ศิลาจารึกพุทธทำนาย มีจริงหรือ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย วรกันต์, 28 ตุลาคม 2013.

  1. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    สงสัยมานานแล้วครับ ที่บอกว่า ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย มีจริงหรือครับ

    ข้อสงสัย
    1. ถ้ามีจริงแล้วศิลาอันนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เคยเห็น ถ้ามีจริงก็น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำไมไม่เคยมีใครกล่าวถึง (เจอแต่ข้อความที่โพสต่อๆกันมาว่าเอามาจากศิลาจารึก) แต่ถามจริงๆ มีใครเคยเห็นศิลาอันนั้นไหม ถ้ามีช่วยโพสมาดูหน่อยครับ สงสัยมาก

    2. มีการกล่าวอ้างว่า พระอานนท์เป็นผู้จารึก ลองคิดไปดูสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ การแกะสลักหินหรือศิลาจารึก แพร่หลายแล้วหรือ ทำไมเลือกที่จะจดลงในศิลา มากกว่าที่จะจดในหนังสือ อย่างเช่น พระไตรปิฏก (ดังประวัติที่เคยได้ยินว่า ห้องสมุดนาลันทา ถูกเผา แสดงว่า การเขียนลงในสมุดบันทึกมีการแพร่หลายอย่างกว้างขวางมากกว่า การจดในหลักศิลา) ถ้าเป็นพุทธทำนายเช่นนั้นจริง ทำไม พระอานนท์เลือกที่จะจดลงในศิลา มากกว่า หนังสือ เช่น ในพระไตรปิฏกล่ะครับ ช่วยบอกที

    ผมว่า หลักศิลาถ้ามีจริง คงถูกทำหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานหรือไม่ ดังที่สมัยพระเจ้าอโศก ที่มีวัฒนธรรมการ สร้างเสาอโศกจากหิน ซึ่ง 100-200 ปีหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานมากกว่า เทคโนโลยี การสลักเสาหิน น่าจะมีในสมัยพระเจ้าอโศกมากกว่า ทั้งหมดนี้ผมสันนิษฐานเอาเอง ใครรู้เรื่องประวัติศาสตร์อินเดีย ช่วยขยายความด้วยครับ

    ส่วนตัว ผมว่า หลักศิลาไม่มีจริง เป็นการอุปโลก ต่อๆกันมาของคนในเว็บหลายๆเว็บ มานมนานมากกว่า

    ปล. ลองคิดดูสิ ว่าถ้ามีจริง หลักศิลานี้ จะไม่ถูกพูดถึงเลยหรือ โดยเฉพาะในช่วงกึ่งพุทธกาล ซึ่งเป็นเวลาปัจจุบันที่ปรากฎอยู่ในหลักศิลา

    ใครมีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ช่วยโพสด้วยจักเป็นพระคุณ
     
  2. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ขอเสนอแนะบ้างตามความเข้าใจของผม

    ผมคิดว่าในสมัยพุทธกาล มนุษย์เรานั้นน่าจะยังมีแต่ภาษาพูด
    ไม่น่าจะมีอักษรที่ใช้จดบันทึก ฉะนั้นการเทศนาธรรม
    จึงต้องใช้การฟังจากพุทธองค์เอง หรือฟังจากพุทธสาวก
    ซึ่งใช้วิธีการจำกันมา จากรุ่นสู่รุ่น
    แน่นอนว่า มีผู้ที่จำแม่นจำได้เนื้อความและถูกต้อง
    ก็ย่อมต้องมีผู้ที่จำได้บ้างลืมบ้างผิดบ้าง
    เหตุที่ต้องมีภิกขุปาฏิโมขทุกๆวันพระเว้นวันพระ
    ก็เพื่อทบทวนความจำ ทบทวนวินัย ทบทวนศีล
    เพื่อให้เหล่าภิกษุนั้น มีความเห็นที่ตรงกันอยู่เสมอ
    และปฏิบัติสืบทอดกันมาจวบจนปัจจุบัน

