วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    อีกท่านหนึ่งคือพ่อ ที่ผมได้มีโอกาสจัดงานทุกอย่าง เหมือนกับงานแม่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของงาน ความสะอาดนั้นก็ไม่ให้มีอะเป็นที่มองดูน่ารังเกียจ ไม่ให้มีแม้แต่ก้นบุหรี่แม้ชิ้นเดียวบนพื้น ก็นำน้องๆกล่าวขมาลาโทษท่านด้วยตัวเอง จนมีคนที่มาในงานก็ร้องไห้ไปหลายคน พ่อในชาตินี้ สำหรับผมแล้วท่านก็เป็นพ่อที่สุดประเสร็ฐ แม้ยากจนก็วิริยะพากเพียรทุกอย่าง ความดีของพ่อท่านนี้สำหรับผมที่ปรารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษ ก็ยังคิดว่าไม่เสียทีที่เกิดเลย ที่มีวาสนาเกิดเป็นลูกพ่อ ก็จะขอจาลึกไว้เป็นลายลักษ์อักษร ว่าจะขอจดจำพระคุณความดี แต่หนหลังอันมากล้นเกินรำพันเทิดทูนพระคุณความดี ไว้ในดวงใจตลอดไปจนถึงกาลอวสานต์ หากว่าพ่อ และแม่ยังไม่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใดจะติดตามดูแลทดแทนพระคุณทุกอย่าง น้อมนำให้เป็นสัมมาฐิถิตลอดไป หากวาสนาบารมีของพ่อ และแม่เต็มสมบูรณ์บริบูรณ์เมื่อใด จะประคับประคองอุ้มส่งถึงประตูพระนิพพาน

    ด้วยสำนึกถึงผู้มีคุณเมื่องานจบลงก็ได้ร่วมกันกับน้องๆช่วยกันซื้อร่มใหญ่ จาก อ หาดใหญ่ไปแจกให้บรรดาแม่ครัวที่มาช่วยงานทุกๆคน

    ก็ขอผลาอานิสงค์ที่ลูกของพ่อคนนี้ได้บำเพ็ญมาแล้ว ในการปรารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษ ตั้งแต่ต้นจนถีงบัดนี้และที่จะมีต่อเนื่องไปในอนาคตกาลอันเอนกอนันต์นั้น และอานิสงค์ที่พ่อได้ขวนขวายเป็นเจ้าภาพกฐินและสร้างพระพุทธรูปนี้ จงส่งผลให้พ่อจงสู่สุขคติภพ หากยังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสารยังไม่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด

    ขอคำว่ายากจนเข็ญใจ คำว่าไม่มี คำว่าขัดข้อง คำว่าไม่รู้ คำว่าไม่สามารถจงอย่าได้มีกับพ่อ และขอให้ไม่ว่าจะเกิดอีกเมื่อใดเท่าไรชาติก็ตาม ขอจงอย่าเป็น ลูกจ้าง ลูกน้อง หรือเป็นบ่าวไพร่ผู้ใด ขอจงเป็นแต่นาย เป็นแต่เพียงเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะเล็กหรือจะใหญ่สักปานใด ตลอดจนทรัพย์สินใดๆ ประดามี แม้แต่เศษด้ายที่ชายผ้า ถ้าไม่ให้ใครแล้วไซร้ใครก็เอาไปไม่ได้ ใครก็ทำอันตรายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครมีเดชอำนาจวาสนามากสักเพียงใดก็ตาม นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เทอญ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2010
  2. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ป้ายคำขอขมาพ่อตั้งแต่ในวันงานก็ยังเก็บไว้เตือนใจอยู่ในห้องพระของผมตลอดมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0365.jpg
      IMG_0365.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      64
    • IMG_0366.jpg
      IMG_0366.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      58
    • IMG_0364.jpg
      IMG_0364.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      96
    • Picture 070.jpg
      Picture 070.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.9 KB
      เปิดดู:
      75
    • IMG_0368.jpg
      IMG_0368.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_0369.jpg
      IMG_0369.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      71
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มิถุนายน 2010
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คนหนึ่งที่จะขอบันทึกไว้คืออยากจะเรียกว่านางแก้ว เพราะเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ในกิจทุกอย่างเป็นอย่างดี คนนี้ที่ต้องพูดถึงเพราะผมเองต้องเรียกว่าบ้านแตกสาแหรกขาดถึงสามครั้งสามครา ในขณะที่กำลังคิดว่าจะกลับไปบวชอีกครั้งเป็นครั้งที่สามนั้น ในตอนนั้นก็ทั้งถูกเลิกจ้างงานเนื่องจากเจ็บหลังมากจนทำงานไม่ได้จากอุบัติเหตและเลิกกับภรรยาคนก่อนหน้านี้

    ก็จากบ้านไปแบบไม่มีเสื่อสักผืน หมอนสักใบ ไปอาศัยญาติผู้ใหญ่ที่ต่างอำเภอ นอนพักรักษาตัวในสภาพที่เรียกว่าเหมือนหมาถูกรถทับ หรืองูถูกตีจนหลังหักไปไม่ได้ เอาสั้นๆว่ายิ่งกว่านิยาย เพราะพอร่างกายมันพอมีแรงเดินได้บ้าง ก็จุดธูปบูชาพระทำสมาธิกรรมฐาน ซึ่งก็ทำเป็นปรกติ แต่วันนี้พิเศษหน่อยคือเมื่อสมาทานพระกรรมฐานแล้วก็อธิฐานขอต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านแม่ทั้งสาม ท่านปู่ ท่านย่า ว่า

    ถ้าหากลูกนี้มีวิสัยจะต้องอยู่เป็นฆราวาส ผู้ครองเรือนก็ขอให้จงได้น้องหญิงที่เป็นเชื้อสายของกลุ่มวัดท่าซุง หรือคนที่เคยเป็นคู่ครองกันมาในอดีตเท่านั้น มาเป็นคู่ครอง ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ เป็นคนอื่นไม่เอา ก็อธิฐานแบบนั้น เพราะเท่าที่มีมากี่คนนี่ มันพูดกันไม่รู้เรื่อง และถ้าไม่มีอย่างหนึ่งอย่างใดก็จะบวชอีก คิดว่าบวชเที่ยวนี้จะไม่ทำอะไรทั้งหมดเหมือนเที่ยวที่แล้ว จะเข้าป่าแล้วไปหาที่เหมาะๆและตายสถานเดียว ตายอย่างที่สามเณรน้อยสมัยเชียงแสนตายนั่นแหละ จะเอาแบบนั้น

    ตั้งใจว่าจะลองไปเป็นพรหมดูสักประเดี๋ยวแล้วเดี๋ยวจะกลับมาฟัดกับโลกนี้ใหม่ แล้วก็เจริญพระกรรมฐานทิ้งอารมณ์อื่นหมด จับภาพพระพอมองเห็น แล้วกลับมาที่ลมหายใจ แล้ววางภาพพระจับลมหายใจอย่างเดียวให้ใจสบาย พอจิตสบายก็วูบไปนิดก็เกิดภาพมาเป็นระยะเลยน้องนางเชื้อสายวัดท่าซุง สองสามคนแรกมาซะสวยอย่างในฝันเลย มาถึงก็ยกมือไหว้บอกว่าไม่ขอตามท่านพี่นะเพราะจะขอเข้าพระนิพพานชาตินี้ภาพก็หายไป อีกคนมากับแม่บอกเหมือนกันว่าจะไปอยู่กับแม่ที่พระนิพพาน

    ไอ้สี่ห้าคนที่ว่านี้มีตัวตนอยู่ทุกวันนี้ตัวแนวๆหน้านี่แหละด้านเจโตปริยญาณ แต่ละคนที่ฝันนี่คล่องตัวทุกคน ตาดีทั้งหมด ไอ้คนหนึ่งไปทำบุญประจำที่บ้านเจ้ากรมเสริมเมื่อก่อนเจอบ่อย เรื่องนี้ผ่านไป ทีนี้มาถึงนางแก้วคนปัจจุบัน เมื่อถอนพระกรรมฐานแล้วก็อธิฐานซ้ำอย่างเดิมตามแบบฉบับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วก็นอนหลับไป

    แต่เช้าเอาเลยพี่สาวมาเรียกแต่เช้ายังไม่ลุกจากที่นอนเลยว่าให้ไปเป็นเพื่อนที่ในอำเภอหน่อยเอารถมอเตอไซไปสองคัน ให้ผมเตรียมตัวเดี๋ยวจะมารับ หายไปพักหนึ่งกลับมากันสามคนรถหนึ่งคัน มาถึงบอกให้ผมเอารถผมไปให้ไอ้น้องหญิงนี่ซ้อนรถไปกับผมด้วย ก็ไปธุระกันระหว่างที่พี่สาวคุย ไอ้ผมก็ได้มีโอกาสคุยกับน้องหญิงคนนี้ โดยเดินพากันดูน้ำในแม่น้ำแล้วก็คุยกันเรื่อยเฉื่อย คุยกันไม่กี่คำโดยที่ไม่ได้คิดว่าไอ้น้องหญิงนี่จะสนใจอะไรผม เพราะเหตุหลายอย่างในความไม่พร้อมของผม

