วัตถุมงคลฉบับล้านนา วัดเขาแก้วชัยมงคล จ.สุโขทัยครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kwang0197, 5 กันยายน 2013.

  1. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ประวัติวัดเขาแก้วชัยมงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

    วัดเขาแก้วชัยมงคล ตั้งอยู่เลขที่ 64/2 หมู่ 11 ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย บนยอดเขาหินปนดิน มีเนื้อที่ทั้งหมด 26 ไร่ แต่เดิมบริเวณนี้เป็นป่าไม้สัก และไม้เบญจพรรณที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า”ป่าดงข่า” ซึ่งชาวอำเภอเถิน จังหวัดลำปางได้พากันอพยพมาตั้งถิ่นฐาน ทำมาหากินกันเป็นพวกแรก และได้เดินทางติดตามกันมาเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากขึ้น ดังนั้นจึงได้ปรึกษาหารือในการที่จะสร้างวัดขึ้น ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา โดยระยะแรกได้นิมนต์ท่านพระอธิการมาแก้ว จากวัดเหล่าน้อย อำเภอเถิน จังหวัดลำปางมาเป็นประธานในการก่อสร้างวัด เมื่อปี พ.ศ. 2482 และได้ตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดวังต๊องดอย”
    ต่อมา พ.ศ. 2491 ท่านพระครูวิมลปริยัติการ เจ้าอาวาสวัดเด่นแก้ว อำเภอเถิน จังหวัดลำปางได้มาบูรณะเพิ่มเติมและได้เปลี่ยนชื่อวัดแห่งนี้ใหม่ว่า “วัดเขาแก้วชัยมงคล”

    สาเหตุที่ตั้งชื่อวัดดังนี้ก็เพราะว่า บนยอดเขาโดยทั่วไปมีหินแก้วผลึกรูปสี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม กระจัดกระจายอยู่เต็มบริเวณเป็นจำนวนมาก
    ต่อมา พ.ศ. 2492 หลวงปู่ครูบาอินทนิจ (พระครูบรรพตรัตนชัย) ได้มาเป็นเจ้าอาวาสและได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์และได้พัฒนามาเรื่อยๆตามลำดับ มี วิหาร อุโบสถ เจดีย์ ศาลาการเปรียญ ห้องประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ปัจจุบันมีพระสมุห์ภูไทย ปภากโร เป็นเจ้าอาวาส
    ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม มีห้องพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นบ้าน มีห้องสมุดประชาชน มีห้องแสดงนิทรรศการ ห้องประชุม เป็นแหล่งเผยแพร่คุณธรรมจริยธรรมของตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์

    โดยส่วนตัวแล้วมีโอกาสเดินทางผ่านวัดเขาแก้วนี้เป็นประจำครับ ถ้ามีโอกาสหรือมีเวลาว่างๆ ผมจะขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุเป็นประจำ วัดอยู่บนภูเขาติดถนนใหญ่เลยครับ สังเกตง่ายและเดินทางสะดวก เพราะถนนที่ตัดผ่านแถวนั้น เดี้ยวนี้พัฒนาเป็น 4 เลนแล้วครับ


    ถ้าท่านใดมีโอกาสผ่านไปยังอ.ทุ่งเหลี่ยม จ.สุโขทัย ลองแวะไปกราบสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุดูครับ เป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิตแล้วครับ สาธุๆ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 341655.jpg
      341655.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.3 KB
      เปิดดู:
      452
    • 1141903.jpg
      1141903.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.7 KB
      เปิดดู:
      322
    • 1141921.jpg
      1141921.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      236
    • 1141924.jpg
      1141924.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      228
    • 1141925.jpg
      1141925.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.6 KB
      เปิดดู:
      299
  2. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    พระพุทธรูปที่สำคัญของวัดเขาแก้วชัยมงคลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญภายในวัด

    พระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จพระพุทธสมณโคดม พระประธานในอุโบสถ
    หลวงพ่อพระเจ้าต๋นหลวง รูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย แกะจากไม้ขนุน

    รูปเหมือนครูบาเจ้าอินทนิจ (พระครูบรรพตรัตนชัย บูรพาจารย์ของวัดเขาแก้วชัยมงคล)

    พระบรมสารีริกธาตุ
    สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานเพื่ออัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดเขาแก้วชัยมงคล เมื่อปลายปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ พระสมุห์ภูไทย ปภากโร เจ้าอาวาสวัดเขาแก้วชัยมงคล องค์ปัจจุบัน ได้ทำหนังสือกราบทูล สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เพื่อขอประทานพระบรมสารีริกธาตุจากพระองค์เพื่ออัญเชิญประดิษฐานถาวร ณ วัดเขาแก้วชัยมงคล ทั้งนี้เพื่อเป็นที่สักการบูชา ที่ยึดเหนี่ยว จิตใจเป็นที่ตั่งมั่นแห่งพระพุทธศาสนาเป็นสิริมงคล เป็นขวัญกำลังใจแก่พระภิกษุ สามาเณรและพุทธศาสนิกชนสืบต่อไป ตามหนังสือกราบทูลที่ พิเศษ/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ และทางเจ้าหน้าที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โดยพระเดชพระคุณพระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้นำความขึ้นกราบทูล ทรงทราบฝ่าพระบาท ทรงอนุโมทนาและประทานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญประดิษฐานบรรจุไว้ ณ วัดเขาแก้วชัยมงคล ตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ตามหนังสือที่ พ ๐๒๖/๒๕๕๐ และทรงประทานอนุญาตให้เข้าเฝ้าเพื่อรับประทานพระบรมสารีริกธาตุ ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 341653.jpg
      341653.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.3 KB
      เปิดดู:
      114
    • 341638.jpg
      341638.jpg
      ขนาดไฟล์:
      385.3 KB
      เปิดดู:
      205
    • 341641.jpg
      341641.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.8 KB
      เปิดดู:
      248
    • 341640.jpg
      341640.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.1 KB
      เปิดดู:
      101
  3. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ประวัติ พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร เจ้าอาวาสวัดเขาแก้วชัยมงคล


    พระเกจิอาจารย์ผู้ทุ่มเทศึกษาสืบสานวิทยาคมล้านนา​


    พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร
    เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๕ ตรงกับ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ณ บ้านใหม่ชัยมงคล ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

    อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ อุโบสถวัดเขาแก้วชัยมงคล ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย โดยมี หลวงปู่ครูบาอินทะนิจ จิตฺตสุโภ (พระครูบรรพตรัตนชัย ) เจ้าอาวาสวัดเขาแก้วชัยมงคล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิบูลธรรมทัต วัดท่าวิเศษ เป็น พระกรรมวาจาจารย์พระครูสิริปัญญาภิราม วัดม่อนศรีสมบุวณาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้อยู่ ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆจาก ครูบาอินทนิจ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นพระเถระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย รุ่นเดียวกับ หลวงปู่โถม อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย

