*วัตถุมงคล เริ่มหน้า66*พระกรุ,ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน,ลพ.ฤาษี,ลพ.หวล และอื่นๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 25 มีนาคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่961 พระอาจารย์ตี๋เล็ก เหรียญมงคลมหาลาภ สำนักปฏิบัติธรมมเขาสุนะโม อ.ชนแดน เพชรบูรณ์ เนื้อไม้ขนุน
    พระอาจารย์ตี๋เล็ก
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "สายเหนียว"
    “หลวงพ่อจอน”เล่าเคยโดนลองของ
    เอ่ยขึ้น “อาจารย์ตี๋เล็กอย่ามาล้อเล่น”
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งสำนักปฏิบัติธรรมเขาสุนะโม ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ “พระอาจารย์ตี๋เล็ก ปัญญาสาโร” ปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์สายเหนียว ซึ่งว่ากันว่าวัตถุมงคลของ พระอาจารย์ตี๋เล็ก มีประสบการณ์ยิงแทงไม่เข้า และยังเด่นด้านเมตตามหานิยมโชคลาภอีกด้วย ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศศรัทธาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน
    มีเรื่องเล่าจากปาก"หลวงพ่อจอน" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเขาใหญ่ ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ตี๋เล็ก นิมนต์ไปนั่งปรกด้วย หลังทำพิธีเสร็จก็ออกมาขึ้นรถจะกลับวัด ปรากฎว่าคนขับรถไม่สามารถจะขับรถออกไปได้ คล้ายกับรถติดหล่ม ล้อหมุนจะรถไม่วิ่ง หลวงพ่อจอน จึงเอ่ยขึ้นว่า "อาจารย์ตี๋เล็กอย่ามาล้อเล่น" เท่านั้นแหละรถวิ่งออกไปได้
    มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริง ถ้าไม่เชื่อไปถามหลวงพ่อจอนดูได้
    และในวันที่ 14 พ.ย.59 พระอาจารย์ตี๋เล็กจะไปร่วมเสกเหรียญมังกรคู่และพระผงเศรษฐี รุ่นมังกรเศรษฐี กับหลวงพ่อจอน ที่วัดบุญฤทธิ์ ปากช่อง นครราชสีมา ใครอยากไปร่วมพิธีเชิญ
    ตามประวัติ “พระอาจารย์ตี๋เล็ก” เป็นชาวเพชรบูรณ์ เกิดวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2522 ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ (วันวิสาขบูชา) แม้ว่าอายุไม่มากนัก แต่ตั้งใจอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาด้วยใจจริง ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุไม่มากนัก ก็ชอบถือธุดงควัตร เดินทางไปทั่วสารทิศ ทั้งป่าภาคเหนือ ป่าพม่า เติบใหญ่ก็ดั้นด้นไปฝากตัวเป็นศิษย์พระเกจิคณาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศมากมาย เช่น หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม, หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน จ.เพชรบูรณ์, หลวงปู่เทียน อกาลิโก(สายหลวงปู่มั่น) จ.ชัยภูมิ, หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน รวมทั้งได้ศึกษาสรรพวิชาบางส่วนจากพระเกจิอาจารย์ผู้สืบสานวิชาในสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ จนเชี่ยวชาญวิชาอาคม เมื่อคราว พระอาจารย์ตี๋เล็ก ออกธุดงค์ผ่านเข้า จ.ชัยภูมิ ได้มีโอกาสพบพระอริยสงฆ์ที่กล้าแกร่งด้วยอิทธิฤทธิ์ คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านไม่ได้บอกว่าเจอในญาณสมาธิหรือเจอในสถานะใด บอกเพียงว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรได้เมตตาถ่ายทอดวิชาและสอนวิธีปรับขันธ์ธาตุ ทำให้เกิดความสมดุล เป็นเหตุผลสำคัญที่พระอาจารย์สามารถรวมวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ดังนั้นการอธิษฐานจิตวัตถุมงคลทุกรุ่นทุกแบบ จึงมีพุทธคุณครอบจักรวาล
    ในคราวที่ท่านธุดงค์ไป จ.ศรีสะเกษ ได้รู้จากชาวบ้านถึงปาฏิหาริย์และบารมีของ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน พระอภิญญาอาคมแกร่งกล้า ท่านก็เพียรไปเฝ้าเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์พร้อมพระธุดงค์และสามเณรหลายรูป ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมีโอกาสไปกราบหลวงปู่สรวง ซึ่งหลวงปู่พิจารณาแล้วเห็นว่า พระอาจารย์ตี๋เล็ก มีท่าทางมุ่งมั่นและขยันขันแข็ง สนใจใฝ่เรียนรู้ หลวงปู่จึงเมตตาให้พักอยู่ด้วยนานถึง 2 ปี 8 เดือน ได้ศึกษาวิชาอาคมต่าง ๆ จากปริศนาธรรม ซึ่งยากเกินกว่าปุถุชนธรรมดาจะเข้าใจ แต่พระอาจารย์ตี๋เล็ก สามารถศึกษาได้ทั้งหมดอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนพระภิกษุและสามเณรรูปอื่น ๆ ได้เพียงบางวิชาเท่านั้น
    ปัจจุบัน พระอาจารย์ตี๋เล็ก พำนักที่สำนักปฏิบัติธรรมเขาสุนะโม ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ทางเข้าอยู่ด้านหลังวัดพระพุทธบาทชนแดน โดยถนนทางเข้าสำนักปฏิบัติธรรมเป็นลูกรังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ และคดเคี้ยวไปมา หน้าฝนหนทางเละเป็นโคลน บริเวณทางขึ้นท่านทำบันไดเอาไว้เป็นช่วง ๆ ไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จในคราวเดียว เนื่องจากสำนักสงฆ์ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งกุฏิ ศาลา ห้องน้ำ บนเขาสุนะโม ก็สร้างแบบง่าย ๆ หลังคามุงสังกะสีแต่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรแสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์โดยแท้ เพราะสงบและสันโดษ เฉกเช่นการธุดงค์รุกขมูล ทำให้พระอาจารย์และพระภิกษุอื่น ๆ มีเวลาปฏิบัติบำเพ็ญสมถกรรมฐานได้อย่างเต็มที่ ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน หัวค่ำนั่งสมาธิบนเขาอันเงียบสงบ ยามดึกก็ได้ผ่อนคลายอิริยาบถด้วยการเดินจงกรมพิจารณาอานาปานสติกรรมฐานจนใกล้รุ่ง ก่อนฟ้าสางท่านจะทำสมาธิเพ่งกสิณไฟ ซึ่งเป็นกสิณที่ท่านชำนาญที่สุด
    วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่พระอาจารย์ตี๋เล็ก อนุญาตให้จัดสร้างมอบเป็นที่ระลึกแก่ญาติโยมที่เคยบริจาคทำบุญมีหลายรุ่นหลายแบบ ล้วนเข้มขลังและท้าพิสูจน์ หรือ “ลองของ” กันมาแล้ว อาทิ เหรียญรุ่นชนะชัย และตะกรุดลูกปืน อันลือลั่น มีลูกศิษย์หลายรายแอบใช้ปืนยิง ทุกคนต่างทึ่งในพุทธคุณ “สุดยอดมหาอุด” แถมยังมีประสบการณ์มากมาย ใครนำไปบูชาติดตัว นอกเหนือจาก คงกระพันชาตรี
    มหาอุด แคล้วคลาด ปลอดภัยแล้ว ยังสุดยอดเมตตามหานิยมอีกด้วย
    คุณPowernext ปิด 2 เหรียญครับ
    1. IMG_20181108_221801.jpg IMG_20181108_221753.jpg
    2. IMG_20181108_221743.jpg IMG_20181108_221733.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2019
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่962 พระสมเด็จ เนื้อหินพระธาตุสามร้อยยอด ( พระธาตุถ้ำสามสี, ถ้ำมังกร, ถ้ำพระโมคคัลลาน์, ถ้ำหินเหล็กไฟ)
    หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดนั้นเป็นหินที่อยู่ตามถ้ำต่างๆ บนภูเขาสามร้อยยอด ซึ่งมีอยู่หลายถ้ำ และหลายถ้ำอยู่บนเขาสูงต้องปืนขึ้นไปสกัดหินพระธาตุลงมา คิดดูครับ แบกหินพระธาตุที่มีน้ำหนักหลายกิโลกรัม ออกจากถ้ำและลงมาจากเขา แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้หินพระธาตุมา ลักษณะหินพระธาตุแต่ละถ้ำจะมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำนั้นๆ หินพระธาตุแต่ละก้อนนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น "ไม่มีซ้ำ" เพราะหินแต่ละก้อนมีลวดลาย มีชั้นหิน มีจำนวนเม็ดพระธาตุและสี ไม่เหมือนกัน (อาจมีคล้ายแต่ไม่เหมือน)

    *ปัจจุบันทางอุทยานสั่งห้ามไม่ให้มีการนำหินพระธาตุ ลงมาจากเขาสามร้อยยอดแล้ว หินพระธาตุสวย ๆ จึงหายากและราคาสูงขึ้นทุกวัน

    ****หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดนั้น ตามความเชื่อ เชื่อกันว่าคือ "พระปัจเจกพระพุทธเจ้า" ###

    ....พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ในคัมภีร์ปัจเจกพุทธาปธานว่า "ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย"*****

    คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ พุทธะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม

    จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ เงินไม่ขาดมือ

    ชื่อถ้ำต่างๆที่มีผู้นำหินพระธาตุออกมา

    "ถ้ำสามสี" วรรณะมีสีถึงสามสี มีอิทธิคุณเมตตา มหาเสน่ห์(ไม่เด่นด้านชู้สาว) มหานิยมอานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ของหินพระธาตุ "ถ้ำสามสี" นานัปการมาก
    เพราะเป็นถ้ำที่มีท้าวสหัสนัยดูแลปกปักรักษา อิทธิคุณจึงครอบคลุมทุกด้านและเป็นที่ประจักษ์


    เป็น เมตตา มหาเสนห์-มหานิยม (ไม่แพ้พระขุนแผน)....(ไม่เด่นด้านชู้สาว) ช่วยในการค้าขายดี ให้ร่ำรวยอย่างอัศจรรย์ พูดสิ่งใดก็สำเร็จสมปรารถนา หน้าที่การงานดีทุกอย่าง แคล้วคลาด คงกระพัน และมหาอุดหยุดปืน สามารถนำหินที่แกะจาก "ถ้ำสามสี" นี้ไปแช่น้ำ ทำเป็นน้ำมนต์ช่วยรักษาคนได้ ก็มีประสบการณ์มาแล้ว เคยมีคนโดนของเข้าตัว แล้วมาจับโดนองค์พระที่แกะจากหินพระธาตุถ้ำนี้ ต้องหงายหลังล้มตึงทันที แม้แต่สัตว์ป่าที่อาศัยบริเวณ "ถ้ำสามสี" ก็ปลอดภัยจากพรานป่าปืนยิงไม่ออก

