วิธีรักษาโรคนางฟ้าอาการคลื่นเเทรก

วิธีรักษาโรคนางฟ้าอาการคลื่นเเทรก (เจ็บเเละกลัวอย่างไร้สาเหตุ) ช่วงนี้คลื่นความถี่อัพเกรดทำให้ร่างกายของใครบางคนรู้สึกเเปลกๆ ป่วยเเบบไร้สาเหตุ เป็นช่วงที่โลกกำลังไต่ระดับเข้าสู่มิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งมันเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน ที่มีสุริยุปราคา และจันทรุปราคา และปรากฎการ Cardinal Grand Cross ในช่วงใกล้ๆกันนั้นด้วยแล้วมันก็เลยจะถูกส่งต่อมาถึงช่วงเวลานี้ด้วย เพื่อที่จะมีผลอย่างเข้มข้นรุนแรงในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ไปสู่จุดที่ทำให้ใครหลายๆคนได้พลังอำนาจเก่าๆกลับคืนมาพลังที่ว่าก็ คือ "พลังอำนาจในการเนรมิต และ สัมผัสพิเศษที่ถูกยับยั้งเอาไว้ชั่วคราวอยู่ของใครหลายๆคน จะกลับคืนมาในช่วงนี้ (เล่าโดยคุณชยุต)"

อาการป่วยเเบบเเปลกที่ว่า เช่น รู้สึกกลัวอย่างไร้สาเหตุ ไม่กล้าออกจากบ้าน ปวดเเละร้อนศรีษะรู้สึกเหมือนเเดดเผา เหงื่อออกถึงเเม้จะอยู่ในที่อากาศเย็นมาก เจ็บหัวใจ เจ็บหน้าอก นอนดึกเเต่ตื่นเช้า นอนน้อยโดยรู้สึกสดชื่นเต็มอิ่ม หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสีย เบื่อคนรอบตัวทั้งที่ปกติเป็นคนโลกสวย รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะเเตก เป็นเพราะคลื่นความถี่ในชั้นมิติที่คุณกำลังเลื่อนขึ้นไปอยู่เกิดการเปลี่ยนเเปลง เหมือนเวลาที่คุณขึ้นเครื่องบินเเล้วเกิดอาการหูอื้อต้องรอสักพัก หรือ เคี้ยวหมากฝรั่ง กลืนน้ำลาย เพื่อปรับความดันในหูให้เป็นปกติ นั้น คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกของเราค่อยๆลอยจากพื้นดินสู่ท้องฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัว เเต่สภาพร่างกายของเราไม่เข้าใจกับคลื่นต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราที่เราไม่สามารถมองเห็นได้เเต่รบกวนเราจนทำให้เรารู้สึกเเย่ เมื่อไม่รู้วิธีการปรับจึงเกิดความรู้สึกไม่ดี พร้อมกับนำอาการป่วยเเบบไร้สาเหตุมาให้เรานั้นเอง

วิธีเเก้ง่ายๆก็ คือ เราต้องทำตัวให้เป็นสูญญากาศให้เป็นหนึ่งเดียวกับชั้นบรรยากาศในมิติใหม่ หรือ ให้ตัดความกังวลใจทั้งหมดเมื่อเกิดอาการเเปลกๆกับตัวเอง บอกกับตัวเองว่า "ร่างกายเราเเข็งเเรง สุขภาพเราดี จิตใจเราดี ขอบคุณจักรวาล" หรือ อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณเบี่ยงเบนตัวเองให้ฝังความทรงจำลงไปในจิตใต้สำนึกว่า ฉันอยู่ตรงนี้ไม่ดี เพราะทุกครั้งที่คุณกลับมาตรงเหตุการณ์ หรือ สถานที่ที่คุณรู้สึกเเย่สมองของคุณจะเเสดงอาการกลัวเพื่อปกป้องคุณให้ออกมาจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นจนกลายเป็นโรคเเพนิคไปโดยอัตโนมัติ ต่อให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังจะตายคุณต้องคิดเสมอว่า "ขอบคุณร่างกาย ขอบคุณจิตวิญญาณ ขอบคุณที่พวกคุณช่วยปกป้องดูเเลฉันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด" ให้ขอบคุณไปเรื่อยๆ ถ้ามันจะตายจิตใจคุณจะได้รู้สึกไม่เป็นห่วงเเละทำหน้าที่บนโลกได้อย่างดีที่สุดเเละหมดห่วง หรือ ถ้าไม่เป็นอะไรก็คุณก็จะไม่ถูกสมองปลูกฝังจิตใต้สำนึกให้กลัวเหตุการณ์นี้อีกต่อไป

