*วัตถุมงคล เริ่มหน้า66*พระกรุ,ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน,ลพ.ฤาษี,ลพ.หวล และอื่นๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 25 มีนาคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่976 ผ้าขอดแดง 9 ขอด ยุคต้น หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ อยุธยา ยาว 130 ซม.
    เล่ากันว่าก่อนที่เสือขาวจะพาพวกปล้นตลาดท่าเรือนั้น (ปิดตลาดปล้นปี 08) ได้มาขอผ้าขอดจากหลวงพ่อ (มีอานุภาพคุ้มครองบริวารได้ 7 คน) จนสามารถหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้
    ประสบการณ์ วัตถุมงคลของท่านล้วนมีประสบการณ์ แคล้วคลาด คงกระพัน ทั้งสิ้น เป็นที่โจษขานกัน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์มาก ๆ และเริ่มหายาก เนื่องจากวัตถุมงคลยุคต้น ของหลวงพ่อสร้างน้อยด้วย ผู้ที่มีต่างหวงแหน เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องเล่าอย่างโชกโชน วัตถุมงคลของหลวงพ่อพรห์มจะปลุกเสกอธิฐานจิตเดี่ยวตลอดไตรมาตร ท่านบอกว่า ได้ทำทั้งที เมื่อมีดีแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด
    บูชา 1950 บาท

    IMG_25620603_154531.JPG IMG_25620603_154645.JPG IMG_25620603_154657.JPG
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่977 แม่กุมารเรียกทรัพย์ ฝังมวลสารพุทธคุณ นำฤกษ์ หลวงปู่ถ้า อนาลโย วัดป่าดงคำชี จ.กาฬสินธุ์
    พุทธคุณ เรื่องเสน่ห์ เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เสี่ยงดวงเสี่ยงโชค ขอความรัก การงาน การเงิน ได้สมใจ
    บูชา 350 บาท

    182.jpg
    182.1.jpg
     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่978 พระเม็ดน้อยหน่า หลังอุ กรุวัดศาลาปูน จ.อยุธยา เนื้อดินเผาผสมใบลานพุทธคุณเน้นด้านแคล้วคลาด คงกะพันชาตรี สไตล์พระกรุเก่าอยุธยา
    พระเม็ดน้อยหน่าหลังยันต์ อุ เป็นพระกรุเนื้อดินผสมใบลานเผาของ จ. อยุธยา ที่มีอายุการสร้างมาไม่ต่ำกว่า 300 ถึง 400 ปี เป็นพระขนาดเล็กกระทัดรัด แต่เรื่องพุทธคุณไม่เล็กแน่นอน เป็นพระในตำนานที่มีการเล่าขานกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษถึงพุทธคุณที่ครบเครื่องทุกอย่าง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันกันเขี้ยวงา และเมตตามหานิยม สมัยก่อนผู้ใหญ่ให้เด็กแขวนพระเม็ดน้อยหน่านี้เพื่อกันสุนัขกัด เพราะเด่นมากทางด้านคงกระพันกันเขี้ยวงา เนื่องจากพระเม็ดน้อยหน่าหลังยันต์ อุ ของอยุธยาแตกกรุออกมามาก จำนวนพระจึงกระจัดกระจาย ในสมัยก่อนให้กันฟรีๆ ทำให้ผู้ที่นำไปใช้ได้รับประสบการณ์กันมากมาย จึงจัดเป็นของดีราคาถูก แต่ปัจจุบันหายากแล้วครับ

    บูชา 650 บาท
    41.jpg
    41.1.jpg
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่979 พระร่วงนั่งหน้าโหนก กรุวัดเชตุพน สุโขทัย
    กำเนิดที่วัดเชตุพน จังหวัดสุโขทัย จึงใช้ชื่อวัดเป็นชื่อพระพิมพ์ พระเชตุพนของจังหวัดสุโขทัยนี้ ถือเป็นต้นแบบในการเรียกชื่อ เพราะพระเชตุพนแตกออกมาหลายกรุและหลายจังหวัด ต่างก็เรียกกันว่าพระเชตุพน พระเชตุพนที่พบมีอยู่ด้วยกัน ๒ เนื้อ คือ เนื้อดิน และ เนื้อชิน มี ๒ พิมพ์ได้แก่ พิมพ์นั่งฐานชั้นเดี่ยว และพิมพ์บัว ๒ ชั้น พระพุทธคุณดีทางแคล้วคลาด และเมตตามหานิยมขนาดองค์จริงสูงประมาณ ๑.๕ ซ.ม. กว้างประมาณ ๑.๓ ซ.ม.
    บูชา 950 บาท

    42.jpg
    42.1.jpg
     
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่980 พระซุ้มกอ คำข้าว หลวงปู่สรวง ปี 39 จารหมึก
    จัดสร้างโดย อ.เสริฐ เกจิชาวเขมรศิษย์ ปู่สรวง แล้วถวายวัดสุดทัศน์สร้างน้อยมาก
    ที่สุดแห่งบารมีโภคทรัพย์
    หลวงปู่สรวงและเกจิมากมายร่วมร่ายมนต์เรียกเงิน เรียกทอง มหาลาภ มหาเศรษฐี เพื่อช่วยเร่งลาภผลให้ต่อเนื่อง ไม่อดไม่ยาก ลำบากไม่นาน ชีวิตต้องดีขึ้น พลิกชีวิตได้ฉับพลัน รวยๆ
    นำเข้าพิธี มากมายตั้งแต่ศรีษะเกษจนถึงวัดสุทัศน์ เริ่มแจกที่ พิธีสุคโต ที่มีเกจิปลุกเสกมากมาย ก่อนจะนำมาแจกลูกศิษย์ที่วัดป่าหนองล่มอีกครั้ง
    รายนามคร่าวๆครับ พระอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก เฉพาะ พิธีสุคโตจ้า (ลป หมุน เป็นเจ้าพิธี)

    - ลป.กอง วัดสระมณฑล(ศิษย์สายลปเทพโลกอุดร)อายุ102ปี อยุธยา
    - พระวิสุทธาธิปดีเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์
    - ลป.สรวง เทวดาเล่นดินเทพเจ้าแห่งบ้านละลมผู้วิเศษแห่งภูตะแบง
    - ลป.หงษ์วัดเพชรบุรี
    - ลป.ธี วัดมิ่งเมือง
    - ลป.ทิม วัดพระขาว
    - ลพ.ไสว วัดปรีดาราม
    - ลพ.พูลวัดไผ่ล้อม
    - ลพ.เพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
    - ลพ.สิริ วัดตาล
    - ลพ.ตี๋ วัดหลวงราชาวาส
    - ลพ.เฮ็น วัดดอนทอง
    - ลพ.สมควร วัดถือน้ำ
    - ลพ.สง่า วัดบ้านหม้อ
    - ลพ.หวล วัดพุทไธสวรรค์
    - ลพ.เฉลิม วัดพระญาติ
    - ลพ.จ้อย วัดหนองน้ำเขียว
    - ลพ.ไพรินทร์ วัดสาวชะโงก

    บูชา 850 บาท
    IMG_20181127_194403.jpg
    IMG_20181127_194353.jpg
     
  6. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ได้รับพ้สดุเรียบร้อยแล้วครับ
    ขอขอบคุณสำหรับพระสิวลีที่มอบให้มาครับ
    ขอบคุณครับ
     
