วิธีแก้ "วิชาและอาถรรพ์" โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

อนุโมธนาบุญ จร้า ^^

 

โมทนาสาธุบุญ


ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา

 

อนุโมธนาาาาาด้วยคนครับ

 

รบกวนคุณชนะ จขก. หน่อยนะคะ กิ๊กอ่านแล้วรู้สึกสนใจมากๆ อยากอ่านเรื่องราวอื่นๆอีกนะคะ มันอยากรู้มากๆ ไม่ทราบว่าหลวงพ่อท่านดลใจรึเปล่า เพราะตอนนี้ความรู้กิ๊กยังน้อยอ่านหนังสือหลวงพ่อยังน้อยค่ะ พออ่านข้อความนี้แล้วอยากได้ความรู้เพิ่มเติม ไม่ทราบว่าเรื่องนี้อยู่ในหนังสือเล่มไหนค่ะ?ตอนไหนค่ะ? รบกวนหน่อยนะคะ ถ้าได้ชื่อหนังสือแล้วจะรีบไปหาซื้อมาอ่านเลยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ:z10

 

อยากทราบว่า ถวายขนมปังแก้อวิชชา ทำได้เฉพาะที่วัดท่าซุงเหรอคับ ทำที่วัดอื่นได้ไหมครับ ??
ขอบคุณคับ

 

ว้า!อดเลย กิ๊กมีเล่มสีเงินเล่มเดียวเปิดดูก็ไม่มีเนื้อเรื่องนี้ นี่กิ๊กก็โทรไปหาพี่ที่อุทัยให้ไปดูที่วัดท่าซุงให้ สรุปว่าไม่มีจำหน่ายเหรอค่ะ เสียดายจังT-T

 

ภาพทีท่านเจ้าของกระทู้นำมานี่ ผมว่าไม่น่าจะใช่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ นะครับ เพราะท่านประจำอยู่ทิศเหนือ ท่านถือพลอง (กระบองยาว)

แต่ในรูปที่อ้างจากเวปหนึ่งนั้น เป็นลักษณะของตะบองสั้น ซึ่งเป็นอาวุธประจำของ ท่านท่านวิรุฬหก ซึ่งประจำอยู่ทางทิศใต้

 

ผมแนะนำว่า ลองกลับไปอ่านในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ดู นะครับ ตอนที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านขอพบกับ ท่านท้าวมหาราช ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด ท่านจะขอพบ ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นกรณีพิเศษ

หลังจากนั้น พอตอนดึก พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านก็ได้พบ ท่านท้าวเวสสุวัณ ถือ พลองเดินมาครับ พอพบเสร็จ ก่อนที่ท่านท้าวมหาราชจะกลับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ขอบิณฑบาตร ผักบุ้งต้มกับน้ำปลา ไว้ด้วยครับ

เรื่องตรงนี้ ยืนยันพิสูจน์ได้ครับ

ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมพอฟังจากเทป หรือ อ่านจากหนังสือที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้กรุณาบันทึก และ เขียนไว้ ทำไมมันถึงต่างจาก รูปปั้นที่วัดเหมือนกันครับ

 

ตอน พิสูจน์ด้วยการเชิญพบ จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน


".......เมื่อถึงเวลา 2 น. ตรง ฉันก็คลายออกมาสู่อุปจารสมาธิเป็นอารมณ์ที่พอจะเห็นนิมิตได้ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 2 นาฬิกาเพียงเป๋งแรก ทั้ง ๆ ที่หลับตาก็มองเห็นชายคนหนึ่งนุ่งผ้าขาวห่มผ้าสไบเฉียงขาว ถือไม้พลองยาวแค่หัว เดินลิ่ว ๆ มาทางทิศเหนือ แกเดินเร็วเหลือเกิน ไม่ถึงนาทีมาถึงที่ฉันอยู่แล้ว ใจฉันบอกเลยว่าท่านผู้นี้คือท่านท้าวเวสสุวัณ ดูท่านแล้ว ท่านมายืนห่างจากฉันสัก 2 วา ท่านไม่มีเขี้ยว หน้าตาท่านสวย ผิวสวย ทรงงามมาก ไม่สวยตื้อต้าอย่างฉัน หัวท่านไม่ล้าน ความจริงตอนที่ฉันเห็นท่านวาระแรกหัวฉันไม่ล้าน แต่มีผมสั้นมากเพราะถูกโกน ดูท่านสักครู่ ท่านยืนเฉยไม่พูดอะไรเลย ชักนึกกลัวตะบองท่าน จึงออกปากเชิญ ท่านกลับบอกว่าขอบใจท่านอาจารย์ อาตมาขอชมบารมีเท่านี้ เชิญท่านกลับได้ ท่านยิ้มแล้วพูดว่า เมื่อท่านอยากเห็นผม ผมมาให้ท่านเห็นแล้ว ท่านกลัวผมทำไม ท่านแอบรู้ใจเสียนี่ พวกเทวดานี่แย่มาก รู้แม้การนึก เมื่อเห็น........"

