วิธีอธิฐานบุญ และเบิกบุญให้ได้ผล

วิธีอธิฐานบุญ และเบิกบุญให้ได้ผล โดย หลวงพ่อเกษม อาจินณสีโล
ข้อมูลทั้งหมดโดย คุณ <a href="http://www.palungjit.org/board/member.php?u=1037"target=_blank>kung</a>


หลวงพ่อท่านพบว่า เวลาคนทำทานหรือทำบุญอะไรก็ตาม จะเกิดกระแสบุญสว่างวาบรอบตัวผู้ทำบุญหรือทำทานนั้นในทันทีที่ของนั้นหลุดจากมือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ แล้วภายใน 3 วินาที ไม่เกิน 5 วินาที กระแสบุญนั้นจะรวมตัวแล้วพุ่งขึ้นไปปรากฏรออยู่บนสวรรค์

ทีนี้พอเราทำบุญหรือทำทานไปแล้วสักพักจึงค่อยมากรวดน้ำอุทิศให้ ผู้รับจึงไม่ได้รับ หรือได้รับก็น้อยมาก ๆ

ท่านจึงสอนว่า พอของที่เราจะทำบุญหลุดจากมือเราปุ๊ป ให้อธิฐานในใจทันทีเลยว่า ขอให้ทาน (หรือบุญ) นี้ จงถึงแก่.............................. ให้เจาะจงลงไปครับ ถ้าระบุว่า สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ที่มีฤทธิ์อำนาจมากจะมาอธิฐานรับเอาบุญนั้นไปหมด พวกที่อยู่ต่ำลงมา เช่น ผี,ปีศาจ,เปรต,อสุรกาย,นาค,ครุฑ,คนธรรภ์,กุมภัณฑ์,ยักษ์,เทวดาชั้นต่ำ ๆ จะไม่ได้รับ (กลุ่มนี้จะอยู่ใกล้ชิดเรามาก มีผลกระทบกับพวกเราได้ง่ายและมาก ที่เคยเป็นญาติ,นายเวรเรามาก็มาก รอรับบุญเราอยู่และรอตามอาฆาตเราอยู่ก็มาก) เราจึงควรจะอุทิศให้พวกนี้มากๆ

ทีนี้เวลาที่เราจะขอเบิกบุญที่เราได้เคยทำไว้ ท่านได้ทดสอบดูแล้ว ให้ผู้จะเบิกบุญนึกอธิฐานในใจว่า ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าเคยทำมา จงมาถึงแก่.................... ปรากฎว่า ไม่มีกระแสใดๆมาเลย ท่านเลยให้นึกใหม่ว่า

 

ขอขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับ

 

บุญกับสมบัติโลกมนุษย์คล้ายกัน สมบัติเมืองมนุษย์หาได้ไป ใช้เฉพาะ ชีวิตที่เป็นคน ตายไปเอาไปใช้ไม่ได้ แต่สมบัติทางธรรม ตายไปเอาไปใช้ได้ ยิ่งใช้เป็นจะเกิดอนิสงค์มากๆ สมบัติทางธรรมเป็นสมบัติที่จะติดตามตัวเราไปทุกแห่งหน ใช้ได้ทุกชาติภพ ขอให้เราพึงสังวร เร่งเพียรสร้างสมบัติทางธรรมกันเถิด ยิ่งสมบัติทางจิตใจแล้วยิ่งๆใหญ่กว่ามากๆ หาที่เปรียบไม่ได้เลย เราท่านมาพัฒนาจิตใจกันดีกว่าครับ พัฒนาจิตใจตนและช่วยเหลือคนอื่นๆด้วย



ขอให้ทุกท่านมีสุข พ้นทุกข์ ไม่เบียดเบียนกันและ เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป..เทอญ

 

ขอบคุณมากครับ

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณ thana เนี้ย สุดยอดเลย ความเร็วไวกว่าแสง เราเพิ่งได้ฟังไปเมื่อวันเสาร์นี้เอง สุดยอด ๆๆ

 

เรียน คุณ Thanan และทุกๆท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ครับ

ข้อความที่คุณ Thanan นำมาลงข้างต้น เป็นข้อความที่ผมพิมพ์ตอบในกระทู้

www.palungjit.org/board/showthread.php?t=8222 นี้เองครับ

แต่ที่เหมือนไปก๊อปมาเพราะผมใช้วิธีพิมพ์ใน ไมโครซอฟเวิร์ด ก่อนแล้วค่อยก๊อปมาแปะในกระทู้ตอบอีกทีหนึ่ง เพราะถ้าผมพิมพ์ตอบยาวๆในกระทู้เลย เวลากดส่ง มักจะเออเรอร์เป็นประจำ (คิดว่าเป็นที่เครื่องคอมภ์ผมเอง ) ผมไม่ทราบว่าไปโผล่ในเว็บนั้นได้อย่างไร จึงเรียนมาชี้แจงดังนี้ครับ เกรงจะเกิดการเข้าใจผิดกันไป