    "ถ้ำเม็ดเลือด 7 สี" วรรณะสีแดงเข้ม หินพระธาตุถ้ำนี้มีสีลักษณะเม็ดเลือดสีแดงเข้ม พบ เมื่อปี 2540 เป็นถ้ำอยู่สูงมาก คนที่เข้าไปขุดบนบานอธิษฐานบอกเจ้าที่ หากเจ้าที่แห่งนี้อนุญาตให้ตัดหินนำกลับไปบูชาได้ขอให้โปรดกรุณาแสดง ปาฏิหาริย์ให้ปรากฏเห็นด้วย ปรากฏว่า!!!ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงมาภายในถ้ำถึง 3 ครั้ง แต่ทุกคนไม่ได้รับอันตรายใดๆ หินพระธาตุจาก "ถ้ำเม็ดเลือด 7 สี" มีลักษณะคล้ายเลือด สีแดงเข้ม มีความศักดิ์สิทธิ์มาก อิทธคุณดีทุกด้าน

    "ถ้ำพระโมคคัลลาน์" วรรณะน้ำตาลอ่อนเจือจาง สีหินออกโทนจำปา เหลืองพิกุล มีอิทธิคุณครบทุกด้านปัจจุบันหายากมาก มีอิทธิคุณดีทุกด้านตามแต่อธิษฐาน ดั่งฤทธิ์พระเถระผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นถ้ำที่มีลักษณะคล้ายฝาชี ต้องนอนขดตัวกลิ้งเข้าไปในถ้ำ ถ้ำโมคคัลลาน์มีอิทธิคุณดีทุกด้าน และปัจจุบันหายากแล้ว เนื่องจากถูกสั่งปิด และเป็นเพราะการเข้าไปในถ้ำที่แสนจะลำบากด้วย จึงมีหินชนิดนี้ออกมาน้อยมากนั่นเอง ถ้านำมาแกะเป็นพระจะมีสีสันวรรณะคล้ายพระธาตุพระโมคคัลลานะ สีหินจะอ่อนกว่าสีหินถ้ำเม็ดเลือด ๗ สี

    "ถ้ำเหลือง" ถ้ำ เหลืองจะอยู่ต่ำกว่าถ้ำพระโมคคัลลาน์ ภายในถ้ำเหลืองเป็นถ้ำที่ใหญ่โตและสวยงาม องค์พระธาตุส่วนมากเสด็จหนีเกือบหมด หินพระธาตุจากถ้ำเหลือง จะมีสีเหลืองอ่อนและสีขาว มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มีอิทธิคุณที่ดีครบทุกด้าน และหายากมีค่านิยมสูง

    "ถ้ำมังกร" วรรณะจะคล้ายกระดูก น้ำตาลเข้ม ดำแซมขาว มีความศักดิ์สิทธิ์มาก หินพระธาตุจากถ้ำนี้เชื่อกันว่า พระพุทธสิขี พระพุทธเจ้าในอดีตกาลมาประสิทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ให้

    "ถ้ำขุมทรัพย์" ใคร มีไว้ไม่อดอยาก เป็นเลิศด้านโชคลาภเป็นพิเศษ ลักษณะเนื้อหินพระธาตุมีสีน้ำตาลอ่อน ลวดลายเนื้อหินพระธาตุสวยงาม มีน้อยและหายากแล้ว เป็นถ้ำที่ถูกค้นพบไม่นานนักประมาณปี 2553 ถูกห้ามไม่ให้นำออกมาอีกแล้ว คงเหลือแต่เพียงตำนาน

    "ถ้ำดวงตามหาลาภ" มี ลักษณะคล้ายดวงตา รอบนอกเป็นสีขาว วงในเป็นสีเข้ม เม็ดพระธาตุกระจายเป็นดวง อิทธิคุณดีเด่นด้านโชคลาภ บูชาแล้วจะช่วยให้กิจการ การค้าเจริญรุ่งเรืองอย่างน่าอัศจรรย์

    "ถ้ำแม่ย่า" ทรง อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์เป็นเลิศนานัปการ เพื่อใช้ในการสวดมนต์ภาวนาคู่พระคาถาเงินล้าน และในวาระต่างๆ ให้จิตดิ่งเป็นสมาธิ มีความร่มเย็นเป็นสุข ติดตัวให้โชคลาภและเป็นเมตตา-มหานิยม กำจัดทุกข์ภัย ๑o๘ ประการ สีออกขาว

    "ถ้ำขาว" ลักษณะเป็นหินมีสีรวมกันอยู่มองดูเป็นชั้น 3 ชั้น คือ ชั้นบนเป็นสีไข่ไก่ ชั้นกลางสีออกเหลืองนวล และชั้นล่างจะเป็นสีขาว ชาวต่างชาติเคยเข้าไปในถ้ำขาวใช้ปืน ๑๑ มม. ยิงไม่ออก จนต้องโยนปืนทิ้ง ทรงอานุภาพด้านมหาอุดเป็นเลิศนัก

    "ถ้ำมัน" อยู่ด้านหลังวัดเกาะไผ่ เขาสามร้อยยอด หินพระธาตุจากถ้ำนี้ มีอิทธิคุณดีเด่นทุกทาง ด้านโชคลาภก็มีมากด้วยประสบการณ์ของพลังงานในหินพระธาตุ เม็ดหินพระธาตุจะมีลักษณะมันวาวในตัว เนื้อในคล้ายน้ำมัน ถึงแม้ว่าจะมีรัศมีวงรอบหลายชั้น แต่สีจะเป็นเนื้อน้ำมัน จึงเรียกว่า "ถ้ำมัน" เหมือนพระผงน้ำมัน

    "ถ้ำคนธรรพ์" ถ้ำ คนธรรพ์เป็นถ้ำที่ใหญ่มาก เมื่อพบครั้งแรกลักษณะภายในถ้ำมีใบไม้วางบนพื้นอย่างเรียบร้อยสวยงามประดุจ คนธรรพ์มาบรรจงจัดวางเอาไว้ จึงตั้งชื่อว่าถ้ำคนธรรพ์ มีอิทธิคุณครบทุกทางตามอธิษฐาน และค่อนข้างหายากมีค่านิยมสูงพอสมควร อิทธิคุณของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้นมีมากมาย ถือว่าเป็นที่รวมของพระธาตุหลายชนิด เป็นของมหามงคลสูงสุด มีอานุภาพครอบจักรวาล ใครมีไว้บูชานับว่าเป็นโชคมหาศาล

    ''ถ้ำฤาษี''ถ้ำ ฤาษีถูกค้นพบเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๔๐ อยู่ในเขากระโดง กลางขุนเขาสามร้อยยอด เป็นถ้ำที่ใหญ่มาก มีหินพระธาตุมากมายหลายสันฐานและพระนาม เช่น หินพระธาตุ ปัจเจกพระพุทธเจ้า หินพระธาตุสีวลี หินพระธาตุอรหันตธาตุองค์อื่น ๆ ฯลฯ

    "ถ้ำเซียน" ถ้ำนี้เมื่อพบครั้งแรกลักษณะด้านหน้าถ้ำมีหินธรรมชาติเหมือนเซียน ภายในถ้ำมีเถาวัลย์หลงมากมาย พอตัดเถาวัลย์หลงออกจนหมดก็ปรากฏว่ามีงูสีขาวนอนตายอยู่บริเวณกลางถ้ำ หินพระธาตุถ้ำนี้มีอิทธิคุณดีเด่นทุกด้าน ถ้ำเซียนเป็นถ้ำที่พบหินพระธาตุไม่มากนัก จึงค่อนข้างจะหายาก เนื้อหินเหมือนกระเบื้องเคลือบ สีเหลืองนวล เย็นตา ยุคแรกๆ จะแกะเป็นพระสมเด็จสามมิติ ที่ค่อนข้างจะหนามาก และมีความสวยงามในเนื้อหิน

    "ถ้ำหินเหล็กไฟ"ประวัติถ้ำนี้เป็นถ้ำที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแล เมื่อเวลาตอกหินจะมีเสียงดังและมีแสงเหมือนเหล็กไฟ ตอกไปนานได้สักระยะ ทุกคนจะ่ง่วงนอนหลับกันหมด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำมาเข้าฝัน ให้กินของที่นำไปเซ่นไหว้ อาการง่วงนอนจะหายลักษณะหินพระธาตุถ้ำหินเหล็กไฟจะมีวรรณะสีดำเป็นเหลี่ยมต่างๆอยู่ในวงรัศมีสวยงามแปลกตา

    เรื่องโด่งดังเกี่ยวกับปาฏิหาริย์หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด อีกเรื่องหนึ่งคือ การลองของกับหินพระธาตุ โดยมีผู้คนที่ไปสนทนากับลุงจร นำมาเล่าว่า พระแกะหินพระธาตุฯมีลักษณะเป็นองค์พระที่บริเวณพระเศียรที่แกะพอดีกับวงพระ ธาตุเมื่อแกะเรียบร้อยแล้วองค์พระจะมีลักษณะคล้ายกับว่ามีรัศมีแผ่ออกมาเป็น รอบๆ ชั้นๆ ที่บริเวณพระเศียรนั้น เคยมีผู้คนบางท่านนำมาลองยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ปรากฏว่ากระสุนด้านทุกนัด อีกเรื่องหนึ่ง มีคนนำหินพระธาตุแกะเป็นพระสมเด็จแล้ว นำไปให้หลวงพ่อคูณปลุกเสก ปรากฏว่าเมื่อถึงพิธีปลุกเสก หลังจากนั่งปรกแล้วถึงขั้นตอนที่ท่านจะประพรมน้ำพระพุทธมนต์ลงบนพระเครื่อง โดยพระเครื่องที่แกะจากหินพระธาตุแพ็กไว้ในลังไม่มีใครอื่นรู้ เมื่อหลวงพ่อคูณมาถึงลังพระสมเด็จหินพระธาตุฯก็ชะงักลง ไม่ประพรมน้ำมนต์เหมือนลังอื่นๆที่ผ่านมา ญาติโยมก็ถามว่า ทำไมท่านถึงไม่พรมลังนี้ ท่านบอกว่า บารมีท่านไม่ถึง พระที่แกะจากหินนี้พุทธคุณสูงในตัว ไม่จำเป็นต้องปลุกเสก นับว่าเป็นกายสิทธิ์ดีอยู่แล้ว พระชุดเดียวกันนี้ ได้นำเอาไปให้หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปลุกเสกอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำยืนยันแบบเดียวกับหลวงพ่อคูณ

    พระพุทธคุณในพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้น มีอัปมาณนา เกินที่จะคาดคะเนได้ ไม่ว่าจะเป็นลายไหน หินสีอะไร ก็มีคุณวิเศษเหมือนกันหมด เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นพระธาตุแล้วย่อมบริสุทธิ์ ไม่มีวัตถุสิ่งใดมาเทียมได้ในสามแดนโลกธาตุนี้ เพราะฉนั้นย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษาครับ ใครได้ไป ก็นับว่าเป็นบุญของคนๆนั้นจริงๆ ผู้ที่ครอบครองไว้บูชา จะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข คุ้มครองปกป้องภยันตรายได้ เป็นหลักใหญ่ของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดครับ สีหินที่พบ ส่วนใหญ่ออกตามวรรณะพระธาตุที่ฝัง อยู่ เช่น สีแดง สีน้ำผึ้ง สีน้ำตาล สีเหลือง สีดำ สีขาว เป็นต้น มีผู้หลายท่านได้จำแนกสีหินพระธาตุ ไว้ว่าสีนี้มีอิทธิคุณ อย่างไร อาจจะพบโดยประสบการณ์หรือ ได้ญาณหยั่งรู้บ้างก็มี

    ความเชื่อตามสีของหินพระธาตุ...

