วิธีแก้กรรม!!!ของคนเคยทำแท้ง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kanokkan_b, 2 สิงหาคม 2006.

  1. kanokkan_b

    kanokkan_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +198
    เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร

    ถาม - เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร เพราะรู้สึกไม่สบายใจมาก และชีวิตมีแต่เรื่องยุ่งๆ

    ตอบ - ก็ไม่ยุ่งได้ยังไงล่ะครับ ก็คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปแล้วนี่


    ย้ำกันให้ชัดๆนะครับว่า คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคน!!!
    จะมายกแม่น้ำทั้ง 5 หรือทั่วโลกมาอ้างน่ะ ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ จะอ้างว่า ตอนนั้นเรียนอยู่ ถ้าท้องก็ไม่ได้เรียน หรือถ้าพ่อแม่รู้ ว่าท้อง โดนตีตายเลย หรือจะอ้างว่าฐานะยังไม่ดี ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ก็อ้างกันสารพัดครับ แต่พูดกันเลยว่า ไม่พร้อมที่จะท้องหรือมีเด็ก แล้วทำไมพร้อมที่จะ "ร่วมรัก" กันล่ะ เอากันแล้ว สนุกกันฝ่ายเดียว แล้วไปฆ่าคนอื่นน่ะ เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ?
    สำหรับผลที่คุณจะได้รับจากการที่คุณ "ทำแท้ง" นั้นมีผลกับตัวคุณมาก ๆ ครับ ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ มีความไม่สบายใจ
    ติดตัวไปตลอดชีวิต (ก็แน่ล่ะคุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนนี่) ทำงานทำการอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ โชคไม่ดี โชคลาภไม่มี เพื่อนฝูง คนรอบ
    ข้างเหม็นหน้า ไม่ค่อยรักไม่ค่อยเมตตา มีอุบัติเหตุบ่อย ๆ ปวดหัว ไม่สบายโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยครั้ง จิตผวา เห็นเงาตะคุ่มๆ
    บ่อยๆ ได้ยินเสียงหวีดหวิว หรือเสียงคนเรียกโดยไม่เห็นตัวบ่อย ฝันร้าย และอะไรๆที่ไม่ดีๆน่ะ เกิดขึ้นกับคุณเป็นประจำ

    เอาเถอะเมื่อมันเกิดมาแล้ว เรามาคุยกันเรื่องการแก้ไขกันดีกว่า
    ก่อนอื่น เรามาคุยกันก่อนว่า ทำไมการทำแท้งจึงเป็นเรื่องบาปมหันต์
    ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่จะเกิดเป็น "คน" นั้น มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน?
    บางวิญญาณนั้น ตั้งหน้าตั้งใจรอเพื่อที่จะเกิดมา เพราะการเป็นมนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์
    เพราะ "มนุษย์" เท่านั้น ที่สามารถจะสร้างบารมีสูงสุดที่สุดในโลก

    สามารถบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้ดูอย่าง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ยังต้องประสูติ (เกิด) มาเป็นมนุษย์ มาบำเพ็ญเพียรก่อน ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เห็นมั้ยครับ เป็นวิญญาณไม่ว่าจะเป็นเทพ เป็นพรหมสูงขนาดไหน ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ (ในช่วงพุทธกาลนี้) ต้องมาเกิด
    เป็นมนุษย์เท่านั้น เพราะฉะนั้นการเกิดเป็นมนุษย์จึงเป็นการเกิดที่ยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อเกิดมาแล้ว สามารถสร้างบารมี สร้างกุศลได้มหาศาล
    สร้างได้ไม่มีเวลา ไม่มีกำหนด สร้างได้ไม่มีขีดว่าจะต้องมากน้อยแค่ไหน ?
    วิญญาณทำไม่ได้ครับ ? วิญญาณจะใส่บาตรได้ก็ต้องรอจังหวะเหมาะ ๆ รอพระสุปฏิปันโนดีผ่านมา แต่คนเรานึกจะใส่บาตรวันไหนก็ได้ พระมีออกเกลื่อนเมือง วิญญาณทำสังฆทานก็ไม่ได้
    วิญญาณบริจาคเลือดเพื่อสร้างกุศลก็ไม่ได้ (ก็ไม่มีเลือดนี่ครับ)
    วิญญาณปฏิบัติสมาธิได้ระดับหนึ่งเท่านั้น สูงสุดก็ไม่ได้ เพราะการเจริญวิปัสสนา กรรมฐาน ต้องมีการพิจารณาการ
    เกิดดับของร่างกาย มีเกิดแก่เจ็บตาย ต้องมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ เพราะมีสังขาร แต่วิญญาณไม่มี เลยไม่รู้จะไปปลงอสุภะ ปลงสังขาร
    ยังไง บางวิญญาณน่ะต้องมาใช้ "กรรม" ในชาตินี้ (ที่เกิด) เพราะฉะนั้น เมื่อ (จะ) มาเกิดวิญญาณเค้าอาจเตรียมตัวมาใช้
    กรรมแล้ว จะได้ทยอยใช้ให้หมดไปทีละนิด หรือมากๆได้
    นี่แค่เบื้องต้นนะครับ เห็นมั้ยครับว่าการเกิดมนุษย์นั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน?
    แล้วจู่ๆ คุณก็มา "ฆ่า" เค้าด้วยตัวคุณเอง (หรือด้วยมือหมอทำแท้ง)
    คุณตัดอนาคตในการทำบุญของเค้าหมด คุณตัดการชดใช้ "กรรม" ของเค้า คุณไม่ให้โอกาสเค้าสร้างฐานะเพื่ออนาคต
    ของเค้าด้วย คุณอาจจะไม่ให้โอกาสเค้าสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และที่สำคัญ เกิดลูกคุณเป็นผู้ชายล่ะ เค้าอาจจะบวชเรียนเป็นพระภิกษุ สร้างสรรค์สังคมให้ดี ๆ อาจจะสำเร็จเป็นอรหันต์
    ทีนี้คุณอาจจะเถียงว่า ถ้าคนที่ (จะ) เกิดมา จะเป็นคนไม่ดีล่ะ
    อันนี้ตอบได้เลยว่า ถ้าคุณเลี้ยงเค้าให้ดี เค้าก็ดีได้ครับ (เป็นการเถียงแบบเข้าข้างตัวเองมากกว่าครับ)
    เห็นมั้ยครับ ? เหตุผลแค่นี้เพียงพอกับการที่วิญญาณเค้าจะโกรธ จะแค้น จะโมโห จะอาฆาตคุณหรือเปล่า ? ที่ตัดทุก
    สิ่งทุกอย่างที่เค้าควรจะได้
    เป็นคุณเอง ถ้าโดน "ฆ่า" ก่อนที่จะได้เกิด คุณจะรูสึกอย่างไร ?
    บางคนอาจจะเถียงว่า เพียงเดือนสองเดือนยังไม่เป็นตัวหรอก?
    ในทางศาสนาพุทธ ถือว่าการมีชีวิตนั้น นับตั้งแต่วันแรกที่ไข่ของฝ่ายหญิง ได้รับการผสมเชื้อจากอสุจิของผู้ชาย ตรงนี้
    แหละครับที่ถือว่า ได้กำเนิดเป็นชีวิตแล้ว (ปฏิสนธิ)
    ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยครับว่า ทำไมวิญญาณเค้าถึงโกรธคุณมาก
    ถึงคุณจะทำบุญทำกุศลมากมายขนาดไหน ทำสังฆทานกี่ร้อยกระป๋อง หรือทำบุญยิ่งใหญ่ขนาดไหน เค้าไม่สนใจหรอก
    ครับ คุณเป็นคน "ฆ่า" เค้าแล้ว แล้วมานั่งทำบุญให้น่ะ มันคนละเรื่องกัน
    ตบ (ฆ่า) หัวแล้วลูบหลัง แบบนี้ มันถูกมันควรมั้ย ?
    เป็นคุณล่ะ คุณถูกใคร "ฆ่า" แล้วเค้ามาเคาะฝาโลงโป๊ก ๆ บอกว่า เฮ้ย! มารับของที่ฉันทำบุญไปให้นะ คุณจะชื่นชม
    หรืออภัยให้มั้ย?
    (ตรงนี้ สอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะครับ)


