วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อนุโมทนา สาธุ ครับ ^w^

    ถ้าถึงคราวคับขัน ก็ขอความช่วยเหลือด้วยนะครับ
     
  2. ฤาษีท้ายเรือ

    ฤาษีท้ายเรือ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +1,991
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3397272" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>OOโอมOO</TD><TD class=alt1>....


    การกลับเข้ามาบอกบุญให้โมทนา และ ตอกย้ำ มโนปนิธานของท่าน PCO

    ครั้งนี้ ช่วยกระตุ้นบรรยากาศ การกระทำบำเพ็ญ สั่งสมความดี บุญ บารมี

    ให้กับชาวเว็บพลังจิตอีกครั้ง


    หลังจากบ้านเมือง และ บรรยากาศช่วงที่ผ่านมา

    มีแต่ พลังฝ่ายลบ กระจายไปทั่ว ทำให้จิตใจคนทั่วไปเศร้าหมอง ขุ่นมัว

    และ ตกจาก ทางแห่งการบำเพ็ญความดี



    ...ขอให้อานิสงส์ที่มีเพิ่มเติมนี้ ยังประโยชน์ให้ท่านและทุกผู้ที่ร่วมยินดี

    เจริญอย่างมั่นคงบนเส้นทางยอดประเสริฐ เพื่อประโยชน์สูงสุดของตนและสรรพชีวิตเพื่อนร่วมวัฏฏะสงสารนี้ อันมีพระนิพพานเป็นที่สุด ด้วยเทอญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาสาธุในมหากุศลเจตนานะครับ เรื่องบ้านเมืองตามคำของพระ
    เดชพระคุณหลวงพ่อ ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ผมเองก็มีความห่วงใยเหมือนกับ
    ทุกท่าน แต่อย่างหนึ่งที่เบาใจคือเมืองไทยไม่มีวันว่างเว้นการปกครอง
    ด้วยระบบพระมหากษัติร์ และคนที่ไม่ดีพอนี่ปกครองไม่ได้ ใครที่คิด
    ร้ายก็มีอันต้องแพ้ภัยไปเอง
     
  4. Deetom

    Deetom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +825
    ขออนุโมทนาในมหากุศล ของคุณ PCO และชาวคณะผู้ปรารถนาพระโพธิญาณวิริยะธิกะพิเศษทั้งหลาย ข้าพเจ้าปิติยิ่งเมื่อได้โมทนาในงานสาธารณะและงานพระศาสนาที่เหล่าท่านทั้งหลายได้บำเพ็ญมาแล้ว ขอชื้นชมด้วยความยินดียิ่ง ด้วยผลานิสงค์นี้ขอกำลังใจแห่งข้าพเจ้าก็ขอจงตั้งมั่นบนเส้นทางนี้เช่นเดียวกัน เพื่อนำพาเหล่าสรรพสัตว์ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ข้ามพ้นบ่วงแห่งมาร เข้าสู่พระอมตะมหานฤพาน ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ

    ข้าพเจ้าขอโมทนา


     
  5. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    คันปากอยากจะพูดนะ ถ้าไม่ชอบใจเดี๋ยวผมลบทิ้งให้ภายหลังก็ได้

    คือ พยายามทำบุญกระจายๆให้หลายๆที่ไว้นะครับ เพราะคุณยังต้องมาเกิดอีกนาน การที่คุณทำบุญแบบกระจายๆไว้ในชาตินี้ ก็เหมือนเป็นการสร้างวาสนาบารมีเอาไว้กับพระสงฆ์หลายรูป หลายสาย

    ดังนั้น สิ่งที่ทำในชาตินี้ ก็จะมีผลในชาติหน้า
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3397387" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>NikuSeed</TD><TD class=alt1>อนุโมทนา สาธุ ครับ ^w^

    ถ้าถึงคราวคับขัน ก็ขอความช่วยเหลือด้วยนะครับ


    ตามตำรานักเลงฉบับพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี่ท่านบอกว่าถ้าคับขันนี่ต้องเผ่นแบบตัวใครตัวมันนี่ อย่างตอนบางระจันนี่แหมมันวิ่งซะลืมเหนื่อย ภาษานักเลงวัยรุ่นเมื่อประมาณสามสิบกว่าปีที่แล้วเขาบอกว่า ถ้าวิ่งทันนี่รับรองไม่ทิ้ง ขอจงเบาใจได้






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2010
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3397888" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>khomeraya</TD><TD class=alt1>คันปากอยากจะพูดนะ ถ้าไม่ชอบใจเดี๋ยวผมลบทิ้งให้ภายหลังก็ได้

    คือ พยายามทำบุญกระจายๆให้หลายๆที่ไว้นะครับ เพราะคุณยังต้องมาเกิดอีกนาน การที่คุณทำบุญแบบกระจายๆไว้ในชาตินี้ ก็เหมือนเป็นการสร้างวาสนาบารมีเอาไว้กับพระสงฆ์หลายรูป หลายสาย

    ดังนั้น สิ่งที่ทำในชาตินี้ ก็จะมีผลในชาติหน้า


    คันก็พูดเหอะและไม่ต้องลบทิ้งอันนี้ชอบใจ ผมน่ะมันวินัยสันดานทหารโบราณคือมีนายเดียวแม้จะเสียเมืองไปก็ยอมยืนตายแต่ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนนายมันเลยติดนิสัยมานาน อย่างที่ผมเคารพมั่นคงในองค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อเพราะผมมั่นใจว่าผมก็เป็นหนึ่งในแปดหมื่นกว่าคนที่เคยเกิดเป็นลูกของท่านมา ในชาตินี้เมื่อมาพบท่านอีก คนเป็นลูกนั้นก็ต้องมีพ่อเป็นหนึ่งในดวงใจเพียงท่านเดียว พ่อนั้นแม้ท่านจะเป็นอย่างไรท่านก็จะเป็นหนึ่งของลูกเสมอ และการที่ผมมีความเคารพรักมั่นคงแบบที่เรียกว่ายอมตายถวายหัวต่อองค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อนี้มันเป็นทั้งนิสัยสันดาน และความต้องการอานิสงค์พิเศษ ที่ต้องการให้หมู่คณะของผมไม่ว่าคนหรือสัตว์แม้จะต้องตายก็ยังมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อผมไม่มีวันเปลี่ยนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน เฉกเช่นผมซื่อสัตย์จงรักภักดีในองค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อฉันนั้น เรื่องการเคารพพระสงฆ์องค์อื่นผมก็เคารพและทำบุญให้ทานตามกำลังเท่าที่จะทำได้ ก็หวังในอานิสงค์พิเศษที่ไม่ว่าจะไปสารทิศใดขอจงมีความมั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวง ผมก็เลยตั้งบาตรเล็กๆไว้ที่บ้านเขียนที่ข้างบาตรว่าทำบุญทุกอย่างเวลาจะไปใหนเมื่อไรก็เอาสตางค์ใส่บาตรก่อน และเมื่อไปที่ใดถ้าเจองานบุญที่ใดก็จะทำตามกำลังทันที ก็เพราะอย่างที่คุณพูดนั่นแหละผมยังจะต้องเกิดอีกนานมาก กลัวเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละคือกลัวความยากลำบาก ความยากจนข้นแค้นต่างๆ ตัวเองโง่ตัวเองลำบากน่ะมันยังไงก็พอทนได้ แต่ที่จะต้องพาคนอื่นลำบากด้วยนี่มันสุดที่จะทน เอาละขอขอบคุณที่แหย่มา รู้สึกว่าแหมเสียท่าที่เปิดให้คุณkhomrayaซะหลายเรื่องผมอุตส่าห์พยายามปิดๆความเป็นพิเศษของผมอยู่นา





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2010
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    จะขอนำประวัติวิหารน้ำน้อยฉบับสร้างวิหารหลังใหม่มาบันทึกไว้ให้สาธุชนได้รับรู้กันครับ


    ประวัติพระวิหาร<O:p</O:p


    พระพุทธมหามงคลบพิตร<O:p</O:p


    (วิหารน้ำน้อย) ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    <O:p</O:p

    โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) <O:p</O:p

    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง อ.อุทัยธานี
    <O:p</O:p


    <O:p</O:p
    <V:p</V:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1P3280017.JPG
      1P3280017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      122
    • 1P3280025.JPG
      1P3280025.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      140
    • 1P3280022.JPG
      1P3280022.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.4 KB
      เปิดดู:
      109
    • P3280023.JPG
      P3280023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.9 KB
      เปิดดู:
      145
    • DSC05800.JPG
      DSC05800.JPG
      ขนาดไฟล์:
      319.4 KB
      เปิดดู:
      5,477
  9. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คำนำ<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    หนังสือเล่มนี้ อาตมาขอร้องให้ท่านชัยวัฒน์ช่วยเรียบเรียงประวัติความเป็นมาในการสร้าง “พระวิหารน้ำน้อย” เพื่อให้สาธุชนทราบสักเล็กน้อย เพื่อจะได้เข้าใจ เพิ่มศรัทธาในการรู้ค่าของ “พระวิหารน้ำน้อย” มากขึ้น เรื่องที่เกี่ยวข้องก็คือ....<O:p</O:p
    ๑.“พระสุปฏิปันโน” หลายรูปมาพร้อมกัน<O:p</O:p
    ๒.พระพุทธเจ้าที่คนไทยได้ศรัทธาสร้างขึ้น เป็น “พระพุทธรูปทองคำ”<O:p</O:p
    ๓.“พระพรหม” มาขอร้องให้หลวงพ่อนำลูกศิษย์ไปสร้าง<O:p</O:p
    ๔.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรวลัยลักษณ์ฯ ได้เสด็จมาในพิธีนี้<O:p</O:p
    ความสำคัญสิ่งนี้ ถือว่าเป็นประวัติของ “พระวิหารน้ำน้อย” ที่ท่านชัยวัฒน์เรียบเรียงจากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน และลูกศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ มาเล่าสู่ท่านทั้งหลายที่อยู่ในภายหลังให้ได้รับทราบ<O:p</O:p
    ส่วนในขณะนี้ได้ล่วงเลยมา ๒๕ ปี วิหารได้ทรุดโทรมลงมา และปี ๒๕๔๓ น้ำท่วมใหญ่ ผู้คนล้มตายกันหลายร้อยคน พระวิหารถูกน้ำท่วม พระพุทธเจ้า และรูปหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน มีปัญหาจะทรุดโทรมลงตามลำดับ<O:p</O:p
    คณะลูกศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน เล็งเห็นความสำคัญในเหตุ ๔ ประการข้างต้น จะสูญหายและลบเลือนไปในอนาคต จึงคิดร่วมกันจะบูรณะเป็นครั้งใหญ่เพื่อจะได้แข็งแรงและทรงสภาพอยู่ชั่วชีวิตของเรา เพื่อจะได้เป็นประวัติศาสตร์ และมิ่งขวัญของคนไทยสืบไป<O:p</O:p
    ฉะนั้น การบูรณะครั้งนี้จะได้อานิสงส์หลายประการ คือ...<O:p</O:p
    ๑.พุทธบูชา ซึ่งพระรัตนตรัย<O:p</O:p
    ๒.สร้างวิหารทาน ให้ผู้เลื่อมใสได้ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย<O:p</O:p
    ๓.เป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ<O:p</O:p
    ๔.ได้ชื่อว่าเป็นลูกที่ดีของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน “ว่ารักษาศาสนสมบัติของพระพุทธศาสนาไว้ได้”<O:p</O:p

    พระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ<O:p</O:p
    ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๔<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
     
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ประวัติการสร้าง<O:p</O:p


    วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร<O:p</O:p


    ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๔๓ ท่านพระครูปลัดอนันต์พทฺธญาโณ พร้อมด้วยคณะศิษย์ “หลวงพ่อพระราชพรหมยาน” ได้เดินทางไปทำพิธีบวงสรวง ณ วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามที่เคยเดินทางไปเป็นประจำทุกปี เพื่ออนุเคราะห์บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททางภาคใต้<O:p</O:p
    หลังจากเสร็จงานแล้วก็เดินทางกลับ ทุกคนมารออยู่ในห้องรับรองภายในสนามบินหาดใหญ่ ระหว่างนั้น คณะชาวหาดใหญ่และสงขลา ที่มาส่งได้ปรารภว่า ในปีหน้า (๒๕๔๔) อยากจะพิมพ์หนังสือประวัติ “พระวิหารน้ำน้อย” เพื่อเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน จึงได้เริ่มทำบุญกันเดี๋ยวนั้น ๑๐,๐๐๐ บาท และ คุณเยาวลักษณ์ (ขวัญ) มิตรศรัทธา ร่วมอีก ๗๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    ต่อมาท่านเจ้าอาวาสก็ปรารภซ้ำอีกว่า อยากจะให้พิมพ์หนังสือเล่มนี้ ซึ่งความจริงผู้เขียนก็ไม่ค่อยจะถนัดนัก แต่เพื่อเป็นการรักษาประวัติความเป็นมาไม่ให้สูญหายไป จึงได้เริ่มรวบรวมเรื่องราวที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เล่าไว้ และที่ ม.ล.วรวัฒน นวรัตน บันทึกไว้บ้าง เป็นต้น ตามที่ได้ค้นคว้าจากหนังสือต่าง ๆ ปรากฏว่าหลวงพ่อเดินทางไปปักษ์ใต้หลายครั้งหลายวาระด้วยกัน นับตั้งแต่ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง นครศรีธรรมราช และพัทลุง เป็นต้น<O:p</O:p
    แต่เหตุการณ์สำคัญที่จะนำมาเล่าครั้งนี้ คงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่จะต้องจารึกไว้เป็นประวัติว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ พร้อมด้วยคณะศิษย์ ได้เดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่ภูเก็ต โดยมี ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ผู้อำนวยการการไฟฟ้าผ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ ในสมัยนั้น เป็นผู้รับรอง พร้อมทั้งจัดรถออกเดินทางไปในที่หลายแห่งจนกระทั่งมาถึงหาดใหญ่เมื่อ วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๗ แล้วได้ค้างคืนที่บ้านพักรับรองที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจัดไว้<O:p</O:p
     
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พบกับท่านพระพรหม<O:p</O:p

    คืนนั้น ในขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนอนของท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เล่าว่า......<O:p</O:p
    “...ขณะที่ใจสบาย ทำท่าว่าจะหลับ ก็ปรากฏว่าพบชายคนหนึ่งมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง เลยเท้าลงไป เป็นผู้ชาย ยกมือขึ้นแตะปาก ท่าทางดี เหมือนกับคนธรรมดา จึงได้ถามว่าเป็นใคร แกชี้มือไปข้างบน แล้วก็บอกว่ามาจากพรหมขอรับ ถามว่าถ้ามาจากพรหมแล้วแต่งตัวแบบนี้เพื่อประโยชน์อะไร ทำไมไม่แสดงกายเป็นพรหม แล้วก็เมื่อตอนกลางวันก่อนที่จะเข้ามานะไปรับที่นอกเมือง เห็นพระพุทธรูปอยู่บนศีรษะนั่นเป็นท่านหรือ...?<O:p</O:p
    ความจริงเข้าใจว่าเป็นเทวดา เพราะแต่งตัวแบบเทวดามีเครื่องประดับแพรวพราว และมีสีสันวรรณะไม่ใช่ลักษณะของพรหม ท่านก็เลยบอกว่าคนที่ไปรับน่ะ เป็นเทวดาขอรับแต่ผมนี่เป็นพรหม เป็นคนละคนกับบุคคลนั้น จึงได้ถามท่านว่ามาทำไม แล้วพระที่แสดงลอยอยู่เหนือศีรษะเทวดานั้นหมายความว่ายังไง...ไม่ทราบความหมาย...?<O:p</O:p
    ท่านก็บอกว่า ที่แสดงให้ปรากฏก็เพราะว่า ในเขตของจังหวัดสงขลามีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ทำด้วยทองคำทั้งองค์ไม่มีส่วนผสมอย่างอื่น คือไม่ใช่แกนทองแดงแล้วเอาทองคำหุ้มหน้าตักกว้างประมาณ ๒ เมตร หรือ ๓ เมตร จำไม่ถนัดเพราะเวลาพูดนี่ไม่ได้บันทึกไว้ ก็เลยถามว่าท่านไปแสดงให้ปรากฏทำไม... แสดงว่าบ้านเมืองนี้เจริญหรือประการใด...?<O:p</O:p
    ท่านบอกไม่ใช่ขอรับ ผมเห็นว่าคณะของท่านที่มานี่เป็นคณะที่มีศรัทธามาก เวลานี้พระพุทธปฏิมากรแทนองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีทองมีน้ำหนักบอกไม่ถูก (ท่านบอกเหมือนกัน ทั้งองค์ ทั้งฐานน้ำหนักเท่าไร แต่ก็ไม่บอก) บอกว่า เวลานั้น ที่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลัง ปรากฏว่าเขาเอาพระองค์นี้มาฝัง เกรงว่าพม่าพวกมีใจอธรรมจะนำทองคำเป็นประโยชน์ส่วนตน อย่างที่อยุธยามันยังหลอมเอาทองคำไปกินเสีย มีน้ำหนักตั้งหลายพันชั่ง แต่ว่าพระองค์นี้มีน้ำหนักยิ่งกว่าพระองค์นั้นสำหรับทองคำ เพราะว่าพระองค์นั้นภายในเป็นทองสัมฤทธิ์ ข้างนอกเป็นทองคำ แต่ว่าองค์นี้เป็นทองคำล้วน เวลานี้ยังอยู่ตรงนั้น ฝังอยู่ตรงไหน บอกไม่ได้ บอกอันตรายจะเกิดแก่ทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา แล้วก็เลยถามว่า ไปแสดงให้ปรากฏเพื่อประโยชน์อะไรท่านก็บอกว่า ตั้งใจจะให้คณะที่มาด้วยกันช่วยกันสร้างเจดีย์ทับพระพุทธรูปองค์นั้น เพราะฝังไว้ในดินลึกประมาณ ๕ วา เวลานั้นใช้คนประมาณ ๓๐๐ คนเศษ นำพระมาแล้วก็บรรจุพระไว้ สร้างเครื่องล้อมป้องกันไว้อย่างดี แล้วทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับกษัตริย์ก็มีอยู่มาก<O:p</O:p
    ท่านถามว่าจะทำได้ไหม ก็เลยถามว่าเจดีย์ใหญ่ไหมท่านบอกว่าไม่ต้องใหญ่ สูงประมาณ ๓ วาก็ได้ แต่ให้ฐานครอบพระเข้าไว้ คนจะได้ไม่ข้ามไปข้ามมา ก็เลยบอกว่าเวลานี้สร้างวัดยังเป็นหนี้เขามาก ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วให้ช่วยกันมาสร้างที่ตรงนั้นก็แล้วกัน ไม่รีบไม่ร้อน ที่จะให้มาเที่ยวคราวนี้ ที่ยอมรับเขาก็เพราะว่า องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าดลใจ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายของท่านไม่ดีท่านก็ยอมรับ<O:p</O:pความจริงแล้วไม่ได้ตั้งใจจะไป เห็นว่าประโยชน์มันน้อยในการท่องเที่ยว นอนดีกว่า แต่เมื่อเขาถามเข้าจริง ๆ ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ตัดสินใจยอมรับเอาเฉย ๆ มาดูกำหนดการแล้วก็หายใจไม่ออก วันทั้งวันไม่มีเวลาหยุด คิดว่าคงจะไปพับจุดใดจุดหนึ่ง บังเอิญมันก็ไม่พับเป็นมหัศจรรย์เรื่องนี้แปลกมาก เดินทางทั้งวัน กลางคืนก็นอนน้อยที่สุด อย่างดีก็หลับไม่เกิน ๒ ชั่วโมง เช้าก็เดินทางต่อไป แต่ก็ไปได้ทุกจุด
    นี่เห็นจะเป็นอำนาจพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ พรหมานุภาพ เทวดานุภาพ และครูบาอาจารย์ ตลอดจนพ่อแม่เก่า ๆ ที่สร้างผืนแผ่นดินไทย ช่วยพยุงกายของอาตมาไปได้กระมัง คิดอย่างนี้... ก็เป็นอันรับปากกับท่านพรหมว่าสิ่งเหล่านี้คงไม่หนัก แต่ทว่าจะขอปรึกษาหารือกับบรรดาท่านพุทธบริษัท มีท่าน พลอากาศตรี ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์ ก่อน ถ้าพร้อมใจกันเมื่อไร แล้วก็วัดท่าซุงเสร็จเมื่อไรก็จะมาทำให้เพราะของไม่โตนัก แต่ว่าหนักใจเรื่องที่ดินเจ้าของอาจจะเอาแพงเพราะเขาอยู่ในย่านของความเจริญมาก ท่านยกมือไหว้ด้วยความดีใจแล้วก็กลับไป...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2010
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เริ่มก่อสร้างพระวิหาร<O:p</O:p

