ศรีลังกาเพิ่มกำลังคุ้มกัน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 26 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศรีลังกาเพิ่มกำลังคุ้มกัน
     
  2. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    เค้าคุ้มกันต้นพระศรีมหาโพธิ์ กัน

    แล้ว เรา ควรป้องกันอะไรดีละ ... [​IMG]
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นสิ่งสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดีแล้วชอบแล้วที่ต้องคุ้มกัน
     
  4. kaenlukson

    kaenlukson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +2,126
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ

    _______________________________________________

    ผู้ให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ<o:p></o:p>
    ผู้ให้ที่พักอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ใหธรรมทานชื่อว่าให้อมฤตธรรม<o:p></o:p>
     
  5. บุญบันดาล

    บุญบันดาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,000
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    ลองเอาตุ๊กตาจรเข้ไปวางดูสิครับ เห็นตัวอย่างหลายวัดที่ลิงรบกวนเขาวางไว้กันลิง
     
  6. บัณฑิต ธัมโม

    บัณฑิต ธัมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +396
    ขออนุโมทนาด้วยครับ
    เข้มแข็งจังนะครับ น่าอนุโมทนากับพระท่านยืนเฝ้าอยู่ น่าจะท่องคาถาด้วยนะครับ พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  7. joezaaaa

    joezaaaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,124
    [​IMG]
     
  8. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    สาธุ
    ขอขอบคุณสำหรับสาระข่าวนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  9. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    คนคอยระวัง กับเจ้าจ๋อที่หากินกับต้นศรีมหาโพธิ์ คงต้องเหนื่อยกันทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอน อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. Thai_narak_et

    Thai_narak_et Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +79
    น่าจะหาอะไรที่ลิงไม่ชอบเอาไปไว้ตรงนั้น อย่างเช่นรังมดแดง ( เลี้ยงมดแดง ) หรืออะไรก็ตามที่ลิงไม่ชอบ น่าจะพอช่วยได้บ้าง...
     
  11. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    การปกป้องนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีขอรับ แต่สุดท้าย และท้ายสุดก็คือความว่างเปล่า หรือดับสูญ เพราะมันเป็นสิ่งไม่เที่ยงขอรับ

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านขอรับ
     
  12. หญิงชรา

    หญิงชรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +9
    นำภาพมาให้ชมเพิ่มเติมค่ะ
    CIMG5552.JPG

    CIMG5554.JPG

    CIMG5557.JPG

    CIMG5563.JPG

    CIMG5564.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  13. ณัฐสิทธิ์

    ณัฐสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,916
    1. อนุโมทนาสาธุ..กับกระทู้นี้ครับ
    2. กระผมเคยไปกราบอธิษฐานใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ ที่ศรีลังกา เมื่อปี 1992 โดยครั้งแรกไปยืนเกาะรั้วเพื่ออธิษฐานขอใบโพธิ์มาบูชา แล้วลมก็พัดนำใบโพธิ์ใบเล็กๆมาสู่มือ ๑ ใบ จากนั้น ชาวคณะของเรา มีพี่เขย-พี่สาว และเพื่อนๆพี่เขย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็น จนท. UNHCR (พี่พิพัฒน์) ที่ประจำในกรุงโคมลัมโบขณะนั้น ก็พาพวกเราไปกราบท่านเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาโพธิ์ที่กุฏี ท่านก็เมตตาพาพวกเราผ่านรั้วทาสีทองไปอธิษฐานจิตที่ริมต้นพระศรีมหาโพธิ์เลยทีนี้ รู้สึกปีติยินดีจนน้ำตาไหลพราก (พี่เขยกระผมแกยืนพนมมือตัวสั่นแบบของขึ้นแบบไม่รู้ตัว สักพักก็สงบลง) จากนั้นจึงพากันกลับมาที่กุฏิท่านเจ้าอาวาสอีกครั้ง แล้วท่านก็มอบใบโพธิ์ที่มีสภาพสมบูรณ์สวยงามมาก แก่พวกเราคนละใบ แทนใบที่เก็บกันเอง กระผมก็นำกลับมาเมืองไทยแล้วปิดทองคำเปลวขึ้นโต๊ะหมู่บูชา มาจนบัดนี้ก็ 16ปีแห่งความหลังแล้วล่ะครับท่าน

