วีรศักดิ์-พรหมภักดี..ห้อยพระไพรีพินาศ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 3 กันยายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    วีรศักดิ์-พรหมภักดี..ห้อย'พระไพรีพินาศ'

    คอลัมน์ มองอย่างเซียน

    สุพจน์ สอนสมนึก



    [​IMG]

    เรื่องของความเชื่อนั้นเป็นเรื่องของคนที่ห้ามกันยาก เพราะเป็นแนวคิดความเชื่อเคารพนับถือไม่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอกอยู่ตามชนบท เกิดมาพ่อแม่มีอาชีพทำนา และมีความภาคภูมิใจอย่างมากในอาชีพดั้งเดิมของพ่อแม่ จนชาวบ้านมักพากันเรียกติดปากว่าเป็น "นายก อบจ.ลูกชาวนา"

    "วีรศักดิ์ พรหมภักดี" นายก อบจ.สกลนคร เล่าว่า แม้ปีนี้อายุเพียง 32 ปี แต่ก็เข้าวัดและทำบุญตลอด โดยเฉพาะเมื่อสมัยเป็นเด็กเรียนหนังสือ คุณพ่อคุณแม่มักพาไปวัดทุกครั้งที่มีโอกาส และแทบจะไม่เว้นทุกเสาร์อาทิตย์ หลายครั้งที่มักจะขอเหรียญหรือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้มาจากพระ แต่ท่านบอกว่าเป็นเด็กเล็กกลัวจะทำหาย เอาไว้โตขึ้นค่อยเอาไปห้อยคอ

    "ท่านบอกอยู่เสมอว่าการห้อยพระขึ้นคอหากเราทำไม่ดีพระก็ไม่ได้ช่วยอะไร การห้อยพระนั้นท่านว่าให้เราคิดดี นึกดี ไม่เกเร ตั้งใจเรียนหนังสือเป็นเด็กดีของพ่อแม่ และถึงพ่อแม่จะจนมีอาชีพทำนา ก็สามารถส่งเสียลูกเรียนหนังสือได้ ขอให้ตั้งใจเรียน และท่านก็มักสอนว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นได้"
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    "วีรศักดิ์" มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน โดยมี นายสาคร พรหมภักดี ส.ส. ทรท.เขต 4 สกลนคร มา 5 สมัยแล้ว และปัจจุบันพี่น้อง ก็เป็น ส.อบจ. 2 คน และเป็นรองนายก อบจ. มีพี่สะใภ้ 1 คน เป็น ส.อบจ.จึงถูกขนานนามจากชาวบ้านว่าคณะบริหาร อบจ.ชุดปัจจุบันเป็นชุด นายก อบจ.ลูกชาวนา ซึ่งไม่ได้น้อยอกน้อยใจกับสิ่งที่เขาเรียกแต่กลับภูมิใจ เพราะเราเกิดมาจากชาวนาจริงๆ และสามารถมานั่งในจุดนี้ได้ และอายุเพียงเท่านี้ ส่วนหนึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่มาจากการทำงานร่วมกับพี่ชายที่เป็นส.ส.มาก่อน

    "ผมมีความเชื่อมั่นในพุทธคุณขององค์พระมาก พระที่ห้อยขึ้นคออยู่ เมื่อก่อนนั้นก็แขวนเหรียญหลากหลายเหมือนกับเด็กชาวบ้านทั่วไปที่คุณพ่อคุณแม่ไปวัดกลับมาได้เหรียญจากพระ ก็นำมาแขวนให้ลูกๆ หลานห้อยคอไว้ และก็บอกว่าให้นึกถึงแต่ความดี อย่าเกเรหากเราเกเรพระจะไม่ช่วย เพียงเท่านี้ พอโตขึ้นเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ก็ถอดเก็บไว้ที่หัวนอน เย็นมาก็กราบพระ จนมาจบป.โท ก็ยังไม่ได้ห้อยพระ และเมื่อครั้งที่มาลงสมัครนายก อบจ.ก็ได้พระจากพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง (ชาวบ้านเรียกว่าเจ้าคุณญาณ วัดวังสระประทุม) ให้มาเมื่อปี 2547 ท่านบอกว่าเป็นพระไพรีพินาศ ห้อยคอไว้เป็นสิริมงคล ทำอะไรคิดอะไรก็ให้คิดถึงพระไว้ก่อน จะได้คิดดี ทำดี หากทำได้พระก็คุ้มครอง ท่านก็แนะนำว่าเวลาจะห้อยก็ยกมือพนมขึ้นนึกถึงคุณพระคุณเจ้า คุณพ่อ คุณแม่ ให้เราคิดดีทำดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น พระคุ้มครองตลอดไปเท่านี้ก็พอ

    แม้จะมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็หาโอกาสไปวัดทุกครั้ง และจะคอยจัดสรรงบอุดหนุนกิจกรรมของทางศาสนาตลอด เพราะคิดว่าศาสนาเป็นแหล่งขัดเกลาจิตใจคนสนับสนุนนักเรียน โรงเรียนต่างๆ ในโครงการของเด็กและเยาวชนให้หันหน้าเข้าวัด ดังจะเห็นได้จากงานวันวิสาขะสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่ส่องดาว, งาน 56 ปีบูรพาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น เป็นต้น ซึ่งหลายคนไม่คิดว่าอายุน้อยแต่เข้าวัด ห้อยพระยึดหลักให้นึกถึงสิ่งดีทำดี คิดดี

    ไม่ใช่ห้อยพระแล้วไปเกะกะระรานชาวบ้าน

    ทำอย่างนี้พระไม่ช่วยแน่



    ที่มา:ข่าวสด
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud07030949&day=2006/09/03
     

แชร์หน้านี้

Loading...