    มีตอนหนึ่งที่ประทับไปอีกสิบชาติร้อยชาติก็ไม่มีวันลืมก็คือขณะที่เดินเพลินๆเธอเดินเข้ามาใกล้มองหน้าแล้วก็บอกว่า ให้พี่กลับไปทำงานนะจะไปด้วย แล้วก็ยืนตาแป๋วรอคำตอบ ผมนี่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย ที่มีผู้หญิงระดับดาวของหมู่บ้าน ตัวเด่นอันดับหนี่งของโรงเรียนการเรียนนี่ที่หนึ่งตลอด เป็นคนที่ทั้งในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียงกล่าวขวัญ นี่เท่าที่ผ่านมานี่ไม่เคยคุยชู้สาวกับเธอเลยเพราะทั้งอายุก็ห่างกันมากไม่กล้าคุยแบบนั้น ในตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไรก็ได้แต่อึ้ง ทั้งตกงานไม่มีสตางค์ เจ็บหลัง อย่าว่าแต่จะทำงานเลย แค่เดินเหิรก็ยังมีอาการเจ็บอยู่

    เมื่อเธอพูดแบบนั้นแล้วหลังจากนั้นเธอก็ทำตัวสนิทสนมไม่มีอาการเขินอายเลย ไอ้ผมก็มองๆแบบเอ็นดูในตอนแรก ก็เริ่มที่จะสังเกตุ จริยาอาการแบบนี้มันคุ้นตานี่ ไอ้แบบเรียบร้อย แต่คล่องตัว พูดฉะฉาน ฉลาดปราดเปรียวนี่ ทำอะไรหลายๆอย่างได้แบบผู้ชาย แต่อ่อนหวานอ่อนโยน เต็มไปด้วยเมตตาปราณีนี่มันจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ คนถ้าต่อปากต่อคำทันกันในเรื่องบุญทานกองการกุศลระดับปรารถนาพระโพธิญาณแล้วเข้าใจนี่ มันเรื่มสดุดใจแล้วก็นึกออกถึงที่อธิฐาน ขอกับท่านย่า และท่านแม่ทั้งสามเมื่อคืน

    ก็เลยถามเธอว่าทำไมถึงจะไปด้วย เธอก็บอกว่าเธอชอบแบบนี้ เธอบอกว่าเห็นและชอบใจผมมาตั้งแต่เธอเป็นเด็กอายุแปดขวบ อยากไปอยู่ด้วย ก็เลยบอกว่าจะไปด้วยก็ได้แต่ตอนนั้นก็หนักใจ สุขภาพตัวเอง เธอก็ยังบอกว่าก่อนที่เธอจะพูดกับผม เธอบนกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอให้เธอกล้าที่พูดขอไปอยู่กับผม และขอให้ผมยอมรับเธอด้วย ผมก็ยกมือไหว้ไปทางวัดท่าซุง มันปีติ มันเหลือเชื่อมากๆ ปีติไม่ใช่ดีใจจะได้เมีย แต่ดีใจที่ท่านย่าท่านแม่ประทานมาให้อย่างกับหลับฝันไป ที่กล้าพูดนี่เพราะนางแก้วคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ยังยืนยันได้ จากนั้นก็เป็นอันว่าไปด้วยกัน

    และผมก็พาเธอสั่งสมบุญญาบารมีทุกรูปแบบในระดับนางแก้วพึงกระทำ เธอทันผมทุกอย่าง เคียงบ่าเคียงไหล่ถึงใหนถึงกัน ทำอะไรทำกัน เรียกว่าผมไม่ต้องระวังหลังเลย เผื่อว่ามีการประกวดนางแก้วจะลองส่งประกวดดู ณ วันนี้ผมมั่นใจของผมว่านางแก้วของผมนี่ก็ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ระดับขนาดท่านย่าท่านแม่ส่งมาให้ปราบผมนี่ บางครั้งบางคราวนี่ผมยังต้องยกมือไหว้ในคุณธรรมความดี ดูๆแล้วนี่เธอทำท่าต้นทุนมาดีกว่าผมมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0001.jpg
      scan0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      318.7 KB
      เปิดดู:
      115
    • Picture 025.jpg
      Picture 025.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.2 KB
      เปิดดู:
      117
    • Picture 033.jpg
      Picture 033.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.6 KB
      เปิดดู:
      78
    • Picture 042.jpg
      Picture 042.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.3 KB
      เปิดดู:
      82
    • Picture 044.jpg
      Picture 044.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      67
    • Picture 045.jpg
      Picture 045.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.1 KB
      เปิดดู:
      68
    • Picture 031.jpg
      Picture 031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.1 KB
      เปิดดู:
      77
    • Picture 034.jpg
      Picture 034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.2 KB
      เปิดดู:
      84
    • Picture 040.jpg
      Picture 040.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • Picture 041.jpg
      Picture 041.jpg
      ขนาดไฟล์:
      126 KB
      เปิดดู:
      67
    • Picture 046.jpg
      Picture 046.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.1 KB
      เปิดดู:
      64
    • Picture 029.jpg
      Picture 029.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • Picture 047.jpg
      Picture 047.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.3 KB
      เปิดดู:
      79
    • Picture 051.jpg
      Picture 051.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.3 KB
      เปิดดู:
      71
    • Picture 052.jpg
      Picture 052.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.8 KB
      เปิดดู:
      71
    • Picture 111.jpg
      Picture 111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.7 KB
      เปิดดู:
      67
    • Picture 112.jpg
      Picture 112.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.1 KB
      เปิดดู:
      71
    • Picture 099.jpg
      Picture 099.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.6 KB
      เปิดดู:
      87
    • scan0071.jpg
      scan0071.jpg
      ขนาดไฟล์:
      478.9 KB
      เปิดดู:
      94
    • Picture 089.jpg
      Picture 089.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • Picture 090.jpg
      Picture 090.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.2 KB
      เปิดดู:
      75
    • Picture 093.jpg
      Picture 093.jpg
      ขนาดไฟล์:
      137.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • Picture 092.jpg
      Picture 092.jpg
      ขนาดไฟล์:
      170.5 KB
      เปิดดู:
      70
    • Picture 091.jpg
      Picture 091.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.9 KB
      เปิดดู:
      83
    • Picture 020.jpg
      Picture 020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.9 KB
      เปิดดู:
      88
    • Picture 228.jpg
      Picture 228.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.3 KB
      เปิดดู:
      57
    • Picture 220.jpg
      Picture 220.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130 KB
      เปิดดู:
      66
    • Picture 239.jpg
      Picture 239.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166 KB
      เปิดดู:
      86
    • scan0087.jpg
      scan0087.jpg
      ขนาดไฟล์:
      413.2 KB
      เปิดดู:
      61
    • DSC02144.JPG
      DSC02144.JPG
      ขนาดไฟล์:
      290.9 KB
      เปิดดู:
      92
    • DSC01959.JPG
      DSC01959.JPG
      ขนาดไฟล์:
      560.4 KB
      เปิดดู:
      83
    • DSC03549.JPG
      DSC03549.JPG
      ขนาดไฟล์:
      590.6 KB
      เปิดดู:
      74
    • Picture 229.jpg
      Picture 229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC01158.JPG
      DSC01158.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.8 KB
      เปิดดู:
      86
    • DSC03594.JPG
      DSC03594.JPG
      ขนาดไฟล์:
      588.9 KB
      เปิดดู:
      92
    • Picture 231.jpg
      Picture 231.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.1 KB
      เปิดดู:
      59
    • Picture 232.jpg
      Picture 232.jpg
      ขนาดไฟล์:
      183.1 KB
      เปิดดู:
      84
    • Picture 233.jpg
      Picture 233.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.3 KB
      เปิดดู:
      85
    • Picture 234.jpg
      Picture 234.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.8 KB
      เปิดดู:
      76
    • scan0011.jpg
      scan0011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      295 KB
      เปิดดู:
      86
    • Picture 235.jpg
      Picture 235.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130 KB
      เปิดดู:
      98
    • scan0102.jpg
      scan0102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      490.4 KB
      เปิดดู:
      79
    • DSC02181.JPG
      DSC02181.JPG
      ขนาดไฟล์:
      502.3 KB
      เปิดดู:
      90
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2010
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ทีนี้ก็มาถึงบันทึกสุดท้ายที่ผมจะได้บันทึกไว้เป็นสาธารณะด้วยตัวเองขณะที่มีชิวิตอยู่ เพราะเรื่องราวหลายอย่างไม่มีใครรู้เลยถ้าไม่นำมาบอกเล่า ภาพทีนำมาลงฝากไว้ให้ดูนี้ เป็นภาพการผ่าตัดหมอนรองกระดูกที่แตกทำให้กระดูกสันหลังไปกดทับเส้นประสาทมีอาการเจ็บปวดสาหัสมาก ระดับความเจ็บนี่ตอนอยู่โรงพระยาบาลหมอถามว่าเจ็บขนาดใหน ในคะแนนเต็มสิบ ผมบอกว่าสิบนั่นแหละ ต้องฉีดยาแก้ปวดเป็นระยะนั่นแหละ จึงจะพอหลับได้บ้าง

    เมื่อปรารถนาพิเศษ ก็เลยเวลาเจ็บมันก็เลยพิเศษไปด้วยคนอื่นเขาผ่าครั้งสองครั้งเขาก็หายปวด ของผมตัองผ่าที่เดิมถึงห้าครั้ง ครั้งที่ห้านี้ต้องใส่โลหะไทเทเนี่ยมดามกระดูกยาวสี่ข้อตั้งแต่ L2-L3-L4 และ L5 ผ่าหมอนรองดูกช่วง L5-S1

    การเจ็บของผมมันเริ่มตั้งแต่ 4 กรกฏาคม 2549

    การผ่าตัดมีดังนี้
    ครั้งที่หนึ่ง 11 ส.ค. 2549
    ครั้งที่สอง 18 ส.ค. 2549
    ครั้งที่สาม 18 ก.ย. 2549
    ครั้งที่สี่ 27 ก.ย. 2549
    และครั้งที่ 5 เมษายน 2550

