชาวภารตะ เช่น พระวิษณุ พระสุริยเทพ พระพรหม ขึ้นแทนที่รูปสัญลักษณ์อย่างอื่น นำไปประดิษฐานตามเทวาลัยให้ผู้คนกราบไหว้บูชา เหมือนดั่งวัฒนธรรม เฮเลนิค นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 2 เป็นต้นมา ประเพณีการสร้างรูปเคารพได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วชมพูทวีป เทวรูปพระวิษณุ พระสุริยเทพ รุ่นแรกๆ ชาวอินเดียได้นำเข้าสู่ประเทศไทยดังปรากฎที่พบในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา ถือกันว่าเป็นรูปเทพเจ้าเก่าแก่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

    ........แต่วัฒนธรรมการสร้างเทวรูปของชาวอินเดีย แตกต่างกับการประติมากรรมรูปเทพเจ้าของชาวกรีก เนื่องจากหลักอภิปรัชญาอินเดียค้นพบสัจธรรมของจิตวิญญาณ หรือที่เรีกว่า ปุรุษา ว่าเป็นธาตุทิพย์ที่ได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้า จึงเป็นอมตะไม่ตายตามกายเนื้อ ไม่ดับสูญเสื่อมสลายเหมือนดั่งวัตถุธาตุในโลก สั่งสอนให้ผู้แสวงหาความจริงแท้บำเพ็ญญาณสมาธิจนบรรลุ โมกษะ หรือ ไกวัลยะ อันเป็นการตรัสรู้ธรรมเห็นจริงในสิ่งทั้งปวงบังเกิด ทิพยอำนาจ สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์แห่ง ชีวาตมัน ของตนเนรมิต สิ่งทั้งหลายให้เกิดขึ้นตามความประสงค์ เหมือนดั่งที่คัมภีร์อุปนิษัทกล่าวว่า
    ........พระมหาเทพทรงบันดาลให้โลกเกิดมีขึ้น ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นจากธุลีธาตุของโลก แล้วทรงถ่ายเทพลังลมปราณให้ ชีวามัน เข้าไปสถิตย์อยู่ในรูปกายวัตถุของมนุษย์ที่ทรงสร้างขึ้น

    ........ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต วอน ไฮน์ เกลเดร์ล ได้ศึกษาเรื่องราวการสร้างวัตถุธาตุให้มีชีวิต ตามโลกทัศน์ของชาวอินเดียที่วิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยพระเวทพบว่า นักบวชชาวอินเดียเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก และดาวเคราะห์ทั้งปวงในจักรวาล ติดต่อเชื่อมโยงกับระบบธาตุ ทิศ ชีวิต ร่างกาย และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกโดยมีชั้นบรรยากาศธาตุ เป็นสื่อให้ไปมาถึงกัน โดยอาศัยจังหวะเวลาการโคจรของดวงดาวในท้องฟ้า อำนาจของดวงดาวย่อมบันดาลให้เกิดปรากฎการณ์อันเป็นธรรมชาติขึ้นในโลก ดังจะเห็นได้จาก แสงอาทิตย์ แสงจันทร์ บันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบธาตุและความเป็นไปในชีวิตได้อย่างน่ามหัศจรรย์