    3. กระผมและคณะทุกคนได้รับเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมือง Kandy โดยท่านได้ประทานพระบรมธาตุแก่ชาวคณะมาบูชาคนละ ๑ องค์ ( พวกเราพึ่งจะทราบกันในวันนั้นเองว่า พี่นรินทร์ที่ไปด้วยตั้งใจนำแหวนทองคำหัวแหวนฝังบุษราคัมล้อมเพ็ชร มูลค่าราว ๕ แสนบาท ไปถวายสักการะบูชาองค์พระธาตุเขี้ยวแก้ว เพื่อเป็นการบูชาคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนเลยพร้อมใจกันถอดสร้อยคอทองคำออกจากคอ มาร่วมร้อยแหวนทองคำเป็นสร้อยทองคำ แล้วจึงกราบนิมนต์พระภิกษุขึ้นแท่นบูชา แล้วคล้องสร้อยทองคำพร้อมแหวนวงดังกล่าวบนองค์พระธาตุเจดีย์ทองคำซึ่งภายในบรรจุพระธาตุเขียวแก้วอยู่นั้นเอง องค์พระธาตุเจดีย์ทองคำนี้สวยงามมาก แสงสีเหลืองอร่ามด้วยทองคำและเพ็ชรนิลจินดาที่แวววาว งดงามอลังการจำนวนมากมายที่อดีตกษัตริย์-พระราชินีและบรรดาพูทธศาสิกชนที่เลื่อมใสผู้มั่งคั่งจากทั่วทุกมุมโลกได้มายังที่แห่งนี้ เพื่อมอบถวายรัตนะอันล้ำค่าของตน เป็นพุทธบุชา บูชาพระธาตุเขี้ยวแก้ว เป็นเวลาต่อเนื่องมานับ พันปี...
    โอ๊ย ..คราวกระผมระลึกถึงบุญนี้ทีไร ภาพก็ปรากฎแจ่มชัดและน้ำตาไหลไปทุกคราวเลย

    ส่วนพระบรมธาตุที่กระผมได้รับพระเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว มาบูชาที่บ้านนี้นั้น ขณะนี้กระผมได้นำไปถวายแก่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ หรือ หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย (ศิษย์ท่านหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) วัดพุทธบูชา บางมด เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานร่วมกับพระบรมสารีริกธาตุอื่นๆ (คือที่สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานมอบให้แก่วัด และที่ท่านหลวงพ่อจะไปอัญเชิญเองที่ศรีลังกา )
    คิดๆดูก็น่าอัศจรรย์เพราะมันเป็นเหตุบังเอิญและลงตัวเสียทุกครั้งไป เริ่มต้นที่เพื่อนคนหนึ่งมาชวนไปทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์--ได้ไปกราบหลวงพ่อสนธิ์--ท่านกล่าวถึงการเดินทางไปศรีลังกาและการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ--ความคิดปิ๊งแว็บที่จะถวายพระบรมธาตูกลับไปประดิษฐานในสถานที่อันควร--การที่มีเสียงกลองแขกดังในห้องพระในวันที่จะนิมนต์อัญเชิญพระบรมธาตุไปถวายวัด---รวมถึงได้ไปร่วมพิธีเททองหล่อยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ด้วยแหวนทองคำที่วัดเมื่อ วันมาฆะบูชา 21 กพ. 2551 ที่ผ่านมาด้วย เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจที่หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว มอบหมายไว้ให้กระผมด้วยอุบายธรรมอันแยบคาย ซึ่งท่านคงเล็งอนาคตังสญาณแล้วว่า 16 ปีข้างหน้าเจ้าตี๋หนุ่มจากแดนสยามคนนี้จะรู้ว่าต้องทำสิ่งใดกับของสูงค่า ให้เก็บไว้บูชาไปพลางๆก่อน รอเวลา-สถานที่-และพระผู้มีบุญญาธิการเป็นผู้สร้างพระเจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้บูชาสักการะสืบไป

    ที่เล่ามานี้..ก็เพื่อเป็นอนุโมทนามัยบุญแก่เพื่อนๆชาวพลังจิตทุกท่านนะครับ ไม่ได้คิดอวดโอ้อวดดี เพราะธรรมะและบุญกุศลเป็นสิ่งที่เฉพาะของใครก็ของใครน่ะครับ
    และถ้าใครว่างและเกิดศรัทธาปสาทะ ปราถนาสร้างบุญกุศลเพื่อเป็นเสบียงติตัวไว้ใช้ในการท่องวัฏฏะ ก็เชิญได้ที่วัดพุทธบูชา นะครับ พระมหาเจดีย์ก็สร้างไปเกือบ 80% แล้วตอนนี้
    โมทนากับท่านผู้อ่าน..อีกทีครับ

