วิธีฝึกความละเอียดในการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย santosos, 14 พฤษภาคม 2008.

  1. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    วิธีฝึกความละเอียดในการปฏิบัติธรรม
    เราควรรู้ว่า ความเป็นธรรมดาของ โพธิญาณ เป็นอย่างไร
    ความเป็นธรรมดาของคนทำแบบ พระปัจเจกโพธิญาณ เป็นอย่างไร
    ความเป็นธรรมดาของ พระอรหัต แบบ สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทาญาณ
    ความเป็นธรรมดาของผู้ทรงพรต ความเป็นธรรมดาของ มนุษย์ คนธรรมดา สัตวนรก เปรต อสูรกาย
    เดียรัจฉาน
     
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ธรรมดาของโพธิในแบบส่วนตัวคือตื่นมาในแต่ละวันต้องได้ทำบุญ ไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งในบารมี 10 ต้องได้ทำ จะไม่ขาดแม้แต่วันเดียว ธรรมดาคือปกติจิต ส่วนธรรมดาของคนอื่นจะตีความยังไงก็ส่วนบุคคล ลมหายใจไม่ปล่อยทิ้งขว้างจับคำภาวนาแผ่เมตตาไปในตัวได้เมตตาบารมีตลอดทั้งชีวิต
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    การบำเพ็ญบุญแบบโพธิจะทำไปเรื่อยๆเน้นความต่อเนื่องยาวนานเป็นสำคัญ ไม่เน้นเร็วรีบเร่ง ชาตินี้ว่ากันที่สมาธิขั้นนี้ก็อาจจะพอใจอยู่ตรงนี้แล้วไปใช้งานให้เป็นประโยชน์ด้านอื่นๆต่อไป มีมากมายตามหัวข้อหลักในบารมี10 ซึ่งถ้าไปคุยกันกับนักพยายามละกิเลสก็อาจจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะวิธีคิดคนละแบบ แบบโพธิคือค่อยสะสมค่อยทำไปเรื่อยๆ จะอิงหลักทางไหนก็ได้

    แต่โพธิส่วนใหญ่ที่พอรู้เรื่องรู้ราวในชีวิตคือไม่โอหังสุดโต่งเกินไปก็มักจะตามรุ่นพี่ที่บารมีเต็ม พูดง่ายๆว่าเกาะรุ่นพี่ไปทุกชาติ บุญบารมีนั้นเราต้องทำเอาเองอยู่แล้วไม่มีใครทำแทนกันได้ แต่การเกาะรุ่นพี่บารมีเต็มก็เป็นอีกวิธีของคนฉลาดทำ โพธิบารมีเต็มรู้ทุกอย่างทั้งโลกและธรรมรู้รู้กระทั้งเรื่องของพระนิพพาน ดังนั้นคนฉลาดทำก็อาจจะเดินได้ตรงกว่าคนที่ลองผิดลองถูกดั้นด้นเอาเองซะทุกอย่าง โพธิบารมีเต็มไม่ทิ้งโพธิด้วยถ้าเรายอมรับนับถือเกาะท่านจริงๆท่านช่วยเราให้ดำเนินเดินไปแบบโพธิได้ทุกเรื่องอยู่ที่การฉลาดทำและความศรัทธา
     
  4. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    อย่างผู้ถามสำหรับท่านต้องใช้ภาษาบาลีที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเข้าใจง่าย เช่นนั้น จึงเข้าใจ อย่างนั้นรึเปล่าครับ อย่างนี้ ตอบได้แต่เพียงง่ายๆ คือ ปฎิบัติ เท่านั้นครับที่จะสามารถจัดจำแนกคน อย่างเช่นผู้ที่ปฎิบัติ กับ ผู้ไม่ปฎิบัติ เท่านั้นครับ จึงเข้าใจกันได้เฉพาะผู้ปฎิบัติได้ปฎิบัติถึง อย่างนั้นน้ะครับ
     