    เอาเถอะ ด่าคุณไปแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ให้ (ผมก็เป็นซะอย่างนี้)
    ข้อแรกเลย คุณต้องตั้งใจให้มั่น ตั้งสัจจะเอาไว้เลยว่าต่อแต่นี้ไป จะตั้งใจทำบุญทำกุศลให้มาก ๆ เพื่ออุทิศให้เค้า และ
    การทำบุญทำกุศลที่ได้ผลมาก ๆ เช่น นั่งกรรมฐาน ถือศีล 5 ในวันปกติ และถือศีลอุโบสถ(ศีล8) ในวันพระ นอกจากการปฏิบัติ (ที่ถือว่าได้บุญมากที่สุด) แล้ว คุณต้องทำบุญทำกุศลทุกรูปแบบ จะใส่บาตร ก็ต้องใส่สม่ำเสมอ ทุกอาทิตย์ ทุกวันได้ยิ่งดี ทำสังฆทานให้มาก ๆ ถี่ ๆ
    ให้เค้าเห็นถึงความตั้งใจจริงว่าคุณตั้งใจจริง ไม่ใช่ "ฆ่า" แล้วก็ทำเล่น ๆ สักแต่ว่าทำไปเท่านั้น ทำให้ถี่ ๆ ครับ ทำมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ
    อีกอย่างนึง ถ้าคุณทำบุญกับกุศลที่เกี่ยวกับเด็กได้ก็ยิ่งดี เช่น ทำบุญกับมูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็กยากจน สนับสนุน
    การศึกษาให้เด็กฯลฯ และอีกข้อนึง ขณะนี้คุณเป็นจำเลย ลูกคุณที่คุณ "ฆ่า" เป็นโจทก์ คนเรานี่เวลาโกรธกัน พูดกันยากครับ "เคลียร์" กันลำบาก
    ครับ เค้าก็โกรธคุณอยู่ คุณทำอย่างไรเค้าก็ไม่ฟัง ไม่สนใจหรอกครับ
    คุณต้องหา "ใครสักคน" ที่วิญญาณเค้าเกรงอกเกรงใจ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
    ส่วนใหญ่วิญญาณเค้าจะเกรงใจผู้ปฏิบัติครับ ก็หมายความไปถึงพระ (ที่เป็นพระ) ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี มีปฏิปทาที่สะอาด บริสุทธิ์
    หรืออาจจะหาฆราวาสผู้ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี ก็ได้ครับ
    แต่ไม่ว่าจะเป็นพระดี ฆราวาสดีนั้น หาไม่ง่ายหรอกครับร้อยคน มีสักคนก็หาแทบไม่ได้แล้ว ต้องหากันเองล่ะครับ
    แต่เตือนไว้อย่างนึงว่า การหาพระดี คนดีนั้น อย่าหาเพราะมีคนบอกว่าดี อย่าหาเพราะมีการโฆษณาจากทุกสื่อ แต่ขอให้ดูการวางตัว การปฏิบัติตัว การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน
    และดูการถือศีล การปฏิบัติด้วย มีศีลมากก็บริสุทธิ์มาก
    ปฏิบัติ (สมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน) มาก ก็จิตดีมาก
    เมื่อเจอแล้ว กราบท่าน ขอร้องให้ท่านช่วย เป็นสื่อกลางให้ ไม่มีปัญหาครับ วิญญาณเค้าเกรงใจบุคคลประเภทนี้มากครับ
    อยู่ที่ว่าท่านจะเมตตาหรือไม่เท่านั้น
    เพราะบางท่านอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งเป็นพระท่านอาจจะบอกว่า เป็นเรื่องโลกีย์วิสัย เป็นเรื่องของทางโลกที่ท่าน
    ไม่ควรยุ่งเกี่ยว แต่เชื่อเถอะครับ ไปกราบท่านบ่อย ๆ (อาศัยลูกตื๊อ) ท่านช่วยแน่นอน เพราะจิตท่านดีอยู่แล้ว ท่านเหล่านี้มี "เมตตา"
    เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
    สำคัญอยู่ที่ว่า อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกล่ะ