    เมื่อออกจากห้องผ่าตัคในครั้งนี้ผมต้องพักฟื้นในห้องไอซียูต่อเจ็บปวดสาหัสมาก

    และหลังจากทำการผ่าตัดที่เดิมถึงห้าครั้งแล้ว ผมก็หมดโอกาสที่จะทำงานต่างแบบคล่องตัวได้อีกต่อไป ในทุกวันนี้แค่เดินได้ปรกติ เดินเร็วไม่ได้ เดินนานไม่ได้ สุขภาพทรุดโทรมอ่อนแอลงมากเนื่องจากความไม่คล่องตัว ออกกำลังกายไม่ได้ ทำได้แค่เดิน แค่ยืน ในช่วงปี2552ในเว็ปนี้ผมแทบไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเลย จากหลายสาเหตุ จากการที่ไม่ได้โพสมานาน ทำให้ผมไม่สามารถเข้าระหัสเก่าได้ ซึ่งผมสมัครไว้ตั้งแต่ 24 Dec 2005

    ต้องสมัครระหัสใหม่อีก เป็น pco ตัวเล็ก เมื่อ Apr 2010 ใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงาน แต่เวลากลับมาที่บ้าน เข้าระหัสไม่ได้อีกก็เลยสมัครใหม่เมื่อ May 2010 ก็เลยกลายเป็น 3 PCO 3 ระหัส

    ภาพการผ่าตัดนี้เป็นครั้งที่ห้า ก่อนผ่าตัดผมฝากให้หมอช่วยถ่ายรูปให้ด้วย หมอท่านก็สงเคราะห์ให้ทีมของท่านถ่ายให้ การผ่าแต่ละครั้งผมจะถูกวางยาสลบประมาณสี่ชั่วโมง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05741.JPG
      DSC05741.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      65
    • DSC05742.JPG
      DSC05742.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      71
    • DSC05745.JPG
      DSC05745.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      78
    • DSC05749.JPG
      DSC05749.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      92
    • DSC05750.JPG
      DSC05750.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      79
    • DSC05761.JPG
      DSC05761.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      100
    • DSC05762.JPG
      DSC05762.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      70
    • DSC05758.JPG
      DSC05758.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      83
    • DSC05760.JPG
      DSC05760.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2010
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์


    (โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)


    [​IMG]
    (ยก มาจาก"พ่อสอนลูก") ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บอารมณ์ตัด ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ แต่อารมณ์ต่างกันแต่เสริมขึ้น อารมณ์มุ่งเข้าตัดกิเลสตรง เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้าอารมณ์มันเบาลง มันต่างกัน

    พระ โพธิสัตว์นี่ พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บพระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวช ๑๐๐ วัน เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์ พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขยกับแสนกัปเท่านั้น พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขยสองอสงไขยมาแล้วต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง ถ้าไปโดนศรัทธาธิกะ ต้องหวด ๘ อสงไขย ถ้าวิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย



    ฉัน นี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่ เป็นวิริยาธิกะหมด พวกตามเป็นวิริยาธิกะ เฉพาะลูก ๘๐,๐๐๐ กว่าแล้ว พวกไม่คิด เป็นกองทัพใหญ่เลย ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสน กองทัพนะ ลูกฉันน่ะมีบ้าทุกคน ตีฉิบหายหมด บ้าเหมือนพ่อมัน

    เมื่อกี้ นั่งคุยกับแม่ศรี อยู่พักหนึ่ง เขาทำภาพเก่าๆคือว่า คนนี้เขาต้องดึงภาพเก่ามาให้เห็นนะเพื่อเป็นการสั่งสอนแนะนำคน โยมท่านพูด บอก "เออ...ลูกคุณ ลูกกับพ่อก็เหมือนกัน แม่พ่อก็แบบเดียวกัน ลูกก็แบบพ่อกับแม่" เราก็ไม่รู้ว่าท่านพูดว่ายังไง แม่ศรีก็ทำตาม บอก "ดูซิ ลูกผู้หญิง ลูกผู้ชายมันบ้าเหมือนพ่อ มันบ้าเหมือนแม่หมด" พ่อแม่มันชอบรบใช่ไหม พ่อแม่คว้าดาบเข้าไป ลูกจะคว้าอีโต้ได้ไง ก็ไปตามเข้าป่าไป ก็รบกันแหลกมานาน พวกนี้จึงต้องใช้พวกวิริยาธิกะ นี่ต้องผ่านหนักทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรเบา งานทุกอย่างเต็มไปด้วยความลำบาก

    พวก เราที่นั่งๆอยู่ที่นี่ทั้งหมด ท่านถึงพูดได้ว่าไปหมด เพราะกำลังเลย กำลังนี่เลยแล้ว แต่ว่าจุดใดจุดหนึ่งที่จะเข้าถึงมันยังขาดอยู่นิดเดียวเพราะอารมณ์ไม่ถึง ทุกอย่างมันเลยหมด มันเต็มหมด อย่างพวกเรานี่ขาดอันเดียว คือ ขาดอารมณ์ตัดสิน ทำไมจึงขาดอารมณ์ตัดสิน ขาดเพราะว่าอารมณ์เวลานั้นมันยังไม่ถึง เพราะที่ผ่านมานี่ การรบก็ดี การบริหารก็ดี มันมีกรรมบังอยู่หนุนอยู่ พอถึงจุดนั้นปั๊บตัด ๒ เดือนมันหลุดเลย ง่ายนิดเดียว ฉันรู้แล้วว่ามันง่าย

    พระ โพธิสัตว์ จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน ถ้าเป็นปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก อยากเป็นไหม

    เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

    ผู้ ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด หมายความว่า ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ ฉันลองดูแล้ว

    สำหรับ ท่านที่บำเพ็ญ ตนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เราต้องการซื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้

    หมาย ความว่า เราจะทุกข์แค่ไหนนั้นมันเป็นเรื่องของเรา ไม่มีความสำคัญ จิตใจของเรานั้น เราคิดว่าเราจะพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเราช่วยเหลือความสุขแก่บรรดาประชาชนที่มีความทุกข์ ถ้าเราเปลื้องทุกข์เขาได้ เราก็เป็นคนหมดทุกข์ เราสร้างให้เขาเป็นคนมีความสุขได้เราก็เป็นคนมีความสุข จิตใจของพระโพธิสัตว์มีอารมณ์อย่างนี้ แต่ทว่าให้เป็นไปตามบารมี

    บารมี ของพระโพธิสัตว์นั้น แม้จะเป็นการเริ่มต้นแห่งการปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาปรานี ก็จะมีบริษัทมาก จะมีบริวารมาก เป็นการฝึกกำลังใจของนักปฏิบัติเพื่อจะได้ซ้อมกำลังใจของเราว่ามีความหนัก แน่นเพียงใด

    นักปรารถนาพุทธภูมิจะต้องมีทั้งขันติและโสรัจจะ ขันติ อดทนต่อความยากลำบากทุกประการ เพื่อความสุขของปวงชน โสรัจจะ แม้จะกระทบกระทั่งทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดก็ตาม ก็ทำหน้าแช่มชื้นไว้เสมอ นี่ก้าวแรกสำหรับพุทธภูมิ และกำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่จะเว้นไม่ได้นั่นคือ พระนิพพาน จงอย่าคิดว่าถ้าจิตเราเกาะพระนิพพานแล้วความเป็นพุทธภูมิจะหายไป ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นผู้มีกำลังใจต่ำ ก้าวไม่ถึงก้าวสำคัญของพุทธภูมิ

    พุทธภูมิจะต้องมีความรู้สึกอยู่เสมอ ว่าเราเป็นผู้ที่ต้องการพระนิพพาน อารมณ์ใดที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงแนะนำในด้านวิปัสสนาญาณ ต้องเกาะให้ติด และมีกำลังจิตใช้ปัญญาพิจารณาไว้เสมอ เพื่อความสุขของจิต เพื่อปัญญาเลิศแล้ว ก็มีจิตตั้งไว้เสมอว่า ถ้าหากจิตของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อไหร่ เมื่อนั้นบารมีของเรานั้นไซร้ จะเข้าเต็มเปี่ยมในขั้น พุทธวิสัย ชื่อว่า การที่เราจะเข้าพระนิพพานคนเดียว เราไม่เข้าใจ มองไว้เข้าใจว่า บุคคลใดที่มีความทุกข์ในโลกที่ยังมีความฉลาดไม่พอ บุคคลนั้นเราเองจะเป็นผู้อุ้มเขาไปสู่แดนเอกันตบรมสุขคือพระนิพพาน

    อันนี้ เป็นกำลังใจของท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ

    พุทธ ภูมิมีจุดดึงมาก เพราะเกี่ยวกับครู มีหน้าที่ในการเป็นครู การที่จะเป็นครูเขานี่ จะต้องลำบาก ทุกอย่างจะต้องผ่านหมด พวกพุทธภูมินี่ถ้าไม่จบกรรมฐาน ๔๐ กอง ยังไม่ไปหรอก ต้องล่อกันมาเป็นแสนชาติเลย ไม่ใช่ชาติเดียวนะ ไม่ใช่ชาติสุดท้ายก็ได้ ๔๐ ไม่ใช่ ต้องว่ากันมาเป็นแสนชาติ สังเกตดูพระพุทธเจ้า ท่านได้อภิญญามาตลอด ท่านเหาะตลอด