    ........ด้วยเหตุนี้ผู้มีความรอบรู้ในเรื่อง มหาจักรวาล สุริยจักรวาล ทิศ ธาตุ อย่างแตกฉาน และบำเพ็ญญาณสมาธิจนบรรลุธรรมแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจิตวิญญาณของผู้นั้น ย่อมสามารถติดต่อเชื่อมโยงกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาล อาจเปรียบได้กับสถานส่งและสถานีรับคลื่นสัญญาณ คลื่นแสง คลื่นเสียง คลื่นไฟฟ้า ที่นักวิทยาศาสตร์นำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือเครื่องใช้น่าพิศวงมากมาย แต่ศิลปวิทยาการโบราณเรียกพิธีการทำรูปกายของวัตถุธาตุให้มีชีวิตว่า “พิธีกรรมปลุกเสก” คือ การถ่ายเทพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจิตวิญญาณของผู้ตรัสรู้ธรรม ระดับสัมปรัชญาตโยคะ หรือ ระดับอสัมปรัชญาตโยคะ เข้าสู่รูปกายของวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตเพื่อให้บังเกิด “ชีวาตมัน” ขึ้นในรูปกายของวัตถุธาตุนั้น
    ........พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจิตวิญญาณจะซึมแทรกแผ่ซ่านไปทั่วเหมือนดังรูปกายของคนเราซึ่งเป็น วัตถุธาตุที่มีชีวิต ดังนั้น การปลุกเสก จึงหมายถึง การทำให้เกิดมีชีวิต นอกจากอาศัยพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในระดับบรรลุโมกษะแล้ว ยังต้องใช้วิชาความรู้ชั้นสูงของวิชาโหราศาสตร์ด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากการกำหนดฤกษ์ใน พิธีเบิกเนตรรูปประติมากรรม พิธีจารึกสูตรสำคัญทางโหราศาสตร์ ที่เรียกว่า หัวใจคาถา ลงบนรูปเคารพ เช่น ศิวลึงค์ โยนี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือความหมายแทนสัญลักษณ์ของ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ในท้องฟ้าที่เกิดมาเป็นรูปกายในโลกมนุษย์ ถือว่าเป็นรากฐานการกำเนิด “ลัทธิเทวราช” ขึ้นในดินแดนที่นับถือศาสนาพราหมณ์ในสมัยโบราณ ส่วนบ้านเมืองที่นับถือศาสนาพุทธเปลี่ยนแปลงมาเป็น “ลัทธิโพธิราช” และ “ลัทธิพุทธราช” หรือ “ธรรมราชา” ในปัจจุบัน

    วัตถุธาตุที่มีชีวิต-การสร้างวัตถุธาตุที่มีชีวิต
    เขียนเรียบเรียงโดย พลตำรวจโท สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ผู้สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2012
  3. nice57230

    nice57230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +163
    ขอบคุณครับ
    เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ
    เพราะว่าการปลุกเสกบ้านเรามีเยอะครับ
    จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

    เหมือนมีคนเคยบอกผมนะครับว่า
    การปลุกเสกก็มีหลายระดับนะครับ
    บางอย่างก็มีชีวิตได้โดยอาศัยพลังงานระดับต่ำ
    บางชนิดก็ใช้สัญลักษณ์ในการสื่อพลังงาน
    บางชนิดก็เป็นลักษณะเหมือนเป็นที่ประจุพลังงานเฉยๆ
    เหมือนแบตตารี่(มีแบตอ่อนได้)
    สามอย่างนี้เขาว่าคนทั่วไปก็ทำได้
    หรือมีสมาธิฌาณก็ทำได้
    แต่ที่ระดับสูงจะเป็นวัตถุธาตุที่มีชีวิตและสามารถทำงานเองได้
    โดยการสร้างกลไกการเชื่อมโยงพลังงาน
    และเจ้าของผู้สร้างก็สามารถควบคุมการทำงานได้
    แม้อยู่ไกล ไม่ได้สัมผัส
    เจ้าของสามารถเปิดปิดการทำงานของมันได้ทันทีที่ต้องการ
    (ซึ่งจะไม่เหมือนการใช้วิญญาณมาใส่ในวัตถุให้ทำงาน และไม่ต้องอาศัยเวทมนต์คาถาฤกษ์ยามในการทำ)
    ผมว่าอย่างหลังนี่สุดยอดที่สุดแล้วครับ
    ใครทำได้นี่ระดับพระอริยะเจ้าเลยนะครับผม

    อนุโมทนากับคุณnataraja ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับผม ^O^
     
