สติต้องหมั่นสร้างให้เกิดขึ้น อย่าคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นเอง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 สิงหาคม 2018.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ?temp_hash=40dfcc2c01d7f2128844bdbb9e10dd61.jpg

    มาสร้างสติให้เกิดขึ้น ในวันแม่กันเถิด เพื่อตนเองและบุคคลรอบข้าง

    คำว่า"แม่"นั้น เป็นคำที่มีความหมายอันลึกซึ้งกินใจที่ยิ่งใหญ่ อยู่ในหัวใจลูกทุกๆ คน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ค่นแค้นยันเศรษฐีมหาเศรษฐี ความเป็นแม่ ย่อมยังคงอยู่ในหัวใจของแม่ตลอดไป

    แม่มีความห่วงใย และคอยเฝ้าดูความเจริญเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจของลูกทุกๆ คน ติดตามดูความเจริญก้าวหน้าทางด้านการศึกษาในแต่ละระดับชั้น เพื่อให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เฝ้าติดตามดูความสำเร็จในด้านการงาน และการได้เห็นลูกๆ ทุกคนมีครอบครัวที่อบอุ่น ด้วยจิตใจที่จดจ่อทุกขณะที่ได้เห็นหน้าลูก

    ความเป็นห่วงเป็นใยของแม่นี้จะจบลงตอนไหน? ตอบได้เต็มปากว่า จะจบลงได้จริงๆ นั้น ขอบอกว่าจบลงได้จริงๆ นะ ไม่ใช่จบลงที่ปากบอกว่า...? เมื่อจบการศึกษาแล้ว...มีการงานที่ดีแล้ว...มีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว...แม่จะหมดห่วงได้แล้ว...ไม่จริงอย่างแน่นอน

    การที่แม่จะหมดห่วงได้จริงๆนั้น ก็ตอนที่ต้องตายจากกันไป ข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น แค่นี้ยังไม่พอ บางครั้งยังมีการห่วงไปถึงชีวิตหลังความตาย (ภพที่จะไป) อีกเสียด้วยซ้ำไป...

    เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราควรมาสร้างคุณงามความดีที่ยั่งยืน เพื่อมอบให้แก่แม่อันเป็นที่รัก เพื่อเป็นกุศลกันเถิด เริ่มที่ การสร้าง "สติ" ให้เกิดขึ้นที่จิต เพราะสติแค่บอกว่าขอให้มีสติ มันไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุเพียงแค่นี้

    คำว่า "สติ" นั้น หมายถึง การระลึก ซึ่งในหลายแห่ง อาจแปลว่า การระลึกรู้ ซึ่งก็หมายรวมเอาจิตที่เป็นผู้รู้เข้าไปด้วย เพราะ "สภาพเดิมของจิตเป็นธาตุรู้" ถ้าไม่มีจิตเป็นตัวยืนรู้ ก็ไม่อาจมีการระลึกรู้เกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน การจะระลึกขึ้นมาได้นั้น ต้องระลึกรู้ได้ด้วยจิตของตนเท่านั้น ไม่มีใครช่วยระลึกให้เราได้ เป็นของๆ แต่ละบุคคล

    การหมั่นระลึกรู้นั้น คือการสร้างสติให้เกิดขึ้น ใครจะมาช่วยเหลือ เพื่อสร้างแทนกันนั้นไม่ได้ อย่างมากที่สุดที่ทำได้ ก็คือ การคอยตักเตือนให้มีสติอยู่เสมอ หรือแนะนำให้รู้จักวิธีสร้างสติให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราควรจะมารู้จักวิธีการระลึกรู้หรือการสร้างสติอย่างถูกต้องตามหลักในมหาสติปัฏฐานสูตร เพราะการระลึกรู้ของบุคคลคนทั่วๆ ไปที่เรียกว่าสตินั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงสัญญาอารมณ์ชนิดหนึ่งเท่านั้น

    เริ่มจากการหมั่นระลึกรู้ว่าสิ่งไหนที่เป็นกุศล (อารมณ์กุศล)
    ควรทำให้เกิดขึ้น
    และเจริญให้มากยิ่งๆขึ้น

    สิ่งไหนเป็นอกุศล (อารมณ์อกุศล)
    ควรละเสียให้ได้อย่างรวดเร็ว
    และเพียรละอกุศลที่เคยมีอยู่ให้หมดไป


    การจะทำให้สัญญาอารมณ์ กลายเป็นสติจนกระทั่งเป็นสัมมาสติได้นั้น ต้องเพียรพยายามระลึกรู้อย่างต่อเนื่องเนืองๆ อยู่ในที่ ๔ สถาน คือ ระลึกรู้อยู่ที่กาย เวทนา จิต และธรรม แบบไม่ขาดสาย ต่อเนื่องเนืองๆ อยู่ หรือที่เรียกว่า มีสติเป็นชาคโร คือมีสติตื่นอยู่เสมอ

    การหมั่นระลึกรู้ในขั้นแรกนั้น ควรเริ่มต้นที่ฐานกายก่อนเป็นอันดับแรก ตามแบบแผนในมหาสติปัฏฐาน เหตุก็คือ เป็นฐานที่ง่ายต่อผู้ปฏิบัติธรรมในขณะที่ยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ที่จะระลึกรู้ได้อย่างชัดเจน เห็นไตรลักษณ์ได้ง่าย และสามารถเป็นฐานให้ระลึกรู้ได้ตลอดเวลาของการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง หรือนอน จึงจะได้ชื่อว่าเป็นสติปัฏฐาน หรือก็คือการระลึกรู้อยู่ที่ฐานได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเป็นสันตตินั่นเอง เมื่อคล่องแคล่วชำนาญได้ดีแล้ว การจะระลึกรู้อยู่ที่ฐานไหน ก็กระเทือนถึงกันหมด

    การจะระลึกรู้อยู่ที่ฐานอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายให้ได้นั้น ผู้ปฏิบัติต้องมีสัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อม คอยหมั่นระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาของการปฏิบัติธรรมนั่นเอง คือต้องเพียรพยายามประคองจิต (สัมมาวายามะ) ไว้ที่ฐาน อย่าให้เผลอ เมื่อเพียรประคองจิตไว้ได้ไม่ให้เผลอ และไม่ปล่อยให้จิตส่งออกไปจากฐานได้สำเร็จ จิตก็จะรวมตัวลง จิตย่อมมีสติ (สัมมาสติ) สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์กิเลสความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย (สัมมาสมาธิ) ในขณะนั้น เรียกได้ว่า จิตได้สงัดจากกามและได้สงัดจากอกุศลกรรมต่างๆ พร้อมทั้งละสุข ละทุกข์ โสมนัสและโทมนัสแต่เก่าก่อนลงได้ ถึงจะเป็นตทังควิมุตติ เมื่อกระทำให้มากเจริญให้มากยิ่งขึ้น ก็จะกลายเป็นปหานวิมุตติได้ในที่สุด

    พอมีแนวทางจากพระสูตรในมหาสติปัฏฐานให้ปฏิบัติตามได้ คือ หมั่นระลึกรู้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ที่เรียกว่าอานาปานสติ ซึ่งเป็นฐานกาย เป็นกายสังขารที่ไม่ได้เกิดจากความคิด เพื่อจะได้พิจารณาให้เข้าถึงกายในกายเป็นภายใน ที่เรียกว่านามกายนั่นเอง

    มีพระพุทธพจน์รับรองไว้ชัดเจนว่า

    "อานาปานสติ ภิกฺขเว ภาวิตา พหุลีกตา จตฺตาโร สติปฏฺฐาเน ปริปุเรนฺติ
    จตฺตาโร สติปฏฺฐานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปุเรนฺติ
    สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา วิชฺชา วิมุตฺตึ ปริปุเรนฺติ.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย "อานาปานสติ" นี้ ถ้าทำให้เกิดขึ้น
    ทำให้บ่อยๆแล้ว ย่อมได้ชื่อว่า ทำ "สติปัฏฐานสี่ให้บริบูรณ์"

    สติปัฏฐานสี่นี้ ถ้าทำให้เกิดขึ้น ทำให้บ่อยๆแล้ว
    ย่อมได้ชื่อว่า ทำ "โพชฌงค์เจ็ดให้บริบูรณ์"

    โพชฌงค์เจ็ดนี้ ถ้าทำให้เกิดขึ้น ทำให้บ่อยๆแล้ว
    ย่อมได้ชื่อว่า ทำวิชชา "จิตหลุดพ้นทุกข์" ให้บริบูรณ์ ดังนี้"