    เมื่อสัก ๒ - ๓ เดือนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนัก งานของฉันก็หนักขึ้นมา จะเร่งให้มันเสร็จ ค่าใช้จ่ายสูงมาก วันนั้นก็วิตกว่า ถ้าอาการอย่างนี้ก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ว่างานจะคั่งค้างหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับเรา เราอยู่เราทำ ตายก็ตายไป หมดเรื่องหมดราว ก็ปรากฏว่าวันนั้นพระท่านมา ท่านเรียกประชุมพระโพธิสัตว์ทั้งหมด แล้วท่านก็บอกว่า พระโพธิสัตว์ทุกองค์ก็ขอให้ช่วย ก็เป็นอันว่าพระศรีอาริย์ท่านร่วมด้วย

    พระ โพธิสัตว์มีเยอะนะ พระโพธิสัตว์จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่ยังติดแอ้เต็มอัตราอยู่เยอะแยะ เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิด นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต วันที่ท่านเรียกประชุม พระโพธิสัตว์ไม่น้อยเลยนะ ขนาดเต็มที่แล้วนี่สวยจริงๆ แพรวพราวเป็นระยับ ทั้งเต็มและไม่เต็มท่านเรียกมาหมด ท่านบอก "ให้ช่วยกันนะ งานของฉันเอง" ทุกองค์ก็เลยรับ (ถ้าลูกหลานระลึกถึงและขอให้ท่านสงเคราะห์) ก็ทำได้เลย


    ที่มา พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ในช่วงท้ายของการบันทีกนี้ก็นำเอาความนในใจที่มั่นใจว่าผมก็เป็นหนึ่งในจำนวนลูกแปดหมื่นกว่าคนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อก่อนเคยคิดบ่อยๆว่าเราก็รัก เคารพในพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง ปฏิปทาลีลาต่างๆในหลายยุคสมัยเอาแค่สมัยเชียงแสนเป็นต้นมาจนรัตนโกสินทร์ ในแต่ละอดีตชาติมันมีความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์แทบจะทุกครั้ง ที่ท่านเล่าอะไรให้ฟังมันคุ้นมากเหมือนตัวเองหลับพึ่งจะตื่น มันจำอะไรได้ติดตาติดใจมาก สิ่งที่ตัวเองชอบ ตัวเองถนัด เมื่อเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็บอกตัวเองทันทีเลยว่าแม่แบบต้นฉบับเป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี่เอง

    ทีนี้ที่สงสัยก็คือ คิดว่าเอ เราเป็นลูกของพ่อหรือปล่าว ถ้าเป็นมันทำไม ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนี้ บวชเป็นสมมุติสงฆ์มาก็ตั้งนาน ยังไม่ได้อะไรเลย สมาธิกรรมฐานก็ทำแบบเอาเป็นเอาตายตั้งใจจะทรงอภิญญาให้จงได้ ก็คิดเรื่อยเฉื่อย ก็มีโอกาสวันหนึ่งสมัยเป็นนักบวชแล้วมาอาศัยอยู่วัดศรีมณีวรรณ อ มโนรมณ์ ไม่ไกลวัดท่าซุงมากนัก ห่างประมาณ 6-7กิโล ก็ไปหาท่านในเวลาท่านรับแขกที่ตึกรับแขกใหม่ ก่อนไปก็จุดธูปอธิฐานว่าถ้าหากว่าเกล้ากระผมเคยเกิดเป็นลูกของพ่อมาในอดีต และติดตามพ่อมานานก็ขอให้พ่อจงโปรดสงเคราะห์รับรอง ถ้าไม่ใช่ ก็ขอให้พ่อจงนิ่งเฉย


    แล้วก็มีไม้เท้าที่ซื้อไว้หนึ่งอันจะเอาไปถวายท่านด้วย ไม้เท้านี่ซื้อไว้ก่อนหน้านั้นประมาณสักหนี่งอาทิตย์ กำลังคิดอยากได้ก็พอดีมีพ่อค้าเอาใส่ท้ายมอเตอร์ไซมาขายที่วัด ก็ซื้อไว้ตั้งใจจะเอาไปถวายท่าน เอาวางไว้ที่หัวนอนในกุฏิที่พัก เรื่องไม้เท้าเรื่องกระบี่กระบองเรื่องดาบนี่มันไม่รู้เป็นไง เห็นแล้วมันชอบมันครึ้มใจพิกล เวลาที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจตอนนั้นก็คิดว่าเดี่ยวจะเอาไม้เท้านี้ไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ให้ท่านฟาดกบาลให้มันหายโง่ซะทีเห็นไม้ทีไรคิดแบบนั้นทุกที เมื่อฉันเพลเสร็จก็จุดธูปอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น แล้วก็เจริญพระกรรมฐาน


    เสร็จแล้วก็ไปหาท่าน ไปถึงท่านรับแขกอยู่พอดี มีคนนั่งอยู่ประมาณสาม-สี่สิบคน ก็จะเข้าไปกราบท่านแค่ขณะที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ยังไม่ทันจะได้กราบท่านก็พูดทันที ว่าเป็นไงลูกเอ้ย สงสัยอะไรหรือลูก พ่อเข้าใจ ในตอนนั้นนี่ตัวผมชาดิกไปหมดก้มลงกราบท่านน้ำตานี่กลั้นไม่อยู่สอื้นจนตัวโยนนี่ถ้าอยู่ลำพังกับท่านนี่คงปล่อยโฮ ก็พยายามฝืนเต็มที่มันอายคน บวชเป็นพระมั่นใจว่าตัวเองนี่แกร่งพอวางใจได้ แหมวันนี้เป็นพระดันร้องไห้ต่อหน้าคนมากๆซะได้ ก้มกราบแทบเท้า
    ท่านอยู่นานและเช็ดน้ำตากับพรมเช็ดเท้าของท่านนั่นแหละ


    สงบสติอารมณ์ดีแล้วก็เอาไม้เท้าประคองด้วยสองมือคู้กายถวายให้ท่าน ท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมพิงหลังแบบผ่อนคลายคือนั่งพิงแบบสบายๆของท่าน แต่ตอนที่ผมน้อมกายถวายท่านขยับนั่งกายตรงแล้วก้มมารับไม้เท้าด้วยสองมือของท่านมองผมแบบที่อีกร้อยชาติพันชาติก็จะไม่ขอลืมเลือนไปจากใจ สายตาแสดงออกเลยว่าท่านพบลูกของท่านให้เห็นเลย แถมพอรับไม้ไปแล้วท่านก็กำด้ามไม้จับแบบแน่นๆเลยยกขึ้นเงื้อสุดแขนแบบทำท่าจะฟาดกบาลให้แตกเป็นเสี่ยงๆ เงื้อไปด้วยแล้วท่านก็พูดว่าวันนี้ตีหัวพระวัดศรีมณีวรรณซักที โอยใจตอนนั้นนี่บรรยายไม่ถูก ถ้าเป็นฆราวาสนี่ผมคงกระโดดกอดพ่อไปแล้ว


    หลังจากที่สึกจากความเป็นพระมาก็ลงไปทำงานในอ่าวไทยมันก็คิดอีกเอ เราเป็นลูกพ่อนี่มันทำไมอย่างนี้นะทำอะไรนี่ มันยากลำบากกว่าชาวบ้านเขาตลอด ก็อธิฐานอีกแบบเดิมทีนี้ส่งเงินไปร่วมทำบุญทอดกฐินกับท่านที่วัดทุ่งหลวง ในใบที่เขียนธนาณัติ ก็เขียนอธิฐานว่าขออานิสงค์กฐินทานนี้จงส่งผลให้ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตกาลโน้นเถิด และขอสัญลักษ์อะไรก็ได้ให้รู้ว่าเกล้ากระผมเคยเกิดเป็นลูกของพ่อมา ทีนี้ท่านก็ให้มาซะเลิกสงสัยไปตลอดชาติ ปรกติพระท่านจะแสดงอะไรก็แค่สามครั้ง ไม่เกินนั้น นี่ท่านคงจะรำคารว่าเดี๋ยวคงสงสัยอีกท่านก็เลยพิมพ์ลงในใบโมทนาส่งกลับมาให้ผมถึงสี่ครั้งตามที่เอามาลงบันทึกไว้นี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 244.jpg
      Picture 244.jpg
      ขนาดไฟล์:
      516.9 KB
      เปิดดู:
      723
    • Picture 246.jpg
      Picture 246.jpg
      ขนาดไฟล์:
      397.5 KB
      เปิดดู:
      394
    • Picture 247.jpg
      Picture 247.jpg
      ขนาดไฟล์:
      403.1 KB
      เปิดดู:
      259
    • Picture 248.jpg
      Picture 248.jpg
      ขนาดไฟล์:
      395.7 KB
      เปิดดู:
      567
    • Picture 249.jpg
      Picture 249.jpg
      ขนาดไฟล์:
      410.8 KB
      เปิดดู:
      3,096
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2011
  7. m@c

    m@c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ขออนุโมทนาสาธุทั้งหมดทั้งมวลค่ะ
     
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3431753" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>m@c</TD><TD class=alt1>ขออนุโมทนาสาธุทั้งหมดทั้งมวลค่ะ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    สาธุ ขอจงสมความปรารถนา ทุกประการครับ
     
  9. เพพัง

    เพพัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,759
    ค่าพลัง:
    +8,253
    อนาคตอีกยาวนาน แต่กำลังใจก็จะสู้และฝ่าฟัน ขอให้ถึงปรมัตถบารมีเร็ว ๆ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  10. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611
    เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้นะเจ้าคะ
    ได้อ่านๆไป บางทีก็ปีติจนน้ำตาไหล

    ทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความยากลำบากและยาวนานเพียงไร ยังไงก็ต้องสำเร็จสักวัน

    ส่วนหนูนี้คงขอตามหลวงพ่อไปนิพพานชาตินี้แหละเจ้าค่ะ
    เกิดเป็นคนมันแย่เหลือเกิน พลาดพลั้งไปจะพาลตกอบายภูมิเสียเปล่าๆ