    4. เอ๊ะ..เอ.. ที่ว่ากันว่า..ลิงนั้นกลัวกะปิ จริงมั๊ยครับ ใครรู้ช่วยตอบที
     
  14. prerogative

    prerogative Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +34
    ไม่ทราบว่าวัดนี้ชื่อวัดอะไรคะ ถ้าคราวหน้ามีโอกาสไป ศรีลังกาจะไ้ไปสักการะบ้าง
     
  15. Pajaree Newlove

    Pajaree Newlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +183
    I would like to a nu mo ta na with everyone who are good persons and try to be a good human.
     
  16. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    อนาคาริกธรรมปาละและมหาโพธิสมาคม

    มีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ไม่นานมานี้ได้รายงานข่าวว่ามีการตัดกิ่งต้นศรีมหาโพธิ์ที่ พุทธคยา เมืองคยา ประเทศอินเดีย เพื่อนำใบโพธิ์มาขายให้กับชาวพุทธจากประเทศไทยและศรีลังกา เป็นธุรกิจที่ทำเงินค่อนข้างดี จนต้นโพธิ์กำลังล้มป่วยเหมือนคนแก่ที่ใกล้สิ้นใจ

    สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานในรูปของสมาคม เรียกกันว่า
     
  17. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    วันที่ 31 ตุลาคม 2434 อนาคาริกธรรมปาละยังได้ดำเนินการเพื่อจัดประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติขึ้น โดยมีตัวแทนจากศรีลังกา จีน ญี่ปุ่น และเบงกอล เข้าร่วมประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นที่อินเดีย ดินแดนอันเป็นถิ่นกำเนิดของพระพุทธศาสนา ในปีเดียวกันนั่นเอง(2434) พระกฤษปาสรัน มหาสถวีระ ภิกษุชาวเบงกอล ได้ก่อตั้งพุทธสมาคมขึ้นที่เบงกอล ในปีนั้นยังค้นพบโกศบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าในรัฐอันตรประเทศ โดยนายเรีย แอต ปัตติโปรลู

    นอกจากนั้นพระมหาวีระพระภิกษุรูปแรกชาวอินเดียที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุในยุคแห่งการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาได้สร้างวัดขึ้นที่กุสินารา(ปัจจุบันเรียกชื่อเป็นกุสินาคาร์) สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งเวลานั้นยังเป็นป่ารกชัฏ ประชาชนไม่กล้าเข้าไป เพราะเกรงกลัวต่ออันตราย แต่เมื่อพระมหาวีระสร้างวัดขึ้น ประชาชนจึงได้เดินทางเข้าไปยังกุสินาการ์เพื่อสักการะบูชาและระลึกถึงสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า


    ในปี พ.ศ. 2435 มหาโพธิสมาคมได้ย้ายที่ทำการไปที่เมืองกัลกัตตา อนาคาริกธรรมปาละได้ออกวารสารมหาโพธิ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาโพธิสมาคมและเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาไปทั่วโลก ในปีเดียวกันนั่นเองนักวิชาการชาวอินเดียจึงจึงได้ก่อตั้งสมาคมปาลีปกรณ์ขึ้นที่เมืองกัลกัตตา เพื่อจัดพิมพ์ตำราทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาของชาวอินเดีย (อินเดียมีภาษาพูดประมาณ 1,625 ภาษา ใน 25 รัฐ ภาษาที่สำคัญ ๆ ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ 18 ภาษา มีภาษาฮินดีและอังกฤษเป็นภาษาราชการ ไม่มีศาสนาประจำชาติ มีประชากรประมาณ 900 ล้านคน ในปีพ.ศ.2539 (ปัจจุบัน 2551 เพิ่มจำนวนเป็น 1,200 ล้านคนแล้ว) ร้อยละ 80 นับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 10 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลืออีกร้อยละ 10 นับถือศาสนาอื่นๆเช่นสิกข์,ไชนะ,ปาร์ชีและพระพุทธศาสนา (อรุณ เฉตตีย์, อินเดียแผ่นดินมหัศจรรย์,โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2539 หน้า 12) ในการพิมพ์หนังสือเพื่อให้ชาวอินเดียอ่านจึงต้องพิมพ์เป็นหลายภาษาที่สำคัญๆคือภาษาฮินดี ภาษาเบงกลี ภาษาพราหมี เป็นต้น โดยผู้ที่ร่วมก่อตั้งประกอบด้วย ราเชนทรา ลาล มิตรา,หราประสาท ศาสตรี,สรัตจันทราทัสและสาธิตจันทรา วิทยาภูสาน