http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=66


ตรงนี้หละครับ ที่ผมสงสัย เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านใช้คำว่า ไม้พลองยาวแค่หัว ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นตามรูปที่ท่าน จขกท. นำมาลงจริง(จากเวปหนึ่งข้างต้น ไม่ใช่รูปที่วัดท่าซุง) มันเป็นแค่ ตะบองสั้น ซึ่งยาวไม่ถึงหัว (ตามรูปจากที่วัดท่าซุงจะเปรียบเทียบได้ชัดเจน ก็เห็น ๆ กันอยู่)


ผมยังนึกไปถึง ไม้พลอง ที่เด็ก ๆ ใช้เรียนในวิชาลูกเสือ นั่นมันก็ยาวนะครับ เขาถึงเรียกไม้พลอง และความยาวของมันก็ถึงศรีษะเสียด้วยสิครับ ตรงตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านบันทึกไว้ในเทปเหมือนกันครับ


ผมเลยสงสัยว่า ตกลงอย่างไหนถูกกันแน่ครับ

 

รูปนี้ โดยส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าจะเรียกว่า ไม้พลองนะครับ เพราะหน้าตาไม่เหมือนกับ ไม้พลองที่ลูกเสือเรียนกันเลย

ผมไม่ได้บอกว่า เวปที่ท่านอ้างอิงผิดนะครับ ตรงนี้เราคุยกันแค่ความถูกต้องของข้อมูลนะครับ เพราะผมสงสัยมานานแล้วอย่างที่บอกไปครับ


เมื่อลองตรวจทานกับ พจนานุกรม ของ ราชบัณฑิตยสถาน พบว่า

<TABLE><TBODY><TR><TD>พลอง ๒</TD><TD>[พฺลอง] น. เรียกไม้ใช้เป็นอาวุธยาวประมาณ ๔ ศอกว่า ไม้พลอง</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE><TBODY><TR><TD>ตะบอง</TD><TD>


น. ไม้สําหรับถือ ใช้ตี โดยมากมีรูปกลม (เหมือนรูปนี้ไหม),


ที่มีขนาดยาวประมาณ ๔ ศอก

</TD></TR><TR><TD></TD><TD>เรียกว่า ตะบองยาว

ที่มีขนาดยาวประมาณ ๑ ศอก เรียกว่า ตะบองสั้น,

ที่มา :พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
http://rirs3.royin.go.th/dictionary.asp

</TD></TR><TR><TD></TD><TD>กระบอง หรือ ตระบอง ก็ว่า.</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ด้วยมีหลายท่านได้สอบถามมาเรื่องการแก้อาถรรพ์ ว่าทำที่อื่นได้หรือไม่
ขอเรียนให้ทราบว่าต้องมาทำที่วัดท่าซุงครับ ที่ผมยกมาให้อ่านอีกครั้ง
น่าจะชัดเจนนะครับ เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ถามท่านท้าวเวสสุวรรณ
ว่า ทำที่อื่นไม่ได้หรือ ท่านก็บอกว่าเวลาเขาทำคุณไสย เขามาทำที่วัด
และหลวงพ่อก็กล่าวว่าเวลาวัดมีงานพวกนี้เขาก็มาที่วัดและมาทำคุณไสยและ
อาถรรพ์ต่างๆ เป็นประจำ ถ้าไม่ใช่ลูกหลานหลวงพ่อก็คงไม่เป็นไรครับไม่ต้องไปแก้อะไร
เพราะคนทำเขาเจาะจงที่หลวงพ่อและลูกหลาน ถ้าใครมั่นใจว่าเป็นลูกหลานหลวงพ่อ
และกำลังแย่ หากินฝืดเคืองหรือเจ็บป่วยก็ลองมาทำดู

ผมก็คงไม่รับประกันว่าเมื่อคุณมาทำแล้วอะไรจะดีขึ้น เพราะแต่ละคนก็มีวิบากกรรมไม่เหมือนกัน
ถ้าเป็นช่วงอกุศลกรรมให้ผลก็แก้ยากครับ เราต้องยอมรับในเรื่องกฏของกรรมก่อน
เหมือนคนป่วยมีคนเขาบอกว่ามียาดีเขากินกันหายหลายคนแล้ว เป็นโรคเดียวกันและยาก็กินเหมือนกัน
แต่บางคนก็หาย บางคนก็ไม่หาย ที่โบราณท่านกล่าวว่า ลางเนื้อชอบลางยา สรุปก็คือเป็นเรื่องของกรรม
ถ้าท่านช่วยได้ก็ดีไป ถ้าไม่ได้หรือไม่มีผลก็ต้องทำใจ ไม่ใช่ไปทำแล้วไม่มีผลอาจจะไปคิดปรามาส
แบบนี้ไม่ต้องไปทำจะดีกว่าครับ เพราะคุณขาดทุนแน่นอน
และเวลาไปทำแล้วก็ทำให้ถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึงวัดอื่นโบสถ์อื่นเลยครับ แค่วางที่วัดท่าซุงก็ต้องให้ถูกที่
คือหน้าโบสถ์ ไม่ใช่ข้างโบสถ์และควรทำด้วยความศรัทธาและตั้งใจจริง ให้จิตนึกถึงท่านท้าวเวสสุวรรณ
และเทวดาทุกองค์ที่ปกปักรักษาที่วัดท่าซุง ถ้าทำแบบลองๆ ผลก็คงออกมาแบบลองๆ
ถ้าสงสัยอย่างไรลองอ่านบทความในกระทู้ทบทวนให้ละเอียดอีกครั้งครับ


