วิญญาณ(ผัสสะ) กระทบ(ฉาก) = จิต รู้แจ้ง..รูปนาม

อ.ปังขาเป๋มาแถต่อจิ

 

กลับไปอ่านจิ ถามไปแว้วยังไม่ตอบเยย
ด่าคนจนตาลายเหรอ ฮิ้วววว

 

กลับเชี่ยรัยแค่สับขาหลอก

 

ทำพูดเหมือนสำนึกถ่อมตัวถ่อมตน
ขร้ากเอือก ถุยย์เกือบลิมกลืน

 

บอกเด็กลูกน้องอย่าเพิ่งเสือกมาคุย
ตอนนี้
ให้จารยคุยจบก่อน

 

..วิญญาณ=ตัวรู้..ทำหน้าที่รู้เท่านั้น ..
(รุ้อะไร.. ก็ต้องมีสัญญา-มาเป็นฉากให้รู้- ฉากก็=รูปนาม=สัญญา=อารมณ์(จิตไปเสพฉากเป็นอารมณ์-จึงเกิดการ รู้แจ้งใน-รูปนาม-ของฉากนั้นๆ)..นัยยะมันออกไปแบบนี้จะได้เข้าใจลึกๆครับ)

..จิต=จึง รู้แจ้ง

 

อย่าลีลาจิ
ไม่รู้ก็ไม่ว่า
ทำด่ากลบเกลื่อน
ฮิ้ววววว

 

ขอภัย กำลังมัน

 

เสือกอีก อาจารย์คุยกันอยู่ไม่เห็นหรอ
หูตึง หรอ

 

โอ้โฮ..คนอ่านเยอะจัง ตกหล่นตรวจสอบเอาอีกครั้งนะครับ อย่าเชื่อผมหมด..

วิญญาณ(ผัสสะ) กระทบ(ฉาก) = จิต รู้แจ้ง..รูปนาม
(17 คน กำลังดูอยู่)

 

บ้านผม- กะทู้ของผมตั้งนะครับ..มีแบบนี้-งี้-ด้วย

 

วันฮาโลวีนทั้งที
ลุงแกต้องจัดหนักเป็นทำดา ฮับปี้เกิด อิอิ

 

นี่ก็ยังตัวกูแถมของกู
ไม่เปลี่ยน อยากเป็นหมาห่วงก้าง
ไม่เลิกเลยนะฮับ

 

วิญญาณ คือ ตัวรู้ หรือ ผู้รู้

เปรียบเสมือนลำแสง เส้นหนึ่งวิ่งไปกระทบ.....ฉาก(สัญญา)

เปรียบอุปมา วิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน คือ...นาม(รูป-นาม) ที่เป็นแก่นแท้เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่เป็นอนัตตา อันสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหลไม่หยุดนิ่ง ไม่คงที่ และเปลี่ยนแปลงรูปธรรมตนเองไปได้เรื่อย ๆ โดยคุณสมบัติเฉพาะตนยังคงเดิม สิ่งนั้นก็คือ สรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา นั่นเอง

"ลำแสงเส้นหนึ่งวิ่งไปกระทบกับ..ฉาก(ส้ญญา)

สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตานี่เอง ที่ล้วนเป็นผู้สร้าง "อัตตา" คือ รูป (ในกรณีของ รูป-นาม) คือ ความมีตัวตน(รูป) ให้เกิดขึ้น โดยจะซ่อนเร้นสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาแต่เดิมซึ่งยังมิได้หายไปไหนเอาไว้ภายในเปลือกนอกที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ด้วยพลังอำนาจของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา

หมายความว่า ถ้าสรรพสิ่งใดที่มีอัตตาหรือมีความเป็นตัวตนทั้งหมดทั้งสิ้น สรรพสิ่งนั้นจะต้องมีอีกสรรพสิ่งหนึ่งที่เป็นอนัตตาเป็นแก่นแท้เร้นอยู่ข้างในเสมอ

วิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่ไม่สมดุล หรือ คลื่นพลังงานที่ไม่สมดุล หรือคลื่นความถี่ทางพลังงานความถี่ใดความถี่หนึ่งที่สั่นสะเทือนอยู่อย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหลตัวมันเองไปเรื่อย ๆ ไม่มีการหยุดนิ่ง ไม่มีการดำรงอยู่ที่ใดที่หนึ่งเฉพาะที่ และพร้อมที่จะลดเลี้ยวเกี่ยวพันกับ คลื่นความถี่ที่ไม่สมดุลอื่น ๆ ได้เสมอ


วิญญาณจึงเปรียบเหมือน....ลำแสง

ถ้ากล่าวว่า..ไปกระทบกับฉาก

การหมุนธรรมจักร ก็คือ เป็นการหมุนอายตนะ หรือ การใช้อายตนะ

๑.เพื่อการรับรู้
๒.เพื่อการเรียนรู้

แล้วที่กล่าวว่า...จึงเกิดการรู้แจ้ง เรียกว่า..จิต..

จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้อนัตตา มีน้าที่ในการหมุนธรรมจักร อันเป็นคุณสมบัติเดิมแท้แห่งตน เนื่องจากมนุษย์โดยจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ (จิตใจ) ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากจิตวิญญาณให้ทำหน้าที่แทน มนุษย์ทุกคนจึงต้องมีหน้าที่ดูแลจิตหยาบ(จิตใจ) ของตนให้มันเคลื่นอนไหลไปในทิศทางแห่งธรรมจักรของจิตวิญญาณ ด้วยการเป็นผู้รู้ ใน 6 ประการ

๑.รู้แสดงออกทางอารมณ์รู้สึก
๒.รู้แสดงออกทางการนึกคิดของจิตเอง
๓.รู้แสดงออกทางการจดจำ
๔.รู้แสดงออกทางการคิด การเรียนรู้ และการตัดสินใจ
๕.รู้แสดงออกทางภาษากายต่าง ๆ
๖.รู้การแสดงออกทางพฤติกรรมภายนอกเป็นการกระทำต่าง ๆ

ข้อความดังกล่าวหากนำมาพิจารณาลงที่นี่...ก็จะเข้าใจได้

ส่วน.....

การใช้อายตนะไม่เป็น หมายถึง แทนที่จะใช้อายตนะของตนเองเพียงเพื่อการ "รับรู้" ว่าสิ่งที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็นมันอยู่นั้น คือ อะไร เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการ "เรียนรู้" ต่อไปว่า อะไรเป็นอะไร

แต่มนุษย์กลับ "รับเอา" สิ่งที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็นนั้นแทน

และ..

มนุษย์โดยจิตหยาบของใคร เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมทางจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเองแล้ว ผลลัพธ์คือ เมื่อสิ้นอายุขัย จิตวิญญาณไม่สามารถหลุดพ้น เพราะเป็นรูปธรรมทางพลังงานไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว ความไม่บริสุทธิ์ของจิตวิญญาณที่ว่านี้ ล้วนเกิดนากการไม่ว่างไปจากอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ ที่จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ถ่ายทอดเอาไว้นั่นเอง

คิดว่าน่าจะได้ข้อมูลขยายสภาวะของสัจธรรมให้กว้างขึ้นค่ะ

 

..อ่านข้อความคุณแล้ว "ปวดหัว".ผมอุตส่าห์ถ่ายทอด-สื่อ-ออกมา-ด้วยภาษาง่ายๆ..คุณกลับมาเขียนให้อ่านยากขึ้นไปอีก แถมรู้เรื่องมั่ง-ไม่รู้เรื่องมั่ง คุณดูอุปนิสัย-แฟนคลับ-หรือคน ในเวบนี้ด้วยครับ- ส่วนมากเขาอายุมากๆกันแล้ว-หรืออายุ-เท่าไหร่กันแล้ว-คุณมาใช้ภาษาแบบนี้..เฮ้ออ..

