///วัตถุมงคล/เครื่องราง...เริ่มหน้า 72..//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 20 มกราคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1067 พระขุนแผนผสมผงพรายกุมาร รุ่นแจกทาน หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    ขุนแผนหลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์ รุ่นแจกทาน เนื้อผงพรายกุมาร เคยสมณาคุณให้กับผู้อ่านนิตยสาร พระเครื่องอภินิหาร ฉบับที่ 6 ปีที่ 1 ประจำเดือนมิถุนายน 2543 โดยจ่าโกวิทได้รับมอบมาจากหลวงปู่ฤทธิ์
    โดยรุ่นนี้มีมวลสารที่มีคุณวิเศษมาก มาย หลายอย่าง อาทิเช่น ว่านสาวหลง ว่านดอกทอง ผงสาริกาหลงรัง สีผึ้งเสน่ห์ พร้อมกันนี้หลวงปู่ได้ปลุกเสกมนต์เสน่ห์จากที่ท่านได้สำเร็จทางด้านโลกียะ
    บูชา 200 บาท

    IMG_25620219_143531.JPG IMG_25620219_143435.JPG
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1068 พระพุทธเมตตาบารมี ประจำปีมะเมีย วัดขนอนใต้ อยุธยา ตะกรุดเงินกล่องเดิม ลป.ทิม ลพ.รวย ลพ.เพิ่ม ลพ.เอื้อน
    ในโอกาสที่ทางวัดขนอนใต้จะได้ดำเนินโครงการการก่อสร้าง “วิหารคต” รอบอุโบสถ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธปฏิมารอบอุโบสถ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระชนมายุ 80 พรรษา

    ดังนั้นทางวัดจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล “พระสมเด็จพระพุทธเมตตาบารมี ปางประจำปีเกิด” ขึ้น เพื่อมอบให้เป็นของที่ระลึก เป็นสิริมงคลสำหรับชีวิต แก่ผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสร้างมหาวิหารวัดขนอนใต้

    ลักษณะของวัตถุมงคลรุ่นนี้ ด้านหน้าจะเป็นพระสมเด็จพระพุทธเมตตาบารมีปางประจำปีเกิด ด้านหลังประทับด้วยยันต์ดวงของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นดวงของผู้มีอำนาจวาสนาบารมียิ่งใหญ่ไพศาล พร้อมทั้งบรรจุด้วยแผ่นตะกรุดยันต์หัวใจพุทธคุณ “อิ สะวา สุ” ซึ่งปลุกเสกให้โดย “หลวงพ่อพูล” วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม อันสามารถเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดปลอดภัย อุดมไปด้วยโชคลาภ

    พระทุกองค์ฝังตะกรุดเงินที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม อธิษฐานจิตเสกไว้ให้ก่อนละสังขาร พระทุกองค์ บรรจุด้วยแผ่นตะกรุดยันต์หัวใจพุทธคุณ “อิ สะวา สุ” ของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

    สำหรับพิธีปลุกเสก “พระสมเด็จพระพุทธเมตตาบารมี” ปางประจำปีเกิด วัดขนอนใต้ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรก...ของเมืองไทยยิ่งใหญ่!เป็นประวัติการณ์ โดยมีพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยชื่อดัง 12 ราศี 12 ปีเกิด นั่งปลุกเสกพระสมเด็จพระพุทธเมตตา บารมี อาทิ
    หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน ประธานจุดเทียนชัย
    หลวงพ่อทอง อายุ 103 ปี วัดจักรวรรดิราชาวาส ประธานดับเทียนชัย หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้
    หลวงพ่อสำราญ วัดเสาธง
    หลวงพ่อแวว วัดพนัญเชิง
    หลวงพ่ออ๊อด วัดหน้าพระเมรุ

    บูชา 200 บาท

    IMG_25620219_143857.JPG IMG_25620219_143834.JPG
     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1069 รูปถ่ายหลวงพ่ออนันต์ วัดบางพลีน้อย หลังตะกรุด ขนาด 1 นิ้ว เลี่ยมเดิม
    หลวงพ่อได้สนใจในการศึกษาด้านคันถธุระพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้ น.ธ.เอก หลวงพ่ออนันต์ท่านก็มิได้เป็นผู้ที่อยู่นิ่งเฉย ท่านเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มอยู่เป็นนิตย์ และเป็นผู้ที่มีความขวนขวายอยู่เสมอมา หลวงพ่อท่านชอบเสาะแสวงหาอาจารย์ ท่านผู้มีวิชาความรู้ความสามารถ เพื่อขอเรียนขอศึกษา และเฝ้าฝึกฝนปฎิบัติจนกระทั่งหลวงพ่อมีความรู้ความสามารถ พิเศษในวิชาการหลายๆด้านด้วยกัน เช่น ท่านมีความสามารถในด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยการใช้พระคาถาอาคมเข้าช่วยเสกเป่าและทำน้ำมนต์ให้ดื่มตลอดจนประพรมน้ำมนต์ และด้วยตัวยาสมุนไพรตามวิธีการแผนโบราณความสามารถ ในด้านการขจัดปัดเป่าความอัปมงคลของหลวงพ่ออนันต์ท่านยังสามารถไล่ความเป็นเสนียดจัญไร และความลึกลับชั่วร้ายในทางคุณไสยด้วยวิธี

    การทางสมาธิพลังจิตและคาถาอาคมที่มีพุทธคุณยิ่ง ทั้งยังให้ความสนใจด้านวิปัสสนาธุระและการศึกษาสรรพเวทวิทยาคมจากครูบาอาจารย์หลายๆรูปด้วยกัน ในบรรดาครูบาอาจารย์ที่สอนพระกรรมฐานและถ่ายทอดพุทธาคม มีดังนี้

    ๑.โยมพ่อ หนู ปรีชา ท่านมีความสามารถในการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร การกวาดยาเด็ก การใช้พระคาถาพ่นเป่า ดับพิษไฟ ไม่ว่าจะเป็นเลอม ไฟรามทุ่ง ขยุ้มตีนหมาและอื่นๆอีกมากมาย และพระคาถาในด้านเมตตามหานิยม ด้านคงกระพันชาตรีอีกด้วยโดยที่โยมพ่อ หนู ได้ไปเรียนมากับโยมปู่ เหมือน ปรีชา หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงกและหลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ ซึ่งหลวงพ่ออนันต์ได้เรียนมาตอนเป็นฆาราวาส

