ว่าด้วยมูลกรรมฐาน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 9 มิถุนายน 2016.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ใครรู้บ้างว่า ทำไม? พระพุทธองค์สอนกรรมฐานห้า
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    [​IMG] <---- ลออัลลาย คลิด
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ตามประวัติ

    หลวงปู่มั่น ก่อนบรรลุธรรม เวลาทำกรรมฐาน จิตจะ ออกไปเห็นว่าตน
    เดินขึ้นบันได....แล้วก็ไปยัง วิมาน ของตน .......จนทำให้ ออกแสวง
    หาครูตั้งแต่ พม่า ไป ลาว ก็หาคนสอนไม่ได้ แต่ก็ฝึกไม่ลดละ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

    ต่อมา ก็เกิดนิมิต เห็น ลูกหมา ...... ก็กำหนดรู้ได้ว่า ตนเผลอเกิด
    เป็นลูกหมา500ชาติ ก็เพราะไม่ทิ้ง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็ยังไม่ได้
    เอะใจอะไร

    ต่อมา เห็นนิมิตเป็น พ่อไก่แจ้ ....และที่ไปเกิดเป็น พ่อไก่แจ้ เพราะ ความที่
    ไปเกิด จิตปฏิภัทรความงามของไก่สาวตัวหนึ่ง จึงไปวนเวียนเกิดเป็นไก่เพื่อ
    ตามหา นางแก้ว นางไก่แก้ว เท่านั้นแหละ ....เอะใจ ว่า ติดอะไรกันแน่
    จึงเกิดธรรมบอกว่า ติดการอธิษฐานเป็น พุทธภูมิ จึง เข็ดขยาย ขออธิษฐาน
    ลาขาด สำเร็จธรรมตามลำดับลำดา สาริกา ว่ากันไป


    พูดสั้นๆ " ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง " ทำให้ แหวกนิมิต ดี๊ดี เป็นเทวดาเสวยวิมาน
    ไปเห็นว่า ไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉาน ก็ยังไปเกิดได้ ........ใช่ว่าจะเสวยสวรรคิ์
    มี ตัวเฮียมาร่วมเก็บบารมี แบ่งบารมี เสริมท้ายทอย เสริมท้องน้อย อย่างเดียวซะเมื่อไหร่ ก.ไก่กุ๊กๆ วัตตาติโลโก กัมมุนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2016
  4. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    แสดงว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

    ห้าอย่างเป็นเครื่องตบแต่งร่างกายให้ดูสวยงาม

    เคยฟังตอนหนึ่งของหลวงตา

    ท่านบอกว่า ท่านกำหนดอสุภะกรรมฐานแล้ว จิตก็ยังถอนกามกิเลสไม่ได้

    ท่านเลยกำหนดสุภะแทน(หญิงสวย) แล้วกำหนดจิตจดจ่ออยู่...

    จนสามารถทำลายกามกิเลสได้...
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ชอบตรงที่ท่านบอกว่า "เป็นลูกหมา500ชาติ ก็เพราะไม่ทิ้ง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง" นี่แหละ เห็นโทษของความติดอกติดใจเลย _/\_
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    นำประวัติท่านที่มีชื่อเพื่อมาแนะให้บุคคลอื่นๆได้เข้าถึงธรรมนะถือว่าดีครับ
    แต่ถ้ายกท่านมาอ้างเพื่อเสริมตนเองให้ดูดี
    แล้วไปพาดพิงบุคคลอื่นๆเค้าเรียกว่าระยำครับ





    การอ้างพระอ้างสงฆ์เพื่อมาเสริมให้ตนเองดูดีก่อน
    ...
    และไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าท่านมีความสามารถระดับไหนได้ด้วยตัวเองซักแอะ...
    สุดท้ายเด่วก็จะยก กสิณมหาภูตแบบไร้ความสามารถทำอะไรไม่ได้
    ที่ตนเองเป็นอาจารย์สอนทางด้านนี้มาหลายปีมาหนุน..
    และประโยคสุดท้าย ก็ส่งสันดานเดิมออกมาจนได้..


