วัตถุมงคลที่สามารถป้องกันได้ถึง จรวด ปรมณู และรังสี รับฟังมาจาก หลวงปู่ชื้น พุทธสโร

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 18 ตุลาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    สาเหตุที่ จะขอนำประวัติ และวัตถุมงคล ของ....

    หลวงปู่ชื้น พุทธสโร.. วัดญาณเสน อยุธยา

    มาโพสไว้ ณ ตรงนี้ ก็เพราะว่า....

    จะขอแสดงกตเวทิตา ต่อ หลวงปู่ฯ เป็นวาระ เนื่องในโอกาสอันสำคัญ คือ....

    กำหนดการฌาปนกิจศพ
    หลวงปู่ชื้น พุทธสโร
    อดีตเจ้าอาวาสวัดญาณเสน

    ในวันที่ ๑๗ - ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙

    ณ เมรุลอยชั่วคราววัดญาณเสน
    ตำบลท่าวาสุกรี (ใกล้ตลาดหัวรอ) อำเภอพระนครศรีอยุธยา
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
    เวลา ๑๕.๐๐ น. เชิญหีบศพหลวงพ่อชื้น พุทธสโร ขึ้นประดิษฐานบนเมรุลอยชั่วคราววัดญาณเสน
    เวลา ๑๗.๐๐ น. พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๙.๐๐ น. พระราชาคณะ แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม

    วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
    เวลา ๐๗.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้า แด่พระสงฆ์-สามเณร
    เวลา ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์-สามเณร
    เวลา ๑๓.๓๐ น. พระสงฆ์ ๑๐๐ รูป รับทักษิณานุปทาน
    เวลา ๑๖.๐๐ น. เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
    เป็นประธานประกอบพิธีประชุมเพลิง

    วันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
    เวลา ๐๗.๐๐ น. พระสงฆ์ ๓ รูป บังสุกุลแปรอัฐิ-รับภัตตาหารสามหาบ
    เวลา ๐๗.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้า แด่พระสงฆ์-สามเณร
    เวลา ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ฉลองอัฐิ
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์-สามเณร
    เวลา ๑๒.๐๐ น. พระสงฆ์ ๒๐ รูป บังสุกุล
    เวลา ๑๓.๐๐ น. พระเดชพระคุณ พระราชรัตนวราภรณ์ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา วัดพนัญเชิง
    ประกอบพิธีบรรจุอัฐิ เป็นเสร็จพิธี

    พระราชรัตนวราภรณ์
    เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา
    วัดพนัญเชิง วรวิหาร
    ประธานจัดงานฯ

    พระครูวิสุทธิกิตติวงศ์
    เจ้าอาวาสวัดญาณเสน และคณะศิษยานุศิษย์
    ดำเนินงาน
    ............................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  2. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ประวัติหลวงพ่อชื้น พุทธสโร และวัตถุมงคล
    วัดญาณเสน จ. พระนครศรีอยุธยา
    โดย พนม แพทย์คุณ

    เรื่องราวทั้งหมดนี้ อ่านมาจากหนังสือ ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2006
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    เกริ่นนำ

    กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดีฉันใด วัดในกรุงศรีอยุธยา ก็ไม่สิ้นสมณะผู้บรรลุธรรมฉันนั้น
    พระสมณะผู้บรรลุธรรมขั้นสูง สมเด็จพระพุฒาจารย์(เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ฯ ยังมากราบไหว้

    พระผู้อยู่อย่างสมถะ ปฏิเสธ ซึ่ง ลาภ ยศ และสรรเสริญ
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในอดีต ทำเครื่องรางของขลังได้ทุกชนิด

    สามารถขอบารมีพุทธองค์ อธิษฐานจิตเพียงชั่วอึดใจ

    เครื่องรางของขลัง มีพลังเย็น มีประสบการณ์ดีในทุก ๆ ทาง
    เป็นที่เสาะหากันในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหมู่ศิษย์ผู้ศรัทธา

    ศิษย์เอกหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ สระบุรี
    ยอดปรมาจารย์ พระผู้เมตตาต่อสัตว์ผู้ยาก แมว ไก่ สุนัข เต็มกุฏิ

    ....................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2006
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง

    เมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500 ที่วัดญาณเสน
    ต. ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

    มีพระอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ชื่อ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้ำพระพุทธมนต์ มีชื่อเสียงมากในทางแก้คุณไสย ป้องกันภูตผีปีศาจ ถูกกระทำ โรคกรรมเก่า โรคจิตวิปริต จิตฟุ้งซ่าน คลอดลูกไม่ออก พ่นตาแดง รักษาฝี ฯลฯ