    ๒.หลวงพ่อทองย้อย อุตุตโม วัดบางพลีน้อย ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการอ่านเขียนอักขระขอม และทำผ้าประเจียด ผ้ายันต์

    ๓.หลวงตาชิด วัดเกาะแก้ว ท่านเก่งทางด้านการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร โรคที่มีคนมารักษามากที่สุดก็คือ ริดสีดวง มารักษากี่หลายก็หายหมด

    ๔.หลวงปู่บุญรอด พุทธสโร วัดบางพลีน้อย ท่านผู้มีความชำนาญในการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร การจับเส้น การต่อกระดูก การเยียบน้ำมัน

    ๕.หลวงพ่อพระครูปลัดไวย์ ปัญญาทีโป วัดบางพลีน้อย ท่านผู้มีความแตกฉานในภาษาขอม ท่านเป็นอาจารย์สักยันต์ และการทำประคำ และพระคาถาพ่นเป่าทั้งหลาย และในด้านเมตตาอีกมากมาย

    ๖.พระอาจารย์กก วัดบางพลีน้อย ผู้มีความสามารถในการทำตะกรุด และการทำน้ำมนต์ในการขับไล่เสนียดจัญไร และการเสริมดวงต่างๆซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    ๗.พระครูประโชติสารคุณหรือหลวงพ่อ ฉิม พรหมโชติ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย ผู้ประสิทธิ์วิชากรรมฐานในการธุดงค์ และในการทำผง อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิเหและมวลสารต่างๆในการทำวัตถุมงคล โดยที่หลวงพ่อ ฉิม ได้ไปเรียนมาจากพระครูแถบ ติกฺเขยฺโย อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย และหลวงพ่อ ดิ่ง วัดบางวัวผู้เป็นศิษย์หลวงปู่ ปาน วัดมงคลโคธาวาส คลองด่าน และยังเป็นผู้ให้หลวงพ่ออนันต์แกะพญาวานร(ลิงจับหลัก)อีกด้วย

    ๘.โยมขลิบ เจริญสุขได้สอนพระคาถาในการขับไรเสนียดจัญไรและความอัปมงคลและพระคาถาในด้านเมตตามหานิยมให้

    ๙.โยมครูจันทร์ จังหวัดสุรินทร์ได้สอนวิชาเมตตาให้กับหลวงพ่อด้วย

    ๑๐.หลวงพ่ออนันต์ยังได้ไปเรียนวิชาทำปลัดขิกกับลูกศิษย์ฆาราวาสของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรีอีกด้วย
    บูชา 200 บาท

    IMG_25620219_145855.JPG IMG_25620219_145831.JPG
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1070 พระพุทธเจ้าขี่ไก่ อุดผงว่าน หลวงพ่ออุเทน วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร
    ***
    ไก่หากิน หมายถึง พระเครื่องพิมพ์ทรงไก่ ว่ามีพุทธคุณนำไปในทางเมตตา มีลาภผล อำนวยความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีพที่ต้องติดต่อกับผู้คนอยู่เสมอ***
    บูชา 200 บาท
    IMG_25620219_143810.JPG IMG_25620219_143717.JPG IMG_25620219_143653.JPG
     