    ด้วยการเสริมความคิดแบบพวกนักปฏิบัติ ระ...
    เพื่อเอาไว้พาดพิงคนอื่นๆให้ตัวเองดูดี
    สุภาพบุรุษ สะกดเป็นไหม หรือเป็นบุคคลสองเพศ..
    ไปกินยาก่อนไป๊...
    ปฏิบัติมาเกือบยี่สิบปี สรุปเก่งแต่ปาก...
    ปรามาสจริงๆนะเกี่ยวกับภพภูมิเนี่ย
    วิบากเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวเองรวมทั้งตัวเองก็เพราะไปปรามาสภาคส่วนภพภูมินี่หละ
    ยังไม่รู้ตัวอีกหรือครับ


    จะสอนก็สอนไป แต่พูดให้มันดีหน่อยนะครับ
    ไม่แน่จริง ทำไม่ได้จริง ไม่รู้จริง ก็เงียบๆ
    และรู้จักเจียมตัวในการพูดให้มันสร้างสรรค์บ้าง.

    อย่าเที่ยวได้แอบตอดแอบพ่นน้ำ เที่ยวไปปรามาสไปเรื่อย
    .พูดดีๆ รู้จักสร้างมิตรบ้างนะครับ
     
  7. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ลูกพี่โดนยำมะละกอเข้าแล้ว

    ผมว่าคุณนิวรณ์เขามีเสน่ นะ

    เขียนธรรมแบบเขา ผมยังทำไม่ได้เลย...
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เชยระเบิด ระเบ้อ

    เคล็ดลับคือ " ไม่ใช่การทำ " ...

    จะเป็น อัครคอนทราสูตร30ตัว บนบนล่างล่างซ้ายขวาซ้ายขวา
    บีหรือเอซีเลคสตาร์ท มันก็ต้อง เล่นแบบ น้องๆ พุทธภูมิ


    อารมณ์ธรรม แบบน้องๆ พุทธภูมิ จะต้องไม่กลัว " ยำบักฮุ่ง "
    ต่อให้เป็นยำอาราบีก้า ด๋าวก็ได๋ ดำปิดปี๋ เขาก็ไม่แก้

    พุทธภูมิ ไม่เสียเวลากับการไล่แก้ การเข้าใจผิด

    ซ้ายขวาของ...ใครคนนั้น...ก็ต้องไม่แกว่ง เมื่อมีการเข้าใจผิด เกิดขึ้น

    ถ้าจิตใจสั่นไหวด้วยแค่เรื่อง ยำปาปาหญ้า ก็จะได้เป็นแค่ เจ้าสาวของ
    อานนท์ ( บาลี อานนฺท ธมฺสามี ราม )


    ปล. หากกล่าวสิ่งใด โดยไม่ใช่การทำ มันจะเบา รู้แล้วปล่อย
    ไม่หนัก ไม่หน่วง ไม่มะอึง มะอึง มะอึง ...... กำหนดรู้ตัวนี้ ก็จะ ซ้ายขวาๆ

    ปล. ฉอง ดูดีๆ อย่าให้เหมือน นั่นแหละดีแล้ว ป๋มก็ไม่ต้องเหนื่อย [ งง มะ คราวนี้ มีเหนือย ]
     
  9. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ต่อครับ

    การพิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
    เป็นต้นทางให้เกิดปัญญาอย่างแท้จริง
    เมื่อมีปัญญา ปัญญาไปอบรมจิต

    จิตที่โดนอบรมด้วยปัญญา มันจะทำลายอาสวะกิเลสได้

    เมื่อก่อนคิดว่า ต้องมองให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    เป็นหนทางแห่งความรู้แจ้งธรรม
    ก็พิจารณาตาม มันก็รู้แจ้งธรรมจริง
    เข้าใจธรรมมะ แล้วเกิดความภูมใจขึ้นมา
    ว่าเราเข้าใจธรรมของพระพุทธองค์แล้ว...