    ศึกษาเพิ่มเติมได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนด้านอักษรล้านนา และสัพพะวิทยาต่างๆ ที่จังหวัดน่าน ณ สำนักวัดสวนตาล จังหวัดน่าน ขณะเดียวกันก็ได้ เรียนนักธรรม จนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก สอบบาลีได้ประโยค ๑-๒ และได้ออกเดินธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามที่ต่างๆ ในจังหวัดน่าน พะเยา ลำปาง จนถึง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขณะที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่อำเภอแม่สอดนั้น หลวงปู่ครูบาอินทนิจ ได้ให้คนไปตามกลับมา เพื่อช่วยท่านสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่วัดเขาแก้วชัยมงคล ซึ่งขณะนั้น ท่านชราภาพมากแล้ว หลังจากนั้นได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาส จนถึง พ.ศ. ๒๕๔๖ หลวงปู่ครูบาอินทนิจ ได้มรณภาพลง (อายุ ๘๓ ปี) ทางคณะสงฆ์โดยเจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม ได้แต่งตั้งท่านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส จนถึงปัจจุบัน

    ได้รับการศึกษาสัพพะวิชาอาคมจากครูบาอาจาย์ ต่างๆ อาทิ
    -ได้ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ กับหลวงปู่ครูบาอินทนิจ พระอุปัชฌาย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาแก้วชัยมงคล เกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงของจังหวัดสุโขทัย
    -ได้รับการสืบทอดตำรับตำราของครูบาชุ่ม ธมฺมวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดน้ำโท้ง อ.เถิน จ.ลำปาง เกจิอาจารย์ผู้มีความขลังด้านเมตตามหานิยม ผู้สร้างผ้ายันต์ พรหมสามหน้า และ ผ้ายันต์ม้าเสพนาง อันเอกอุ และ เจ้าตำรับ ตะกรุดเก้ากุ่มคุ้มเกล้า อันโด่งดัง
    - ได้ศึกษาวิชากัมมฐาน จากหลวงปู่ครูบาผัด ปุญญกาโม วัดหัวฝาย จ.สุโขทัย ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ของครูบาเจ้าพรหมา พรหมจักโก เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    - ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ครูบาครอง ขตฺติโย พระเถระผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ป่า เป็นเวลากว่า ๖๐ ปี
    - ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ครูบาคำปัน ปภากโร (พระครูรัตนปภากร) วัดนาแส่ง จ.ลำปาง พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมล้นไปด้วย เมตตาบารมี
    - ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง จ.ชลบุรี ผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี และได้รับการถ่ายทอดวิชา ลงนะหน้าทองจากหลวงปู่บุญ และสัพพะวิชาอาคมต่างๆอีกมากมาย
    - เป็นผู้เก็บรักษา ไม้เท้าคู่บารมี ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน ผู้ซึ่งเป็นศิษย์เอกครูบาศรีวิชัย ซึ่งลูกศิษย์ครูบาท่านหนึ่งได้มอบให้
    - เป็นผู้เก็บรักษา ไม้เท้าคู่บารมีหลวงปู่ครูบาเจ้าวงศ์ (ครูบาชัยวงศาพัฒนา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งลูกศิษย์ครูบาท่านหนึ่งได้มอบให้
    - เป็นผู้เก็บรักษา (ผ้าป๋าต๊ะ) รอยฝ่ามือ ฝ่าเท้า ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา


    สืบสานตำราครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น

    หลวงพ่อครูบาวัง ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่เจริญด้วยพรหมวิหารธรรม ดยเฉพาะเมตตาเป็นที่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์และญาติโยมที่เคารพนับถือท่าน เดินทางมากราบนมัสการอย่างไม่ขาดสาย บ้างมาขอให้ท่านประพรมน้ำมนต์และทำเทียนสะเดาะเคาะห์ เมื่อมาแล้วหลวงพ่อครูบาวังจะเมตตาจ่ายแจกวัตถุมงคลให้มีอาทิ เหรียญ รูปเหมือน ยันต์เก้ากุ่ม ยันต์หนีบ ตะกรุดและผ้ายันต์ม้าเสพนาง และตะกรุด 108 ดอก ล้วนแล้วแต่เข้มขลังเมตตามหานิยมครบถ้วน จากปฏิปทาที่ท่านเป็นพระเถระที่เจริญจิตภาวนาบำเพ็ญวิ ปัสสนากรรมฐานและศึกษาเวทย์วิทยาคมตลอดมา วัตถุมงคลของท่านนอกจากจะศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธานุภาพเข้มขลังแล้ว ยังมีปริศนาธรรมแฝงอยู่เสมอ

    คืนหนึ่งขณะที่พระอาจารย์ภูไทย กำลังทำกรรมฐานอยู่ ได้นิมิตไปว่า ได้ไปเจอะพระภิกษุชรารูปหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้เองหลังโบราณ ในนิมิตรท่านอาจารย์ภูไทย ได้เข้าไปกราบท่านและขอเรียนวิชากับท่าน ท่านได้เมตตาบอกสอนวิชาพร้อมกับบอกเคล็ดลับบางประการให้ทราบ ทั้งๆที่ตอนนั้นยังไม่ทราบเลยว่าพระภิกษุชรารูปนั้นชื่ออะไร อยู่วัดไหน หลังจากคืนนั้นแล้ว ท่านได้พยายามสอบถาม และพยายามค้นหาว่าพระภิกษุรูปนั้นคือใคร

    จนวันหนึ่งหลังจากท่านพระอาจารย์ได้ไปร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคลของหลวงปู่บุญ โสภณวัดทุ่งเหียง จ.ชลบุรี เสร็จงานท่านได้เดินทางไปจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำธุระบางประการ ณ ที่นั้น ท่านได้เจอะพระรูปหนึ่ง ก็ได้สนทนากัน และท่านได้เล่าเหตุนิมิตรในคืนนั้นให้พระรูปนั้นฟัง พระรูปนั้นก็บอกว่า น่าจะเป็นหลวงพ่อครูบาวัง วัดบ้านเด่น จ.ตาก ซึ่งท่านได้มรณะภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๖ แล้ว

    จากนั้นเพื่อความกระจ่างชัด ท่านพระอาจารย์ภูไทย ได้เดินทางมายังจังหวัดตาก พร้อมพระรูปนั้น ปรากฏว่า เมื่อเห็นกุฏีหลังหนึ่ง ท่านบอกได้เลยว่า เป็นกุฏีที่เห็นในนิมิตรจริงๆ และเมื่อไปเห็นรูปหลวงพ่อครูบาวัง ก็เป็นองค์เดียวกับที่ท่านเห็นในนิมิต จากวันนั้นท่านพระอาจารย์ได้พยายามเสาะแสวงหาสอบถามว่า ลูกศิษย์หลวงพ่อวังที่มีชีวิตอยู่ จนได้พบกับโยมพ่อเหลือ ซึ่งถือว่าเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหลวงพ่อวัง ที่ได้เรียนวิชากับท่าน พระอาจารย์ได้บอกเล่านิมิตในวันนั้นให้โยมพ่อเหลือฟัง พร้อมกับขอถ่ายทอดวิชาสายหลวงพ่อครูบาวังทั้งหมด เพื่อสืบสานเจตนาของหลวงพ่อ พร้อมกับยกขันต์ขึ้นครูเป็นศิษย์หลวงพ่อครูบาวัง ซึ่งโยมพ่อเหลือได้ยินดีถ่ายทอดวิชาสายหลวงพ่อวังทั้งหมด ที่ท่านได้เรียนมาจากหลวงพ่อวัง อาทิ ตระกรุดยันต์ ๑๐๘ ตะกรุดเก้ากุ่ม ตะกรุดจำปาสี่ต้น ตะกรุด(ยันต์)หนีบ ผ้ายันต์ม้าเสพนาง ผ้ายันต์อิ่นแก้ว ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 430747.jpg
      430747.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59 KB
      เปิดดู:
      349
    • 1141902.jpg
      1141902.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      352
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  4. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    สืบสานวิทยาคมล้านนาตำหรับหลวงพ่อครูบาวัง วัดบ้านเด่น


    หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น จ.ตาก

    หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวจังหวัดลำพูน นามสกุลเดิมของท่านคือ ณ ลำพูน สืบเชื้อสายมาจากเจ้าหลวงเศรษฐีคำฟั้นซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน และเป็นต้นสกุล ณ ลำพูน สืบสายมาจากเชื้อเจ้าเจ็ดตน เพราะเป็นบุตรของเจ้าฟ้าชายแก้ว ซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าพระยาสุลวฤไชย (พ่อเจ้าทิพย์ช้าง) แห่งสกุลทิพยจักร์

    หลวงพ่อครูบาวัง เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๓๔ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๑๖ ท่านเป็นเพศพรหมจรรย์คือบวชตั้งแต่เป็นสามเณรจนกระทั่งมรณภาพ (บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๒ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ ๒๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ) ในขณะที่ท่านดำรงอยู่ในสมณเพศ ได้จาริกเดินธุดงค์ควบคู่กันไปกับการศึกษาตำราโหราศาสตร์และไสยศาสตร์,ตำราพระเวทมนต์คาถา ทั้งตำราที่เป็นอักษรธรรมของล้านนาและของเมืองพม่าจนแตกฉานและสามารถพูดทั้งสองภาษาได้ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนพิธีต่างๆตามตำหรับโบราณดั้งเดิมของล้านนาและของพม่า เป็นระยะเวลา ๑๖ ปี เมื่อท่านชราภาพจึงย้ายมานั่งหนักที่วัดบ้านเด่น

    หลวงพ่อท่านเป็นผู้รู้เชี่ยวชาญในเรื่องของโหราศาสตร์และไสยเวทมนต์คาถารวมทั้งศาสนพิธีตามแบบประเพณีของล้านนา ในระหว่างการถือธุดงควัตร หลวงพ่อท่านได้ประจักษ์ในสัจจะธรรมแห่งการเวียนว่ายตายเกิด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังฯ เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยส่งเสริมและมุ่งเน้นให้เขาเหล่านั้นทำความดีและรักษาศีลห้าไปพร้อมกันในขณะที่ถือครองวัตถุมงคลของท่านอยู่ในมือ ท่านมีความรู้แตกฉานในการสร้างเครื่องรางของขลัง โดยมุ่งเน้นสงเคราะห์และให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยาม เจ็บ ป่วย ไข้ ท่านทำงานในหลายบทบาทหน้าที่มาก

    ในขณะที่ท่านยังดำรงชีวิตอยู่ในสมณเพศท่านไม่เคยที่จะหยุดกิจวัตรของสงฆ์เลย ยกตัวอย่างเช่น การสร้างศาสนสถานและทำนุบำรุงวัดบ้านเด่น จ.ตาก ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือให้บุตรหลานได้มีการศึกษา บวชเรียนเป็นเณรในวัดและเป็นนักเรียนที่ดีในโรงเรียน (เพื่อติดอาวุธทางปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีพซึ่งเรียกว่าเป็นทรัพย์ภายในที่แท้จริง)นี่คือปรัชญาและวิสัยทัศน์ของหลวงพ่อครูบาวัง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชายและหญิง ส่วนมากทุกคนชอบเรียกท่านว่า พ่อตุ๊ มีความหมายว่า (พ่อพระ) ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นการแสดงถึงความเคารพนับถือเทิดทูนอย่างเต็มเปี่ยมในตัวหลวงพ่อท่านนั่นเอง ท่านเป็นพระพรหมจรรย์(ศึกษาปรมัตถ์และพระเวท)ที่ถือศีลบริสุทธิ์เพราะท่านหมดกิเลศ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม พระพุทธคุณนัง, ธัมมะคุณนัง, และสังฆะคุณนัง ในวัตถุมงคลของท่านจึงเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์และประสบการณ์มากมาย

    วัตรปฏิบัติของท่านมุ่งเน้นในการช่วยเหลือและสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ที่มีความทุกข์ กับวลีคำพูดที่ไม่มีวันตายของท่านที่ทุกคนฟังอย่างตั้งใจในคำกล่าวต้อนรับที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่เคยพบพานที่ไหนมาก่อน ในประโยคที่เหมือนกันคือ

    "ขอให้บอกพ่อมาเถิดลูก ไม่ต้องเกรงใจลูกจะเอาอะไรต้องการอะไรจากพ่อ ขอให้ลูกบอกพ่อมาเลย"

    นี่คือวลีคำพูดที่เปี่ยมด้วยเมตตาในมาตรฐานเดียวกันหมดทุกคน (ไม่เคยเลือกที่จะปฏิบัติ) ไม่ว่าลูกศิษย์และศรัทธาประชาชนทุกชนชั้น ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงระดับคนรากหญ้า สิ่งหนึ่งที่อยากกล่าวถึงซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เป็นโรคบ้าทุกชนิดที่มีความมุ่งหวังต้องการมาพบกับหลวงพ่อเพื่อให้ท่านช่วยรักษาตัวให้หายจากอาการของโรคบ้า หลังจากหายดีแล้วแต่เขาเหล่านั้นไม่มีเงิน ท่านยังให้ความเมตตาเหมือนเดิมด้วยการช่วยสงเคราะห์ค่ารถให้กลับบ้านไปหาครอบครัวและใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติสุขเหมือนเดิม

    ท่านสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ท่านเป็นพระสงฆ์อันเป็นที่รักยิ่งของทุกคน คุณงามความดีของหลวงพ่อท่านไม่เคยตายจากและจะเป็นอมตะในความทรงจำของเราเสมอ นี่คือหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่เราเรียกท่านคือ " เทพเจ้าแห่งความเมตตา "

    เครื่องรางของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในภาคเหนือ และมีประสบการณ์ความศักดิ์เข้มขลังก็คือ “ตะกรุด” ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ตะกรุด 5 ดอก,9 ดอก,108 ดอก,ตะกรุดจำปาสี่ต้น,ตะกรุดคลอดลูกง่าย,ตะกรุดแหนบใบพลู และสีผึ้งน้ำมนต์ ,ชานหมาก และเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปี2506 นอกจากนี้ ท่านยังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องรักษาไข้และโหราศาสตร์ รวมทั้งมีพรพิเศษอีกประการหนึ่งคือ ท่านสามารถนั่งเทียนสะเดาะเคราะห์ เทียนให้โชคลาภ หรือนั่งเทียนเพื่อให้ชนะคดีความยามขึ้นโรงขึ้นศาล และในเรื่องอื่นๆ วาระสุดท้ายแห่งชีวิต ครูบาวังได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2516 เวลา 24.00 น. ณ โรงพยาบาลกำแพงเพชร ด้วยวัย 82 ปี พรรษาที่ 62 โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านเด่น 56 พรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1275982810.jpg
      1275982810.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      88
    • 1275722893.jpg
      1275722893.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72 KB
      เปิดดู:
      142
    • 645743.jpg
      645743.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.2 KB
      เปิดดู:
      220
  5. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    สืบสานวิทยาคมล้านนาตำหรับครูบาวัง วัดบ้านเด่น