    พอที่จะสรุปได้ว่า การหมั่นฝึกสร้างสติให้เกิดที่จิตของตนนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ดีมีแต่ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว เพราะคนที่ขาดสตินั้น มักสับสน วุ่นวายทำอะไรไปตามอำเภอใจ เนื่องมาด้วยอารมณ์กิเลสความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้นนำพาไป

    แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ได้รับการฝึกฝนในการสร้างสติให้เกิดขึ้นมาก่อน สร้างสติเป็น เห็นชัดอยู่ เมื่อกระทบอารมณ์เข้า ขณะที่จิตจะหวั่นไหวไปกับอารมณ์กิเลสความรู้สึกนึกคิดอยู่นั้น ให้รีบนำจิตมาระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งของสติอย่างต่อเนื่องแทน แบบที่เคยทำได้สำเร็จมาก่อน จนคล่องแคล่วชำนาญดีแล้ว จิตใจย่อมมีสติสงบตัวลงราบคาบ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์กิเลสความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้น

    บุคคลเช่นนี้ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวมเพียงถ่ายเดียว และเป็นที่พึ่งที่อาศัยให้กับคนรอบข้างและบุพการีอันเป็นที่รักได้อบอุ่นสบายใจอีกด้วย

    "พวกเธอจงมีสติเพื่อยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด บุคคลที่มีจิตใจตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง" (คติธรรม)

    น้อมถวายเป็นพุทธบูชา
    และร่วมรำลึกถึงพระคุณแม่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๑

    เจริญในธรรมทุกๆ ท่าน
    ธรรมภูต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mother.jpg
      mother.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      333
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ๑.จะพิจารณาอะไรก็ปล่อยให้จิตว่างรับรู้
    อยู่ภายในอย่างนั้นควรมีฐาน
    มาจากการแยกรูปแยกนามได้ก่อนและที่
    สำคัญคือการรู้จักวางอารมย์
    เรื่องที่จะพิจารณาให้เป็นป้องกัน
    การกลายเป็นวิปัสสนึก
    เพราะเผลอเข้าใจว่า ความคิดจากจิต
    เป็นสติและปัญญาแล้วนำไปพิจารณา
    มันจะไม่ได้ผล
    ๒.ควรกระทำร่วมกับการพิจารณา
    ก่อนนอนและก่อนตื่น ว่าในระหว่างวัน
    ที่ผ่านมาตนเองพลาดเรื่องอะไรที่ระลึกได้
    ทันจากการเจริญสติระหว่างวันร่วมด้วย
    พวกนี้เป็นสติส้มโภชน์ชง

    ๒ อย่างควบคู่กันถึงจะไปได้เร็ว
    ที่สำคัญไม่ต้องใช้กำลังสมาธิ
    อะไรมากมาย วิธีง่ายๆ
    เหมาะกับทุกเพศทุกวัยครับ


    ถ้าทำได้ผลจริง อะไรก็ตามที่จิตเคย
    ทำได้มาก่อนในอดีตมันจะค่อยๆขึ้นมา
    ได้ของมันเองตามลำดับ โดยไม่
    ต้องไปเสียเวลาฝึกให้เสียเวลา

    หรือใครที่ใช้งานทางจิตได้ปกติ
    ความสามารถมันก็จะพัฒนาขึ้นได้
    เรื่อยๆของมันเองและจะไม่มีเสื่อมถอย

    ปล. เล่าแล้วจบ
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    คคห. ๑
    ๑.จะพิจารณาอะไรก็ปล่อยให้จิตว่างรับรู้
    อยู่ภายในอย่างนั้นควรมีฐาน

    ๒ อย่างควบคู่กันถึงจะไปได้เร็ว
    ที่สำคัญไม่ต้องใช้กำลังสมาธิ
    อะไรมากมาย
    *******************************************
    ^
    ^
    เมื่อเล่าเรื่องจบแล้ว ต้องขอเสนอแนะเพื่อเรื่องเล่าให้หนักแน่นขึ้น

    ข้อแรกก็บอกไว้ "พิจารณาอะไรก็ปล่อยให้ "จิตว่าง"รับรู้
    อยู่ภายในอย่างนั้นควรมีฐาน"

    จิตจะว่างแบบ "รู้อยู่รู้" คือรับรู้แล้วปล่อยวางได้นั้น

    ต้องเป็นจิตที่มีกำลังสมาธิที่ลงตัวแล้ว(ส่วนมากละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

    โดยมากเมื่อรับรู้แล้ว มักละ(ปล่อย)ไม่ค่อยจะได้ เหตุเพราะอะไร

    เพราะจิตขาดกำลังสมาธิที่เหมาะสมลงตัว(ขณะแห่งสมาธิ)

    เมื่อได้ฐานแล้ว หมั่นระลึกรู้อยู่ที่ฐาน

    จิตก็จะว่างมีกำลังสมาธิมากขึ้นลงตัวได้เอง

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรม
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ไปไม่เป็นเมื่อเข้าถึงสภาวะได้
    มี ๒ การไปไม่เป็น
    ๑.ไม่พัฒนาต่อทางด้านกำลังสมาธิ
    เพราะมัวไปจมไปแช่กับสภาวะนั้นๆ
    แล้วยังหลงคิดว่าดีอีก ทั้งๆที่อนาคต
    มันจะทำให้จิตพิการหรือซื้อบื่อ
    หรือมีความคิดผุดมาขวาง
    ทำให้นอกจากจะไม่มีความสามารถ
    ทางนามธรรมหรือกำลังสมาธิอะไรขึ้นมา
    เผลอๆจะเบื่อเลิกนั่งไปเลย

    แก้ด้วย
    การเข้าๆออกๆมันก็จะพัฒนา
    ระดับสมาธิได้เอง และเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องจริงๆ

    ๒ ไปต่อไม่เป็น เมื่อถึงสภาวะที่เอื้อ
    พอระลึกขึ้นมา
    กลายเป็นวิปัสสนึก ที่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพ
    ทางจิตเลย และ ยังเป็นคนยึดมั่นถือมั่น
    ความรู้ความเข้าใจทางนามธรรม
    ก็ไม่พัฒนา จิตไม่คลายตัวเอง
    อ่านอะไร ฟังธรรมอะไร
    แล้วจิตไม่ปล่อย จบไม่เป็น
    ในระหว่างใช้ชีวิตปกติก็ได้
    ยึดติดแต่กิริยา เฉยๆ นิ่งๆ
    เหม่อๆ แต่เข้าใจว่าตน
    บรรลุหรือมีพัฒนาการแล้ว


    เหตุเพราะ วางอารมย์เรื่อง
    ที่จะพิจารณาไม่เป็น

    เพราะไม่เห็นตัวที่ตนพลาด
    หรือที่จะพิจารณาจากกำลังสติทางธรรม
    ในระหว่างวัน แล้วไประลึกเอาตามสัญญา
    เลยเป็นวิปัสนึก ได้อย่างคาดไม่ถึง

    วิธีแก้ ต้องรู้จักหมั่นตรวจสอบ
    ตนเองก่อนที่จะนอนและหลับตา
    ว่าทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรบ้าง
    มันถึงจะพอทราบว่า ควรจะพิจารณาอะไร

    พออารมย์ได้ เรื่องพวกนี้มันจะขึ้นมาเอง
    และจะไม่เป็นวิปัสสนึก


    การไประลึกเอาหรือพูดเรื่องวิปัสสนา
    ก่อนที่จิต จะเห็น ตัวจิต ความคิดจากจิต
    ความคิดผุดหรือขันธ์ ๕ นามธรรม
    แยกเป็นส่วนๆได้. จะไม่เข้าใจกิริยา
    “จะพิจารณาว่างรับรู้ภายในอยู่อย่างนั้น”

    เพราะจะเผลอไปคิดว่า ความคิดจากจิต
    เป็นสติเป็นปัญญาแล้วนำไปพิจารณา
    นี่หละปัญญาของการไม่มีพัฒนาทางด้าน
    นามธรรมตลอดความสามารถรับรู้ทางจิต
    หรือความละเอียดทางจิตที่ดีขึ้น
    ทั้งที่ปฎิบัติมากลายสิบปีแล้วก็ตาม

    มันจะพัฒนาอย่างไร เมื่อการวิเคราะห์
    การให้ความหมาย ความเห็น การตีความ
    มันก็สร้างขึ้นมาจากสัญญาในตัวจิตทั้งนั้น

    พวกนี้มันเป็นไปเพื่อก่อ เพื่อสร้างให้มี
    ทำให้วกวน ซึ่งมันสวนทางกับพุทธฯ
    ที่เน้นเอาออก รู้แล้วจบ รู้ไม่รู้ช่างมัน

    มัวแต่ติดในรู้ ที่สร้างขึ้นเอง
    ปล่อยไม่เป็น ทำจนเป็นตนรู้เรารู้
    ทั้งรูปและนามธรรมทั้งหลาย
    แบบไม่จบมีแต่สร้างให้มี
    แล้วเมื่อไร มันจะจบ จะคลาย
    เมื่อไรจิตจะค่อยๆกลับคืนสภาวะ
    ตามธรรมชาติของมันได้เองซักทีหละครับ


    ปล. แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง. เล่าแล้วจบ
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ^
    ^
    ถ้าเพียงแต่เล่าให้ฟัง แล้วจบ นั่นมันง่ายไปมั๊ง

    เล่าถูกๆผิดๆ ก็เล่าไปเรื่อย

    ไหนๆก็โชว์แล้วลองเล่าต่อสิว่า

    สมาธิจมแช่ จมแช่ยังไง จมแช่อยู่กับอะไร?