    เมื่อหลวงพ่อชื้นเสกน้ำมนต์ ให้ดื่มกินก็ปรากฏว่าหายวัน หายคืน เป็นไปอย่างน่าประหลาด เหล่าภูตผี เจ้าที่หรือวิญญาณที่มีสิงสู่ในตัวตน เมื่อรู้ว่ามีผู้นำน้ำพุทธมนต์เสกของ หลวงพ่อชื้น มา ก็รีบหนีไปผุดไปเกิดทันที จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วตลาดหัวรอ ตลาดเจ้าพรหม

    ผู้ทีชอบทางค้าขายหลวงพ่อก็จะเสกธะนางกวักเรียกคนเข้าร้านให้
    ผู้ที่ชอบทางโลดโผน ผจญภัย เป็นรั้วของชาติ ท่านก็สร้างตะกรุดโทนแจกให้

    ....................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2006
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    เล่นแร่แปรธาตุ

    ในสมัยนั้นบรรดาเกจิอาจารย์นิยมเล่นแร่แปรธาตุ โดยนำโลหะต่างชนิดกันมาผสมกัน
    เพื่อให้เป็นทองคำให้เป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ผสมโลหะ 5 อย่าง 7 อย่าง 9 อย่าง ออกมาเป็นสัตตโลหะ นวโลหะ

    อย่างเช่นหอกของพลายชุมพล ปลายหอกทำด้วยสัตตโลหะ ใครที่ว่าเหนียว เมื่อเจอโลหะผสมก็เปื่อยเป็นเนื้อต้มทีเดียว

    หลวงพ่อชื้น ท่านก็ลองวิชาของท่านเหมือนกัน
    นำโลหะมาผสมได้เนื้อเหลืองทางทองคำก็มี

    เนื้อเหลือบใสแดงขาวก็มี ท่านเรียกโลหะของท่านว่า เนื้อลูกแก้ว
    ท่านผสมไว้มากมายใต้ถุนกุฏิ เมื่อใครมาขอท่านก็หลอมเป็นลูกอมเล็ก ๆ ให้พกติดตัว ผู้ที่ได้ไปก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่าง ๆ

    ถ้าวันใดว่าง ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ไปหาตะปูสังฆวานรตามเจดีย์ร้างเก่า ๆ
    มาหลอมรีดเป็นตะกรุด

    ผู้ได้ไปก็มีความคงกระพันชาตรี มหาอุด หยุดลูกปืน จนท่านทำให้แทบไม่หวาดไหว

    ....................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พระธุดงค์มาสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น

    ต้นปี พ.ศ. 2500 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาที่วัดญาณเสน
    พบกับ หลวงพ่อชื้นเข้าโดยบังเอิญ ท่านอาจารย์ทั้งสองเกิดถูกอัธยาศัยกัน
    จึงได้สนทนาธรรมกับผู้ศึกษาธรรมย่อมรู้ญาณซึ่งกันและกัน

    เพียงสนทนากันไม่กี่ประโยคก็ทราบได้ว่ามีความรู้เพียงใด
    บำเพ็ญเพียร มามากเพียงใด


    อาจารย์ต้องการศิษย์….ศิษย์ต้องการอาจารย์

    พระธุดงค์เปรยขึ้นมาว่า ที่ท่านชื้นได้ร่ำเรียนวิชามานั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในวัตถุ
    ต้องปล่อยปละละวาง ละความโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง

    พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ และข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอีกหลายข้อ ตามแนวทางของพระพุทธองค์

    หลวงพ่อชื้น จึงได้กราบขอเป็นศิษย์ พระธุดงค์รูปนั้น ก็มิได้ปฏิเสธ

    และพูดว่า
    “นับเป็นกุศลของอาตมา ที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้ว ได้สำเร็จมรรคผล”

    นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ
    พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ

    ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน
    โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย

    และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม

    มีพระธุดงค์รูปนั้น ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย

    ....................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ความสำเร็จ

    จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือน กับอีก 27 วัน
    หลวงพ่อชื้น ท่านก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่าจิตใจสบายและสงบขึ้น

    และในคืนวันที่ 27 นั้นตอนใกล้รุ่งที่โคนต้นโพธิ์ หลวงพ่อชื้น ท่านได้ยินเสียง
    เหมือนคนหว่านทรายมารอบ ๆ ตัวท่าน

    จึงลืมตาถาม พระธุดงค์ พี่เลี้ยงว่า “นั่นเสียงอะไร”

    พระธุดงค์ จึงตอบว่า “ผีประจำต้นโพธิ์มันจะเข้าต้นไม้ มันไล่ท่านแล้ว”

