วิธีสร้างศิลปินปั้นพระพุทธรูปแก้วของไทย หน้า 15 #290 ขึ้นไป

ดังนั้น การที่ใครต้องการจะสร้างโรงงานหลอมแก้วคริสตัลด้วยเทคนิค Lost Wax Glass ผมคิดว่า ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ไปแย่งจีนผลิต เนื่องจากคงสู้จีนไม่ได้ หรือสู้ได้ก็คงไม่ก้าวไปถึงไหน

แต่ถ้าใครสนใจสร้างโรงงานแก้วคริสตัลที่หล่อด้วยเทคนิค Lost Wax Glass นี้ ซึ่งใช้ทุนไม่มากนัก ค่าเครื่องมือ ค่าอุปกรณ์ทุกอย่าง หากใช้ของดี และมีให้ครบถ้วนจริงๆ ก็เพียงแค่ 3 - 5 ล้านบาท ( ยังไม่รวมค่าสถานที่ ที่ดิน อาคาร ) ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับโรงงานแก้วในระบบเดิมๆที่ต้องลงทุนมากกว่า 150 ล้านบาทจึงจะพอดำเนินการได้

 

ในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2516 - 2520 ที่โรงงานหลอมแก้วของคุณพ่อผมนั้น โรงงานหลอมแก้วเราอยู่ในกรุงเทพฯซึ่งเราเรียกว่าฝั่งธนบุรี มีสวนล้อมรอบ 3 ด้าน ด้านหน้าโรงงานเป็นถนนซอย เตาหลอมแก้วอยู่สูง ช่างแก้ว hot glass ทำงานบนชั้น 2 มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล เป็นป่า เป็นสวน มีร่องน้ำให้คนใช้เรือพ่นน้ำไปที่ต้นไม้ มีบ้านพักคนงานหลายหลังอยู่ภายในที่ดินของโรงงาน มีความร่มรื่น สุขสบาย ซึ่งหลังๆมานี้ ผมไม่ทราบว่า จะยังสามารถพบโรงงานที่มีความสุขอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก

 

เมื่อไม่นานมานี้ มีช่างแก้ว 2 คนมาพบผม มาจากโรงงานแก้วยูไนเต็ดกลาสที่นครปฐม เขาบอกว่า ปัจจุบันโรงงานแก้วมักปิดกำแพงจากพื้นดินสูงขึ้นไปติดถึงหลังคาโรงงาน คือทึบทุกด้าน แต่เท่าที่ผมเคยไปมาหลายโรงงานแก้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงงานแก้วเจษฏาก็ไม่ทึบจนน่าเกลียด ยังมีความเป็นธรรมชาติและเปิดโล่งบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่าโรงงานแก้วของคุณพ่อผมที่เปิดโล่งทุกด้านจริงๆ รั้วกำแพงสูงแค่ 170 cm. หลังคาสูงมาก โปร่งโล่งมาก

 

ทิศทางหากท่านใดคิดจะทำโรงงานหลอมแก้วคริสตัลด้วยเทคนิค Losst Wax Glass ผมไม่อาจพูดว่า ท่านจะต้องทำตลาดเฉพาะตลาดแบบสั่งจองเท่านั้นจึงจะสำเร็จ ท่านอาจจะประสบความสำเร็จในตลาดชั้นสูงก็ได้ ไม่มีใครทราบ หรือท่านอาจจะแข่งกับจีนเพื่อสร้างชิ้นงานจำนวนมากสู่ตลาดโลก ซึ่งก็ยังพอทำได้

แต่สำหรับผม ผมมองทิศทางตลาดสั่งทำสั่งสร้างเพียงตลาดเดียว เพราะนอกจากคนซื้อรู้คุณค่าแล้ว ยังสามารถนำกำไรจากส่วนต่างไปทำบุญทำทานได้ทุกชนิดอีกด้วย

 

อีกตลาดที่น่าสนใจ คือตลาดชาวพุทธที่ชอบสร้างองค์พระพุทธที่มีขนาดใหญ่ๆ ขนาดหน้าตัก 30 นิ้วขึ้นไป ถ้าเป็นปางยืนก็สูงประมาณ 170 cm. ขึ้นไป ตลาดนี้ผมคิดว่า ดีกว่าเอาเงิน 100 ล้านไปให้เมืองนอกสร้าง เพียงเพราะเหตุผลที่ว่า เขาสร้างได้แน่นอนไม่แตก จึงต้องยกเงินนี้ให้เมืองนอกไป ถ้าชาวพุทธไทยคิดอย่างนี้ตลอด คนไทยก็ไม่ต้องหวังเกิดครับ คนไทยที่สร้างพระแก้วขนาดใหญ่ยังมีอยู่ เพียงแต่ท่านต้องให้โอกาสเขาเกิดครับ