  5. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    การปฏิบัติมีหลายวิธีมากมาย แค่ในปัจจุบันนี้ก็มีเป็น10กว่าสำนักเด่น ส่วนตัวผมไม่ว่าของใครดีกว่ากันเพราะทุกที่ก็สอนตามแบบพระพุทธเจ้าคือสอนกันเพื่อเป็นเหตุแห่งการนำไปซึ่งการละเลิกปล่อยวาง ส่วนใครจะยังละไม่ได้เพราะกำลังใจกำลังบารมีไม่พอนั้นก็ถือว่าสะสมแต้มกันไป ชาติใหม่เจอพระพุทธเจ้าอีกพระองค์ท่านอาจจะมาโปรดเราให้รู้เห็นธรรมโดยฉับพลันเหมือนๆหลายท่านในอดีตก็เป็นได้

    ยกเว้นว่าคุณกำลังปรารถนาโพธิอยู่จะแบบมีบริวารหรือแบบรู้ธรรมเองก็ตาม ถ้าลักษณะนี้พระพุทธเจ้าดูแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าคนนี้อดีตชาติเคยตั้งสัจจะเป็นผู้ปรารถนาโพธิคนหนึ่ง แน่นอนคุณหมดสิทธิ์เลือกให้ไปพระนิพพานในชาตินั้นๆโดยปริยาย นอกจากคุณจะอยากไปนิพพานใจจะขาดแล้วขอลาพุทธภูมิ แต่ส่วนตัวเข้าใจว่าที่โผล่มาเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นหน่อเชื้อพุทธภูมิทั้งนั้น เลยพลาดขบวนรถสายซุปเปอร์ไฮเวย์พาไปนิพพานของพระพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์มานักต่อนัก

    พูดง่ายๆเลยคือ คนพวกนี้อยากบรรลุธรรมเองนั่นแหละว่างั้น ก็เลยต้องมาสิงสถิตสอนธรรมยังไม่แท้กันตามเว็บบอร์ดต่างไม่เว้นที่นี่ด้วย หุหุ เข้าใจว่าพวกที่เคยตามก้นกันมาทั้งนั้น ส่วนชาตินี้ใครจะสามารถลาพุทธภูมิได้ขาดจริงๆแล้วปล่อยวางทุกอย่างบรรลุเป็นพระอริยะได้จริง ส่วนตัวก็ขออนุโมทนาด้วย แต่แววยังไม่เห็นนิสัยใครเปลี่ยนกันอย่างชัดเจนเลย ก็นะเรื่องของเขาจะทำได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง เราไม่สนใจถ้าทำไม่ได้เกิดชาติใหม่ก็เจอกันในเว็บบอร์ดเวลาบ่ายๆอีกละกันเนอะ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เอาอะไรไปรู้อย่างที่พูดครับ
    ไม่ใช่จากการคิดวิเคราะห์ตีความเอาเอง
    จากสัญญาหรือการฟัง
    การอ่าน มาแน่นอนครับ

    ควรให้ความสำคัญกับเครื่องมือ
    ที่จะทำให้เข้าใจเรื่องนามธรรมต่างๆ
    เหล่านั้นเป็นหลัก ก็คือสติทางธรรม
    ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ
    ส่วนจะละเอียดแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ
    การคลายตัวได้เองของจิต
    ตามธรรมชาติของมันเอง

    ซึ่งเป็นผลมาจากเรื่องปัญญาทางธรรมก่อน
    เพื่อตัดสิ่งยึดเกาะที่ทำให้จิตเกิดก่อน
    ที่จะไปปัญญาญานจนค้นสาเหตุ
    ของการเกิดและเข้าใจกระบวนการเกิดได้
    เมื่อจิตเข้าถึงตรงนี้ จะเกิดเครื่องรู้
    อัตโนมัติของตัวจิตเอง
    ตามระยะเวลาที่จิตคลายตัวเอง
    ได้ตามธรรมชาติของมัน
    โดยไม่ต้องถามใครครับ
    ถึงเวลาที่รู้ มันจะรู้เหมือนกัน
    ต่างที่มุมที่รู้และความละเอียด
    ในการรู้
    ปล ค่อยๆเป็นค่อยๆครับ
    ก่อนจะวิ่งได้ ต้องคลานได้ก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...