    แล้วสมาธิ กับสัมมาสมาธิต่างกันอย่างไร?

    แบบชัดๆนะ ไม่ใช่พูดลอยๆแบบหาที่มาที่ไปไม่ได้


    "วิธีแก้ ต้องรู้จักหมั่นตรวจสอบ
    ตนเองก่อนที่จะนอนและหลับตา
    ว่าทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรบ้าง
    มันถึงจะพอทราบว่า ควรจะพิจารณาอะไร"(อ้างอิง)


    รู้หรือเปล่าที่พูดมาข้างต้นนั้น

    มันก็แค่สัญญาอารมณ์ ของปุถุชนคนหนาด้วยกิเลสทั่วๆไป

    ที่วันๆจะก่อนนอนและหลับตาลง (ไม่ใช่วิธีแก้ในทางพุทธ)

    ที่ต้องวนเวียนคิดแล้วคิดเหล่าเฝ้าแต่คิดว่า "ทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรไปบ้าง"

    เฮ้อ!!! เป็นปัญญาในทางพุทธศาสนาตรงไหน มั่วไปได้

    ไม่น่าเชื่อเลยนะ เดี๋ยวนี้บอร์ดพลังจิตเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

    ขอเถอะ ถ้ายังเข้าไม่ถึง พูดให้น้อยๆ ปฏิบัติภาวนามยปัญญาให้มากๆ

    ในเมื่อไม่รู้ "สัมมาสมาธิ"นั้น ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน อย่าโชว์เรื่องสมาธิมากนัก

    จริงๆไม่อยากขัดนะ แต่เห็นว่าพยายามพล่ามไม่หยุด ก็เลยอดไม่ได้

    อะไรที่เราทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นทำไม่ใช่ อย่าตีขลุมเอาเอง

    เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นนะ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ๋๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    บอร์ดพลังจิตอยู่เหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยน
    แต่ที่มันดูแย่มานาน เพราะมันมีแต่พวกแบกตำรา
    ยึดตำรา คิดว่าตนเองบรรลุธรรม
    คิดว่าตนเองเก่งกว่าใคร
    อย่าง ธรรมภูติ คิดว่าตนเองเก่งสมาธิ
    ถึงขนาดมาคุยข่ม....
    จะบอกให้ว่า เล่นผิดคนแล้วนะครับน้อง
    ผมไม่สนใจเรื่องอายุหรอก
    เพราะผมพอดูออกว่าใครเป็นอย่างไร
    ดังนั้น อย่ามาแสดงกล้ามมาก......


    นาย ธรรมภูติ ที่แก่เพราะอยู่นาน และทิฐิสูง
    จอมแบกตำรา คิดวิเคราะห์ตีความ
    ไม่แปลกใจหรอกที่ปฏิบัติมาน่าจะ ๒๐ สามสิบปีแล้วมั่ง
    ถ้าเทียบกับผมคุณน่าจะปฏิบัติมาก่อนผมหลายเท่าปี คือรายรอบหรือ
    มากกว่าไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี
    แต่ได้นิสัยและปัญญาทางธรรมแค่นี้ ตลอดจนไร้ความสามารถทางจิต
    ในระดับใช้งานได้จริง มีแต่สัมผัสระดับมโนเรื่อยเปื่อย
    ข้างบนถ้าผมพูดผิดช่วยมาแก้ด้วยนะจะได้ขอพิสูจน์ซักหน่อย..
    ผมท้ายเลย ว่าคนอย่างคุณปฏิบัติกรรมฐานอะไรไม่เคยสำเร็จซักกอง
    และไม่มีความสามารถใช้งานได้จริง มีแต่มโนเอาเอง...
    เสือกมาโชว์โง่เรื่องยกตนเองเรื่องทางสมาธิกับผม.....
    ทั้งๆที่ผมไม่เคยคุยว่าตัวเองเก่งเรื่องสมาธิเลย....


    ปรับทัศนคติก่อนนะ ธรรมภูติ
    อันดับแรกผมไม่เคยบอกว่าตัวเองบรรลุธรรมอะไร
    ไม่เคยบอกว่าตนเองเก่งอะไร
    ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอะไร
    ดังนั้น ถ้ากล้าพูดว่าประมาณว่าผมมาโชว์เรื่องสมาธิอะไร
    คุณกล้ามาแสดงความสามารถทางสมาธิกับผม
    ต่อหน้าพระเกจิอาจารย์ไหมหละครับ
    ผมต่อให้คุณได้ทุกกรรมฐาน
    และเอากรรมฐานที่คุณเก่งที่สุดในจักรวาลเลยครับ

    ถ้าผมแพ้คุณไม่ว่ากรรมฐานกองอะไร
    หรือ ด้อยกว่าคุณแม้แต่กรรมฐาน
    กองใดกองหนึ่ง ผมจะกราบเท้าคุณ
    และเอารูปหน้าผมมาลงให้ทุกคนเห็นเลย



    ทุกคนจะได้รู้ว่า ไอ้นี่แมร่งขี้โม้ เป็นไอ้กระจอก
    ไอ้ขึ้คุย ไอ้อวดฉลาด...ไอ้โชว์พาว์
    แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณไม่ต้องมากราบเท้าคุณ
    แต่แค่ขอเอาหนังหน้าคุณมาลงให้สมาชิกทุกคนได้เห็น
    ว่า คนที่ปฏิบัติอยู่มานาน และทิฐิสูง มั่นใจตนเอง
    เรื่องส่วนหนึ่งของสติสัมโภษชงค์ยังไม่รู้
    และยังยกตนเองมาข่มว่าเป็นปถุชนกิเลสหน้า
    แล้วยังมากล่าวว่าผมคุยเรื่องสมาธิหน้าตามันเป็นอย่างไร
    ประเด็นแรกนะ.........เคลียร์นะ...

    ประเด็นต่อมา...
    ๑.สมาธิที่แท้จริง คือสมาธิที่เข้าได้เองตามธรรมชาติ
    โดยไม่ใช้ความชำนาญ กำลังจิต สมาธิอะไรเป็นตัวนำ....
    ๒.คนได้สมาธิ หรือ คนที่ใช้งานทางสมาธิได้คือ
    เวลาจะใช้งานเมื่อใด ต้องสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
    ทุกสถานการณ์ ไม่ใช่การเข้าสมาธิได้ทั้งวัน ตรงนี้มันสำหรับ
    เด็กน้อยหัดใหม่ไม่รู้เรื่องและพวกยึดตำรา ไม่มีความสามารถ
    ใช้งานทางจิตเป็นกัน ธรรมภูติก็พวกอย่างหลังนี้หละ
    ๓.สัมมาสมาธิ คือ ความสามารถในการใช้งานจากสมาธิได้
    และไม่มีคำว่าเสื่อม และมีพัฒนาการขึ้นตามลำดับ
    เหตุเพราะว่ามาต่อในทางด้านการเดินปัญญา
    ๔.สมาธิจมหรือแช่ คือเข้าไปติดอยู่ในอารมย์นั้นนานๆ
    เป็นเหตุให้จิตพิการ คนที่มีความสามารถใช้งานทางจิตได้จริง
    จะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะไม่มีใครเข้าเป็นกันหรอก
    มีแต่พวก กระโหลกกระลา ยึดตำรา จะเข้าใจว่าดี
    จิตอยู่ในสภาวะอารมย์เดียว มันก็พิการซิครับ
    ปฏิบัติมานาม ไม่น่าไม่เข้าใจเรื่องแค่นี้ ถามมาได้ โชว์โง่มากมาย
    ๕.และส่วนที่ ธรรมภูต เอามาอ้างอิง และยกตนเองข่ม คุยฟุ้ง
    ว่าเป็นแค่ปถุชน กิเลสหนา
    แสดงให้เห็นว่า ขาดกำลังสติทางธรรม ในการที่จะระลึกเห็น
    สิ่งที่ตนเองได้พลาดในระหว่างวัน เข้ากับ ที่บอกว่า เฉยๆ นิ่งเปี๊ยบ

    แสดงว่า ปัญญาทางธรรมไม่ได้มีการพัฒนาอะไร เพราะไปติดอยู่กับ
    สภาวะเฉยๆ นิ่งๆ แต่ดันคิดไปไกลว่าตนเองมีการพัฒนา...อ่านแล้วไม่เข้าใจ
    ยังมาโชว์โง่ ยกตนเองข่มคนอื่นๆอยู่ได้......