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบครับ...ขอบคุณครับ...
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่981 พระสมเด็จ หลวงปู่สรวง บ้านละลม เนื้อดินดำ ดินปราสาทขอม แช่น้ำมนต์ ปลุกเสกปี ๑๙
    หลวงปู่ได้จัดสร้างพระเนื้อดินไว้ 1 ชุด มีดังนี้ พระผงพิมพ์เจ้าสัว, ลีลา, สมเด็จ, ขุนแผน, ซุ้มกอ, พระพิฆเนศวร, พระปิดตา, พระสิวลี, นางพญา, ท้าวกุเวร, นางกวัก พิมพ์ต่างๆ เป็นพระเนื้อดิน พระชุดนี้ลูกศิษย์นำมาถวาย และสร้างถวายให้หลวงปู่สรวงปลุกเสกไว้เมื่อปี 2519 เพื่อมอบให้ญาติโยมที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างสำนักสงฆ์ถ้ำภูดิน จ.ศรีสะเกษ จัดพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ สมโภชน์ 3 วัน 3 คืน มีพระเกจิอาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่สรวงมาร่วมปลุกเสกมากมายรวม 200 องค์ ทั้งพระเถระผู้ใหญ่ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลแถบนั้น มาร่วมงานนี้รวมแล้วนับพันองค์ หลวงปู่สรวงท่านมาเสกให้ในงานทั้ง 3 วัน 3 คืน พระที่เหลือจากการแจกจ่ายในหมู่ศิษย์ ตกอยู่ที่อาจารย์เสริฐ ทุกพิมพ์ หลังจากท่านอาจารย์เสริฐมีเหตุจำเป็นต้องลาสิกขาบท เพื่อเดินทางไปร่ำเรียนวิชาอาคมต่อที่เขมรในปี 2540 พระชุดนี้ทุกพิมพ์ได้มอบให้อาจารย์ฉ่อยดูแล โดยนำมาฝากไว้ที่พระอุโบสถวัดสุทัศน์นานถึง 9 ปี บางพิมพ์นานถึง 11 ปี ผ่านพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ของทางวัดสุทัศน์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง จากพระเถราจารย์ พระคณาจารย์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศมากมายร่วมประมาณแสนรูป
    มีพุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม,แคล้วคลาด,โชคลาภและมหาเสน่ห์
    บูชา 950 บาท

    IMG_25620604_210715.JPG
    IMG_25620604_210649.JPG
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ***พระไชยวรมันเหล็กไหลพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ จ.อยุธยา***
    (คาถาอัญเชิญและบูชาเหล็กไหล พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมานาโถ สะกะพะจะ ปูชาจะ ข้าพเจ้าขอบูชาท่านผู้ดูและรักษาธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์อานุภาพ อิสะวาสุ อิติปิโสภะคะวา เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดีๆทั้งหลายหลั่งไหลมาหาข้าพเจ้า สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ )

    รูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระซุ้มกอ,พระรอด,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก


    เป็นกลุ่มเหล็กไหลเงินยวง เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยาก สีขาวขุ่นเป็นมันเลื่อม สีเหมือนเงินยวง พบได้ตามถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ความเชื่อ มีคุณธรรมทางด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญกุศล เกิดจากเทพในระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเป็นผู้ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ในครอบครองของพวกนักบวชต่าง ๆ เหล็กไหลเงินยวง เหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย และมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมาก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลชีปะขาว พบได้มากในเขตประเทศเนปาล ธิเบต หรือประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตก สีของเหล็กไหลเงินยวงจะมีสีขาว มีลักษณะเป็นยวงคล้ายกับปรอท แวววาวดุจโลหะ เชื่อกันว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลเงินยวงมักจะเป็นชีปะขาว หรือคนธรรพ์ที่คอยดูแลรักษาเหล็กไหลชนิดนี้อยู่

    คาถาเหล็กไหล สายหลวงพ่อหวล ท่านมอบให้ ท่านก็ใช้คาถาง่าย ๆ สั้นว่า

    “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ”

    “ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ”


    “สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ”

    IMG_25620604_210516.JPG
    IMG_25620604_210440.JPG IMG_25620604_210233.JPG IMG_25620604_210329.JPG 03img-8050637-0001.jpg
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่982 สิงห์สาริกา หลังรูปหลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
    ถ้าจะกล่าวถึงพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของเมืองสุพรรณ คงจะกล่าวเลย หลวงพ่อมุ่ย แห่งวัดดอนไร่ไปไม่ได้ ท่านเป็นพระคณาจารย์ถึง 5 รัชกาล ที่เกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกรูปหนึ่ง หลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นพระสมถะ ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดเสมอต้นเสมอปลาย ทำสิ่งใดแต่พอเหมาะพอควร มีความเมตตาแก่สัตว์โลกทั่วไปทุกหมู่เหล่า ท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่
    ประวัติ หลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต พระครูสุวรรณวุฒาจารย์
    เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ณ.บ้านดอนไร่ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรของพ่อเหมือน แม่ชัง มีศรีไชย เมื่อมีอายุครบบวชได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดท่าช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช แต่อุปสมบทได้เพียง 10 พรรษา ก็ลาสิกขาออกไปช่วยบิดามารดาทำงาน ได้อุปสมบทครั้งที่ 2 ณ วัดดอนบุปผาราม (วัดตะค่า) ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันทร์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2465 ได้รับฉายาว่า พฺทฺธรักขิโต จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองสะเดาได้ 3 เดือน จึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหัวเขา และย้ายไปยังวัดปู่บัวก่อนกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดดอนไร่ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองสะเดา เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับพระสมณศักดิ์เป็น พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ ด้วยความที่เป็นพระเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ขยันในการศึกษาหาความรู้ทุกด้านโดยเฉพาะในเรื่องตัวเลขอักขระยันต์ คาถาอาคมของท่านเข้มขลังยิ่งนัก ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมุ่ยทุกรุ่น ได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก อาทิเช่น รูปเหมือนปั๊มลอยองค์รุ่นแรกปี พ.ศ. 2497 ตะกรุดธงมหาราช ผ้ายันต์ แหนบ สิงห์ แหวน เหรียญเสมาปี พ.ศ. 2493 รูปถ่ายภาพขาวดำเหรียญรูปเหมือน พระสมเด็จตะกรุดสามกษัตริย์ ฯลฯ ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2517 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 รวมสิริอายุได้ 86 ปี บวชพระมาได้ 41 พรรษา
    บูชา 900 บาท

    7008.jpg
    7009.jpg
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่983 พ่อปู่ฤาษีหล่อเหล็กไหลงอก7สี นั่งเหล็กไหลงอก7สี ขนาดประมาณ 1 นิ้ว
    เหล็ก ไหลเจ็ดสี เป็นเหล็กไหลชั้นยอดในชุดเหล็กไหลและเป็นเหล็กไหลที่หาพบได้ยากมาก ๆ มีอิทธ์ ฤทธิ์ คงกระพันชาตรี กันภูตผีปีศาจได้ดีที่สุด และสร้างภาพลวงตา เหล็กไหลเจ็ดสีนี้สามารถเจิญเติบโต ได้โดยการเลี้ยงน้ำผึ้ง ดยปกติจะให้เสพน้ำผึ้งในคืนพระจันทร์เต็มดวง และเวลาเช้าก็นำไปล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่งประมาณ 2-3 เดือน จะเห็นได้ชัดถึงการเจริญเติบโตของเหล็กไหลชนิดนี้ เหล็กไหล7สีนิยมบูชาป้องกันภูติผีปีศาจ ป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็น แก้ปีชง แช่น้ำมนต์แก้คุณไสย์ ลดวิบากกรรม และป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็น และมองไม่เห็น

    เหล็กไหล 7 สี ชนิดนี้ สีสันต่างๆ จะเรียกได้ว่า เป็นแร่ที่ดูมีชีวิต ดูสดใสอยู่ตลอดเวลา รวดลายก็งอกตามธรรมชาติ รายเส้นก็งอกตามธรรมชาติ
    มีพลังมากมาย เหล็กไหลชนิดนี้บางคนเรียกว่าโคตรเหล็กไหล ซึ่อเป็นคำเรียกที่ผิดๆ จริงๆเป็นเหล็กไหลชั้นยอด ถ้าคนนั้นสามารถดูออก