    คืนหนึ่งขณะที่พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร เจ้าอาวาสวัดเขาแก้วฯ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัยพระเกจิอาจารย์ผู้ศรัทธาในวิทยาคมสายล้านนากำลังเจริญจิตภาวนาเข้ากรรมฐาน ได้บังเกิดศุภนิมิตว่าได้มีโอกาสพบพระภิกษุชรารูปหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังแบบโบราณ ในนิมิตพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในภิกษุรูปนั้นเป็นอย่างยิ่งจึงเข้าไปกราบถวายสักการะท่านและขอฝากกายถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อปฏิบัติรับใช้และขอเรียนวิชากับพระภิกษุชรารูปนั้นซึ่งพระคุณเจ้าท่านได้เมตตาสอนวิชาวิทยาคมพร้อมกับบอกเคล็ดลับบางประการให้ทราบ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นพระอาจารย์ภูไทย ยังไม่ทราบเลยว่าพระภิกษุชรารูปนั้นชื่ออะไรฉายาอะไร อยู่วัดแห่งหนตำบลใด

    ความประทับใจในนิมิตนี้พระอาจารย์ภูไทย ปภากโรได้เพียรพยายามเสาะหาคำตอบเพื่อค้นหาว่าพระภิกษุรูปนั้นคือครูบาอาจารย์รูปใด

    จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากท่านพระอาจารย์ภูไทยได้ไปร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคลของหลวงปู่บุญ โสภณ วัดทุ่งเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากเสร็จงานท่านได้เดินทางไปจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำธุระบางประการ

    เมื่อไปถึงขอนแก่น พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร ได้พบกับพระสหธรรมมิกรูปหนึ่งได้สนทนากันและได้เล่าเรื่องราวในนิมิตคืนนั้นให้พระสหธรรมมิกฟังโดยอรรถาธิบายเท่าที่พอจะจำได้พระสหธรรมมิกบอกว่าเท่าที่ได้สดับรับฟัง รูปลักษณ์ อากัปกริยา วิทยาคุณที่ได้ปรากฏออกมาน่าจะเป็น”หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน “ วัดบ้านเด่น จ.ตาก ซึ่งท่านได้มรณะภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 แล้ว

    เพื่อความกระจ่างตอบโจทย์ที่ยังค้างคาใจจากอนุสนธิศุภนิมิต พระอาจารย์ภูไทย พร้อมพระสหธรรมมิกได้เดินทางมายังจังหวัดตาก จุดหมายปลายทางคือวัดบ้านเด่น

    เมื่อถึงวัดบ้านเด่น พระอาจารย์ภูไทย เห็นกุฏิหลังหนึ่งก็จำได้ว่าชัดเจนว่าเป็นกุฏิเหมือนกับที่เห็นในนิมิต และเมื่อเข้าไปในวิหารเห็นรูปหลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน ประดิษฐานอยู่ พระอาจารย์ภูไทยก็รีบก้มลงกราบด้วยความปิติยินดี เพราะภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเป็นรูปลักษณ์เดียวกับที่เห็นในนิมิต

    สาธุ.......หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาวิทยาคมแห่งเมืองตาก เจ้าตำหรับผ้ายันต์และตะกรุดม้าเสพนาง ตะกรุดเก้ากุ่ม ยันต์หนีบ อันลือลั่นสะท้านเมือง

    หลังจากวันนั้นพระอาจารย์ภูไทยได้พยายามเสาะแสวงหาลูกศิษย์หลวงพ่อครูบาวังที่มีชีวิตอยู่เพื่อขอเรียนวิชาสืบสานวิทยาคม จนกระทั้งได้มีโอกาสพบกับโยมพ่อเหลือ สิงห์คุณ ซึ่งเคยบวชเรียนรับใช้หลวงพ่อครูบาวังมาแปดพรรษาที่วัดบ้านเด่น หลังจากหลวงพ่อครูบาวังมรณภาพแล้วจึงลาสิกขาสึกออกมา โยมพ่อเหลือ สิงห์คุณ นับเป็นลูกศิษย์ด้านวิทยาคมคนสุดท้ายของหลวงพ่อครูบาวังที่ได้เรียนวิชากับท่านโดยตรง

    พระอาจารย์ภูไทยได้เล่านิมิตในครั้งนั้นให้โยมพ่อเหลือฟังพร้อมแจ้งที่มาที่ไปจนดั้นด้นมาถึงที่นี่และบอกความตั้งใจที่อยากเรียนสืบทอดวิทยาคมตำหรับหลวงพ่อครูบาวัง อันเป็นศาสตร์โบราณล้านนาที่ทรงคุณค่ายิ่ง ในโอกาสนี้จะขอรับการถ่ายทอดวิชาสายหลวงพ่อครูบาวังเพื่อสืบสานเจตนาของหลวงพ่อพร้อมกับยกขันต์ขึ้นครูขอเป็นศิษย์หลวงพ่อครูบาวัง ซึ่งโยมพ่อเหลือ สิงห์คุณได้พิจาณาแล้วยินดีถ่ายทอดวิชาสายหลวงพ่อครูบาวังให้ทั้งหมดเท่าที่ท่านได้เรียนมาจากหลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน อาทิ ตะกรุดยันต์ ๑๐๘ ตะกรุดเก้ากุ่ม ตะกรุดจำปาสี่ต้น ตะกรุด(ยันต์)หนีบ ผ้ายันต์อิ่นแก้ว ผ้ายันต์ม้าเสพนาง และ ตะกรุดยอดเสน่หา อัศวะฉะนาง(ม้าเสพนาง) โดยมีเงื่อนไขกติกาว่า แต่ละอย่างแต่ละวิชาจะสอนให้สามครั้งเท่านั้นและต้องทำให้ได้ ถ้าเกินสามครั้งแล้วยังจำยังทำไม่ได้ เป็นอันว่าผ่านไป ไม่ได้วิชา

    ผลปรากฏว่าพระอาจารย์ภูไทยสามารถรับการถ่ายทอดและทำตามที่ครูอาจารย์กำหนดได้ครบทุกประการ ทั้งคาถาอาคม บทบริกรรม การจารอักขระ การถักตะกรุด การปลุกเสก ฯลฯ

    พระอาจารย์ภูไทย นับเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งยุคปัจจุบันที่สามารถรับการถ่ายทอดเพื่อสืบสานวิทยาคมตำหรับครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น ได้อย่างครบสมบูรณ์บริบูรณ์ ครบศาสตร์ครบสูตรตามแบบโบราณาจารย์ล้านนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 608152.jpg
      608152.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      155
  6. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ผมเป็นคนชอบสะสมวัตถุมงคลเป็นประจำครับ เรียกได้ว่าถ้าได้ไปวัดไหน หลังจากกราบเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำัวัดแล้ว เห็นตู้วัตถุมงคลวัดไหน จะตรงรี่เข้าไปดูก่อนเลยครับ