    นี่หละ เว๊บพลังจิต ห้องนี้ ถึงเต็มไปด้วยพวกคุยฟุ้ง
    เอาแต่พระธรรม คำสอนที่สวยๆหรูมาแสดง
    มาคุย ให้อ่าน ป่านว่า ตนเอง บรรลุธรรมขั้นสูง
    มีแต่มโนมนึกเอา คิดเข้าข้างตัวเองเอา.......

    พอท้าให้แสดงผลของสมาธิ ประกันได้ว่าพากันเงี้ยบกริ๊บ
    อ้างโน้นอ้างนี้ไปเรื่อยเปื่อย....

    ห้องนี้ไม่ได้ต้องการพวกดัดจริตสร้างภาพหรอก
    เขียนแต่ศัพท์แสง สูงๆ เพื่อให้คนอ่านมองดูว่าตนมีปัญญาสูงส่ง
    ถ้าปัญญาสูงส่งจริงๆ อย่างที่เอามาโม้
    นอกจากคนอ่าน อ่านแล้วจะจบ หรือโล่ง โปร่งคลาย
    ตัวเองจะต้องมีความเข้าใจทางนามธรรมที่ดี
    ตลอดจนมีความสามารถทางจิตต่างๆบ้าง
    จากการฝึกกรรมฐานสำเร็จซักกอง.....


    ม่ใช่มีแต่โม้
    ใช้แต่ศัพท์สูง
    พอโดนเบรค
    ก็ความแตกแสดงธาตุแท้ตนเองออกมา
    นี่หละ ที่เค้าเรียกว่า
    กระจอก เก่งแต่ปาก
    ยึดแต่ตำรา ชัดไหม...


    พูดตรงไหนผิดบอกด้วยนะ ธรรมภูติ..........

    ชื่อนี้นะ Nopphakan ชื่อเดียวไม่เคยเปลี่ยน
    ข้องใจเรื่องสมาธิ รับคำท้ามา
    เรื่องอื่นๆ ถือว่าเล่าแถมๆ
    ให้พวกยึดตำราขี้โอ่ฟังเล่นๆ...
    เผื่อว่า จะฉลาดขึ้นไม่มาโชว์โง่อีก

    ไหนใช้ศัพท์สูงส่ง
    ตอบซิ จิตที่แยกรูปแยกนาม กิริยาเป็นอย่างไร
    ๑.จิตกระเพื่อม
    ๒.ความคิดที่เกิดจากจิตเป็นอย่างไร
    ๓.ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ นามธรรมเป็นอย่างไร
    ตอบคำถามเด็กๆแบบนี้หน่อย
    ก่อนจะโชว์โง่ ทำเป็นพูดยกตนข่มท่าน
    จากการยึดตำราแบบผิดๆของตนเองว่า

    ปฏิบัติภาวนามยปัญญาให้มากๆ
    ไหนตอบให้เด็กน้อยและสมาชิกชื่นใจหน่อยซิ......

    ปล. บอกแล้วให้จบ ดันไม่จบเอง
    เด่ว....ธาตุแท้ และกระบือแก่เพราะอยู่นาน
    จะปรากฏให้ชาวเว๊บพลังจิตได้เห็นอีกตน....
     
  7. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    การเป็นคนดีหมั่นทำความดีคือตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
    ได้สองเด้งตอบแทนคุณชาติ
    ยังไม่นับรวมวงตระกูล บรรพบุรุษ เป็นฐานที่มั่นคงของวงตระกูลแน่นปึกไว้ในความดี
    เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรหลานได้อีก
    ได้หลายเด้ง การทรงความดีเป็นสมาธิได้
    และ การรัก และ เคารพ ในพระพุทธเจ้า หมั่นแสดงความกตัญญู ในคำสอนท่าน ยึดพระรัตนไตรเป็นที่พึ่ง หนึ่งดียว ก็เป็นความดีทั้งสิ้น
    แบ่งปันกันคะ
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    อันนี้ ปัดตะนา ดีเนาะ

    อย่างกับ จิตเปลี่ยน ทิ้งจิตแล้ว หรอ

    หรือ ยัง สิบสองนาฬิกา หงายหลังตึง
    ผกผ้าขาวไปด้วย
     
  9. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4

    กรรมฐานมี 40 กอง

    คนที่บอกว่าตนแน่ ถึงขนาดกล้าไปท้าทายคนอื่น
    ว่ายกกองไหนมาก็ได้ ?!!
    ถ้ายังงั้น ผมขอยกกอง " พุทธานุสติ "
    มันจะพิสูจน์ กันยังไงฟระ!!!
    นี่มันเป็น "ทิฐิอริยะ" ที่มั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    งงเต๊ก.....
    หรือว่าพิสูจน์กอง "มรณานุสติ" หรือ อื่น ๆ
    แล้วบอกว่าไปพิสูจน์ต่อหน้าพระเกจิ สายวัดศาลสถิตยุติธรรม

    เฮียแล้ว!! มีญาณหยั่งรู้อินทรีย์ อ่อน แก่ ในสัตว์
    นั่นมันญาณ พระพุทธเจ้าเฮ่ย!!!



    หรือหากพูดไปถึงกสิน แสดงเสกไฟได้ เสกน้ำได้
    พิสูจน์ไม่ยาก ไปหานายคนนี้ ให้เขาเสกให้ดูก็จบ!!

    เขาบอกว่าเขารับคำท้าทุกกอง
    กอง "พรหมวิหาร 4" ก็ไม่ผ่านแล้ว!!!!


    ว่าคนอื่นว่าโดนเบรกแล้วธาตุแท้แตก เนี่ย
    ก็ระวังเข้าตัวเอง ๆ ไว้บ้าง
    อ่าน ๆดูที่เวลาไปด่าอะไรใครไว้ ว่าไม่มีความสามารถบ้าง
    อะไรบ้าง ก็ควรสำรวมระวัง ไม่ให้เข้ามาตัวเอง




    จะบอกอะไรให้นะ (พี่)นพ
    คนอื่นเขามองนายออกหมดแหละ
    ว่าจริงๆแล้วนายมีความสามารถจริง ๆรึเปล่า
    แต่เขาไม่อยากจะพูด....
    เขาไม่อยากยุ่งกับนาย
    1. ถนอมนำ้ใจ มองว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์
    2. ไม่อยากเถียงกับนาย เพราะ ตลาด ยังเรียกพี่
    3. มีเพื่อนดีกว่ามีศัตรู

    แต่นายชอบไปล้ำเส้น ความมีน้ำใจของคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ
    ใครเตือนนายไม่ได้ อย่างเราโมโหนายหลายที เหมือนกัน
    แต่เราก็เลี่ยงที่จะมีเรื่องกับนายมาตลอด เพราะ 2 ข้อที่ยกไป
    แต่ก็เหมือนที่คุณธรรมภูมิ บอก นายชอบแพล่มไม่หยุด
    อย่าคิดว่าคนเล่นบอร์ดนี้จะต้องเป็นอรหันต์
    กิเลสโทสะ ไม่เหลือกันแล้ว เพราะอรหันต์ไม่เล่นเว็บบอร์ดแน่นอน

    พอเขาตบะแตก เหลืออดกับนาย นายก็ทำเป็นรับไม่ด้ายยยยยยย


    หรือว่าไม่จริง?!!!
    งั้นพิสูจน์ง่าย ๆ ไปดูที่กระทู้นี้

    ขอคำแนะนำการฝึกกสินลมคับ

    https://goo.gl/uDu57m


    นายยังตอบว่าคนในคลิป เป็นเพราะจักระดันตุ๊ด....
    ไม่รู้จะเรียกพลังงานแบบนี้ว่าอะไร

    ผมตอบให้นะ พลังงานแบบนี้เรียกว่า "มายากล"

    ผมอ่านแล้วขำท้องแข็งเลย

    คลิปมันเผยแพร่มาเป็น สิบ ๆ ปีแล้ว
    พวกขาดัก มันก็ไปตัดต่อมาจากหนังฉบับเต็ม
    เอาไว้ดัก พวกสายงมงาย