    คิดหิน หรือไข่ในหินทุกสี หรือที่นิยมเรียกว่าหินพระธาตุนั้นจะเป็นชั้นๆ เมื่อผ่าออกภายในจะมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน คล้ายกับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ มีอิทธฤทธิ์พลังฤทธิ์ โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมทางศาสนา คดหินสามร้อยยอดเป็นหินที่สะสมพลังงานธรรมชาติ จากพระอาทิตย์ พระจันทร์ ทะเล ขุนเขา และฟ้า ดิน นานนับล้านปีๆ และช่วยให้ผู้สักการะบูชาได้รับคุณประโยชน์ต่างๆ ตามลักษณะสีของคดฝังอยู่ในหินดังนี้



    1) หินพระธาตุออกวรรณะสีแดง
    มีพลังพิเศษทางด้านเสริมสร้างอำนาจบารมี ความเจริญรุ่งเรือง ทางเดช ทางฤทธิ์ มหาอำนาจ คุ้มครองผองภัย เป็นหินที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีบริวาร มีศรี มีอำนาจ จะมีเดชา นุภาพ ไปที่ไหนใครก็ย่ำเกรง สีแดงของหิน ย่อมหมายถึงสรรพมงคล ทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เหมาะสำหรับ นายทหาร ตำรวจ ผู้บริหาร ผู้นำต่างๆ เจ้าของธุรกิจ ฯ


    2) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำผึ้ง
    มีพลังพิเศษทางด้านความคุ้มครองสูง ความเมตตาพรหมวิหาร ร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่รักใคร่ ของคนทั่วไป ความโดดเด่นอยู่ที่พลังอำนาจในการสร้างความมั่นคงให้กับจิตใจ สร้างความมั่นคงให้กับ ธุรกิจการงานของคุณ เหมาะกับเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย มีไว้หนุนกิจการไม่ให้สั่นคอน


    3) หินพระธาตุออกวรรณะสีขาว
    เป็นหินพระธาตุที่มีบารมีธรรมสูงส่งมาก ให้พลังด้านบวกสูง ให้จิตสงบ ร่มเย็นเป็นสุข เย็นใจ มีความเจริญในธรรม มีความก้าวหน้าในสมาธิภาวนา มีพลังแห่งความเมตตาสูง ความพิเศษอยู่ที่พลังบารมีธรรมในตัวหิน ทำให้ผู้ที่มีหินสีขาวไว้บูชา เกิดความเย็นใจ ใจเป็นสมาธิได้เร็ว เจริญเมตตาพรหมวิหารได้ดี เหมาะแก่ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ชอบสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ


    4) หินพระธาตุออกวรรณะสีดำ
    ถือว่าเป็นหินพระธาตุที่มีเหล็กไหล(ละอองเหล็กไหล)เป็นส่วนประกอบอยู่ ดูเข้มขลัง มีพลังวิเศษทางด้านคุ้มครอง คงกะพัน เป็นมหาอุต และยังช่วยในเรื่องบำบัดโรคภัย ไข้เจ็บได้ดี ป้องกันคุณไสยต่างๆได้ดีมากๆ ใครมีไว้นับว่าเป็นโชควาสนา บารมีของผู้นั้น


    5) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำตาล
    เป็นหินที่ให้พลังอำนาจความเชื่อมั่น ทำให้สุขุมรอบคอบ มีความกล้าหาญภายในจิตใจ กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง เสริมสร้างทางด้านสุขภาพได้ดี เพราะมีพลังในการบำบัดสูง เหมาะสำหรับ นักแสดง นักพูด ผู้ทีใช้วาทะเป็นประจำ ผู้ขายของ แม่ค้าและผู้ที่เจ็บป่วยบ่อยๆ


    บทความนี้คัดลอกจากหนังสือธรรมปกิณกะ เล่ม 1 ที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของพระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพระมหาเถระที่มีจริยวัตรงดงาม และโดดเด่นในเรื่องเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุเป็นอย่างมาก

    "หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา เกิดเมื่อปี 2456 ที่ จ.ลำพูน บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 13 ปี และเมื่ออายุครบบวช จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดชีวิตของท่าน ได้ไปจำวัดสั่งสอนอบรมศิษย์ยังสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดพระบาทห้วยต้ม และมรณภาพในปี 2543 หลังจากมรณภาพแล้ว สังขารของท่านมิได้เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดพระบาทห้วยต้ม จนถึงปัจจุบัน"

    ...เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 500 ปี พระสงฆ์ทั้งหลายที่มาไม่ทันพระพุทธเจ้าแต่ยังทันพระศาสนา ในสมัยนั้นยังมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรม ยึดถือพระธรรมอันเคร่งครัดอยู่เป็นจำนวนมาก พระสงฆ์เหล่านั้นต่างแยกย้ายออกหาที่สงบวิเวกปฏิบัติธรรม

    .............เขาสามร้อยยอด เป็นที่สนุกสำหรับการปฏิบัติธรรมเพราะเป็นป่าหิมพานต์ชั้นหนึ่ง ผู้ที่มาพักอาศัยส่วนใหญ่เป็นพระอภิญญาเพราะท่านต้องเข้ามาบิณฑบาตข้าวในเมือง ในกรุงเทพ เพียงครู่เดียวก็กลับไป คนใส่บาตรก็เห็นเป็นพระธรรมดา สถานที่ท่านอยู่ไม่มีคนเห็นเพราะอยู่ในป่าลึก พระสงฆ์เหล่านี้มีความขยันหมั่นเพียรปฏิบัติธรรมเคร่งครัดดังได้อยู่เฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบกับมีอาจารย์ใหญ่ผู้เป็นศากยวงศ์ มาจากประเทศอินเดีย มาสอนปฏิบัติกรรมฐานให้หมดจากกิเลส ให้รีบปฏิบัติธรรมให้ทันพระพุทธเจ้าซึ่งรออยู่แล้ว พระสงฆ์ทั้งหมดต่างปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตตผลนิพพานในถ้ำเขาสามร้อยยอดนั้น การมาปฏิบัติธรรมในที่นี้เป็นการหนีภัยอันตรายคืออันตรายจากการที่มีคนมาหาไม่หยุดหย่อนไม่อาจจะปฏิบัติธรรมได้ ดังเช่นพระสงฆ์ในปัจจุบันนี้ไม่ห่วงการตัดกิเลส ห่วงแต่โชคลาภ

    .............สังขารของพระอรหันต์ที่นิพพานในถ้ำมีเป็นจำนวนมาก ต่อมาช้านานกลายเป็นก้อนหินมีเทวดารักษา ก้อนหินนั้นมีลวดลายต่างๆ กัน พระอรหันต์ที่มีอานุภาพมากหินพระธาตุก็มีลวดลายสวยงาม พระอรหันต์ทีมีอานุภาพน้อยหินก็ไม่มีลาย พระอรหันต์แต่ละองค์จะมีฤทธิ์ไม่เหมือนกัน พระพุทธเจ้ามีฤทธิ์แบบหนึ่ง พระอานนท์มีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระกัสสปะมีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระสารีบุตรมีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระโมคคัลลาน์มีฤทธิ์อีกอย่างหนึ่ง บารมีที่สร้างมาเป็นอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง อารมณ์เกิดเป็นนิมิตเป็นกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง พิจารณากรรมฐานนั้นให้ถึงอรหัตตผล ตัวอย่างเช่น ใช้กสิณไฟ กสิณน้ำ กสิณลม เอาสิ่งนั้นมาเป็นนิมิตเป็นรูปพระ พิจารณาให้กว้างและลึก ทำจนแก่กล้าขึ้น เรียนมาก รู้มากขึ้น เป็นพระอรหันต์ที่โปรดสัตว์ได้มาก พระธาตุก็มีลักษณะสวยงามมีลวดลายมาก

    หลายท่านเชื่อว่าในหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนี้ คือ เหล็กไหลในพระธาตุ จึงมีอิทธิคุณมหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน คุ้มครองป้องกันภัยจากอันตรายทั้งปวง ดังเช่นชาวใต้และทหารที่ไปรบชายแดนใต้ ยืนยันในคำเดียวกันถึงการคุ้มครองป้องกันของพระธาตุนี้ นอกจากนี้ธาตุเย็นของหินพระธาตุยังผลให้ผู้บูชาอยู่เย็นเป็นสุข เกิดเมตตามหานิยม เป็นสื่อนำโชคลาภวาสนา และความเจริญรุ่งเรืองในการงานมาให้ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมกระแสความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้บูชาติดตัว มีสุขภาพดี อายุยืน แม้น้ำจากการแช่หินพระธาตุนี้ ยังมาทำเป็นน้ำมนต์รักษาโรค นอกจากความเจริญทางโลกแล้ว ยังนำความเจริญทางธรรมมาให้อีก จากการนำหินพระธาตุนี้มาช่วยในการเจริญภาวนา จะส่งผลให้เข้าสู่สมาธิได้เร็วขึ้น

    จากการได้พูดคุยกับผู้นำหินพระธาตุลงมา ท่านว่าจะเป็นหินจากถ้ำใดก็ตาม หากเป็นเขาสามร้อยยอดแล้ว พุทธคุณแฉกเช่นเดียวกันหมด เพียงแต่ละถ้ำจะมีสีสรรและลายต่างกัน เท่านั้น

    ปัจจุบันทางอุทยานสั่งห้ามไม่ให้มีการนำหินพระธาตุลงมาแล้ว ดังนั้นหินพระธาตุสวยๆก็หายากขึ้นทุกที

    อิทธิคุณของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้นมีมากมายดังที่กล่าวมาข้างต้น ลวดลายและสีสันที่เกิดจากธรรมชาติมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด สมบูรณ์ด้วยสุขภาพพลานามัย เนื่องจากหินพระธาตุเป็นสิ่งที่สะสมปราณ ฟ้าดิน พระอาทิตย์ พระจันทร์ ขุนเขา และทะเล มานานนับหมื่นปี จึงทำให้มีพลังแห่งจักรวาลอยู่ในตัวสูง ผู้พกพาหินนี้หรือมีหินพระธาตุอยู่ใกล้ๆตัว ย่อมได้รับกระแสพลังปราณอันลี้ลับ ช่วยให้สุขภาพสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุยืนยาว

    และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดจากการรวบรวมตามคำบอกเล่าและความเชื่อของชาวบ้านรวมไปถึงผู้ที่ได้สัมผัสครับ และยังมีข้อมูลอีกหลายๆที่มาที่ผมไม่ได้นำเสนอเพราะสรุปแล้วก็คล้ายๆกัน สรุปคือ หินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนี้เป็นของดีครับ ถ้าคิดแบบไม่มีความเชื่อบางท่านอาจจะมองเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ที่สามารถ ชื่นชมและกราบไหว้บูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และก้อนหินในถ้ำบนภูเขา ก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งมีการสะสมของพลังงานและผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ก่อนที่บรรบุรุษเราเกิดซะอีก มนุษย์เราทุกคนไม่เคยมีใครชนะธรรมชาติได้ซักคน สุดท้าย ทุกคนก็ต้องตายจากโลกใบนี้ไปทั้งนั้น แต่ระหว่างที่ได้มีชีวิตอยู่นั้น ทุกคนได้ทำอะไรแตกต่างกันออกไป เจอเจอเรื่องราวไม่เหมือนกัน และมีชีวิตในรูปแบบของแต่ละบุคคล

    หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอด ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก กว่าจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย หินพระธาตุคงหายาก และราคาสูงมาก

    อย่างไรก็ดีหินพระธาตุก็จัดว่าเป็นของที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีอภินิหารช่วยเหลือผู้คนมาอย่างมากมาย จัดได้ว่าเป็นของดีอย่างหนึ่งของเมืองไทย ที่ควรจะมีไว้บูชาบ้าง เพราะชาวต่างชาติขนกันออกไปอย่างมากมาย บางทีขนกันออกไปเป็นเทรลเลอร์จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นใกล้เกลือกินด่าง คนที่อื่นมากว้านเอาไปเสียหมด คนไทยเองกลับไม่มีเอาไว้บูชาน่าเสียดายจริง ๆ
    มี 4 องค์ บูชาองค์ละ 350 บาท
    องค์ที่1 พระธาตุถ้ำสามสี
    IMG_20181116_215016.jpg IMG_20181116_215006.jpg
    องค์ที่2 พระธาตุถ้ำมังกร
    IMG_20181116_215036.jpg IMG_20181116_215026.jpg
    องค์ที่3 พระธาตุถ้ำพระโมคคัลลาน์
    IMG_20181116_214956.jpg IMG_20181116_214945.jpg
    องค์ที่4 พระธาตุถ้ำหินเหล็กไฟ
    IMG_20181116_214932.jpg IMG_20181116_214921.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2020
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่963 ควายธนูรุ่นแรก หลวงพ่อโทน วัดเขาน้อยคีรีวัน จ.ชลบุรี พ.ศ.๒๕๔๓
    “ ควายธนู หรือวัวธนู คนโบราณเมื่อต้องเข้าป่า ต้องพักแรมกลางคืน ก็จะนำควายธนูหรือวัวธนู ออกมาอาราธนาวางไว้ข้างตัว ให้ป้องกันสัตว์ร้าย ผีป่า นางไม้ และอันตรายใดๆที่จะเข้ามาทำร้าย โดยส่วนตัวแล้ว ยุคนี้ที่พบว่าครูบาอาจารย์ที่เสกวัวได้ขลังและป้องกันตัวได้ นั้นก็เห็นมีท่านหลวงปู่โทนครับ วัดเขาน้อยคีรีวัน ชลบุรี แต่น่าเสียดายท่านมรณภาพเสียแล้ว ท่านมีความรู้ด้านนี้ทำไว้ให้ลูกศิษย์ใช้ป้องกันตัวจริงๆ เคยมีอาจารย์ฆาราวาสที่เชี่ยวชาญเรื่องควายธนู แอบปล่อยควายธนูของตัวเองมาลองกับท่าน แต่ก็ไม่ได้กินครับ เล่นเอาป่ากล้วยแถววัดราบไปเลยครับ คนที่รู้ก็ตามเก็บของท่านกันเงียบๆ ส่วนใหญ่ยุคนี้ก็เอาไว้เฝ้าบ้านเฝ้ารถกันครับ ส่วนเรื่องราคาไม่น่าจะแพงมากครับควายของท่าน แต่ปัญหาคือรุ่นแรกหาไม่ได้ซิครับ เพราะถ้ารู้สรรพคุณแล้วคงจะปล่อยยากครับ แต่ก็เห็นมีในเวปบ้างเหมือนกันครับ เอาใจช่วยครับ อยากได้จริงบอกหลวงปู่ครับ
    เดี๋ยวก็มา “


    “ ... หลวงปู่โทน กนตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน ตอน ตำนานบทหนึ่งของพระเกจิจากเมืองชลบุรี

    หลวงปู่โทน กนฺตสีโล เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๒๘๕ ตรงกับ ร.ศ.๑๔๒ ที่ ต.วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อนายกิ่ม โยมมารดาชื่อนางแดง นามสกุล เหลืองอ่อน

    โยมของท่านทั้งสองดำเนินอาชีพทางกสิกรรม เมื่อตอนเยาว์วัยมีอายุเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือ ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียน

    วัดเนินสังข์ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน...

    หลวงปู่โทน เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๓๐ ปี ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๕ ณ วัดเนินสังข์สฤษฏาราม ต.ไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

    โดยมี ”พระครูพิสิฏฐ์ศาสนคุณ” (หลวงพ่อทองหยิบ) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ อ.พนัสนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเอี่ยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระป้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ทั้งสองรูปนี้อยู่ที่วัดไร่หลักทอง ท่านได้รับฉายาว่า “กนฺตสีโล”

    ซึ่งแปลว่า “ผู้มีศีลเป็นที่น่ายินดี”

    ในส่วนของเรื่อง ”จิตตานุภาพ” นั้น หลวงปู่โทน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงซึ่งวิทยาคุณอีกองค์หนึ่ง รูปธรรมที่เราเห็นชัดเจนคือภาพของท่านที่เข้าร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งงานราษฏร์ งานหลวง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชลบุรีจะขาดท่านเสียมิได้เลย..

    นอกเหนือไปจากวิชาอาคมด้านการปลุกเสกแล้ว “ศาสตร์ด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้คาถาและจิต” ท่านก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้โดยเฉพาะทางแพทย์แผนโบราณคือ “การเสกน้ำมันมนต์ประสานกระดูก”..ที่ขึ้นชื่อมาก

    ตลอดจนถึงการศึกษาทางไสยเวทเอาไว้ป้องกันคุณไสยซึ่งในสมัยก่อนมีกันมากไม่ว่าจะเป็นยาสั่ง เสกของเข้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นตะปู หนังควาย หรือเส้นผม ฯลฯ…

    การศึกษาวิชาคาถาอาคมนี้ หลวงปู่โทนได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงลุงของท่าน คือ ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน”

    อำเภอพนัสนิคม หลวงพ่อทับเป็นพระสงฆ์ที่แก่กล้าด้วยคาถาอาคม มีพลังจิตที่เข้มขลัง..

    นอกจากนี้หลวงปู่โทน กนฺตสีโล ยังได้ฝากตัวลงเป็นศิษย์กับ ”พระครูพินิจสมาจารย์” หรือที่ชาวชลบุรีในอดีตรู้จักท่านดีในนามว่า “หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม" อ.พนัสนิคม หลวงพ่อโด่รูปนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง...

    โดยเฉพาะ ”สีผึ้ง” ชาวเมืองชลเชื่อถือกันว่า ขมังในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และค้าขาย เด็ดขาดนัก สำหรับเรื่อง “ชื่อชั้น...” ของหลวงพ่อโด่ แห่งวัดนามะตูม ถ้าจะพูดตามภาษาชาวบ้านต้องเรียกว่า “หัวกระไดกุฎิไม่แห้ง....”ครับ

    ศิลปะคือ ”เครื่องขัดเกลาชีวิตและจิตใจ” ทำให้มนุษย์เข้าถึงธรรมชาติ.. สำหรับภิกษุสงฆ์แล้ว การออกเดินธุดงค์ คือ..

    ”เครื่องขัดเกลาและฝึกฝนความแกร่งกล้าของจิต...”

    หลวงปู่โทนได้ออกเดินธุดงค์ไปทางภาคเหนือ เช่นเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย และเข้าสู่ประเทศพม่าเพื่อไปกราบนมัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง..

    เมื่อออกจากพม่าท่านก็ได้เดินทางย้อนกลับเข้าสู่เมืองไทย บำเพ็ญเพียรตามป่าตามถ้ำ ได้ระยะหนึ่งจากนั้นท่านได้เดินธุดงค์เข้าประเทศลาว เขมร และกลับเข้าประเทศไทย “นับรวมเวลาที่ท่านเดินธุดงค์ทั้งสิ้น ๓๒ ปี....”

    หลังจากหยุดธุดงค์ในช่วงเวลาว่างท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมกับ ”หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง..” เนื่องจากเป็นสหธรรมิกรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เมื่อได้สนทนากันแล้ว หลวงปู่ทิมจึงแนะนำให้มาสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นที่ “เขาน้อย” ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี..

    ในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับหลวงปู่โทนเสมอมา หลายครั้งที่ท่านเดินทางไปหาหลวงปู่ทิม ท่านจะพักค้างคืนอยู่ที่วัดละหารไร่อยู่เป็นเดือนบ้างสองเดือนบ้าง จึงจะกลับวัดเขาน้อยคีรีวัน

    หลวงปู่ทิมท่านจะแนะวิธีการปลุกเสกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังให้กับหลวงปู่โทน อีกทั้งยังมอบพระเครื่องรุ่นต่างๆ ของท่านให้กับหลวงปู่โทนนำกลับไปแจกแก่ผู้ร่วมทำบุญสร้างวัดเขาน้อยคีรีวันอยู่บ่อยครั้ง..

    ถ้าจะถามต่อว่าบ่อยแค่ไหน คงต้องตอบว่าบ่อยซะจนหลวงปู่โทนเองท่านก็ยังจำไม่ได้ นับเป็นความกรุณาของหลวงปู่ทิมที่มีต่อวัดเขาน้อยคีรีวันเป็นอย่างมาก สำหรับในเรื่องของวิชาคาถาอาคมต่างๆที่หลวงปู่ทิมได้แนะนำอมรมสั่งสอนให้หลวงโทนนั้น หลวงปู่โทนเคยพูดกับผู้ใกล้ชิดว่า..

    “เมื่อนำมาปฏิบัติตามก็ได้ผล อย่างที่หลวงปู่ทิมบอกไว้ทุกประการ..”

    หลวงปู่โทน กนตสีโล ท่านได้”มรณภาพด้วยอาการอันสงบเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑” ซึ่งการจากไปของท่านได้สร้างความเสียใจให้กับลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก อย่างไรก็แล้วแต่..

    ”ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกขณะจิตจึงควรกระทำแต่ความดี... ”

    ปิดครับ
    IMG_25620528_211606.JPG IMG_25620528_211624.JPG IMG_25620528_211516.JPG IMG_25620528_211542.JPG IMG_25620528_211449.JPG pz.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2019
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่964 พระสมเด็จ หลังจาร เนื้อข้าวเสก หลวงปู่สรวง ปี 39
    หลวงปู่สรวง อัญเชิญบารมีเทพ เทวา ครูบาอาจารย์ พระฤาษี มาร่วมปลุกเสก ผ่านพิธีที่เข้มขลัง มานับไม่ถ้วน
    สุดยอดของมงคลเหนือโลก เนื้อข้าวปู่สรวงมีกินมีใช้ตลอด ไม่ตกลำบากย่อมมีเงินไหลมาไม่ขาดตอน
    เสริมดวง หนุนดวง โชคลาภร่ำรวย เสริมไปด้วยเมตตามหานิยม พบปะใครมีเเต่เมตตา สวดบูชาอย่างตั้งใจ ท่านมาอยู่ใกล้ตัวมาช่วยให้ประสบความสำเร็จทุกประการ

    - หลวงปู่สรวงท่านว่า พระรุ่นนี้ ด้านเมตตามหานิยมชั้นสูง อธิฐานขอได้ดั่งใจสมปรารถนา ด้านความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ด้านโชคลาภ ด้านแคล้วคลาด ครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ และหากผู้ที่บูชาหมั่นสวดมนต์ ภาวนา รักษาศีล จะมีพระธาตุขึ้นเองอย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง สายนี้ รู้กันดีครับ.