    บางส่วนที่ำนำมาแสดงในกระทู้นี้เป็นวัตถุมงคลที่ได้บูชามาจากวัดจริงๆครับ เป็นกระทู้ที่เผยแผร่เกียรติคุณให้หลวงพ่อพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร ท่านด้วย

    เพราะไปวัดเขาแก้วชัยมงคลหลายๆครั้ง จะเจอท่านเป็นประจำ ท่านใจดีมากๆครับ ถ้าเช่าวัตถุมงคลกับท่าน ท่านจะกำกับให้ทุกที หลังจากนั้นบางครั้งก็ได้สนทนาธรรมกับท่านบ้าง ได้ศึกษารายละเอียดแง่คิดที่ครูบาอาจารย์โบราณ ท่านนำปริศนาธรรมมาใส่ในเครื่องรางให้ลูกศิษย์ยึดเป็นหลักดำเนินชีวิตครับ

    ข้อมูลต่างๆ ต้องขอขอบคุณ หนังสือพุทธคุณ มากๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 664011.jpg
      664011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.5 KB
      เปิดดู:
      245
  7. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ตะกรุดยอดเสน่หาอัศวะฉะนาง​

    ตะกรุดยอดเสน่หาอัศวะฉะนาง (ม้าเสพนาง-ท้าวพญาปะแป้ง) จารมือ พระอาจารย์ภูไทย วัดเขาแก้ว (ลูกศิษย์สายหลวงพ่อครูบาวัง วัดบ้านเด่น)

    มหามนต์ตรา แห่งมหาเสน่ห์มหานิยม สัปปะเสน่หามนตรามหาละลวย เรียกจิตเรียกนาง เรียกเงิน เรียกทอง กรึงจิตกรึงใจแก่เพศตรงข้าม อีกทั้งป้องกันภัย มีเดชะอำนาจตบะแกร่งกล้า ตำราครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น จ.ตาก

    หมายเหตุ
    1.จากรูปที่เห็นเป็นตะกรุดดอกกลางครับ
    2. ตอนที่ไปเช่าเหลือดอกสุดท้ายพอดีครับ

    ติดราคาไว้ที่ 699 นะครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    แมงภู่คำ ฉบับล้านนา แกะจากไม้ดุมล้อเกวียน
    พระสมุห์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล

    แมงภู่คำเป็นเครื่องรางของทางล้านนาได้รับมาจากทางพม่า เครื่องรางนี้ตามประวัติเคยพบอยู่บนเสลี่ยงพระเจ้าบุเรงนองด้วยเป็นเครื่องรางที่เขาใช้กันตั้งแต่ระดับกษัตริย์จนถังสามัญชนธรรมดา การสร้างเครื่องรางนี้ต้องหาไม้ดุมล้อเกวียนโบราณที่ทำจากไม้ประดู่แดง

    พญาแมงภู่คำ ทางวิชาสายพม่านับถือมากว่า เป็นสัตว์คู่บารมีของ บายินนอง หรือบุเรงนองเป็นเจ้า บัลลังก์ที่บุเรงนองนั่งว่าราชการทั้งสองข้างจะแกะสลัก รูปพญาแมงภู่คำ เฝ้าระวังรักษาอยู่ เป็นบัลลังค์ที่ พ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง สร้างและบรรจุพญาแมงภู่คำ 8 คู่ หากบุเรงนอง จะไปรบที่ใดจะนั่งบัญชาการ ณ บัลลังก์นี้ จนชนะทั่วทั้งสิบทิศ จึงถือได้ว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ที่ช่วยบุเรงนองรักษาเมืองพม่าไว้ ทางพม่ามีตำนานบันทึกเรื่องราว เกี่ยวกับพญาแมงภู่คำอย่างละเอียดว่า เป็นแมลงมงคลศักดิ์สิทธิ์ ได้รับรัศมีทิพย์โอภาส แห่งพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งที่ตรัสรู้บรรลุธรรมวิเศษแล้ว พญาแมงภู่คำพากันบินไปยังป่าหิมพานต์ นำเอาดอกกาสลองทิพย์มารองรัตนบัลลังก์ ถวายเป็นพุทธบูชา พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเปล่งพุทธวาจาประสิทธิ์พร แก่พญาแมงภู่นั้นว่า “เป็นสัตว์ที่ประเสริฐกว่าแมลงมีปีกทั้งหลาย”

    พญาแมงภู่คำนี้ นับเป็นเอกทางโชคลาภ เมตตา ส่งเสริมดวงชะตาให้มั่งคั่ง ทั้งทรัพย์สิน ยศศักดิ์ เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คนทั้งหลาย อีกทั้งยังป้องกันคุณไสยมนต์ดำ และที่สำคัญอีกอย่างคือ หากแม้นว่าผู้หนึ่งผู้ใดคิดร้ายต่อผู้บูชา พญาแมงภู่คำ จะไปทำร้ายบุคคลนั้น ให้ได้รับความเจ็บปวดและหลาบจำ ถ้าปรารถนาสิ่งใด จงอธิษฐานบอกกล่าวเอาเอง จะสมประสงค์ดังที่หวัง

    ตอนไปเช่าผมเจอหลวงพ่อครับ ก็เลยเข้าไปกราบท่าน พร้อมถามว่า
    "ทำไมต้องใช้ไม้ดุึมล้อเกวียนครับ"
    "เป็นความเชื่อโบราณโยม ไม้ดุมล้อเกวียนใช้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ผู้บูชาจะได้เจริญก้าวหน้าตลอดไป"

    หลวงพ่อยังบอกด้วยว่าไม้ดุมล้อเกวียนสมัยนี้หายากมากๆครับ (เพราัะไม่มีใครใช้เกวียนแล้ว ต่อไปคงต้องปรับเป็นอย่างอื่น)

    รายการนี้บูชาที่ 800 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1319.jpg
      IMG_1319.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      215
    • IMG_1320.jpg
      IMG_1320.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      136
    • IMG_1321.jpg
      IMG_1321.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      107
  9. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    พระสีวลี ลอยองค์ปางจกบาตร
    ใต้ฐานอุดพระธาตุ

    วัดเขาแก้วชัยมงคล ​


    เคล็ดการบูชาพระสีวลี

    พระสีวลีเป็นพระเถระ ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า เป็นพระอรหันต์ที่เลิศทางลาภสักการะมาก หากผู้ใดมีพระสีวลีไว้บูชา ประจำบ้านเรือน จะนำโชคมหาลาภ มาสู่ท่านผู้บูชา ในธุรกิจ การค้า หรือเคหาสน์สถานบ้านเรือน หากได้บูชาพระสีวลีแล้วจะสำเร็จดังปรารถนาแน่นอน

    สำหรับการบูชาพระสีวลีมีดังนี้

    ในการบูชาพระสีวลีนั้น ให้บูชาด้วยดอกบัว ๕หรือ ๙ ดอก หรือใช้พวงมาลัยที่เป็น ดอกมะลิ ดาวเรือง ใช้ธุปหอม หรือกำยานสามเม็ดก็ได้เป็นกลิ่นหอมเย็นๆๆ อย่าใช้ธุปหอมสีดำเป็นอันขาดเพราะพระสีวลีเป็นพระอรหันต์ไม่ใช่เทวดา ครับ ธูปแขกสีดำไว้บูชาเทวดา เมื่อจะบูชาให้เอาพวงมาลัยถวายใส่พานถวายหน้ารูปเคารพแทนองค์พระสีวลี หรือ เอาดอกบัว ๕หรือ๙ ดอกใส่แจกัน จะมีเทียนหรือไม่ก็ได้ จุดธูป สามดอก แล้วตั้ง นโมสามจบ กล่าวคำบูชาพระสีวลีด้วยพระคาถานี้
    นโมสามจบ
    สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

    สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

    สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ
    เสร็จแล้วเอาธูปปักที่กระถาง กราบสามที
    และสวดบทนี้เพื่อขอลาภจากองค์พระสีวลี
    คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี
    (โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง)

    นโม ๓ จบ

    สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง ( ๓ จบ )

    มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ(๓จบ)
    เสร็จแล้วอธิษฐานขอเรื่องลาภ เลยโดยตรง ครับแล้วกราบสามที บทนี้เป็นบทหลวงปู่เกษม เขมโก ที่มอบให้หลวงปู่ขวัญ ปวโร ใช้บอกญาติโยมเป็นบทขอลาภพระสีวลีโบราณครับ
    ทางเว็ปพุทธคุณ(buddhakun.com)จึงขอนำมาลงให้อ่านกัน
    อนึ่ง มีเคล็ดว่า ในวันพฤหัสบดี หากสะดวก ควรถวาย น้ำผึ้ง พระสีวลีด้วยโดยจะใส่จอกเล็กถวายท่านในวันพฤหัสบดีหรือหากทุกวันได้ยิ่งดีครับ จะทำให้ท่าน บังเกิดโชคลาภ อย่างเห็นได้ชัด และเป็นเคล็ดเพื่อให้เงินทองไหลมาเทมาในเคหาสน์สถานบ้านเรือน และผู้บูชาด้วยน้ำผึ้งประจำวันพฤหัสบดี จะไม่ตกทุกข์ได้ยากเลยในชีวิต เพราะในอดีต พระสีวลีได้ถวายน้ำผึ้งแก่พระพุทธเจ้ากัสสปะ ด้วยอานิสงส์นี้เองทำให้ท่านได้เป็นพระอรหันต์ที่เลิศในทางมีลาภมากครับ เป็นเคล็ดที่นำมาฝากกันครับ

    ตั้งบูชาที่ 800 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1314.jpg
      IMG_1314.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      168
    • IMG_1315.jpg
      IMG_1315.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      104
    • IMG_1316.jpg
      IMG_1316.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      210
  10. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปลัดหัวชะมด หากินเก่งเช้าัยันค่ำ

    วัดเขาแก้วชัยมงคล


    เครื่องรางค้าขายอันดับหนึ่ง ทำไมถึงต้องทำเป็นหัวชะมด คำตอบมาจากอุปเทห์สมัยโบราณที่คนสมัยก่อนเห็นตัวชะมดเป็นสัตว์หากินเก่ง หากินคล่อง ไม่มีอด ส่วนใครจะหาคู่ ต้องการคู่ อยากได้คู่ครอง โบราณยังกล่าวอีกว่าชะมดหาคู่ครองเก่ง ฤดูครองรัก จะอยู่เป็นคู่ตลอดไป ไม่ยอมไปไหน

    แต่อย่าเอาอย่างชะมดทั้งหมด ... หมดฤดูแล้ว ตัวเมียเลี้ยงลูกตัวเดียว มันบาปครับมันบาป

    มีเครื่องรางชนิดหนึ่งที่สร้างมาแต่โบราณกาลปัจจุบันไม่พบเห็นบ่อยนัก เครื่องรางชนิดนี้อยู่กับใคร จะมีผลเป็นโดดๆ ขึ้นเหมือนมีตัวเชื่อกันว่าเยี่ยมยุทธทุกอย่าง มหานิยมมหาเสน่ห์เป็นยอด การทำมาหากินคล่องแคล่วว่องไว อุดมสมบูรณ์ การค้าขายดีเดินทางปลอดภัย กันเขี้ยวงา ยาสั่ง อสรพิษดีนักนั่นคือ “ หัวชะมด ” ด้วยความที่ชะมดเป็นสัตว์พิสดารอยู่อย่างเร้นลับเงียบสงบสุขุมรอบคอบ แต่เวลาทำอะไรจะว่องไว ต่อสู้ศัตรู ไม่ถอยหนีชะมดขี้อายแต่ขยายพันธุ์รวดเร็วมีสัญชาตญาณรู้ภัยที่จะมาถึงล่วงหน้าเหมือนมี “ เรด้า ” เสือ,สิงห์,หมาป่ายากที่จะฆ่าชะมดได้ คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครมีคือเวลาชะมดไปไหนจะปล่อยสารประหลาดทิ้งไว้ตามต้นไม้จอมปลวกโบราณจะเรียกว่า “ ชะมดฝากรัก ” สารนี้มีความแปลกและอัศจรรย์มากเป็นกลิ่นเฉพาะตัว สัตว์อื่นมาเจอ “ ชะมดฝากรัก” หลงงงงวยเดินไปไหนไม่ถูก ทำให้สัตว์หลงป่า พรานหลงทิศกันมานักต่อนักแล้ว แม้แต่ตนเองยังตามเก็บ “ ชะมดฝากรัก ” นี้ไปทำสุดยอดหัวน้ำหอมชั้นเลิศที่มีราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสนมีกรุ่นรุนแรงหอมทวนลมไปทั้งหมู่บ้าน ถ้าอยู่ในห้องแอร์กลิ่นน้ำหอมชะมดฝากรักก็จะกลบกลิ่นอื่นๆ ทั้งหมดข่มจมูกทุกคน

    ชะมดมีความพิเศษแปลกประหลาดโบราณจึงนิยม “ หัวชะมด ” เพื่ออานุภาพทางมหาเสน่ห์มหานิยม พกหัวชะมดจะค้าขายดีพิลึก (คนเก่าแก่รุ่นปู่ย่าเล่าสืบต่อกันมา)
    อ้างอิงจาก ชะมดหลวงพ่อประเทือง

    รายการนี้บูชา่ที่ 800 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1310.jpg
      IMG_1310.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      116
    • IMG_1311.jpg
      IMG_1311.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      121
    • IMG_1312.jpg
      IMG_1312.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      113
    • IMG_1313.jpg
      IMG_1313.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      245
  11. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ตะกรุดเถาวัลย์หลงพันดงสวาท อุดสีผึ้ง ๓ นาม หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง


    ตะกรุดเถาวัลย์หลงพันดงสวาท อุดสีผึ้ง ๓ นาม หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง

    เถาวัลย์ นั้นเป็นศาสตร์ ลึกลับมาแต่โบราณแล้ว เป็นของทนย์สิทธิ์ทีฤทธิ์ ในตัวเอง ตำนาน ของพวกพรานป่าล่าสัตว์จะรู้จัก เถาวัลย์ดี เช่น เดิน ไปเกี่ยวขาไม่ให้ไปบ้าง เดินไปข้ามแล้วหลงป่าเหมือน เมืองลับแลบ้าง เรื่องเถาวัลย์ อาถรรพ์นั้น มีในตำราว่า เถาวัลย์ หลงนั้นแน่นัก แค่พบเจอที่ป่า หักกิ่งมาติดตัว ท่านว่า ใครก็ห้ามไม่ไห้หลงไม่ได้ จนมีคนแต่งกลอนเอาประสบการณ์จริงของคนที่ใช้เถาวัลย์หลงติดตัวมาว่า