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1071 หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน เพชรบูรณ์ แร่เหล็กน้ำพี้ ปี 52
    หลวงปู่วิชัยรัตน์ (ขุ้ย) ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดซับตะเคีียน “อริยะสงฆ์แห่งลุ่มลำน้ำกงเทพเจ้าแห่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ท่าด้วง ณ วัดซับตะเคียน” ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อทบและได้รับการถ่ายทอดวิชาทุกอย่างจากหลวงพ่อทบ ในบรรดานักปฎิบัติธรรมแล้วท่านเป็นพระยอดนักปฎิบัติ ชอบสันโดษ เป็นพระนักปฎิบัติวิปัสสนาชั้นเยี่ยม จนได้รับการขนานนามว่า “อริยะสงฆ์แห่งลุ่มลำน้ำกงเทพเจ้าแห่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ท่าด้วง ณ วัดซับตะเคียน”นับตั้งแต่หลวงปู่เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ หลวงปู่ท่านก็ออกธุดงค์มาโดยตลอด จาริกไปยัีงสถานที่ต่างๆ มากมาย ชาิติภูมิของหลวงปู่นั้น ชื่อเดิมนายวิชัยรัตน์ นามสกุล ท่อนทอง มีพี่น้องหลายคน วิทยฐานะจบการศึกษา ป.4 ในสมัยที่เป็นนักเรียนมีความเพียรในการศึกษาเล่าเรียนและได้คะแนนสูงที่สุดในชั้นเรียนสมัยที่โรงเรียนยัีงเป็นโรงเรียนวัด บิดาชื่อนายทองดี ท่อนทอง มารดาชื่อนางทองสุข ท่อนทอง ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ มีฐานะยากจน หลวงปู่เกิดเมื่อวัีนพุํธที่ 20 พฤษภาคม 2454 ปีระกา (บ้างก็ว่าท่านเกิดปีมะแม ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อายุท่านก็จะเป็นพรรษา) ราวปลายสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งเป็นรัชสมัยที่มีการปลี่ยนแปลงอย่างมากในยุคนี้ ณ บ้านท่ามะทัีน ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ในครอบครัวเกษตรกรที่ยากจนมาก หลวงปู่ท่านมีนิสัยเป็นคนเรียบร้อยถ่อมตนไม่โอ้อวด ขยันขันแข็งในการทำงาน ซื่อตรง สมถะ ไม่เคยคตโกงผู้ใด ไม่เลือกชั้นวรรณะ บวชสามเณรครั้งแรก พ.ศ.2466 เมื่ออายุได้ 12 ปี เพื่อจูงศพบิดาจากนั้นก็เล่าเรียนพระธรรมวินัย โดยเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทบ หรือ พระครูวิชิตพัชราจารย์ ณ วัดชนแดน อีก 6 พรรษา หลัีงจากนั้นเมื่ออายุ 22 ปี วันที่ 4 มีนาคม 2476 ก็อุปสมบทเป็นพระ ณ วัดศรีมงคล ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยพระมหาหยวกเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคำปันเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการวันดีเป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาใหม่ว่า ฐิตธัมโม หมายความว่า “ผู้มีธรรมอันมั่นคง” อุปสมบทเป็นพระอุปัฎฐาก (กระทำในสิ่งที่พระอาจารย์ทำ หรือหยิบจักไม่ได้) หลวงปู่ท่านเป็นคนหัวไว ฉลาด ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ กับหลวงพ่อทบ หรือพระครูวิชิตพัชราจารย์อีกครั้ง โดยการเล่าเรียนวิชาอาคม เวทย์มนต์คาถา จนแก่กล้าชำนาญ คาถาเสกข้าวเปลือก ข้าวสาร ให้ไก่กิน ยังไม่ดัง ฯลฯ จนหมดจากนั้นก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้างบุ่ง ต.ท่ามะทัน ซึ่งเป็นวัดในหมู่บ้านของท่านเรียนวิชานะโมตาบอด (วิชาคงกระพันชาตรี ยิง ฟัน ไม่เข้า) วิชาเขาควายแล้วลองวิชาโดยเขาศีรษะของท่านไปโหม่งชนกับต้นมะม่วงแก่ เปลือกหนา ต้นใหญ่ขนาดหลายคนโอบปรากฎว่ามะม่วงต้นนั้นเปลือกแตกกระจาย แต่ศีรษะท่านไม่มีรอยถลอก ฟกซ้ำ หรือแตกแม้แต่นิดเดียว แต่ทำให้ศีรษะของหลวงปู่ท่านบุบ ยุบ บริเวณข้างขมับ ซ้าย-ขวา ด้านบน ทั้งสองข้างมาตราบจนถึงในปัจจุบันนี้ เรื่องเล่าของหลวงปู่ก็ยังไม่หมด มีอยู่ในครั้งหนึ่งปี 2487 ที่หลวงปู่ท่านฝึกกรรมฐานอย่างหนัก ท่านอดข้าว อดน้ำ 9 วัน 9 คืน เพราะอยากทดสอบกำลังใจกรรมของเวทนาที่เกิดขึ้น จนร่างกายท่านซูบผอม จนกระทั่งธาตุท่านเสีย (เจ็บป่วย) ถึงเกือบมรณภาพ ที่วัดบ้านบุ่ง ต.