    คนมีสติทางธรรม จริง ๆ เขาจะไม่รีบเชื่อหรอก
    เผลอ เขามองว่ามันเหลวไหลตั้งแต่แว๊บแรกด้วยซ้ำ



    ผมเล่นเว็บนี้มา 1- 2 ปี เข้า ๆ ออก ๆ
    ก็ตามอายุที่ผมเริ่มเข้ามาสนใจศึกษาธรรมมะจริงๆจังๆนั่นแหละ
    ประมาณ 2 ปีหน่อย (ปริยัติ)
    ( ไม่นับรวมภาคปฏิบัติ มีผมรู้อะไรมาก่อนนิด ๆหน่อย ๆก่อนหน้า)

    ยังเห็นอะไรขนาดนี้
    เว็บนี้แทบไม่มีคนเล่น แล้ว

    ***ถ้าคุณ WEB SNOW ยังแก้ปัญหาด้วยการแบนแค่กระทู้แล้วปล่อยจบไป
    แต่ปล่อยบุคคลที่มีปัญหาแบบนี้ไว้ มันก็เรื่องของคุณเอง ธุรกิจคุณเอง

    เพราะพฤติกรรม คำพูดแบบนี้ ไปเล่นเว็บไหนไม่ได้หรอก
    เขาไม่ปล่อยไว้แน่
    เห็นจะมีแต่ที่นี่ที่ปล่อยไว้

    ผมจะไม่เล่นเว็บนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ อยากปฏิบัติธรรมเงียบ ๆ
    ไม่อยากมีปฏิฆะกับใครมาก
    กับ 2 เบื่อพฤติกรรม น่ารำคาญของบางคนในเว็บนี้
    Pantip ว่าเซ็ง ๆแล้ว แต่ที่นี่ หนักกว่า....(เรื่องพฤติกรรม)




    แค่คอมเมนท์เดียวพอ จบ...(เลียนแบบ)

    แค่นี้ก็กรีดลึก ไปถึงหัวใจละ.......
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    อิอิ ความจริงศิษย์โง่ Ultimate ชื่อนี้ไม่เหมาะเลยครับ
    น่าจะใช้ชื่อ ว่าไอ้โง่ หรือว่าโครตโง่ หรือโง่จริงๆนะ จะเหมาะกว่า
    เพราะว่ามีคำว่า ศิษย์ จะหมายรวม กก ที่ร่วมอัพเดทสร้างภาพ
    แต่ไร้ความสามารถทางจิตในระดับแสดงได้จริงใน ก๊วน ทั้งหมดด้วย ๕๕๕

    แห๋มๆ อุตสาห์สมัครใช้ชื่อใหม่ เข้ามาตอบโดยเฉพาะ
    แต่เหมือนว่า จะรู้จักพฤติกรรมกันมานานเนาะ
    ไม่รู้เป็นไร พวกที่ชอบมาโชว์เหนือแบบโง่ๆ ยกตนทับคนอื่น
    ประหนึ่งว่ารู้ดีกว่าเค้า พูดดิสเครดิสคนอื่นๆ และก็สร้างภาพยกตนเอง
    เอาดีเข้าตัว นิสัยมันทำไมคล้ายๆกันเลย คือต้องมีตัวรับ ตัวส่ง
    แล้วก็โม้ไปเรื่อย พอพูดเรื่องความสามารถก็โชว์โง่ได้เรื่อยๆอีก
    แบบปลาตายน้ำตื่นๆ เด่วจะจัดให้ซักดอก ในฐานะ ที่เสร่อไม่แบบโง่ๆนะ
    เพราะ อ้างอิง ชื่อ ธรรมภูติ นะ แต่เสร่อมาเองนะ....อิอิ



    ๕๕๕๕๕๕ โง่จริงๆอย่างแรก กรรมฐานเอาแค่ ๔๐ กองนะ
    ไม่เอาเรื่องพลังงานจักรวาล ที่คุณมาโชว์โง่เด่วค่อยจัดอีกดอก
    คำว่า สำเร็จในที่นี้ก็คือ การเข้าถึงอารมย์ ของกรรมฐานกองนั้นๆ
    คำว่า ก็แสดงให้ดู ก็แสดงสภาวะจิต ของกรรมฐานกองนั้นๆซิครับ

    คือ โง่จริงๆใช่ไหม เลยพูดแบบนี้ออกมา ไปคิดว่า มันต้องโชว์ได้
    เหมือน กก พวกคุณ ที่ชอบสร้างภาพหรือเปล่า ๕๕
    แล้วยังจะโชว์ สติ ทิฐิ สัญญาวิปลาสแห่งตน ไปเทียบว่า
    เป็นญาน พระพุทธเจ้าอีก อย่างพระพุทธเจ้าเอาไปเทียบ
    ไปได้หรอก คุณ ศิษย์โง Ultimate จริงๆ

    ที่บอกว่า ไปพิสูจน์ ต่อหน้าพระเกจิฯ
    เพราะถ้า ไปพิสูจน์ กับพวก ยึดตำรา ทิฐิสูง อัตตาสูง ไร้ความ
    สามารถทางจิต แต่ทำเป็นพูดเหมือนรู้ดี
    และที่สำคัญนิสัยตอแหลดิสเครดิส อย่าง กก คุณ มันจะใช่หรือ ๕๕๕๕๕
    และที่สำคัญ ท้าแต่คนที่ยกตนข่มคนอื่นๆว่าตัวเองแน่กว่า
    อย่าง ธรรมภูติไง ไม่ใช่อยู่ดีๆไปท้า
    ถามจริงๆ อ่านภาษาไทย รู้เรื่องเปล่า ๕๕๕๕๕๕๕


    ฮั่นแน่ ทำเป็นพูดหล่อ ดิสเครดิส
    นึกว่า จะบอกว่า มาเลยพร้อมรับคำท้า ๕๕๕๕
    หรือ บอกว่า เด่วผมขอรับคำท้าแทน ธรรมภูต เองอะไรอย่างนี้ ๕๕๕
    ถามจริงๆ ไอ้ศิษย์โง่
    ได้อ่านข้อความ ที่ธรรมภูติ เขียนหรือยัง
    อย่าโชว์โง่ ข้อความที่ ธรรมภูต กล่าวก่อนนะ นายศิษย์โง่ อ่านซะ จะได้ไม่โง่

    ''ขอเถอะ ถ้ายังเข้าไม่ถึง พูดให้น้อยๆ ปฏิบัติภาวนามยปัญญาให้มากๆ

    ในเมื่อไม่รู้ "สัมมาสมาธิ"นั้น ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน อย่าโชว์เรื่องสมาธิมากนัก

    จริงๆไม่อยากขัดนะ แต่เห็นว่าพยายามพล่ามไม่หยุด ก็เลยอดไม่ได้

    อะไรที่เราทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นทำไม่ใช่ อย่าตีขลุมเอาเอง''


    อ่อบอกอีกอย่างว่า ผมไม่ได้มีความสามารถเสกไฟเสกน้ำได้นะครับ
    อย่ามาโชว์โง่อีก เน้นในเรื่องของพลังงานนะครับ
    ป่านนั้น คุยว่า เข้าออกๆมา ๒ ปีแล้ว นี่ก็โชว์โง่อีก

    ๕๕๕๕ เหรอ ถ้าคนที่ผมเคยว่า เก่งเหมือนตอนที่ยกตนเอง
    มาทับถมคนอื่นๆ เก่งเหมือนตอนตอแหลดิสคนอื่นๆ
    เก่งเหมือนตอนที่ยกธรรมะมาคุยโม้ เก่งเหมือนตอน
    ที่เอาธรรมะที่ตนเอามาโม้มายกทับคนอื่นๆ
    เก่งเหมือนประมาณว่า ตนเองมีสมาธิที่ดี เก่งมากๆ
    ว่าสมาธิคนอื่นๆเชิงไม่ถูก เหมือน กก คุณ
    การที่มีใครบางคน ไปว่า ไปท้าแสดงความสามารถ
    ถ้าพวกนี้ เก่ง เหมือนปากพูด ทำไมไม่แสดงความ
    สามารถให้ดูหละ หรืออธิบายให้ดูหละว่าทำได้อย่างไร

    ไม่ใช่ยึดตำรา อะไรไม่รู้เรื่อง ก็ว่ามายากล ๕๕๕
    ยังมาโชว์โง่อ้างทำมาพูด และที่โง่ยิ่งกว่า
    คือไม่รู้เรื่อง การแสดงความสามารถ
    บอกได้ว่า ที่ตนเอง ปฏิบัติมา เข้าถึงแต่ตัวอักษร
    ตำราที่ ตกแต่งได้ แต่สภาวะธรรม ที่ได้จากการปฏิบัติ
    ไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงไม่รู้เรื่องอะไร เป็นที่มาการโชว์โง่นั่นๆเอง
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

