วิธีดับทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย sukhawadee, 29 มิถุนายน 2005.

  1. sukhawadee

    sukhawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +130
    (one-eye) วิธีดับทุกข์
    ความทุกข์เกิดเพราะใจเกาะเกี่ยว ยึดติดกับอารมณ์ในอดีต และคาดหวังในอนาคต ซึ่งเป็นสาเหตุของความ
    ทุกข์ เมื่อต้องการแก้ทุกข์ทางใจ จึงต้องให้ใจกับอารมณ์แยกเป็นคนละส่วน จนเกิดช่องว่างเหมือนล่อนออกจากกัน เมื่อทำได้อย่างนี้
    ความทุกข์จะหายไปทันที

    ทุกข์เพราะจิตใจอ่อนแอไม่เข้มแข็ง
    ขยายความรู้สึกให้กว้างกว่าตัว ให้เพิ่มความมั่นคงเข้าไปในความรู้สึก ความเข้มแข็งจะปรากฏขึ้นมา ระยะ
    แรกจะต้องเพิ่มความมั่นคงบ่อย ๆ เพื่อให้ความมั่นคงอยู่ตัว ให้คอยสังเกตสภาพจิตหลังเพิ่มความมั่นคงได้แล้วด้วย


    ทุกข์เพราะเครียดจากความคิดและปัญหาต่าง ๆ
    วิธีคิดที่ไม่ก่อให้เกิดทุกข์
    - ให้คิดอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึก
    - ให้ความคิดอยู่นอกบรรยากาศ
    - ให้คิดผ่านความว่าง
    - ให้คิดอยู่ในความว่าง
    - ให้เอาความรู้สึกดูความคิด
    ไม่ว่าจะใช้ธรรมข้อใดข้อหนึ่ง ผลที่ออกมาจะต้องเห็นช่องว่างระหว่างอารมณ์ ( คลายอุปาทาน ) ความทุกข์จะ
    สลายไปทันที


    ทุกข์เพราะดับความทุกข์ไม่ได้
    ให้เอาความรู้สึกซ้อนเข้าไปในความทุกข์ เพียงเท่านี้ความทุกข์ก็จะหายไป

    ทุกข์เพราะขาดความสุข
    ให้ระลึกถึงความดีที่เคยกระทำมาแล้ว แม้ความดีที่ระลึกได้จะมีเพียงเล็กน้อยก็ตาม ให้เอาความรู้สึกซ้อนเข้าไปในความดีนั้น บรรยากาศของความดีจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา ให้เอาความรู้สึกซ้อนเข้าไปในบรรยากาศที่ปรากฏขึ้นมานั้น บรรยากาศความดีจะปรากฏชัดขึ้น ให้เอาความรู้สึกซ้อนเข้าไปในบรรยากาศความดีที่ชัดขึ้น บรรยากาศความดีจะเปลี่ยนเป็นบรรยากาศความสุข ให้เอาความรู้สึกซ้อนเข้าไปในบรรยากาศความสุข บรรยากาศความสุขจะเปลี่ยนเป็นพลัง ให้นิ่งอยู่ในพลังความสุขพร้อมกับขยายพลังความสุขนั้นมาที่รูป ( ตัว ) จะรู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้นทั้งกายและใจ เป็นความสุขที่ไม่มีตัวตน เมื่อเจริญบ่อยๆพลังความสุขจะอยู่ตัว

    วิธีดูความดี
    ให้ใช้วิธีเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน เป็นต้นว่าเดือนนี้กับเดือนก่อน เมื่อจิตมีกำลังให้เปรียบเทียบชั่วโมงต่อชั่วโมง ขณะต่อขณะ จะเกิดความชัดเจนในความดีที่ได้กระทำมาแล้ว และความดีที่ยังไม่ได้ทำ เมื่อทำได้อย่างนี้ชีวิตจะไม่ไร้สาระ
    จิตมั่นคงสงบ ไม่หวั่นไหว


    ทุกข์เพราะคนรอบข้างไม่เห็นความดี

    ทั้งนี้เกิดจากขาดบรรยากาศขณะกระทำความดี จัดเป็นความดีแห้งแล้งให้ผลช้า เมื่อต้องการให้คนรอบข้างเห็นความดี จึงต้องมีบรรยากาศในขณะกระทำความดีนั้น ๆ ซึ่งต้องประกอบด้วยความเบา ความอ่อนโยน มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ รู้กาลเทศะ ไม่ยกตนข่มท่าน ความดีชนิดนี้มีกำลังมาก เป็นที่ชื่นชมยินดี ควรแก่การสรรเสริญเยินยอจากผู้ที่ได้พบเห็น เฉกเช่นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมละมุนละไมย่อมขจายกลิ่นไปได้ไกลฉันใดก็ฉันนั้น
    (one-eye)

     

แชร์หน้านี้

Loading...