เรื่องของหลวงพ่อเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะสุ่มเสียงในการนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ เพราะท่านสอนให้รู้จักภพภูมิอื่นๆ และวิธีปฏิบัติกับภพภูมิอื่นๆเพื่อมิให้เกิดการกระทบกระทั่งกันและปฏิบัติต่อกันได้อย่างถูกต้องเกื้อหนุนกัน เป็นเรื่องที่คนจำนวนมากไม่เชื่อไม่รับฟัง ซึ่งจะก่อให้เกิดการโต้เถียงกันได้ง่ายและถ้าใครไม่ทราบไปปรามาสท่านเข้าผมเกรงว่าจะเป็นบาปไปเปล่าๆ

เพียงแต่ผมพิจารณาเห็นว่าก่อให้เกิดประโยชน์จริง ผมได้ลองปฏิบัติแล้วก็ได้ประโยชน์จริง จึงอยากจะเอามาเผยแพร่ให้รับทราบกัน ไปพิจารณากันเอาเอง

ขณะนี้มีลูกศิษย์หลวงพ่อได้จัดทำเว็บไซด์ขึ้น ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมศึกษาได้ครับ

www.geocities.com/watsamyaek/
www.larnwat.com/board


เรื่องการอุทิศบุญ โอนบุญ เบิกบุญ ยังมีรายละเอียดอีกเยอะครับ หากรับทราบเพียงบางส่วนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้ จึงอยากจะเรียนขอร้องท่านที่สนใจให้เข้าไปศึกษาเพิ่มเติมภายในเว็บครับ หรือจะเอา VCD ไปชมก่อนก็กีครับ

แนวทางของหลวงพ่อหากทำกันได้มากๆ ทำกันจริงๆ ผมเชื่อว่าผลดีนอกจากจะเกิดแก่ตัวบุคคลแล้ว ยังจะเกิดผลดีแก่สังคมส่วนรวมได้ด้วย

ท้ายนี้หากมีข้อผิดพลาดประการใด กระผมขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว กรรมใดที่กระผมหากได้ล่วงเกินอันใดไป ขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

ใช่ ผมไปดูแล้ว คุณ kung เขียนเอาไว้ก่อนจริง ๆ ด้วย (นี่ถ้าไม่เขียนบอกก็ไม่รู้นะเนี่ย นึกว่าคนที่เว็บนั้นเขียนเอาไว้)

งั้นข้างบนผมจะเขียนใหม่ว่า ข้อมูลทั้งหมดโดย คุณ <a href="http://www.palungjit.org/board/member.php?u=1037"target=_blank>kung</a>

 

ขอบคุณมาก.. ที่ได้รับความรู้ใหม่ แต่ปกติจะรบกวนให้ท่านพญายมราชเป็นสักขีพยาน แต่ในความคิดเห็นส่วนบุคล บุญน่าจะยังคงอยู่ที่จิตใจเราตลอดเวลา เมื่อเราระลึกถึง และอธิษฐานจิตอุทิศให้กับสิ่งใด...โดยมีสักขีพยานทุกครั้ง.

 

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำดีๆ จะลองเอาไปทำครับ คงจะช่วยได้มากเลย
[b-hi]

 

ทานชนิดใดก็ตาม เป็นปัจจัยให้ต้องเกิดอีก ทานชนิดนั้นแม้มีผลมาก ได้เกิด
ที่ดีมีความสุขอันเป็นทิพย์ แต่ทานนั้นก็ไม่มีอานิสงส์มาก เพราะไม่สามารถจะทำให้หมดจดจากกิเลสได้

 

ขอบพระคุณ คุณเว็บสโนว์ครับ

 

..ขอบคุณค่ะ สำหรับสิ่งดีดี.. จะลองเอาไปปฏิบัติดูค่ะ.

 

ขอบคุณคร้าบ

 

เรื่องการโอนบุญ , เบิกบุญ ยังสามารถพลิกแพลงประยุกต์ใช้ได้อีกหลากหลายกรณี เช่น

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o> </o>

- เวลาเจ็บข้า ไม่สบาย ให้เบิกบุญมาให้แก่นายเวรที่ก่อกวนอยู่ภายในร่างกาย ที่ทำให้เจ็บไข้ในส่วนนั้นๆ จะทำให้หายเร็วขึ้น

- เวลามีปัญหาในเรื่องการทำมาหากิน ให้เบิกบุญมาให้แก่เหล่าสัตว์ในโลกลึกลับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินนั้นๆ จะทำให้การทำมาหากินนั้นคล่องตัวขึ้น