    ขออนุโมทนากับผลบุญที่ท่านได้ทำไว้ทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะเจ้าคะ
     
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3447198" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>คาเรีย</TD><TD class=alt1>เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้นะเจ้าคะ
    ได้อ่านๆไป บางทีก็ปีติจนน้ำตาไหล

    ทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความยากลำบากและยาวนานเพียงไร ยังไงก็ต้องสำเร็จสักวัน

    ส่วนหนูนี้คงขอตามหลวงพ่อไปนิพพานชาตินี้แหละเจ้าค่ะ
    เกิดเป็นคนมันแย่เหลือเกิน พลาดพลั้งไปจะพาลตกอบายภูมิเสียเปล่าๆ

    ขออนุโมทนากับผลบุญที่ท่านได้ทำไว้ทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะเจ้าคะ

    โมทนาสาธุนะครับ พูดคล้ายไอ้น้องในอดีตที่มาในสมาธิ คาเรียนี่ใครกันนะ ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยนะครับ ขอขอบคุณในคำให้กำลังใจ ภาระหน้าที่ของบรรดาผู้กล้าลูกผู้ชายชาตรีสองข้างทางที่ดำเนินไปนั้น นับครั้งไม่ถ้วนในการที่พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ บางอย่างรักดั่งแก้วตาดวงใจ ใจนั้นแม้จะแกร่งเพียงใหน นับครั้งไม่ถ้วนอีกเหมือนกันที่น้ำตามันตกใน ดีใจด้วยอย่างยิ่งที่จะเป็นหนึ่งในกว่าเจ็ดแสนคนที่จะได้จบกิจติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อเข้าพระนิพพานเมืองแก้ว สิ้นทุกข์สิ้นโศก กิจทั้งปวงวางลงได้เสียที จะขอจดจำจาลึก พระคุณความดีแต่หนหลัง คณะที่ติดตามพระเดชพระคณหลวงพ่อมาตั้งแต่ต้นทุกท่าน จะขอจาลึกไว้ในดวงใจตลอดไปจนกว่าจะถึงวันที่บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณ อยากจะกล่าวคำร่ำลา คำขอขมาลาโทษฝากไว้ ณ ตรงนี้กับทุกๆท่านว่าขอจงงดโทษที่ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ขอจงอโหสิกรรม นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน และหากคุณคาเรียเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเมืองแก้วแล้วขอจงโปรดได้กลับมาสงเคราะห์ตักเตือนหากว่ากิจอย่างหนึ่งอย่างใดจะพลาดไป




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2010
  12. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611

    หนูก็เป็นเพียงผู้ผ่านทางมา ดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวของผู้ที่บำเพ็ญบารมี
    เพื่อพระสัมมาสัมโพธิญาญในอนาคตกาลเจ้าค่ะ

    แม้ไม่ทราบว่ามีกรรมใดเกี่ยวเนื่องกันหรือเปล่า

    แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้แก่ท่านทุกประการ

    ทั้งหากข้าพเจ้าได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อท่านไป
    ไม่ว่าจะในอดีตชาติหรือปัจจุบัน จะตั้งใจก็ตามหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
    ขอท่านได้โปรดเมตตาอดโทษ และอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า
    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ


    ปล. หากข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานแล้ว
    และจะได้มีโอกาสได้ทำประโยชน์เพื่อท่านจริง
    ข้าพเจ้ายินดีช่วยเหลือเต็มที่เจ้าค่ะ
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3447198" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>คาเรีย</TD><TD class=alt1>หนูก็เป็นเพียงผู้ผ่านทางมา ดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวของผู้ที่บำเพ็ญบารมี
    เพื่อพระสัมมาสัมโพธิญาญในอนาคตกาลเจ้าค่ะ

    ส่วนหนูนี้คงขอตามหลวงพ่อไปนิพพานชาตินี้แหละเจ้าค่ะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    สาธุครับ ขอจงได้ติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน สมความปรารถนาในชาติปัจจุบันนี้เถิด
     
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder id=post3393688 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OOโอมOO<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3393688", true); </SCRIPT>
    สมาชิก



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_3393688 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อนุโมทนาครับ

    ขอให้ท่านสมปรารถนา

    ได้สั่งสมบุญกุศล บารมี เที่ยงตรง ล้วนๆ สัมมาทิฐิ เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้
    ทุกภพทุกชาติ นะครับ

    ได้พบนาบุญอันดี ไม่ขาดสาย ไม่เสียเวลาแม้สักชาติเดียว

    สาธุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->


    สาธุครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder id=post3397875 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>

















    </TD><TD class=alt1 id=td_post_3397875 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">
    ในบทสรุปสุดท้ายของการบันทึก จากเรื่องราวที่ได้บันทึกฝากไว้เป็นลายลักษ์อักษรนี้ทั้งหมด ให้สาธุชนคนรุ่นหลัง ลูก หลาน ญาติมิตร หมู่คณะ บริษัทบริวาร ได้รับรู้ และโมทนาสาธุการ

    ในกุศลผลบุญยราศรีที่ได้นำพาหมู่ คณะบำเพ็ญมาอย่างเต็มสติ ปัญญา กำลัง ความรู้ความสามารถ ทำมาด้วยความตั้งใจ เต็มใจ ทำด้วยมือตัวเอง ทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชา เรื่องราวทั้งหมดนี้จะไม่บอกเล่าให้ใครฟังเลยถ้าว่าทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว

    ที่บันทึกไว้นี้ไม่มีเจตนาโอ้อวดใดๆในทุกเรื่องที่ทำไป ที่ต้องบอกที่ต้องเล่าเจตนาก็เพื่อจะบอกเล่าแก่ลูกหลาน หมู่คณะ และคนที่สนใจศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ที่บันทึกนี้เพราะความ ที่เป็นหนึ่งในผู้ปรารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษ

    และได้พยายามทุกวิถีทางที่จะสร้างอริยทรัพย์ ไว้เพื่อความผาสุขของหมู่คณะญาติมิตร ในเรื่องการให้ทานนี้ได้ยอมตายถวายชีวิตมาหลายครั้ง สมัยเป็นนักบวชได้ปฏิบัติทั้งคันถะธุระในกลางวัน วิปัสนาธุระในกลางคืนเป็นผู้นอนน้อยทำให้มาก จนร่างกายทนไม่ไหวทั้งเจ็บไข้ และเจ็บหลังอย่างสาหัสเจ็บจนเดินไปใหนไม่ได้เดินไม่เกินสิบก้าวก็ต้องนั่งพัก

    ช่วงนั้นกำลังสร้างโรงสีข้าว คิดว่าถ้าร่างกายทนไม่ไหวมันจะตายก็จงตายไปแต่จะไม่หยุดในเรื่องงาน ก็มีญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในวัดหลายคนเห็นสภาพก็ร้องไห้ ขอร้องให้หยุดพักผ่อนก็ได้ยิ้มปลอบใจเขาเหล่านั้นว่าถ้าไม่ไหวจริงจะหยุดเอง อย่าห่วงเลย มีสองคนที่ไม่วางใจชื่อลุงทน และป้าเย็น โดยฉเพาะโยมทนนี่เฝ้าเลยไม่เลิกงานนี่โยมจะยังไม่กลับบ้าน

    ก็ทำแบบถวายชีวิตกันเลยโดยเจ็บป่วยเป็นไข้ก็ไม่ซื้อยากินยารักษาแม้แต่บาทเดียว ก็ฝืนทนเจ็บจนสร้างโรงสีเสร็จ ทดลองเดินเครื่องจนแน่ใจว่าใช้งานได้ วางรูปแบบการบริหารจัดการทุกอย่างเสร็จก็หนีออกจากวัดศรีมณีวรรณ ที่หนีเพราะญาติโยมพากันออกสตางค์หลายหมู่บ้านคนละเล็กละน้อยจะเอาตัวไปรักษาโดยการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช มีการจองเตียงนัดหมอไว้เสร็จแล้ว

    โดยจะส่งตัวจากโรงพยาบาลชัยนาท ที่ไปตรวจประจำที่โรงพยาบาลชัยนาทนี่ก็ถูกญาติโยมขอร้องให้ไป ก็ไปเพื่อเป็นการเจริญศรัทธา รักษากำลังใจญาติโยม แต่ก็คิดไว้ว่าถ้ามีการผ่าเมื่อไรนี่จะหนีไปแน่ไม่ใช่กลัวผ่าตัด แต่คิดว่าเราบวชนี่ยังไม่มีดีพอที่ญาติจะต้องเสียสตางค์กันขนาดนี้ การรักษานี่ (ค่าผ่าตัดสมัยนั้นประมาณสามหมื่นกว่าบาท)

    อานิสงที่จะได้มันแค่ปาฏิบุคลิกทาน เป็นทานส่วนบุคคล อานิสงค์น้อย ความดีของญาติโยมนี่มันควรจะได้อานิสงค์มากกว่านี้เป็นล้านเท่าหลายล้านเท่า สตางค์ค่ารักษา ถ้านำไปถวายเป็นสังฆทาน เป็นวิหารทาน เป็นธรรมทาน และสร้างพระพุทธรูป (สมัยนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังไม่ได้สร้างสมเด็จองค์ปฐม ท่านสร้างในปี 2535) อานิสงค์ของญาติโยมเจ้าของสตางค์จะสูงกว่า

    จึงได้ผลัดวันประกันพรุ่งจนโรงสีเสร็จ ก็เตรียมอัฐบริขารชุดธุดงค์ ก็ไม่มีอะไรมากเพราะบวชธรรมยุติ สมาทานธุดงควัตรเป็นปรกติอยู่แล้ว