  5. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    วิญญาณธาตุ-ปราณธาตุ-มโนธาตุ
    บริสุทธิ์ธาตุ-เมตตาธาตุ
    ที่มีในจักรวาล และในจิตใจมนุษย ์มีความสัมพันธ์กันเป็นบ่อเกิด เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน
    กระทั่งรวมไปถึงฤทธิ์ และธาตุส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งหมด ธาตุศูนย์ ,ธาตุว่าง ,และธาตุดิน-น้ำ-ไฟ-ลม..ฯลฯ
    ก็มีความสัมพันธ์กันเป็นบ่อเกิด เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน

    คุณธรรม และปัญญา ของคนเรา เป็นตัวจัดสรร คัดสรรนำมาใช้
    พลังในทางสร้างสรรค์ ดำรงสิ่งที่ดีงามภายในจิต ภายนอกรอบทิศ
     
  6. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ผมเห็นด้วยครับ คุณnice57230 การปลุกเสกมีหลายระดับ
    ทั่วไปสามารถจำแนกในลักษณะ 3 อย่างเป็นอย่างน้อย
    คือ ๑.ผู้กระทำการปลุกเสก
    ๒.วัตถุธาตุที่ทำการปลุกเสก
    ๓.จังหวะเงื่อนของกาลจักรวาล

    ๑. ผู้ทำการปลุกเสก อาจเดี่ยวคนเดียว หรือหลายคน
    พลังงานที่ประจุลงไปเป็นไปได้ทั้ง ...
    .......... -การสวดมนตราด้วยจิตสงบเป็น พลังเมตตา ที่มีภาวะบริสุทธิ์ เช่น การสวดพระพุทธมนต์(พุทธ) การสวดมนตราแล้วเจิมวัตถุมงคลในทางฮินดู หรือทางเต๋าที่ใช้ไปในทางลักษณะพลังงานทางฮวงจุ้ย
    .......... -การใช้พลังงานจักรวาล โดยผู้นั้นสามารถเปิดจักระที่ ๗ เหนือกระหม่อม เพื่อใช้จิตและกายเป็นเพียงทางผ่านเชื่อมโยงของพลังงานในจักรวาลที่มีอยู่ในสรรพสิ่งลงไปในวัตถุธาตุ
    สองอย่างอย่างน้อยข้างต้น พลังที่ประจุลงไป

    ..........สามารถตรวจสอบเช็คคืนไป โดยการนำวัตถุธาตุมาวางใกล้ๆ หรือถือไว้ ทำจิตให้ว่าง เบา
    .......... * หากพลังงานที่มาตกกระทบอาจอยู่ในรูปแสง สี เสียง หรือมากระทบตรงจุดหัวใจมโนธาตุ หรือแผ่รอบ เป็นพลังบริสุทธิ์หรือ เมตตาธาตุก็ได้ โดยพลังจิตบริสุทธิ์ที่ไปในทางแคล้วคลาด(ธาตุศูนย์) หรือทำมาค้าขาย(เมตตาธาตุ)

    .......... * หากสัมผัสแล้ว รู้สึกถึงพลังงานที่เหนือกระหม่อม เป็นไปได้ถึงการเชื่อมโยงพลังงานจักรวาล ไว้ในวัตถุธาตุ บางครั้งบางทีรู้สึกถึงท่อใสๆที่เชื่อมขึ้นไป และโอบล้อมรอบตัวคนที่เช็ควัตถุธาตุนั้น
    ..........ท่อพลังงานดังกล่าว สามารถรู้ที่มาว่าผู้ที่ใส่พลังลงไปนั้นเค้าใส่ลงไปเพียงใด มีแรงเจตนา มีกำลังจิตเพียงใด จากความสูง และความกว้างของท่อพลังที่เชื่อมจักระที่ ๗ ออกไปยังพลังงานในจักรวาล พลังชนิดนี้อาศัยพลังการเชื่อมโยงภาวะจิตกับจักรวาล ดวงดาว ดวงอาทิตย์(สุริยัน) ดวงจันทร์(จันทรา)...