    เป็นอันว่า ขอนำเรื่องที่พระเดชพระคุณท่านเล่าไว้เพียงแค่นี้ ในเวลาต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปพิสูจน์ตามที่พระพรหมบอกไว้ ในขณะที่เดินทางมาถึงสามแยกควนเนียง พร้อมทั้งได้เปลี่ยนจากการสร้างเจดีย์เป็นวิหารแทน ในตอนนี้ ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ได้เล่ารายละเอียดไว้ว่า...<O:p</O:p
    “...เมื่อหลวงพ่อรับปากพรหมองค์นี้แล้ว พรหมก็บอกจุดที่อยู่ให้ หลวงพ่อพาพวกเราไปดู ก็พบว่าจุดที่ตั้งตรงกับที่บอกไว้ทุกประการ แม้แต่เลขที่หลักกิโลเมตรคณะหลวงพ่อจึงมั่นใจมาก เกิดความศรัทธา ตกลงกันว่าจะสร้างวิหารเล็ก ๆ คลุมพื้นดินตรงจุดนั้น<O:p</O:p
    พวกเราจึงลงจากรถเข้าไปติดต่อเจ้าของที่ดินชื่อ นางกิ้มไล่ ชูโตชนะ เพื่อจะขอซื้อที่ดินบริเวณนี้ ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินไม่ยอมขาย แต่ยินดีที่จะให้หลวงพ่อก่อสร้างพระวิหารได้ตามต้องการ และจะขอนำที่ดินดังกล่าวทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง เมื่อตกลงเรื่องที่ดินเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อจึงแบ่งงานดังนี้<O:p</O:p
    (๑) พลอากาศโท ม.ร.ว. เสริม และ คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ เป็นหัวหน้ากลุ่มคณะศิษย์จากส่วนกลาง รับบริจาคจากผู้มีศรัทธาได้เงินจำนวนประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    (๒) นายมนตรี ตระหง่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในสมัยนั้นพร้อมด้วย นายเจริญจิตร ณ สงขลา ปลัดจังหวัดสงขลา เป็นหัวหน้ากลุ่มชาวสงขลา รวบรวมเงินได้ประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    (๓) ร้อยตรี ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ผู้อำนวยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ เป็นผู้ประสานงานทั่วไป โดยมีนายช่างจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ คือ นายณรงค์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นผู้ออกแบบ และ นายปลั่ง ขาวบาง เป็นผู้ควบคุมคนงานก่อสร้าง<O:p</O:p
    งานก่อสร้างครั้งนี้ ใช้เงินเฉพาะการซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ส่วนแรงงานและการขนส่ง ได้อาศัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เขต ๓ การก่อสร้างวิหารจึงใช้เงินน้อยกว่าปกติ รวมแล้วเพียง ๒๔๐,๐๐๐ บาท คือเงินจากส่วนกลาง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเงินจากจังหวัดสงขลาเพียง ๔๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือทางคณะศิษย์หลวงพ่อมิได้ติดตามผล และมิได้เกี่ยวข้องด้วยประการใด<O:p</O:p
    และหลวงพ่อได้สั่งไว้ว่า ก่อนจะเริ่มงานก่อสร้างหลวงพ่อจะไปบวงสรวงพรหมผู้คุ้มครององค์พระพุทธรูปทองคำใต้ดิน วันที่มีพิธีบวงสรวง หลวงพ่อฯ พร้อมกับหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง หลวงปู่ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง หลงปู่ชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ได้เดินทางไปร่วมพิธีด้วย<O:p</O:p
    หลวงพ่อฯ ได้ให้หลวงปู่ทั้งสามตรวจดูพระพุทธรูป ข้าพเจ้าแปลกใจที่เห็น หลวงปู่ธรรมชัย องค์เดียวลงนั่งยอง ๆ ดู แต่หลวงพ่อและหลวงปู่องค์อื่น ๆ ยืนดูสักครู่เมื่อการตรวจดูเสร็จสิ้นลง หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เมื่อสักครู่ หลวงปู่ธรรมชัย ถูกนักเลงดีเล่นตลก คือ พรหม ท่านเอามือมาแกล้งปิด หลวงปู่ธรรมชัย ยืนดูไม่เห็น ท่านจึงต้องนั่งลงดูจึงเห็น<O:p</O:p
    หลวงพ่อเล่าประวัติให้พวกเราฟังว่า พระพุทธรูปทองคำองค์นี้ ปางมารวิชัย ทำด้วยทองคำเนื้อเก้า คือบริสุทธิ์เกือบ ๑๐๐% มีขนาดเล็กกว่าพระพุทธรูปทองคำที่ วัดไตรมิตร กรุงเทพฯ ประมาณ ๑ ศอก สมัยก่อนได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระอุระ คือที่หน้าอกขององค์พระ และสามารถถอดออกมา แล้วประกอบกันได้ถึง ๙ ชิ้น สร้างในสมัยกรุงสุโขทัย มีรวม ๓ องค์ เป็นชุดเดียวกัน องค์ที่ ๓ ปัจจุบันจมอยู่ในแม่น้ำโขง (เรียกกันว่า “พระเจ้าล้านตื้อ”)<O:p</O:p
    ในตอนนี้ ผู้เขียนจะขอเพิ่มเติมเรื่องราวตามที่ คุณสุนิสา วงศ์ราม ได้ค้นคว้ามาจากนักประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นการยืนยันคำกล่าวของท่านพอจะสรุปได้ว่า พระพุทธรูปทองคำ “วัดไตรมิตร” องค์นี้ สร้างในสมัยสุโขทัยยุคกลาง ประมาณรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๐ – ๑๘๖๐) ขนาดหน้าตักกว้าง ๓ เมตรเศษ องค์พระถอดออกได้เป็น ๙ ชิ้น<O:p</O:p
    เพิ่งจะรู้ว่าเป็นพระทองคำแท้เมื่อ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ (ในขณะที่อัญเชิญองค์พระขึ้นบนวิหาร แรงกระแทกทำให้ปูนที่พอกเอาไว้กะเทาะออก) สำหรับปูนที่พอกองค์พระไว้แน่นหนาถาวร เป็นลักษณะอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่า เพื่อป้องกันพม่าทำลายยึดเอาทองคำไปเป็นสมบัติ และถูกปูนห่อหุ้มซ่อนไว้ไม่มีใครทราบนานถึง ๑๘๘ ปี<O:p</O:p
    ขอวกกลับมาถึงเรื่องของเราต่อไปว่า เมื่อการก่อสร้างดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง พลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ ได้ถวายพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ (แบบพระพุทธชินราช) ให้เป็นพระประธานในพระวิหารนี้ หลวงพ่อถวายชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธมหามงคลบพิตร” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพระทองคำที่ฝังอยู่ใต้ดิน ในครั้งนี้คณะหลวงพ่อได้เดินทางไปพร้อมกับหลวงปู่สิม และหลวงปู่ธรรมชัย เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนพระวิหาร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๑๕๑๙<O:p</O:p
    ในวันที่อัญเชิญพระประธานขึ้นไปบนแท่นในวิหารนั้น หลังจากหลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ท่านได้เล่าว่า เมื่อสักครู่นี้ พรหมท่านขยับเลื่อนองค์พระใต้ดินให้เข้ามาอยู่ใต้พระประธาน ซึ่งอยู่ในวิหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพราะจุดที่ฝังพระไว้ใต้ดิน ไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปได้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อพระพุทธรูปใต้ดิน หรือห้องใต้ดิน ที่คนสมัยก่อนสร้างเอาไว้ได้<O:p</O:p
    พระพุทธรูปองค์นี้ สร้างสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีการทำพิธีตรึงแผ่นดินไทยไว้ ทิศเหนือที่เชียงแสน ทิศใต้ที่สงขลา เลยเขตนี้ออกไปไม่แน่นอน ยามใดไทยถอยอำนาจลงก็แยกตัวออกไปเป็นประเทศอื่น แต่ว่าสมัยต่อไปภายหน้า พวกดังกล่าวนี้คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู เป็นต้น
    <O:p</O:pและดินแดนเหนือเชียงรายขึ้นไป จะกลับมารวมกับไทยอีก ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าไทยรวย จะมาช่วยกันใช้เงินของไทย ฉะนั้นต่อไปถึงสมัยที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดีมีศีลธรรมแล้ว พระพุทธรูปทองคำองค์นี้จะขึ้นมาอยู่บนพื้นดินให้คนสักการบูชา<O:p</O:p
    เมื่องานก่อสร้างพระวิหารเสร็จลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เพื่อทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเกศมาลาของพระพุทธรูป เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๑๙ <O:p</O:p
    พระสงฆ์ที่ร่วมพิธีในวันนั้น นอกจากหลวงพ่อแล้วยังมีพระสุปฏิปันโน อีก ๗ รูป คือ หลวงปู่คำเสน คุณาลังกาโร, หลวงปู่บุดดา ถาวโร, หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก, หลวงปู่ชัยวงศ์, หลวงปู่กล่อม วัดบุปผาราม, หลวงปู่มหาอำพัน และ หลวงปู่ธรรมชัย ธัมมชโย อีกด้วย<O:p</O:p
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาพร้อมตลับ<O:p</O:p

    ส่วนเรื่อง “พระบรมสารีริกธาตุ” ที่บรรจุนั้น คุณโยม จันทร์นวล นาคนิยม ได้เล่าไว้ว่า...<O:p</O:p
    “หลวงพ่อท่านก็คิด ๆ ว่า จะเอาพระบรมสารีริกธาตุจากไหน วันหนึ่งก็เดินไปเดินมาอยู่ในกุฏิ ก็มองไปเห็นห่อผ้าผูกริบบิ้นสีเหลือง อยู่บนชั้นที่วางเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุหลวงพ่อท่านก็ไปหยิบเอามาดู แล้วออกมาถามว่าเป็นของใคร เมื่อทุกคนไม่ทราบ ท่านก็เอาเข้าไปในกุฏิ แก้ห่อผ้าออกดูก็พบตลับเงินเป็นรูปสี่เหลี่ยม ๆ ราวห้าหรือหกเหลี่ยม เป็นตลับเงินฉลุลวดลายสวยงาม<O:p</O:p
    เมื่อเปิดฝาตลับดูในขณะนั้น จะมีของรูปกลม ๆ คล้ายนาฬิกา ใส่กระเป๋าแบบคนโบราณใช้ มีหูหรือห่วง ใส่กับสร้อยก็ได้ สองข้างของรูปวงกลมนั้น จะเป็นหินใส ๆ มองเห็นข้างในนั้น จะมีพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐ กว่าองค์ สวยงามมาก เมื่อหลวงพ่อเปิดดูก็พบพระบรมสารีริกธาตุหลายสี มีสีทับทิม ๔ – ๕ องค์ สีงาช้าง สีอิฐ และสีขาว สวยจริง ๆ องค์ที่ใหญ่ที่สุดเกือบเท่าเม็ดถั่วเขียว ทั้งหมดหลวงพ่อถวาย “ในหลวง” บรรจุไว้ในพระเศียร”<O:p</O:p<O:p</O:p