    คืนต่อมาหลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์
    จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง

    หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง
    หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์
    และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์

    เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ
    เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ

    ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า

    “อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา
    ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา”

    ...................................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LP Chuen 4.jpg
      LP Chuen 4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.5 KB
      เปิดดู:
      8,281
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  8. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    พระอาจารย์มรณภาพ

    หลังจากวันนั้นแล้วพระธุดงค์องค์นั้นก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ
    เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า

    หลวงพ่อชื้น เล่าว่า พระธุดงค์องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อเสน เตชะธัมโม
    เป็นชาวโคราช อำเภอสูงเนิน

    มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็ก ๆ กับพระยาท่านหนึ่ง
    ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดบรมนิวาส ได้เล่าเรียนพระปริยัตธรรม วิปัสสนากรรมฐาน
    อยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) จนกระทั่งมีความคงแก่เรียน

    จึงได้ออกรุกขมูลธุดงค์หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ
    จนกระทั่งบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุด

    หลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ
    เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว

    และหลังจากนั้นอีก 5 ปี พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิ
    อยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน

    เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน
    ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน

    ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา

    สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอม

    หลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ

    ...................................................................................
     
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ตรงนี้ ขอแทรกคำอธิบาย ประสบการณ์ตรงของกระผมเอง
    เพื่อความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
    แต่ก็ไม่ได้บอกว่า ต้องเชื่อผมนะครับ พึงพิจารณาด้วยตัวของท่านเอง

    และได้โปรดอย่ากล่าวจาบจ้วงถึง หลวงปู่ฯ
    เพราะว่า ท่านพูดเพียงลำพังกับผม ท่านก็ไม่ได้สั่งให้ผมมาเผยแพร่ สู่ภายนอก

    ดังนั้น หากเมื่อท่านผู้อ่าน พบว่า เป็นข้อความที่โอ้อวด
    ก็โปรดกล่าวโทษเฉพาะกระผมเท่านั้น นะครับ

    ..................................................................................

    ความเป็นจริง ในสมัยที่หลวงปู่ฯ ยังทรงสังขารอยู่นั้น
    ผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ ให้ใครฟังเลย

    หลังจากหลวงปู่ฯ ท่านละจาก ทิ้งสังขาร ไว้ให้ลูกหลานได้กราบไหว้
    ผมจึงคิดว่า ควรนำเรื่องนี้ มาเล่าสู่กันฟังไว้บ้าง

    เพื่อที่ว่า อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับบางท่าน

    โดยขอเน้นว่า ไม่ได้บอกว่า ต้องเชื่อผมนะครับ พึงพิจารณาด้วยตัวของท่านเอง

    ..................................................................................

    มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อไปกราบถวายภัตราหาร แด่หลวงปู่ฯ
    ตั้งแต่เช้า ก่อน 07.00 น. เหมือนเช่นเคย

    หลังจากท่านฉันภัตราหารแล้ว ห้วงเวลาที่ว่างอยู่ ก่อนที่ท่านจะกลับขึ้นสู่เตียงพยาบาล
    ผมได้มีโอกาสได้ถามถึง “รูป” พระสงฆ์รูปหนึ่ง ยืนสะพายบาตร ที่ฝาผนังห้องของท่าน

    หลวงปู่ฯ ท่านอธิบายว่า เป็นรูปของ “พระอาจารย์” ของท่านเอง ชื่อว่า “โพธิสัตว์ เตฯ”
    (ก็คงเป็นองค์เดียวกับ “พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม”)
    หลวงปู่ฯ ท่านได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า....

    โอ.. องค์นี้เก่ง เป็นพระโพธิสัตว์ ขนาด “น้ำกรด” ท่านดื่ม อั่ก ๆ ๆ ไม่เป็นไรเลย

    พอดี ผมเห็นว่ามีช่องทาง พอที่จะกราบเรียนถามหลวงปู่ฯ
    ในเรื่องที่ค้างคาในใจ แต่ไม่รู้ว่า จะถามใคร

    ผมจึง กราบเรียนถามหลวงปู่ฯ ว่า....
    “หลวงปู่ฯ ครับ.. หลวงปู่ฯตามอาจารย์ หรือเปล่าครับ”
    หลวงปู่ฯ ท่านกล่าวโดยทันทีว่า.. “เอ้ย.. คนละพวกกัน”

    ตรงนี้ ผมก็เข้าใจได้ ตามปัญญาของผม ในขณะนั้น ว่า....
    หลวงปู่ฯ ท่านไม่ได้ปรารถนาพุทธภูมิ เหมือนท่านอาจารย์