    อ้อ น้อง บอกอีกอย่างนะ พอดีพี่ลืมว่าพี่ไปว่าใครธาตุไฟแตกบ้าง
    ปกติไม่ค่อยว่าใครแบบนี้นะ ถ้าถูกแทรก ฝึกกรรมฐานชาตินี้ไม่มีสำเร็จ
    ชาตินี้ไม่มีทางบรรลุ หรือ สติ สัญญา ทิฐิจะวิปลาส เหมือน
    คุณน่าจะเคยว่าไว้อยู่ ทำไมหรือ กลัวมันสะท้อนหรือครับ
    คงไม่สะท้อนกลับหรอกครับ เพราะพูดตามที่เห็น
    ไม่ได้ กล่าวหา ตอแหลเพื่อดิสเครดิส
    เหมือน คุณ เช่น
    การใช้คำว่าการตลาดเรียกพี่ ธรุกิจ
    ซึ่งบอกถึง ความคิดลึกๆ ของ กก นี้ได้อย่างดี
    แล้วเที่ยวมากล่าวหาคนอื่นๆคิดว่าจะเหมือนตนเอง ๕๕๕๕๕
    พอหายโง่บ้างหรือยัง


    ทำเป็นพูดหล่อ ตามแบบ พวกเสร่อแบบโง่ๆ
    ''ว่านายมีความสามารถจริงๆหรือเปล่า
    เขาไม่อยากพูด''
    ถามหน่อย มีความสามารถดูออกหรือ
    เขียน การปฏิบัติแบบพื้นฐานยังไม่รู้เรื่อง
    แถมโชว์โง่ คุยทับถม เป็นที่มาของการท้าแสดงความสามารถ
    และเคยเจอกันหรือ
    หนังหน้า อย่างคุณ รู้หรือ ผมทำอะไรได้
    ไหนบอกหน่อยซิ มีแต่ว่า ตัวเองเก่งกว่าคนอื่นๆเค้า
    พอมีคนมาเบรค ก็มาทับถม ยกตนข่ม
    พอให้แสดงความสามารถ ทำเงียบ
    แสดงสิ่งไม่รู้แบบโง่ๆ พูดสร้างภาพ ตอแหลเพื่อดิสเครดิส
    แทนที่จะรับคำท้าไปเลย ก็จบ....บาทา น้อยไปไหม
    อย่าลืมนะ ถ้าโม้ว่า เข้าๆออกมา ๑ ถึง ๒ ปี
    ต้องรู้ว่า ผมไม่เคยบอกว่า ผมเก่ง ผมดี และบรรลุอะไร
    ตรงนี้บอกไว้ จะได้ไม่มาพูดโชว์โง่แบบนี้อีก..

    อีก ๓ ข้อที่เหลือ
    ข้อ ๑. ไม่ต้องมาถนอมน้ำใจหรอก
    ปกติ ส่วนตัวไม่หาเรื่องใครก่อนหรอก
    และก็ ไม่ตอแหล สร้างเรื่อง เหมือน ข้อ ๒ ที่คุณเขียน
    และ ๓ ไม่ได้สนใจหรอก ใครจะเป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรู

    แต่ถ้า สมมุติว่าเป็นนักปฏิบัติ
    แต่ดันมีเพื่อน นิสัย ตอแหลยกเรื่องเพื่อดิสเครดิสคนอื่นๆ
    เก่งตำรายึดตำราเอาตำรามาข่มคนอื่นๆ
    สร้าง กก สร้าง กลุ่ม อวยกันเพื่อยกกันเอง
    ปฏิบัติกันมาเป็น ๑๐ๆ ยี่สิบปี แต่ไร้ความสามารถทางจิต
    และปัญญาทางธรรมที่พูดก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น
    แถมสภาวะธรรม ที่เกิดในทางปฏิบัติจริงตอบไม่ได้
    มีแต่เอาตำรามาอ้าง พอไม่เข้าใจ
    ก็ว่าคนอื่นๆดูถูกคนอื่นๆว่า เป็นปุชนกิเลสหนา
    เพื่อยกว่าตนเองมีดี และว่าคนอื่นๆเรื่องสมาธิ
    แต่พอท้ากลับมาโชว์ความเข้าใจโง่ๆ
    และไม่กล้ารับคำท้า........
    หนังหน้าและสันดาน แบบนี้ ช่างกล้ามาพูดว่า
    ถนอมน้ำใจ มีเพื่อนดีกว่า มีศัตรู
    ไอ้พวกจริตทางจิต ช่างไม่เจียมสันดาน
    พูดทำหล่อไปได้ ไม่ละอายใจ
    ถามหน่อย นิสัย สันดานแบบนี้
    ใครอยากจะเป็นเพื่อน คุณ ๕๕๕๕๕๕๕



    ส้นบาทา อย่ามามั่ว
    ถ้าใช้คำว่า คนอื่นๆจะมอง ข้าพเจ้าออก
    โครตมั่วววววววววววววววววววววววววววว
    ถ้าคนอื่นๆ เค้ามองออกกันหมด
    คงไม่มี คนไปพบ ข้าพเจ้าส่วนตัว
    แล้วต้องให้ ข้าพเจ้า ทำโน้นทำนี่แสดงโน้นนี่นั้นให้ดูหรอก
    ถ้าจะมองข้าพเจ้าออก มีแต่ระดับท่านที่สอนข้าพเจ้า
    ท่านถึงรู้ว่า ข้าพเจ้าทำอะไรได้
    ไม่ใช่พวกที่คิดว่า ตัวเองเก่ง แล้วเที่ยวมาดูถูกคนอื่นๆ
    รู้แค่งูๆปลาๆ ทำแสดงว่าตนเองรู้มาก และไม่มีความสามารถทางจิต
    อย่าง กก พวกคุณ พอท้าแล้วเงียบ แต่เก่งตอแหลดิสเครดิส
    เก่งเวลาคุยทับถม ยกตนเอง โครตเก่ง
    นี่หละ เค้าเรียก ว่ากระจอก กระโหลกกระลา แบบโง่ๆ
    ปฎิบัติมาโครตนาน แต่ไม่ได้เรื่องซักอย่าง ข๊ำๆ


    ใครรับไม่ได้ ถ้ารับไม่ได้ ไม่กล้าท้าหรอก
    พอดีผมคนไม่ดี คนไม่เก่ง พวกคุณ เก่ง รับคำท้าซิครับ
    ตรรกะเกี่ยวกับการเตือน บ้าน ญาติ คุณเรียกกิริยาแบบที่จะกล่าว
    ว่าเตือนหรือ เช่น การตอแหลสร้างเรื่อง(การตลาดเรียกพี่ ๕๕๕)
    ดิสเครดิสคนอื่นๆ หรือการคุยถับถมว่าตนเองเป็นคนดีว่าคนอื่นๆ
    ปถุชนกิเลสหนา เพราะว่า ตนเองคุยโม้อยู่ แต่โดนเบรคด้วย
    สภาวะการปฏิบัติง่ายๆแต่ไม่เข้าใจ และพอยึดที่ตนรู้จากตำรามา
    แล้วมาทับถม ยกว่าคนอื่น กิเลสหน้า คุยทับว่าคนอื่นๆไม่รู้เรื่องสมาธิ
    บ้าน ญาติ คุณเรียกว่า เตือนหรือครับ ถ้าใช่
    ก็แสดงว่า ทิฐิ สติ สัญญา วิปลาสไปแล้ว ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

    เก่งเหมือนที่ปากพูดก็รับคำท้าซิ
    ก็บอกแล้ว ถ้าผมแพ้กองไหนก็ได้
    จะกราบเท้างามๆ แล้วเอารูปมาลงโชว์ให้ด่าเลย
    แต่ถ้าพวกคุณแพ้ ไม่ต้องกราบ
    ขอแค่เอารูปมาลงให้ดูหน้าหน่อย
    และบอกได้ไหม ว่าใช้ User อะไรบ้าง
    กล้ารับคำท้าไหมหละ ๕๕๕๕