    พระพุทธานุภาพ<O:p</O:p

    สำหรับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ก็ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ว่า...<O:p</O:p
    “...วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๑๙ ก่อนหน้านั้นอาตมาไปจังหวัดสงขลา แล้วก็ไปพบเหตุสำคัญ ว่าสถานที่ตรงนั้นควรจะสร้างพระพุทธรูปสักองค์หนึ่ง ก็จัดแจงสถานที่ คิดว่าจะซื้อก็ไม่ไหว ก็พอดี ร.ต.ต.ชัยณรงค์ ชูโตชนะ (เป็นบุตรชายบุญธรรมของนางกิ้มไล่) เป็นเจ้าของที่จะไปขอซื้อท่าน ไม่ทันจะซื้อ ท่านทราบข่าว ท่านก็เลยมาถวายบอกว่าหลวงพ่อขอรับ หลวงพ่อจะสร้างที่...วัดเอาตามชอบใจเลยขอรับ<O:p</O:p
    แน่ะ...! ท่านให้ ...แหม...ศรัทธาของท่านดี ที่ติดทางรถไฟ และติดถนนรถยนต์ ถ้าจะเอากันจริง ๆ ราคามันก็แพงลิ่ว ก็คิดว่าที่ประมาณสัก ๑ งาน แสนบาทนี่เขาจะเอาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอตกลง ท่านถวายก็ไปทำการขอพื้นที่ตามธรรมเนียมของพระ เพราะเกรงว่าจะมีอมนุษย์เป็นผู้เฝ้าที่<O:p</O:p
    เมื่อขอพื้นที่เสร็จ คนสำคัญคนหนึ่ง คือ พ.อ.เฉลียว เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายทหาร มานั่งบูชาเจ้าของที่ จุดธูปเทียนว่า ที่นี้ถ้ามีพระพุทธรูปทองคำจริง ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ถูกหวยล็อตเตอรี่ แล้วท่านก็ไปถูกล็อตเตอรี่<O:p</O:p
    ต่อมาท่านก็เกิดสงสัย เอ้า...บูชาใหม่ ว่าขอให้ถูกล็อตเตอรี่ ท่านก็ถูกใหม่ เรื่องถูกล็อตเตอรี่นี่ จะเป็นอำนาจของพระพุทธานุภาพ คือพระทองคำหรือไม่นี่ อาตมาไม่ทราบ แต่ท่านพันเอกเฉลียวท่านว่าอย่างนั้น และท่านก็ถูกจริง ๆ ก็เป็นเรื่องของท่าน อาตมาไม่โฆษณาถึงขนาดนั้น<O:p</O:p
    ต่อมาทำการก่อสร้าง ระหว่างการก่อสร้างก็ปรากฏว่า นายช่างกับลูกจ้างกับลูกมือช่าง เห็นเหตุอัศจรรย์ คือเห็นภาพพระ...เป็นพระสงฆ์ มายืนใหญ่ตระหง่านให้เห็นอยู่เสมอ เรื่องนี้จะมีอะไร จริงหรือไม่จริง ท่านพิสูจน์เอาเอง อาตมาก็ฟังข่าวมา เดี๋ยวจะหาว่าเป็น “เจ้ากรมข่าวลือ” ไปเสียอีก เขาลือกันมาอย่างนั้น ก็ฝากฝังบรรดาท่านพุทธบริษัทให้พิสูจน์ในความจริง<O:p</O:p
    เมื่อวันเวลาใกล้จะมาถึงงานเสร็จ สำหรับการก่อสร้างก็ได้อาศัยบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ในกรุงเทพฯ บ้าง นอกกรุงเทพฯ บ้าง สงขลาบ้าง ที่อื่นบ้าง ช่วยกันสร้างวิหาร ร.ต.ต.ชัยณรงค์ เป็นเจ้าของที่มอบถวายเป็นกรณีพิเศษ สำหรับพระประธาน ท่านพลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ กับคุณหญิงเป็นคนถวาย ส่วน “เรือนแก้ว” คณะศิษยานุศิษย์ ทำครอบให้<O:p</O:p
    เป็นอันว่างานสร้างเสร็จ จึงได้ให้ท่าน พลเรือเอก จิตต์สังขดุล ปลัดกระทรวงกลาโหม กับ พลอากาศโท ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหาร คุณหญิง สุวรรณาภา สังขดุล และ คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ กราบถวายบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ให้เสด็จบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๙<O:p</O:p
    ต่อมา ท่านอาจารย์ภาวาส รองราชเลขาฯ ได้นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแจ้งอาตมาทราบว่า เรื่องนี้พระองค์ทรงทราบแล้ว แต่วันที่ ๒๖ พระองค์จะเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยสงขลาฯ ถ้าจะเสด็จวันที่ ๑๒ ก็จะกลายเป็นเสด็จ ๒ ครั้ง แล้วท่านอาจารย์ภาวาสได้บอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า<O:p</O:p
    ท่านเองท่านก็มีความเคารพนับถือหลวงพ่อมาก ถ้าหลวงพ่อจะให้เสด็จไปวันนั้น ท่านก็จะไป แต่ว่ามันเป็นการไป ๒ ครั้ง การทูลเชิญเสด็จคราวนี้ เป็นการทูลเชิญเสด็จบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อาตมาฟังแล้วก็ตกใจ เมื่อทราบน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ว่าพระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา<O:p</O:p
    การทูลเชิญเสด็จครั้งนี้ มิได้หมายความว่า ต้องจำกัดเวลา แต่เห็นว่าวันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จึงตั้งใจจะถวายพระราชกุศล แต่ในเมื่อทราบว่า พระองค์มีพระราชภารกิจจะต้องเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร วันที่ ๒๖ สิงหาคม ก็ตกใจว่า “เอ๊ะ...ถ้าเราทำอย่างนั้นก็เป็นการไม่สมควร จึงได้บอกท่านอาจารย์ภาวาสรองราชเลขาฯ ให้กราบทูลพระองค์ว่า<O:p</O:p
    อาตมาขอขอบพระทัยพระองค์มาก ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ถ้าทราบว่าจะเสด็จวันนั้น ก็คงไม่ทูลเชิญเสด็จวันที่ ๑๒ ในเมื่อจะมีกำหนดพระราชทานปริญญาบัตร ก็เป็นการดีขอพระราชทานวันนั้นแหละ เป็นรายการต่อท้ายเลย ก็เป็นอันว่าเป็นที่ตกลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงรับ<O:p</O:p
    เมื่อวันเวลาใกล้จะมาถึง ก่อนหน้าวันที่จะเสด็จ อาตมาก็เดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพงพร้อมคณะ ไปตอนเย็น...เช้าสว่างถึงสถานีทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รถจอด ๑๕ นาที คณะที่ไปด้วยก็ลงไปซื้ออาหาร ก็นำหนังสือพิมพ์ติดขึ้นมาปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐพาดหัวข่าวตัวโตในทำนองว่าฤาษีลิงดำใช้อิทธิพลบีบบังคับเจ้าคณะจังหวัด ให้ถอดถอนเจ้าอาวาส...ฯลฯ<O:p</O:p
    (เรื่องนี้ผู้เขียนของดไว้ เพราะผู้อ่านทราบความจริงกันดีอยู่แล้ว แต่จะขอเล่าแทรกไว้สักนิดว่า วันที่ท่านออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตรงกับวันที่ 24 สิงหาคม 2519 แล้วไปพักค้างคืนที่บ้านพักรับรองของท่านอธิการบดีสมัยนั้น ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กลางคืนวันที่ 25 ก็มีการถวายสังฆทานกัน<O:p</O:p
    พอถึงรุ่งเช้าวันที่ 26 หลวงพ่อพร้อมด้วยหลวงปู่ทั้งหลาย ก็ได้ออกมายืนรออยู่ที่หน้าบ้านพัก พอดี คุณเหม่ มีกล้องถ่ายรูป จึงขอให้หลวงพ่อและหลวงปู่ รวม 8 องค์ (ความจริงงานนี้มี หลวงปู่กล่อม เจ้าอาวาสวัดบุปผารามฝั่งธนบุรีไปร่วมงานด้วย แต่ท่านแยกไปพักต่างหาก) ยืนถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก<O:p</O:p
    เพราะเจ้าของบ้านบอกว่า ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นเถาอยู่หน้าบ้านนี้ ปกติไม่เคยออกดอกเลย แต่ครั้งนี้ได้ออกดอกเป็นสีส้ม บานสะพรั่งงามดีเหลือเกิน รูปภาพนี้ได้นำเผยแพร่ไว้บูชากันมานานแล้ว ปัจจุบันนี้ท่านก็ได้มรณภาพไปหมดแล้ว โดยมี หลวงปู่ชัยวงศ์ เป็นองค์สุดท้าย)<O:p</O:p
    กลับไปพูดถึงเรื่องสงขลา ตามหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงประมาณ ๑๗ นาฬิกา ทรงเจิมเทียนชัยของสถานีตำรวจตระเวนชายแดนเขต 3 ที่กองกำกับการเขต 9 คือหลังจากทรงศีลแล้วก็ทรงเจิม หลังจากนั้นอาตมาก็นำเสด็จสู่วิหารทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา กลับลงมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ถวายพระพร ถวายอดิเรก แล้วก็เสร็จพิธี<O:p</O:p
    ต่อไปหมายกำหนดการเป็นการเยี่ยมเยียนประชาชน แต่ที่ไหนได้ เมื่อทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระองค์ก็ทรงพระเมตตามาตรัสถามเรื่องธรรมะ ความจริงที่ท่านถามไม่ได้ถามเรื่องบ้านเมืองกิจการงาน เป็นเรื่องธรรมะ การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา พระราชดำรัสที่ตรัสถาม อาตมาเกือบจะจนแต้มหลายหน<O:p</O:p
    นี้พูดกันอย่างจริง ๆ ของจริงเป็นของจริง เพราะว่า พระปรีชาสามารถที่ตรัสออกมา ทำให้อาตมาคิดว่า นี้พระองค์ทรงปฏิบัติได้ดีจริง ๆ ไม่ใช่ลอกตำรากัน ในช่วงเวลานั้นสมเด็จพระบรมราชินีนาถกับสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์ก็เสด็จเยี่ยมราษฎร แบ่งงานกันทำ<O:p</O:p
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสร็จภารกิจจากการสั่งสนทนากับอาตมาแล้ว ก็เสด็จไปร่วมเยี่ยมเยียนราษฎร คลุกคลีกับราษฎรอย่างกันเอง ประทับนั่งคุย ราษฎรหลายคนน้ำตาไหล โดยส่วนใหญ่ปลื้มปิติมาก ในเวลานั้นเลยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไปว่า ราษฎรที่เขามีเงินน้อย น่าจะให้เขาเอาสตางค์ใส่พาน ถ้าเขาอยากถวายพระองค์ เท่าไรก็ได้ดีกว่าซื้อพวงมาลัย แต่เขาไม่ทำกัน<O:p</O:p
    ความจริงในที่ทุกสถาน ถ้าเจ้าหน้าที่ประกาศว่า ราษฎรคนใดจะถวายพวงมาลัย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเจ้าลูกเธอละก้อ คิดเป็นเงินไปเถอะ แต่ไม่บังคับ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ไม่ต้องใช้พานก็ได้ ใช้มือส่งถวายท่านก็รับ อย่างนี้...จะมีประโยชน์มาก ทีนี้กลับมาถึงเรื่องที่พระองค์ตรัสถามอยู่ตอนหนึ่งว่า<O:p</O:p
    “ที่หลวงพ่อก็ดี อาจารย์องค์อื่นก็ดี มักจะขู่อยู่เสมอว่าคนที่เจริญสมาธิจะต้องมีศีลบริสุทธิ์ แต่กระผมเห็นว่า ถึงแม้ว่าศีลไม่บริสุทธิ์ก็เจริญสมาธิได้...?”<O:p</O:p
    นี่สิ...บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นน้ำพระทัยของพระองค์ไหม เอาเวลาที่ไหนมาเจริญสมาธิ เหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ทั้งคืน ตอนนี้อาตมาจึงได้ถวายพระพรว่า<O:p</O:p
    “คนที่มีศีลบริสุทธิ์ หรือไม่มีศีลบริสุทธิ์ ก็มีสมาธิได้ ฝึกสมาธิได้ แต่ว่าผลย่อมแตกต่างกัน ตอนที่คนที่มีศีลบริสุทธิ์ เขามีผลอย่างมีศีลบริสุทธิ์ คนที่มีศีลไม่บริสุทธิ์ ก็มีผลอย่างคนที่มีศีลไม่บริสุทธิ์”<O:p</O:p
    แล้วก็ตอนหนึ่งที่พระองค์ตรัสว่า พระองค์หญิงวิภาวดี มีความปรารถนานิพพาน อันนี้ถ้าจำพลาดไป ก็ต้องขอพระราชทานอภัย แต่คงไม่ผิดตามใจความ พระองค์หญิงวิภาวดีมีความหวังตั้งใจเพื่อนิพพาน เห็นว่าจะเป็นการไกลเกินไป (หรือยังไงไม่ทราบ หรือว่ายากเกินไป จะมีผลน้อย หรือจะไม่มีผลเลยก็ได้ เป็นความหมาย แต่ว่าพระองค์ไม่ได้ตรัสยาว)<O:p</O:p
    อาตมาก็ได้ถวายพระพรว่า<O:p</O:p
    “สำหรับคนที่ตั้งใจจริง ย่อมมีผล เป็นของไม่หนักในเรื่องพระนิพพาน”<O:p</O:p
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท พระองค์ตรัสมากกว่านี้ พระองค์ตรัสไปก็ทรงดูอากาศไป ตรัสไป ม.ล.วรวัฒน บอกว่าใช้เวลาทั้งหมด ๓๕ นาที...มืด เมื่อากาศสลัวตา ก็เปิดไฟฟ้า พระองค์ก็เสด็จลงไปเยี่ยมประชาชน มีคนบางคนเขาบอกว่าอาตมาไปหน่วงเหนี่ยวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขามาแนะนำว่าอาตมานั่งเก้าอี้ พระองค์นั่งคุกเข่าก็ต้องลุกขึ้นยืน<O:p</O:p
    ความจริงไม่พากย์กันไว้เสียก่อนนี้คนพากย์ เอ๊ย...คนบอกบทไม่ได้บอกไว้เสียก่อนว่า อยู่ ๆ ก็คิดว่าเก้าอี้มีตั้งหลายตัว คิดว่าพระองค์จะประทับบนเก้าอี้ มาถึงปั๊บ...! พระองค์ทรงนั่งคุกเข่าลงข้างหน้า พระวรกายตรง...ตั้งตรง อาตมาก็ตกใจเออ...นี้คนชั้นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน มาถึงมานั่งคุกเข่าลงข้างหน้า ไอ้เก้าอี้เขาตั้งให้ก็เฉพาะกันพอดี ยกเท้าขึ้นมาพับเพียบก็ไม่ได้ เลยต้องนั่งห้อยขาคุยกับเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ แหม...นึกในใจว่า ไอ้เรานี่มันซวยจริง ๆ ถ้ายกขาขึ้นมาทำท่าพับเพียบก็ต้องหล่นแน่ดีไม่ดีก็ไปทับพระองค์เข้าอีก<O:p</O:p
    เป็นอันว่า วันนั้นตามหมายกำหนดการก็ควรจะเสร็จเวลา ๖ โมงเย็น เมื่อเวลาค่ำแล้ว พระอาทิตย์ตกแล้ว เขาเปิดกระแสไฟฟ้า พระองค์ก็เสด็จเข้าพลับพลาที่ประทับ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็เชิญบุคคลที่จะโดยเสด็จพระราชกุศล มาถวายเงิน กี่สิบราย อาตมาจำไม่ได้ รายละ ๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    อันนี้น่าจะขอบใจท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนนั้น และขอบคุณในความดีของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ที่เขาถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล แล้วก็มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการเรื่องทะนุบำรุงบริเวณเขตนั้นที่เขาถวายไว้ ทั้งพระ ทั้งวิหาร ทั้งที่ดิน<O:p</O:p
    ถ้ามีอะไรบกพร่องสลายตัวลงไป ต้องซ่อมแซม โดยจะใช้เงินจำนวนนั้นเข้ามาบูรณะปฏิสังขรณ์ หน้าที่ของอาตมาในการที่จะต้องเข้าไปยุ่งกับพระพุทธรูปองค์นี้ ก็หมดไปตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป เพราะมอบหมายการบำรุงรักษาไว้กับเจ้าคณะจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว<O:p</O:p
    องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเวลานั้น ก็ทรงแสดงความเมตตา ถามว่าใครเป็นเจ้าของที่ ท่านก็เรียกผู้ว่าราชการจังหวัด เรียก ร.ต.ต.ชัยณรงค์ เจ้าของที่เข้าไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ไม่ได้ทรงยืน หรือนั่งอยู่เฉย ๆ ให้คนเข้าไปหา ทรงเดินออกมาหาเขาด้วย<O:p</O:p
    แหม...แสดงพระองค์วันนั้นเห็นชัด เห็นชัดว่าไม่ได้ทรงถือตัวว่าเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นกันเองกับบรรดาประชากรทั้งหมด ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีให้กับประชาชนคนที่น้อมเกล้าฯ ถวายของทุกอย่างแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ วันนั้นว่ากันหมดกระเป๋า มีอะไรก็ถอดถวายกัน ปลื้มใจ...ดีใจ บางคนกราบถวายบังคมทูลด้วย ร้องไห้ไปด้วยน้ำตาไหลไปตาม ๆ กัน ไม่ใช่บางคน...หลายคน!<O:p</O:p
    วันนั้นอาตมาจะต้องเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต ๙ จังหวัดสงขลา ซึ่งมี พ.ต.อ.เจิดจำรัส เป็นผู้นิมนต์ไว้ คิดว่าจะเข้าไปในพิธี ประมาณ ๑ หรือ ๒ ทุ่ม กว่าจะออกจากที่นั่นได้ หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ เห็นจะเป็นเวลาประมาณ ๒ ทุ่ม พอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ ก็มีคนเข้ามาหา ขอน้ำมนต์บ้าง ขอให้จับศีรษะบ้าง...ว่ากันไป!<O:p</O:p
    ความจริงมันเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า ร่างกายก็ไม่ค่อยดีป่วยด้วย ลูบกันไปคลำกันไป กว่าจะเสร็จพิธีก็เกือบ ๔ ทุ่ม เข้าถึงกองกำกับการเขตฯ รถกำลังแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องขอทางให้ ไปถึงก็ไปนั่งอ่อนใจหาที่อาบน้ำ กว่าจะเข้าพิธีกับเขาได้ก็นาน<O:p</O:p
    พิธีการวันนั้น ไปนั่งปลุกเสกอยู่พักหนึ่งแล้วก็นอนมันไม่ไหว นอนตื่นขึ้นมาประมาณตีสอง ก็ว่ากันใหม่อีกที เรียกว่าวันนั้นก็เหมา คือปลุกทั้งคืน แต่ความจริงไม่ได้เต็มคืนหรอก เข้าก็ดึก ดึกมากก็พัก พัก...เช้ามืดตื่นขึ้นมาก็ว่ากันไปสะดวกดีเหมือนกัน<O:p</O:p
     