    ออกจากวัดเลือกเอาตอนที่ทุกคนเผลอในตอนกลางวันนี่แหละ ก็ตรงไปกราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่วัดท่าซุงท่านกำลังรับแขกพอดีที่ตึกรับแขกใหม่ ก็เข้าไปกราบลาท่าน บอกว่าเกล้ากระผมสร้างโรงสี สร้างธนาคารข้าวเสร็จแล้ว จะขอลาเข้าป่าธุดงค์ท่านยกมือพนมรับการกราบมองตรงไปข้างหน้าของท่านพูดดังๆแต่คล้ายท่านรำพึง ว่าสมกับเป็นช่างแท้ (ปรกติของผมคือถนัดและชำนาญในงานช่างหลายอย่าง)

    คำนี้ติดหูติดใจไม่มีวันลืม ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมด พ่อรู้ พ่อเห็น พ่อเข้าใจ ปีติตอนนั้นมันลืมเจ็บ คำของพ่อ ไม่ใช่ว่าแค่ทำงานช่างได้อย่างเดียว แต่ท่านหมายความว่าเรื่องระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่เมื่อได้รับมอบหมายแล้วก็ได้ตั้งหน้าตั้งตา และตั้งใจทำอย่างเต็มที่ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เจ็บสาหัสอย่างไรก็ทำจนเสร็จ เมื่ออยู่ลำพังในกุฏินี่ต้องคลานไป คลานไม่ไหว กลิ้งตัวไปก็ตาม ท่านก็อวยพรให้โอวาส ก็กราบลาท่านออกมา

    เดินออกมาที่หน้าประตูวัดก็หันกลับไปยกมือไหว้ไปทางที่ท่านนั่งรับแขกอยู่ และประกาศให้เทพเจ้าเหล่าเทวาที่สถิตอยู่วัดท่าซุงรับรู้โดยทั่วขอถวายอายุขัย ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อขอรับ ลูกขอถวายอายุขัยต่อพ่อขอรับ หากว่าลูกนี้จะมีอายุยืนยาวไปเท่าไรก็ตามขอให้พ่อจงอยู่เป็นมิ่งขวัญของลูกหลานไปเท่านั้น การที่ลูกเข้าป่าครั้งนี้ลูกจะไม่ออกมาอีกแล้ว ขอถวายอายุขัยนะขอรับ

    เสร็จแล้วก็ค่อยๆเดินจากวัดในตอนนั้นก็เจ็บหลังมากเดินแทบจะไม่ไหว เดินไปสิบก้าว ยี่สิบก้าวก็หยุดพักทีแต่ใจนี่ร่าเริงสดชื่นมาก มันสดชื่นเพราะได้ทำทุกอย่างที่ควรกระทำ ก็มองดูว่าอะไรบ้างที่ยังไม่ทำนี่ไม่มีเลย หน้าที่ ที่คนปราถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษ พึงกระทำได้กระทำแล้ว

    ได้หนีภรรยาที่แต่งงานเมื่อ 19 สิงหาคม 2529 หนีมาบวชเมื่อกลางเดือน 12 วันลอยกระทงเดือนพฤศจิกายน2529 หนีลูกสาวที่อายุเพิ่งจะแปดขวบลูกที่เกิดกับภรรยาคนก่อน ลูกสาวกำลังน่ารักน่าทนุถนอม น่าห่วงใย หนีทุกคนไปบวชก็หวังว่าเมื่อบวชแล้วเข้าป่าก็จะไปตายในนั้น

    ตั้งใจว่าเข้าป่าแล้วหาที่ ที่เหมาะได้ก็จะเจริญพระกรรมฐาน ตามที่ทำได้ ก็จะไม่ลุกไปใหนจะตายอย่างเดียว เพื่อสละสิ่งสุดท้ายสิ่งเดียวที่มีอยู่ คือชีวิตเลือดเนื้อ ก่อนจะตายตั้งใจอธิฐานว่า ในฐานะที่ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษ ตั้งใจว่าจะนำพาญาติมิตรหมู่คณะให้พ้นจากความทุกข์ยาก บัดนี้ พ่อแม่ มีความทุกข์ยากลำบากจากความยากจนยากไร้ ขัดสนไปด้วยประการทั้งปวง

    เมื่อข้าพระพุทธเจ้าตายแล้วเมื่อใด หากว่าแม่หรือพ่อรู้ข่าวว่าลูกตายเมื่อใดแค่ยังไม่เห็นศพแค่รู้เพียงข่าว ขอให้จงพ้นจากความทุกข์จากความยากจนเข็ญใจในทันที หากว่าได้นำศพหรือชิ้นส่วนใดๆที่แม้นานไปไม่เหลือสภาพศพ เหลือเพียงสัญลักษ์ นำกลับไปบำเพ็ญกุศล ขอให้พ่อ แม่ น้องๆ ญาติมิตร จงเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ในฉับพลันทันที

    ก็ค่อยๆเดินจากวัดท่าซุงไป ความจริงอยากจะเรียกว่ากระเสือกกระสนไป เดินไปก็คิดไปดีใจไปว่าทุกอย่างเราทำแล้ว สดชื่นมากเห็นร่างกายเจ็บมากก็ยิ่งดีใจมากว่าอีกไม่นานเราจะไม่เจ็บปวดทรมาน อยากให้หมดแรง อยากให้เป็นไข้อ่อนเพลีย จะได้หลับ

    แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่เมื่อร่างกายยังไปไหวก็ไปต่อไปตายให้พ้นคนไม่ต้องการให้ใครเห็น ไม่ต้องการให้เป็นภาระแก่ใครแม้แต่น้อย การได้สละทุกอย่างตามแนวทางพระโพธิญาณ นั้นทำให้ใจเป็นสุขมีความสุข แต่ถ้าจะต้องมีคนเดือดเนื้อร้อนใจเพราะเรานี่จะมีความทุกข์ไปกับเขาด้วยอย่างนี้เราไม่ต้องการ ก็ฝืนทนเดินไปก็ครึ้มใจไปเหมือนคนบ้าไปคนเดียว




















    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2010
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เมื่อออกจากวัดท่าซุงเดินไปตามถนนทางไป จ อุทัยธานี เดินไปได้ยังไม่พ้นเขตวัดเลย ก็มีรถที่ขับผ่านมาเขาหยุดถามว่าหลวงพี่จะไปใหนครับ ก็บอกว่าจะไปธุดงค์จะเข้าป่าไปทาง อำเภอบ้านไร่ เขาก็นิมนต์ขึ้นรถ บอกว่าเดี๋ยวผมไปส่งที่ท่ารถ ไป อ บ้านไร่ ก็ขึ้นรถไป

    เมื่อถึงท่ารถที่ ตัวเมืองอุทัย ลงรถแล้ว ก็ไปนั่งที่ท่ารถเจ็บหลังเจ็บขามาก หลังนี่มันยืดตรงไม่ได้ต้องก้มตัวตลอดเวลา เครื่องอัฏฐบริขารนี่ก็รวมๆแล้วกันแล้วน่าจะเกินยี่สิบกิโล ก็นั่งนึกว่าเราจะไปยังไงเดินตัวเปล่านี่ก็เดินแทบไม่ได้อยู่แล้ว ต้องสะพายของด้วยนี่มันหนักหนาสาหัสมาก

    ก็นั่งคิดว่าสตางค์เราก็ไม่มีติดตัว นั่งอยู่ประมาณสักชั่วโมง ก็มีคนมาถามว่าหลวงพี่จะไปใหนครับ ก็บอกว่าจะไป อ บ้านไร่ จะเข้าป่าทางด้านนั้นจะธุดงค์เขาก็บอกว่านิมนต์ขึ้นรถโดยสารไปเถอะครับ อำเภอบ้านไร่มันไกลเกือบร้อยกิโล

    เดี๋ยวผมออกค่ารถโดยสารให้ครับ ก็รับนิมนต์เขา เลยขึ้นรถโดยสารไป ระหว่างนั้นก็ทรงอารมณ์สมาธิเต็มกำลังที่ได้ หวังให้ผู้มีคุณท่านนี้จงมีความสุขความเจริญ มีความเป็นอยู่โดยปลอดภัย มีความคล่องตัว ที่มีสัทธาประสาทะเห็นพระสงษ์มีความยากลำบากก็เอื้อเฟื้อสงเคราะห์

    เมื่อรถไปถึง อำเภอบ้านไร่ก็สุดทางรถ ลงรถแล้วก็ถามทางเขาว่าถ้าจะเข้าป่าไปทางใหนที่พอจะมีทางเดินเข้าไปได้ ชาวบ้านก็บอกทางให้ก็เดินไปตอนนี้มีความรู้สึกว่าอาการเจ็บตึงหลังนี่เบาลงไปหน่อยพอสะพายอัฏฐบริขารได้ เดินไปได้พอพ้นตัวอำเภอเริ่มห่างชุมชน

    ก็เริ่มเจ็บมากขึ้นมาอีก ขานี่จะก้าวไม่ออกมันตึงเหมือนมีอะไรเสียบคาที่กลางหลังเจ็บร้าวลงขา ฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว พยายามเดินให้ห่างบ้านคนให้มากจะรีบหาที่พักพอที่จะแขวนกลดได้ เพราะเจ็บมากไปต่อไม่ได้แล้ว คิดว่าเดี๋ยวเมื่อถึงชายป่าข้างหน้าหยุดแล้ว ก็มาเจอศาลาเล็กๆเป็นที่พักข้างทางในศาลามีพระนั่งอยู่บนม้านั่งยาวแบบมีพนักพิงนั่งอยู่ก่อนแล้วหนึ่งองค์ เห็นหน้าไม่ถนัดแต่ดูว่าท่านอาวุโสกว่าก็วางของลงแล้วก็กราบท่าน