ผมยังยืนยันว่า ช่างแก้วไทยมีนับหมื่นๆคนในปัจจุบัน ที่เก่งมีนับร้อยๆคนในปัจจุบัน ยังไม่ต้องนับว่าที่ผ่านมา 65 ปีของไทย เรามีช่างแก้วนับแสนที่เคยผ่านงานหลายๆสาขา ให้โอกาสคนไทย ดีกว่ายกไปให้เมืองนอก

 

Elton John และ Lalique ฝรั่งเศสหาเงินช่วยเอดส์ได้เงินจำนวนร้อยล้านบาท โดยลาลีคสร้างเทวดาเทพดนตรีสูง 70 cm. ( องค์เทวดาสูงประมาณ 50 cm. ฐานสีแดงสูงประมาณ 20 cm. จึงรวมเป็น 70 cm. ) สร้างองค์ใหญ่นี้เพียง 1 องค์ เปิดประมูลไปที่ $ 410,000 ประมาณ 14 ล้านบาท องค์นี้ดูเหมือนทำบุญเข้ามูลนิธิเอดส์เต็มๆ ไม่มีหักค่าต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ

นอกนั้นเป็นการสร้าง Limited Edition อีก 3 ชิ้นงานชิ้นงานละ 999 ชิ้น ในราคาชิ้นละ $ 1,800 ประมาณ 80,000.- บาท ก็เอา 80,000 X 3,000 = 240,000,000.- บาท 240 ล้านบาท ( แน่นอนว่า ต้องหักต้นทุนเท่าไรหรือไม่ ? หรือจะหักเอาแต่ส่วนกำไรทำบุญทำทานกับมูลนิธิเอดส์ก็ว่ากันไป )

 

เทวดาเทพดนตรี สร้างด้วยเทคนิคการหล่อแก้วคริสตัล Lost Wax Glass แบ่งออกเป้น 2 ชิ้น แต่ติดกันด้วยกาวใสไร้รอยอย่างดีที่สุดของ Lalique องค์เทวดาสูงประมาณ 50 cm. ฐานแยกหล่อสูงประมาณ 20 cm. เมื่อติดกาวองค์เทวดากับแท่นฐานแล้วจึงนับความสูงเป็น 70 cm. มีผู้ใจบุญชนะประมูลไปที่ 410,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 14 ล้านบาท เงินทำบุญทำทานเข้ามูลนิธิเอดส์เอลตันจอห์นล้วนๆ 100% นับเป็นตัวอย่างในการหารายได้ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งคนไทยก็สามารถทำได้ วัดก็ทำได้ หรือองค์กรใดก็ทำได้ ช่างแก้วไทยที่ทำได้ยังมีอยู่นับร้อยๆคน ส่วนมากคือเจ้าของโรงงานแก้วนั่นเอง เพราะพื้นฐานความรู้ของท่านเหล่านั้นมีมากเพียงพอแน่นอน

 

เทวดาเทพดนตรีที่สร้างจำนวน 999 องค์นับเป็น Limited Edition สูงรวมแล้วประมาณ 11 นิ้ว องค์ละประมาณ 80,000.- บาท รายการนี้มีหักต้นทุน หรือ อาจใช้วิธีนำกำไรบางส่วนทำบุญเข้ามูลนิธิเอดส์เอลตันจอห์น ซึ่งแน่นอนครับ ต้นทุนซึ่งลาลีคฝรั่งเศสเป็นผู้สร้างนั้น ไม่ใช่ของราคาถูกๆแน่นอน แต่ถ้าถามผมว่า ช่างแก้วไทยทำได้ไหม ? ก็ตอบได้ทันทีว่า ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องถามผมคนเดียว ถามเจ้าของโรงงานแก้วชนิดไหนก็ได้ ถ้าเขาจะร่วมมือกับท่านทำงานบุญแล้วละก็ พื้นฐานความรู้ของท่านเหล่านั้น เพียงพอแน่นอนทุกท่านครับ จะติดก็ที่เจ้าของโรงงานบางแห่งเริ่มมีอายุมากแล้ว เช่นคุณสมศักดิ์ เจ้าของโรงงานแก้วเจษฏาที่ไม่มีผู้สืบทอดวิชาแก้วของท่าน ท่านจึงตัดสินใจเลิกกิจการไป ปีนี้ท่านคง 70 กว่าๆ และอีกหลายโรงงานที่มีลักษณะเช่นนี้ ส่วนโรงงานที่มีทายาทสืบทอดต่อก็ดีไปครับ

 

นอกนั้นก็เป็นแก้วคริสตัลรูปหัวใจ มีหลายสีให้เลือกครับ ดูเหมือนว่าชิ้นละประมาณ 6 หรือ 8 หมื่นบาท สีละ 999 ชิ้น ก็คูณเข้าไปครับ นำเฉพาะกำไรบางส่วน หรือจะหักต้นทุนเท่าไรก็ว่ากันไป ทำบุญทำทานเข้ามูลนิธิเอดส์ทั้งหมด