ท่ามะทัน สมัยตอนที่เรียนวิชากับหลวงพ่อทบ ช่วงอายุำได้ 23 พรรษา เพื่อจะให้บรรลุถึง แก่นแ่ห่งพระธรรม แบบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเวล่าต่อมาท่านก็บรรลุกฎแห่งธรรม สามารถนั่้งสมาธิถอดจิตไปไหนมาไหนได้ แต่ก็ยังใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสอนธรรมแก่ชาวบ้านอยู่เช่นแต่ก่อนเดิมจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ท่านทราบว่่า นอกจากท่านจะเป็นผู้ทรงวิทยาคุณทางเวทย์มนต์ คาถา ไสยเวทย์ อย่างมากมายมหาศาลแล้วท่านยังมีความจำเป็นเลิศ สามารถอ่านเขียนได้ทั้งภาษาไทย เขมร บาลี อย่างช่ำชอง หาพระองค์ใดรุ่นท่านในสมัยนั้นเทียบเสมอไ้ด้ยาก มากระทั่งในปี 2507 อายุได้ 43 พรรษาหลวงปู่ได้เลื่อนสมณะศักดิ์เป็นเจ้าคณะตำบลท่า่ิอิบุญ โดยจำพรรษา ณ วัดบ้านบุ่ง ต.ท่าอิบุญ อ.หล่่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แต่ด้วยความที่หลวงปู่เป็นพระชอบสมถะ ชอบสันโดษไม่ชอบความวุ่นวายชอบการปฎิบัติภาวนามากกว่าการบริหารการจัดการ ไ่ม่ยึดติดกับยศฐาบรรดาศักดิ์ มักน้อย ไม่นิยมสะสมเงินทอง หากมีก็จะเอามาสร้างวัดวาอารามทั้งหมด จวบจนกระทั่งปี พ. ศ. 2517 หลวงปู่ได้เดินธุดงค์มายัง ตำบลวังท่าดี และตำบลท่าด้วง ในสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบลึก ต้องข้ามภูเขา ผ่านแม่น้ำ ห้วย หนองคลองบึง แต่ป่าเขียวชอุ่มชุ่มชื้น อากาศเย็นสบาย ธารน้ำใส สวยงาม เต็มไปด้วยฝูงปลาผลไม้นานาพันธุ์หลวงปู่เมื่อท่านเห็นความสงบเงียบ ร่มรื่น อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ จึงคิดว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่ ปฎิบัติธรรมภาวนาได้เป็นอย่างดี เหมือนกับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่านั้นดลบันดาลใจท่านมาแสวงบุญอยู่ที่นี้ หลวงปู่เมื่อคิดแล้ว ดำริว่า ท่านจะมาสร้างวัดที่นี่เืพื่อสั่งสอนธรรมะให้แก่ชาวบ้านตำบลแห่งเทือกเขา ท่าด้วง หมู่ที่ 1 บ้านซับตะเคียนแห่งนี้ หลวงปู่จึงได้ปฎิบัติตามวาจาที่ดำริไว้ ท่านได้ลาออกจากการเป็นเจ้าคณะตำบลท่าิอิบุญทันที รวมอายุการเ็ป็นเจ้าคณะตำบลท่าอิบุญของท่านได้ 10 พรรษา แล้วย้ายมาสร้างวัดซับตะเคียน เมื่อปี พ.ศ. 2517 ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เมื่อครั้นหลวงปู่มาอยู่แต่เดิมแรกนั้น พื้นที่บริเวณนั้นเป็นป่าสวยงามก็จริงอยู่แต่แอบแฝงไปด้วยมวลสิงสาลาสัตว์ โขลงพญาช้าง โขลงพญาเสือกินคนชุกชุม สัตว์ที่มีพิษดุร้ายพญางูใหญ่สูงเท่าต้นมะพร้าวมากมายไปด้วย โรคภัย ไข้เจ็บ อันตรายนานานับประการ โดยเฉพาะโรคไข้มาลาเรีย ไ้ข้ป่า ที่มีการระบาดมากในสมัยครั้งกระนั้น อีกทั้งการเดินทางก็ต้องเดินด้วยเท้าอย่างเดียวเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปถึงสถานที่ได้ อาจคงจะเป็นเพราะหลวงปู่ท่านมีบุญบารมีสูงส่ง อีกทั้งต้วของท่านหลวงปู่มีอาคมแก่กล้า รู้เรื่องการปรุงยาสมุนไพรเป็นเลิศ และยาวิเศษ หลวงปู่ท่านกล่าวว่าเป็นยาวิเศษที่สุด ที่ดีที่สุดในโลก ทำให้ท่านแคล้วคลาดในสิ่งทุกข์ยากต่างๆ นานา ได้ทุกๆ กรณี คือ ธรรมะโอสถ นั้นเอง หลวงปู่ท่านใช้การดำรงชีวิตเหมือนแบบชาวป่า ชาวเขา ทั่วไป อีกทั้งชาวบ้านก็ยังเ็ป็นชาวบ้านท้องถิ่นดั้งเดิมในพื้นที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้สภาพบ้านเมือง อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่มีน้ำใจต่อกันไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ภาษาที่ใช้ยังคงใช้ภาษาท่าด้วง หรือภาษาชาวบ้านอยู่แบบเดิม พูดจากันไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าพระคืออะำไร ทำบุญคืออะำไร ศาสนาคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรแต่เนื่องด้วยที่หลวงปู่ท่านมีความวิริยะ อุตสาหะ ตั้งใจจริง เป็นทุนเดิม ที่้ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ตามหลักพระพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริยาวัตรประจำวันท่านก็ดูงดงามมีสง่า ท่านจึงสามารถลงมาโปรดสัตว์ สอนธรรมตามหลักของพระพุทธศาสนาให้แก่ชาวบ้านที่ไม่มีความรู้จักคำว่า ธรรมะคืออะไร เหล่านั้นได้ซึมซับแห่งพระธรรม ที่ละัเล็กที่ละน้อยจนกระทั่งชาวบ้านได้รับรู้ เข้าใจนำไปยึดถือปฎิบัติจนเป็นวัฒนธรรมประเพณีนิยมแห่งดินแดนลุ่มลำน้ำกงและขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ท่่าด้วง ตราบจนถึงปัจจุบัน

