วิญญาณพเนจร

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย paang, 26 กันยายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    เคยได้ยินเรื่องผีสิงคน หรือเรียกว่า "ผีเข้า" มาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนมากไม่ใช่ผีจริงๆ หรอก แต่เป็นเพราะเพ้อไข้มากกว่า ผู้หญิงบางคนทะเลาะกับแฟน หรือเกิดหึงหวงก็จะมีอาการคล้ายๆ กับผีเข้า

    ทั้งตีอกชกหัว ร้องเอะอะโวยวาย นัยน์ตาขุ่นขวาง เสียงพูดเปลี่ยนไปจากเดิม เรียกร้องจะเอานั่นเอานี่เพื่อให้คนสนใจเท่านั้นแหละ

    บางคนบอกว่าเป็นอาการของโรคประสาท หรือฮิสทีเรีย!

    แต่มีอยู่รายหนึ่งยังเป็นเด็กๆ อายุราวสิบขวบเท่านั้น มีอาการผีเข้าแบบแปลกประหลาดที่ยังไม่เคยเห็น หรือแม้แต่ได้ยินได้ฟังมาก่อน เห็นแล้วน่ากลัวจนขนหัวลุกจริงๆ

    ขณะนั้นผมอยู่ที่ถนนตก สะพานกรุงเทพฯ เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่กี่ปี ตอนเย็นๆ มีคนชอบไปเดินรับลมกับดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเวิ้งว้างเป็นประจำ

    ที่นั่นมีทั้งท่าเรือกับโรงงานทำสบู่ เรือแพขวักไขว่ทั้งเรือยนต์ลำเล็กๆ และเรือสินค้าลำโตๆ ผู้คนพลุกพล่านหนาตา ทั้งขึ้นรถลงเรือ ทั้งคนงานไปมาตอนเช้ากับตอนเย็น ไหนจะพวกลูกจ้างรายวันที่ทำงานกะละแปดชั่วโมงอีกล่ะ

    พวกสาวๆ โรงงานขนมปังสุมาลีเบเกอรี่ ตอนเย็นๆ ก็ออกมาเดินฉุยฉายชมวิวบ้าง ซื้อขนมบ้าง ตกค่ำถึงจะกลับเพราะพวกเธอกินอยู่หลับนอนในบ้านตึกสองชั้นที่เป็นโรงงานนั่นแหละ...พอเลยค่ำไปหน่อยก็ค่อนข้างเปลี่ยวแล้วครับ

    ด้านหลังโรงงานเป็นสวนลึกไปเกือบถึงแม่น้ำทางซ้ายมือ ชาวบ้านลือกันว่าผีดุนักหนา เพราะมีคนจมน้ำตายเป็นประจำ บางทีก็ลอยมาเกยฝั่งเห็นๆ สภาพเน่าเฟะจนคนใจอ่อนไม่กล้าดูก็แล้วกัน

    ที่สะพานกรุงเทพฯ ก็มีคนกระโดดน้ำตายบ่อยๆ เชื่อว่ามีวิญญาณมาร้องเรียกให้ฆ่าตัวตาย วิญญาณนั้นจะได้ไปเกิดใหม่

    เจ้าจุกเป็นเด็กใกล้ๆ บ้านผมเอง วันดีคืนร้ายมันก็โดนผีเข้าน่าขนหัวลุก!

    เพราะความซุกซนแก่นแก้ว ทำให้มันตะลอนๆ ไปทั้งถนนตก ไม่ว่าท่าน้ำหรือสะพานกรุงเทพฯ มันก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ บางทีก็โดดขึ้นรถเมล์สายท่าเตียน-ถนนตกไปถึงบางรัก สีลม แม้แต่วัดยานนาวามันก็เคยไปเที่ยวจนรู้จักพระเณรที่นั่นด้วยซ้ำ

    ตกเย็นเจ้าจุกจะรีบกลับบ้านไปรับหน้าพ่อแม่ ที่ทำงานอยู่โรงยาสูบบ้านใหม่ด้วยกันทั้งคู่เจ้าจุกเป็นลูกชายคนเดียว หน้าตาน่ารัก เฉลียวฉลาดเกินวัย แถมช่างพูดเป็นต่อยหอย พ่อแม่จึงรักใคร่ ตามอกตามใจเป็นพิเศษ

    วันเกิดเหตุ เจ้าจุกไปวิ่งเล่นที่ท่าเรือกับเพื่อนฝูงจนค่ำมืด กลับมาไม่ทันพ่อแม่เลยโดนดุ แต่เจ้าจุกกลับนั่งกอดเข่าซุกอยู่มุมระเบียง พ่อแม่ถามอะไรก็ไม่ยอมพูดจา ให้มันไปอาบน้ำมากินข้าวก็นั่งเฉย นัยน์ตาเหม่อลอย..ในที่สุดก็สะอึกสะอื้นเบาๆ น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มเป็นทางยาว

    พ่อแม่ตกใจไปจับตัวเขย่า ถามว่าเป็นไรไปมันก็ไม่ตอบ ได้แต่ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ อยู่ท่าเดียว ในที่สุดก็เชื่อว่าเจ้าจุกโดนผีเข้า!