    " ว่านเถาวัลย์หลง งวยงงวาบหวาม ใครลอดใครข้าม เกิดความหลงใหล
    ทำซุ้มเยี่ยมยอด คนลอดไปมา เกิดความเมตตา อุรารักใคร่
    เคยพูดโผงผาง กระด้างตีรวน กลับเป็นนุ่มนวล ละมุนละไม
    ที่เคยระแวง กินแหนงแคลงจิต ศัตรูทั่วทิศ เป็นมิตรทันใด
    เปลี่ยนแปลงสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี คนปลูกคนมี เป็นศรีสดใส
    อาคารร้านค้า ใครมาลอดผ่าน ซื้อของจากร้าน ถูกจิตติดใจ
    ต้องหวนมาอีก ค้าปลีกค้าส่ง ฤทธิ์เถาวัลย์หลง เสริมส่งค้าขาย
    ว่านนี้เล่าขาน ตำนานเผยแพร่ ว่าเมืองลับแล มีมากเหลือหลาย
    ชายจึงงวยงง ลุ่มหลงไม่กลับ เกิดเรื่องลี้ลับ อยู่เมืองแม่ม่าย"

    และยิ่งมาเจอเถาวัลย์ หลงดงสำคัญที่ ขึ้นมาแกะกับต้นไทรใหญ่ และข้ามไปแกะดง ต้นสวาท นี่ซิ ไม่ธรรมดาเลย เถาวัลย์หลงสายนี้ อยู่ที่จังหวัด พัทลุง ส่วนลูกสวาทนั้น เป็นไม้มงคลที่คนใต้ว่าใช้ดีทางเมตตามหานิยมมาก เกจิยุคเก่าของสำนักตรรคศิลา เขาอ้อ ยังนำลูกสวาทของดีตามธรรมชาตินี้นำมาลงเลขยันต์ รายไหนรายนั้นพกติดตัว อย่าใด้มองหน้าผู้หญิงไดเลย กลัวผู้หญิงเดินตาม แม้ท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังนำลูกสวาทนี้มาบรรจุใส่กระดาษสา และอุดด้วนชันโรงให้ศิษย์พกติดตัวเมตตาแรงนัก
    เถาวัลย์หลง ที่ขึ้นมาชนกับต้นสวาท ตำราว่าดียกกำลังสอง โบราณว่า หายาก ข้ามไปร้อยทุ่งก็ไม่พานพบ ยิ่งเถาวัลย์หลงดงที่หลวงปู่บุญ ให้ศิษย์ผู้เป็นพรานป่าไปหามา ยิ่งเป็นของดีที่ สิบปี ร้อยปีก็หาไม่พบ เถาวัลย์หลงนี้ขึ้นไปเหนือยอดสวาท เท่ากับว่าคลุมทั้งต้นทั้งลูกทั้งดอกทั้งใบสวาทหมดทั้งต้น นี้แหละ หลวงปูบุญสั่งให้นำมา ท่านนำมาปลุกเสก และตัดเป็นท่อนๆยาวเท่า 1 องคุลี ถักเชือกลงทอง แบบโบราณ จารย์ยันต์ " กรุณาทมิฬ " แล้วท่านเจอะ หัวท้าย อุดสีผึ้งสามนาม (สีผึ้งสามนาม เป็นสีผึ้งชั้นยอดที่ผสมจากสีผึ้งครูของหลวงปู่คือ สีผึ้ง หลวงพ่อ ทาบวัดกระบกขึ้นผึ้ง สีผึ้งหลวงพ่อ อี๋ วัดสัตหีบ สีผึ้งหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม) เท่านั้นยังไม่พอท่านได้คลุกเคล้าผงหลวงปู่แก้ว ด้วย
    จำนวนการจัดสร้างเพียง ๑,๐๐๐ ดอกเท่านั้น

    ตะกรุดนี้ปล่อยต่อ 800 ครับ ขอบคุณครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1317.jpg
      IMG_1317.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      133
    • IMG_1318.jpg
      IMG_1318.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      134
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  12. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ราหูกะลาแกะ ด้านหลังจารมือ


    วัดเขาแก้วชัยมงคล ​


    โบราณจารย์ถือเป็นเคล็ดว่าใครบูชาพระราหูก็จะทำให้ชีวิตเป็นอมตะ หากแม้ดวงชะตาถึงคาดถึงที่จะตายโหงก็จะไม่ตายหรือแม้แต่ดวงชะตาตกต่ำบูชาแล้วจะทำให้ดวงชะตาดีขึ้น

    ท่านจะสร้างพระราหูจากกะลามะพร้าวซึ่งมีตาเดียวหรือกะลามะพร้าวมหาอุด(ไม่มีตา) เพราะถือว่ากะลามะพร้าวทั้งสองชนิดเป็นของทนสิทธิ์ซึ่งมีคุณวิเศษในตัวซึ่งได้มีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล

    ประสบการณ์ของผู้นำไปใช้ต่างได้รับประสบการณ์ที่ดีต่าง ๆ นานา เช่น ค้ำจุนดวงชะตา แคล้วคลาดปลอดภัย มีตบะบารมีเป็นราศรีแก่ตนใครเห็นต่างให้ความรัก ความเมตตา มีคดีความก็มีทางออกได้สิ่งร้าย ๆ ที่คาดว่าจะเกิดก็มลายสูญหายไป ป้องกันสิ่งร้ายต่าง ๆ คงกระพันชาตรี และเพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทอง

    ว่านะโม 3 จบ และว่าคาถาบูชาดวง นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง สุริยัญจะ ปะมุญจะถะ สะสิ ภุมโม จะ เทวานัง วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ ชีโว สุกะโร จะ มะหาลาภัง โสโร ราหูเกตุ จะ มะหาลาภัง สัพพะทุก ภะยัง วินาสสันติ สัพพะทุกขัง วินาสสันติ สัพพะโรคัง วินาสสันติ ลักขะณษ อะหัง วันทามิ สัพพะทา สัพพะเทวา มัง ปาละยันตุ สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุเม พุทธีง พะหะชะนานัง เอหิจิตตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา ชมภูทีเป มนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธังเอหิ บูชาตอนกลางวันให้ว่าคาถาสุริยประภา กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุยติโม มะมะ คุยติโม บูชาตอนกลางคืนให้ว่าคาถาจันทร์ประภา ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสกา มะมะ กาเสตัง กาติยะ มะมะ ยะติกา เมื่อจบแล้วให้อธิฐานขอบบารมีพระราหูตามแต่ใจจะต้องการ ทุกคนย่อมไม่พ้นกฎแห่งกรรมแต่สิ่งที่เรายึดมั่นนั้นช่วยในการเสริมกำลังใจให้มั่นคงและฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

    สนใจรายการนี้บูชาที่ 800 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1322.jpg
      IMG_1322.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      138
    • IMG_1323.jpg
      IMG_1323.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      114
  13. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    วัวธนูล้านนา ปั้นมือ พอกครั่ง วัดเขาแก้วฯ