 

จริงท่านพุดถูก
ผมอายุมาก อ่านมาเยอะแต่ไม่เข้าใจ
ที่เขียนมาทั้ง 2 คนนั่นแหล่ะฮับ
ต้องเรียบเรียงกันใหม่ให้มีเบื้องต้น
ท่ามกลาง ปั้นปลายต้องใกล้นิพพานด้วยฮับ

 

NEOWORLD..คุณโง่แล้ว-ยังมาอวดรู้อีก-มาเสนอความเห็นผิดๆเต็มกระดานไปหมด-ไม่รู้จักอายเลย-..ครูบาอาจารย์-พระป่า-ท่านผ่านสภาวะธรรม ทั้งมีสมาธิและไม่มีสมาธิ-ทั้งสัมมาสมาธิ-และมิจฉาสมาธิ-นั่น เขาเรียก..สภาวะธรรมทั้งสิ้น..ปฏิบัติทั้งชีวิตเพื่อ นำมาสอนลูกศิษย์..และพาตนเองให้หลุดพ้นด้วย "ประสบการณ์จริงในสภาวะธรรมต่างๆ"..

สภาวะธรรม-หรือ."ประสบการณ์ทางจิต"..เช่น นั่งจนฝีแตก-อดข้าวน้ำ10-20 วัน-ไม่นอนตลอดพรรษา-ฯล เพื่อจะวัดดูกำลังจิตของตนเอง..ว่าจะทนได้นานกี่วัน-ขนาดไหน เพื่อเตรียมตัวที่จะไปธุดงธ์-ออกวิเวก-สละชีวิตให้การปฏิบัติธรรม-ยกธรรมเป็นใหญ่-นี่พระป่า ..ท่านจะได้คำณวนกำลังจิตออก.
พระบวชใหม่-.ต้องอยู่ฝึกกับครูอาจารย์ อย่างต่ำ 5 ปี ถึงจะออกธุดงธ์ได้ เรียนวัตร จากอาจารย์ก่อน..คุณนี่โง่แล้วอวดฉลาดจริงๆ-ไม่เข่าใจก็อย่าออกความเห้น มันน่าอายครับ!
..ประสบการณ์ ทางการปฏิบัติ มีสมาธิ ก็เรียกปฏิเวธ-ไม่มีก็เรียก ประสบการทางจิต..

 

NEOWORLD..คุณโพสต์มาได้ยังไง ไม่มีภูมิรู้เลย-เสียหายมากต่อผู้เสพสื่อของคุณ "

" สภาวธรรมที่เห็นในขณะปฏิบัติสมถกรรมฐาน
หรือวิปัสสนากรรมฐานก็แล้วแต่
สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกเห็นด้วยสติสมาธิ
และปัญญา
ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์
คือเป็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตา ย่อมเป็นภัย
ต่อจิตใจทั้งหมด จึงไม่มีราคาอะไร
ที่จะไปยึดไปข้อง คับผม"..

นี่อีกความเห็น..
สภาวธรรมที่ปรากฎเหล่านั้นอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์อนิจจังทุกขังอนัตตา
ย่อมไม่ราคาและเป็นภัย
อันตรายต่อจิตใจไม่ควรยึดอารมย์เหล่านั้น
และ เป็นสิ่งที่ปรากฎได้
ด้วยสติสมาธิและปัญญา

 

..ไอ้เป็ด-รู้จักเป็ดย่างไหม-โง่แล้วอวดฉลาดนะ

..มีลูกน้อง-ที่ตนเองไล่กดไลท์-กดแชร์-ให้ทุกกะทู้ด้วย มันพูดเพราะก็เป็นนะนี่..แต่ผมจะอ๊วกว่ะ..555

คุณ..NOPPAKAN ..คุณพูดเพราะจริงๆ.."ท่านลุงแมวครับ"..ไม่อายปาก-อายฟ้า-ดิน-ผีสางเลยเน๊าะ..
.
.มันยอมเลียลุงแมว ขนาดพื้นลูกลังนี่-ก็แค่หวังใด้ กดไลท์-กดแชร์-จากเจ้า NEOWORLD..นี่เท่านั้น เลียซะเอี่ยมเลย..ลุงแมวจะไม่รักไล่กด ไลท์ให้ทุกกะทูได้ยังไง..555