    เพื่อนบ้านได้ข่าวพากันไปเยี่ยม จนแทบเต็มระเบียงบ้านชั้นเดียวเตี้ยๆ ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้สะอื้นเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟเยือกเย็น ต้นไม้ดกหนาดูมืดครึ้ม บรรยากาศวังเวงใจน่ากลัว ป้าล้อม-หมอนวดชื่อดังในย่านนั้นเอียงคอมองเจ้าจุกแล้วถอนใจยาว

    "ข้าเคยเห็นคนโดนผีเข้ามาเยอะแยะ แหม! ล้วนแต่พูดจาเสียงแปลกๆ ทั้งนั้น บอกว่าอยากกินนั่นกินนี่ ไอ้ที่เอาแต่นั่งร้องไห้ท่าเดียวก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละวะ"

    ลุงสุด-อาจารย์ไสยศาสตร์อยู่ตรอกหมอได้ข่าวก็มาดูอาการ ชาวบ้านยิ่งมากันมากขึ้นทุกที

    "เอ็งชื่อไร? มาจากไหน? ต้องการอะไร?"

    ลุงสุดถามซ้ำๆ ซากๆ แต่เจ้าจุกไม่ยอมตอบ ได้แต่สะอื้นฮักๆ น้ำตาไหลพรากเหมือนเผาเต่าตามเดิม ป้าล้อมถามว่าเคยเห็นผีเข้าแบบนี้ไหม? ลุงสุดก็ส่ายหน้า เหงื่อซึมซิกเต็มหน้าผาก บอกว่าต้องใช้หวายลงอาคมเฆี่ยนเจ้าจุกเพื่อไล่ผีออกไป ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตราย

    อากาศในฤดูหนาวยิ่งเยือกเย็นจับใจ แสงไฟจากเพดานทำให้หน้าตาเจ้าจุกเกิดรูปเงาแปลกประหลาด บางครั้งคล้ายคนหนุ่มบึกบึน แต่บางทีก็เหมือนชายชราหน้าตาเหี่ยวย่น เสียงลมพัดลู่กับยอดไม้คละเคล้ากับเสียงสะอื้นน่าขนลุก

    พ่อแม่เจ้าจุกรักลูกมากจนไม่ยอมให้เฆี่ยนตี คิดในแง่ดีว่าลูกชายอาจจะเจ็บไข้อาการหนักจนพูดไม่ได้..คิดว่าจะพาส่งโรงพยาบาลให้หมอตรวจดีกว่า

    ลุงสุดนั่งขัดสมาธิหลับตาครู่หนึ่งก็พยักหน้าช้าๆ ลืมตาขึ้นบอกว่าเจ้าจุกถูกวิญญาณพเนจรคล้ายลมเพลมพัดเข้ามาสิงร่าง..เป็นสัมภเวสีที่น่าสงสารมาก

    ว่าแล้วแกก็ขอธูป 9 ดอกมาจุด หลับตาพึมพำคาถาอาคมพักใหญ่ แล้วจึงพูดกับเจ้าจุกด้วยเสียงอ่อนโยนว่า..อย่าร้องห่มร้องไห้ไปเลย! ชาตินี้หมดทุกข์หมดโศกแล้ว ขอให้ไปสู่ภพใหม่อย่างสงบสุขเถิด..

    ผมจำได้ว่าลุงสุดแกพูดจาทำนองนี้อยู่ครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตานับสิบๆ คู่ที่จ้องมองแทบไม่กะพริบ เสียงสะอึกสะอื้นของเจ้าจุกจึงค่อยๆ เงียบหายไป

    สายลมกระโชกวูบ เล่นเอาสะดุ้งเฮือกไปตามๆ กัน ขณะที่เจ้าจุกหันขวับมามองพ่อแม่ ยิ้มแป้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่โผเข้ากอดเจ้าจุกไว้แน่น ขณะที่พวกเราทยอยกันกลับ..เสียวสันหลังวูบๆ ยิ่งกว่าตอนเห็นเจ้าจุกถูกผีเข้าด้วยซ้ำไป!

    เล่าโดย :ใบหนาด จาก ข่าวสด
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,309
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    น่ากลัวดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...