    การเข้าโบถส์ปาฏิโมขของพระ
    ทบทวนพระวินัยด้วยภาษาบาลี
    ถ้าไม่เรียนภาษาบาลี ก็ฟังไปอย่างนั้น
    ผ่านหูไปโดยที่ไม่รู้เรื่องเลย
    แต่ด้วยปัจจุบันสมัยที่ได้มีหนังสือทำจากกระดาษก็ถือว่า
    มีข้อดีอยู่มาก ทำให้ช่วยจำและสามารถทบทวนได้ตลอดเวลา
    แต่ข้อเสียก็มี เพราะเป็นการแปลภาษา
    และบันทึกสืบทอดมากัยแบบรุ่นสู่รุ่น
    อาจถูกบิดเบือนเปลี่ยนแปลงจากความเข้าใจของผู้แปลผู้เขียนได้
    รวมถึงเรื่องเล่าปากต่อปากที่ถูกนำมาบันทึกลงหนังสือก็เช่นกัน
    ไม่มีการบันทึกที่มา หรือเป็นที่มาเฉพาะบุคคลที่กล่าวอ้างขึ้นมาเอง
    ไม่สามารถโยงไปหาเหตุและผลที่เหมาะสมได้
    ตำราของพระเกจิหลายเล่ม ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือจากลูกศิษลูกหา
    พระอาจารย์ผู้ล่วงลับอาจจะไม่ได้กล่าวอย่างนั้น
    แต่ลูกศิษนำมาตีความผิด หรือเอาความเห็นของตนใส่ลงไป
    แล้วอ้างว่าเป็นคำกล่าวของพระอาจารย์นั้นๆ

    ความเข้าใจของ จขกท นั้นถูกต้องแล้วเลือกดีแล้วที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
    จนกว่าจะพิจารณาว่า สมเหตุสมผลแล้วเท่านั้น
    พุทธองค์ย่อมรู้ดีว่า ยิ่งกาลสมัยผ่านไปมากขึ้น
    พระธรรมยิ่งถูกบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์
    จึงได้ตรัสไว้เป็นที่สุดเพื่อให้เรานั้นได้คิด
    ให้เนสได้พิจารณา ให้ลองดูก่อน ให้เห็นประโยชน์ก่อน
    แล้วถึงค่อยเชื่อ ไม่ให้เชื่อโดยไม่สืบสาวหาเหตุผล

    ส่วนเรื่องของศิลาจารึก ผมคิดว่าน่าจะมีมาก่อนสมุด
    เรื่องห้องสมุดนาลันทา น่าจะเกิดมาหลังพุทธกาล
    นานนนนนนมากๆเลย ต้องหาว่าสมุดเล่มแรกเกิดเมื่อไร
    แต่ศิราจารึกก็น่าจะเกิดขึ้นก่อนกันไม่นาน
    เพราะเมื่อมนุษย์เรามีอักษรใช้
    ก็คงอยากจะหาอะไรก็ตามมาบันทึกมาจดไว้
    เมื่อมีอักษร ก็คงหาหินมาขูดๆขีดๆ
    ด้วยข้อดีที่อยู่คงทนได้นาน แต่บันทึกได้ลำบาก
    และขนไปไหนมาไหนก็ยาก ลำบากที่จะแจกจ่าย
    หนังสือเป็นของเบาๆบันทึกง่ายก๊อบปี๊ง่าย
    จึงถูกนำมาใช้อย่างแผ่หลาย
    สำหรับผมคิดว่า เพิ่งจะมีสิ่งเหล่านี้ไม่กี่ร้อยปีหรอก