    อโณทัย เขตต์บรรพต
    http://www.extrasoul.com/old3.html

     
  2. suvicht

    suvicht เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +312
    สาธุ
     
  3. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ก็ไม่เสมอไปครับ เหมือนทุกคดีย่อมมีโจทย์มีคดีและมีจำเลย

    วิธีที่น่าจะดีคือการพยายามสร้างบุญบารมีและอุทิศส่วนกุศลให้กับเด็กที่ถูกทำแท้งไปโดยขอให้เขาอโหสิกรรมให้เรา อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย

    ทีนี้ขึ้นอยู่กับโจทย์ซึ่งก็คือเด็ก ว่าจะยอมความให้คุณมั้ย อาจจะยอมในทันทีคือไม่ถือโทษโกรธคุณซึ่งเป็นจำเลย หรืออาจจะต้องชดใช้การสมน้ำสมเนื้อหน่อย และแน่นอนว่า ไม่ว่าโจทย์จะยอมอโหสิหรือไม่ หากคุณมุ่งสร้างบุญบารมี(ยิ่งได้สะสมบารมีด้วยกรรมฐานแล้ว)ก็ยิ่งเป็นการห่างไกลจากกรรมนั้นมากยิ่งขึ้น

    ดังนั้น ขึ้นอยู่กับสองสิ่งคือ โจทย์จะยอมอโหสิกรรมให้คุณในทันทีหรือต้องชดเชยกันหน่อย
    และขึ้นอยู่กับการสั่งสมบารมีและการอุทิศส่วนกุศลของคุณด้วย



    บางรายหญิงที่ทำแท้งเพราะมีความจำเป็น(จำเป็นที่ว่าคือ การสงเคราะห์ใครบางคนแล้วเกิดเพลิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ไม่ใช่ท้องเพราะอยากสนุกหรืออยากลอง )และมีใจที่มีเมตตา แต่เด็กไม่ยอมอโหสิกรรมให้เด็ดขาด เด็กเลยโดนกิเลสคือความโกรธเล่นงานซะเอง เป็นงั้นไปซะอีก


    ร่ายซะยาว สรุปคือ ทำบุญให้ทานกับผู้ที่ควรให้ การสั่งสมบารมีโดยเฉพาะทำกรรมฐาน การมีพรหมณ์วิหาร4(เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา) การอุทิศส่วนกุศลและขออโหสิกรรม นั่นแหละ แหม




    (บางราย มีครบเลยแถมเมตตาจิตสูงซะด้วย รวมทั้งที่ท้องที่แท้งเพราะมีเหตุจำเป็น แต่เจ้าทุกข์คือเด็กไม่ยอมอโหสิให้ พระพุทธเจ้าท่านเจรจาต่อลองให้เองเลยด้วยซ้ำ เพราะพระองค์ท่านเห็นดวงจิตของหญิงที่ทำแท้งคนนั้น นี่พูดถึงบางรายนะ)
     
  4. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ ที่ได้แนะนำเรื่องดีๆ ให้อ่านกัน ผมก็เคยมีคนรู้จักกัน มีอะไรกับแฟนแล้วไม่ป้องกันท้องขึ้นมาก็หาวิธิทำแท้งสารพัดจนล่วงเลยมาถึง 5 เดือนกว่าก็ไปหาหมอเถื่อนทำแท้ง ตั้ง 5 เดือนแล้วนะยังทำได้ เหตุที่ทำเพราะกลัวพ่อแม่รู้ และตัวเองก็โกหกพ่อแม่เสมอว่าไปนอนบ้านเพื่อนแต่ที่ไหนไปอยู่กับแฟน ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรก็ได้โดยไม่นึกถึงใคร นอกจากตัวเองจริงๆ รู้ว่าบาปแต่ก็ทำ กลัวขายหน้ามากกว่ากลัวนรก แม้ปัจจุบันก็ยังทำพฤติกรรมแบบเดิมๆ คือมีอะไรกับแฟนคนใหม่ๆ แล้วไม่ป้องกัน น่าสังเวชนัก
     