    พลังของบุคคลขึ้นอยู่กับคุณธรรม การฝึกฝนการสะสม,การรักษา และรวมไปถึงการใช้ ปราณ, มโนธาตุ ,พลังสมาธิจิต
    <o>
    ขอกล่าวลำดับที่ ๑ พอสังเขปนะครับ

    <o>
    ๒. วัตถุธาตุที่ทำการปลุกเสก ดังที่เรารู้กันว่าธาตุทุกอย่างมีกฎแห่งธรรมภายในคอยดูแล
    ..........ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาส เป็นธาตุพื้นฐานที่มีพลังและสามารถประจุพลังลงไปได้
    <o>
    ส่วนใหญ่เรามักคุ้นกัน คือ ดิน กับไฟ กับบางสิ่งที่เป็นมงคลมีพลังงานในตัวสูงอยู่แล้ว
    ..........-ดิน ที่มีพลังงานในตัว เรามักรู้จักดินกากยายักษ์ เป็นดินที่มีพลังงานใช้ทำหลวงพ่อทวด เมืองไทยมีที่เดียวที่เขาละพระยา จ.ยะลา ดินที่มีหลายสีถ้ำเชียงดาว ดินในสถานที่ ที่เป็นมงคล มีพลังศรัทธา หรือในถ้ำวิปัสสนาของอริยสงฆ์<o>
    ..........-น้ำ น้ำสะอาดในสถานที่ ที่เป็นมงคลหรือในถ้ำวิปัสสนาของอริยสงฆ์
    </o></o></o></o>..........<o><o><o><o>- วัตถุธาตุที่เป็นมงคลอยู่แล้วที่นำใช้มาเป็นส่วนประกอบในวัตถุธาตุที่มีชีวิตจากการปลุกเสก ที่มีพลังงานในตัวเองสูงในตัวเอง โดยลำดับที่นำมาใช้ อาจเป็น พระธาตุ, *เหล็กไหล , เหล็กหลบ ,เหล็กน้ำพี้, ปรอท, ข้าวหรือไม้ที่เป็นหิน ,เพชรหน้าทั่ง, หยก,ควอทซ์ ,คริสตัล เป็นต้น
    อันที่จริงก็มีเยอะกว่านี้ครับ

    </o></o></o></o>*เหล็กไหล มี ๒ ชนิด มีคุณอนันต์ และมีโทษมหันต์ เป็นดาบสองคมแก่ผู้แสวงหา และผู้ครอบครอง
    ผู้ครอบครองจึงควรตั้งมั่นในธรรม
    -เหล็กไหลบารมี(ชนิดมันวาว มีอำนาจดึงดูดคล้ายแม่เหล็ก) สีดำมันวาว หรือสีท้องปลาไหล
    -เหล็กไหลตัด มีหลายสี เช่น สีขาว-วัชรธาตุ, สีเขียว-ปีกแมลงทับ ,สีน้ำเงิน-เมฆพัด ,สีแดง-เปลือกมังคุดที่ใกล้สุก ,สีดำ ..เป็นต้น ซึ่งเป็นวัตถุธาตุที่มีพลังจิตวิญญาณในตัวเองโดยมีผู้ดูแลคุ้มครองที่มีคุณธรรมบารมีต่างๆกันเช่น สีขาวเทพพรหมชั้นสูงเป็นผู้ดูแล ,สีเขียวก็เช่นกัน ,สีแดง เหล่าพยานาคดูแล ,สีดำ พญาสมิงเจ้าป่าดูแล และการแปรเปลี่ยนวัตถุธาตุชนิดนี้มาเป็นวัตถุมงคลอีกทอดหนึ่ง(ผสมในพระเครื่องเป็นต้น) ทำได้ยากหากไม่มีความรู้พอ เพราะผู้ดูแลมักไม่ยินยอม
    <o><o><o><o><o> <o>
    ..........๓.จังหวะเงื่อนของกาลจักร กาลจักรมีความสัมพันธ์กับพลังงานต่างๆในโลก เช่นวันพระจันทร์ เต็มดวง 15 ค้ำ หรือ แรม 15 ค่ำ มีพลังเกี่ยวข้องกับพลังน้ำขึ้นน้ำลง พลังแม่เหล็กโลก พลังดึงดูดของดวงดาว หรือ การดูการโคจรของจักรราศีโดยละเอียดของตำแหน่งโคจรดวงดาว ณ ช่วงเวลานั้นๆของพิธี