    โคตรเหล็กไหล 7 สีสามารถตัดแบ่งเป็นชิ้นๆได้ ห้ามมีการไปเอาไฟเทียนรนตามถ้ำ หรือเอามาหุงใหม่ หลอมขึ้นมาใหม่
    เอามาตัดแบ่งย่อยเป็นชิ้นเล็กๆได้ พลัง ชีวิตจะอยู่ทั้งหมด เหล็กไหลชนิดนี้กินน้ำผึ้ง ถ้าคนไหนบอกไม่กิน
    แปลว่าผู้นั้นสัมผัสไม่ได้ สัพแต่จะขายหรือบอกไม่ได้สอนวิธีบูชาผิดๆไม่มีการสอนแบบสัมผัสญาณ แบบนี้คือคนขายทั่วไป แต่ก็ดีอย่างที่
    คนจำพวกนี้จะเป็นตัวเชื่อมที่ทุกคนอาจได้เหล็กไหล 7 สีชั้นยอดมาบูชากัน การเสพหรือกินน้ำผึ้ง คือการเสพทางทิพท์ญาณ ต้องเป็นผู้มีญาณรู้
    เห็นเท่านั้น เช่น ญาณทัศนะ เป็นต้น พึงเสมอว่าการบูชาที่ถูกควรบูชาแบบไหนถึงได้ ขอความสำเร็จต่างๆได้ดี คำว่าโคตรเหล็กไหล
    คือแร่ที่ทับถมกันเป็นชั้นๆไม่มีตะปุ่มตะป่ำหรือปูดนูนเป็นเม็ดๆผู้ที่หาเช่าซื้อเหล็กไหล7สีมา ควรสอบถามวิธีการบูชาที่ถูกต้องให้ดี และการนำไป
    เพื่อฝึกสมาธิในตัวผู้ครอบครองด้วย ว่าควรฝึกอย่างไรถึงจะสัมผัสธาตุกายสิทธิ์ได้ การฝึกต้องมีของจริงคือแร่ที่มีอำนาจ และมีเทวาอยู่เท่านั้น
    ป้องกันผีทุกชนิดได้ 100% ป้องกันการตายก่อนเวลา ป้องกันกรรมที่มากระทำต่อเจ้าของ คนเลวใส่ทำเลว โดน 10 เท่าของกรรมนั้นๆ
    ก็หมายความว่า ใส่แล้วเอาไปทำเลว ทำชั่ว เช่นใส่แล้วไปฆ่า เป็ด ไก ปลา เอามากิน หรือ ขโมยของ เป็นโจร โดน 10 เท่า คน
    จะเอาไปใช้ก็ต้องดูว่าตัวเองอยู่ในข้อห้ามหรือไม่ วัยเบญจเพศ ควรใส่อย่างยิ่งมีไว้ในรถ ก็ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
    ใส่แล้วเวลาทำบุญให้นึกถึงองค์พญาเหล็กไหล ด้วยให้ท่านได้บุญไปกับเราด้วยทุกครั้งที่ทำบุญ ถวายน้ำผึ้งบ้างบางครั้ง
    เวลาขอไรท่านได้ ต้องรีบแก้ทันที อย่าขอมาก ขอเวลาจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ราคาไม่กี่บาท กับชีวิตคนทั้งชีวิต คุณว่าคุ้มมั้ยครับ แร่เหล็กไหลนี้
    เด็กคนไหนนอนสะดุ้งตอนกลางคืนหรือเวลานอน ก็ให้ใส่แร่ 7 สีชนิดนี้รับรองเห็นผล แร่ชนิดนี้มีอำนาจมาก ชีวิตคนมีค่า แต่ทำไมไม่ลองหันมาใส่กัน

    1.ผู้ที่โดนผีหลอก และกลัวผี ถ้าใส่พระแล้วไม่ได้ผล ลองหันมาลองใส่เหล็กไหล 7 สีดู รับรองหาย
    2.ผู้ที่โดนผีอำบ่อยๆ ให้ลองมาใส่เหล็กไหล 7 สีดู หายแน่นอน
    3.คนที่ชอบนอนค้างตามโรมแรมแต่ๆ ถ้ากัวผีหรือมีคนตายในห้องนั้น ให้ลองใส่เหล็กไหล 7 สีรับรองผีไม่มายุ่งกับผู้ที่ใส่เป็นอันขาด
    4.ถ้าไปท่องเที่ยวตามป่าเขา ต่างจังหวัด แล้วเกิดกัวเรื่อง ลมแพลมพัด ของคุนไส มนต์ดำต่างๆให้ลองมาใส่เหล็กไหล 7 สี รับรองไม่โดนแน่
    5.ถ้าคนไหนมีสัมผัสที่6 แล้วชอบเห็นเจ้ากรรมนายเวรมาขอส่วนบุญ ถ้าไม่กัวก็แล้วไป แต่ถ้ากัว ให้หันมาใส่เหล็กไหล 7 สีดู
    วิญญาณไม่ดีจะไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ใส่ได้ นอกจากวิญญาณที่ดีเท่านั้น
    6.เด็กที่ชอบนอนสะดุ้ง ตกใจร้องจ๊ากเวลากลางดึก ให้ใส่เหล็กไหล 7 สี หายแน่นอน
    7. โดนผีเข้า ให้เอาไปใส่
    8.ผู้ที่ชอบนั่งสมาธิ นำเหล้กไหล 7 สีมาใส่สามารถป้องกันอตรายต่างๆเกี๋ยวกับวิญญาณในการนั่งสมาธิได้ดีเยี่ยม
    9.ธาตุกายสิทธิ์เสมือนทางลัดในการฝึกญาณบารมี

    บางตำราว่าของ (อ.บูรพา ผดุงไทย ) เหล็กไหล 7 สีเป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งเหล็กไหลทั้งปวง

    ตามธรรมชาติจะมีถึง 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ทั้งยังมีที่ออกเป็นสีทองและสีเงินยวงขาวบริสุทธิ์
    เหล็กไหลต่างๆเหล่านี้จะแยกกันเป็นอิสระ จะพบเจอรวมกันก็เฉพราะรังเหล็กไหลที่เป็น 7 สีเท่านั้น สีเขียว สีม่วง สีคราม น้ำเงิน
    เป็นเหล็กไหลโกฏิปีและเหล็กไหลเจ้าป่า สีเหลือ สีแสด และสีแดงอยู่ในตระกูลสีท้องปลาไหล และเหล็กไหลพลิง
    โดยแต่ละสีนั้นจะมีฤทธิ์บารมีแตกต่างกัน โดยปกติเหล็กไหลหนึ่งองค์ก็จะมีหนึ่งสี แต่อาจแปรสภาพต่างออกไป
    เช่นจ่างสีดำเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ที่จะพบว่าในหนึ่งองค์นั้นมีครบ 7 สีไม่ค่อยมีนอกจากเหล็กไหลโกฏิปีเท่านั้นที่สามารถทอสีออกเป็นสายรุ้งได้
    รังเหล็กไหล 7 สีมีคุณทุกด้าน ทั้งเสน่ห์เมตตามหานิยมคุ้มครองปกป้องให้โชคลาพ เป็นแคล้วคลาดอย่างประเสริฐ เป็นตบะเดชะ
    เหมาะสำหรับนักปกครองด้วย เรียกดีทั้งนั้น มีอานุภาพ 108 ประการ มีรังเหล็กไหล 7 สีชิ้นเดียวเท่ากับมีเหล็กไหลชั้นยอดถึง 7 ชนิดด้วยกัน
    ผู้ครอบครองจะประสบความสำเร็จในการงาน สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงได้