เรื่องดีๆแบบนี้ ไทยเอาอย่างได้ไม่ยาก นี่คือสิ่งที่ผมมองครับ

 

แก้วคริสตัลสีแดงเข้มแบบนี้ ซึ่งเป็นสีแดงที่หลอมค่อนข้างยาก ตั้งแต่อดีตกาลนานมากแล้วถึงปัจจุบัน นับเป็นสีที่หลอมได้ยาก และมีราคาต้นทุนสูงกว่าสีอื่นๆในอดีต ปัจจุบันอาจไม่แพงกว่าเท่าใดนัก นับเป็นสีที่น่าสะสมครับ

 

เทวดาเทพดนตรีองค์เล็กคือองค์ที่สูงประมาณ 11 นิ้ว ( รวมฐาน ) ไม่ทราบว่า เอลตันจอห์น เซ็นต์ชื่อให้ทุกองค์หรือไม่ ? และรูปหัวใจดนตรีไม่ทราบว่า เอลตันจอห์นเซ็นต์ให้ด้วยหรือไม่ ? สีอะไรบ้างที่เซ็นต์หรือไม่ได้เซ็นต์

 

ตอนแรกคาดว่า จะมีการสร้าง 3 ชิ้นเพื่อจำหน่ายหาเงินทำบุญทำทานเอดส์ มีเทพดนตรียืนสูงประมาณ 11 นิ้ว หัวใจดนตรีสีแดง และหัวใจดนตรีสีใสคาดทอง รวม 3 รายการนี้ที่ตอนแรกจะสร้างเท่านี้


ต่อมาคาดว่ามีการเพิ่มหัวใจดนตรีแก้วคริสตัลใสคาดแพลทตินั่ม เพิ่มอีกรายการ ทั้งหมดรายการละ 999 ชิ้น รวม 4 รายการ ก็ประมาณว่า รวม 4,000 ชิ้น ชิ้นละ 80,000.- บาทสำหรับเทพดนตรียืนสูงประมาณ 11 นิ้ว ส่วนหัวใจคาดว่าราคาเดียวกันหมดประมาณชิ้นละ 70,000.- บาท ดังนั้นยอดจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1,000 ชิ้นคูณด้วยชิ้นละ 70,000.- บาท เงินบริจาคทำบุญทำทานเอดส์ก็จะเพิ่มขึ้น 70 ล้านบาท

ขออนุโมทนาครับ วิธีนี้คนไทยก็ทำได้ เจ้าของโรงงานหลอมแก้วชนิดเบ้าคละสี หลอมแก้วคละสีในไทยมีประมาณ 70 - 100 กว่าโรงหลอม ท่านเหล่านี้พื้นฐานความรู้ดีมาก หากศึกษาเพิ่มเพียงเล็กน้อย และหากมีจิตใจอยากร่วมบุญคือใช้วิธีนี้หารายได้ทำบุญทำทาน สำเร็จแน่นอนครับ

 

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 

อย่างเทพดนตรีสูงประมาณ 11 นิ้ว หากคนไทยสร้างด้วยเทคนิค Lost Wax อยู่ที่เลือกใช้แก้วจีนหรือแก้วอเมริกา แต่ไม่ว่าแก้วอะไรต้นทุนก็ถูกมากครับ ขายแค่องค์ละ 18,000.- บาท ( เมืองนอกขาย 80,000.- บาท เราขาย 18,000.- บาทพอแล้วครับ ) แต่สร้างเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปน่าจะดีสำหรับไทยครับ สร้างแค่ 999 องค์ สมมุติว่าหักออกมาองค์ละ 10,000.- บาทเพื่อทำบุญ ก็จะได้เงินทำบุญไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทแล้วครับ

วัดต่างๆน่าสร้างมากที่สุดครับ หรือโรงพยาบาล หรือองค์กรอื่นใดก็สามารถทำได้ครับ

 

ตัวอย่าง อย่างองค์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หน้าตัก 5 นิ้ว ลูกน้องช่างแก้วผมคือปีเตอร์ เขาใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน ราคาขายปลีกก้อนแก้วกิโลกรัมละ 25.- บาท องค์นี้ใช้ก้อนแก้วองค์ละ 1 กิโลกรัม เมื่อบวกกับต้นทุนอื่นๆแล้ว ลูกน้องผมบอกว่า ต้นทุนองค์ละ 317.- บาท ( ขณะนั้นผมเคยเสนอว่า ควรให้โรงงานหลอมแก้วแห่งหนึ่งที่เขาขณะนั้นยินดีจะปรับปรุงคุณภาพแก้วจีนให้ดีขึ้นโดยคิดค่าปรับปรุงกิโลกรัมละ 100.- บาท ) [ ขณะนี้ไม่ทราบว่าโรงหลอมแก้วนั้นจะยังทำให้หรือไม่ ? ] หรือต่อให้ใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของอเมริกาก็จะตกราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 500.- บาท ก็จะแพงขึ้นมาไม่เกินองค์ละ 500.- บาทนี่ผมแค่ยกตัวอย่างให้ง่ายขึ้นนะครับ องค์นึงไม่ถึง 1 พันบาท