    พิธีใหญ่เสกกัน3วัน3คืน.
    วันที่12,13,14เมษายน.ปี2539..มีเกจิอีสานใต้ไปคับคั่ง!!!!(เกือบ300รูป)
    อาทิ
    1. หลวงปู่เครื่องวัดสระกำแพงใหญ่,
    2. หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน,
    3. หลวงปู่เจียมวัดกะมอล
    4 หลวงปู่เจียมวัดหนองยาว(สุรินทร์),
    5. หลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนแกด ,
    6. หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม,
    7. หลวงปู่ชื่นตาอีบุรีรัมย์,
    8. หลวงพ่อฤทธิ์วัดชลประทานดำริ.
    9. หลวงพ่อสร้อยวัดเลียบราษฏร์บำรุง.
    #ผู้ที่นำไปบูชามีประสบการณ์ทางด้านทำมาค้าขาย ถูกหวย จับโชค กันมากมาย

    ปิดครับ
    IMG_25620515_214429.JPG IMG_25620515_214408.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2019
  5. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    จองรายการนี้ทั้ง2เหรียญครับ
     
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่965 พระขุนแผนหลังกุมารทอง หลวงปู่ทิม พิมพ์ทรงพลเล็ก ปี2543 เนื้อผง วัดพระขาว จ.อยุธยา
    สร้างจากผงพระกรุที่แตกหักชำรุดที่ลูกศิษย์นำมาถวายผสมกับผงพุทธคุณที่หลวงปู่ทำขึ้นและชานหมากของท่าน
    ปลุกเสกฯ นาน 1ไตรมาส พุทธคุณเน้นเรื่องเมตามหานิยม โชคลาภต่างๆค่ะ หลวงปู่อยากจะนำเศษพระเก่าที่ชำรุดที่อยู่ในไหซึ่งอยู่ในโบสถ์เก่าหน้าพระ ประธานมาสร้างพระ เนื่องจากเป็นพระที่หลวงพ่อจงท่านเคยปลุกเสกไว้ และหลวงปู่เองก็จะปลุกเสกทุกครั้งเมื่อสวดมนต์ทำวัตรในโบสกถ์ โดยพระดังกล่าวหลวงปู่จะเก็บไว้ให้กับพระที่บวชและมาขอสึก หลวงปู่จะให้ไปหยิบเอาที่ในโบสถ์โดยขอกับหลวงพ่อขาว
    พระประธานในโบสถ์ ต่อมาเมื่อมีคนไปหาหลวงปู่มากขึ้นบางคนแอบเข้าไปเอาพระในโบสถ์จนหมด เหลือเฉพาะเศษพระที่หักๆไว้ หลวงปู่จึงอยากจะเอาเศษพระที่แตกหักมาสร้างโดยนำผงวิเศษต่างๆของหลวงพ่อจงซึ่งเป็นอาจารย์ รวมทั้งว่านต่างๆของหลวงตาที่อยู่ที่วัดทั้งเสน่ห์จันทร์และอื่นๆ ชานหมากของหลวงปู่ที่ปลุกเสกไว้ และผงพุทธคุณอื่นๆอีกมากมาย โดยใช้น้ำอ้อยเป็นตัวประสาน

    จำได้ว่าหลวงพี่หม่อง(ศิษย์อุปฐาก)บอกว่าทั้งพระเณรต้องร่วมกันสวดมนต์ก่อนที่จะช่วยกันบดผงโดยทำกันในวัด จึงเป็นพระที่สร้างจากมวลสารที่ดีทำกันโดยพระที่รักษาศิลไม่ใช่โรงงาน สำหรับจำนวนได้ประมาณ หนึ่งหมื่นองค์ ซึ่งไม่มากนัก หลวงปู่ปลุกเสกเป็นเวลานานประมาณ 1พรรษา

    ปิดครับ
    IMG_25620123_213527.JPG IMG_25620123_213458.JPG IMG_25620123_213711.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2019
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่966 หลวงปู่ทวด (หลังรัชกาลที่ 5) ตัดเพชรรุ่น 2 หรือรุ่นเจริญพร เนื้อดินผสมว่าน สุดยอดมวลสารสเคลล่า ปลุกเสกโดยหลวงพ่อตัดปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี จัดสร้างโดยสำนักสงฆ์วัดถ้ำเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคิรีขันธ์ พร้อมเลี่ยมจารหน้า-หลัง
    หลวงพ่อท่านมีเมตตามากได้แผ่บารมี ให้ทางสำนักสงฆ์วัดถ้ำเขาเต่าสร้างวัตถุมงคล ชุดขุนนางเนื้อดินเผา รุ่นเพชรตัด / ชุดขุนนางรุ่นกรรมการ / ชุดโต๊ะหมู่บูชารุ่น 1 / และหลวงปู่ทวด-พระปิดตามหาลาภ / หลวงปู่ทวด (หลังรัชกาลที่ 5) เพื่อนำรายได้ร่วมสร้างพระอุโบสถ พุทอาสน์ขนาด 20 ม. ยาว 44 ม. พระพุทธสีหไสยาสน์ เศียรจรดพระบาทขนาด 39 เมตร และหลวงปู่ โต แก้ว แหวน เงิน ทอง มั่น คง เจริญ สุข สด ชื่น ณ ธุดงค์สถาน วัดห้วยพลับวนาราม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ

    พิธีพุทธาภิเษก
    ณ สำนักสงฆ์วัดถ้ำเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2551 เวลา 15.00 น.
    โดยหลวงพ่อตัดปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี / หลวงพ่อเงินวัดถ่ำน้ำ จ.ราชบุรี่ / พระอาจารย์อ็อด วัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี / อาจารย์บูญเทอด ญาณแตโช สำนักสงฆ์เขาเต่า / พระเกจิอาจารย์อีก 54 รูป / และอาจารย์หนู กันภัย

    มวลสาร
    ผงมะหาว่าน 108 ธาตุเหล็กไหลตาน้ำ พญาสมิงเหล็ก (ผงจินดามณี) หินเกาะล้าน ดินจากพุทธคยา ดินจากพระสถูปกุสินารา ดินและใบโพธิ์จากปฐมเจดีย์เมืองพาราณสีผงจินดามณี คือก้อนแร่บริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง มีอานุภาพยอดเยี่ยมตามความเชื่อสามารถป้องกันศาตราอาวุธ อาถรรพฺมนต์ดำที่เกียวกับอวิชา และป้องอุบัติเหตุต่างๆ

    คุณลิงจำศีล ปิดครับ

    IMG_25620123_211059.JPG
    IMG_25620123_211207.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2019
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่967 ล็อคเก็ตดวงตาพระพุทธเจ้า หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว
    ปิดครับ
    IMG_25620126_223957.JPG
    IMG_25620126_223909.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2019
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ...ขอบคุณครับ
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่968 เหรียญหลวงปู่ซวง หรือหลวงปู่สรวง “เทวดาเล่นดิน” รุ่น ๑ ๕๐๐ พรรษา ปี ๒๕๓๕ ประจำวัดทั่วจักรวาล
    หลวงปู่ซวง หรือหลวงปู่สรวง “เทวดาเล่นดิน” รุ่น ๑ ๕๐๐ พรรษา ปี ๓๕ ประจำวัดทั่วจักรวาล ถ้าเอ๋ยถึงหลวงปู่สรวงคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก หลวงปู่เป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไหร่ ไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่า อริยะสงฆ์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา ๕๐๐ พรรษา จำวัดทั่วจักรวาล นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป
    เหรียญรุ่นนี้ มีลูกศิษย์ลูกหานำไปบูชาเกิดประสบการณ์มามากมาย ทั้งด้านโชคลาภ หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง การทำมาค้าขายดี วัตถุมงคลของหลวงปู่สรวง ที่โดดเด่น และเป็น
    ที่นิยมทั้งในด้านประสบการณ์และปาฏิหารย์ต่างๆ ในด้านโชคลาภ เมตตา มหาเสน่ห์และขอพรต่างๆ ความเป็นอยู่แม้จะธรรมดาแต่กลับมากด้วยปาฏิหาริย์ แม้กระทั่งหลวงปู่ละสังขารเข้าสู่นิพพาน ปาฏิหาริย์แห่งท่านก็ยังเล่าขานและปรากฏการเป็นอัศจรรย์อย่างเรื่อยมา
    ได้มีผู้เคยถาม หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์ว่า หลวงปู่รู้จัก หลวงปู่สรวง แห่งท้องทุ่งศรีสะเกษ หรือเปล่า หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านบอกว่ารู้จัก และรู้จักมานานแล้ว เมื่อ คราวที่หลวงปู่ฤทธิ์ ทำบุญวางศิลาฤกษ์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ที่วัดชลประทานราชดำริ หลวงปู่สรวงท่านก็มา เวลาท่านมาท่านก็มาของท่านเองไม่รู้ว่าท่านมาเมื่อไหร่ มารู้อีกทีก็เมื่อตอนที่เห็นท่าน เวลาท่านจะไปท่านก็ไปท่านเดินออกไปทางป่าด้านโน้น อยู่ด้านหน้าศาลาเป็นป่ากว้างมีน้ำท่วมขังเล็กน้อย ท่านเดินตรงไปแต่พอมองออกไปจะเห็นฝูงสัตว์เดินตามท่านเป็นพรวนแล้วสักพักท่านก็หายไป หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านยังได้พูดว่า เรื่อง หลวงปู่สรวงพูดไปแล้วก็เหมือนกับนิยาย เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ท่านก็มีตัวตนจริง เมื่อหลายสิบปีก่อน ได้พบเห็นท่านอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เห็นท่านเหมือนเดิม ตัวของหลวงพ่อเองนี่ซิแก่ลงไปทุกวันทุกปีนี่ก็อายุ 82 แล้ว แต่หลวงปู่สรวงท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้น

    บูชา 1650 บาท
    IMG_25620525_212455.JPG IMG_25620525_212422.JPG get_auc3_img (15).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2019
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ ท่าเตียน พิมพ์พระขุนแผน กรุงเทพ ปี ๒๔๘๕***
    พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพ จัดสร้างราวปี ๒๔๘๕ เป็นพระดีที่มีประสบการณ์เชื่อถือได้เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทยและทหารญี่ปุ่นเมื่อสมัยสงคราม เรื่อง"ทหารผี" ในสงครามเป็นที่กล่าวขาน ว่าทหารไทยโดนยิงล้มแล้วลุกขึ้นมาสู้ใหม่เพราะหนังเหนียว อาจารย์หนู เกจิชาวเขมรสร้างขึ้นในราวปี ๒๔๘๕ จากกระดูกผี ๗ ป่าช้า, ผงพระพุทธคุณ, ผงอิทธิเจและว่านอาถรรพ์ต่างๆ ท่านว่า นอกจากดีทางคงกระพันแล้ว ยังให้โชคในด้านการเสี่ยงการพนันขันต่ออีกด้วย เนื้อแกร่ง แห้ง เก่า มีมวลสาร ตัวจริงหายากมากมาย พุทธคุณ โชคลาภในการเสี่ยงดวง ป้องกันเหตุเภทภัย เมตตา ค้าขาย เสี่ยงโชคดีนักแล สุดยอดประสบการณ์ทหารผี สงครามอินโดจีน


    ตำนานอันลือลั่น " พระกระดูกผีวัดโพธิ์" โดนยิงล้มลง ยังลุกได้อีก จนฝรั่งเผ่นหนี ในสงครามอินโดจีน.. สามล้อนำมาห้อย ไม่มีผู้โดยสารทั้งวัน??