    คำอธิษฐานน้ำมนต์เหล็กไหล 7 ธาตุกายสิทธิ์

    ลูกขอบารมีสมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังสี ท่านพญาสมิงเหล็ก ท่านปู่ฤาษีเวชยันต์ เทพยดาอารักษ์ ผู้สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้
    และครูบาอาจารณ์ทุกท่าน ข้าพเจ้า ( ชื่อ นามสกุล )

    ป่วยเป็นโรค......อาการ......ลูกขออนุญาตดื่มน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บในร่างกายของลูกให้หายขาด ณ บัดนี้ด้วยเถิด
    ( น้ำมนต์ใช้ดื่ม ทา หรืออาบ วันละหลายครั้งก็ได้ )


    คาถาต่างๆ ที่ใช้ภาวนากับ เหล็กไหล7สี

    ท่องพระคาถาบทนี้แล้ว พึงทำการอธิษฐานขอให้เหล็กไหลแสดงปาฏิหาริย์เป็นอนุสติให้ดูอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นว่าให้ยืดให้หด ให้เล่นไฟ ยังเป็นคาถาคุ้มครองตัวด้วย ท่องไว้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัย เป็นคาถาที่เหมาะสมดีนัก พระคาถามีดังนี้

    จิ เจ รุ นิ เตชะ สะ ติ
    วายุละภะ ภะเวสัจเจเอชิมะ
    อะปานุติ ปะถะวิยัง
    (ตำรับวัดถ้ำแฝก)

    การนำธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล 7 สีเข้าบ้าน จุดธูป 5 ดอกแล้วกล่าวอัญเชิญเหล็กไหล7สีดังนี้

    พุทโธ เมนาโถ ธัมโม เมนาโถ สังโฆ เมนาโถ สะกะทะจะปูชา
    จะบูชาท่านผู้ดูและตุอันศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์อานุภาพ
    อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา เหล็กไหลเจริญมาเจริญยิ่งเจริญดีสิ่งดีดีทั้งหลายหลั่งไหลมาหาข้าพเจ้า
    สัมมะสัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ
    คาถาถวายน้ำผึ้ง นะอึดโมอึด โธอัดนะอัด 3 จบ
    ข้อมูล อ.บูรพา ผดุงไทย

    บูชา 650 บาท

    8064.jpg
    8063.jpg
     
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่984 กำไลเหล็กไหล หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ จ.อยุธยา
    เป็นกลุ่มเหล็กไหลเงินยวง เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยาก สีขาวขุ่นเป็นมันเลื่อม สีเหมือนเงินยวง พบได้ตามถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ความเชื่อ มีคุณธรรมทางด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญกุศล เกิดจากเทพในระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเป็นผู้ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ในครอบครองของพวกนักบวชต่าง ๆ เหล็กไหลเงินยวง เหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย และมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมาก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลชีปะขาว พบได้มากในเขตประเทศเนปาล ธิเบต หรือประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตก สีของเหล็กไหลเงินยวงจะมีสีขาว มีลักษณะเป็นยวงคล้ายกับปรอท แวววาวดุจโลหะ เชื่อกันว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลเงินยวงมักจะเป็นชีปะขาว หรือคนธรรพ์ที่คอยดูแลรักษาเหล็กไหลชนิดนี้อยู่

    คาถาเหล็กไหล สายหลวงพ่อหวล ท่านมอบให้ ท่านก็ใช้คาถาง่าย ๆ สั้นว่า

    “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ”

    “ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ”

    “สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ”

    บูชา 1300 บาท
    IMG_25620604_210129.JPG IMG_25620604_210013.JPG IMG_25620604_210044.JPG 03img-8050637-0001.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2019
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่985 พระขุนแผนสาริกา ลป. สรวง เทวดาเล่นดิน เนื้อหินปราสาทขอมพันปี ปี39
    •จัดสร้างโดย อาจารย์เสริฐ มหาวีโรเพื่อหาปัจจัยสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านตาโคลปี2539
    •หลวงปู่สรวง ท่าน สั่งให้ อเสริฐ ไปเก็บ ซากปราสาทหินขอมพันปี มาบดผสมทำเนื้อพระ เพื่อถือเอาเคล็ดว่าเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งใหญ่ดุจปราสาทยุคอาณาขอมรุ่งเรือง อีกทั้งยังมีมวลสาร เช่น แร่ดูดทรัพย์ ซึ่งเป็นผง เหล็กไหลประเภทหนึ่งจาก เขาพนมกุเลน และ ผงอาถรรพณ์มงคล อาจารย์เสริฐนำหินปราสาทมาบดเป็นผงและนำไปผสมมวลสารอื่นๆ อีกมากมาย
    • พิธีใหญ่ปลุกเสก 3วัน 3คืน ระหว่างวันที่12-14เมษายน 2539
    • มีพระเกจิอาจารย์สายอีสานใต้ไปร่วมพิธีมากมาย (เกือบ 300 รูป) เช่น หลวงปู่เครื่อง/วัดสระกำแพงใหญ่, หลวงปู่หงส์/สุสานทุ่งมน, หลวงปู่เจียม/วัดกะมอล, หลวงปู่เจียม/วัดหนองยาว, หลวงปู่เกลี้ยง/วัดโนนแกด , หลวงปู่สาย/วัดตะเคียนราม, หลวงปู่ชื่น/วัดตาอี, หลวงปู่ฤทธิ์/วัดชลประทานดำริ, หลวงพ่อสร้อย/วัดเลียบราษฏร์บำรุง เป็นต้น
    • หลวงปู่สรวงท่านบอกว่าว่า ขุนแผนรุ่นนี้เป็น"เมตตามหานิยมชั้นสูง"
    • หลายๆ คนสมัยก่อนก็ได้ดีเพราะบูชาพระรุ่นนี้ ปัจจุบันก็เจริญในการงานเป็นใหญ่กันหมด

    • ขุนแผนรุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม เจริญในหน้าที่การงานและแคล้วคลาด
    บูชา 350 บาท
    IMG_25620602_064146.JPG IMG_25620602_064107.JPG
     
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่986 พระขรรค์พญาเหล็กไหล หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์
    ***วิชาการทำเหล็กไหล หลวงพ่อหวล ท่านเรียนมากจาก ศิษย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    " เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ, พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ, พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครองนะครับ ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครองครับ

    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย
    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย
    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย

    วิธีบูชาและการต้อนรับเข้าบ้าน
    1. จุดธูป 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน
    2.ชุดบายศรีหรือถ้าไม่สะดวก ดอกไม้ 1-3 อย่างก็ได้(ดอกมะลิ)
    3.น้ำผึ้งถวาย 1 ถ้วย วางด้านข้างไม่ต้องแช่ องค์พญาเหล็กไหลจะเสพกลิ่น เสพรส
    4.บูชาทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง นำออกมาอาบแสงจันทร์เพื่อเพิ่มพลัง แล้วให้เสพน้ำผึ้ง
    คาถาบูชา "เหล็กไหล"
    (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าตามนี้) *พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
    *สะกะพะจะ บูชาจะมหาบูชา *ขอบูชาท่านผู้ดูแลรักษาธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์อานุภาพนี้
    *อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา
    เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดี ๆ ทั้งหลายจงหลั่งไหล เข้ามาหาแก่ตัวข้าพเจ้า
    *สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ
    *นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
    (บูชาอย่างน้อย 3 จบ ทุกๆวัน ก่อนออกจากบ้านเสมอ!)