    ต่อมาเรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับพุทธะทำนาย
    ผมเคยได้อ่านมาบ้าง(ตามวัดที่มีคนเอามาวาง)
    พุทธองค์สอนเรื่องความพ้นทุกข์
    ไม่น่าจะอยากเป็นหมอดู
    คำทำนายพูดถึงพระศรีอาริย์
    วันโลกแตก ภัยพิบัดต่างๆ
    ที่เหมือนว่ากำลังจะเกิดในไม่ช้า
    และมีการสอนวิธีการเอาตัวรอดเมื่อถึงเวลานั้น
    ผมว่าเป็นความคิดปรุงแต่งของผู้เขียนที่มีมาก
    เจตนาอาจจะดี อยากให้ผู้คนที่ประมาทเกิดความกลัว
    และเร่งปฏิบัติดี แต่การนำความเชื่อของตน
    มาเขียนเป็นหนังสือแล้วเอาศาสนาพุทธมาอ้าง
    มันมีความเสี่ยงสูง เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่มจริงๆ

    สำหรับผมแล้วนั้นอย่าว่าแต่ศิลาจากรึกพุทธะทำนายเลย
    แม้แต่พุทธะทำนายที่ได้อ่านในหนังสือพิมแจกตามวัดตามงานศพนั่น
    ผมก็หาได้ปักใจเชื่อว่าเป็นความจริงไม่เชื่อว่ามีจริง
    และไม่ปักใจเชื่อว่าพุทธองค์เป็นผู้กล่าว
    พุทธองค์มักสอนให้ทุกคนอยู่กับปัจจุบัน
    ไม่ให้หวนระลึกถึงอดีตที่ผ่าน ซึ่งแก้ไขไม่ได้
    และไม่ให้ไปคิดถึงอนาคตไม่ให้ปรุงแต่งอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    เหตุใดพระองค์ท่านจึงทำนายถึงภัยพิบัดในอนาคตอย่างนี้
    ทำให้คนบางกลุ่มเกิดความงมงายและเกิดวิตกกังวล
    ดูไม่สมเหตุสมผล
     
  3. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    จขกท เดาถูกครับที่ว่าเสาหิน เกิด ขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศก เพราะ พระไตรปิฏกที่ประเทศไทย (ฉบับบาลีสยามรัฐ) หรือ ประเทศอื่นที่นับถือศาสนาพุทธในแถบสุวรรณภูมิ ก็นำมาจากเสาหิน อโศก ส่วน พุทธทำนาย นั้น ไม่ใช่ คำทำนายของพระพุทธเจ้า เป็นคำแต่งใหม่ ของสาวก เพราะ ไม่มีพระสูตร เหล่านี้ ในพระไตรปิฏก
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พุทธทำนายที่มีผู้ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย ความว่า พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า “ ....เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบกับความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนเวียนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ คนในสมัยนั้นจะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น …… ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีคนเคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง เมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ จะเสด็จมาเสริมสร้างพระศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปอีก ๕,๐๐๐ พระวรรษา …. คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาในอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล


    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอดีต ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบ
    ด้วยประโยชน์ ตถาคตก็ไม่พยากรณ์สิ่งนั้น ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอดีตเป็นของจริง เป็นของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตก็ไม่พยากรณ์แม้สิ่งนั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอดีต เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอนาคตไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ตถาคตก็ไม่พยากรณ์สิ่งนั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอนาคต เป็นของจริงเป็นของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตก็ไม่พยากรณ์แม้สิ่งนั้น


    ดูกรจุนทะแม้หากว่าสิ่งที่เป็นอนาคต เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมไม่พยากรณ์สิ่งนั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นปัจจุบัน เป็นของจริง เป็นของแท้แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตก็ไม่พยากรณ์แม้สิ่งนั้น

    ดูกรจุนทะ แม้หากว่าสิ่งที่เป็นปัจจุบัน เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

    ด้วยเหตุดังนี้แล จุนทะ ตถาคตเป็นกาลวาที เป็นสัจจวาที เป็นภูตวาที เป็นอัตถวาที เป็นธรรมวาที เป็นวินัยวาทีในธรรมทั้งหลายทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ชาวโลกจึงเรียกว่าตถาคโต ด้วยประการดังนี้แล ฯ



    เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น?