- ฯลฯ

<o> </o>

แต่เรื่องเหล่านี้ ล.พ.ท่านมิได้สอนให้ยึดติด แต่สอนเพื่อให้ปฏิบัติให้ถูก เพื่อเกื้อหนุนแก่การดำเนินชีวิตของเราให้คล่องตัวยิ่งๆ ขึ้นไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการยกระดับจิตให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไป<o></o>

<o> </o>

ล.พ. ท่านเปรียบว่า ผู้ที่ภาวนาหรือมีบุญ จะเหมือนคนถือกล้วยหอมหวีงามๆ ผ่านดงลิง ดงนี้มีลิงเป็นล้านๆตัว เราต้องเดินไปให้ถึงปลายทางคือพระนิพพาน หากเราไม่แจกกล้วยหอม(บุญ) พวกลิง(นายเวรต่างๆและผู้ติดตามเรา)ก็จะคอยขวาง, คอยกัน, คอยดึง, คอยรั้ง มิให้ก้าวหน้า ตัวไหนดุหน่อยมันก็กัดให้เราได้รับความเดือดร้อน เราต้องแจกกล้วยไปเดินไป แจกเฉพาะพวกที่อยู่ข้างหน้าเราขวางเราอยู่ พวกที่อยู่รอบๆตัวเรา ดึงรั้งเราอยู่ เพื่อให้เปิดทางและรีบๆเดิน(ภาวนา) ให้เร็วถึงจะหลุดจากดงลิงนั้นมาได้ ถ้ามัวแต่โอ้เอ้เดินชักช้าแถมแจกกล้วยไปทั่วต่อให้มีกล้วยมากเท่าไหร่ก็ไม่พอแจก

ท่านที่มีบารมีมากๆ ท่านสามารถวิ่งฝ่าดงลิงไปได้เลยจนถึงปลายทาง พวกที่บารมีลดลงมาหน่อยถ้าทำอย่างว่าก็จะทำให้การภาวนาง่ายขึ้น ไปได้เร็วขึ้น

นี่คือหลักการคร่าวๆที่หลวงพ่อท่านสอน สื่อออกมาตามความเข้าใจของผมเองเท่าที่ได้ฟังมาจากท่านดังนั้น<o></o>

กรรมใดที่ กล่าวโดยประมาท(ซึ่งอาจมี) ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูอาจารย์ทุกท่าน และ ผู้ศึกษาทุกท่าน กระผมขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

<o> </o>

ไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องการแปลงบุญจากการทำสมาธิภาวนาครับ

แปลงบุญคืออะไร ,ทำไมต้องแปลงบุญ, และแปลงบุญเพื่ออะไร

 

เป็นประโยชน์มากๆ ขอบคุณครับ

 

การแปลงบุจากการภาวนา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

<o> </o>

ก่อนอื่นเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น จะขอแบ่งกลุ่มของดวงจิตในโลกลึกลับก่อนครับ ดังนี้<o></o>

<o> </o>

กลุ่มแรก ผี,ปีศาจ,เปรต,อสุรกาย,นาค ครุฑ,คนธรรมพ์,กุมภัณฑ์,ยักษ์,เทวดาภูมิต่ำๆ เหล่านี้ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด รับกระแสของทานได้ดี แต่ไม่สามารถรับกระแสของภาวนาและกระแสแผ่นเมตตาได้หรือรับได้น้อย หมายความว่าเวลาเราให้ทานอะไรก็ตามแล้วอุทิศให้ กลุ่มนี้จะรับได้ไวและดี แต่เวลาแผ่เมตตาให้จะรับไม่ได้ (เหมือนคนหิว เราบอกว่าขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่างนี้ไม่หายหิวไง ต้องให้ขาวไปกินถึงจะอิ่ม)<o></o>

<o> </o>

กลุ่มสอง เทวดาภูมิสูงขึ้นมา,และพรหม กลุ่มนี้รับกระแสของการภาวนาได้ดี รับกระแสเมตตาได้ดีเพราะฐานของท่านเป็นเมตตาอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยรับผลของทานเพราะบารมีท่านเยอะแล้ว<o></o>

<o> </o>

ทีนี้ พอเวลาเรานั่งสมาธิภาวนา กระแสบุจะเกิดขึ้น พวกเขาเห็นได้ แต่มารับเอาไปไม่ได้ เพราะส่วนให่เราจะนั่งสมาธิจนเสร็จจึงจะแผ่เมตตาหรือกรวดน้ำ ซึ่งกลุ่มแรกก็รับไม่ได้อีกแหละ(ดังที่อธิบายข้างต้น) ทีนี้ละ กลุ่มนี้ก็จะคอยก่อกวน คอยส่งกระแสผิดๆสู่เราตลอด ทำให้เราภาวนายาก จิตสงบยาก นั่งไม่สบาย ไม่คล่องตัว ฯลฯ เค้าทำได้เพราะอยู่ใกล้เราไง<o></o>