    บูชา 1650 บาท
    IMG_25620330_150646.JPG IMG_25620330_150627.JPG 1506458_971875792823923_488082738942106306_n.jpg
     
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่987 พระพุทธชินราช เนื้อตะกั่วฝังเขี้ยวหมาป่า หลวงพ่อดำ วัดกุฏี - เนื้อชนวนสิงห์ตะกั่วคู่หน้าโบสถ์ที่ลือลั่นทั่วปราจีนบุรี
    หลวงพ่อดำ ท่านเป็นพระธุดงค์จากเขมร มีตบะวิชาแกล่งกล้า เป็นพระที่ชอบธุดงค์ ตามป่าเขาแถวตะเข็บชายแดนติดเขมรและได้มาจำพรรษาที่วัดกุฏิ ซึ่งมีพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับฝั่งเขมร โดยเป็นที่รู้กันดีว่า วิชาคุณไสยมนต์ดำ, ยาสั่ง ตลอดจนภูตผีพลายกุมารรักยม เป็นที่ขนานนามว่าของเขมรนั้นแรงนัก ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นก็พากันหวาดกลัวกันไปทั่ว ร้อนจนถึงหลวงพ่อดำ วัดกุฏิ จึงได้เมตตาจัดสร้างวัตถุมงคลพระเนื้อตะกั่วซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรก ๆ ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น
    • พระปิดตาเกลอเดียว (พิมพ์ปักเป้า)
    • พิมพ์พระปิดตาห้าเกลอ (ปิดตาพวงชมพู่)


    ในการสร้างครั้งนั้นหลวงพ่อดำได้กดพุทธาคมเจาะจงเลยว่า ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ อวิชชาต่าง ๆ ตลอดจนเกาะเพชรคงกระพันชาตรี ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากคมหอกคมดาบและอันตรายทั้งปวง สร้างเสร็จก็แจกจ่ายชาวบ้านให้พกติดตัวกันเอาไว้ โดยในครั้งนั้นก็มีประสบการณ์กันอย่างมาก

    พระเครื่องของหลวงพ่อดำ วัดกุฏิ ในรุ่นพิมพ์ต่าง ๆ ที่มีการฝังเขี้ยวหมาป่านั้น ครั้งตอนที่หลวงพ่อดำ ได้ออกธุดงค์ตามป่าตามเขาแถวตะเข็บชายแดน ท่านได้ไปเจอกับซากหมาป่าจำนวนหนึ่ง และในซากนั้นก็มีซากเสือโคร่งอยู่ไม่กี่ตัว ซึ่งในเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นไปได้ว่า มีการต่อสู้กันระหว่างฝูงหมาป่ากับเสือโคร่งที่พลัดถิ่น จึงมีล่องลอยการต่อสู้และซากศพอย่างที่เห็น หลวงพ่อดำท่านได้มองเหตุการณ์นี้อย่างลึกซึ้งถึงความอาจหาญของหมาป่า แม้ว่าจะตัวเล็กกว่าถึงสองเท่า แต่ใจนั้นไม่ต่างกับเสือโคล่งแม้แต่น้อย ดั่งคำที่ว่า “เสือหลงป่า อย่าดูแคลนหมาเจ้าถิ่น”

    หลวงพ่อดำท่านสังเกตจุดนี้จึงนำเขี้ยวของหมาป่ามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้างวัตถุมงคลของท่าน โดยเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นเครื่องรางที่หลวงพ่อดำท่านต้องการสะกดความเข้มขลังคงกระพันชาตรีและกำกับพระคาถาหัวใจราชสีห์ลงไปด้วยที่จะป้องกันและสะท้อนคุณไสยมนต์ดำ และอวิชชาต่าง ๆ กลับไปหาคนผู้นั้น และการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อดำท่านก็จะเป็นรูปแบบพระเนื้อชินตะกั่วฝังเขี้ยวหมาป่าซะส่วนใหญ่ และสำคัญด้วยว่าท่านได้มีรูปแบบพิมพ์พระที่หลากหลายกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ปิดตา, พิมพ์พระพุทธ และพิมพ์ต่าง ๆ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างวาระกัน

    พระพุทธชินราชเนื้อตะกั่ว ฝังเขี้ยวหมาป่านี้ เนื้อชนวนตะกั่วได้มาจากโบสถ์เก่า โดยหน้าโบสถ์จะมีสิงห์ตะกั่วคู่หนึ่งตั้งอยู่ ขนาดไม่ใหญ่มาก เด็กๆ แถววัดจะชอบแบกกันไปเล่นกันตามท้องนาเป็นที่สนุกสนาน แล้วเรื่องที่แปลกก็คือสิงห์คู่นี้ ต่อให้เด็ก ๆ เล่นแล้วทิ้งไว้ตามท้องนา เช้ามาก็จะเห็นกลับไปตั้งอยู่หน้าโบสถ์ที่เดิมทุกครั้งไปโดยไม่มีใครทราบว่าใครเอามาไว้ที่เดิม

    บูชา 350 บาท

    IMG_25620202_203626.JPG IMG_25620202_203538.JPG IMG_25620202_203559.JPG
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่989 พระผงปิดตาลอยองค์ เนื้อผงผสมเกศา พิมพ์เล็ก หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง ปี 2543
    หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ท่านมีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญในไสยเวทพุทธาคม สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน มีญาณสมาบัติแก่กล้า มีวิชาทำวัตถุมงคล ทำผงอิทธิเจ ผงปัทมัง ผงมหาราช ผงหน้าพระภักษ์ ผงพระจันทร์ครึ่งซีก ผงยาเพชรจินดา ทำชินปรอท เล่นแร่แปรธาตุ สักยันต์ หุงสีผึ้ง ลงนะ บรรจุพลังเสือโคร่ง หนุมาน เสกลิงลม ขับคุณไสย ขับวิญญาณผีสิง วิชาเสกปลัดขก ตามตำราหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง เรียนรู้และปฏิบัติได้ผลสำเร็จสุดยอดวิชาไสยเวทต่าง ๆ เหมือนพระเกจิอาจารย์โบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต เป็นเหตุปัจจัยทำให้วัตถุมงคลทั้งหมดของท่านได้มีพุทธคุณศักดิสิทธิ์ เข้มขลังหลายด้าน เช่นอยู่ยงคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และค้าขาย

    ประสบการณ์วัตถุมงคล
    หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระสุฎิปันโนที่สมบูรณ์แบบด้วยปฏิปทาศีลวัตร สัจคุณ นอบน้อมถ่มตน ไม่โอ้อวดถือตัว มีเมตตาบารมีสูง เป็นที่พึ่งของศิษยานุศิษย์และญาติโยมสาธุชนทั่วไป ในด้านวัตถุมงคลของท่านมากประสบการณ์ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปราบคุณไสย ได้ผลประจักษ์ชัด ท่านสร้างขึ้นเพื่อเน้นพุทธคุณ ด้านคุ้มครองป้องกันภัย แม้จะเป็นพระใหม่ที่มีการสร้างเพียงไม่กี่ปี ก็จัดว่าเป็นพระใหม่มาแรงพุทธคุณสูงได้รับความนิยมมาก ผู้ที่นำไปบูชาต่างยืนยันถึงประสบการณ์