    ตำนานการสร้างวัวธนู

    ตำรับการสร้างวัวธนูนั้น…จากคัมภีร์ใบลานที่เป็นแบบแผนการสร้างในยุคปัจจุบันได้จารึกไว้ว่า เป็นตำรับที่สืบทอดมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คัมภีร์ใบลานเกี่ยวกับการสร้างวัวธนูนี้ มีข้อน่าสังเกตอยู่ว่า จารไว้ด้วยภาษาขอม ลาวอันปรากฏว่าครั้งหนึ่งเคยตกไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ซึ่งต่อมาพระเถราจารย์ฝ่ายไทยได้ไปค้นพบแล้วนำกลับมาฟื้นฟูกันอีกครั้งหนึ่ง

    จากสาระในคัมภีร์มีการอ้างชื่อของ สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นพระมหาเถระในฐานะสังฆราชฝ่ายอรัญวาสีแห่งกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ด้วย

    อนึ่ง วัดป่าแก้วที่ว่านี้ ตามตำนานดั้งเดิมกล่าวไว้ว่าเป็นวัดที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ทั้งสมเด็จพระพนรัตก็เป็นพระอาจารย์ของพระองค์ท่านด้วย ข้อสันนิษฐานถึงสมเด็จพระพนรัต จึงมีว่า ท่านคงเป็นพระมหาเถระ ที่แก่กล้าเวทย์วิชาคาถามหาอาคม เป็นครูอาจารย์ที่แตกฉานชำนาญในไตรเพทและด้านกรรมฐานอย่างแน่นอน
    คัมภีร์ใบลานเกี่ยวกับตำราการสร้างวัวธนูได้ระบุชื่อ สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ไว้เช่นนี้ ก็น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าสมเด็จพระพนรัต รูปนี้เป็นองค์ปฐม เป็นปรมาจารย์ผู้สร้าง "วัวธนู" ขึ้นเป็นลำดับแรกในแผ่นดินสยาม
    ข้อความจากใบลานคัมภีร์ดังกล่าวที่พอจะยืนยันถึงเรื่องนี้ อีกประการหนึ่งก็คือ ส่วนท้ายของใบลานผูกนี้ ได้จารคาถาของสมเด็จพระพนรัตเอาไว้ด้วย คาถามีชื่อว่า "คาถายาจินดามณี" ซึ่งตรงกับการสร้าง ยาจินดามณี หรือสมเด็จพระนเรศวรเม็ดดำอันลือชื่อของพระพุทธวิถีนายก หลวงปู่บุญ ขันธโชติ และ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ซึ่งระบุไว้ว่าเป็นยาอาคมใช้ได้สารพัดประโยชน์ยานี้เป็นตำรับเดียวกับที่สมเด็จพระพนรัต ปรุงถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากตำราเรื่องเดียวกันได้ปรากฏมีเคล็ดวิชาอันศักดิ์สิทธิ์อีกบทหนึ่งคือ ตำรับการสร้างลูกประคำ ซึ่งระบุว่าสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว เคยสร้างลูกประคำถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคราวออกศึก ประคำนี้มีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่ผู้เฒ่าผู้แก่ แห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี ว่า "ประคำนเรศวรปราบหงสาวดี"ซึ่งพระพุทธวิถีนายก หลวงปู่บุญ ได้นำมาสร้างขึ้นในเวลาต่อมานั่นเอง

    จากหลักฐานดังกล่าวก็พอจะเชื่อถือได้เป็นแน่แท้ว่า วัวธนูในแผ่นดินสยามนี้ คงจะมีต้นกำเนิดมาแต่สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นแน่นอน

    วิธีการสร้างวัวธนู
    "วัวธนู" ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ใบลานเก่าแก่นั้น ระบุถึงวัสดุที่ใช้สร้างมีอยู่เพียง 2 ชนิด คือสร้างจากเขากระทิงอย่างหนึ่งกับสร้างจากครั่งอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำจากเขากระทิงนั้นจะต้องเอาเฉพาะแต่ส่วนปลายยอดเขาส่วนเดียวเท่านั้น มาแกะเป็นรูปวัวธนูและเขาหนึ่ง
    เขาก็สามารถนำมาแกะวัวธนูได้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น การแกะต้องตามเวลาฤกษ์ที่กำหนดเท่านั้น และจะต้องแกะคราวเดียวให้เสร็จทันเวลาด้วยมิฉะนั้นใช้ไม่ได้

    สำหรับที่ทำจากครั่ง ต้องใช้ครั่งที่เกาะติดอยู่บนกิ่งพุทราเท่านั้นและกิ่งพุทรานั้นปลายจะต้องชี้ไปทางทิศตะวันออกด้วย วัวธนูหนึ่งตัวต้องนำครั่งจากกิ่งพุทรา 3 กิ่งขึ้นไปมารวมกันสร้าง แต่การสร้างนี้มีกรณีพิเศษอยู่ว่า ถ้าครั่งนี้อยู่กับกิ่งพุทราตายพราย ท่านให้
    ใช้เพียงกิ่งเดียวก็เพียงพอเพราะจะมีอานุภาพสูงส่งอยู่แล้วสิ่งที่จะต้องเตรียมไว้ก่อนทำพิธีก็คือลวดทองแดงและแผ่นทองแดง ลวดนั้นนำไปใช้ในการตัดทำเป็นโครงร่างของตัววัว ซึ่งเป็นโครงชั้นในที่พอดูเป็นรูปเป็นร่างเท่านั้น วิธีการทำก็โดยดัดให้เป็นแกนตัว ขา คอ หาง และเขา แต่สำหรับส่วนเขาในขั้นต้นนั้นยังไม่ต้องดัดโค้งเป็นรูปเขา แต่เผื่อลวดเอาไว้ ดังนั้นจากโครงตัวต่อไปยังช่วงคอก็จะเป็นเส้นยาวเป็นโครงร่างเอาไว้เท่านั้น ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อไว้สำหรับบรรจุตะกรุด ที่สร้างขึ้นเฉพาะในพิธีนี้ไว้ตรงช่วงคอก่อนที่จะดัดต่อเป็นเขา และก่อนนำเอาครั่งหุ้มนั่นเอง.

    คาถาปลุกวัวธนู

    พุทธังเป็นโต โคธนุ กุปิโสกะ โอปะปาติกะ ธัมมัง เป็นฤทธิ์ โคธนุ กุปิโสกะ โอปะปาติกะ สังโฆ เป็นวิญญาณ โคธนุ กุปิโสกะ โอปะปาปาติกะ

    เวลาปล่อย

    ภวัสสะตังนาทิง (๑๐๘จบ)

    เวลาเรียกวัวธนู

    มาเถิดมามามิมา เอหิสวาหะ คัจฉะ อมุมหิ โอกาเสติ

    นำไปเลี้ยง 700 ครับ มีใบฝอย+วิธีเลี้ยงเดิมๆจากวัดด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1297.jpg
      IMG_1297.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      94
    • IMG_0920A.jpg
      IMG_0920A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      375.7 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_1298A.jpg
      IMG_1298A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      459.5 KB
      เปิดดู:
      92
  14. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ท่านใดสนใจรายการไหน PM สอบถามได้ครับ

    บัญชีธนาคารกสิกรไทย
    เลขที่บัญชี 233-2-36913-2 ออมทรัพย์ สาขาสวรรคโลก
    084-162-2166
    นายชำนาญวิทย์ อภิชาติตรากูล

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  15. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    สอบถามได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...