    <o>..........ทั้ง ๓ อย่างนี้มีผลต่อการประจุวัตถุธาตุ การสร้างวัตถุธาตุมงคล หรือวัตถุธาตุที่มีพลังงาน
    ..........ระดับพลังงานที่ละเอียด- หยาบ, สูง- ต่ำ มาก-น้อย, เสถียร ขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้น ๓ ข้อเป็นอย่างน้อย

    </o></o></o></o></o></o></o>..........<o><o><o><o><o><o><o>และผู้ที่เข้าถึงพลังจักรวาลที่สูงสุดแล้วเท่านั้น สามารถไม่ต้องอาศัยเวทมนต์ใดๆ หรือฤกษ์ยามใดๆ ในการสร้างวัตถุธาตุให้มีชีวิตขึ้นมามีพลังสม่ำเสมอคงที่สัมพันธ์สอดคล้องกับพลังงานจักรวาลทุกตำแหน่งโคจร<o>
    ...........................</o></o></o></o></o></o></o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ธันวาคม 2007
  7. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    .......“ปราณ”ที่กล่าวไว้ข้างต้น หมายถึง “พลังงานชีวิต”ของมนุษย์ สัตว์ ในกามโลก รูปโลก อรูปโลก
    .......ทางเมืองจีน นักบวชเต๋า เรียกปราณว่า “ชี่”
    .......นักฟิสิกส์เยอรมันพบเจอธาตุนี้จึงเรียกปราณว่า “ธาตุออร์กอน”

    .......พลังงานปราณนี้ มนุษย์รับได้โดยปราณนั้นอยู่ในธรรมชาติเข้ามาในร่างกายได้หลายทิศทาง แทรกซึมเข้าบริเวณผิวหนัง จักระทั้ง๗ และตรงๆก็คือ ลมหายใจเข้า(อานะ-อัสสาสะ) ,ลมหายใจออก(อปานะ-ปัสสาสะ) ปราณกำหนดภาวะชีวิตและความตายของมนุษย์
    .......ผู้ที่เข้าถึงความลี้ลับของลมหายใจ ดังเช่นพระนักบวชชาวทิเบต ท่านย่อมรู้วันมรณะของตนเอง และแรงสืบสันตติแห่งปราณ โดยรู้(ญาณ)ว่าวิญญาณท่านที่จะไปเกิดในร่างกายใหม่ ที่ใด ลักษณะเฉพาะร่างใหม่เป็นอย่างไร และท่านจึงบอกพระลูกวัดให้ไปหาร่างนั้น ความทรงจำต่างๆของชาติเก่าบุคคลพิเศษชนิดนี้ไม่ได้ลบเลือนไปในการอยู่ในครรภ์มารดา ๙ เดือนแต่อย่างไร ณ ชาติใหม่ยังจำชาติอดีตของตนได้ นักบวชทิเบตเหล่านี้มักมีคำต่อท้ายชื่อท่านว่า "รินโปเช" เสมอมีให้เห็นหลายท่าน

    .......ศาสนาฮินดูในประเทศอินเดีย เรียกการฝึกลมหายใจเข้า-ออก นี้ว่า "ปราณายาม" หนึ่งในโยคะ๗
    .......พุทธศาสนา เรียกการฝึกลมหายใจเข้า-ออก นี้ว่า "อานาปานสติ" (มีลิงค์)
    ภาษาอังกฤษ เรียกการฝึกกับลมหายใจเข้า-ออก นี้ว่า "BREATHING"

    .......แและปราณ ยังมีความสัมพันธ์กับกายทิพย์ที่ซ้อนร่างกายหยาบ และเมื่อกายทิพย์ออกจากร่าง ปราณเปรียบดุจดัง สายใยชีวิตที่เชื่อมกายหยาบกับกายละเอียดไว้ด้วยกัน ทำให้กายทิพย์ไม่หลงทางหรือสิ้นชีวิต พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆที่กายทิพย์สัมผัสมายังสมอง และจุดมโนธาตุ