วิธีต่อมาก็ คือ การอยู่ใกล้กับเเหล่งพลังงานธรรมชาติที่สุด ถอดรองเท้าให้เท้าเปลือยสัมผัสกับพื้นดิน เพื่อให้สนามพลังงานเเม่เหล็กในร่างกายมนุษย์ของคุณถ่ายเทออกสู่พื้นดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ การสวมรองเท้าถุงเท้า หรือ รองเท้าที่มิดชิดเป็นการกักเก็บสนามพลังเเม่เหล็กในตัวเองไม่มีการถ่ายเทพลังงานจึงทำให้เกิดอาการเหมือนตัวเองกำลังจะระเบิด เพราะมีพลังงานในตัวมากเกินไปไม่ได้ระบายออกนั้นเอง เเต่ถ้าถอดไม่ได้ก็ให้ล้างมือ ล้างหน้า กอดต้นไม้ ดื่มน้ำ ขับถ่ายของเสียออกมาก็จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นได้เช่นเดียวกัน ยิ่งคุณอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมากเท่าไร ลงไปเล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำ คุณจะรู้สึกโล่งโปร่งจากการได้ถ่ายเทพลังงานในตัวมากขึ้นเท่านั้น

วิธีสุดท้าย ทำจิตให้สงบให้เลือกการทำสมาธิ สวดมนต์เพื่อให้ความกลัวในดวงจิตมีที่พึ่ง มีที่เกาะ มีที่ยึดเหนียว เมื่อจิตคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาใดก็ตาม จิตใต้สำนึกได้ถูกโปรแกรมไว้ในตัวเราตั้งเเต่เด็กเเล้วว่าปลอดภัยเเน่ๆ ร่างกายเเละสมองจะสั่งงานได้ดีขึ้น ต่อให้ใกล้ตายก็จะรู้สึกสงบเพราะรู้ว่าจิตกำลังอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดเเละปลอดภัยที่สุดนั้นเอง

ความเจ็บป่วย ความคิดไม่ดี ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ หรือ ช่วงไหนๆคุณต้องเชื่อรู้ก่อนว่า "คุณมีความกลัวเเละความเจ็บยึดอำนาจในร่างกายคุณ" คุณจะต้องหาทางเจรจา ปลอบใจ ปลอบโยนเเละเชื่อมั่นของพลังในตัวเอง พลังของพระเจ้าที่คุณนับถือ เเละเชื่อมั่นในความดีที่คุณทำมา เเต่ถ้าคุณไม่ไหวจริงๆขอให้คุณกลับไปที่ลมหายใจ หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพราะ การหายใจช้าจะทำให้ชีพจรเต้นช้าลง หัวใจทำงานช้าลง สมองจะหลั่งสารต่างๆช้าลง ร่างกายคุณก็จะค่อยๆสงบนิ่งขึ้น ความกลัว ความเจ็บป่วยเกิดจากสมองหลั่งสารต่างๆออกมาปกป้องตัวคุณ เมื่อสมองพยายามปกป้องตัวคุณ คุณต้องสั่งให้หัวใจต้องปลอบใจสมองเเละบอกเขาว่าไม่เป็นไร เเล้วคุณจะค่อยๆดีขึ้น เมื่อสมองเเละใจรวมมือทำงานอย่างสามัคคีเมื่อไร ร่างกายของคุณก็จะกลับคืนสู่โหมดปกติได้เอง

 

(k)({)มิน่าเล่าช่วงนี้ถึงเบื่อๆเซ็งๆ มองอะไรขวางหูขวางตา อยากจะเปลี่ยนหรือเพิ่มศาสนา มีอาการจิตตก ยังไงๆไม่รู้ พอได้อ่านกระทู้นี้แล้วถึงได้เข้าใจ ขอบคุณครับที่นำมาเล่าให้รู้กัน มันแปลกดีนะ คงต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิมากขึ้น อาการปรกติจะได้กลับมาเช่นเดิม แม่นบ่ๆๆ

 

เราก็เป็นนะ มานึกขึ้นได้ว่าคงรับพลังงานมาไว้ในตัวมากไป ไม่มีการถ่ายเทออกจากตัว
ตอนหลังถ่ายเทพลังออกแบบจักกระ ให้ออกทางก้นไป หรือเดินไปจับต้นไม้ใบไม้
ก็สบายตัวขึ้น

เราคิดว่าร่างกายมนุษย์ไม่สามารถรองรับพลังงานพวกนี้ได้ จึงทำให้เหมือนไม่สบายเนื้อตัวด้วยอาการต่างๆ
ได้ถ่ายเทพลังงานออกไปบ้างก็หาย