    ทุกวันนี้เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ถ้าหากผู้ใดที่มาเยี่ยมเยือนอำเภอหลองไผ่แล้วไม่ได้มากราบไหว้ หลวงปู่วิชัยรัตน์ (ขุ้ย) ฐิตธมฺโม” อริยะสงฆ์แห่งลุ่มลำน้ำกงเทพเจ้าแห่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ท่าด้วง ณ วัดซับตะเคียน” ละก็เหมือนจะมาไม่ถึงอำเภอหนองไผ่เลยทีเดียว วัดซับตะเคียนนั้น เป็นเพียงแค่วัดเล็กๆ วัดหนึ่งที่มีเกจิอาจารย์อย่างหลวงปู่ขุ้ย ฐิตธมฺโม อริยะสงฆ์แห่งลุ่มน้ำกงเทพเจ้าขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนท่าด้วง ใครๆ ต่างก็เรียกชื่อท่านติดปากว่า หลวงปู่ขุ้ย เพราะว่าท่านเป็นพระใจดีมีความเป็นกันเอง ไม่ถือตัวหรือโอ้อวดบุญญาบารมีทำให้ท่านเป็นพระเกจิ ที่ชาวอำเภอหนองไผ่เคารพรักและศรัทธามากที่สุด ชาวอำเภอหนองไผ่ อำเภอใกล้เคียงต่างเลื่อมใสมาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านก็มากมาย มีทั้งนัการเมืองชื่อดัง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน บริษัทห้างร้าน ทั้งในและต่างจัีงหวัดทั่วประเทศเลย ตอนนี้ศิษย์ท่านมีเกือบทั่วโลกก็ว่าได้ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ศิษย์ท่านก็มีมาก มาเยี่ยมท่านบ่อยครั้งเพื่อให้ท่านปลุกเสกวัตถุมงคลบ้าง รดน้ำมนต์บ้าง ปัดเป่าต่างๆ ในทุกวันนี้ที่วัดซับตะเคียนนั้นมีผู้เลื่อมใสศรััทธามากราบไหว้บูชาหลวงปู่ท่านวันหนึ่งประมาณ 300 – 500 คนต่อวัน หรือมากกว่านั้น หลายครั้งทำให้ท่านถึงกับอาพาธเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังปฏิบัติอยู่อย่างนั้นไม่เคยว่างเว้นแม้แต่สักวันเดียว ด้วยเพราะท่านเป็นพระเกจินักบุญที่มีแต่ให้ นายนิธิภัทร เสนาะดนตรี นายอำเภอหนองไผ่ คนปัจจุบันท่านก็เป็นศิษย์หลวงปู่ท่าน เช่นกัน ประสบการณ์ที่หลวงปู่ออกเดินธุดงค์นั้นมีมากมายจะเล่าไปก็ไม่มีวันจะเล่าได้หมด เพราะท่านธุดงค์ไปหลายที่ เช่น พม่า ลาว เขมร ท กัมพูชา เอาเป็นว่ามาที่วัดแล้วเรียนถามท่านด้วยตนเองจะดีกว่าหลวงปู่ขุ้ยท่านเป็นคนหัวสมัยใหม่ทันสมัยใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการตัดสินใจใช้เหตุและผลพิจารณาเสมอ ท่านจะไม่ส่งเสริมเรื่องที่ไม่มีเหตุผลแต่ท่านจะใช้กุศสโลบายและอุบายปัญญาในการสอนลูกศิษย์สม่ำเสมอ ต้องเรียนรู้กับท่านอย่างใกล้ชิดจึงจะเข้าถึงท่าน ก็คงจะมีแต่ลูกศิษย์ท่านเท่านั้นที่เข้าใจกุศสโลบายของท่านได้ดีกว่าใครๆ ด้านวัตถุมงคลนั้นท่านไม่ได้มีวัตถุมงคลสิ่งอื่นใดเลย นอกจากชานหมากอันวิเศษของท่านเท่านั้น อื่นๆ นั้นท่านไม่ได้สร้างขึ้นทั้งสิ้น แต่เรื่องประสบการณ์ชานหมากของท่านมีเรื่องเล่ามากมาย ขอยกมาเล่าให้รับทราบดังนี้ ในครั้งนั้นมีผ้าป่ามาจากกรุงเทพฯ กับจ.ชลบุรี มาถวายผ้าป่าที่วัดหลวงปู่ หลังจากที่หลวงปู่ให้ศีลให้พรเสร็จแล้วก็มีโยมท่านหนึ่งขอวัตถุมงคลจากท่าน แต่เนื่องจากวัดซับตะเคียนเป็นวัดเล็กๆ จึงไม่มีวัตถุมงคลที่ทำขึ้นสักชิ้นเดียวที่จะมอบให้ หลวงปู่ท่านเป็นเกจิที่ฉลาดหลักแหลมเช่นเดียวกับอาจารย์ของท่านคือ พระครูวิชิตพัชราจารย์ (หลวงพ่อทบ) จึงนำชานหมากที่ปั้นกลมๆ จำนวนหนึ่งกับผ้าจีวรเช็คน้ำหมากของหลวงปู่ให้ลูกศิษย์ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปลุกเสกโดยหลวงปู่ จากนั้นก็บอกโยมให้นำไปแบ่งปันกันให้ทั่วถึง และนำไปอัดกรอบพระใส่สายสร้อยคล้องคอบูชา หรือฝากให้ญาติพี่น้องห้อยคอเป็นวัตถุมงคลก็ได้ จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหมดทั้งปวง หนึ่งในบรรดาคนที่ได้มาวันนั้นมีหญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งซึ่งเดินทางไปทำงานยังประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเกิดป่วยไข้ เพราะการปรับตัวเข้ากับอากาศที่นั่นยังไม่ได้ จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจะทำการรักษาตัว ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างยิ่งเกิดขึ้น เมื่อหมอที่นั่นพยายามเท่าไรก็ฉีดยาไม่ได้เนื่องจากแทงเข็มไม่เข้า โดยหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมเกิดจากอะไร จึงพาไปยังห้องเอ็กซเรย์เพื่อตรวจเช็ค แต่ก็ำไม่พบอะไรนอกจากสร้อยคอที่เป็นลูกอมชานหมากหลวงปู่อยู่ในคอ ฝรั่งงงถามผู้หญิงวัยกลางคนชาวไทยที่ไม่สบายว่ามีอะไรดี ถึงฉีดยาไม่ได้ ผู้ป่วยที่เป็นหญิงวัยกลางคนชาวไทยก็งงเช่นกัน พอนึกขึ้นได้จึงลองสร้อยคอลูกอมชานหมากหลวงปู่ออกแล้วทดลองฉีดยาใหม่ คราวนี้ฉีดได้เป็นปกติ และนับจากวันนั้นมาก็ได้มีประสบการณ์ที่แคล้วคลาดหลายครั้ง จึงโทรศัพท์มาคุยบอกกับญาติที่เมืองไทยว่าได้เกิดเรื่องประหลาดอย่างนี้เกิดขึ้นกับตนอยากมานมัสการหลวงปู่ที่วัดอีกครั้ง หลังจากนี้นเมื่อกลับมาพักผ่อนในประเทศไทยช่วงฮอลิเดย์ จึงนำผ้าป่ามาถวายถึงวัดด้วยรถตู้ และรถทัวร์คันใหญ่หลายคันเพื่อกราบไหว้หลวงปู่ขุ้ย ก่อนกลับหญิงวัยกลางคนท่านนั้นก็ขอชานหมากที่หลวงปู่ปลุกเสกให้กลับไปแจญาติพี่น้องกันถ้วนหน้า จากนั้นต่อมาลูกศิษย์หลวงปู่เมื่อเห็นถึงบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำวัตถุมงคลแล้วให้หลวงปู่ปลุกเสกขึ้นหลายรุ่นด้วยกัน แต่ที่นิยมที่สุดตอนนี้เป็นรูปหล่อหลวงปู่ขุ้ย รุ่นแรกซึ่งมีด้วยกัน 2 เนื้อคือ เนื้อทองเหลืองสร้าง 500 องค์ และเนื้ออาปาก้าสร้างเพียง 86 องค์ สร้างขึ้นเนื่องในงานไหว้ครูวันที่ 16 พฤษภาคม 2548 ปลุกเสกโดยหลวงปู่ขุ้ย เพื่อนำไปแจกในงานไหว้ครูที่วัดบ้านเนินพัฒนา หมู่ที่ 7 ต.กองทูล อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เป็นการแจกให้ฟรีแล้วแต่ญาติโยมจะบริจาค …เมื่อปลุกเสกเสร็จได้มีลูกศิษย์เป็นวัยรุ่น หมู่ที่ 4 ต.กองทูล อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ได้ลองของทันทีโดยนำปืนลูกซองสั้น (อีโบ๊ะ) เล็งปากกะบอกปืนไปยังรูปหล่อรุ่นแรกเนื้อทองเหลืองและเนื้ออาปาก้า แค่ยิงครั้งแรกเท่่านั้นปากกระบอกปืนก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางความงุนงงของแต่ละคนที่ได้ลองของในวันนั้น ….มีอีกหลายประสบการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะนำประสบการณ์ที่มีคนได้ทดลองเร็วๆ นี้คือ เมื่อวันพุธ 7 มีนาคา พ.ศ. 2550 พนักงานขับรถของหน่วยงานแห่งหนึ่งในอำเภอหนองไผ่ ได้ทดลองกับรูปหล่อหลวงปู่ขุ้ย เนื้ออาปาก้ารุ่นแรก โดยนำปืน .38 ลูกโม่ที่ได้ซื้อมาใหม่เอี่ยม มาทำการทดสอบโดยลั่นไกยิงจำนวน 4 นัดแต่ไม่แตก ลูกปืนไม่ออก ไม่มีเสียงดัง พอยิงขึ้นฟ้านัดที่ 5 เท่านั้น ดังเปรี้ยงท่านกลางความงงสงสัยกันแบบนำเอาหลักวิทยาศาสตร์มาคุยกันแต่ก็หาสาเหตุไม่พบ อีกทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอหนองไผ่ได้ประสบอุบัติเหตุรถตกเขา รถพังยับ แต่ร่างกายท่านผู้อำนวยการโ่รงเรียนท่านนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่รอยแมวข่วน…

