วิจัยพบ สวดมนต์ สมาธิ วิปัสสนา รักษาโรคได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Prophecy, 14 สิงหาคม 2012.

  1. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    [​IMG]

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/Happytopofmind/2007/11/05/entry-1

    การสวดมนต์
    สิ่งสำคัญของการเริ่มปฏิบัติกรรมฐานคือการสวดมนต์การสวดมนต์มีผลดีต่อสุขภาพโดยไม่ต้องสงสัย การสวดมนต์นอกจากจะให้ประโยชน์ทางศาสนาคือ ทำให้จิตเป็นสมาธิแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างมากมายทำให้มีการผ่อนคลาย ทั้งทางกายและทางใจ นอกจากนั้นยังสามารถใช้บำบัดโรคได้ด้วยในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้หลายเรื่อง เช่น เมื่อพระมหากัสสปเถระอาพาธพระพุทธเจ้าเสด็จมาและทรงสวดโพชฌงค์ 7 พอทรงสวดจบ พระมหากัสสปก็หายอาพาธ (ปฐมคิลานสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)ในทำนองเดียว กันพระโมคคัลลาน์หายอาพาธ ได้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ให้ฟัง(ทุติยคิลานสูตรสังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)แม้แต่พระพุทธเจ้าเองเมื่อทรงอาพาธทรงโปรดให้พระมหาจุนทะสวดโพชฌงค์ 7 ถวาย เมื่อสวดจบพระพุทธองค์ทรงหายจากอาการประชวร(ตติยคิลานสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)


    [​IMG]


    นอกจากนั้นในสมัยพุทธกาล อุบาสกยังนิยมนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้ที่บ้านเมื่อเจ็บป่วย เช่นธรรมิกอุบาสก เมื่อใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต นิมนต์พระสงฆ์มาสวดสติปัฏฐานสูตร(อรรถกถาธรรมบท)หรือในกรณีของมานทินคหบดี หรือท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเมื่อไม่สบายก็นิมนต์พระสงฆ์มาสวดที่บ้าน เมื่อสวดมนต์จบความเจ็บป่วยหายไปได้การสวดมนต์ใน กรณีเหล่านี้ เป็นการนำธรรมมาแสดงการได้ฟังธรรมและได้พิจารณาข้อธรรมต่างๆ ด้วยปัญญาทำให้ผู้ฟังมีความปีติ โสมนัสชุ่มชื่นเบิกบานใจ จิตใจมีพลัง มีผลให้ความเจ็บป่วยทางกายหายไปด้วย ดังนั้นการสวดมนต์ จึงบำบัดโรคได้โดยเฉพาะสำหรับผู้มีความรู้ความเข้าใจข้อธรรมที่สวดนั้นอย่างดีและเคยปฏิบัติธรรมมาก่อนมีใจน้อมไปทางธรรม และชอบสวดมนต์เป็นประจำ

    การสวดมนต์ที่ชาวพุทธคุ้นเคยกันคือการทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์แผ่เมตตาสวดคาถาพาหุงมหากาฯ และสวดพระปริตรธรรมมีการวิจัยในการแพทย์ปัจจุบันจำนวนมากที่แสดงว่าการสวดมนต์ช่วยให้เกิดความสุขความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่เช่นทำให้สุขภาพ จิตดี และช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตได้(Mc Collough Me Prayer and Health : Conceptual Issues ,’ Journal of psychology and Theology, 1995)ตัวอย่างเช่น นายแพทย์ลารี ดอสซีได้วิเคราะห์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ประมาณ ๑๐๐ เรื่อง และพบว่าในงานวิจัยต่างๆ เหล่านี้การสวดมนต์มีผลต่อการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชและการที่แผลหายเร็วขึ้นนอกจากนั้น ในงานวิจัยหลายรายเราพบว่าการสวดมนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้สมาคมวิทยาศาสตร์ทางจิตแห่งรัฐเทกซัสได้เจาะเลือด อาสาสมัคร 32 รายเมื่อแยกเอาเม็ดเลือดแดงออกแล้ว ใส่สารละลายที่จะทำให้เมล็ดเลือดแดงบวมและแตกน้อยลงผลคือ เม็ดเลือดแดงนั้นแตกช้าลง(Castleman M, Nature ‘s Cures)

    จากการศึกษางานวิจัยดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่าการสวดมนต์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เราผ่อนคลายทั้งทางจิตใจและทางกายทำให้เรารู้สึกสบายใจ สภาพจิตใจ เช่นนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทางใจและทางกายมากด้วยเหตุนี้จิตแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนไม่น้อยจึงนำการสวดมนต์มาใช้ในการบำบัดทางจิตร่วมกับวิธีการรักษาทางการแพทย์(King E., Bushwick B, Beliefs and Attitudes of Hospital Inpatients about Faith Healing and Prayer)การสำรวจของ นักวิจัยหลายกลุ่มพบว่าคนอเมริกันนิยมสวดมนต์กันมากกล่าวคือ 70 % สวดมนต์ทุกวัน และ 44 % สวดมนต์เพื่อการบำบัดโรคมีงานวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการสวดมนต์ช่วยให้ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงน้อยลง เช่น โรคหัวใจ โรคความดัน โรคเครียดและโรคซึมเศร้า เป็นต้น แม้แต่ผู้ป่วย ที่เป็นโรคมะเร็งจะมีอัตราตายต่ำกว่าประชากรทั่วไป(Michello Ja, ‘Spiritual and Emotional Determinants of Health,’ Journal of health,1988)นอกจากนั้นการสวดมนต์เมื่อปฏิบัติร่วมกับสมาธิยังสามารถลดปัญหาการฆ่าตัวตายและการใช้ยาเสพติดได้(Ellison E.C., ‘Religious involvement and subjective well-begin,’ Journal of Health Social Behaviors,1991)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  2. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    [​IMG]


    การปฏิบัติสมาธิ
    การสวดมนต์ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย ปัจจุบันมีงานวิจัยเกี่ยวกับสมาธิและสุขภาพมากกว่า ๒๐๐ ราย งานวิจัยต่างๆ เหล่านี้ชี้ให้เห็นผลดีของสมาธิ (หรือการมีจิตใจสงบจิตตั้งมั่นอยู่ ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด) ต่อการรักษาโรคทางกายอย่างชัดเจน ดังนั้นแพทย์จำนวนไม่น้อยในอเมริกาจึงนำสมาธิไปใช้รักษาโรค ผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ไว้มากคือดร.เฮอร์เบอร์ เบนสันศาสตราจารย์ทางอายุรศาสตร์แห่งโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาด ศาสตราจารย์ ผู้นี้ได้ศึกษาเรื่องนี้มากว่า 30ปีศาสตราจารย์เบนสัน เองเคยเดินทางไปศึกษาพุทธศาสนาในอินเดียและทิเบต ในงานช่วงแรกศาสตราจารย์เบนสันได้ให้อาสาสมัครทำสมาธิ แล้ววัดความดันอัตราการเต้นของหัวใจคลื่นสมองคลื่นหัวใจ เจาะเลือดดูกรดแลคติกพบว่าคนที่จิตเป็นสมาธิ ความดันอัตราการหายใจลดลง หัวใจเต้นช้าลงคลื่นสมองช้าและเป็นระเบียบขึ้น การเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลงความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง

    การค้นพบของศาสตราจารย์เบนสันครั้งนี้ ทำให้แพทย์แผนปัจจุบันยอมรับว่าจิตใจและร่างกายมีความ สัมพันธ์ใกล้ชิดกันจริง พร้อมทั้งเชื่อว่าการทำสมาธิสามารถรักษาโรคได้ เพราะสมาธิทำให้จิตใจและร่างกายผ่อนคลาย ไม่เครียดในเวลาที่เราเครียด ความดันจะสูงขึ้น การหายใจจะเร็วขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้นกล้ามเนื้อ จะตึงตัวมากขึ้น อัตราการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย มากขึ้นและร่างกายใช้ออกซิเจนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความเครียดจึงทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้การทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทำให้โรคต่างๆหายได้งานวิจัยของศาสตราจารย์เบนสันพบว่าผู้ป่วยมาพบแพทย์ 60-90 % เป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจมากกว่าร่างกายการทำให้เกิดการผ่อนคลายด้วยการทำสมาธิช่วยให้โรคส่วนใหญ่หายหรือดีขึ้นได้(Benson Lt., et al Relaxation Respone, Med Clin North AM, 1977)นอกจากนั้น การปฏิบัติสมาธิยังทำให้ร่างกายหลั่งสารบีต้า แอนคอฟินด์ซึ่งเป็นสารประเภทฝิ่นออกมาในสมอง มีผลทำให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกสดชื่นอิ่มเอิบและสุขสบาย