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    อนุโมทนา<O:p</O:p

    เป็นอันว่า ชาวสงขลาที่รัก และชาวกระบี่ ชาวภูเก็ต ชาวตรัง ชาวพังงา ชาวสตูล ชาวปัตตานี ยะลา นราธิวาส โอ๊... เยอะแยะที่ใกล้ ๆ พากันไปที่นั่น อาตมาขอขอบคุณท่าน การขอบคุณก็น่าจะขอบคุณบรรดาประชาชนทั่วประเทศไทย ที่เมตตาสงเคราะห์อาตมา จะไปทางไหนก็สงเคราะห์ที่นั่น ด้วยจตุปัจจัยบ้าง<O:p</O:p
    โดยเฉพาะในการก่อสร้างวิหารคราวนี้ อาตมามอบภาระในการก่อสร้างให้ หม่อมหลวงวรวัฒน นวรัตน ลูกศิษย์คนสนิทแท้ ๆ นะ ท่านผู้นี้ก็มีคุณอย่างเลิศ เจ้าหน้าที่การช่างก็แสนจะดี ทำงานทุกอย่างโดยไม่เรียกค่าจ้างรางวัล สำหรับ ม.ล.วรวัฒน นี่ อาตมาให้ฉายาพิเศษว่า “ขุนกระบี่” เพราะว่าทำงานดี อ่อนน้อม แล้วก็การทำงานคล่องตัวมาก<O:p</O:p
    เป็นอันว่า กิจการงานทุกอย่างสำเร็จขึ้นมาได้ เพราะอาศัยความสามัคคีของท่านพุทธบริษัท หลายท่านถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศล ในการสร้างวิหารคราวนี้ ฝ่ายผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่ามากเกินไป จนกระทั่งแบ่งเอาไว้ถวายในวันหลัง ที่เห็นกำลังใจศรัทธาของบรรดาพี่น้องชาวสงขลา และหาดใหญ่ มีน้ำใจประกอบไปด้วยความดี คือมีกุศลศรัทธาเป็นกรณีพิเศษ ยากที่เราจะพึงหาได้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พระองค์ท่านได้ทรงรับไว้ ไม่เคยเอาติดกระเป๋ากลับไป มอบไว้เป็นการบำรุงวิหาร...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บรรยากาศในวันนั้น<O:p</O:p

    เรื่องนี้ยังมีเรื่องที่จะเล่าจาก ม.ล.วรวัฒน ต่อไปอีกว่า “ข้าพเจ้านึกเป็นห่วงว่า วันที่ “ในหลวง” เสด็จ ถ้าฝนตกประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จจะเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีเต็นท์สำหรับราษฎร จึงให้ นายปลั่ง ขาวบาง บน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ขออย่าให้ฝนตกในบริเวณงานวันนั้นขณะที่กำลังมีงาน<O:p</O:p
    แต่หลวงพ่อบอกว่า เสด็จในกรมฯ ไม่ทราบรับการบนครั้งนี้ท่านอธิบายว่า ในหลวงเป็นคนมีบุญมาก ไปที่ใด ฝนต้องตก อย่างน้อยที่สุดต้องโปรยลงมาเป็นละออง จะห้ามไม่ให้ตกเลยนั้น ห้ามไม่ได้ ปรากฏว่าวันงาน ตั้งแต่เช้าขึ้นมาแสงแดดแจ่มใส แต่พอตกตอนสาย เมฆรวมตัวกันเหมือนเป็นร่มคันใหญ่มหึมา แผ่บาง ๆ กั้นกันแดดไว้พอเย็นสบาย พอตกบ่ายก่อนถึงเวลาเสด็จประมาณ ๑ ชั่วโมง ฝนตกลงมาซู่หนึ่ง แล้วหยุดตกเป็นอันว่าจริงตามธรรมเนียม...”<O:p</O:p
     
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เหตุการณ์ในปัจจุบันนี้<O:p</O:p

    นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานาน ผู้เขียนก็ขอรวบรวมประวัติไว้เพียงเท่านี้ ต่อไปก็จะขอย้อนกลับเข้ามาถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ ตามที่ได้เคยเล่าไปใน “ธัมมวิโมกข์” แล้วว่า นับตั้งแต่นั้นมาตราบเท่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้มรณภาพไป พระวิหารหลังนี้ก็ถูกทอดทิ้งไป คงมีแต่นางกิ้มไล่เท่านั้น ที่คอยเฝ้าดูแลอยู่เป็นประจำ นาน ๆ จึงจะมีคนมาบูชากราบไว้สักทีหนึ่ง แม้แต่ผู้เขียนเองก็ลืมไปแล้ว จนกระทั่งย้ายมาประจำอยู่ที่ วิหารสมเด็จองค์ปฐม เมื่อปี ๒๕๓๖<O:p</O:p
    วันหนึ่งมีคนมาเที่ยวจากหาดใหญ่ จึงได้ถามถึงวิหารที่บ้านน้ำน้อยว่ารู้จักไหม เขาบอกว่ารู้จัก ใครไปบนอะไรก็มักจะได้ผล แต่ไม่รู้ว่าใครมาสร้างเอาไว้ ทราบแต่ว่าชาวบ้านแถวนั้นเขาเรียกกันว่า “พระผุด” จึงนึกในใจว่า แหม...คุณโยมหม่อมนี่ท่านเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ตามที่หลวงพ่อชื่นชมไว้จริง ๆ ไม่ยอมเขียนป้ายบอกไว้เลยว่าใครเป็นผู้สร้าง<O:p</O:p
    ต่อมาจึงได้ปรึกษากับคุณโยมหม่อม และพวกชาวปักษ์ใต้ด้วยกัน มี คุณธนันท์ (อ้อย) เป็นต้น เพื่อช่วยกันฟื้นฟูสถานที่สำคัญที่ครูบาอาจารย์ไปสร้างไว้ ถึงแม้ท่านจะเคยบอกว่าไม่เกี่ยวข้องแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็เห็นว่าควรรักษา “สมบัติของพ่อ” ไว้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีเพียงแค่ ๒ แห่งเท่านั้นที่ท่านทำไว้ เพื่อป้องกันผืนแผ่นดินไทย นั่นก็คือที่ พระธาตุจอมกิตติ เป็นการรักษาเขตแดนทางภาคเหนือ ส่วนภาคใต้ก็มีพระวิหารหลังนี้ ที่เป็นสิริมงคลแก่ดินแดนทางภาคใต้เช่นกัน<O:p</O:p
    ฉะนั้น ครั้นถึง วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ หลังจากเดินทางไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาท ณ เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต แล้วคณะศิษย์จากส่วนกลาง และชาวปักษ์ใต้อีกหลายจังหวัด จึงได้เดินทางไปร่วมฉลองพระวิหาร เนื่องในการบูรณะเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งอัญเชิญรูปหล่อของ หลวงปู่ปาน และ หลวงพ่อ เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ในพระวิหารอีกด้วย<O:p</O:p
    แต่ก่อนที่จะถึงวันงานนั้น ก็ได้มีการประสานงานกับ คุณอ้อย พร้อมกับ คุณแย้ม คุณแฉล้ม, คุณนคร, คุณสมพงษ์, คุณนิโรจน์, คุณปรีชา และ ชาวหาดใหญ่ – ชาวสงขลา หลายท่าน เพื่อเตรียมการซ่อมแซมให้ทันงาน ทุกท่านได้เข้ามาช่วยทั้งแรงกายและทุนทรัพย์ นับว่ามีผลในการฟื้นฟูเป็นอย่างมากทีเดียว<O:p</O:p
    การบูรณะครั้งแรก จึงได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ นับตั้งแต่กระเบื้องหลังคา ฉัตรที่อยู่บนวาหาร ฝ้าเพดาน พร้อมทั้งเดินสายไฟและเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ แล้วก็ทาสีใหม่ทั้งหมดส่วนองค์พระประธานก็ได้ปิดทองใหม่ และประดับกระจก ติดประตูเหล็กยึดกันขโมย ส่วนทางเข้าก็มีป้ายพระวิหาร เผื่อคนเดินทางผ่านไปมาจะได้เห็นง่าย พร้อมทั้งถมดินข้างหน้าให้สูงขึ้นมาอีก ภายในวิหารก็จารึกประวัติไว้บนป้ายหินอ่อน และนำรูปภาพสมัยที่หลวงพ่อมากับหลวงปู่ทั้งหลาย และขณะที่นั่งสนทนากับ “ในหลวง” ติดไว้ที่ข้างฝาผนัง<O:p</O:p
    ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาประวัติความเป็นมาให้คนภายหลังได้ทราบเรื่องราวเอาไว้ ครั้นถึงวันงานพวกชาวหาดใหญ่สงขลาก็นำอาหารมาจัดเลี้ยง พร้อมทั้งกางเต็นท์ จัดสถานที่ไว้เป็นอย่างดี มีการผูกผ้าประดับประดาด้วยธงทิวทั้งหลาย (คณะท่านเจ้าอาวาส วัดท่าข้าม มาช่วยผูกผ้าทุกปี) ทางเข้าก็ทำเป็นซุ้มประดับด้วยดอกไม้สวยงาม พร้อมป้ายอักษรต้อนรับ<O:p</O:p
    เมื่อขบวนแห่รูปหลวงปู่หลวงพ่อผ่านซุ้มประตูแล้ว คณะที่มาจึงได้ร่วมกันทำบุญเป็นค่าซ่อมแซมวิหารครั้งใหญ่ ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาทเศษ ปรากฏว่าพอเสร็จงานพิธีแล้ว ฝนก็ตกลงมาทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฝนก็หยุดให้เป็นจังหวะ ไม่ว่าจะจัดริ้วขบวน หรือทำพิธีบวงสรวง และฟ้อนรำเป็นการสมโภช ก็สามารถทำโดดยสะดวก ฉะนั้นเมื่อกลับมาถึงวัดแล้วฝนตกจนน้ำท่วมหาดใหญ่ แต่ก็ไม่ท่วมหนักเหมือนปี ๒๕๔๓<O:p</O:p
    เป็นอันว่า พระวิหารหลังนี้ก็อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป เริ่มมีลูกศิษย์หลวงพ่อไปกราบไหว้กันมากขึ้น จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ถึงกับคนมีมาสร้างห้องส้วมไว้ให้ แต่ก็มีคนมาปลูกบ้านอาศัยอยู่ใกล้ ๆ จนมีเรื่องฟ้องร้องกันถึงศาล แล้วก็ชนะไปในที่สุด เขาจึงย้ายออกไป ต่อมาพวกหาดใหญ่ และคณะมาลัยจากฟ้า จังหวัดสงขลา ก็ได้รวมตัวกันมาทะนุบำรุงวิหารอยู่เป็นประจำ ปัจจุบันก็มีการนั่งกรรมฐานกันในวันหยุด บางครั้งก็นัดกันมาทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่ออุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม<O:p</O:p
    ดังจะเห็นได้จากผลงานที่ คุณสมพงษ์ พันธ์อมรชัย บันทึกไว้ว่ามีการบริจาคเงินจากหลายท่าน เพื่อนำมาซื้อต้นไม้และปุ๋ย พร้อมกับวางท่อน้ำร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.บ้านน้ำน้อย เป็นต้น จนกระทั่งการรื้อพระวิหารเพื่อสร้างใหม่ ทาง บริษัทยูโนแคล จำกัด ก็ได้ส่งรถยกพร้อมกับพนักงานมาช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทำให้งานสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการยกพระประธานออกมาไว้ที่วิหารหลังเล็กชั่วคราว จึงต้องขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง<O:p</O:p
    ขอเล่าย้อนกลับไปสักเล็กน้อยว่า ต่อมาก็นึกถึงความประสงค์เดิมของ นางกิ้มไล่ ที่จะทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินนี้แด่ “ในหลวง” จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถจะทำได้ อีกทั้งสังขารของ คุณยายก็ร่วงโรยไปตามวัย (อายุ ๘๗ ปี) เกรงจะไม่ทันได้ทูลเกล้าถวายเสียก่อน จึงได้ปรึกษากับ ม.ล.วรวัฒน นวรัตน และ นายอำเภอวิวัฒน์ เรืองมณี ถึงแม้ทั้งสองท่านจะเกษียณไปแล้ว แต่ก็ยังมีความเข้าใจในการดำเนินเรื่องเป็นอย่างดี<O:p</O:p
    โดยการทำเรื่องกราบบังคมทูลถวายที่ดิน เมื่อวันที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งตรงกับวันที่ไปฉลองนั่นแหละ ต่อมาทางสำนักราชเลขาธิการก็ได้แจ้งมาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงรับไว้แล้ว พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทางศึกษาธิการจังหวัดสงขลาเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้ได้มีการมอบโฉนดที่ดินให้แก่ ท่านศึกษาธิการจังหวัด อันมี ท่านพระครูปลัดอนันต์ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะศิษย์ และลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทั้งภาคใต้และกรุงเทพฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในงานพิธีครั้งนี้ด้วย เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๑<O:p</O:p
    เมื่อท่านทั้งสองดำเนินการได้แล้ว รู้สึกดีใจที่คุณยายจะได้นอนตาหลับ และคงจะมีความสุขใจที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยเมตตาสงเคราะห์ทำ “สถูป” เป็นที่บรรจุอัฐิไว้ ที่ด้านหลังพระวาหาร ๒ องค์ คือทั้งสามีและของคุณยายเอง ที่ได้ถวายที่ดินให้แม้เพียงแค่ ๒ งานเศษเท่านั้น หลวงพ่อท่านก็ยังมีน้ำใจถึงเพียงนี้<O:p</O:p
    เพราะฉะนั้น หลังจากกาลเวลาผ่านไปนานหลายปี ครั้งแรกที่ได้พบกัน ลองย้อนถามคุณยายว่า ยังจำหลวงพ่อได้ไหม คุณยายมองแล้วยิ้ม ๆ บอกด้วยสำเนียงปักษ์ใต้ว่า ยังจำได้เป็นอย่างดี ยังระลึกถึงท่านอยู่เสมอ พอบอกว่าจะมาบูรณะพระวิหารคุณยายถึงกับดีใจ พร้อมทั้งเล่าว่า ก่อนที่หลวงพ่อจะมาสร้างพระวิหาร ที่ดินตรงนี้เคยปลูกพืชผักอะไรก็ไม่ได้ผล แต่ที่ของคนอื่นเขาปลูกกันได้ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากทีเดียว<O:p</O:p
    หลังจากนั้นมาคุณยายก็ไม่เหงาอีกแล้ว มีคนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ เมื่อรู้ว่าหลวงพ่อมาสร้างวิหารไว้ตรงนี้ จนกระทั่งถึงปี ๒๕๓๙ มีคณะชาวสุราษฎร์ ภูเก็ต และหาดใหญ่ อยากจะนิมนต์ให้ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันนี้ คือ ท่านพระครูปลัดอนันต์ ไปสอนพระกรรมฐานทางปักษ์ใต้บ้าง ท่านจึงได้มอบหมายให้ผู้เขียนไปประสานงานกับทางใต้ แล้วท่านก็ได้เดินทางไปพร้อมกับคณะครูฝึกมโนมยิทธิ นับตั้งแต่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่ และได้จัดงานพิธีฉลองพระวิหาร เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปี เมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๓๙ พร้อมทั้งได้บูรณะพื้นบริเวณรอบพระวิหารด้วย หลังจากนั้นท่านก็ได้นำคณะศิษย์เดินทางไปกราบไหว้เป็นประจำทุกปี<O:p</O:p
    แต่ในวันที่ทำพิธีนับเป็นที่อัศจรรย์มาก หลังจากท่านเจ้าอาวาสกดปุ่มเพื่อเปิดป้ายพระวาหารฯ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ปี่พาทย์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์มหาชัย พร้อมกับพลุ ๙ นัด ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ทันใดนั้นจะมีหยาดฝน โปรยปรายลงมาทันทีที่พิธีเสร็จสิ้นลง มิใช่เป็นฝนที่ตกลงมาจนเปียก เป็นแต่เพียงละอองฝอย ๆ เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นไม่มีวี่แววว่า ฝนจะตกเลย และอากาศในวันนั้นก็เหมือนเป็นใจ ไม่มีแสงแดดเลย อากาศครึ้มเย็นสบาย ๆ ตลอดเวลา <O:p</O:p
    แล้วท่านก็ได้เดินทางไปอีกทุกปี จนกระทั่งถึงปี ๒๕๔๓ ได้เกิดอุทกภัยร้ายแรงครั้งใหญ่ในตัวเมืองหาดใหญ่ รวมถึงบริเวณ บ้านน้ำน้อย นี้ด้วย เพราะว่าน้ำไม่น้อย สมชื่อเสียแล้ว ถ้าดูตามภาพประกอบที่ คุณปรีชา อ่อนดี ถ่ายส่งมาให้ จะเห็นว่าระดับน้ำสูงมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีการนำดินมาถมเป็นแนวคันดินไว้ข้างพระวิหารแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยได้โดยเฉพาะพัดลมที่ ท่านอาจินต์ ได้ซื้อไว้ประจำที่นี่ก็พลอยถูกน้ำท่วมไปด้วย<O:p</O:p
    ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการ จึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือพร้อมทั้งออกแบบแปลนเพื่อสร้างใหม่ เดิมคิดเอาไว้ว่าจะขอซ่อมแซมเฉพาะด้านบนหลังคา แต่เมื่อมีน้ำท่วมใหญ่ เกิดขึ้นประจวบกับกรมทางหลวงจะปรับปรุงถนนหน้าพระวิหารให้สูงขึ้น ฉะนั้น ถ้ามองดูภาพรวมในอนาคตแล้ว จะเห็นภาพวิหารหลังเก่าต่ำลงไปอีก ต่อไปกระแสน้ำที่พัดผ่านด้านหน้าพระวิหารลงไปในลำคลอง คงจะไหลเชี่ยวแรงขึ้นอีก นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง<O:p</O:p
    เมื่อได้ปรึกษากันอย่างรอบคอบแล้ว ต่างเห็นสมควรว่าจะต้องสร้างใหม่เลยดีกว่า เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติที่ครูบาอาจารย์สร้างไว้ได้ ดีกว่าจะปล่อยให้เสียหายไปกับธรรมชาติและก่อนที่จะสายเกินไป เราควรจะรีบทำให้ดีไปเสียเลยเพื่อรองรับกับจำนวนคนทั้งหลาย ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ อีกทั้งกำลังใจและกำลังทรัพย์ ก็พอจะรวมตัวกันได้ในขณะนี้ <O:p</O:p
    เพราะฉะนั้น ถึงแม้พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะจากไปนานแล้ว แต่พวกเราก็ได้ช่วยกันสืบทอดเจตนารมณ์ไว้ทุกประการ โดยเฉพาะภาคใต้ก็มีสถานที่นี้เพียงแห่งเดียว ที่พระพรหมผู้อารักขาพระพุทธรูปทองคำที่ฝังอยู่ไว้ใต้ดิน ได้กล่าวไว้กับหลวงพ่อก่อนที่จะสร้างวิหารหลังนี้ว่า...<O:p</O:p
    “ผมเห็นว่ามีแต่ลูกศิษย์ของท่านเท่านั้น ที่มีความศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ผมจึงได้ขอให้ท่านสร้างวิหารในครั้งนี้...”<O:p</O:p
    จึงหวังว่าทุกท่านที่เคยร่วมสร้างไว้สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือท่านที่ยังไม่มีโอกาสก็จะมีโอกาสได้ร่วมสร้างในครั้งนี้กับท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เพื่อเป็นการบูชาคุณทั้ง ๓ สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เนื่องจากสถานที่นี้เป็นที่สำคัญมาก เพราะเป็นที่รวมทั้ง ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายอาณาจักร และพุทธจักร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาณาเขตภาคใต้ โดยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินการมาร่วมพิธีพร้อมกับพระสุปฏิปันโน อันมี หลวงพ่อและหลวงปู่ทั้งหลาย เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๑๙ และจะครอบคลุม ๒๕ ปีในปีนี้ ซึ่งบังเอิญตรงกันอย่างเหลือเชื่อใน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๔๔<O:p</O:p
    ฉะนั้น ต้องถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่จะเริ่มงานกัน ภายใต้ คณะกรรมการ ที่จะได้เข้ามาช่วยดำเนินการต่อไปจนแล้วเสร็จ โดยไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกคนทำกันด้วยความเสียสละ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้...<O:p</O:p
     