    ตำนานพระกระดูกผี วัดโพธิ์ ท่าเตียน

    พระกระดูกผีวัดโพธิ์ เกิดขึ้นสมัยสงครามอินโดจีน ตอนนั้นสมัย จอมพลป.พิบูลสงคราม เห็นว่าฝรั่งเศสอ่อนแอลง เพราะถูกเยอรมันบุกหนัก จอมพลป. จึงประกาศสงครามกับฝรั่งเศส เรียกดินแดนที่ฝรั่งเศสยึดจากเราไป จึงเกิดกระแสตื่นตัวมาก บรรดาเกจิต่าง ล้วนออกวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายแก่ทหารไทย

    พระอาจารย์หนู เป็นชาวเขมร อยู่วัดโพธิ์ ท่าเตียน ก็ได้ร่วมสร้างพระขึ้นมา กรรมวิธีสร้างพระของท่าน นับว่าแปลกและไม่เหมือนใคร ท่านได้นำกระดูกคนที่ตายมาตำป่น ผสมกับผงอาถรรพ์ต่าง และว่านโพง(หรือว่านกระสือ) การทำกระดูกผีของท่าน นับว่าเป็นเจ้าแรกที่คนรู้จักอย่างกว้างขวาง

    พระกระดูกผี พระอาจารย์หนู มามีชื่อเสียงมาก ตอนที่ทหารไทยไปรบกับฝรั่งเศส ทำให้เกิดตำนาน คำว่าทหารผี เพราะทหารฝรั่งเศสเห็นชัดๆ ว่ายิงทหารไทยล้มกลิ้งล้ม
    หงาย สักพักลุกขึ้นเดินบุกเข้าใหม่ ทำเอาทหารฝรั่งเศสขวัญหนีดีฝ่อ ทิ้งค่ายแพ้ทหารไทยไปหลายที่

    หลังจากสงครามเลิก บางคนก็จะนำพระกระดูกผี ไปไว้ตามโคนโพธิ์ มีคนขี่สามล้อคนหนึ่ง ได้ไปนำพระกระดูกผีจากโคนโพธิ์มาติดตัว วันนั้นทั้งวันเขาหาลูกค้าไม่ได้เลย เห็นคนยืนอยู่โบกมือเรียก พอเข้าไปใกล้ ก็ไม่เรียก วันนั้นทั้งวันเป็นแบบนี้ตลอด พอตอนเย็น นั่งคุยกับพวกสามล้อด้วยกัน เพื่อนเลยพูดเย้าว่า แหมวันนี้เอ็งโชคดีจัง ข้าเจอเอ็งทุกครั้งมีคนนั่งตลอด ทำความงุนงงแก่เขามาก เพราะตั้งแต่เช้ายันเย็น เขายังไม่ได้รับผู้โดยสารสักคน เขามานั่งคิดดู ว่าทำไมเพื่อนจึงเห็นคนโดยสารเต็มรถตลอด ก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะพระกระดูกผี ทีเขานำมาติดตัวแน่นอน เขาจึงรีบเอาไปวางที่ต้นโพธิ์ เพราะขืนเอาไว้ใช้ อดตายแน่นอน
    ขอขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลข้อมูล ศิษย์สายวัดสะพานสูง

    ผงกระดูกผี เป็นพระเครื่องที่สร้างจากมวลสารไม่เหมือนพระเครื่องทั่วไป พระเครื่องชนิดนี้เขาใช้ผงและขี้เถ้าของกระดูกผีของคนที่ตายไปแล้วมาสร้าง ฉะนั้นพระผงกระดูกผีจึงย่อมมีอิทธิฤทธิ์ที่แตกต่างไปจากพระเครื่องธรรมดาทั่วๆไปแน่ พระผงกระดูกผีที่ขึ้นชื่อและมีผู้คนรู้จักมากก็ไม่มีที่ไหนดังเกินพระผงกระดูกผีของ วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเท ผู้สร้างคือ พระอาจารย์หนู พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวจ.สุรินทร์ เชื้อสายส่วย ท่านเป็นพระเกจิที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์ของเขมรมาก ปกติทุกวันท่านจะไม่ค่อยออกไปจากกุฎิพบปะพูดคุยกับพระสงฆ์รูปอื่นๆแต่ท่านชอบเก็บตัวเงียบอยู่ภายในกุฏิ เพื่อทบทวนวิชาและปฏิบัติพิธีกรรมทางไสยศาสตร์แต่เพียงผู้เดียวตามลำพัง ภายในกุฏิของท่านจะเต็มไปด้วยโต๊ะบูชาและเครื่องเซ่นต่างๆตามพิธีกรรมของพวกเขมร บรรยากาศภายในกกุฏิของท่านดูเงียบสงบ วังเวงและดูน่ากลัว หากไม่มีความจำเป็นก็จะไม่มีใครอยากเข้าไปภายในกุฏิของท่าน แม้แต่เดินผ่านก็ไม่มีใครอยากเดินผ่านเข้าไปเพราะลือกันว่าพระอาจารย์หนูท่านเลี้ยงผีเอาไว้ แต่ก็มีชาวบ้านบ้างบางคนที่ว่าท่านมีวิชาดีจึงพากันไปขอให้ท่านทำวัตถุมงคลให้ มูลเหตุการสร้างพระผงกระดูกผีวัดโพธิ์เนื่องจากเมื่อปีพศ.๒๔๘๔ ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นบวกกับสงครามอินโดจีนโดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ไทยต้องเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ และทหารญี่ปุ่นได้เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหลายแห่ง ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงได้ส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดถล่มตามจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในประเทสไทยหลายจุดเพื่อเป็นการตัดกำลังฝ่ายอักษะ โดยเฉพาะกรุงเทพสภาพทั่วไปของบ้านเมืองเต็มไปด้วยซากหักพังของการทิ้งระเบิด ประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัวและการสูญเสีย บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่างๆจึงพากันสร้างวัตถุมงคลแจกจ่ายเพื่อเป็นการปลอบขวัญและเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารและประชาชนกันมาก พระเกจิบางท่านไม่เคยสร้างวัตถุมงคลแต่เมื่อสภาพบ้านเมืองเป็นเช่นนี้จึงไม่มีวิธีอะไรที่จะช่วยจึงต้องสร้างวัตถุมงคลออกแจกจ่ายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พระอาจารย์หนูจากการที่ท่านเป็นพระที่ชอบเก็บตัวเงียบทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ตามลำพัง ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับใครแม้แต่พระสงฆ์ด้วยกัน แต่เมื่อเกิดภาวะสงครามขึ้น ท่านจึงได้คิดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายกับทหารและชาวบ้านเพื่อนำไปบูชาคุ้มครอง และนี่คือสาเหตุของการเกิด”พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์”ที่ขึ้นชื่อด้านอิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์อย่างมากมาย เมื่อสิ้นสุดสงครามแล้วแต่เรื่องราวปาฏิหารย์ของพระเครื่องตระผมลนี้ยังเป็นที่เล่าขานกันอยู่เสมอ เพราะการที่ท่านมีเชื้อสาย”ส่วย”วิชาอาคมของท่านจึงเป็นไปในทางเขมรหรือขอมโบราณ ซึ่งพิธีกรรมจะหนักไปในทางลัทธิของศาสนาพราหมณ์และขอมโบราณ ท่านจึงสร้างพระเครื่องที่ยึดเอาคติพิธีกรรมมาจากสายนี้ พระเครื่องของท่านแทนที่จะสร้างจากผงวิเศษหรือโลหะแบบพระทั่วไป ท่านกลับสร้างด้วยวัตถุอาถรรพ์จำพวกผงกระดูกผี โดยท่านได้เอาผงกระดูกผีที่เก็บรวบรวมมาได้ ๗ ป่าช้า นอกจากผงผี ๗ ป่าช้าแล้วยังมีมวลสารอีกชนิดที่คอยสร้างเรื่องราวด้านปาฏิหารย์อัศจรรย(รอ-หัน)ให้กับพระรุ่นนี้อย่างมากมายนั่นคือ”ว่านโพง” ว่านโพงนี้ชาวบ้านแถบคุณสาน(พิมพ์ตรงๆไม่ได้ครับเดี๋ยวไม่ผ่าน)เรียกกันว่า “ว่านกระสือ”หรือ”ว่านผีปอบ” ซึ่งขึ้นตามป่าทึบแถวภาคคุณสาน ดดยเฉพาะชายแดนที่ติดกับเขมรจะพบบ่อย ว่านนี้คนสมัยก่อนเชื่อกันว่ามีวิญญาณร้ายสิงอยู่ ว่านชนิดนี้ชอบกินเลือดสดๆและเนื้อสัตว์ป่าเป็นอาหาร อาจารย์ไสยเวทย์ที่เป็นฆราวาสชอบนำว่านชนิดนี้มาเลี้ยงไว้เพื่อใช้ให้ทำงานต่างๆให้โดยเฉพาะการสั่งให้ไปทำร้ายคู่อริหรือฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่จะเลี้ยงว่านชนิดนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแกกล้าเข้าขั้นทีเดียวจึงจะสามารถสะกดเหล่าดวงวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในว่านให้อยู่ภายใต้คำสั่งได้ หากมิฉะนั้นดวงวิญญารณเหล่านั้นที่อยู่ในว่านโพงจะก็จะทำร้ายและกินผู้เลี้ยงเป็นอาหารแทน หากว่าไม่สามารถสะกดดวงวิญญาณเหล่านั้นได้ พระอาจารย์หนูท่านนำวัตถุอาถรรพ์เหล่านี้มาบดละเอียดคลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมากดพิมพ์เป็นพระเครื่อง โดยก่อนนำมากดพิมพ์ท่านได้สะกดดวงวิญญาณเหล่านั้นแล้วซึ่งทุกขั้นตอนตั้งแต่การผสม การบดการตำและการกดพิมพ์ ทานได้กระทำแต่เพียงผู้เดียวเพราะจะต้องบริกรรมคาถาตลอดเวลาที่กระทำ เมื่อได้พระจำนวนหนึ่งแล้วลพ.หนูท่านได้นำไปปลุกเสกภายในกุฏิตามลำพังอีกรอบ เมื่อแรกที่นำออกแจกจ่ายไม่ค่อยมีคนอยากมารับเพราะหวาดกลัวในมวลสาร จะมีก็เฉพาะลูกศิษย์เท่านั้นที่กล้าไปรับก็พวกเด็กวัดกับชาวบ้านในระแวกวัดโพธิ์ ที่มารับๆกันเพราะเห็นว่าได้ฟรี ผ่านไปไม่นานนักพระชนิดนี้ได้ก่อปาฏิหารย์ด้านคุ้มครองอย่างแปลกประหลาดด้านคุ้มครองอันตรายขึ้นมาหลายครั้งจากการทิ้งระเบิด ผู้ทราบข่าวจึงแห่กันมาที่วัดเพื่อมาขอพระและคราวนี้มาโดยไม่หวาดกลัวเหมือนคราวก่อน เมื่อพระกระดูกผีมีไม่เพียงพอ พระอาจารย์หนูท่านจึงได้สร้างขึ้นมาอีกครั้งโดยได้รวบรวมมวลสารขึ้นมาอีกรอบ โดยเมื่อพอกดพิมพ์เสร็จก็ปลุกเสกกันเลยแล้วแจกจ่ายแก่ชาวบ้านทั้งที่พระยังหมาดๆแห้งไม่สนิท(แจกด่วน) เรื่องอิทธิปาฏิหารย์พระเครื่องกระดูกผีมีให้เล่ากันตลอดและมีความแปลกประหลาดด้านคุ้มครองอย่างมากมาย
    IMG_25620527_133649.JPG
    IMG_25620527_133617.JPG tnews_1499689402_5773.jpg
     