  5. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +1,413
    กรรมนี้เป็นกรมหนักมาก ลองทำดังนี้

    1. สำนึกผิดบาปต่อพระพุทธรูป
    2. กินเจตลอดชีวิต ทำบุญตลอดชีวิต
    3. ปล่อยนกปล่อยปลา, สารพัดสัตว์
    4. ขอยกผลบุญทั้งหมดให้เจ้ากรมนายเวร จวบจนสิ้นกรรม



    กรรมหนักทุกตัว ถ้ารู้สำนึกแล้วให้รีบกลับใจ แล้วไถ่บาปตลอดชีพ
    จะเห็นกรรมค่อยๆ เบาลงเป็นลำดับ จนหลุดพ้นได้ เจ้ากรมนายเวร
    จะเลิกอาฆาตในที่สุดได้ ให้รีบทำก่อนตายแล้วกรรมส่งไปชาติต่อๆ ไป
     
  6. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>อนุโมทนาค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การทำแท้งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เด็กที่อยู่ในท้อง เขามีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก มีอารมณ์เป็นของตนเอง ถ้าใครเคยดูสารคดีที่เขาถ่ายเด็กในท้องแม่จะรู้ว่าจริง ยิ่งคนที่เป็นแม่ ท้องเอง จะยิ่งรู้ อายุครรภ์สัก 5-6 เดือน เด็กจะเริ่มโต้ตอบสัมผัสที่ส่งผ่านท้องป่องๆของแม่ได้ ยิ่งแม่ไม่สบาย เสียใจ กลุ้มใจ หรือดีใจ เด็กก็รู้และกระทบไปด้วย เขามาอยู่ก็ด้วยความหวังว่าจะได้เกิด แล้วมาโดนสกัดดาวรุ่งหมดโอกาสที่รอมานานย่อมต้องผิดหวังแล้วแปรเป็นความโกรธแค้นในที่สุด เรื่องแบบนี้ป้องกันได้ควรป้องกัน ดีที่สุดคืออย่าให้เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเลยเถิดจนทำแท้งไปเรียบร้อยแล้ว ก็รีบๆขอขมาเขาเสีย ส่งบุญส่งกุศลไปให้เขาด้วยความสำนึกในบาปที่ได้กระทำลงไปเพื่อให้เขาอโหสิ อาจต้องใช้เวลาบ้างแต่ถ้าตั้งใจจริงและตั้งมั่นในสำนึกแห่งความรู้ผิดชอบชั่วดี สักวันคงได้รับการอภัย<o:p></o:p>
    </o:p>
     