จากคำเขียนบอกเล่าของท่านหลวงพ่อ บอกว่า เขาทำให้หลวงพ่อตาย และ ของนั้นมันอยู่ในวัดท่าซุง เปรียบกับกองไฟที่ติดอยู่ในวัดท่าซุง ย่อมมีประกายอันร้อนแรง กระจายอยู่ หากจะแก้อาถรรพ์ต้องมาทำที่วัดท่าซุงเท่านั้น ซึงจากความนี้ น่าจะเป็นสาธาระณะประโยชน์แก่วัดทั้งหลายทั่วประเทศ หากวัดใด มีเหตุการณ์ หรือ ต้องอาถรรพ์เวทย์ ไสยดำ เห็นว่าน่าจะใช้การแก้อาถรรพ์อย่างเดียวกันได้ เพราะเราก็เป็นลูกหลาน หรือผู้เคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อด้วยกันทั้งนั้น มี พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน มีท่านปู่เวสสุวรรณองค์เดีนยวกัน วัดก็เป็นของพระศาสนา ในพระศาสดาองค์เดียวกัน แต่เป็นคนละวัด คนละสถานที่เท่านั้นนะครับ หากเหตุนี้จะเป็นประโยชย์แก่ สัตว์ทั้งหลาย ก็ขอผู้มีมโนมยิทธิ ที่ทรงความดีเข้ามาตอบให้ความกระจ่างเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เหล่าพุทธบริษัทด้วยเทอญ

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
----------------------
ธรรมะ คือ ธรรมชาติ

 

ถ้ายืนยันตามรูป ที่วัดท่าซุง ท้าวเวสสุวรรณถือกระบองสั้น ตามภาพ

สมมุติฐานตามความจริงของผู้สงสัย แล้วถ้าติดป้ายผิด





เพียงแค่อ่านบทความ ที่เรื่องการแก้อาถรรพ์ ชอบอยากจะไปแก้ดูบ้าง แนะนำคนอื่นบ้าง

และคุณเด็กเมื่อวานซืน ได้แนะนำว่าภาพน่าจะผิด ไม่น่าจะเป็นท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งที่ผมเคยเห็นเอง(ตามประสาคนบ้า ๆ)ก็คือภาพน่าจะผิด ประกอบกับ ได้ความรู้จากครูอาจารย์ ก็ เลยคิดว่า น่าจะมีประโยชน์ จึงท้วงติงกัน

บางครั้งการปล่อยให้อะไรผ่านไป ไม่ท้วงติง ก็คงดี กลัวการเข้าใจผิดใจกัน

 

เรื่องรู้ข้อมูลจากกรรมฐานนี้ ต้องระวังไว้นิดหนึ่งนะครับ เพราะมารเขายังเคยหลอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เลยนะครับ ผมถึงไม่พยายามจะอ้างข้อมูลจากกรรมฐาน ไม่ว่าจะแนวไหนก็ตาม เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า จะโดนมารแทรกหรือเปล่า (พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านดีขนาดนั้นแล้วท่าน ยังโดนมารแทรกได้เลยครับ )

ผมถึงพยายามแกะจากหนังสือตำรา และ เทปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านเป็นหลักครับ จำได้ว่า เคยอ่านอยู่เล่มหนึ่งท่านบอกไว้ชัดว่า อาวุธของท่านท้าวเวสสุวัณ เหมือนพลองลูกเสือ ... แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าอ่านมาจากเล่มไหน คงต้องไปค้นคว้าต่อครับ

ส่วนตัว เชื่อว่าเทวดาท่านไม่น่าจะทรงอาวุธเหมือนกันนะครับ หมายถึง กรณี ตะบองสั้น นั่นเอง เพราะมันจะไปเหมือนกับอาวุธของ ท่านท้าวมหาราชด้านทิศใต้ เพราะดูจากรายละเอียดอื่น ๆ อย่างเช่น สีประจำทิศ ซึ่งแต่ละท่านก็สีต่างกัน , สังกัดของบรรดาลูกน้องท่านก็ต่างกัน (เหมือนกรณี เหล่ากุมภัณฑ์ ที่จะคล้าย ๆ กับ ยักษ์ ถ้าสังเกตไม่ดีจะนึกว่าเหล่าเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ )

ทั้งนี้ ก็คงจะต้องพยายามหาหลักฐานจากหนังสือตำรา และ เทปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อต่อไปครับ

 

อนุโมทนาคับ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจาก ศิษย์พระราชพรหมยาน
วัดท่าซุง

 

ท่านได้ช่วยสงเคราะห์ให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ ขออนุโมทนาบุญค่ะ