    อะไรล่ะที่เป็นของจริงของแท้ ? ที่ประกอบด้วยประโยชน์ ก็สิ่งนั้นแล ทางออกมีเพียงทางเดียว ต้องกำเนิดพระอริยะบุคคล ตามที่ต้องพยากรณ์และทรงชี้พยากรณ์ให้โดยเฉพาะอุบัติขึ้น และได้ปาฎิหาริย์ ๓ เท่านั้น ไม่มีทางอื่น

    ข้อถกเถียงที่เกิดในโลกมนุษย์ที่ส่งผลหลัก คือเรื่องธรรมทั้งมวล เหตุการ์ณในโลกมนุษย์ย่อมสงผลถึงโลกธาตุอื่นด้วย ทั้งในสวรรค์และนรก เมื่อถกเถียงจึงวุ่นวายหาข้อยุติมิได้ โดยเฉพาะในเรื่องพระสัทธรรมและอสัทธรรม เมื่อพระสัทธรรมเริ่มเลือนลางไปจากใจของหมู่สัตว์ในโลกธาตุ

    หากเมื่อใดโลกบังเกิดอลัชชีสรรเสริญแต่งเติมซึ่งสัทธรรมปฎิรูปย่ำยีเสียแล้วซึ่งพระสัทธรรมก้าวล่วงเป็นใหญ่ในสังฆปริมณฑล ทุกภพภูมินรกสวรรค์จึงเกิดวิปริตแปรปรวนมากขึ้น จากที่เป็นอยู่ธรรมดาที่ไม่เที่ยงอย่างนั้นและอย่างนั้นอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ย่อมเกิดภัยพิบัติแก่โลกมนุษย์นั้นด้วย เมื่อไร้ซึ่งพระสัทธรรม อสัทธรรมจึงโชติช่วง โลกาย่อมวินาศ ณ ครานั้น

    เมื่ออสัทธรรมกล้าแข็งถึงที่สุด เมื่อโลกธาตุทั้งหลายสั่นไหว บุคคลทั้งหลายปราถนาพระสัทธรรม จึงจะมีการถือกำเนิดจุติธรรมเป็นอิทัปปัจยตา แม้ผู้รู้แล้วยังทำได้แค่อยากและปราถนาก็ได้พึ่งธรรมพึ่งตนเฝ้าคอย เพียงเท่านั้น

    ผู้ใดเล่าหนอจะมาไถพรวนผืนดินถิ่นธรรมนี้ให้ราบลุ่มเขียวขจี



    หมาจิ้งจอกแก่หลายตัว ตัวหนึ่งเด่นๆในยุคนี้ก็จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล แห่งวัดนาป่าพง



    คัดลอกมาให้อ่านเบื้องต้น
    สุบินข้อที่ ๖ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นมหาชนขัดถูถาดทองราคาตั้งแสนกระษาปณ์แล้วพากันน าไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง ด้วยค าว่า เชิญท่านเยี่ยวใส่ในถาดทองนี้เถิด หมาจิ้งจอกแก่นั้น ก็ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองนั้น.

    ตามความเข้าใจโดยส่วนตัวของข้าพเจ้า"Bawwarwnrak Kringwasutponziry" ในสุบินหัวข้อที่ ๖ นี้ได้มีการตีความผิดอย่างสิ้นเชิงเพราะประโยคที่ว่า “ ถาดทองคำที่มีราคาตั้งแสนกระสาปณ์” นั้น ตามความที่แท้จริง หมายถึง

    “ พระธรรม คำสอนขององค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า”