    ผมเอง ก็ยังคาใจอยู่อีกนิดหนึ่ง จึงกราบเรียนหลวงปู่ฯ อีกว่า....
    “หลวงปู่ ครับ.. หลวงปู่ไปพระนิพพาน ชาตินี้ ใช่ไหมครับ”

    หลวงปู่ฯ ท่านเมตตา เป็นอย่างสูง มองหน้ากระผมนิดหนึ่ง....
    แล้วก็ส่งเสียงตอบ แบบว่า ไม่ได้อ้าปาก แต่ก็ส่งเสียงในลำคอ พอให้ได้ยินว่า “อื้อ ๆ”
    เพียงเท่านั้นเอง ผมก็รู้สึกว่า ปีติก่อเกิด ยินดี ปรีดา อย่างที่สุด

    กระผมเอง จาบจ้วง ที่กราบเรียนถามต่อหลวงปู่ฯ ตรง ๆ
    แต่ผมก็คิดว่า หลวงปู่ฯ ท่านก็ย่อมทราบว่า เจตนาของผมนั้น ไม่ได้มีเจตนาอันเลว
    ท่านจึงสงเคราะห์ให้ ซึ่งผมคิดว่า ท่านมีความเมตตาต่อกระผมเป็นอย่างยิ่ง
    (ซึ่งเรื่องนี้ ผมก็ไม่เคยที่จะเล่าให้ใครฟัง จนกระทั่ง ท่านละสังขาร ไปแล้ว)

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ธะวารัตตะ เย นะกะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    กรรมใด ที่ข้าพเจ้า ได้ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย และหลวงปู่ฯ เป็นที่สุด
    ด้วยเจตนาก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ขอพระรัตนตรัย และหลวงปู่ฯ เป็นที่สุด

    ได้โปรดอดโทษแก่ข้าพเจ้า นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ.

    กราบ..
    กราบ..
    กราบ....

    ...................................................................................
     
  10. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เกี่ยวกับ วัตถุมงคล ที่สามารถป้องกันได้ถึง รังสี

    ตรงนี้ขอเล่าเรื่อง ที่เป็นประสบการณ์โดยตรง ที่เกี่ยวข้องแก่กระผม เท่านั้น
    จะจริง จะเท็จ อย่างไร ก็เป็นเรื่องที่กระผมสัมผัสเอง ทั้งนั้น

    ท่านจะเชื่อ หรือไม่ อย่างไร เราก็ต้องพิจารณาด้วยดุลพินิจที่ดีของตัวของเราเอง

    เรื่องวัตถุมงคล ที่ครูบา อาจารย์ ทำพิธีพุทธาภิเศกไว้ และเป็นที่ยืนยันว่า
    สามารถป้องกันภัย ได้ถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี

    หากท่านที่ไม่ได้ติดตามข่าวคราว นานา เกี่ยวกับสงครามที่จะเกิดขึ้น
    ในเร็ววันนี้ คือใน พ.ศ. 2551 – 52 – 53 ก็อาจจะมีข้อสงสัยว่า....

    จะมีวัตถุมงคลที่สามารถป้องกันภัย ได้ถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี กันไปทำไม

    ตรงนี้ ก็ไม่ได้บอกว่า จะต้องเชื่อถือกัน ตามที่ผมกล่าวถึง

    ก็ฟัง ๆ ไว้ก่อน เรียกว่า ฟังหูไว้หู รู้ไว้บ้างประดับความรู้ ดีกว่าที่จะไม่รู้อะไรเลย
    แล้วค่อย ๆ ใคร่ครวญจากสภาวะ และสถานการณ์ของโลก ในอนาคตอันใกล้นี้

    ..................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ครั้งแรก ที่ได้รับฟัง

    เรื่อง วัตถุมงคลที่สามารถป้องกันภัย ได้ถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี

    ที่กระผมเอง มีประสบการณ์ตรง เป็นอันดับแรก ก็คือ....

    เมื่อปี พ.ศ.2535 ที่บ้านสายลม สะพานควาย ประมาณสัก 2-3 เดือน
    ก่อนที่องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ(หลวงพ่อฤาษีฯ) จะละสังขาร

    ท่านได้บอกให้ญาติโยมที่มาถวายสังฆทาน และท่านก็แจกพระคำข้าว ว่า....
    (กราบขอขมาตรง ต่อองค์หลวงพ่อฯ ที่ไม่สามารถจดจำได้ทุกคำพูด)
    “..เอ่อ โยม พระคำข้าว เนื้อขาว ๆ เก็บไว้ให้ดีน่ะ ทำได้ยาก ทำพิธีเหมือนกับ
    พิธีของสมเด็จโตฯ อีกไม่เกิน 20 ปี ราคาองค์ละเป็นแสน..”