แต่ชิ้นงานประเภทและขนาดนี้คือหน้าตัก 5 นิ้ว ขายอยู่ในเมืองนอกองค์ละไม่ต่ำกว่า 70,000.- บาทครับ

 

ปีเตอร์สวมเสื้อยืด นำหลวงปู่ทิมหน้าตัก 5 นิ้วที่หล่อสำเร็จจาก 10 องค์ในแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ทนไฟ เหลือ 8 องค์มาให้ผมช่วยตรวจหาสาเหตุที่การหลอมครั้งนั้น พระยืนสูง 60 cm. ทำไมจึงล้มเหลว ซึ่งผมทราบสาเหตุแล้ว และยังไม่ต้องการเปิดเผยครับ

ปีเตอร์น่าสงสารที่ถูกหลอกให้ลาออกจากงานเดิมนาน 1 ปี นอกจากไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ ( ยกเว้นค่าเดินทางและค่าพักโรงแรมในการไปทำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ที่สระบุรีหลายวันและเดินทางไปไปกลับกลับอยุธยาที่เป็นโรงงานเซรามิค เพราะต้องไปเช่าเตาเผาเซรามิคทำงาน ให้ค่าเดินทางค่าพักแรมและค่าใช้จ่าย 1 หมื่นกว่าบาท ) ได้แค่นั้น นอกจากไม่ได้ค่าตอนแทน ยังถูกหาว่า ไม่เป็นงาน ซึ่งผมยอมรับว่า ปีเตอร์ไม่ใช่ช่างหลอมแก้ว แต่เป็นช่างแก้วฝ่ายเทคนิค Lost Wax

หมายเหตุ
เอาไว้ผมจะอธิบายครับว่า ช่างแก้วแบ่งออกเป็นกี่ช่าง และแต่ละช่างไม่รู้หมดทุกเรื่องครับ

 

ปีเตอร์กับลูกน้องของปีเตอร์ แผนกช่างแก้วเทคนิค Lost Wax Glass ของโรงงานแก้วโลตัสคริสตัล ระยอง ปีเตอร์ทำงานอยู่โลตัสคริสตัลระยองนานกว่า 10 ปี และผ่านงานโรงงานแก้วสมุทรปราการและบริษัทย่อยอีกรวม 25 ปีกว่า รวม 36 ปี

โรงงานแก้วแยกแผนก Lost Wax ออกจากการหลอมแก้วในเตาหลอมนะครับ ไม่ได้รวมกัน เพราะเตาหลอมแก้วใช้น้ำแก้วเพื่อสร้างชิ้นงานด้วยเทคนิคเป่าแก้วด้วยปอดและกดปั๊ม ส่วน Lost Wax ไม่ใช้น้ำแก้ว แต่ใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อครับ

 

ผมเองครับ ปกติไม่ค่อยถ่ายภาพตัวเอง แต่อยากอธิบายว่า การใช้โคมจานส่องที่มีแสงไฟพอดี จานสะท้อนพอดี ก็จะเห็นชิ้นงานได้ดี และจากการเห็นที่ชัดเจนเมื่อนำมาประกอบกับความรู้พื้นฐานก็จะทราบสาเหตุของการล้มเหลวในพระยืนได้ด้วย แต่ต้องประกอบกับประสบการณ์นานหลายสิบปีหรือประสบการณ์ตลอดชีวิตนะครับ

 

ศิลปินหล่อชิ้นงานแก้วชนิดกลวงด้วยเทคนิค Lost Wax Glass ทำให้ชิ้นงานใหญ่ๆขนาดชุดคุณผู้หญิงเท่ากับของจริง สูงประมาณ 160 cm. ไม่ต้องทำตันๆ กลวงๆแบบนี้ ลดเวลาการอบลดอุณหภูมิจาก 6 - 7 เดือน ลดลงมาเหลือแค่ 12 - 24 ชั่วโมงเท่านั้น และลดค่าน้ำหนักก้อนแก้วจากองค์พระยืนสูง 2 เมตรนั้น น้ำหนัก 950 กิโลกรัม สามารถลดลงมาเหลือแค่ไม่ถึง 100 กิโลกรัม ( อาจแค่ไม่กี่สิบกิโลกรัมครับ )