    แต่มันไม่ได้ทำลายกิเลสเลย..
    แถมมีมานะมากกว่าเดิม ภูมใจกับสภาวะแห่งการรู้แจ้ง...
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ขออนุญาติ นำพระสูตร มาแปะ

    ปัญญาสูตร

    [๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘ ประการนี้ ย่อม
    เป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม
    ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใด
    รูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก
    และความเคารพไว้อย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๑
    ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว

    เธออาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ใน
    ฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความ
    เคารพไว้อย่างแรงกล้านั้นแล้ว เธอเข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่าน
    เหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และ
    บรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการแก่เธอ ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๒ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อ
    ความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    เธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ ๒ อย่าง คือ ความสงบกายและ
    ความสงบจิต ให้ถึงพร้อม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๓ ย่อม
    เป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    เธอเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร
    มีปรกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๔ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ
    เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    เธอเป็นพหูสูต ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก
    ทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงาม
    ในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ
    ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย
    ข้อที่ ๕ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    เธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อมมูลแห่ง
    กุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๖ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อ
    ความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์
    ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่ง
    อย่างพระอริยเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๗ ย่อมเป็นไป
    เพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    อนึ่ง เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า
    รูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็น
    ดังนี้ ... สัญญาเป็นดังนี้ ... สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ ... วิญญาณเป็นดังนี้ ความ
    เกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๘ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหม
    จรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ

    เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุนี้
    อาศัยพระศาสดาหรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่
    เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้า
    ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรม
    ข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ความเคารพ ความสรรเสริญ เพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม
    เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุนี้
    อาศัยพระศาสดาหรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็น
    ที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้า
    ท่านได้เข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่า ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็น
    อย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่
    เปิดเผย ย่อมทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ทำให้แจ้ง และย่อมบรรเทาความสงสัยในธรรม
    อันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการ แก่ภิกษุนั้น ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อมรู้สิ่ง
    ที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ...
    เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ
    ผู้นี้ ได้ฟังธรรมแล้ว ย่อมยังความสงบ ๒ อย่าง คือ ความสงบกายและความ
    สงบจิตให้ถึงพร้อม ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น
    เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ ก็เป็นไปเพื่อความรัก ... เพื่อความเป็นน้ำหนึ่ง
    ใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ
    ผู้นี้ เป็นผู้มีศีล ... สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อม
    รู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อ
    ความรัก ... เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ
    ผู้นี้ เป็นพหูสูต ... แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ท่านผู้มีอายุนี้ ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้
    ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ... เพื่อ
    ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ
    ผู้นี้ ปรารภความเพียร ... ไม่ทอดทิ้งธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย ท่านผู้มีอายุผู้นี้
    ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อ
    ความรัก ... เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุผู้นี้
    เข้าประชุมสงฆ์ ... ไม่ดูหมิ่นความนิ่งอย่างพระอริยเจ้า ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อมรู้สิ่ง
    ที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ...
    เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

    อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุผู้นี้
    ย่อมพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปในอุปาทานขันธ์ ๕ ... ความดับ
    แห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ท่านผู้มีอายุผู้นี้ ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น
    เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็ย่อมเป็นไปเพื่อความรัก ความเคารพ ความสรรเสริญ
    เพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘ ประการนี้แล ย่อมเป็นไป เพื่อได้ปัญญาอันเป็น
    เบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงาม ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์
    แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2016
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    พระสูตร ที่ยกมา ยกมา เพื่อให้ สมาทานสิกขา " อาจหาญ "

    กำลังจะหา อีกพระสูตรนึง จะช่วยให้ จิต " ร่าเริง "
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ๔. ปัญญาสูตร