    แห๋มๆ พูดให้ตัวเองดูหล่อ (ทั้งๆที่สมัครมาใหม่ แต่คุยว่าเข้าๆออกๆ ๒ ปี)
    และจะโชว์ว่าตนเองรู้ดี เป็นคนมีสติ เป็นคนมีความสามารถดูออก
    และตามด้วยเอามาดิสเครดิสคนอื่นๆ ตามสไตล์พวก เฒ่าตอแหลสร้างภาพ
    บ้าตำรา แต่ไร้ความสามารถทางจิตนะหรือ ๕๕๕๕๕๕๕
    นี่คำตอบ ทั้งหมด อย่านิสัย เอามาแค่บางส่วน ๕๕๕๕
    นิสัย ตอแหล ดิสเครดิส พวกยึดตำรา สายนี้
    คงแก้ไม่หายกลายเป็นสันดานไปแล้วมั่ง
    นี่ที่ ผมตอบ

    บอกทำไม ใครสนใจ ขนาดจะมาด่าคนอื่นๆ ยังใช้ชื่อใหม่
    ตัวตนจริงๆเป็นใคร แสดงมาซิ เปลี่ยนชื่อทำไม
    และนิสัยอย่างนี้ ต่อให้เข้ามาอีก ๕๐ ปี
    ทิฐิ สัญญา และสติคุณ ก็จะวิปลาสเหมือนเดิม ฟันธง.......
    และไม่ต้องโม้เรื่อง ภาคปฎิบัติหรอก
    แค่อ่าน จากการอธิบายเรื่อง กรรมฐาน ๔๐ กองว่าแสดงยังไง
    ก็รู้แล้วว่า มีความสามารถแค่ไหน โม้จริงๆ โม้มาก
    โม้แบบไม่รู้เรื่อง ในวงการใช้งานด้วย ๕๕๕๕๕๕๕๕
    ขำมาก เวบนี้ คนที่ไม่น่ามาเล่น
    น่าจะเป็นพวก ยึดตำราเอามาข่มคนอื่นๆ
    ไร้ความสามารถ ตอแหลสร้างภาพดิสเครดิสมากกว่านะ
    ตรรกะเพี้ยนไปหรือเปล่า ๕๕๕๕๕๕



    พูดหล่อ สร้างภาพประกอบอ้างอิงเวบมาสเตอร์
    แสดงความตอแหลอีก ว่าเรื่องธุรกิจ(คิดได้ไง)แหละ ๕๕๕๕
    ยังว่า มันเป็นสันดานปกติ ของพวกชอบสร้างภาพ อิอิ
    จะบอกไว้อย่างนะ ส่วนตัว ไม่เคยตั้งกระทู้ในห้องนี้เลย
    และตั้งแต่เข้ามาเวบพลังจิต เคยตั้งกระทู้ทำบุญกระทู้เดียว
    มีแต่คนอื่นๆตั้งกระทู้ให้ไปตอบ.......
    เข้าใจเปล่า ไม่ได้มาตั้งกระทู้เพื่อสร้างภาพ อวดตนเอง
    ยกตนเอง พอมีคนเบรค ก็ดูถูก คุยทับ แต่พอโดนท้า
    ก็สร้างภาพตอแหลดิสเครดิส ที่สำคัญนิสัยตู๊ด
    เลย สมัครใช้ชื่อใหม่ ดังนั้น ควรจะลบ
    กระทู้พวกที่ ตั้งสร้างภาพมากกว่านะ ๕๕๕๕๕
    ตรรกะเพี้ยนไปแล้ว .....ใน Pantip ว่าเซ็งๆ
    คือ จริงๆ ในพันทิพย์ เค้าเซงคุณ คุณก็เลย
    มาโชว์โง่ในห้องนี้ ให้ผมด่าเล่นๆ มากกว่านะ
    ธรรมดา คนมันติดหล่อ ชอบพูดให้ตนเองดูดี
    มันจะไม่สำเหนียกดูพฤิตกรรมตนเองหรอก ๕๕๕๕๕
    ความจริง น่าจะแบบพวก หลายๆ user
    ที่พูดเอง ตอบเอง อวยกันเอง
    ในตรรกะแบบ กระบือๆ และพวก ตู๋ดแต๋ว
    ที่สมัครใหม่ ตอแหลสร้างภาพ ยกเรื่องเท็จ
    มาด่าคนอื่นๆมากกว่านะ ที่ควรต้องพิจารณาดีๆ
    ตรรกะแบบนี้ พอเข้าใจไหมน้อง....อิอิ



    อิอิ ไม่ได้ผลหรอก........
    จะบอกให้นะ จะด่าใคร จะว่าใคร
    ให้ดูบารมีตนเอง และกำลังจิตใช้งานประกอบด้วยจะดีมาก
    แล้วจะหาว่า ไม่เตือนนะน้อง
    น้องพูดว่าพี่ กับพี่พูดว่าน้อง ผลมันต่างกันนะครับ
    พ่อ สติ ทิฐิ สัญญา วิปลาส
    ธาตุไฟไม่แตกหรอก เพราะชาตินี้
    น้องคงไม่มีปัญญาฝึกได้จนถึงระดับนั้นหรอกครับ
    อย่าทำเป็นคุยมาก พี่พอดูออก ๕๕๕
    คำพูดน้องนะ สีเขียว

    ''( ไม่นับรวมภาคปฏิบัติ มีผมรู้อะไรมาก่อนนิด ๆหน่อย ๆก่อนหน้า)''
    พูดให้ตัวเองดูหล่อ เก่งจังเลย...
    ว่าแต่ นิสัย ตอแหล ดิสเครดิส ที่กล่าวหาผม เช่น การตลาดเรียกพี่ หรือธุรกิจ
    ไม่ทราบว่า พวกภูมิจิตอสูรกาย ขี้โม้ว่า ตัวเองปฏิบัตรู้อะไรมานิดๆหน่อย
    ยึดตำรา เอาตำรามาข่มคนอื่นๆ ยกตนเองว่าดีกว่าคนอื่นๆ
    พอท้าให้แสดงความสามารถก็มาโชว์พูดการแสดงผลแบบโง่ๆ
    และเอาเรื่องอื่นๆที่ยังไม่มีข้อสรุปเช่นคลิปมาดิสเครดิสคนอื่นๆ
    แล้วจะโชว์ว่าตนเองเหนือใคร ตนไหน แนะนำหรือมาแทรกในจิตให้กล้าพูดครับ


    [/QUOTE]
    โอ้ จบ ไหม เข้าถึงระดับ อะตอม
    เข้าถึงระดับอนุภาค เลยไหม..อิอิ
    แค่หัวใจมันหยาบไปมั่ง โม้ยกตนขนาดนี้
    นึกว่า จะรู้เรื่องมากกว่านี้หน่อยนะ อิอิ
    จบ แน่ User ศิษย์โง่ Ultimate ครั้งต่อไปใช้ชื่ออะไรอีกดีน้อออ ๕๕๕๕๕
     
  11. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4

    อ่อ เหร๋อ ตะเอง จิตเขาถึงอุเบกขา เมตตา กองพรหมวิหารแล้วเหรอตะเอง
    ด่ามาเป็นหน้า ๆ เนี่ย

    เอิ่ม พลังงานจักรยานน

    ผมว่าพี่ควรจะ ......... ไม่พูดดีกว่า

    ลาก่อย



    ด่ามาอีกเยอะ ๆ ชอบ ๆ^^
     
  12. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4
    ระวังนะ ตอนพิมพ์ตอบอย่ามือไม้สั่น

    ฮั่นแน่ ๆๆๆ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พูดให้ดูหล่ออีกแระ อ้างอีก อุเบกขา เมตตา พรหมวิหาร
    น้องสมัครใหม่ มาด่าพี่ก่อน โซว์โง่อีกหลายๆอย่าง
    และยังตอแหล ว่าพี่เชิ่ง ธุรกิจ การตลาดอีก
    นิสัยคล้ายกระบือแบบนี้พี่ ไม่อุเบกขาหรอกน้อง จำไว้นะ
    บอกแล้วพี่ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี
    เพราะฉนั้น มุขก๊อบปี๊คำอย่าเอามาโชว์โง่ให้อีก
    เขียนให้อ่านไปแล้ว ดันไม่อ่าน ป่านนั้นโม้เข้าๆออกๆมา ปีสองปี ๕๕๕๕๕
    พ่อ สติ ทิฐ สัญญา วิปลาส..อิอิ
    ไม่อยากด่าน้องอีกหรอกด่าทำไม่ แค่นี้ยังอายไม่พออีกหรือน้อง ๕๕๕๕๕๕๕
    กระจอก ตอแหลไร้ความสามารถโชว์โง่อย่างนี้ กลับไป Pantip เหอะ ๕๕๕
    หรือ ไปก๊อบปี๊ ประโยชน์ของผลไม้เอามา แปะก็ต่อก็ได้นะ ๕๕๕๕
    อุตสาห์ สมัครมาตอบ เพื่อพี่ครั้งแรกโดยเฉพาะเลย ๕๕๕๕๕๕