    ท่านก็พนมมือรับท่านบอกกราบทีเดียวก็พอเจ็บมากขนาดนี้ไม่ต้องกราบ ใช้ไหว้เฉยๆก็ได้ สดุดใจทันทีขนลุกขนชันเย็นวาบทั้งตัวเลย พระองค์นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ต้องเป็นครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณท่านใดแน่ ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่าเรากำลังเจ็บหนัก เพียงนึกในใจว่าท่านอาจารย์เป็นใครกันขอรับ

    ยังไม่ทันจะพูด ท่านก็บอกมาเลยผมเป็นพระแถวนี้แหละ ไม่ต้องสงสัย ผมเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ถ้าคุณสงสัยอะไรผมก็เป็นอย่างที่คุณสงสัยเป็นอย่างที่รู้มาจากอาจารย์คุณบอกมานั่นแหละ ก็ปิติมันล้นพ้น คลานเข้าไปจนชิดท่านกราบลงไปที่เท้าท่าน ซึ่งท่านนั่งห้อยเท้าอยู่

    ท่านก้มลงมาจับบ่าผมให้ลุกนั่งตัวตรง ท่านก็บอกว่าคุณเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษี ผมจึงมารับ สิ่งที่คุณคิดคุณยังทำไม่ได้นะ คุณยังตายไม่ได้ แม้ว่าจะดูว่าเจ็บใกล้ตายมีไข้ขึ้นอยู่รุมๆตลอดก็ตาม ดูว่าจะไปไม่ไหวก็จริง แต่มันไม่ใช่วาระจะต้องตาย

    เอาอย่างนี้ ใกล้ๆนี้มีสำนักสงฆ์อยู่ชื่อสำนักสงฆ์เขาปลายฌาณ ห่างหมู่บ้านคนประมาณห้ากิโล สำนักสงฆ์ตั้งอยู่ในป่าช้าหลังหมู่บ้าน ไม่มีพระอยู่เป็นที่ร้างว่างเปล่าห่างไกลผู้คน เป็นที่สัปปายะพอที่คุณจะอยู่ได้ แล้วก็จงประพฤติปฏิบัติตามที่อาจารย์คุณสอนมา

    แล้วก็บิณฑบาตโปรดญาติโยม คุณจะไม่บิณฑบาตรจะนอนให้หมดแรงแล้วตายไปน่ะยังไม่ได้ จงไปอยู่ที่นั่น ไม่ต้องเข้าป่า คุณยังไม่ตายไม่ต้องเข้าไป ก็กราบท่านลงไปที่เท้าท่านอีกบอกว่าเกล้ากระผมขอรับ ถือว่านี่เป็นคำสั่งของครูบาอาจารย์ เกล้ากระผมจะทำตามนี้ขอรับ

    ก็นั่งคุยกับท่านปิติมันมากจนลืมอาการเจ็บเหมือนมันหายไปเลยตอนนั้น ถามท่านถึงแนวทางปฏิบัติ ท่านบอกว่าตามที่อาจารย์คุณสอนมานั่นแหละทำตามนั้น ผมจะมาให้คุณเห็นตามความจำเป็น ก็ให้นึกถึงและทรงอารมณ์แบบนี้ก็จะเห็น แล้วท่านก็แนะนำเรื่องการทรงอารมณ์เมื่ออยู่ป่า ท่านบอกว่าที่ ที่คุณจะไปอยู่นี่ถึงแม้ไม่ใช่ป่าลึกป่าใหญ่ แต่ก็อันตรายมากสำหรับคนทั่วไป

    เพราะเป็นป่าช้าห่างไกลผู้คน มีความเปล่าเปลี่ยววังเวงมาก สำหรับคนใจไม่กล้าแข็งพอนี่อยู่ไม่ได้ ส่วนคุณถ้าจะอยู่ได้ต้องทรงอารมณ์ใจให้ดีตามแบบฉบับของพระ ทรงศีลให้บริสุทธิ ทรงพรหมวิหารสี่ ให้ตั้งมั่น เจริญวิปัสสนาญาณให้มากตามหลักไตรลักษ์ ตามสมควรตามที่คุณรู้มา เพื่อเป็นการรักษาอารมณ์สมถะป้องกันการฟุ้งซ่านของจิต แล้วคุณจะปลอดภัยอยู่ได้อย่างมีความสุข ท่านบอกว่าทุกอย่างที่คุณเคยสงสัยจะหายสงสัยที่นี่ คุณจะพบ สิ่งที่คุณอยากพบที่นี่ตามวาสนาบารมีของคุณ

    แล้วท่านก็บอกว่าเดี๋ยวจะมีคนมานำทางคุณไปที่สำนัสงฆ์ พอท่านพูดจบก็มีรถมอร์เตอไซร์ เป็นรถเก่าๆทำท่าเหมือนจะวิ่งไม่ไหว มีชาวบ้านผู้ชายแต่งตัวแบบชาวไร่ขับผ่านมา มาถึงก็จอดรถกราบพระองค์ที่นั่งคุยกับผม แล้วหันมาทางผม ยกมือไหว้ แล้วบอกนิมนต์เลยครับจะมืดแล้ว นั่นไม่ได้คุยซักคำรู้เลยว่าจะไปใหน พระท่านก็เตือนว่าคุณไปได้แล้วเดี๋ยวจะมืด ก็กราบลาท่านอีกคราวนี้น้ำตาไหลตื้นตันใจ ว่าเออนะไอ้คนหาดีไม่ค่อยได้อย่างเรานี่ ครูบาอาจารย์ท่านยังเมตตาสงเคราะห์ถึงเพียงนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2010
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เมื่อกราบท่านเสร็จจะเดินออกมาก็มีกระแสลมเย็นลักษณะเหมือนคนเป่ามาที่ตัว มีความรู้สึกเหมือนคนถูกแก้มัด แก้พันธนาการออกอาการเจ็บ ที่ตอนก่อนนี้แทบจะไม่อยากขยับตัวเพราะเจ็บมากมันเบาลงไปมากกว่าครึ่ง ยึดหลังได้แต่ยังรู้สึกเจ็บแต่ไม่มากเหมือนก่อนนี้ ยกถุงอัตฐบริขารนี่มันเบาขึ้นยกได้ง่ายขึ้น

    อาการลมเย็นเป่านี่คล้ายๆเราเปิดตู้เย็นไอเย็นกระทบตัวมันเป็นลักษณะนั้นในชีวิตนี้ สัมผัสมาสองครั้ง ครั้งแรกตอนไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อขณะที่ท่านรับแขก นั่งฟังท่านคุยกับญาติโยมตอนนั้นมีอาการปวดหัวมันปวดเหมือนกับว่าเครียดอะไรมาก แต่ความจริงไม่ได้เครียดอะไร ปวดทีขมับมันปวดเหมือนถูกบีบ ก็นั่งหลับตาหูก็ฟังหลวงพ่อ สักประเดี๋ยวก็มีไอเย็นมาจากทางที่หลวงพ่อนั่งอยู่ พอรู้สึกว่ากระทบกระแสที่เย็นอาการที่ปวดนี่หายทันที ก็ลืมตามองไปที่ท่านก็เห็นท่านนั่งคุยกับแขกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยกมือไหว้ท่าน ท่านก็ไม่พูดว่าอะไร

    แต่ผมรู้ว่าท่านเป่าให้ เพราะเรื่องปวดหัวนี่ผมมันปวดตามเรื่องตามราวของมันวันดีคืนดีมันก็ปวดขึ้นมาเฉยๆ และการปวดนี่มันไม่เคยหยุดปวดแบบถอดปลั๊กไฟฟ้าแบบนี้ มันจะต้องลีลาอ้อยอิ่งให้ทุกข์ทรมาณเล่นกว่ามันจะค่อยๆสลายการปวดลีลามันหยดย้อยงดงามมาก บางทีทำท่าแบบว่าเส้นเลือดในสมองจะแตก ทั้งๆที่ไม่ได้เครียดอะไรสักนิดเลย

    แล้วในทุกวันนี้เวลาผมมีอาการปวดมากเมื่อไรผมก็นึกถึงท่านให้เป่าให้อาการปวดจะคลายทันที และบางทีแม่บ้านผมเขาก็มีอาการปวดรายนี้ไม่เคยกินยาแก้ปวดหัวเลย ปวดเมื่อไรเป็นต้องมาให้ผมเป่าหัวให้ เขาก็หายทุกทีเหมือนกัน ผมเองก็ไม่มีอะไร ผมก็อาราธนาพระคาถาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ท่านให้ไว้ในหนังสือสมบัติพ่อให้นั่นแหละผมก็ทำตามนั้น คนในบ้านลูกหลานที่ปวดหัวนี่จะต้องให้เป่าให้ทุกคนเขาก็หายนะ

    แต่ว่าที่เขาหายนี่ไม่ใช่ผมนะเป็นเพราะเขาเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงมีผลตามนั้น ก่อนเป่าต้องให้เขานึกถึงหลวงปู่ก่อนให้เขานึกภาพหลวงปู่ให้ได้ก่อนถึงเป่าให้ ก็ไม่ได้ลีลาอะไร เพียงแต่อยากให้คนในบ้านทุกคนเวลาเกิดทุกขเวทนาอะไรขึ้นจิตจะเป็นอัตโนมัติคือนึกถึงพระทันที การนึกถึงภาพหลวงพ่อเป็นสังฆานุสติกรรมฐานหากตายลงไปอย่างน้อยก็ไปสวรรคก่อน เพราะแม่ผมเองที่ตายก็เส้นเลือดส่วนกลางในสมองแตกนอนให้อ๊อกซิเจนอยู่สามวันก็ต้องให้ถอดเพราะสุดปัญญาที่จะรักษา