    [๒๑๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มี
    พระภาคผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้เสื่อมจากอริยปัญญา ชื่อว่าเสื่อมสุด สัตว์
    เหล่านั้นย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน มีความคับแค้น มีความเร่าร้อน ใน
    ปัจจุบันทีเดียว เมื่อตายไปแล้วพึงหวังได้ทุคติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย
    ผู้ไม่เสื่อมจากอริยปัญญา ชื่อว่าไม่เสื่อม สัตว์เหล่านั้นย่อมอยู่เป็นสุข ไม่มีความ
    เดือดร้อน ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเร่าร้อน ในปัจจุบันเทียวแล เมื่อตาย
    ไปพึงหวังได้สุคติ ฯ
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้นพระผู้มีพระภาค
    ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า ฯ


    จงดูโลกพร้อมด้วยเทวโลก ผู้ตั้งมั่นลงแล้วในนามรูป เพราะ
    ความเสื่อมไปจากปัญญา
    โลกพร้อมด้วยเทวโลกย่อมสำคัญ
    ว่า นามรูปนี้เป็นของจริง ปัญญาอันให้ถึงความชำแรกกิเลส
    นี้แล ประเสริฐที่สุดในโลก ด้วยว่าปัญญานั้นย่อมรู้ชัดโดย
    ชอบซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติและภพ เทวดาและมนุษย์
    ทั้งหลาย ย่อมรักใคร่ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ผู้มี
    สติ มีปัญญาร่าเริง ผู้ทรงไว้ซึ่งสรีระอันมีในที่สุด ฯ


    เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว
    ฉะนี้แล ฯ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จะให้ ผมหยอด เมล็ดพันธ์ ปฏิสัมภิทามรรค ต่อไหม ...... ?


    อย่างไรก็แล้วแต่ ...........



    สนุกนะ ถ้าเห็น ปัญญาชำแรกกิเลส กับ ปัญญาไม่ชำแรกกิเลส ได้เนี่ยะ

    ธรรมสองตัวนี้ หากยกให้ถูกส่วน มีความร่าเริง ไม่ดูถูกการเงียบ( การไม่ แก้ต่าง
    เวลา ปุถุชน หรือ เสขะ เข้าใจธรรมผิด ) เราจะเห็น วิธีบริหาร จัดการ องค์กร
    พุทธบริษัท ( อัครมหาเสนาบดีธรรม )


    ปล. ถ้าเข้าใจการไม่ดูถูก การเงียบ โพสวันนี้ คุณจะรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องโพส
    แต่จะ กระทำตามที่สมควรแก่ การจัดการองค์กร

    กรรมฐาน5 ไม่ใช่ธรรมดาๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2016
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อดทนอีกหน่อย นะ

    ถ้า สมมติว่า ไม่เอาแล้ว ชาตินี้ ขอนิพพาน

    ให้สังเกต ธรรมสองอย่าง คือ สมถะ และ วิปัสสนา

    ทั้งสองตัว เป็น สังขาร ทั้งคู่ .....

    ดังนั้น มัจฉิมาปฏิปทา เนี่ยะ อาศัย สมมติ สองตัวนี้ แทงตลอด
    ไปเห็น อีกทีนึง ไม่ใช่ วนอยู่ในสองตัวนี้ อีกแสนกัปป
    ตามเห็น ความปักใจ(เชื่อ) ความพอใจในธรรม ให้ได้
    ถึงจะ แหวกไปเห็น สัมมาสมาธิ ทางสายกลาง แล้ว พิจารณาเอา
    เองว่า จะโน้มไปไหม จะเลื่อมใสองค์ไหน แล้วแต่ ตั้งจิต
    จิตที่ตั้งมั่น(อาสวะตัวหนึ่ง ถ้า งง กลับไปอ่าน ปัญญาสูตร ที่ยกมาให้อ่านตัวที่สอง )

    หาธรรม ที่พ้น ขันธ์5 ไม่อาศัยขันธ์5 ให้เจอ ถ้าไม่เจอ อย่ารีบร้อน
    บอกว่า รู้ทั่วถึงธรรม เพราะ ทางเข้าก็ไม่เห็น
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ครับมีเสน่ห์มากมายที่สุดในจักรวาลเลยครับ..สาวๆมาอ่าน แล้วกรี๊ดกร๊าด กรี๊ดกร๊าด...
    อุ้ย!! ตายแล้ว พี่วรณ์ ปะกรรัม.
    มาแล้วๆๆ มาเร็วๆๆๆ
    .กรี๊ดดดดสลบบบบ เลยครับ..