    พระคำข้าว และวัตถุมงคลขององค์หลวงพ่อฯ ที่ทำพิธีพุทธาภิเศก
    หากจำไม่ผิด เท่าที่อ่านพบมา ท่านก็ยืนยันมานานแล้ว ตั้งแต่ ปี 2521 เป็นต้นมา

    ว่า วัตถุมงคลที่ท่านทำพิธีพุทธาภิเศก นั้น ท่านก็เพียงนั่งในพิธีเฉย ๆ
    เรื่องพิธีปลุกเสก เป็นเรื่องของ “พระ” ท่านเป็นผู้ทำเอง
    และ “พระ” ก็รับรองว่า วัตถุมงคลทุกชิ้น สามารถป้องกันภัยได้ทุกอย่าง
    ตลอดไปจนถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี

    ความจริง เรื่องวัตถุมงคลขององค์หลวงพ่อฯ คงไม่ต้องกล่าวกันมากไป
    เพราะว่า ศิษยานุศิษย์ขององค์หลวงพ่อฯ ต่างก็รับรู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว

    ...................................................................................
     
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    วาระที่สอง ที่ได้รับฟัง

    เรื่อง วัตถุมงคลที่สามารถป้องกันภัย ได้ถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี
    หลังจากได้รับความรู้ ได้ซึมซับเรื่องราววัตถุมงคล จากองค์หลวงพ่อฯ มาแล้ว
    ผมก็ไม่ได้ดิ้นรนกระไรอีก (แต่ก็มีบ้างที่เก็บ หาเก็บ ในครูบาอาจารย์ คณะเดียวกัน)

    ต่อมา ก็มีเพื่อน ๆ ที่มีประสบการณ์มา เล่าให้ฟังว่า....
    พระสงฆ์ ที่เอ่ยปากกล่าวรับรองผลว่า วัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น(พุทธาภิเศก)
    สามารถป้องกันภัย ได้ถึง ปรมณู นิวเคลียร์ และ รังสี นั้น

    หลวงปู่ชื้นฯ วัดญาณเสน ก็เคยได้กล่าวไว้ เช่นกัน

    ในวาระแรก ๆ ผมเองก็เพียงรับฟังไว้ เพราะว่า ไม่เคยสัมผัสกับท่านมาก่อน
    เพียงแต่ เมื่อได้ยินชื่อของท่าน ก็มีความเลื่อมใสขึ้นมาเอง
    (อาจจะเพราะว่า บังเอิญ ชื่อของแม่ของกระผม ชื่อเดียวกับหลวงปู่ฯ)

    ต่อมา..
    เคยได้พบ “นายช่าง” กรมชลประทาน ท่านหนึ่ง ที่บันทึกลงสมุดบันทึกส่วนตัว ว่า
    ปีนั้น.. ปีนี้.. หลวงปู่ชื้นฯ ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเศก กับเกจิอาจารย์ต่าง ๆ
    หลังจากพิธีนั่งปรก หลวงปู่ฯ ท่านก็ลุกขึ้นยืน ใช้มือแตะไปที่กองวัตถุมงคลทั้งหมด
    แล้วก็เอ่ยว่า “ขอให้วัตถุมงคลทั้งหมด ที่เข้าพิธีในวันนี้ สามารถปกป้อง กันภัยได้ทั้งหมด ตลอดจนถึง ปรมณู และรังสี”

    นายช่างฯท่านนั้น ก็ได้ให้ผมอ่านบันทึก ที่เขาบันทึกไว้
    จากการอ่านบันทึกว่า หลวงปู่สิมฯ วัดถ้ำผาปล่อง ท่านก็เคยเข้าร่วมพิธี
    พร้อมกับหลวงปู่ฯ

    แต่ก็เป็นบันทึกของคนอื่นอยู่ดี

    ซึ่งผมเองก็เชื่อ และศรัทธา ต่อหลวงปู่ฯ แต่ก็ไม่ได้ขวนขวายนัก

    จากนั้น ในห้วงเวลาต่อมา ได้กราบพบหลวงปู่ฯ ได้พบ ได้เห็นปฏิปทา
    และความรู้พิเศษ ของหลวงปู่ฯ ก็ยิ่งเกิดความศรัทธา เลื่อมใส มากยิ่งขึ้น

    แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะถามเรื่องที่หลวงปู่ฯพูดในเรื่องวัตถุมงคล

    เพราะว่า ไปกราบท่าน ถวายภัตราหารแด่ท่าน ได้นั่งชมบารมีท่าน
    นัยตาท่านใสแจ๋ว ริมฝีปากแดง อารมณ์ดี ดูสดชื่นแจ่มใส น่าชื่นใจยิ่งนัก

    เพียงแค่นี้ ก็นับว่าคุ้ม อย่างยิ่งแล้ว

    สาธุ สาธุ สาธุ
    กราบ.. กราบ.. กราบ....