    [​IMG]

    ปีพุทธศักราช 2436 ธรรมปาละได้เข้าร่วมประชุมในเมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา และได้พบสุภาพสตรีผู้เลื่อมใสพระพุทธศาสนาท่านหนึ่งคือนางแมรี่ ฟอสเตอร์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาโดยบริจาคเงินให้สมาคมเป็นจำนวนมาก

    ในปี 2439 พูห์เลอร์ ได้พบเสาหินพระเจ้าอโศกที่ลุมพินี(รุมมินเดย์) พบถ้อยคำจารึกมีใจความว่า ​
     
  18. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    เป็นอันว่าช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีที่อนาคาริกธรรมปาละ เดินทางเข้ามาอินเดีย ได้เริ่มต้นปลุกกระตุ้นความสนใจของชาวอินเดียต่อพระพุทธเจ้าศาสนา โดยใช้นโยบายป่าล้อมเมืองคือประกาศอุดมการณ์ในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาต่อนานาชาติ ทั้งประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาและประเทศที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาแต่ให้ความสนใจในหลักปรัชญาของพระพุทธศาสนา จนในที่สุดชาวอินเดียเอง ก็เริ่มให้ความสนใจในการศึกษาหลักการของพระพุทธศาสนา โดยมีชาวอินเดียเข้ามาอุปสมบทเป็นพระภิกษุหลายรูปที่มีบทบาทสำคัญคือพระมหาวีระสวามี,พระโพธินันทะ พ.ศ.2457ทำการอุปสมบทบนเรือกลางแม่น้ำคงคา ใกล้เมือกัลกัตตา เพราะขณะนั้นอินเดียยังไม่มีการสมมุติสีมาอุโบสถขึ้นเลย มีพระภิกษุเข้าร่วมในพิธีอุปสมบทครั้งจากพม่า ศรีลังกา และจิตตกอง (ปัจจุบันเป็นเมืองๆ หนึ่งในประเทศบังคลาเทศ) ท่านอนาคาริกธรรมปาละก็ได้เข้าร่วมในพิธีกรรมครั้งสำคัญนี้ด้วย

    เมื่ออุปสมบทเสร็จ พระโพธินันทะ ได้เดินทางไปยังลัคเนาว์ได้ก่อตั้งพุทธสมาคมแห่งอินเดียขึ้น เพื่อดำเนินการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับคืนมาสู่อินเดียอันเป็นถิ่นกำเนิดอีกครั้ง ที่ลัคเนาว์ได้มีชาวอินเดียเข้ามาอุปสมบทอีกเป็นจำนวนมาก ผลงานของพระโพธินันทะทำให้ชาวอินเดียส่วนหนึ่งได้หันกลับมานับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้ง พระมหาวีระและพระโพธินันทะพระภิกษุชาวอินเดียทั้ง 2 รูป นับว่ามีบทบาทสำคัญสำหรับการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา เพราะความที่เป็นชาวอินเดีย ย่อมสามารถชักจูงชาวอินเดียได้ง่ายขึ้น


    [​IMG]

    เราไม่อาจจะยืนยันได้ว่าพระพุทธศาสนาที่ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งนี้จะเป็นพระพุทธศาสนานิกายอะไร แต่ที่เริ่มต้นขึ้นจริงๆโดยอนาคาริกธรรมปาละนั้น เป็นนิกายจากศรีลังกา และพม่า ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท

    สิ่งที่สูญหายไปเกือบ 700 ปี เมื่อหวนกลับมามีบทบาทอีกครั้งย่อมมีความแตกต่างจากอดีตเป็นธรรมดา ส่วนพระพุทธศาสนาที่เจริญนอกถิ่นอินเดีย ก็ได้ให้ความสนใจในอุบัติการณ์นี้ด้วย ประเทศไทยอยู่ในยุคสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนากรุงเทพเป็นเมืองหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2325) อนาคาริกธรรมปาละเดินทางไปอินเดียเมื่อปี พ.ศ. 2434 และเริ่มดำเนินการเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาที่เป็นระบบภายใต้การดำเนินการในรูปของสมาคม ดังนั้นคำว่าพุทธสมาคม จึงเป็นวิธีดำเนินการที่สามารถนำมาใช้ได้ในยุคสมัยที่อินเดียไม่มีพระภิกษุเหลืออยู่เลย เพราะสมาคมเป็นการรวมตัวของคณะบุคคลที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ได้แยกว่าเป็นพระภิกษุหรือฆราวาส