    พระเดชพระคุณพระอรหันตเจ้าทั้งหลายและพระมหากระษัตรย์ผู้ทรงเกียรติคุณทั้งหลาย ที่มีส่วนร่วมสำคัญโดยตรงในการทำการยกเครื่องปฐมสังคายนาคือ การประชุมตรวจชำระสอบทานและจัดหมวดหมู่พระธรรมคำสั่งสอนของ “ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธองค์” ขึ้นกันอย่างพร้อมเพียงกันเพื่อบรรจุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและจัดวางลงไว้ให้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบแบบแผนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ (การรวบรวมจัดทำประไตรตรปิฎก)

    ขึ้นทั้งในช่วงยุคแรกๆหลังจากพระปรินิพพาน หรือ และเหตุการณ์ที่สำคัญอีกช่วงหนึ่ง คือในยุคสมัยของ “ พระเจ้าอโศกมหาราช”
    และต่อมาภายหลังได้มีการแปลพระไตรปิฎก จาก ภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลีแทน จึงมีส่วนอย่างมากกับสำนวนต่อไปนี้“ หมาจิ้งจอกแก่” นั้น หมายถึง ผู้ที่มีอายุและมีความรู้ความเชี่ยวชาญในลัทธิคำสอนของตนนั้นๆ และคำสอนในลัทธินั้นไม่ได้นำไปสู่การบรรลุความเป็นพระอริยบุคคลแต่อย่างใด และท่านผู้นั้นจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งแบบพุทธในระดับที่ได้รับ
    ความหน้าเชื้อถือจากบุคคลผู้ที่นับถือศาสนาพุทธในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างดีมากพอควรเพราะฉะนั้น คำว่า “ มหาชนได้นำถาดทองคำที่ถูขัดแล้วเป็นอย่างดีที่มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ไป เชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกแก่ถ่ายปัสวะลงในถาดทองคำนั้น”จึงหมายถึง บุคคลหรือมหาชนผู้ที่รู้เท่าไม่การณ์ในเวลานั้นมากกว่าอย่างอื่น ที่ได้ให้การยอมรับ และอนุญาติให้ผู้มีอายุผู้ท่านนั้นสามารถถ่ายทอดลัทธิคำสอนตามความเชื้อดั้งเดิมของตนลงใน พระไตรปิฎกได้ตามแต่เห็นสมควรและตามความพอใจของท่านผู้นั้น ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งนั้น ยุคพระเวทที่สี่ หรือ อรรถวนเวท นั้นมาแรง และในขณะเดียวกันศาสนาพุทธเถรวาทได้เริ่มเสื่อมคลายถดทอยลงในอินเดียในเวลานั้นด้วย


    ซึ่งจะเห็นได้ว่าในพระไตรปิฎกต้นฉบับพระบาลีได้มีสูตรลัทธิคำสอนของพราหมณ์ถูกบรรจุสอดแทรกเข้าไปด้วย เช่น “ เรื่องพระราหูจับพระอาทิตย์พระจันทร์ในสังยุตตนิกาย” เป็นต้น สรุปแล้ว ถาดทองคำบริสุทธิ์ถึงแม้จะบรรจุปัสวะของสุนัขจิ้งจอกแก่ แต่ถ้าได้มีการชำละล้างปัสวะของสุนัขแก่จิ้งจอกนั้นออกไป ก็จะยังคงความเป็นทองคำบริสุทธิ์ฉันใดก็ฉันนั้นไม่
    แปรเปลี่ยนยังบริสุทธิ์เช่นเดิม ส่วนปัสวะของสุนักจิ้งจอกแก่สกปรกฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน!

    ซึ่งถ้าศึกษากันให้ดีก็พอจะมองออกว่า ในบางลัทธินั้นได้มีความพยามที่จะประกาศว่าศาสนาพุทธคือเป็นส่วนหนึ่งในลัทธิคำสอนของเขา! อีกอย่างคนหรือสัตว์โลกจะไม่มีความประเสร็ฐและอยู่คงที่เสมอไปเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับถาดทองคำที่มีค่าตั้งแสนกษาปณ์ใบนั้นๆ ที่ค่าส่วนผสของมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และตราบใดถ้าหากบุคคลนั้นๆ ยังไม่บรรลุพระอริยบุคคลและพระอรหันต์เพียงไร ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงแปรปรวนตามกรรมดีกรรมชั่วเป็นธรรมดา!
    อ้างอิง: ฤทธิ์-ปาฎิหาริย์