    บูชา 200 บาท

    IMG_25620219_144317.JPG IMG_25620219_144228.JPG 21040727_1636406956434365_1605753784_n.jpg
     
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1072 พระผงพี่จุก กุมารเทพ วัดสวนหลวง สมุทรสงคราม ปี37
    ...หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่ออุ้น วัดตาลอากง...ปลุกเสก...
    พี่จุกกุมารเทพ กุมารทองโบราณอายุอยู่ในราว 100-200 ปีสร้างจากไม้ ลอยมาที่วัด สวนหลวงในสมัยหลวงพ่อปึก เป็นเจ้าอาวาส ต่อมามีหลวงพ่อองค์ใหม่มาทำหน้าที่แทน ลพ ปึกที่มรณะภาพลง ต่อมา สิ่งก่อสร้างในวัด ทรุดโทรมลงไปมาก ต้องมีการบูรณะครั้งใหญ่ แต่ก็ขาดปัจจัย อยู่มาก พี่จุกจึงได้เข้าไปในนิมิตรของ ท่านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ว่าขอให้สร้างรูปบูชาพี่จุก เพื่อให้ทางวัดมีรายได้เข้ามา แต่ว่า หลวงพ่อเห็นว่า จะให้สร้างรูปกุมารแก้ผ้า มันจะมีใครมาเช่า ท่านก็เลย ยังไม่คิดสร้าง อีกระยะนึง พี่จุกก็เข้ามาในนิมิตรอีก แต่หลวงพ่อ ท่านก็ใจแข็ง ครับ จนอีกหลายปี คราวนี้พี่จุก ก็มาในนิมิตรอีก แต่คราวนี้บอก ถ้าหลวงพ่อไม่สร้างให้เลือกเอา จะอยู่หรือตาย พี่จุกรุ่นแรกจึงถูกสร้างออกมาราวในปี 2534 เป็น เนื้อระฆัง หล่อกันที่วัด ไม่ผ่านโรงงาน ใช้ระฆัง 6 ใบ สร้างออกมาประมาณ 299 เหรียญ หลวงพ่อท่านก็คิดว่า ถ้าไม่มีใครมาเช่า คงต้องทุบบล๊อคทิ้ง แต่ไม่น่าเชื่อ ไม่ทราบว่าผู้คนจากไหน ต่างแห่ แหนมาเช่ากันจนหมด ในเวลาไม่กี่วัน ทำให้ ทางวัดต้องสร้างรุ่นต่อๆ มา จนถึง ยุคหลัง ในปี 2545 ในพิธี ได้มีการ เชิญพระเกจิ ระดับแนวหน้าของเมืองไทย อาทิ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่ออุ้น วัดตาลอากง
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180801_224108.jpg IMG_20180801_224059.jpg IMG_20180801_223522.jpg afBWWeWyHeJ4V20ZEa5zLT.jpg
     
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1073 สมเด็จ ๙ ชั้น หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต
    ท่านผู้อ่านบางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ :

    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น :- ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ

    หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น

    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

    ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์

    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว

    ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆอีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภ และ เมตตา/มหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น

    ...มี3 องค์ องค์ละ 200 บาท
    ...องค์ที่1,2,3 เรียงกันครับ
    IMG_20181208_193012.jpg IMG_20181208_192958.jpg
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1074 พระผงหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท รุ่นไพรีพินาศ
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180930_160008.jpg IMG_20180930_155959.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1075 พระพุทธลีลารัศมี หลังยันต์ ปั๊มตรายาง เนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อรวย วัดตะโก รุ่นแรก
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180928_221418.jpg IMG_20180928_221409.jpg
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1076 ตะกรุดหนังเสือ จารยันต์ ขนาด 4*4 ซ.ม. ไม่ทราบที่
    บูชา 200 บาท

    IMG_25620219_144933.JPG
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1077 หลวงพ่อทวด พิมพ์สี่เหลี่ยมกรรมการตัด หลังแบบ ปี ๔๕ ว่าน ๑๐๘ วัดห้วยมงคล
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181008_160501.jpg IMG_20181008_160437.jpg 6353487989911759742.jpg
     
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1078 พระผงยุคต้น หลวงพ่อเฟื่อง วัดเจ้ามูล กทม. พิมพ์พระพุทธ นั่งใบโพธิ์ตัดหกเหลี่ยม เนื้อผงเก่าๆ หลังยันต์ ผิวเดิมๆ สวย ปี2509 เจ้าคุณนรฯ หลวงปู่โต๊ะปลุกเสก วัดเจ้ามูลอยู่บริเวณท่าพระ ฝั่งธนบุรีไกล้ๆกันกับวัดประดู่ฉิมพลีครับ
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181006_113041.jpg IMG_20181006_113031.jpg
     
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1079 พระผงรูปเหมือน รุ่นรวมบุญพญาวัน 84 สร้างปี พ.ศ. 2538 มวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย
    หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง พระผู้ทรงอภิญญาบารมี ตนบุญแห่งลานนาไทย ท่านได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาส เดินทางมุ่งหน้าสู่สุสานป่าช้า สถานที่ที่ท่านใช้ปฏิบัติธรรมตลอดอายุขัยของท่าน หลวงพ่อเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติและปฏิปทาที่ควรแก่การกราบไหว้สักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตล้วนแล้วแต่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความบริสุทธิ์แห่งมหาพุทธานุภาพ ซึ่งสร้างประสบการณ์มากมายให้กับผู้ที่ใช้บูชา วัตถุมงคลของท่านจึงเป็นของดีที่เป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไป
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181010_055138.jpg IMG_20181010_055130.jpg IMG_20181010_055121.jpg IMG_20181010_055110.jpg IMG_20181010_055225.jpg
     
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1080 พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม เขมโก วัดสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง กล่องเดิม
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181002_211234.jpg IMG_20181002_211221.jpg IMG_20181002_210612.jpg
     