    ก็มีภาพในเรื่องการเป็นอัตโนมัติของลูกสาวคนเล็กตอนนั้นเขาอายุประมาณสี่-ห้าปี ก็ไปนั่งในรถยนต์ของผมเอง ไปปิดเปิดสวิทช์ไฟฟ้าประตูข้างคนขับเลื่อนขึ้นเลื่อนลง เล่นอยู่อย่างนั้นกระจกมันลงสุดแล้วก็เอามือท้าวขอบกระจกกดไว้แล้วก็เล่นกับเพื่อนที่อยู่นอกรถ ทีนี้พอจะปิดกระจกก็ปิดไม่ได้มันค้าง
    ทำอย่างไรก็ไม่ขึ้น ก็เกิดกลัวความผิดกลัวพ่อดุ กลัวโดนตำหนิ

    ก็ไปหาแม่กระซิบบอกแม่ว่าทำกระจกรถพ่อเสียให้แม่ช่วย บอกเดี๋ยวหนูไปแอบพ่อก่อน ก็หายไปนาน แม่เขาเห็นว่าเงียบไปนาน ก็ชักเป็นห่วงก็ออกตามหาก็หาไม่พบ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น แม่เขาก็เลยจะไปไหว้พระเพราะเป็นห่วงลูก พอเปิดประตูห้องพระเข้าไปก็ไปเห็นลูกสาวนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่หน้ารูปภาพหลวงพ่อ แม่เขาเห็นเขาก็ขำลูกที่มีอะไรขึ้นมานี่ลูกสาวคนนี้เป็นต้องไปหาหลวงปู่ให้ช่วย ก็ได้รีบไปเอากล้องมาถ่ายรูปไว้ให้ผมดู นี่เล่าเรี่องจะไปวัด ก็แวะเรื่องเป่าหัวแก้ปวดหัว ก็ถือว่าเสียว่าเป็นนิทานที่ผมเล่าให้ลูกหลานของผมฟัง ใกล้จะจบบันทึกแล้วละ ถึงสำนักสงฆ์เมื่อไรก็จะจบ จะสรุปเสียที เลยจากนั้นไปมันมีเรื่องเหลือเชื่อมากมายจะไม่ขอเล่าต่อ ขอให้เป็นหน้าที่การเล่าของคนที่ได้มโมยยิทธิชัดเจนแจ่มใสมาเล่าต่อถ้าเขาอยากจะเล่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 276.jpg
      Picture 276.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.7 KB
      เปิดดู:
      309
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กันยายน 2012
  18. แก้วบูรพา

    แก้วบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +2,807
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ PCO_ เป็นอย่างยิ่งครับ
    กำลังใจสุดยอดจริงๆ ครับ
     
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder id=post3393785 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มหาพรหมราชา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3393785", true); </SCRIPT>
    สมาชิก




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_3393785 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ขอคุณมากครับ ที่นำกองบุญมาให้ได้อนุโมทนา ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนานะครับ ใครถึงก่อนก็อย่าลืมมาโปรดกันด้วยนะครับ :cool:<!-- google_ad_section_end -->

    โมทนาสาธุ ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาเช่นเดียวกันนะครับ

    แม้ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางพระโพธิญาณก็จะขอสนับสนุนเกื้อกูลหนุนส่งทุกๆท่านให้ถึงที่หมายเท่าที่จะทำได้ครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2010
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เมื่อจะเดินออกมาจากศาลายังไม่พ้นดี ก็หันกลับไปยกมือไหว้ท่านอีกครั้ง ท่านก็ยังนั่งที่เดิมห่างจากผมประมาณสักสามเมตรคราวนี้เห็นท่านชัด นี่พระสวยอย่างที่หลวงพ่อบอกเป็นอย่างนี้เอง ผิวขาวเหลืองใกล้กลับสีจีวร ดูแล้วเย็นตาเย็นใจ ในบริเวณศาลานี่ดูมันสว่างนวลจ้าเห็นทุกอย่างชัด มองดูอะไรเหมือนเราซูมกล้องเข้าไปใกล้

    สำหรับผมนี่ไม่ได้ตกใจหรือกลัวสิ่งรอบข้างเพราะรู้มามาก จากหลวงพ่อ และโดยปกติผมบวชธรรมยุติ สมาทานธุดงควัตรเป็นนิจ เป็นสายอรัญญวาสีคืออยู่แต่ตามป่า ตามแบบฉบับบูรพาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้แต่นึกในใจท่านอาจารย์นี่ท่านเป็นเสือท่านใดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะ เมตตาปราณีมาสงเคราะห์รับเราตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าป่าเลย เกล้ากระผมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์นะขอรับ ท่านก็นั่งยิ้มสวยมาก ยิ้มบริสุทธิแบบเด็กๆ ท่านก็ไม่พูดอะไรอีก

    คือพระธุดงค์หลายองค์ที่ไปลาหลวงพ่อเข้าป่านี่ท่านเรียกเสือแทบทุกองค์ พระพวกนี้เวลาที่ออกจากป่ามาเยี่ยมหลวงพ่อที่วัด หลวงพ่อจะบอกห้องพักให้ ให้พักห้องใหนแต่ท่านไม่ให้ลูกกุญแจ แต่พระป่าชุดเสือของท่านนี่ก็เข้าได้ออกได้อย่างกับไม่มีประตู เพราะส่วนมากพระของหลวงพ่อที่เข้าป่านี่จะได้อภิญญาซะแทบทั้งหมด ผมเองนั้นก็ตั้งใจตั้งแต่ก่อนบวชด้วยซ้ำว่า จะพยายาม ทรงอภิญญาสมาบัติแปดให้จงได้

    โยมผู้ชายก็เข้ามาบอกนิมนต์ครับแล้วก็ช่วยยกถุงไม่ทันห็นท่านก้มอย่างไรถุงก็อยู่บนบ่าแล้ว ตอนนี้รู้แล้วไม่ใช่คนแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครก็สำรวมระวังใจกายเต็มที่ และมีความเคารพท่าน ก็นั่งท้ายมอเตอไซร์นั่งไพร่คือไม่นั่งคล่อมรถ

    ก็กลัวเหมือนกันว่าจะตกจากรถ เพราะทางเดินป่าแคบๆคดไปคดมา สูงๆต่ำๆตามเรื่องตามราวของมัน แต่นี่ก็เป็นอัศจรรย์ ที่นั่งสบายรถนี่เหมือนไม่แตะพื้น ป่าสองข้างทางที่มีใบไม้ใบหญ้ายื่นเข้ามาในทางทีรถกำลังวิ่งนี่ไม่ถูกตัวแม้แต่น้อย รถก็วิ่งไม่เร็ว ทางก็ดูว่ามันคดเคี้ยวแต่รู้สึกเหมือนรถวิ่งตรง เสียงรถก็เป็นเสียงมอเตอไซร์ธรรมดาแต่มันดังเบาๆ

    ก็พยายามทรงสมาธิรักษาอารมณ์ใจตามกำลัง คลายจากสมาธิ แล้วก็มาพิจารณาอารมณ์ใจ ดูความสะอาดของใจ ว่ามันยังเกาะ ยังห่วงอะไรบ้าง ก็นึกถึงพ่อแม่ก็ส่งใจไปกราบแทบเท้า แล้วก็คิดว่าลูกกำลังบำเพ็ญทานกองการกุศลอันอุกฤษ สักวันหนี่งในวันหน้ากุศลผลทานนี้จะนำพา คลุ้มครองให้ไม่ต้องลำบากยากไร้อีกต่อไป

    ก็คิดไล่มาที่เมียว่าคงจะคอยว่าเมื่อไรจะกลับมา ก็นึกฝากฝังกับเทพเจ้าเหล่าเทวาทั้งหลายรวมทั้งบุญกุศลจงโปรดคลุ้มครองให้ปลอดอยู่ดีมีสุข คิดมาถึงลูกขอจงอดทนกันก่อน เป็นเพียงจากกันชั่วคราวเพราะ พ่อปรารถนาพระโพธิญาณ การปรารถนานี้ก็หวังว่าจะนำพาลูก หลาน หมู่คณะ ทั้งปกป้อง คลุ้มครอง ดูแล ให้ปลอดภัย ให้มีความสุข เป็นการถาวรในวันข้างหน้า ในวันนี้จึงได้ตัดใจจากทุกๆคนมา

    ก็เอาขันฑ์ห้ามาพิจารณาตามหลักไตรลักษณญาณ คือรูปที่เราเห็นอยู่นี้ทั้งรูปภายในคือตัวเรา รูปภายนอกคือท่านผู้มีพระคุณท่านนี้ ต่างก็เกิดขึ้นในเบื้องต้น ขณะนี้ต่างก็ทรงอยู่ ไม่ช้าต่างคนต่างก็ก็ดับไปก็จากไป เดี๋ยวถึงปลายทางก็ดับอีกแล้ว จบอีกช่วงหนึ่ง ตอนหนึ่งอีกแล้ว ตราบใดที่ทุกคนยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใดก็ต้อง ทนทุกข์เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ ก็พิจารณาพอให้ใจไม่ฟุ้งช่าน ก็ถีงประตูเข้าป่าช้าพอดี ท่านผู้นี้ตลอดเวลาไม่พูดอะไรได้แต่นิมนต์ขึ้นรถอย่างเดียว ไม่ถามสักคำว่าจะไปใหน พามาส่งที่สำนักสงฆ์ในป่าช้าพอดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...