    ...................................................................................
     
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มีเพื่อนผม ท่านหนึ่ง นำ "พระเครื่องเนื้อดินเผา" พิมพ์ของหลวงปู่ฯ
    ที่สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.2500 มาให้ผม

    ผมเอง ก็ดูไม่เป็น ไม่มีความชำนาญ ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ฯ
    ก็นึกในใจว่า.. เอ.. จะปลอม หรือเปล่า ก็ไม่รู้ ตั้งแต่ปี 2500 ก็นานมาแล้ว

    ก็คิดไว้ในใจว่า เราก็นำไปถามหลวงปู่ฯ ก็ได้ ว่าปลอม หรือเปล่า

    แต่จิตก็กังวลว่า เอ.. แล้วจะถามหลวงปู่ฯ ว่าอย่างไรดีล่ะ

    หากจะถามว่า “พระ” นี้ ปลอม หรือเปล่า
    ก็คิดได้ว่า หลวงปู่ฯ ท่านก็ย่อมจะบอกว่า “ไม่ปลอม”
    เพราะว่า เมื่อสร้างสำเร็จเป็นองค์พระแล้ว จะปลอมได้อย่างไรกัน

    ก็นึกคำถาม ที่จะกราบเรียนถามหลวงปู่ฯ ว่า
    “พระ” องค์นี้ สร้างในวัดฯ หรือ นอกวัดฯ

    ก็คิดว่า เป็นคำถามที่ฉลาด ดีแล้ว จะต้องได้คำตอบที่แน่ชัดได้แน่ ๆ

    ...................................................................................
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    วันต่อมา....

    ก็มีโอกาสเดินทางไปกราบ และถวายภัตราหาร อีกวาระหนึ่ง

    ก็รอโอกาส ที่หลวงปู่ฯ ฉันภัตราหารเสร็จแล้ว นั่งคุยกับลูกหลาน
    ผมก็เลยนำ “พระเครื่องเนื้อดินเผา” ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นส่งให้หลวงปู่ฯ

    ขณะที่กระผมจะได้เอ่ยปาก กราบเรียนถามหลวงปู่ฯ ตามที่ได้ตั้งใจไว้
    แต่ทว่า หลวงปู่ฯ ได้นำ “พระเครื่อง” องค์ดังกล่าว จับยกขึ้นแตะหน้าผาก

    มือของผมที่พนมขึ้น เพื่อกราบเรียนถามหลวงปู่ฯ
    ก็เลยเป็นการสักการะพิธีกรรมที่หลวงปู่ฯ เสกให้

    จากนั้น ไม่น่าเกิน 1 นาที ท่านก็ลืมตา และยื่นส่ง “พระเครื่อง” คืนมาให้กระผม
    พร้อมกับพูด ว่า....

    “..เอาไป ลูก ป้องกันมีด ปืน จรวด ปรมณู รังสี นิวเคลียร์ ป้องกันได้ทั้งหมด”

    โอ้โห.. โอ้โฮ.. สำเร็จเสร็จสิ้นในครั้งเดียว จริง ๆ เลยครับ

    หลวงปู่ฯ ท่านรู้วาระจิต ที่ผมสงสัยทุกประการ....

    ผมสงสัย แต่ไม่เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ฯ ตรง ๆ เกรงจะเป็นโทษ
    ผมสงสัย ว่า หลวงปู่ฯ ท่านพูดจริงไหม เรื่องวัตถุมงคลของท่าน ป้องกันรังสีได้
    ผมสงสัย ว่า “พระเครื่อง ที่ได้รับมานั้น ปลอม หรือไม่

    ท่านเสก พร้อมอธิบาย เสร็จเรียบร้อย ตามที่ผมสงสัยทุกประการ

    โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก กราบเรียนท่านเลย

    กรรมใดที่ลูกหลาน ล่วงเกินหลวงปู่ ด้วยเจตนา ไม่เจตนา รู้การณ์ ไม่รู้แก่การณ์
    ของพระไตรรัตน์ และหลวงปู่ฯ ได้โปรด อดโทษ แก่ลูกหลาน ด้วยเถิด.