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ประธานคณะกรรมการ<O:p</O:p


    พระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ<O:p</O:p


    เจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    คณะกรรมการ (ฝ่ายบรรพชิต)<O:p</O:p


    พระมหาอำนวย ฐานวโร<O:p</O:p


    เจ้าอาวาสวัดชัยชนะสงคราม จ.สงขลา<O:p</O:p


    พระชัยวัฒน์ อชิโต<O:p</O:p


    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    คณะกรรมการ (ที่ปรึกษา)<O:p</O:p

    ท่านศึกษาธิการจังหวัดสงขลา ประธานที่ปรึกษา<O:p</O:p
    ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์<O:p</O:p
    ร.อ.วิวัฒน์ เรืองมณี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์<O:p</O:p
    นายชุมนุมพร (ขนม) ชวนานนท์ (ผู้ออกแบบ)<O:p</O:p
    นายสมชัย เจริญชีพ ที่ปรึกษา<O:p</O:p
    นายธีระชัย ลีลาธนากร ที่ปรึกษา<O:p</O:p
    นางเฉลา โชติช่วง ที่ปรึกษา<O:p</O:p
    คณะหลานคุณยายกิ้มไล่ ชูโตชนะ<O:p</O:p
    ผู้ใหญ่บ้าน, กำนัน, เจ้าหน้าที่ อบต.บ้านน้ำน้อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คณะกรรมการ (ฝ่ายดำเนินการก่อสร้าง)<O:p</O:p

    นายสุนทร ตันติวิทย์ (ผู้ควบคุมงาน)<O:p</O:p
    นายวิโรจน์ เฮงฮวด (ฝ่ายช่าง)<O:p</O:p
    นายสมพงษ์ พันธ์อมรชัย (ฝ่ายช่าง)<O:p</O:p
    นายปรีชา อ่อนดี (ฝ่ายช่าง)
    <O:p</O:pนายศิลปะชัย ไพจิตร (ฝ่ายติดต่อ)<O:p</O:p
    นายสุเทพ ศรีณะกิจจา (ฝ่ายติดต่อ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คณะกรรมการ (ฝ่ายประสานงานทั่วไป)<O:p</O:p

    คณะมาลัยจากฟ้า โดยคุณสมชาย ขวัญพิเชษฐ์กุล (โกส้ม)<O:p</O:p
    คณะชาวหาดใหญ่<O:p</O:p
    คณะชาวอำเภอนาทวี<O:p</O:p
    คณะชาวอำเภอจะนะ<O:p</O:p
    คณะชาวจังหวัดยะลา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คณะกรรมการ (ฝ่ายการเงิน)<O:p</O:p

    นายธนะสถิต (แย้ม) พลับทอง<O:p</O:p
    นางธนนันท์ (อ้อย) ช่วยรอด <O:p</O:p
    นายนคร รัศมีมณฑล<O:p</O:p
    <O:p</O:pทั้งนี้ ได้มีการประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวนี้ เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๔ โดยมีผู้ร่วมประชุม ณ วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตรประมาณ ๕๐ คน นอกเหนือจากรายชื่อคณะกรรมการ ยังมี คุณบุญธรรม คุณสงบ, คุณทวีศักดิ์ – คณะนิรินดา (แอ๊ะ) จากนาทวี คุณสุรัช นาวีการ คุณแอ๊ะ จากร้านเวิลด์โฟนสงขลา คุณปัญญารส เจริญชีพ คุณจินตนา พันธ์อมรชัย คุณนันทา อ่อนดี และยังมี...<O:p</O:p
    คุณเจี๊ยบ, คุณแอ๋ว จากบริษัทบินหลา, คุณชาญชัย แซ่แต้ คุณบังอร (หลิน) คุณฌิชมน (นุ้ย) คุณพูลศรี (อ้อย) คุณมานิตย์ รักวงศ์, ป้าสุดใส งามไตรไร, เจ๊สุ, คุณกัลยา แซ่ตัน, คุณกิจจา กาญจนวรรณ, คุณจ้อย ศรีสมัย นี่เป็นรายชื่อที่ส่งมาให้ ซึ่งรวมทั้งคุณแหม่ม (ขาว) พร้อมกับเพื่อน อีก ๒ – ๓ คน และถ้าจะนับ คณะมาลัยจากฟ้า ด้วย ก็มีอีกมากมายหลายสิบคน ฉะนั้นหากมีใครขาดไปต้องขอภัยด้วยนะ<O:p</O:p
    จึงขอขอบคุณและอนุโมทนาด้วย ที่ไปช่วยกันรับถึงสนามบิน (บางครั้งก็ออกค่าเครื่องบินด้วย) พร้อมกับจัดยานพาหนะรับส่งตลอดรายการ พร้อมทั้งจัดที่พักและอาหารไว้อย่างดี โดยเฉพาะที่บ้าน คุณแย้ม – คุณแฉล้ม คงจะไม่ลืมน้ำใจของชาวใต้ทั้งหลายในครั้งนี้ และทุกครั้งที่จะเดินทางไป โดยเฉพาะงานบุญกุศลครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อน้อมถวายเป็น พุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา นับตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็บอกบุญทั่วไป เพื่อเป็นการสร้างวิหารทาน<O:p</O:p
    เป็นอันว่า ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะรับทราบข้อมูลเพียงเท่านี้ หากผู้ใดต้องการจะร่วมมหากุศลในครั้งนี้ ขอให้ติดต่อถึงท่านเจ้าอาวาสโดยตรง ทั้งนี้ให้ระบุว่าจะทำบุญเนื่องใน “โครงการบูรณะวิหารน้ำน้อย” และขอประกาศให้ทราบว่า ทางวัดจะไม่ส่งใครไปบอกบุญ หรือเรี่ยไรทั่วไป หากใครมีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญ ขอเชิญทำบุญกับท่านเจ้าอาวาสโดยตรง ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกำลังทุนทรัพย์ของตนเอง<O:p</O:p
    แต่ถ้าหากใครอยากจะขอรับเป็นเจ้าภาพในการก่อสร้างพระวิหารหลังใหม่นี้ ซึ่งจะต้องใช้เงินทุนประมาณ ๓ ล้าน ๕ แสนล้านเศษ จะขอรับเป็นเจ้าภาพวัสดุก่อสร้างรายการหนึ่งรายการใดก็ได้ จะขอระบุเป็นค่าปูนซิเมนต์ หรือค่าหิน ค่าทราย ค่าเหล็ก เป็นต้น ซึ่งมีราคาดังต่อไปนี้คือ...<O:p</O:p
    ๑. ปูนซิเมนต์ตราเสื่อ ถุงละ ๑๑๙ บาท<O:p</O:p
    ๒.หิน – ทรย เฉลี่ยคิวละ ๓๐๐ บาท<O:p</O:p
    ๓. เหล็กเส้น เฉลี่ยเส้นละ ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    จึงขอแจ้งให้ทุกท่านทราบเพียงเท่านี้ และขออนุโมทนาท่านทั้งหลายไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย พร้อมทั้งขออวยพระให้ทุกท่านที่มีจิตศรัทธามั่นคง ตามที่ พระพรหม ท่านกล่าวไว้ คิดว่าท่านคงช่วยยับยั้งสิ่งที่บั่นทอนความดี คงจะไม่ให้มีอุปสรรคใดมาขัดขวาง สำหรับผู้ที่มุ่งหวังตรงทางแห่งพระนิพพานจริง<O:p></O:p>
    ทั้งนี้คงจะสำเร็จ คงจะสิ้นทุกข์ และประสพแต่ความสุข คงจะบริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นภพสิ้นชาติ หมดจากเครื่องเศร้าหมองจิต หมดความมานะถือตัวถือตน หมดความอาลัย หมดความเยื่อใยในโลกทั้งสาม เพื่อข้ามฝั่ง เพื่อข้ามสังสารวัฏ เพื่อกำจัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน ในชาตินี้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน..เทอญฯ”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เริ่มงานการก่อสร้าง<O:p</O:p