    นายแพทย์โจน คาบัท-ซินนักวิจัยทางการแพทย์ได้พบว่า การทำสมาธิร่วมกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ความดันลดลงมาก ผู้ป่วยไม่ต้องกินยาหรือในกรณีที่ผู้ป่วยที่ใช้ยาลดความดันอยู่แล้ว การใช้ยาจะลดลงมากทั้งชนิดและขนาดงานวิจัยชิ้นหนึ่ง รายงานว่า ในจำนวนอาสาสมัคร 23 รายที่มีค่าไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด 254มิลลิกรัม/เดซิลิตร สามารถลดลงได้30 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังการปฏิบัติได้ 11 เดือน โดยไม่ได้ควบคุมเรื่องอาหารงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่าความหนาของผนังเส้นเลือดหัวใจในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 60 ราย ลดลง หลังจากฝึกสมาธิราว 6-9 เดือนสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง อาการปวดลดลง เคลื่อนไหวได้มากขึ้นมีความเครียดและอาการซึมเศร้าน้อยลง ผู้ป่วยที่เป็นโรคนอนไม่หลับ 58 % นอนหลับดีขึ้น และหลังการปฏิบัติได้ 6 เดือน 91% ใช้ยานอนหลับลดลงหรือหยุดยาได้ส่วนสตรีที่มีอาการก่อนประจำเดือนอาการลดลง 57% และผู้ที่มีอาการรุนแรงอาการจะทุเลาลง ผู้ป่วยที่หัวใจเต้นไม่ปกติ การเต้นผิดปกติ ของหัวใจจะลดลงส่วนผู้ป่วยปวดศีรษะแบบไมเกรน อาการปวดศีรษะและความรุนแรงจะลดลง

    งานวิจัยต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การทำสมาธิ มีผลให้เกิดการผ่อนคลายความเครียดสามารถรักษาโรคให้หายได้โดยไม่ต้องใช้ยาหรือใช้ยาน้อยลง(Zamarra J, et al., Usefulness of the Transcendental Meditation Program in the Treatment of Patients with Coronary Disease, AM J Cardinal, 1996)จิตที่เป็นสมาธิเป็นจิตที่มีพลัง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ ประโยชน์ในทางพัฒนาสุขภาพจิตและบุคลิกภาพ คือทำให้เป็นคนมีสุขภาพจิตดี สงบ หนักแน่น ใจเย็นไม่หงุดหงิด ไม่ฟุ้งซ่าน นุ่มนวล และมีความคิดในทางสร้างสรรค์ ในทางสุขภาพสมาธิทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้
     
  3. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    [​IMG]

    การปฏิบัติกรรมฐาน
    สมาธิที่กล่าวมาหมายถึงสิ่งที่ศาสนาพุทธเรียกว่าสมถกรรมฐาน การทำสมาธิแบบนี้ไม่ว่าในขั้นต้น (ขณิกสมาธิ) หรือขั้นกลาง (อุปจารสมาธิ) เพียงพอที่จะทำ ให้เรามีสุขภาพแข็งแรงกำลังของสมาธิที่ทำได้สามารถ กดข่มอารมณ์ หรือกิเลสต่างๆ ให้ระงับชั่วคราวได้แต่ทำลายไม่ได้ มีลักษณะเหมือนเป็นหินทับหญ้า พอเอา หินออกหญ้าที่เฉาเมื่อได้รับน้ำฝนก็งอกขึ้นใหม่(จำลอง ดิษยวณิช, ความเครียดความวิตกกังวล และสุขภาพ, 2545)

    การปฏิบัติอย่างหนึ่งเรียกว่า การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นวิธีปฏิบัติที่เกิดจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มีเฉพาะในพุทธศาสนาเท่านั้นศาสนาอื่น มีแต่คำสอนเรื่องสมาธิประเภทแรกเท่านั้นวิปัสสนากรรมฐานเป็นการฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นสภาวธรรม ต่างๆ เป็นของไม่เที่ยงเป็นอนัตตา ทำให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงทำให้ถอดถอนความยึดติดในสิ่งทั้งปวง ว่าไม่ใช่ตัวเรา ของเรา เป็นเหตุให้สามารถขจัดกิเลสโดยเฉพาะกิเลสอย่างละเอียดหรืออนุสัยกิเลสได้วิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่หลวงพ่อนำ มาสอนคือการเจริญสติปัฏฐาน 4 ได้แก่ใช้สติกำหนด กาย เวทนา จิต และธรรมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวทางปฏิบัติแบบนี้ช่วยให้การบำบัดโรคได้ทั้งทางกายและทางใจ ช่วยให้ จิตอยู่กับเวลาปัจจุบันสามารถทิ้งความนึกคิด ทำให้รู้สึกเบากายและใจ การหยุดความคิดช่วยบำบัดโรคต่างๆ ได้เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคตื่นตระหนกกลัว โรควิตกกังวลว่าตัวเองเป็นโรคนั้นโรคนี้โรคเครียด โรคกลัวอยู่คนเดียวและโรคกลัวความมืด เป็นต้น