    กราบ.. กราบ.. กราบ....

    ..................................................................................
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    วัตถุมงคลรุ่นแรก พระรัตนจักร

    และในปี 2500 เป็นปีที่ฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ
    บรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิด ได้รบเร้าให้หลวงพ่อทำวัตถุมงคล เป็นที่ระลึก
    เพื่อแจกแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาบ้าง

    ท่านจึงตกลงจะทำ พระเครื่องเนื้อดินเผาแจก
    โดยแกะแม่พิมพ์สามเหลี่ยมเป็นองค์ พระพุทธ 3 องค์
    นั่งสมาธิด้านล่าง 2 องค์ และด้านบน 1 องค์
    ตรงกลางมี ธรรมจักร หรือ กงจักร ยกขอบด้านหลังเรียบ
    ขนาด กว้าง 3.5 ซม. X สูง 1.5 ซม. X หนา 1.5 ซม.
    นับว่าขนาดใหญ่พอประมาณ

    สร้างประมาณ 2,500 องค์ เนื้อ ดิน 9 วัด

    โดยให้ศิษย์ขุดดินหน้าโบสถ์วัดที่มีชื่อ ชัย มาให้ครบ 9 วัด คือ

    1.วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา
    2. วัดสนามไชย อยุธยา
    3. วัดโบสถ์สมพรชัย อยุธยา
    4. วัดไชยภูมิ อยุธยา
    5. วัดไชโย อ่างทอง
    6. วัดไชยสงคราม อ่างทอง
    7. วัดวิเศษชัยชาญ อ่างทอง
    8. วัดชัยเฉลิมมิตร สระบุรี
    9. วัดประสิทธิ์พรชัย สระบุรี

    เมื่อได้มาครบ 9 วัดแล้วก็นำมาตำให้เหนียว ใส่น้ำพระพุทธมนต์ลงไป
    กดแม่พิมพ์ แล้วเผาให้สุกที่หน้าพระอุโบสถวัดญาณเสน

    โดยหลวงพ่อชื้น ได้ทำพิธีปลุกเสกให้ 3 คืน

    ผู้มารับแจก นำไปทดลองยิงดูปรากฏว่า กระสุนไม่ออกจากลำกล้อง ถึง 3 นัด
    เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบเข้า ท่านก็ห้ามปราม พระชุดนี้ ได้หมดไปอย่างรวดเร็ว

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2006
  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    พระรัตนจักรเนื้อชินสังฆวานร

    ในพิธีเดียวกันนี้ศิษย์ใกล้ชิดได้แกะแม่พิมพ์ พระรัตนจักร ด้วยหินมีดโกน
    ขนาดเดียวกันกับแม่พิมพ์เนื้อดิน

    นำตะปูสังฆวานรจากเจดีย์ร้างต่าง ๆ ภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    พระเครื่องเนื้อชินเงินที่หักชำรุด ของกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา

    มาให้หลวงพ่อชื้น ทำพิธีหลอม และเทเป็นองค์พระได้ 200 องค์

    แจกเฉพาะศิษย์ที่ใกล้ชิด หรือผู้ที่เป็นเจ้าภาพกฐิน ผ้าป่า

    พระชุดนี้ดีเด่นทางเมตตา และคงกระพันชาตรี เป็นที่เสาะหากันอย่างมาก

    ..................................................................................
     
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ธงผ้ากาสาวพัสตร์

    หลวงพ่อชื้น ได้นำผ้าจีวรเก่า ๆ มาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
    กว้างประมาณ 3.5 นิ้ว x ยาว 4.5 นิ้ว

    ทำตราไม้ มียันต์กงจักร ปั๊มด้วยหมึกแดง ภายในวงกลมเล็กเขียน ว่า
    พ้นภัยจริง กำจัดภัยได้จริง พระรัตนไตร เป็นที่พึ่งอย่างสูงสุด

    วงนอกเขียนว่า ธงพระรัตนจักร์ชัยสิทธิ์ กำจัดภัยยุคกาลี สัจฤทธิ์

    วงนอกสุดเป็นอักขระขอมพระคาถา ธงนี้มีประมาณ 1,000 ผืน

    ผู้ที่ได้แจกส่วนมากเป็นพ่อค้าแม่ค้า อยู่ตลาดหัวรอ ตลาดเจ้าพรหม
    ผู้ได้ไป ทำมาค้าขึ้น เป็นที่หวงแหนอย่างมาก

    ..................................................................................
     