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่969 รูปถ่ายขาว-ดำ หลวงพ่อเกษม เขมโก ด้านหลัง จีวร สายสิน ทองคำเปลว โค๊ต นะ เลี่ยมโบราณ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ เป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของคนในจังหวัดลำปางและทั่วประเทศ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ ติดยึดในกิเลสทั้งปวง หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ถึงแก่พิราลัย ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่สานุศิษย์ทั่วประเทศ
    ในยุคสมัยที่ยังไม่มีการสร้างพระเครื่องมาให้ท่านปลุกเสกมากมาย ผู้คนที่เคารพศรัทธาก็ยึดจากสิ่งของง่ายๆใกล้ตัวท่านที่ท่านมักจะแจกบ่อยๆ เช่นริบบิ้น สายสิญจน์ในงานบุญ ก้านธูปอธิษฐาน ฯลฯ โดยของทุกอย่างที่ผ่านการ "มนต์" จากท่านนั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆแม้ไม่ใช่พระ โดยเฉพาะก้านธูปที่ท่านมนต์ให้ ท่านเรียกของท่านเองเลยว่า "ตะกรุด" ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ท่านเสกแจกง่ายๆ นำไปใช้พกติดตัวคุ้มครองกันภัยกัน
    มี 2 รูป บูชารูปละ 1750 บาท
    1. IMG_20181201_210932.jpg IMG_20181201_210904.jpg IMG_20181201_211320.jpg
    2. IMG_20181201_210843.jpg IMG_20181201_210743.jpg IMG_20181201_210729.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2020
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่970 สีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดใหม่กระบกขึ้นผึ้ง
    ประสบการณ์สีผึ้งหลวงพ่อทาบ เมตตาขนาด
    หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง หรือพระครูอรรถโกศล เป็นคนระยองโดยกำเนิด เกิดที่บ้านนาตาขวัญ ต. นาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อวันศุกร์ เดือนหก ปีฉลู ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๒๐ ท่านเป็นเพื่อนสนิทกับหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ วิชาของทั้งสองท่าน ว่ากันว่ากินกันไม่ลง ประเด็นสำคัญคือวิชาของหลวงปู่ทาบที่เลื่องลือว่าสุดยอดคือวิชาสีผึ้งเขียว
    การขอรับสีผึ้งจากหลวงพ่อทาบในสมัยก่อน สำหรับผู้ที่จะมาขอสีผึ้งเขียวของท่านนั้น กว่าจะได้ก็แสนจะลำบากยากเย็น เล่ากันว่าผู้ต้องการจะได้สีผึ้งเขียวของท่านจะต้องมานอนค้างคืนกันที่วัดหลาย ๆ คืน และหลาย ๆ ครั้ง จนหลวงพ่อทาบเห็นความมานะอดทนว่า ต้องการได้จริง ๆ ท่านจึงจะให้ แต่ท่านจะหยิบให้เพียงเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบเมื่อใครได้มาแล้วเหมือนกับได้ของวิเศษที่เปี่ยมไปด้วยส่วนผสมแห่งเมตตามหานิยม คนเล่นของในสมัยนั้นจึงนำสีผึ้งหลวงพ่อทาบที่ได้มาเพียงแค่หัวไม้ขีดไฟมาเลี่ยมทองหุ้มใส่สายสร้อยหรือแขวนติดตัว แต่ก่อนจะมอบสีผึ้งเขียวให้แก่ผู้ใด หลวงพ่อทาบจะสั่งสอนวิธีใช้ให้ สำหรับเรื่องผู้หญิงนั้น ถ้าจะใช้สีผึ้งนี่ก็ขอให้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ ได้เขาสมใจแล้วก็อย่าไปทิ้งไปขว้าง มิเช่นนั้น จะเกิดวิบัติ
    นักเลงรุ่นเก่าชาวระยองยอมรับว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งใน ต.ตาสิทธิ์ ติดกับวัดหลวงปู่ทิมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ข้าก็ได้อาศัยสีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบนี่แหละ จึงได้แม่อ้ายยอด มาจนทุกวันนี้ แม่อ้ายยอดเมื่อสาวๆ มันสวยอย่าบอกใครเชียว หนุ่ม ๆ มาจีบกันหัวกระไดแทบไม่แห้ง แต่ลุง (ตัวคนเล่า) มันพูดจาไม่เก่ง รูปก็ไม่หล่อ แรกๆแม่อ้ายยอดไม่เคยมองลุงเลย ความที่อยากเอาชนะไอ้พวกหนุ่มรุ่นเดียวกัน ลุงจึงดั้นต้นไปขอสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ไปก็หลายครั้งหลายหนอยู่จนท่านจำได้และเห็นมาบ่อย ๆ หลวงพ่อทาบท่านเลยสงสารควักให้มาหัวไม้ขีดหนึ่งสั่งว่าเพียงเอาห่อติดตัว เวลาจะใช้กับผู้หญิงคนใดก็เพียงแต่ทำใจให้นึกเห็นใบหน้าเขาและเข้าไปหาเถอะไม่ช้าก็สำเร็จ และก็ได้ผลจริงๆไม่นานแม่อ้ายยอดเกิดสงสารเห็นใจลุง ทั้งที่ก่อนนั้นเขาไม่เคยชายตามองลุงเลย พวกหนุ่มบ้านอื่นงงเป็นไก่ตาแตก
    ท่านผู้เฒ่าเล่าเสริมต่อไปว่า หลังจากได้แม่อ้ายยอดมาเป็นเมียและอยู่กับมาจนบัดนี้แล้ว ลุงเคยถามเขาว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดมารักลุง ทั้งๆ ที่แต่แรกไม่เคยสนใจลุงเลย แม่อ้ายยอดบอกกับลุงว่าเป็นเพราะอะไรไม่รู้ วันไหนถ้าไม่เห็นหน้าลุงใจคอมันหงุดหงิด ร้อนรุ่ม พอได้เห็นหน้าลุงแล้วสบายใจ และไม่ช้าลุงก็ชวนมันมาอยู่กับลุงเสียเลย ผมได้ถามลุงผู้เฒ่าว่า แล้วสีผึ้งนั้นอยู่ไหน? ขอผมดูหน่อย ท่านผู้เฒ่าบอกว่า เมื่อลุงได้เมียแล้วก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะหลวงพ่อท่านสั่งนักสั่งหนาว่าถ้าใช้กับผู้หญิงแล้วต้องเลี้ยงเขาเป็นลูกเมีย ห้ามทิ้งขว้าง ลุงได้แม่อ้ายยอดมาครองคนเดียวก็นับว่าพอใจแล้ว เลยหุ้มทองเก็บไว้ จนอ้ายยอดลูกหัวปีของลุงมันเป็นหนุ่มแล้ว ลุงจึงมอบให้มัน ก็ดูซิอ้ายยอดลูกชายลุงมีเมียตั้ง ๓ คน และอยู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น หลานลุงมีเป็นพรวน มีเมียมากมันก็ไม่ดีหรอกหลาน หาเท่าไรไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แต่ก็ดีไปอย่าง อ้ายยอดมันได้เขาแล้วมันก็ไม่ทิ้งไม่ขว้าง เลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียทุกคน อ้ายยอดลูกลุงน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก มีเพียงแค่ ๓ คน เท่านั้น แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทาบที่เคยบวชอยู่กับท่านคนหนึ่งซิ เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่จันทบุรี มีเมียอยู่บ้านเดียวกันถึง ๖ คน ทุกคนปรองดองกันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย แต่ลูกเป็นกระบุง แต่เขาก็มีฐานะดีนะ เรื่องสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ ถ้าใช้เรื่องผู้หญิงรับรองได้เยี่ยมจริง ๆ
    ท่านพระอาจารย์เสียน มนูญโญ เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงทาบ ตลอดจน คุณปถม อาจสาคร อดีตสหกรณ์อำเภอบ้านค่าย และคุณประชา ตรีพาสัย เพื่อนผู้เขียนซึ่งจูงใจให้ผู้เขียนไปรู้จักกับหลวงปู่ทิมจนได้สร้างพระชุดชินบัญชรอันเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้ เคยเล่าเรื่องอานุภาพของสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันแพร่หลายทั่วจังหวัดระยองให้ฟังว่า
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จ.ระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อ. บ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่ ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงพ่อทาบ หลวงพ่อทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อย อ. บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงพ่อทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัวและปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน
    อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า แป้งผัดหน้านั้น หลวงพ่อทาบท่านลงนะนวลจันทร์ และตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยมของหลวงพ่อทาบ ก็ยิ่งโด่งดังขึ้น จนคนระยองถึงกับผูกวลียกย่องไว้ว่า “อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม”
    สีผึ้ง หลวงพ่อทาบ วัดใหม่กระบกขึ้นผึ้ง ด้วยอานุภาพสีผึ้งหลวงพ่อทาบ เป็นที่โด่งดังมากด้าน มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม จนใครหลายคนต้องการกันมาก วันนี้นำ คาถาหลวงพ่อทาบ ในการบูชาสีผึ้งและการอารธนาติดตัวมาฝาก ถ้าต้องการใช้ขี้ผึ้งทาปาก ให้ตั้ง นะโม 3 จบ พร้อมกับทาสีผึ้งที่ริมปาก โดยคาถาว่าดังนี้ จิตติ มิตติ อะระหัง ปิยังมะมะ ใช้นิ้วมือแตะสีผึ้งทาปาก ตามที่ต้องการดังนี้
    1.ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้งทาปาก กรณีเข้าหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ
    2.ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนรับใช้
    3.ให้ใช้นิ้วกลางแตะขี้ผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาผู้สูงอายุ หรือแม่หม้าย
    4.ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาสาวๆหนุ่มๆ
    5.ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาสาวน้อย หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า ส่วนถ้าต้องการพกพาสีผึ้งติดตัว ให้ใช้พระคาถา อารธนาสีผึ้งเขียวติดตัว ดังนี้
    ตั้งนะโม 3 จบ อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง

    IMG_25620202_203108.JPG IMG_25620202_203031.JPG IMG_25620202_203138.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2019
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่971 พระปิดตาผงแป้งเสก ๑๐๐ ปี หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี ๒๕๓๖
    พระปิดตาผงแป้งเสก ๑๐๐ ปี หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
    รุ่นศักดิสิทธิ์ ปี ๒๕๓๖ พระของหลวงปู่นั้น เด่นทางเมตตา พุทธคุณครอบจักรวาล โดยหลวงปู่บุดดา
    เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐอย่างยิ่งองค์หนึ่งในยุคกึ่งพุทธกาล ท่านเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตรที่
    งดงาม และยังมีจิตตานุภาพที่สูงเยี่ยม เมื่ออธิษฐานจิตลงวัตถุมงคลแม้ใช้เวลาเพียง ๒-๓ นาที
    แต่กลับมีพุทธคุณสูงส่งราวกับประกอบพุทธาภิเษกนับสิบครั้ง แป้งเสกของหลวงปู่ถือเป็นเอกลักษณ์
    ที่หาใครเลียนแบบไม่ได้ แป้งเสกของท่านช่วยคนให้สมปรารถนามากมายทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ
    การบนบานอธิษฐาน เมตตามหานิยม หรือแม้แต่คงกระพันชาตรีก็มีคนประสบมาแล้วมากมาย