    การรู้จักคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่การคิดมากเป็นสิ่งไม่ดีเพราะทำให้จิตใจและใบหน้ามีลักษณะเหมือน ต้นอ้อสดที่ถูกตัดแล้วหม่นหมองไม่มีความสุข ดังนั้นเราจึงควรหยุดคิด (ในบางขณะ) จะได้มีความสุขการฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นการฝึกการหยุดคิดโดยการให้จิตใจจับอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก หรือส่วนต่างๆ ของร่างกายนายแพทย์โจนคาเบตซินในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้การฝึกสติปัฏฐาน 4 ในชีวิตประจำวันในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียด และโรค ทางกายอื่นๆ เช่นโรคถุงลมโป่งพอง และได้จัดตั้งศูนย์ การเจริญสติทางแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแมสซาซูเซตที่ศูนย์นี้โปรแกรมการรักษาของนายแพทย์โจนใช้เวลา 8สัปดาห์โดยให้ผู้ป่วยมาหาสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมงครึ่งเพื่อเรียนรู้วิธีเจริญสติในชีวิตประจำวันและให้ผู้ป่วยกลับไปฝึกทุกวันที่บ้านวันละ45 นาที สัปดาห์ละ 6 วัน พร้อมทั้งให้เทปคาสเสท ไป 1 ม้วนเพื่อให้เปิดฟังไปปฏิบัติไป นายแพทย์ผู้นี้สอนคนไข้ครั้งละ 30 คนโดยให้นั่งล้อมวงเป็นวงกลม เมื่อครบ 6 สัปดาห์จะมีการปฏิบัติแบบเงียบไม่ให้พูดติดต่อกัน 8 ชั่วโมง ให้ผู้ป่วย เจริญสติในอิริยาบถต่างๆ เช่น ท่านั่งเดิน ยืน โดยให้ต่างคนต่างทำไม่มองไม่สนใจคนอื่น

    ในครั้งแรกนายแพทย์โจนสอนการใช้สติกำหนดรู้ส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ชำนาญโดยทำในท่านอนหรือท่านั่ง คนไข้บางคนทำในขณะนั่งรถเข็น ต่อไปสอนอานาปานสติให้ทำสติให้ระลึกรู้อยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบและเมื่อหูได้ยินเสียงก็กำหนด รู้แล้วปล่อยวาง เวลาเกิดความรู้สึกสุข ทุกข์หรือเฉยๆ ก็กำหนดรู้ และเมื่อใจคิดก็กำหนดรู้แล้ววางเฉย เขาสอนคนไข้ให้เจริญสติในอิริยาบถต่างๆ แต่ละขณะตลอดทั้งวัน เน้นที่อิริยาบถย่อยต่างๆ ในชีวิตประจำวันเช่น การกินอาหาร การยืนรอรถประจำทาง การเดินไปทำงาน ในช่วง2 ปีแรกที่นายแพทย์โจนสอนคนไข้ไป 1,155 คน พบว่า อาการปวดจากโรคต่างๆ ดีขึ้น 24 % หลังจากการฝึกครบ 8 สัปดาห์ อารมณ์เครียด โกรธ ซึมเศร้าลดลง 32 % ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นมากและเมื่อติดตาม ต่อไปอีก4 ปี พบว่าอาการต่างๆ ดีขึ้น 40-50 % โดยเฉพาะในผู้ป่วยถุงลงโป่งพอง อันเกิดจากการสูบบุหรี่จัดและ/หรือการหายใจเอาสารพิษเข้าไป

    ดังนั้น ในปัจจุบันนายแพทย์โจน จึงสอนการเจริญสติเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคปอดนอกจากนั้นเขาได้ศึกษาผู้ป่วยโรค เรื้อนกวาง ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งรักษาด้วย การฉายแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ตามผิวหนังทั่วตัวร่วมกับการกินยาโดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งรักษาโดยการกินยาร่วมกับการฉายแสงอีกกลุ่มหนึ่งไม่ให้กินยา แต่ให้ฝึกวิปัสสนาร่วมกับการฉายแสงนายแพทย์ผู้นี้พบว่าในกลุ่มที่ฝึกวิปัสสนารอยโรคที่ผิวหนังยุบหายไปได้เร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ฝึกวิปัสสนา(Danial Goleman, Healing Emotions) ปัจจุบันมีผู้ป่วย ผ่านหลักสูตร 8 สัปดาห์ของนายแพทย์โจนมากกว่า 13,000 คน หลักสูตรที่นายแพทย์ผู้นี้คิดค้นขึ้นมาได้รับการยอมรับจากศูนย์การแพทย์กว่า 240 แห่งทั่วอเมริกา รวมทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น สแตนฟอร์ด และดุกซ์ด้วย
     
  4. จินตภัทร

    จินตภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +396
    สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสนาเป็นยากิน ดั่งคำสอนของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
     

แชร์หน้านี้

Loading...