    ปิดครับ
    IMG_20181205_204330.jpg IMG_20181205_204322.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2019
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่990 พระสมเด็จวัดโคกสูง รุ่นแรก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
    สมเด็จวัดโคกสูง เป็นพระที่หลวงพ่อภัทร ท่านจัดสร้างเอง และเป็นครั้งแรกของท่านเพื่อจะแจกแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างวัดโคกสูงสร้างใน 2518 ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกอยู่นาน 3 ไตรมาส มวลสารที่ใช้ประกอบด้วยผงพุทธคุณ ผงอิทธิเจ ที่พ่อท่านเขียน ผงว่าน 108 ผงเกสรดอกไม้ 108 โดยท่านให้ชื่อว่า สมเด็จภัทริยมหาราช มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มูลเหตุที่ท่านคิดสร้างพระสมเด็เพราะ ช่วงประมาณปี 2515 ท่านได้รับอาราธนานิมนต์ไปนั่งปรกพุทธาภิเษกพระสมเด็จ ที่วัดระฆัง กรุงเทพฯ ท่านจึงคิดที่จะสร้างพระสมเด็จขึ้นเพื่อแจกแก่ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่าน หลวงพ่อภัทร วัดโคกสูงท่านเป็นศิษย์สายเขาอ้อท่านที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เหรียญรุ่นแรกของท่านเป็นเหรียญที่ลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯ สร้างมาถวายให้ท่านปลุกเสก ซึ่งมีประสบการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกแล้วไม่ตาย ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังจากนั้นท่านผู้ประสบกับเหตุการณ์ท่านนั้นจึงได้มาขออุปสมบทที่วัดโคกสูงในเวลาต่อมา วัตถุมงคลที่ท่านได้จัดสร้างแต่ละชนิดนั้นล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจิตตานุภาพและพุทธาคมอันบริสุทธิ์ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดลงสู่วัตถุนั้นๆ จึงได้เกิดประสบการณ์มากมายตามมา ไม่ว่าจะ อยู่ยงคงกระพัน เมตตา หรือแคล้วคลาดก็พบเห็นกันอยู่บ่อย จนท่านเป็นที่เคารพนับถือของคนสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้ง ชาวมาเลย์เซีย สิงคโปร์เพื่อนบ้านของเราอีกด้วย สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ในองค์หลวงพ่อนั้นยังมีอีกมากมาย เช่น มีอยู่ครั้งนึงที่พวกโจรเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในวัดตอนกลางวัน แต่ก็เอาทรัพย์สินเหล่านั้นออกนอกวัดไปไม่ได้ ต้องเอากลับมาคืน เพราะตัวเขาเองเขาบอกว่ามีตำรวจล้อมอยู่รอบวัดเลยจะออกไปได้อย่างไร สันนิษฐานว่าเป็นเพราะอาคมที่ท่านได้ลงเอาไว้รอบวัดนั่นเอง นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ที่สามารถทำนายทายทักได้แม่นยำราวกับตาเห็น เชื่อว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ บรรลุปุพเพนิวาสนุสติญาณ และเจโตปริยญาณ สามารถล่วงรู้จิตใจคนและวิบากกรรมได้ นอกจากนี้เชื่อว่าท่านบรรลุอากาศกสิณทำให้ล่องหนหายตัวได้ ดังเช่นมีอยู่ครั้งนึงที่ท่านได้เดินทางไปประเทศมาเลย์เซีย แต่มีคนที่มาทำบุญที่วัดเห็นท่านกำลังอาบน้ำอยู่ ซึ่งห้องน้ำสมัยนั้นเป็นห้องน้ำสังกะสี จะเห็นส่วนบนชัดเจน แล้วได้มายืนยันกับพระลูกวัดซึ่งพระลูกวัดก็ยืนยันเช่นกันว่าท่านไปมาเลย์เซียจะเป็นท่านไปได้อย่างไรจึงเกิดความฉงนแก่โยมผู้นั้นยิ่งนัก หลังจากที่ท่านได้มรณภาพ สรีระของท่านก็มิได้เน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลาแต่อย่างใด ทางวัดจึงได้จัดสังขารท่านเอาไว้ในใส่โลงแก้วเพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชาต่อไปและยังได้เป็นการรำลึกถึงคุณประโยชน์คุณความดีที่ท่านต่อไป
    บูชา 450 บาท

    IMG_25620111_230938.JPG
    IMG_25620111_230851.JPG
     
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่991 พระกรุวัดจุฬามณี เนื้อดิน จังหวัดพิษณุโลก
    วัดจุฬามณี จัดเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ริมลำน้ำน่านทางฝั่งตะวันออกของจังหวัด สันนิษฐานว่าสร้างโดยขอมเมื่อสมัยเรืองอำนาจ อยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ และน่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางทางศาสนา ด้วยปรากฏเทวสถานเป็น "พระปรางค์ศิลาแลง" เก่าแก่ประดับลายปูนปั้นงดงามมาก แม้ในปัจจุบันจะชำรุดเสียหายไปมาก แต่ร่องรอยแห่งฝีมือชั้นครูและคติเทวสถานของขอมยังปรากฏให้เห็นอยู่ครับผม

    ชื่อ "วัดจุฬามณี" นี้ พบเป็นครั้งแรกในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ปรากฏความว่า "ศักราช 810 ปีมะโรง สัมฤทธิศก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้า สร้างพระวิหารวัดจุฬามณี" และ "ศักราช 811 ปีมะเส็ง เอกศก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้าทรงผนวช ณ วัดจุฬามณี ได้แปดเดือนแล้วลาผนวช" ซึ่งไปตรงกับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับจักรพรรดิพงษ์ (จาด) ที่กล่าวไว้ว่า "ศักราช 810 ปีมะโรง สัมฤทธิศก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้า สร้างพระวิหารวัดจุฬามณี" อันแสดงให้เห็นว่า วัดจุฬามณีมีความสำคัญมากในสมัยอยุธยาเรืองอำนาจ ถึงขนาดพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทรงปฏิสังขรณ์ สร้างโบราณสถานต่างๆ จนถึงทรงผนวชอยู่นาน 8 เดือน

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีการตั้ง "โบราณคดีสโมสร" ขึ้น เพื่อสืบค้นประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทยอย่างจริงจัง ในระยะนี้มีความพยายามที่จะเสาะหา "วัดจุฬามณี" ซึ่งมีปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ก็มิได้พบสถานที่ใดจะมีความเป็นไปได้ตามหลักฐานที่ปรากฏ จนกระทั่งรัตนโกสินทร์ศกที่ 126 (พ.ศ.2451) สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์ เสด็จขึ้นไปตรวจราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้ทรงพบวัดวัดหนึ่งชื่อวัดจุฬามณี ที่เมืองพิษณุโลก มีศิลาจารึกปรากฏอยู่บริเวณหน้ามณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงโปรดฯ ให้จารึกไว้ในคราวที่ทรงจำลองรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ซึ่งค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม มาประดิษฐาน ณ วัดจุฬามณี แห่งนี้ เมื่อจุลศักราช 1180 (พ.ศ.2222) ความว่า "ตีความตามนาม 'จุฬามณี' นั้นเป็นชื่อของพระมหาเจดีย์จุฬามณี ตามคติพุทธศาสนาที่เชื่อว่าเป็นมหาเจดีย์ประดิษฐานพระเกศธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระมหาเจดีย์นี้ประดิษฐานอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นที่เคารพสักการะของเทพยดาทั้งมวล ผู้ใดทำกุศลผลบุญอันมหาศาลจะได้ขึ้นไปสักการะองค์พระมหาเจดีย์จุฬามณีนี้