  7. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,442
    <TABLE class=boxcenter cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=center>
    เรื่อง ทำแท้ง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เรื่องมีอยู่ว่า มีหญิงคนหนึ่งผิวขาว ร่างท้วม หน้าตาอิ่มเอิบ อายุ 42 ปี เธอตาย เจ้าหน้าที่พาไปสำนักพระยายม เรื่องนี้เป็นนิมิตลอยมาให้เห็นไม่ใช่ทิพยจักขุญาณ คือเมื่อเวลา 18 นาฬิกา วันนี้นอนภาวนาตามปกติ อารมณ์เคลิ้มเห็นภาพนี้ที่สำนักพระยายม มีหญิงคนหนึ่ง เด็กเล็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้เล็กมาก มีสภาพนอน พระยายมท่านถามหญิงคนนั้นว่า แม่หนู เธอทำแท้งหรือ เธอรับว่าใช่เจ้าค่ะ ท่านถามว่า เมื่อทำแล้ว หลังจากนั้นทำบุญอะไรบ้าง เธอบอกว่า ที่จำได้ดีเพราะทำเป็นประจำก็คือ บูชาพระ ว่านะโม 3 จบ
    พุทธัง ธัมมัง สังฆัง และสวดอิติปิโส ภควา แล้วกรวดน้ำอุทิศให้ลูกที่ทำแท้ง ขออย่าจองเวรจองกรรมเลย เมื่อถึงปีก็เป็นเจ้าภาพบวชพระทุกปี อุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง เธอพูดได้ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนรายอื่น ๆ ที่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง และมีมากรายไม่พูดเลย พระยายมท่านบอกว่า บุญเธอมีมาก และเด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ เธอไปรับผลความดีก่อน คือไปสวรรค์
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อเธอปลอดโทษแล้ว ผลบุญก็ตอบสนองเธอ คือมีรูปสวยทันที เครื่องแต่งกายสวยมาก แพรวพราวเป็นระยับ ในนิมิตว่า มีโอกาสคุยกับเธอถึงความเป็นมาต่าง ๆ เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่ออายุ 17 ปี พี่สาวแต่งงานได้สองปี คลอดบุตร กำลังอยู่ไฟ พี่เขยเธอเข้าห้องผิด ไปเข้าห้องเธอเข้า เธอเห็นใจพี่เขย ขณะที่พี่สาวกำลังอยู่ไฟ พี่เขยคงเปลี่ยวใจ จึงอนุญาตให้เข้าห้องผิดได้เป็นประจำ เวลาผ่านไป 6 เดือนเศษ ผลของการเปิดห้องให้พี่เขย เลยเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้สองเดือน เมื่อเห็นท่าเรื่องจะบานปลาย จึงร่วมมือกับพี่เขย หายาขับเลือดอย่างแรง มีความร้อนสูง กินยานั้นเข้าไปสองครั้ง เด็กเลยไหลออกมา แต่เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดกันว่าคนทำแท้งนั้นบาปมาก เพราะฆ่าเด็กในครรภ์ จึงตั้งใจบูชาพระทุกวัน สวดมนต์ เมื่อจบแล้วก็นั่งหลับตานึกถึงลูกที่ตาย ขอให้มารับส่วนบุญและไม่จองเวร อ้อนวอนขอให้พระพุทธเจ้าช่วย ทำอย่างนี้เป็นปกติทุกวัน เมื่อถึงฤดูกาลบวชพระ ก็เป็นเจ้าภาพบวชพระให้ปีละองค์ทุกปี อุทิศให้ลูก ต่อมาอายุ 42 ปี 3 เดือน เธอป่วยด้วยโรคทางเดินอาหาร เธอนึกถึงพระพุทธรูปที่เคยบูชา นึกถึงการใส่บาตร นึกถึงบวชพระ แล้วแต่จังหวะไหนจะนึกอะไรได้ ที่มั่นใจจริง ๆ คือพระพุทธรูปที่บูชา และภาพพระที่บวช เมื่อตอนตาย มีคน 4 คนไปรับ ตอนนั้นเห็นพระพุทธรูปที่เคยบูชาลอยมา องค์ใหญ่กว่าที่เคยบูชา พระพุทธรูปท่านพูดว่า พาเขาไปเถอะ ฉันไปด้วย แล้วท่านก็ลอยนำหน้าไป เมื่อถึงพระยายม ท่านก็ยังลอยอยู่ตลอดเวลาการสอบสวน เมื่อพระยายมสอนสวนเสร็จ ภาพพระพุทธรูปจึงหายไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อถามเธอว่า เธอจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน เทวดาที่เรียกว่าเทวทูต ที่จะนำเธอไปส่ง ท่านตอบแทนเธอว่า ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครับ แล้วท่านก็พาเธอไป ผู้เขียนสะดุ้งตื่นพอดี จบเรื่องเพียงเท่านี้ วันนี้ขอหยุดเท่านี้เพราะปวดพุง


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    เมื่อมีการทำกุศลอยู่บ่อยๆจนจิตติดในกุศลในที่สุดจึงได้ไปเสวยบุญก่อน ที่หลวงพ่อท่านกล่าวถือว่ามีเหตุผล และเป็นข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ
     
  9. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,518
    ค่าพลัง:
    +27,187
    1. ถวายสังฆทาน อุทิศให้โดยเฉพาะ
    2. เป็นเจ้าภาพบวชเณร อุทิศให้โดยเฉพาะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...