    ถ้าลอกมาจากตรงนี้ ก็แสดงว่า มีสติปัญญาไม่เท่าไหร่ บางอย่างวิสัชนาตื้นเขินไป จนต้องมาแก้ให้หลายอย่าง เขาโจกท์เขาก่นด่า ก็ต้องคอยแก้ให้หลายต่อหลายครั้งในสื่อต่างๆ คิดว่าวางหมากไว้ให้แก้ เราจึงต้องตำหนิไปตามธรรมที่มีโทษ ไม่ถือว่าตำหนิบุคคล เพ่งธรรม ไม่เพ่งบุคคล




    https://th.wikipedia.org/wiki/พุทธทำนาย






    " มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในรัชกาลแห่งพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในอนาคตเหมือนกัน

    ครั้นทรงทำนายผลแห่งสุบินใหญ่ๆ ๑๖ ข้อ อย่างนี้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่มหาบพิตรได้เห็นสุบินเหล่านี้ แม้พระราชาทั้งหลายแต่ก่อนๆ ก็ได้ทรงเห็นแล้วเหมือนกัน แม้พวกพราหมณ์ก็ถือเอาสุบินเหล่านี้ นับเข้าในยอดยัญพิธีอย่างนี้เหมือนกัน ภายหลังอาศัยคำแนะนำที่พวกเป็นบัณฑิตพากันกราบทูล จึงถามพระโพธิสัตว์ แม้ท่านโบราณกบัณฑิตทั้งหลาย เมื่อทำนายสุบินเหล่านี้แก่พระราชาเหล่านั้น ก็พากันทำนายทำนองนี้แหละ"


    อภยปริตร

          ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงพระสุบินนิมิต ถึงอาเพศ ๑๖ อย่าง แล้วให้เกิดความหวาดหวั่น ต่อมรณภัยที่มองไม่เห็น จึงทรงเล่าพระสุบินนั้น ให้พราหมณ์ปุโรหิตรับฟัง พราหมณ์ปุโรหิตพยากรณ์ว่าจะบังเกิดเหตุการณ์ให้พระองค์มีอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใด รวมทั้งราชสมบัติด้วย
         
          ปุโรหิตนั้น ได้ทูลแนะวิธีป้องกันอันตราย ด้วยบัญญัติวิธี คือ เอาสัตว์อย่างละ ๔ ๆ มาฆ่าบูชายัญ
         
          พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงทรงมีรับสั่งให้จัดเตรียม ประจำพิธีและสิ่งของ ตามถ้อยคำของปุโรหิตบอก
         
          ครานั้น พระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล จึงทูลขึ้นว่า เสด็จพี่อย่าพึ่งทำยัญพิธีกรรมใด ๆ เลย ขอได้โปรดเสด็จไปทูลถาม ถึงพระสุบินนิมิตนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน พระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู มิมีสิ่งใดที่พระพุทธองค์ไม่รู้
         
          ราชาโกศล จึงเสด็จพร้อมมเหสีและบริวาร ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ เชตวันมหาวิหาร แจ้งทูลถามถึงสุบินนิมิตทั้ง ๑๖ ข้อนั้น
         
          พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร ภัยอันตรายใด ๆจะพึงบัง เกิดมีแก่พระองค์ จากเหตุแห่งพระสุบินนิมิตนั้น หามีไม่ สุบินนิมิตของพระองค์ เป็นสิ่งบอกเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หวังจากเราตถาคตนิพพานไปแล้ว และในที่สุดพระผู้มีพระภาค จึงทรงขอให้พระเจ้าปเสนทิโกศล ล้มเลิกยัญพิธีทั้งปวงเสีย
         