    ปล. ลาก่อน User ศิษย์โง่ Ultimate ค่อยสมัครมาด่าพี่ใหม่ในอนาคตนะ
    และก็เปลี่ยนมุขที่ใช้ด่าด้วย อย่าใช้มุขเดิมๆ มันไม่ได้ผลหรอก
    เด่วก็เปลี่ยน User ใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่อายคนหรือ ๕๕๕๕
    ว่าแต่ อย่ารีบ วิปลาสไปก่อนหละ...อิอิ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    โครตมั่วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
    โชว์โง่แบบเต็มๆ อิอิ ...ไม่มีความสามารถรู้ได้หรอก อย่าโม้ ๕๕๕๕๕๕๕
    ไปซะ ซิวๆ
     
  15. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4
    ที่ด่ามาเยอะ ๆ เนี่ย ไม่มีไรหรอก
    หลักจิตวิทยาง่าย ๆ ถ้าเป็นเรื่องโลก
    เพราะต้องหวง ปิดบัง อำพราง
    เลยแสดงออกด้วยพฤติกรรมรุนแรง
    อย่างเช่นสามี โกหกภรรยา ว่าไม่มีเมียน้อยนะ เป็นต้น
    บางทีต้องทำเป็นหัวเสียใส่ภรรยา


    ภาษาทางธรรมจะเรียกว่า สภาวะ ตระหนี่ หวงกั้น (ในอัตตา)
    อยู่ในวงจรปฏิจจะ ถ้าไม่รู้จักละ
    หรือกำหนดรู้ให้ทัน อย่าง ๆน้อย ก็ต้อง แบบนี้

    คือ ตรวจสอบก่อนนอนจริงป่าวฮะ? ที่ด่ามาเป็นหน้า ๆ เนี่ย




    มองออกกันง่าย ๆแค่นี้เอง ว่ามีอะไรอย่างที่พูดจิงป่าว
    ไม่เตือนหรอกนะ เพราะรู้ว่าเตือนไม่ได้ตัดหางปล่อยวัดแล้ว

    BYE ^ ^ ชิว ๆ ชิว ๆ (เลียนแบบ)
     
  16. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4
    สังเกตุอีกอย่างหนึ่ง
    เวลาพี่แกด่าใคร ๆเนี่ย (ไม่เกี่ยวกับตอนนี้ที่ด่าผมนะ หมายถึงคนอื่น)
    อ่านไล่บรรทัด ต่อบรรทัด ที่เวลาพี่แกตำหนิคนอื่น
    มันเหมือนย้อนเข้าตัวแก ทุกบรรทัดเลย
    ไหง ผมคิดไปแบบนั้นก็ไม่รู้!!1
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อิอิ บอกแล้ว ว่าจะว่าใคร หัดดูบารมีและกำลังจิตใช้งานตนเองบ้าง
    ถ้าพี่บอกว่า น้องไร้ความสามารถทางจิต น้องก็จะไม่มีความสามารถทางจิต
    ถ้าพี่บอกว่า น้อง สติ ทิฐิ วิปลาส น้องก็จะเป็นอย่างที่พี่พูด
    ไม่ต้องกลัวว่าจะย้อนเข้าตัวพี่หรอกครับ บอกแล้ว ว่า หัดดูบารมี
    และกำลังจิตใช้งานตนเองบ้าง ก่อนจะเที่ยวเสร่อไปว่าใครเค้า(ย้ำอีกรอบ)
    บอกแล้วไม่ฟัง ผลจึงออกมาแบบ ไม่รู้ตัวเอง ๕๕๕๕๕

    ขนาดตัวเอง ตอแหลเองยกเรื่องเอง สร้างภาพยกตนเอง
    เขียนว่าคนอื่นเองเห็นๆ ยังตอแหล เล่นลิ้น ปลิ้นปล้อน
    ทำเป็นพูดหล่อได้ขนาดนี้ ย้อนกลับไปอ่านบ้างนะน้อง
    นี่หละ ที่เค้าเรียกว่าอาการ สติ ทิฐิ สัญญาวิปลาส
    เอาอีกอย่างหนึ่ง ตัวน้อง มีวิบากเรื่องพลังงานมา
    ดั้งนั้นชาตินี้ อย่าหวังว่าจะทำอะไรหรือรู้เรื่องเข้าใจอะไรเกี่ยวกับพลังงาน
    อะไรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานทางจิตหรอก
    เพราะถ้าไปยุ่งด้วย จะกลายเป็นพวก ที่ถูกภูมิอสูรกายแทรก....ฟันธง...

    และท้ายนี้ ถ้าตรรกะ แค่นี้ คิดได้แบบกระบือๆแบบนี้
    เป็นได้แค่เกรียนคีย์บอร์ด
    กระจอกไร้ความสามารถแค่นี้
    ไปไกลๆดีกว่า
    จะรอ
    ธรรมภูต มาตอบ

    ไม่ใช่ให้พวก สติ สัญญา ทิฐิ วิปลาสไร้ความสามารถ
    แบบนี้ มาใชว์ตรรกะแบบไร้การศึกษาแบบนี้มาตอบ
    คงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก

    ย้อนอ่านบ้างนะ พูดอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง
    สำเหนียกพฤติกรรมตนเองด้วย
    ไม่เคยมีใครอบรมหรือสอนสั่งมาหรือ..อิอิ
    คิดว่า ตนเองเป็นใคร สมัครมาใหม่ สำคัญตนเองผิดไปหรือเปล่า
    ทำมาบ่น ทำมาอ้างเรียกร้องเวบมาสเตอร์
    หรือแค่เข้ามา ก๊อบปี๊ ประโยชน์ของผลไม้มาลง
    ในกระทู้นี้

    ๕๕๕๕๕๕ กระทู้อนัตตาเปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม
    ไอ้นี่เอา สรรพคุณของ พุทรา มาลง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    เข้าๆออกๆอีก ๕๐ ปี ก็มีผลเท่าเดิมหละน้อง ๕๕๕๕
    ขนาดคำตอบที่ ๒ ของการเข้ามาเวบนี้นะเนี่ย
    หลังจากคำตอบแรก มาตอแหล ด่าพี่เลยเนี่ย ๕๕๕๕๕๕๕




    https://palungjit.org/threads/อนัตตา-เปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม.652897/


    จบ แน่ User ศิษย์โง่ Ultimate จอมกระล่อนพลิกลิ้นปลิ้นปล้อน(สันดาน)
    และสติ ทิฐิ วิปลาสในอนาคต(จากการปฏิบัติ)
    และไร้ความสามารถเข้าถึงรู้เรื่องพลังงาน(เพราะวิบากทางปาก)
    โดยรวมๆ สมนะน้ำ กระลาหัวเจาะ....ลาก๋อย
     
  18. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    ศิษย์โง่สมัครใหม่เนี่ย
    ชื่อเก่าโดนแบนเหรอ
    หรือลืมรหัสผ่าน กิ๊กติด ขี้ไม่ราด
     
  19. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4
    ดูภาษามัน...... ใครกันแน่ทิฐิวิปลาส
    เออ ตรูเป็นก็เป็นวะ

    แต่ฟามจิงก็คือฟามจิง

    คนเขามองออกหมดแหละ
    จะด่ากลบเกลื่อนแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้


    เพียงแต่เขาไม่อยากจะพูดกัน
    ผมแค่เอาความจริงมาพูดให้นายได้รู้ตัวไว้

    เพราะเขาแนวพิสูจน์สัจจะไง อย่าลืมจิ อิอิ ^^
     
  20. ศิษย์โง่ Ultimate

    ศิษย์โง่ Ultimate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +4
    ป่าว ๆฮะ

    เบื่อ V2 แล้ว Ultimate เท่กว่า
    เปลี่ยนมาสองสามรอบแระ
    แต่ชื่อนำ ยังคงเป็นศิษย์โง่เหมือนเดิม


    จบจากเถียง กับ นายพลังงานจักรยาน (มีตรงไหนในพระไตรปิฏกหรือป่าวฮะ นอกหมวดอภิญญา)

    ไม่เล่นแระ (คิดว่านะ ) บางทีทิฐฺิไม่ตรงกัน
    อยู่ไปแร้วเหนื่อย

    ผมเล่น ๆก็เพื่อ ศึกษาอภิธรรมอะฮับ
    เว็บบอร์ดช่วยได้เยอะอยู่

    ตอนนี้คิดว่ารู้พอสมควรแระ ถึงจะยังไม่หมดก็เหอะ

    จบกิจศึกษา ตรงนี้ ก็เลยเริ่มเหนื่อย ๆ อะฮับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...