    วัดสำคัญที่เก่าแก่ผ่านยุคผ่านสมัยมาหลายร้อยปีดังเช่นวัดจุฬามณี ก็ย่อมต้องมีพระเครื่องที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน ซึ่งได้รับการขนานนามตามชื่อวัดว่า "พระกรุวัดจุฬามณี" หรือบางท่านก็เรียก "พระกรุน้ำ" เนื่องจากสมัยโบราณวัดจุฬามณีอยู่ริมลำน้ำน่าน เมื่อผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน พระเจดีย์ที่บรรจุพระจึงถูกน้ำกัดเซาะ ทำให้พระส่วนใหญ่แช่อยู่ในน้ำ ลักษณะเป็นพระเนื้อดินเผา สีขององค์พระจึงมีหลายวรรณะ แต่จะมีพุทธลักษณะโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ คือ องค์ พระมีขนาดเขื่อง ขอบพิมพ์ทรงไม่สู้จะเรียบร้อยนัก ลักษณะการกดแม่พิมพ์มีทั้งกดด้านหน้าและด้านหลัง จึงมักจะปรากฏขอบวงนอกของแม่พิมพ์ด้านที่กดพิมพ์หลังปลิ้นขึ้นมาเล็กน้อย ผิวพื้นด้านที่กดพิมพ์หลังจะเว้าเป็นแอ่งกระทะน้อยๆ

    ส่วนด้านที่กดพิมพ์หน้าพื้นผิวจะแอ่นโค้งออก ไม่ปรากฏขอบวงนอกปลิ้นขึ้น และไม่จำเป็นจะต้องกดด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นด้านหน้าอาจจะมีขอบวงแม่พิมพ์ปลิ้นและพื้นเว้า ส่วนด้านหลังอาจจะไม่มีขอบปลิ้นและแอ่นโค้งก็เป็นได้ และเนื่องจากการกดแม่พิมพ์ทั้งสองด้านนี้เอง ทำให้พระกรุวัดจุฬามณีแบ่งแยกออกเป็นหลายพิมพ์ อาทิ พิมพ์หน้าฤาษี หลังนาง, พิมพ์หน้าฤาษีเปลวเพลิง หลังนาง, พิมพ์ชินราช หลังนาง, พิมพ์รัศมี หน้าเดียว และพิมพ์หน้านาง หลังนาง เป็นต้น จุดสังเกตสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ องค์พระส่วนใหญ่แช่อยู่ในน้ำ ผิวขององค์พระจะไม่เรียบตึง จะมีรอยหดเหี่ยวและรูพรุนน้อยๆ บางองค์เห็นเม็ดกรวดทรายอย่างชัดเจน

    พระกรุวัดจุฬามณี จังหวัดพิษณุโลก นับเป็นพระกรุสำคัญของพิษณุโลกที่มีอายุเก่าแก่ และมีพุทธศิลปะที่เป็นไปตามคติและฝีมือช่างพื้นเมือง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้เป็นที่นิยมสะสมกันอย่างแพร่หลาย ครับผม
    คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง
    โดย ราม วัชรประดิษฐ์

    บูชา 750 บาท

    IMG_20181222_065302.jpg
    IMG_20181222_065253.jpg
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่992 พระสังกัจจายน์ เนื้อดิน กรุลานดอกไม้
    ***พระกรุเก่า พุทธคุณสูงเมตตามหานิยม ค้าขายดี มีโชคลาภ
    พระกรุลานดอกไม้ เป็นพระเครื่องลักษณะกรุเนื้อดินที่มีเนื้อเนียนละเอียด ไม่มีกรวดทราย ผิวมีตั้งแต่แบบแห้งแกร่ง จนถึงละเอียดนุ่มแบบพระเมืองกำแพง มีความมันจัด แตกกรุออกมาเมื่อปี 2520 เนื่องจากทำการไถปรับพื้นที่ เพื่อสร้างลานอุทยานเผาเทียนเล่นไฟในปัจจุบัน
    การพบพระขึ้นมาครั้งนี้เป็นจำนวนมาก มีมากกว่า 40 พิมพ์ที่แตกต่างกัน แต่พิมพ์แปลกๆ คนมักเล่นเป็นพระกรุที่อื่นเสีย เช่นเป็นของเมืองกำแพงเพชร เพื่อค่านิยมและราคา เลยกลายเป็นว่ากำลังจะสูญหายไปส่วนใหญ่
    พุทธศิลป์ที่ควรศึกษาของพระกรุลานดอกไม้ซึ่งผู้มีความรู้ได้แยกไว้ให้แล้ว
    1 ศิลปะ “แบบสุโขทัย นูนต่ำ” และเนื้อหาของพระ ซึ่งมีเอกลักษณ์ ทั้งคราบไคลก็ไม่เหมือนกับพระกรุอื่นๆ เช่นพระจำนวนหนึ่งมีคราบน้ำว่านสีม่วงแดงตามร่อง และ ลายฝ่ามือนิ้วมือด้านหลัง
    2 พระปางลีลาศิลปะสุโขทัย มีมากแบบมากพิมพ์ หลายช่างทำ มีทั้งแบบนูนต่ำและนูนสูง มีตั้งแต่ขนาดเล็ก สูง 1.7 จนถึงขนาดใหญ่ สูง 3.8 ซ.ม.
    3 พิมพ์นั่งศิลปะสุโขทัย เป็นแบบพิมพ์ที่พบมากที่สุด ลักษณะพระหากดูแต่ผิวเผินทีละองค์จะคล้ายกัน แต่เมื่อนำมาเทียบเคียงกันจะเห็นว่า เป็นพระต่างบล็อกกัน มีหลายขนาด หลายรูปทรง บางองค์พระพักตร์ก้ม บางองค์เงย, ส่วนพระวรกายมีทั้งองค์ต้อ- องค์ชะลูด, ล่ำ,ผอม, เล็ก,ใหญ่ ผิดแปลกแตกต่าง
    4 ศิลปะแบบตะกวน-เศียรโต ชนิดพิมพ์พระกำแพงฯ ได้แก่ พิมพ์เปิดโลกยืนตอเม็ดทองหลาง, พิมพ์นางกำแพงกลีบบัวมีหลายขนาด ประมาณ 4 ขนาดขึ้นไป, พิมพ์ซุ้มกอ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายไม่ถึงกับเหมือนของกำแพงนัก
    พระจะต้อ-ล่ำ และมีเศียรโต เป็นลักษณะศิลปะของตะกวน ซึ่งพบมากในพระกรุกำแพงเพชร
    5 พิมพ์พิเศษ จำพวกข้างเม็ด หรือเถาวัลย์เลื้อย, จันทร์ลอย, พุทธกวัก พิมพ์ฐานสูง และน่าจะยังมีพิมพ์แปลกๆ อีกพอสมควร นอกจากนี้ยังมี พิมพ์พระสังกัจจายน์ ที่น่าสนใจ องค์เล็กมีฐานบัลลังก์สูง, องค์ใหญ่ฐานเขียงเตี้ยชั้นเดียว ทำให้เกิดศิลปะสวยมีรายละเอียดงดงามมาก
    สีของพระจะมีทั้งเหลืองพิกุล น้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม สีส้มหรือแดงหม้อใหม่ แดงเข้ม เขียว ไปจนถึงดำ
    ส่วนคราบกรุความเก่า และสิ่งที่อยู่บนผิวหน้าของพระหลายๆองค์จะมีรอยว่านหลุด ซึ่งเป็นปกติของพระเก่า ที่มวลสารส่วนประกอบภายในที่เป็นอินทรีย์สารเช่นว่านต่างๆจะยุบตัวหายไปบางทีก็เกิดจากการเผาทำให้เกิดโพรงในองค์พระ นานเข้าโพรงนั้นจะยุบตัวเป็นร่องบนผิวพระ
    บางองค์พระสภาพเดิมจะมีคราบน้ำว่านติดอยู่ตามซอกหรือลายนิ้วมือด้านหลัง สีน้ำตาลเข้มอมเขียวหรือสีแดงเข้ม องค์ไหนที่แห้งๆไม่ผ่านการจับต้อง ส่องแล้วจะเห็นคราบระยิบระยับ นั่นก็คือแคลเซี่ยมจากอากาศภายในกรุนั่นเอง
    ดินกรุที่อยู่มาคู่กับพระบางองค์ที่บรรจุกรุอยู่เป็นเวลานาน สีมักจะออกเขียวหม่น น่าจะเกิดจากตะไคร่ที่จับตัวอยู่กับเจดีย์ หรือเกิดขึ้นเพราะความชื้นภายในกรุ ต่อมาทับถมกันเข้าเป็นเวลานาน กลายเป็นดินสีเขียวๆจับองค์พระ
    พิมพ์ของพระทั้งหมด มีมากมายหลายแบบด้วยกัน ซึ่งทุกพิมพ์ล้วนเป็นศิลปะสุโขทัยทั้งสิ้น มีทั้งแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และที่ล้อหรือมีความใกล้เคียงกันกับพระกรุกำแพงเพชร
    ลักษณะของพิมพ์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนูนต่ำ มีเส้นสายรายละเอียดที่เล็กมาก ยากที่จะทำตามอย่างได้ และแม้ว่าพระจะมีอยู่หลายพิมพ์ด้วยกัน แต่ละพิมพ์อย่างเช่นพิมพ์นั่ง หรือพิมพ์นางที่พบมาก ก็ยังมีแม่แบบบล็อกอยู่อีกหลายตัวที่แตกต่างกัน เป็นการแยกทีมงานไปกดพิมพ์
    การตัดปีกพระกรุนี้ไม่มีความประณีตนัก ปีกพระจึงมีกว้างบ้าง แคบบ้าง ตรงบ้าง เบี้ยวบ้าง ไม่แน่นอนแล้วแต่ผู้สร้าง จึงไม่มีขนาดมาตรฐานที่แน่นอน บางองค์เป็นพิมพ์เดียวกันมีความเล็กใหญ่ต่างกันมากๆ ด้านหลังมีลายมือผู้กดพิมพ์แทบทุกองค์