    ปิดตาผงแป้งเสกองค์นี้ เป็นพระขนาดองค์จิ๋วเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบพระองค์เล็ก น่าเก็บบูชาอย่างยิ่ง
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ผู้มีวัตถุมงคลของพระอรหันต์ไว้กราบไหว้บูชา ย่อมประสบแต่ความเจริญทุกเมื่อแล

    ปิดครับ
    IMG_25620531_192554.JPG IMG_25620531_192531.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2019
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่972 พระปิดตามหาลาภ หลังเต่า ยันต์ห้า เนื้อดินประสาทหินขอมพันปี ฝังตะกรุด หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน วัดบ้านละลม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ปี39
    พระเนื้อผงปราสาทหินขอมพันปี ...เพราะหลวงปู่สรวงท่านสั่งให้ อ.เสริฐ ไป เก็บซากปรักหักพังปราสาทหินขอมมาบดผสมในองค์พระ โดยเฉพราะเนื้อปราสาทหินขอมพันปีรุ่นนี้ ที่อ เสริฐนำมาบด แล้วยัง มี "แร่ดูดทรัพย์" จากเขาพนมกุเลน ที่กัมพูชา ซึ่งจัดเป็นแร่ธาตุจำพวกเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ ประเภทนึง ที่ท่านใส่ลงไปด้วย พร้อมมวลสารผงอาถรรพณ์ด้านมงคล อีกหลายๆอย่าง ................... พระปิดตา แบบครึ่งซีก นี้ มี3พิมพ์ มีเนื้อปราสาทหินขอมพันปี เนื้อข้าวเสกและใบลาน ซึ่ง จะมีในวัตถุมงคล พิมพ์ต่างๆอีกมากมาย ที่หายสาบสูญ ไปหมดแล้วทั้งๆที่ สร้าง2วาระแต่ละวาระๆ ละ 5000องค์ต่อพิมพ์ มีแยกเนื้อแยกฝังตะกรุดกับไม่ฝังออกไปอีก รวมทั้ง2วาระ เฉพาะพระเครื่องไม่นับเครื่องราง เป็นแสนกว่าองค์ครับ ในพิมพ์ต่างๆ........

    พระปิดตาเนื้อปราสาทขอม มีเนื้อพระหลายโซน....ประสบการณ์ด้านโชคลาภเมตตา ค้าขาย และป้องกันภัย มีเยอะมาก (แคล้วคลาดอุบัติเหตุมีมากอีกทั้งยังมีประสบการณ์แปลกๆอีกด้วย...............................พิธีใหญ่เสกกัน3วัน3คืน.วันที่12,13,14เมษายน.ปี2539..มีเกจิอีสานใต้ไปคับคั่ง!!!!(เกือบ300รูป)......เช่น....

    หลวงปู่เครื่องวัดสระกำแพงใหญ่,

    หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน,

    ลป.เจียมวัดกะมอลและลป.เจียมวัดหนองยาว(สุรินทร์),

    ลป.เกลี้ยง วัดโนนแกด

    ลปสาย วัดตะเคียนราม,

    ลปชื่นตาอีบุรีรัมย์,

    ลพฤทธิ์วัดชลประทานดำริ.

    ลพสร้อยวัดเลียบราษฏร์บำรุง.

    .ๆลๆ...,,,,,,,,,,,,,

    ประสบการณ์โดดเด่นมากๆในด้านเมตตามหานิยม,มหาเสน่ห์,มหาลาภ,โชคลาภ,ค้าขาย,ทำมาหากิน(แรง)และแคล้วคลาดยิ่งรอดจากอุบัติเหตุต่างๆนี่มีมากมายนัก...ในระยะเวลา10กว่าปีที่ผ่านมาครับ

    คุณJS1213 ปิดครับ
    IMG_25620525_213138.JPG IMG_25620525_213103.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2019
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่973 รูปถ่ายหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ขนาด1*1.5 นิ้ว ปี39
    •จัดสร้างโดย อาจารย์เสริฐ มหาวีโรเพื่อหาปัจจัยสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านตาโคลปี2539
    • พิธีใหญ่ปลุกเสก 3วัน 3คืน ระหว่างวันที่12-14เมษายน 2539
    • มีพระเกจิอาจารย์สายอีสานใต้ไปร่วมพิธีมากมาย (เกือบ 300 รูป) เช่น หลวงปู่เครื่อง/วัดสระกำแพงใหญ่, หลวงปู่หงส์/สุสานทุ่งมน, หลวงปู่เจียม/วัดกะมอล, หลวงปู่เจียม/วัดหนองยาว, หลวงปู่เกลี้ยง/วัดโนนแกด , หลวงปู่สาย/วัดตะเคียนราม, หลวงปู่ชื่น/วัดตาอี, หลวงปู่ฤทธิ์/วัดชลประทานดำริ, หลวงพ่อสร้อย/วัดเลียบราษฏร์บำรุง เป็นต้น
    บูชา 550 บาท
    IMG_25620602_063855.JPG
    IMG_25620602_063830.JPG
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่974 พระขุนแผนสาริกา ลป. สรวง เทวดาเล่นดิน เนื้อหินปราสาทขอมพันปี แช่น้ำมนต์ ปี39
    จัดสร้างโดย อาจารย์เสริฐ มหาวีโรเพื่อหาปัจจัยสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านตาโคลปี2539
    หลวงปู่สรวง ท่าน สั่งให้ อเสริฐ ไปเก็บ ซากปราสาทหินขอมพันปี มาบดผสมทำเนื้อพระ เพื่อถือเอาเคล็ดว่าเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งใหญ่ดุจปราสาทยุคอาณาขอมรุ่งเรือง อีกทั้งยังมีมวลสาร เช่น แร่ดูดทรัพย์ ซึ่งเป็นผง เหล็กไหลประเภทหนึ่งจาก เขาพนมกุเลน และ ผงอาถรรพณ์มงคล อาจารย์เสริฐนำหินปราสาทมาบดเป็นผงและนำไปผสมมวลสารอื่นๆ อีกมากมาย
    • พิธีใหญ่ปลุกเสก 3วัน 3คืน ระหว่างวันที่12-14เมษายน 2539
    • มีพระเกจิอาจารย์สายอีสานใต้ไปร่วมพิธีมากมาย (เกือบ 300 รูป) เช่น หลวงปู่เครื่อง/วัดสระกำแพงใหญ่, หลวงปู่หงส์/สุสานทุ่งมน, หลวงปู่เจียม/วัดกะมอล, หลวงปู่เจียม/วัดหนองยาว, หลวงปู่เกลี้ยง/วัดโนนแกด , หลวงปู่สาย/วัดตะเคียนราม, หลวงปู่ชื่น/วัดตาอี, หลวงปู่ฤทธิ์/วัดชลประทานดำริ, หลวงพ่อสร้อย/วัดเลียบราษฏร์บำรุง เป็นต้น
    • หลวงปู่สรวงท่านบอกว่าว่า ขุนแผนรุ่นนี้เป็น"เมตตามหานิยมชั้นสูง"
    • หลายๆ คนสมัยก่อนก็ได้ดีเพราะบูชาพระรุ่นนี้ ปัจจุบันก็เจริญในการงานเป็นใหญ่กันหมด
    • ขุนแผนรุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม เจริญในหน้าที่การงานและแคล้วคลาด

    บูชา 350 บาท
    IMG_25620602_064350.JPG IMG_25620602_064325.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2019
  18. JS1213

    JS1213 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +5,349
    จองรายการนี้ค่ะ
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ..ขอบคุณครับ
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่975 เหรียญพระพิฆเนศร์ เทพแห่งความสำเร็จ " หลวงปู่ชื่น พุทธสโร " วัดญาณเสน จ.นครศรีอยุธยา เจ้าตำราเคล็ดวิชา พระรัตนจักร อันลือลั่น ปี 2546 กล่องกำมะหยี่เดิม
    ท่านเป็นอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้าพระพุทธมนต์ และเป็นพระเกจิที่เชี่ยวชาญด้านไสยศาตร์วิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ โดนนำความรู้และวิชาทุกด้านช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้กับชาวบ้านจนเป็นที่เคารพเลื่อมใสในความมีเมตตาของท่าน เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองกรุงเก่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 18 มีนาคม 2450 ในตระกูลของนายจั่น นางหงิ สกุลยอดฉิม ซึ่งประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร เมื่ออายุ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรจนถึงอายุ 18 ปี ก็ลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดาทำไร่ทำนาอยู่ประมาณ 3 ปี ภายหลังจึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเกาะลอย ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 และได้ร่ำเรียนอาคมวิชาไสยเวทย์และแพทย์แผนโบราณ เมื่อมีความรู้จึงออกธุดงค์เสาะหาเกจิอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาความรู้อย่างต่อเนื่อง จนถึงจังหวัดนครศรีอยุธยาและมาหยุดพรรษาที่วัดญาณเสน และได้สร้างชื่อเสียงขจรไกลในด้านวิชาไสยศาสตร์และอาคมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณ หลวงปู่ชื้น พุทธสโร ได้มรณภาพละสังขาร วันที่ 17 มิถุนายน 2546 เวลา 09.40 น. ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 97 ปี เหรียญพระพิฆเนตรเทพแห่งความสำเร็จ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน ท่านอธิฐานจิตเสกให้ โดยท่านจะนำพระมาแตะแล้วเป่าที่วัตถุมงคลนั้นๆ ให้ทางคณะชมรมศิษย์เก่าดนตรีไทยร่วมกับทางคณะศิษย์ขอร่วมสร้างไว้เพื่อบูชากันในกลุ่มลูกศิษย์ทางชมรม จึงมีจำนวนสร้างไม่มากนัก โดยมีการสร้าง
    เหรียญเนื้อทองคำ 9 เหรียญ
    เหรียญเงินลงยา 159 เหรียญ
    โดยแบ่งออกมีทั้งหมด 3 สี เป็น
    เหรียญเนื้อเงินลงยาสีเขียว 39 เหรียญ
    เหรียญเนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน 50 เหรียญ เหรียญเนื้อเงินลงยาสีแดง 70 เหรียญ และเหรียญเนื้อทองแดงเนื้อทองฝาบาตรและเนื้อทองทิพย์สร้างรวม 699 เหรียญ เพื่อแจกในงานประจำปี ลักษณะเหรียญทรงกลม ด้านหน้าจะเป็น
    พระพิฆเนศ ปางประทานพร ด้านหลัง ยันต์ โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา เป็นบทสวดบูชาขอพรขอความสำเร็จในด้านต่างๆ มีโชค และมีทรัพย์เงินทอง สมความสำเร็จทุกปรารถนา
    ***มี 3 กล่อง บูชากล่องละ 250 บาท
    IMG_25620603_152347.JPG IMG_25620603_152452.JPG IMG_25620603_153210.JPG IMG_25620603_153230.JPG IMG_25620603_153131.JPG IMG_25620603_153056.JPG IMG_25620603_151904.jpg RA01061822C-0202.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...