          บัดนี้ถึงกาลอันควรแล้ว ขอเชิญพระสาวกแก้ว ได้โปรดสาธยาย อะภะยะปริตร เพื่อพิชิตอวมงคลทั้งหลายที่บังเกิดขึ้น ให้พินาศไป ด้วยเทอญ

    กระทู้แสดงสติปัญญาศิษย์คึกแห่งสำนักวัดนาป่าพง

    http://palungjit.org/threads/ศิลาจารึกพุทธทำนาย-มีจริงหรือ.513456/

    ทำไมจะมีไม่ได้
    ศิลาพุทธทำนายอยากรู้ว่ามีหรือไม่มี ก็หาคนไปถอดความแปลเอาทีอีก ถ้ายังไม่หนำใจ ขนาดคึกฤทธิ์แห่งวัดนาป่าพง อ้างจารึกเสาอโศกมีคำสอนเป็นพระไตรปิฏก

    หนอนพระไตรปิฎกแฉวัดนาป่าพง: จารึกอโศก กับพุทธวจน การโกหกคำโตของพระคึกฤทธิ์

    "เสาอโศกไม่มีการบันทึกคำสอนใดๆ ไม่มีพุทธวจนะใดๆ มีแต่ "อโศกวจนะ"  

    ไปสิอินเดีย ไปหาศิลาจารึก ที่พระเชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน เอาล่ามที่นั่นไปแปลด้วย


    ไม่มีพระสูตรเหล่านี้ หรือ คึกฤทธิ์แห่งวัดนาป่าพง มันโง่จนวิสัชนาไม่ออกกันแน่ อยากดังล้มพระไตรปิฏกชูหางตนเอง จิ้งจอกเฒ่าเอ๊ย ฝากไปถึง คึกด้วย

    พระเจ้าประเสนธิโกศลไม่มีจริง มหาสุบินไม่มีจริง ว่างั้นเถอะ อภยปริตรก็ไม่มีจริง ต่ำช้ามาก หัดสูงเร็วบ้าง

    ออ ฝากสำหรับไอ้พวกหมิ่นไม่เชื่อพุทธทำนาย และโดยเฉพาะลิ่วล้อโง่ๆของวัดนาป่าพง พวกนี้ก็หมิ่นหลวงพ่อฤษีและครูบาอาจาย์อีกหลายฯท่านด้วย สรุปที่พวกนั้นแสดงมาว่าเคารพหลวงพ่อฤษี หรือครูบาอาจาย์อีกหลายท่านที่ท่านกล่าวถึงพุทธทำนาย ให้ไปสังเกตุดูได้เลย นั่นแสดงว่า สภาวะธรรมมันรวนจนจะเป็นบ้าเสียสติไปแล้ว กระแสธรรมตีกันเองมั่วไปหมด สม๋งสมอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • -6-728.jpg
      -6-728.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.8 KB
      เปิดดู:
      709
    • end_time_prop.jpg
      end_time_prop.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.1 KB
      เปิดดู:
      284
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2016
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    มนุษย์มีภาษาเขียนมาก่อนพุทธกาลนานมากแลัวครับ

    อักษรฮีโรกลิฟฟิค ของอียิปต์
    http://worldcivil14.blogspot.com/2014/12/hieroglyphics.html

    อักษรจีนโบราณ
    http://www.lovechineseclub.com/hanzi

    สำหรับตัวอักษรไทย ตามพุทธสาสนสุวัณภูมิปกรณ ก็มีจารึกไว้อย่างน้อยก็6000กว่าปีมาแล้ว
    http://palungjit.org/threads/ประวัต...ณ-พิมพ์เป็นตัวอักษร.356194/page-5#post6605096
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2016
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ตามหาศิลาทำไม

    สถานการณ์ของจริง ปรากฎให้เห็นอยู่ ในปัจจุบัน

    ทำไม? ..ไม่ดู..
     

แชร์หน้านี้

Loading...