    ....... เนื้อหาข้อมูลเกี่ยวพันกับปราณ หรือพลังชีวิตมีอีกหลายแง่มุมที่ลี้ลับ รอการเปิดเผยจากประสบการณ์ตรงของท่านผู้อ่านเองครับ


    ....... ระดับวิทยาศาสตร์เชิงกายภาพ และการทำสมาธิจิตที่สัมพันธ์กับพลังงานละเอียด(ปราณ) หรือพลังชีวิตของมนุษย์
    .......ฮาห์เนมานน์กล่าวไว้ในหนังสือ Organon of Medicine ว่า “The material organism, without the vital force, is capable of on sensation, no function, no self-preservation; it derives all sensation and performs all the function of life solely by means of the immaterial being (the vital force) which animates the material organism in health and in disease”
    ....... “วัตถุที่มีชีวิต ถ้าปราศจากพลังงานชีวิต(ปราณหรือชี่)แล้วก็จะไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ได้ และจะปราศจากการักษาไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ความรู้สึกต่างๆ และการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดในชีวิตเป็นการแสดงออกของพลังชีวิต ซึ่งก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้วัตถุที่มีชีวิตอยู่ในภาวะที่มีสุขภาพดี และไม่อยู่ในภาวะที่เป็นโรค”



    .......ดร.อเล็กซ์ เกรย์ ได้เขียนภาพการประสานกันระหว่างกายเนื้อและกายทิพย์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดังภาพที่ที่ ๑ และรูปที่ ๒

    [​IMG]

    ภาพที่ ๑ (ซ้าย)และภาพที่๒(ขวา) ภาพเขียนชื่อ Global Meditation และ Energy
    จากอัลบั้มจินตภาพจากการนั่งสมาธิ ของ ดร.อเล็กซ์ เกรย์



    ขอฝากลำนำไว้เป็นการต่อท้าย
    แทนความรู้สึกที่ดีๆมามอบให้ครับ

    จงฝึกฝนณานวิถี หมั่นขัดเกลาจิตใจ
    เพ่งการกำหนดรู้ จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจของเธอ
    ดำรงอยู่ อย่างไร้ซึ่งการแสวงหาสิ่งใด

    สรรพสิ่งในสากลจักรวาล ล้วนอยู่ในภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา
    ธรรมชาติภายนอกนั้น ไร้ซึ่งแก่นสาร
    จงปลดเปลื้องความรับรู้ของเธอให้เป็นอิสระ
    ปราศจากการกักขังหรือปล่อยให้ร่อนเร่
    ไม่จำเป็นต้องระงับยับยั้งความรู้สึกนึกคิด
    แต่จงปล่อยจิตให้มันสงบลงตามกาล
    เป็นเพียงดุจประจักษ์พยาน เห็นทุกสภาพธรรมตามที่มันเป็นไป

    หากไร้ซึ่งการดึงดูดหรือผลักไส
    เธอย่อมประจักษ์แจ้งธรรมชาติแท้แห่งจิตด้วยจิต

    ธรรมชาติแท้แห่งจิต ไร้ซึ่งนิมิตหมาย ว่างจากความปรุงแต่งแห่งธาตุทั้งปวง
    คือความสว่างไสวของดวงอาทิตย์อันไม่มีประมาณ
    ขับไล่ความมืดมน อนธกาล
    ที่ปกปิดห่อหุ้มไว้นับหมื่นกัลป์ให้มลายมอดดับสลายพลัน
    นี้คือ แก่นสารัตถะแห่งวัชรจิต ไร้ซึ่งการไป ไร้ซึ่งการมา
    มิเคยเพิ่มขึ้น และไม่ลดลง คงที่ เป็นอิสระ ไม่อ้างอิงขึ้นกับเหตุปัจจัยใด


    ________________________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2012
  8. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ขุดดด..............................
     

แชร์หน้านี้

Loading...