    บูชา 650 บาท

    IMG_20181222_065242.jpg
    IMG_20181222_065232.jpg
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่993 พระร่วงนั่งหน้าโหนก(พระเชตุพน) เนื้อดิน จ.สุโขทัย
    วัดพระเชตุพน (แผลงมาจากเชตวัน) มีคูล้อมรอบ นอกกำแพงเมืองมีคูก่ออิฐ มีมณฑปเป็นหลักของวัด กว้าง 8 เมตร ยาว 14 เมตร ยังเหลือแต่ผนังด้านหลัง ที่ผนังนั้นมีพระพุทธรูปปางลีลาปูนปั้นขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และพระพุทธรูปยืนอยู่ด้านหลัง ด้านข้าง 2 ข้างพังทลายไม่เห็นร่องรอยมีประตูและกำแพงหินชนวนแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โดยรอบหลังมณฑปใหญ่ออกไปมีมณฑปเล็ก ซึ่งตามซุ้มยังมีร่องรอยของภาพเขียนปรากฏอยู่ ด้านหน้ามณฑปใหญ่ มีวิหาร 6 ห้องนับเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง สร้างมาก่อน พ.ศ. 1955 เพราะในจารึกวัดสรศักดิ์ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 1955 มีกล่าวถึงชื่อวัดนี้แล้ว

    เมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ก็มีการสถาปนาวัดชื่อพระเชตุพนนี้ขึ้นวัดหนึ่ง แต่ไม่เป็นที่รู้จักและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โบราณคดีมากนัก ครั้งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสามเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงบูรณะสังขรณ์วัดโพธิ์หรือวัดโพธารามที่ท่าเตียนขึ้น ให้เป็นพระอารามหลวงขนาดใหญ่ประจำรัชกาล พระราชทานนามว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ตามแบบอย่างวัดพระเชตุพน ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงสุโขทัย และดังได้กล่าวแล้ว คำว่าพระเชตุพนก็คือวัดพระเชตวันมหาวิหารเมื่อครั้งพุทธกาลนั่นเอง

    สำหรับพระพิมพ์หรือพระเครื่องที่รู้จักกันดีในนาม "พระเชตุพน" นั้นแตกกรุครั้งแรกในวัดพระเชตุพน จังหวัดสุโขทัย บางท่านก็เรียกชื่อพระพิมพ์นี้ว่า "พระร่วงหน้าโหนกสุโขทัย" มี 2 พิมพ์ คือ พระเชตุพนพิมพ์บัวไข่ปลา หรือ พิมพ์เล็กฐานชั้นเดียว และพระเชตุพนพิมพ์ใหญ่ บัว 2 ชั้น คือ ฐานสูงหรือฐาน 2 ชั้น มีทั้งเนื้อชิน เนื้อดิน และเนื้อว่าน

    พระเชตุพนไม่ได้ขึ้นที่วัดพระเชตุพนสุโขทัยเท่านั้น ที่วัดอื่น ๆ ก็มี ทั้งในจังหวัดสุโขทัย และกำแพงเพชร เป็นปฏิมากรรมจิ๋วที่แตกกรุแต่ละแห่งเป็นจำนวนมาก ลักษณะพระพุทธปฏิมาเป็นปางสมาธิ มีทั้งแบบตัดปีกไม่ตัดปีก และแบบลอยองค์

    ในการแยกแยะพิมพ์พระเชตุพนว่าองค์ไหนเป็นของสุโขทัยหรือกำแพงเพชรดูจะไม่ยากนัก ถ้าเป็นพระเนื้อดิน เพราะเนื้อดินของสุโขทัยกับกำแพงเพชร มีลักษณะแตกต่างกัน โดยทั่วไปกรุสุโขทัยเนื้อแกร่งอย่างไหกระเทียมก็มี ที่ดูลักษณะนุ่มก็มักมีกรวดทรายมาก แต่ของกำแพงเพชรก็เหมือนกับพระนางกำแพงเป็นต้น ของทุ่งเศรษฐีทั่วไป คือ ดินผสมผงเกษร ดูนุ่มนวลและมักมีว่านดอกมะขามมองเห็นประปราย นี่ว่าเฉพาะพระเนื้อดิน แต่ที่เป็นเนื้อชินสำหรับผู้สะสมมือใหม่อาจจะสังเกตยากสักหน่อย เพราะทั้งสองจังหวัดนี้เป็นพระที่สร้างในยุคเดียวกัน คงจะถือเอาลักษณะเนื้อชินเป็นข้อแตกต่างอย่างเนื้อชินของอยุธยาหรือสุพรรณบุรีเทียบเคียงมิได้ อย่างไรก็ดีมีผู้รู้ในวงการให้ข้อสังเกตเป็นตำหนิพิมพ์ทรงว่า พระเชตุพนของกำแพงเพชรจะมีรอยพิมพ์แตกอยู่ใต้ท่อนแขนใกล้ข้อมือ มองเห็นเป็นหมอนหรือเข็มสั้น ๆ รองอยู่ใต้ท่อนแขนขวา (ซ้ายมือของผู้ดู) ในองค์ที่สภาพสมบูรณ์ชัดเจนจะมองเห็นชัด โดยเฉพาะพระเนื้อชิน ยิ่งเป็นพระเนื้อว่านด้วยแล้ว คงไม่สามารถแยกได้ว่าองค์ไหนเป็นของสุโขทัยหรือกำแพงเพชรในทัศนะของผู้เขียนเองที่เคยสังเกตลักษณะว่านของสุโขทัยมักจะออกไปทางขาวหม่น แต่ของกำแพงเพชรจะค่อนไปทางเหลืองหรือแดงคล้ำ พระกรุเนื้อว่านเท่าที่พบของสุโขทัยมีน้อยมาก แต่ของกำแพงเพชรจะมีมากกว่า

    บูชา 750 บาท

    IMG_20181222_065348.jpg
    IMG_20181222_065337.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...