    การเขียนธรรมเนี่ยส่วนตัวไม่ได้ตำหนิหรอกครับ..
    อยากสอนอยากอวตาร อยากแปลงร่างมาอีกคนถามตัวเอง
    ตอบตัวเองเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองก็ทำไป
    ไม่มีใครเข้าว่าอะไรหรอกครับ...
    ถ้าคนอ่านแล้วได้ประโยชน์
    แต่ว่าก็ให้มันเนียนๆหน่อยก็พอครับ...


    อะไรที่เขียนดี ถ้าส่วนตัวชอบก็กดไลท์ให้เหมือนกัน
    โดยไม่ได้สนใจหรอกครับว่าจะเป็นใคร..
    หรือว่าหน้าตาจะดูเหมือนพวกโรคจิตหื่นกามหรือเปล่า
    แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ใช่เรื่องนี้นะครับ..ท่านอ่านดีๆ...


    คำว่า ''น้องๆ หนูๆ'' คำพูดที่พวกเฒ่าหัวงู หูดำ
    ชอบใช้นั่น
    คิดว่า พูดแล้วสาวๆจะชื่นชอบ
    ประเด็นนี้ไปคิดเอาเองนะครับ..
    ถ้าคุณคิดไม่ออก ลองเดินไปข้างนอก
    แล้วไปเรียก ผู้หญิง ว่าน้องๆหนูๆ
    ดูนะครับจะเข้าใจ...
    ยกเว้นว่าคุณ จะหล่อ เหมือน ณเดช มันเป็นอีกเรื่องครับ
    ประเด็นต่อมาคือ
    การนำประวัติท่านที่มีชื่อเสียงเพื่อ
    มาแนะให้บุคคลอื่นๆได้เข้าถึงธรรมนะถือว่าดีครับ ไม่ได้ติดตรงนี้
    เพราะบุคคลหลายๆคนที่เจตนาดีเค้าก็ทำกัน
    เป็นปกติครับ..

    แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ..
    หลังจากยกท่านมาอ้างเพื่อเสริมให้ตนเองให้ดูดี
    แล้วก็ไปพาดพิงบุคคลอื่นๆ

    ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีความสามารถทำได้

    หรือรู้ในสภาวะนามธรรมต่างๆ
    เหมือนเค้าซักแอะ(เข้าใจคำว่าซักแอะไหม)
    อย่างนี้ครับที่เค้าเรียกว่าระ...ครับ





    คุณมารเดินดิน อ่านแล้วเข้าใจอยู่นะครับ..(^_^)
     
  16. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
  17. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ไปชาตินี้แหละครับ
    เพราะงานที่ทำ ทำเสร็จแล้ว...

    ได้นมิตแล้ว ในชาตินี้
    จะทำกิจตัวเองให้สำเร็จ
    เบื่อการเกิดแล้ว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2016
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้าเช่นนั้น

    พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า " สมถะ และ วิปัสสนา ควรกำหนดรู้ยิ่งทุกอย่าง "


    ในทางปฏิบัติ คือ เห็น สมถะ ( ปฏิปทา ที่คุ้นชิน มัน นอนเป็น อุเบกขาในจิต เกิด ดับ )

    วิปัสสนา ( ปฏิปทา เพื่อการทำให้กิเลสเบาบาง ส่วนไหนที่คุ้นชินแล้ว มันก็ นอน
    เป็น อุเบกขาในจิต เกิด ดับ )