    จากวันที่โพธิสมาคมก่อตั้งมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 115 ปีแล้ว ภายใต้การริเริ่มของท่านอนาคาริกธรรมปาละ พระพุทธศาสนาที่ถูกลืมก็ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

    ต้องขอบคุณท่านอนาคาริกธรรมปาละอย่างยิ่งที่เสียสละชีวิตทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ทั้งๆ ที่ท่านก็ไม่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ แต่ทำตัวเหมือนพระภิกษุ (ตำราบางเล่มบอกว่าท่านอุปสมบทเป็นภิกษุเมื่อ พ.ศ. 2474 ) 2 ปีก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตในปี 2476 ปล่อยภาระหน้าที่ที่ยังต้องดำเนินการต่อไปให้ภิกษุในยุคต่อมาดำเนินการ


    [​IMG]

    อุดมการณ์ของอนาคาริกธรรมปาละ จึงเป็นการจุดประกายแห่งการตื่นตัวของชาวพุทธ เพราะเมื่อมหาโพธิสมาคมเริ่มก่อตั้งขึ้น ก็ได้มีสมาคมและพุทธวิหารเกิดขึ้นในหลายส่วนของประเทศเช่นมหาโพธิสมาคมที่เมืองเดลี เมืองหลวงของอินเดีย(2482),เทวสังฆปาณีวิหาร ที่เมืองอัสสัม(2482),พุทธวิหารที่เมืองบังการ์ลอร์ (2483),เวฬุวันวิหาร อการตาลา (2489),มัทราทวิหาร (2490),พุทธสมาคมแห่งลาดักส์ (2480)พุทธสมาคมแห่งอัสสัม (2482),พุทธสมาคมแห่งหิมาลัย (2485)

    พุทธสมาคมเหล่านี้บริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการ แม้แต่มาหาโพธิสมาคมก็มีคณะกรรมการที่เป็นชาวพุทธและฮินดูคนละครึ่ง บางครั้งการลงมติที่ต้องอาศัยเสียงส่วนมากจึงมักจะมีปัญหา หากการดำเนินการนั้นไปกระทบกับความเชื่อของชาวฮินดูเข้า

    จากยุคแห่งการขุดค้นสถูปวิหารเจดีย์ของชาวตะวันตกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2293 เป็นต้นมา จนถึงยุคแห่งการก่อตั้งพุทธสมาคมและการสร้างวิหารเริ่มต้นในปี พ.ศ.2434 พระพุทธศาสนาที่ถูกลืมเลือนไปเป็นเวลายาวนานเกือบ 700 ปี ก็ได้กลับฟื้นคืนมายังมาตุภูมิอีกครั้ง โดยแรงผลักดันของท่านอนาคาริกธรรมปาละ ชาวศรีลังกา และเป็นที่น่าปีติอย่างยิ่งคือได้มีชาวอินเดียอุปสมบทเป็นพระภิกษุมากขึ้น และมีการสร้างวัด อาราม และวิหารเกือบทั่วประเทศอินเดีย

    [​IMG]

    ต้นโพธิ์อันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เมื่อพุทธศาสนิกท่านใดได้ไปสักการบูชาก็มีความรู้สึกเหมือนหนึ่งกำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ แต่เพราะผลประโยชน์ ต้นโพธิ์ถูกลิดรอนกิ่ง นำใบมาขายให้กับพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธา การค้าขายกับศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่ทำกันมานาน ถ้าตราบใดที่ชาวพุทธยังมัวสนใจเพียงใบโพธิ์ มากกว่า "โพธิ" คือการรู้แจ้งแล้ว คงอีกไม่นานต้นโพธิ์ก็คงเหลือแต่ต้นยืนตายอย่างน่าเสียดาย

    พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
    เรียบเรียง
    05/02/2550


    หนังสืออ้างอิง
    D.C. Ahir, Buddhism in Modern India, Sri Satguru Publications,Delhi,1991.
    Sukumar Dutt, Buddhist Monks and Monasteries of India, Motilal Banasidass,Delhi,1998.
    อรุณ เฉตตีย์, อินเดียแผ่นดินมหัศจรรย์,โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2539.

    http://www.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=1286&Itemid=0&limit=1&limitstart=0
     

แชร์หน้านี้

Loading...