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1081 เหรียญมงคลลาภมหาศาล หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี ปี ๒๕๓๘ เนื้อทองแดง
    หรียญนี้ จัดสร้างเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๘ เกิดสุริยคราสเต็มดวงในประเทศไทย ทำให้วัตถุมงคลชุดนี้มีพุทธคุณด้านแคล้วคลาดปลอดภัย กันสิ่งอัปมงคล กันดวงตก กันคุณไสยต่างๆ ป็นเหรียญที่ศิษย์สายตรงหลวงปู่แย้มกำลังถามหาบูชา ถึงจะไม่ใช่เหรียญเก่ามากแต่ก็ผ่านมา 19 ปีแล้ว ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่แย้มนั่งเต็มองค์ ซึ่งออกแบบหน้าตาได้เหมือนมาก ส่วนด้านหลังเป็นพญาราหู ว่ากันว่ามากด้วยพุทธคุณ แก้ดวง แก้ปีชง เสริมเสน่ห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขายร่ำรวย เลื่อนยศตำแหน่ง สำหรับด้านหน้ากล่องเขียนว่า ปี รุ่น๑ (มงคลลาภมหาศาล) หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สุริยปราคา ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๘ ในขณะนั้นหลวงพ่อแย้มยังมีสุขภาพแข็งแรง พลังจิตเปี่ยมล้น ก่อนหน้านั้น ลูกศิษย์ลูกหาชาวบ้านย่านวัดตะเคียน ถนนนครอินทร์ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ต่างฮือฮาเมื่อรู้ข่าวว่า เจ้าตำรับตะกรุดคอหมาอันเลื่องชื่อ หลวงปู่แย้ม ปิยวัณโณ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดตะเคียน สังขารไม่เน่า หลังจากที่มรณภาพมาแล้วครบ 50 วัน ความอัศจรรย์นี้ถูกบอกกันแบบปากต่อปาก ส่งผลให้วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แสวงหาของนักสะสมอย่างมาก ขณะนี้สังขารของหลวงปู่แย้มบรรจุไว้ในโลงแล้ว ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่แย้ม รายหนึ่งกล่าวว่า “น่าทึ่งมากที่สังขารของท่านไม่เน่า คงเป็นเพราะคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่แปลกคือผิวของท่านเริ่มแห้ง ผมและเล็บสังเกตว่ายังยาวออกมา ท่านเกิดปีพ.ศ.2459 สิริอายุ 98 ปี สำหรับลูกศิษย์ลูกหาอยากมีเหรียญหลวงปู่แย้ม ปี ๒๕๓๘ ไว้บูชา
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181006_230931.jpg IMG_20181006_230921.jpg IMG_20181006_230952.jpg
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1082 ตะกรุดจันทร์เพ็ญ กันภัย หลวงปู่ดี วัดเทพากร เนื้อตะกั่ว ตอกโค้ต ยาวประมาณ 1.5 นิ้ว พร้อมคาถากำกับ
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180930_154700.jpg IMG_20180930_154630.jpg IMG_20180930_154639.jpg IMG_20180930_154616.jpg
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1083 พระสมเด็จไผ่ หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองมหาชัย พระครูอุทัยธรรมสาคร พระเกจิดังแห่งวัดบางหญ้าแพรก อาจารย์ตี๋ใหญ่ ขุนโจรมีชื่อในภาคกลาง ซึ่งได้ชื่อว่าหนังเหนียวดีและมีคาถาอาคมหายตัวได้ ในตัวมีตะกรุดโทนพอกผงยาจินดามณี เทพทาโร ของหลวงพ่อมาลัยติดตัวอยู่ด้วย หลวงพ่อมาลัยเป็นชาวบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยกำเนิด บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นคนใจบุญเข้าวัดฟังธรรมที่วัดบางกระดี่มาโดยตลอด พอท่านมีอายุเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือ พ่อแม่ได้พาไปฝากไว้กับ หลวงปู่สิน ที่วัดบางกระดี่ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่สินเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลวงปู่สินเป็นชาวมอญโดยกำเนิด เดินธุดงค์รอนแรมอยู่ในเมืองไทยหลายปี ก่อนที่จะมาพำนักและได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกระดี่ หลวงพ่อมาลัยก็เช่นกัน ท่านมีเชื้อสายชาวรามัญ (มอญ) คือมีบิดาเป็นชาวมอญ ส่วนมารดาเป็นชาวจีน ดังนั้น ท่านจึงมีความรู้ ภาษามอญ เป็นอย่างดี ถึงขนาดพูดได้เขียนได้ การที่มีความรู้ด้านภาษามอญ ทำให้ได้เปรียบผู้อื่นในการศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะตำราของหลวงปู่สินที่ได้เล่าเรียน บันทึกเป็นภาษามอญทั้งหมด และตัวหลวงปู่สินเองท่านมักจะพูดภาษามอญปนพม่าเสมอ หากใครต้องการเรียนวิชาต้องเป็นภาษาของท่าน จึงสะดวกในการศึกษาเล่าเรียน แม้แต่ตัวอักขระเลขยันต์ที่หลวงปู่สินลงตะกรุดโทน ท่านก็ใช้อักขระภาษามอญทั้งหมด ไม่มีภาษาอื่นเจือปนเลย หลวงพ่อมาลัย พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน วัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร นั้นคนส่วนมากจะรู้จักท่านดี ในเรื่องของตะกรุดตี๋ใหญ่ รุ่นแรก ซึ่งมวลสารของตะกรุดรุ่นนี้นั้นผสมด้วยผงว่าน 108 ชนิด มีพุทธคุณไปในทาง เมตตา แคล้วคลาด หลวงพ่อมาลัย ท่านขึ้นชื่อวิชามหาอุต คงกระพันชาตรี สายมอญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ตี๋ใหญ่ ขุนโจรผู้เรื่องชื่อในเขตภาคกลาง ซึ่งว่ากันว่าหนังเหนียว และมีคาถาอาคมหายตัวได้ ตี๋ใหญ่ ผู้ซึ่งเป็นศิษย์หลายอาจารย์ เช่น หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม นครปฐม, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง และหลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก ตี๋ใหญ่สามารถหลบหนีการจับกุมตำรวจได้หลายต่อหลายครั้ง บางครั้งถูกตำรวจล้อมจับกุม ก็มักจะสามารถรอดพ้นออกไปได้ทุกครั้งไป อย่างไม่น่าเชื่อ จนเป็นที่แปลกใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ต่อมาในภายหลังจึงได้ทราบว่า ตี๋ใหญ่พกของดีไว้หลายอย่างรวมทั้ง ตะกรุดของ หลวงพ่อมาลัย ที่ตี๋ใหญ่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้าย ตี๋ใหญ่ก็โดนตำรวจวิสามัฌฆาตกรรม (แต่หลายๆกระแสก็พูดกันว่าขณะโดนยิงนั้น ตี๋ใหญ่ไม่พกเครื่องรางติดตัวไปด้วย) จะเป็นด้วยสาเหตุใดนั้นก็มิอาจจะทราบได้ หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก อาจารย์ ตี๋ใหญ่ ขุนโจนนามกระเดื่องขนานแท้ หลวงพ่อมาลัย อุทโย หรือ พระครูอุทัยธรรมสาคร พระเกจิมีชื่อสถานที่เขตที่ลุ่มท่าจีน หัวหน้าคณะสงฆ์ตำบลท่าฉลอม และเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร หลวงพ่อมาลัย เป็นพระสงฆ์ที่วางตัวสวยงามปฏิบัติชอบได้รับการเทิดทูนเป็นพระเกจิอาจารย์ลำดับชั้นแนวหน้า ได้สร้างเครื่องรางวัตถุบูชาที่มีพระพุทธคุณด้านคงกระพัน เมตตามหานิยมกับปราศจากหลายต่อหลายรุ่นมาต่อจากนั้น วัตถุบูชาหลวงพ่อมาลัย ที่เป็นที่เล่าลือกันมาก คือ สมเด็จไผ่ หลวงพ่อมาลัย และตะกรุดผงว่าน ใบลาน หรือที่รู้จักกันดีคือ ตะกรุดตี๋ใหญ่ หลวงพ่อมาลัย ที่ทำให้หลวงพ่อมาลัยมีชื่อเสียงโด่งดัง
    ปิดครับ
    IMG_25620301_204420.JPG IMG_25620301_204328.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2019
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1084 พระสมเด็จหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี หลังรูปเหมือน (ฟ้าผ่าไม่ตาย)
    พระสมเด็จหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี หลังรูปเหมือน
    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก
    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคมไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอมจบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อนท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน
    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน
    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโนและท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรมหลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมาไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้นแล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ
    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรีและมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณ ได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษาจากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอเพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็วออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่างเช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯและท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุจากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่งในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรมควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษารวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้นชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรงอาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยางซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้าและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา
    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติงเพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว
    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุเพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน
    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้วและอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที
    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยางเพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน
    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์ วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง

    บูชา 200 บาท

    IMG_25620301_204220.JPG IMG_25620301_204137.JPG get_auc1_img (4).jpg get_auc1_img (3).jpg
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1085 เหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชออกศึก ตอกโค๊ต รุ่นสร้างอนุสาวรีย์นเรศวร มหาพุทธาภิเษก สุสานไตรลักษณ์ 25 กันยายน 2536 พร้อมกล่องเดิม มี 2 กล่อง บูชากล่องละ 200 บาท เชิญเลือกได้ครับ
    พระคาถาทั้ง 4 บท มาจากหนังสือวันเกิดครบรอบอายุ 77 ปี ( เมื่อปี 2531) ของหลวงพ่อเกษม เขมโก


    พระคาถาทั้ง 4 บทนี้ มีผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่อเกษม เขมโก เคยนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลดี จนเป็นที่เลื่องลือมาแล้ว

    พระคาถาบทที่ ๑ (ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วให้ว่าดังนี้)
    "สิวะลีมหาเถรัง วันทามิหัง, สิวะลีมหาเถรัง วันทามิหัง, สิวลีมหาเถรัง วันทามิหัง มหาสิวลี เถโร มหาลาโภ โหติ มหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เทถะ"

    ...บทนี้ใช้สวดภาวนาประจำทั้งเช้าและเย็น เป็นคาถาโชคลาภ และเมตตามหานิยม จะทำให้ผู้ที่สวดภาวนาทำมาค้าขายดี ก่อนสวดให้ระลึกถึงพระสิวลีมหาเถระเจ้าผู้อุดมด้วยโชคลาภและหลวงพ่อเกษม เขมโกพระสุปฏิปันโนผู้ทรงความเมตตาและคุณธรรมสุง แล้วอธิษฐานขอโชคลาภตามใจปรารถนา

    พระคาถาบทที่ ๒ (ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วให้ว่าดังนี้)
    "พุทโธ วะโร สะติ มะโต สัพพะ อันตะรายา วินาสันตุ"
    ใช้สวดภาวนา เป็นคาถาแคล้วคลาด ป้องกันสัพพะอันตรายทั้งปวง ก่อนออกจากบ้าน หรืขณะเดินทางขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ให้สวด ๓ จบ ๗ จบแล้วค่อยไป อย่าลืมระลึกถึงองค์หลวงพ่อก่อนสวดทุกครั้ง

    พระคาถาบทที่ ๓ (ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วให้ว่าดังนี้)
    "ธัมโม มะมัง สุรักขะตุ"
    ใช้สวดให้พระคุ้มครอง ป้องกันภูติผีปิศาจ ก่อนออกจากบ้านเดินทางให้สวด ๓ จบ ๗ จบ แล้วระลึกถึงหลวงพ่อเกษม เขมโกจึงค่อยไป เด็กนอนไม่หลับร้องไห้งอแงในเวลากลางคืน ให้ใช้คาถาบทนี้เป่าศีรษะเด็ก 3 ที เด็กจะนอนหลับสบาย เวลาพาเด็กเดินทางไปต่างถิ่นก็ให้ใช้คาถานี้เป่าป้องกันภูติผีปิศาจหลอกหลอน ท่านว่าชะงัดดีนักแล

    พระคาถาบทที่ ๔ (ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วให้ว่าดังนี้)
    "นะ โน นะ อันตะรายา วินาสันตุ"
    ใช้เป็นคาถาแคล้วคลาด ป้องกันศาสตราวุธและโจรภัย อันตรายทั้งปวง ก่อนออกจากบ้านเดินทางให้สวด ๓ จบ ๗ จบ ก่อนแล้วจึงเดินทาง ในระหว่างทางก็ให้ภาวนาไปด้วยแม้นว่าจักพบอันตรายใดๆก็จะแคล้วคลาด เพราะคาถานี้ยังเป็น "นะจังงัง" อีกด้วย ท่านว่าดีนัก แต่อย่าลืมระลึกถึงหลวงพ่อเกษม เขมโก ก่อนใช้ทุกครั้ง

    พระคาถาทั้ง ๔ บทนี้ หลวงพ่อเกษมท่านเมตตารจนาด้วยองค์ท่านเองทั้งสิ้น เพื่อมอบเป็นสมบัติให้กับลูกหลานในภายภาคหน้าได้ใช้กัน

    กล่องที่1(2) IMG_20180924_205103.jpg IMG_20180924_205053.jpg IMG_20180924_205209.jpg
    กล่องที่2(3) IMG_20180924_205124.jpg IMG_20180924_205114.jpg IMG_20180924_205147.jpg 5672767-4a5d4.jpg
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่1086 ...เสือไม้แกะหลวงพ่อปาน อุดกริ่ง วัดคลองด่านบางเหี้ยสร้าง ...
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180926_224826.jpg IMG_20180926_224809.jpg IMG_20180926_224817.jpg IMG_20180926_224800.jpg IMG_20180926_224751.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...