    ทั้งสองส่วน เอามา กำหนดรู้ เกิด ดับ เป็น วัฏจักร วัฏสงสาร ชนิดนึง กลางอก
    ไม่ต่างจาก " สัพเพสังขารา ............. " ( ที่เว้นไว้ ต้องให้กล่าวไหม ถ้า
    จิตยังต้อง รำพึงกล่าว แปลว่า ยังเจตนาอยู่ ..... ถ้าหายไปเลย ก็ยังอบรมไม่พอ )

    ให้ตามเห็น " ความจางคลาย " ที่เกิดดับ จะทำให้เลิก ลูบคลำศีล ( เจตนาจงใจ
    กับ เผลอเพลินในธรรมสอง ลงได้ )

    แล้ว สังเกตุ ความร่าเริง ที่จิตมัน ห่างจาก โลก ...... ที่จะหนาแน่น มั่นคงขึ้น [ ตรงนี้เป็น ทางเสริม ปฏิสัมภิทามรรค ]


    จึงจะพอเห็น ทิศทาง หรือ ลักษณะธรรม " การหยั่งลง " " การตกกระแส "
    ก็จะ ทราบแล้วว่า เอาตัวรอดได้ หรือ ไม่ได้ แม้นว่า มันจะยังมาปิดอยู่ ตราบ
    ใดที่ ยังไม่ถึงที่สุด


    เดี๋ยว ขอแปะ อีกสอง พระสูตร อันแรก ได้จาก พันทิพ ตะกี้นี้ หายาก ต้อง
    เอามาแสดง มาเปิดเผย เอาไว้ก่อน

    ส่วนอีกอัน จะอาศัย อำนาจของ เจ้าของกุฏิ ในภาพของคุณ นั่น เป็นตัวย้ำรอยเท้านก
    ในอากาศ ( ไม่รู้จะหาเจอไหม ......ว่าด้วย โสดาปฏิผล สกิทาคาผล อนาคาผล เป็น
    ธรรมฝ่ายขันธ์ .... เป็นเทศนาของหลวงปู่มั่น กล่าวยกขึ้นให้เห็นเป็นตัวขวางกั้น นิพพาน ... แต่ไม่รู้
    จำผิดเป่านะ อาจจะเป็น หลวงปู่ไดโนเสาร์ ถ้าหาไม่เจอ ก็ ถือเสียว่า ไม่ได้พูดละกัน
    หาเอาเอง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2016
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    พระอริยสาวกละสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แล้วก็จริง แต่ท่านก็ยังถอน อุปาทานขันธ์ ๕ ว่า เรามี ไม่ได้

    ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ผมไม่กล่าวรูปว่า เรามี ทั้งไม่กล่าวว่า
    เรามีนอกจากรูป ไม่กล่าวเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เรามี ทั้งไม่กล่าวว่า เรามีนอก
    จากวิญญาณ แต่ผมเข้าใจว่า เรามีในอุปาทานขันธ์ ๕ และผมไม่พิจารณาเห็นว่า นี้เป็นเรา.

    สังโยชน์ส่วนเบื้องต่ำ ๕ พระอริยสาวกละได้แล้วก็จริง แต่ท่านก็ยังถอนมานะ ฉันทะ อนุสัย
    อย่างละเอียดในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า เรามีไม่ได้. สมัยต่อมา ท่านพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและ
    ความเสื่อมไป ในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า รูปดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปดังนี้ ความดับแห่งรูปดังนี้
    เวทนาดังนี้ สัญญาดังนี้ สังขารดังนี้ วิญญาณดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณดังนี้ ความดับ
    แห่งวิญญาณดังนี้.

    เมื่อท่านพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป ในอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่า
    นี้อยู่ แม้ท่านยังถอนมานะ ฉันทะ อนุสัยอย่างละเอียดในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า เรามี ไม่ได้ แต่
    มานะ ฉันทะ และอนุสัยนั้น ก็ถึงการเพิกถอนได้.

    ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเหมือนผ้าเปื้อนเปรอะด้วยมลทิน เจ้าของทั้งหลายมอบผ้านั้นให้แก่
    ช่างซักฟอก ช่างซักฟอกขยี้ผ้านั้นในน้ำด่างขี้เถ้า ในน้ำด่างเกลือ หรือในโคมัยแล้ว เอาซักในน้ำ
    ใสสะอาด ผ้านั้นเป็นของสะอาดขาวผ่องก็จริง แต่ผ้านั้นยังไม่หมดกลิ่นน้ำด่างขี้เถ้า กลิ่นน้ำด่างเกลือ
    หรือกลิ่นโคมัยที่ละเอียด ช่างซักฟอกมอบผ้านั้นให้แก่เจ้าของทั้งหลาย เจ้าของทั้งหลายเก็บผ้านั้น
    ใส่ไว้ในหีบอบกลิ่น แม้ผ้านั้นยังไม่หมดกลิ่นน้ำด่างขี้เถ้า กลิ่นน้ำด่างเกลือ หรือกลิ่นโคมัยที่ละเอียด แม้กลิ่นนั้นก็หายไป
    ฉันใด.

    ดูกรอาวุโสทั้งหลาย สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ พระอริยสาวกละได้แล้วก็จริง แต่ท่านก็ยัง
    ถอนมานะ ฉันทะ อนุสัยอย่างละเอียดในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า เรามี ไม่ได้ สมัยต่อมา ท่าน
    พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป ในอุปาทานขันธ์ ๕ ว่า รูปดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่ง
    รูปดังนี้ ความดับแห่งรูปดังนี้ เวทนาดังนี้ สัญญาดังนี้ สังขารดังนี้ วิญญาณดังนี้ ความเกิด
    ขึ้นแห่งวิญญาณดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณดังนี้. เมื่อท่านพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความ
    เสื่อมไปในอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้อยู่ แม้ท่านยังถอนมานะ ฉันทะ อนุสัยอย่างละเอียดใน
    อุปาทานขันธ์ ๕ ว่า เรามี ไม่ได้ แต่มานะ ฉันทะ และอนุสัยนั้น ก็ถึงการเพิกถอนได้
    ฉันนั้น.


    [๒๓๐] เมื่อท่านพระเขมกะกล่าวอย่างนี้แล้ว ภิกษุผู้เถระทั้งหลาย ได้กล่าวกะท่านพระ
    เขมกะว่า ผมทั้งหลายไม่ได้ถามมุ่งหมายเบียดเบียนท่านเขมกะเลย แต่ว่า ท่านเขมกะสามารถพอ
    จะบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค
    นั้นโดยพิสดาร ตามที่ท่านเขมกะบอกแล้ว แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แต่งตั้งแล้ว เปิดเผยแล้ว
    จำแนกแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว โดยพิสดาร.


    ท่านพระเขมกะได้กล่าวคำนี้แล้ว. ภิกษุผู้เถระทั้งหลายชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระ
    เขมกะ. ก็เมื่อท่านพระเขมกะกล่าวคำไวยากรณภาษิตอยู่ จิตของภิกษุผู้เถระประมาณ ๖๐ รูป และ
    ของท่านพระเขมกะ พ้นแล้วจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น.
    จบ สูตรที่ ๗.

    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ บรรทัดที่ ๒๘๕๘ - ๒๙๖๒. หน้าที่ ๑๒๓ - ๑๒๗.



    credit / reference : เราจะพาไปพันติ๊บ !! คลิกจิฮับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2016
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เจอและ แต่ คลิกอ่านเอาเองนะ ไม่เอามาแปะ

    เพราะ จะได้อ่าน ส่วนของ คอมเมนต์ ต่างๆ ด้วย


    ซึ่ง เท็จจริง จะเป็นอย่างไร

    สุดแล้วแต่........ ............ สาวจันทร์กั้งโกบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...