    หลังจากในที่ประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๔ ขอให้ ร.อ.วิวัฒน์ เรืองมณี กรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประสานงานกับทางราชการ เพื่อขออนุมัติดำเนินการบูรณะโดยทำหนังสือถึง ประธาน อบต.น้ำน้อย เพื่อแจ้งเรื่องนี้ว่า<O:p</O:p
    เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔ ข้าพเจ้าได้นำคณะกรรมการ ประกอบด้วย พระมหาอำนวย ฐานวโร เจ้าอาวาสวัดชัยชนะสงคราม นายสมชัย เจริญชีพ นายสุนทร ตันติวิทย์ นายธนะสถิต พลับทอง นางธนนันท์ ช่วยรอด และ นายนคร รัศมีมณฑล ไปประชุมที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสงขลา ผลจากการประชุมอนุมัติให้คณะกรรมการดังกล่าว ดำเนินการบูรณะได้ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มี.ค. ๔๔ เป็นต้นไป<O:p</O:p
    พร้อมกันนี้ พระครูปลัดอนันต์ ก็ได้ทำหนังสือถึงท่านศึกษาธิการจังหวัดสงขลา เพื่อยืนยันเรื่องการจัดหาเงินทุนในการก่อสร้างครั้งนี้ คิดว่าประมาณ ๒ ปี คงจะแล้วเสร็จ ต่อไปนี้ก็จะเป็นรายงานการก่อสร้างจาก คุณธนนันท์ (อ้อย) โดยเริ่มงานปักเสาเข็มเมื่อ เดือนเมษายน ๒๕๔๔ หลังจาก คุณชุมนุมพร (ขนม) ส่งแบบแปลนไปให้แล้ว และได้มีการปรึกษาหารือกันอีกครั้ง ณ วิหาร ๑๐๐ เมตร เมื่องานวัน วิสาขบูชา (วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๔)<O:p</O:p
    และเมื่อเดินทางกลับไปแล้ว คุณไพจิตร (อู๊ด) คุณธนนันท์ (อ้อย) คุณนคร และ คุณสุนทร ก็เริ่มงานทันที คืองานตอกเสาเข็มและโครงสร้าง ส่วนงานตบแต่งลวดลาย คุณสามารถ เป็นผู้รับเหมา โดยที่ คุณปรีชา อ่อนดี คุณนิโรจน์ และ คุณสมพงษ์ พันธ์อมรชัย พร้อมด้วย พนักงานยูโนแคล จ.สงขลา ช่วยกันรื้อพระวิหารในขณะที่มีอายุใกล้ ๒๕ ปี อีกทั้งนำรถยกพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่วิหารชั่วคราวด้วย<O:p</O:p
    ทั้งนี้ เพื่อให้ทันพอที่จะใช้สถานที่จัดงานพิธีบวงสรวง วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๔ ซึ่งในปีนี้จะต้องขออภัยท่านทั้งหลายด้วย ที่อาจจะไม่สะดวกกับการจัดงานเพราะกำลังเริ่มงานก่อสร้างกัน คิดว่าปีหน้าคงจะได้จัดงานฉลองกันอย่างแน่นอน เพราะมีผู้มีจิตศรัทธาที่ทราบข่าวจาก “ธัมมวิโมกข์” แล้วได้ร่วมทำบุญกันมากมาย เพื่อสมทบกับเงินที่รับบริจาค เมื่อปีก่อน ๆ แล้วบ้าง <O:p</O:p
     
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ตามบัญชีรายรับ-จ่าย ดังนี้<O:p</O:p
    เมษายน – พฤษภาคม ๒๕๔๔<O:p</O:p
    จ่าย ค่าทดสอบสภาพดิน ๒๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    ค่าเสาเข็ม ๑๐๕,๖๐๐ บาท<O:p</O:p
    ค่าวัสดุ ค่าแรงและเบ็ดเตล็ด ๓๕๗,๖๔๕บาท<O:p</O:p
    ค่าแรงตอกเสาเข็ม ๑๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    รวมจ่ายทั้งสิ้น ๔๙๘,๒๔๕บาท<O:p</O:p
    หมายเหตุ ค่าแรงตอกเสาเข็มราคาเต็ม ๓๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณเฉลา โชติช่วง<O:p</O:p
    ทำบุญค่าแรงตอกเสาเข็ม ๑๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    <O:p</O:pรายชื่อผู้บูรณะ<O:p</O:p


    ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๔<O:p</O:p

    คณะมาลัยจากฟ้า จ.สงขลา ๒๒,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คณะรถตู้, คุณเสาวพงศ์ วงศ์สวัสดิ์ ๒,๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คณะลูกบ้านฉาง จ.ระยอง ๑,๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณกมลรัตน์ เชษฐเจริญรัตน์ ๒,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณกรกมล ชูชัยศรี ๑๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณขุนทอง นุชประมูล ๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจรรยา รัตนสุวรรณ ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจรัส, สมศิลป์ สุวรรณศรี ๒,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจำเนียร,ประมวล,กมลชนก อาวรณ์ ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจำรัส, พุทธา ฐิติญาณ ๑,๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจุฑาพร ศรีอร่าม, ครอบครัว ๒๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณจุลเทพ เอื้อชลิตนุกูล, ครอบครัว ๗,๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณเชื้อ กุมภ์ประดิษฐ์ ๑๐,๒๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณฐิติ อ่อนโพธิรัตน์ ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณณรงค์ นาคสวัสดิ์ ๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณนงลักษณ์,ณัฎฐาทิพย์,สุกัญญา พงศ์ไพบูลย์ ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณนารี อนุตรโสตถ์,สายสมร จึงวัฒนา ๔๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณบรรหาร, สุมล บุญเจริญ ลูกหลาน ๒,๗๖๐บาท<O:p</O:p
    คุณประพัฒน์ทีปะนาถ, ครอบครัว ๕,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณประไพ เหตระกูล, ครอบครัว ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณปิยะพันธ์ ปัญจลักษณ์ ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณพริ้มเพรา ฉุจโรจน์ธรรม, ครอบครัว ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณมายิน เดี่ยวสุรินทร์, ครอบครัว ๒๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณลาวัลย์ บุญจอง, ครอบครัว ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณลำพึง ถนอมวงศ์,น.ท.จำเนียร ตุลาทอง ๖๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณลำไย เถื่อนนาดี ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณวัฒกะ ชูสุข ศุภฤกษ์รัตน์, ครอบครัว ๒,๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณวิไลวรรณ, ครอบครัว ๖๓๐บาท<O:p</O:p
    คุณวิศรา อังสกุล, ครอบครัว ๕๑๙ บาท<O:p</O:p
    คุณศักดา, สุณี ชาติสุทธิผล, ครอบครัว ๑,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณศิวพร ผิวขาว ๑,๐๐๐ บาท <O:p</O:p
    คุณศุภร อ๊ะนา ๖๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณสมบัติ สร้อยเพชร, ครอบครัว ๒,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณสมพร,สมชาติ,สุภาพร,บุญยศีล,อนาวิล วงศ์ภัทรนนท์ ๑,๕๐๐บาท <O:p</O:p
    คุณสมวงศ์, พาณี นุริตานนท์ ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสำราญ ขุมเพชร, ครอบครัว ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุเขมา นุชประมวล ๖,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุพิชฌา รุ่งโรจน์ขจร ๕๒๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุรชัย,จิตนา,เจริญสุข นิมิตเดชกุลชัย ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุรพงศ์ ปัณฑวังกูร, คณะ ๒,๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุรศาสตร์ ภมรศิริ,วนิดา อร่ามเมธาพงศา ๓,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณสุรเสกข์ แสงอัมพร ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณต่อ, ม.ล.ภาวิณี (หน่า) ๕,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณหัสชัย ธนูประสิทธิ์ ๓๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณอภิญญา ติยะลีศรี ๑๕๐ บาท
    <O:p</O:pคุณอำไพ อุไรรัตน์, ครอบครัว ๒๕๐ บาท<O:p</O:p
    คุณอุดม โรจนวิภาต ๓,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณฮุ้น แซ่หรือ, จิตต์อารีย์ ทีปะนาถ ๓,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณหญิงระรวย อรรถวิภาคไพศาลย์, คณะ ๒๓,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    จากบ้าน อ.สันต์-เกษริน ภู่กร พิษณุโลก ๖,๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    ท.พ.เชวง, ชลพินทุ์ บุศรากุล ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    น.ท.ปราโมทย์ เอี่ยมคง, เพ็ญศรี ถนอมแก้ว,ครอบครัว ๖๐๐ บาท<O:p</O:p
    พ.จ.อ.ประสาน,วนิดา,ภวัต รัตนวงษ์, ครอบครัว ๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    พระบุญชู ๑๐๐ บาท<O:p</O:p
    พระพโยม ธีรญาโณ, คณะ ๖,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    พระสำรวย รัตนโชโต วัดอัมพวัน ๗๑๐ บาท<O:p</O:p
    ม.ล.เอื้อมสุขย์ กิติยากร, ครอบครัว ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    ร.ต.สีมา พิษณุวัฒนา, ครอบครัว ๒๐๐ บาท <O:p</O:p
    ลูกหลานครอบครัว “ กุลรัตน์ ” ๒๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณโกวิทย์ โชติรัตนกูล ๑๐,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณทิพย์อัปสร เทพา, ครอบครัว ๑,๕๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณบุญสม บุญธรรม ๘๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณเยาวลักษณ์ มิตรศรัทธา, ครอบครัว ๑๐๐,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณสุดา เสริมศรี ๒๐,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณสุมาลี อนันต์พลังใจ ๑๐,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    คุณอุทิศ, วิลาส ชุมตรีนอก ๑,๐๐๐ บาท<O:p</O:p
    คุณนุสรา, ชนินทร์ รุนสำราญ, คณะ ๑,๓๐๐บาท<O:p</O:p
    ผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากปักษ์ใต้ ๓๐,๐๐๐บาท<O:p</O:p
    ผู้บริจาคผ่านพระชัยวัฒน์ ๑๑,๓๐๐บาท<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ♪<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พิมพ์เผยแพร่จำนวน ๑๕,๐๐๐<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คุณยายกิมไล่ ชูโตชนะที่เป็นเจ้าของที่ดินที่บริจาคให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อสร้างวิหาร และในปัจจุบันที่ดินที่ตั้งวิหารนี้ คุณยายได้ถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุกับคุณยายเป็นอย่างสูงยิ่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0051.jpg
      scan0051.jpg
      ขนาดไฟล์:
      457.5 KB
      เปิดดู:
      183
    • Picture 102.jpg
      Picture 102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.8 KB
      เปิดดู:
      116
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มิถุนายน 2010
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ผู้มีพระคุณอีกท่านหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ ขุนกระบี่ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หม่อมหลวง วรวัฒน นวรัตน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0062.jpg
      scan0062.jpg
      ขนาดไฟล์:
      496.9 KB
      เปิดดู:
      205
    • Picture 061.jpg
      Picture 061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.2 KB
      เปิดดู:
      114
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...