<o> </o>

ดังนั้นเวลาภาวนานั่งสมาธิเราต้องให้กลุ่มนี้ด้วย แต่เราจะให้เลยเขารับไม่ได้เพราะกระแสภาวนานั้นมันละเอียดเกินภูมิเขา เราจึงต้องแปลงบุก่อน นั่นคือ<o></o>

<o> </o>

เวลาก่อนจะภาวนาให้อธิฐานว่า ขณะนี้ข้าพเจ้าจะนั่งภาวนา ด้วยอานุภาพของคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จงบันดาลให้บุที่ข้าพเจ้าได้จากการภาวนานี้ จงสำเร็จเป็น อาหาร,เครื่องนุ่งห่ม,ที่อยู่อาศัย,และกระแสพลังงาน แก่เหล่า ผี,ปีศาจ ฯลฯ (กลุ่มแรกเน้นพวกที่เป็นาติและนายเวรของเราก่อนและที่เกี่ยวข้องกับเรารวมทั้งนายเวรที่ก่อกวนอยู่ในร่างกายที่ทำให้เราไม่สบายเพราะจะได้ไม่มาเบียดเบียนเราจนเมื่อคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นสบายแล้วจึงอุทิศให้กว้างออกไป) เมื่อเขาเหล่านั้นได้รับกระแสที่เราอธิฐานไป เขาจะมาอนุโมทนาอธิฐานรับเอา เกิดเป็น อาหาร,เครื่องนุ่งห่มฯลฯ ตามที่เขาต้องการ ทีนี้เขาก็จะไม่มาก่อกวนเราล่ะ แต่จะมาคอยดูแลคุ้มครองช่วยเหลือเราละ ทีนี้ให้อธิฐานต่อว่า ด้วยอานุภาพของคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จงบันดาลให้บุที่ข้าพเจ้าได้จากการภาวนานี้ จงสำเร็จเป็น กระแสพลังงานแก่เหล่าเทวดา,พรหมที่เป็นาติและนายเวรของข้าพเจ้า ทีนี้เทวดาและพรหมท่านได้รับกระแสจากเราแล้วท่านก็จะคล่องตัวขึ้นในการปฏิบัติธรรมบนสวรรค์และพรหมนั้น เมื่อนั้นท่านก็จะส่งกระแสความคล่องตัวนั้นกลับลงมาสู่เราทำให้เราภาวนาได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น ก้าวหน้าขึ้น<o></o>

(อธิฐานก่อนภาวนาเลยครับ เสร็จแล้วจะอธิฐานอีกครั้งตอนเลิกภาวนาก็ได้)<o></o>

<o> </o>

เช่นเคยครับ นี่คือที่หลวงพ่อสอน อธิบายตามความเข้าใจตามที่ผมได้รับรู้มา ดังนั้น หากไม่ถูกต้องผิดพลาดพระการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และหากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ ด้วยกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม จะด้วยความไม่รู้ ด้วยความพลั้งเผลอ ประการใดก็ตาม กระผมกราบขอขมาด้วยความเคารพ ณ ที่นี้ด้วย<o></o>

<o> </o>

เรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้นเปรียบเสมือน รสลิ้นในการทานอาหาร บางคนชอบเปรี้ยว บางคนชอบหวาน ฯลฯ ดังนั้นท่านที่ได้อ่านแล้วขอให้พิจารณา เลือกเอาให้ตรงจริตของท่าน ผมเองเป็นเพียงแค่นำเสนออีกแนวทางหนึ่งให้ท่านได้รับทราบ ท่านใดเห็นชอบอยากลองนำไปปฏิบัติ กระผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ส่วนท่านที่ไม่ชอบก็ขอให้เลือกปฏิบัติตามแนวทางให้ตรงกับจริตของท่านเถิด ธรรมทั้งหลายถ้าเป็นสัมมาธิฐิแล้ว ย่อมมุ่งตรงสู่เป้าหมายเดียวกันนั่นแล<o></o>

<o> </o>

ส่วนท่านที่สนใจแนวทางของหลวงพ่อ กรุณา ตาม link ที่ผมเคยทำไว้เข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ เพราะผมอธิบายได้เพียงคร่าวๆ เป็นคอนเซ็ปเท่านั้น <o></o>

<o> </o>

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ คุณ thanan เป็นอย่างสูงครับ ที่เป็นผู้ตั้งกระทู้นี้ตั้งแต่ต้น เป็นผู้จุดประกายให้ผมมาสานต่อ ดังนั้นคุณความดีทั้งหลายที่อาจมีเกิดขึ้นจึงควรเป็นของคุณ thanan ทั้งสิ้นครับ<o></o>

<o> </o>

ขอให้ทุกท่านเจริในธรรม