  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ประวัติหลวงพ่อชื้น

    หลวงพ่อชื้น ท่านเกิดที่หมู่บ้านอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
    เขตติดต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุยา

    เมื่อวันพุธ เดือนสี่ หรือเดือนมีนาคม ปีมะแม พ.ศ. 2450
    เป็นบุตรของ นายจันทร์ และ นางหงิม ในตระกูลชาวนา
    อาชีพหลักของชาวไทยแท้โดยทั่วไป

    วัยเด็กโยมบิดาได้นำมาฝากให้เล่าเรียนเขียนอ่านที่ วัดเกาะลอย ใกล้บ้าน

    ครั้นอายุได้ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร
    อายุเต็ม 17 ปี ลาสิกขาออกมาช่วยโยมทั้งสองทำนาอยู่ 3 ปี

    อายุครบ 20 ปี เมื่อ พ.ศ. 2470
    โยมบิดา – มารดา จึงให้อุปสมทบที่วัดเกาะลอย

    โดยมี หลวงพ่อยอด พระเกจิชื่อดัง วัดหนองปลาหมอ สระบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอธิการมาต วัดหนองแค สระบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอธิการทองดี วัดเกาะลอย สระบุรี เป็นพระกรรมวาจารย์

    ได้รับฉายาว่า “พุทธสโร”

    ..................................................................................
     
  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เมื่ออุปสมบทแล้ว

    มีความขยันหมั่นเพียรเรียนพระปริยัติธรรม
    จนสอบได้นักธรรมตรี เมื่อปี พ.ศ. 2473

    ในขณะเดียวกันก็เรียนพุทธเวท วิชาอาคม จาก หลวงพ่อยอดไปด้วย

    ในขณะนั้นที่วัดเกาะลอย มีพระภิกษุที่เชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ วิชาแพทย์แผนโบราณ
    ตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส มาบวชจำพรรษาอยู่หลายรูป เช่น....

    พระอาจารย์สาย

    พระอาจารย์ไท หรือ เสือไท ฉายาขุนโจรย่ามแดง ซึ่งล้างมือแล้ว
    หันเข้าพึ่งพระธรรมในบั้นปลายของชีวิต เก่งในทางทำตะกรุด พิสมร เสื้อยันต์
    ทำน้ำมนต์รักษาโรค ไล่ภูตผีปีศาจ วิชาผูกหุ่นกำบังกาย วิชากระสุนคด ฯลฯ

    นอกจากนั้นยังมี พระอาจารย์ไกร หรือ เสือไกร,

    พระอาจารย์ก้าน หรือ เสื้อก้าน ลูกศิษย์ของเสด็จในกรม หลวงชุมพรฯ

    ปรากฏว่า หลวงพ่อชื้น ได้ขอถ่ายทอดวิชามาจนหมดสิ้น
    เป็นวิชาของลูกผู้ชายระดับเสือ ซึ่งหนีไม่พ้นทางวิชาคงกระพันชาตรี วิชาทางมหาเสน่ห์

    ..................................................................................
     
  20. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ออกธุดงค์

    ในปี พ.ศ. 2474 หลวงพ่อชื้น ได้ไปกราบลาท่านอุปัชฌาย์ ท่านอนุสาวนาจารย์
    ท่านกรรมวาจารย์ และพระอาจารย์เสือต่าง ๆ

    เพื่อออกธุดงค์ บำเพ็ญเพียร ออกสู่โลกภายนอก

    ธุดงค์มาจนถึง ตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งขณะนั้นวัดวาอารามต่าง ๆ
    ยังรกร้าง ขาดพระสงฆ์องค์เจ้ามาดูแล

    ผ่านมาทาง วัดญาณเสน เห็นมีเจดีย์ใหญ่เป็นสง่า มีต้นไม้รกครึ้ม
    เหมาะแก่การจำศีลภาวนา จึงได้หมายตาเอาไว้

    แล้วก็ธุดงค์ต่อไปยังอ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี

    พบปะกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนั้น ๆ แล้วจึงกลับมาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาพำนัก ณ วัดญาณเสน ซึ่งขณะนั้นมีพระภิกษุดูแลวัดอยู่เพียง 2 – 3 รูป

    เมื่อหลวงพ่อชื้น มาอยู่ก็ได้ช่วยกันหักร้างถางพง ซ่อมแซมกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ
    พระอุโบสถ ให้ดูสะอาดตา เหมาะแก่การบำเพ็ญศาสนกิจ

    ชาวบ้านเมื่อเห็นวัดญาณเสน มี พระภิกษุหนุ่ม มาช่วยดูแลวัด
    ก็พากันมาทำบุญตักบาตร ทั้งวันพระ วันโกน ตามประเพณี มิได้ขาด

    ...................................................................................
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...