'สตีเฟน ฮอว์คิง' : ชีวิตหลังความตายแค่นิยายหลอกเด็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายเบทร์, 18 พฤษภาคม 2011.

  1. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    [​IMG]
    สวีเฟน ฮอว์คิง ลั่นต่อสื่ออังกฤษ ชี้ชีวิตหลังความตายไม่มีจริง มนุษย์ดับสูญคล้ายคอมพิวเตอร์เสียหยุดทำงาน ส่วนสวรรค์เป็นแค่นิทานสำหรับบุคคลผู้เกรงกลัวความมืดมิด...

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 18 พ.ค. ถึงนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ชื่อดัง "สวีเฟน ฮอว์คิง" วัย 69 ปี ให้สัมภาษณ์กับ เอียน ซิมเพิล ผู้สื่อข่าวเดอะการ์เดียน ของอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีเขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า และว่ามนุษย์ทุกคนควรกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ทั้งยังเปรียบเทียบสวรรค์ว่า เป็นนิทานสำหรับบุคคลผู้เกรงกลัวความมืดมิด พร้อมทั้งยืนกรานว่า ชีวิตหลังความตายเหมือนกับสมองหยุดสั่งการ คล้ายกรณีคอมพิวเตอร์เสีย ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

    โดยเขากล่าวว่า "ผมอยู่แบบมีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ผ่านมา ผมไม่กลัวความตาย แต่ผมก็ไม่รีบที่จะตาย ผมมีสิ่งที่อยากทำอีกมาก ผมมองว่าสมองก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ จะหยุดทำงานต่อเมื่อส่วนประกอบหลายส่วนพัง และไม่มีสวรรค์ หรือ ชีวิตหลังความตายอะไรทั้งนั้นสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้การไม่ได้ มันเป็นแค่นิทานปรัมปราของคนกลัวความมืดเท่านั้น"

    ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว เกิดกระแสต่อต้านรุนแรงจากกลุ่มผุ้นำทางศาสนา ภายหลัง ฮอว์คิง ออกมาอ้างว่า "พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้สร้างจักรวาล" โดย
แนวคิดดังกล่าวถูกบรรจุไว้ในผลงานเขียนเล่มล่าสุดของเขา ชื่อว่า "The Grand Design" ซึ่งระบุว่า กฎของฟิสิกส์อยู่เบื้องหลังการระเบิดครั้งใหญ่ หรือ "บิ๊ก แบง" น่าจะเป็นจุดกำเนิดที่แท้จริงของจักรวาล

    ฮอว์คิง ผู้ล้มป่วยจากอาการผิดปกติของระบบประสาท จนทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่ทำงานต้องอาศัยรถเข็น อธิบายไว้ในหนังสือของเขาว่า ผลจาก "บิ๊ก แบง" และ กฎเรื่อง "แรงโน้มถ่วง" น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการถือกำเนิดแบบ "ทันทีทันใด" ของสรรพสิ่งในจักรวาลมากกว่าที่จะเป็นฝีมือของอำนาจเหนือธรรมชาติ

    ทั้งนี้ ฮอว์คิง เป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ถือเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ไม่กี่คนในยุคปัจจุบัน ที่สามารถอธิบายทฤษฎีสัมพันธภาพ ของ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" ได้อย่างถ่องแท้ โดย ฮอว์คิง ยังเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง "A Brief History of Time" และ "The Universe in a Nutshell" ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องยาก ๆ อย่าง "ควอนตัมฟิสิกส์" ให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้

    อย่างไรก็ดี แม้เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า หรือชีวิตหลังความตาย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาปักใจเชื่อ คือเรื่อง " มนุษย์ต่างดาว" โดยให้เหตุผลว่า "จักรวาลประกอบด้วยกลุ่มดาวตั้ง 100 พันล้าน แต่ละกลุ่มดาวมีดาวฤกษ์เรือนเป็นล้าน ในจำนวนขนาดนี้ โลกจึงไม่น่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตวิวัฒนาการอยู่เพียงแห่งเดียว และเตือนว่า หากว่าพวกเขามาถึงโลกอาจจะไม่ได้มาดีแน่ แต่จะมาปล้นเอาทรัพยากรแล้วจากไป ผลจะเป็นแบบเดียวกับที่ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกา ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ชาวอเมริกันพื้นเมืองเลย ดังนั้นแทนที่เราพยายามจะติดต่อคบหากับพวกเขา กลับควรจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พบปะจะดีกว่า"

    ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

    ==================================================
    โดยส่วนตัว ถึงแม้ผมจะชื่นชมนักฟิสิกข์คนนี้ แต่ผมไม่เชื่อในสิ่งที่เขากล่าวมาทั้งหมด เพราะผมคือคนไทยที่นับถืออพุทธศาสนา

    เพื่อน พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ ปู่ๆ น้องๆ เห็นด้วยกัยนักวิทยาศาสตร์คนนี้รึเปล่าครับ?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 630.jpg
      630.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      1,840
  2. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    น่าสงสารครับ ไม่ว่าจะเป็น ร่างกาย และ ความคิด
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ใช่คุณคิดถูกแล้ว เขาคำณวนด้วยอายตนของเขาของมนุษย์นะ แท้จริงเวลาเองก็เป็นสมมุติ โดยการเอาตัวเองรูป-นาม เป็นเครื่องวัดนะ เลยเกิดเป็นเวลาขึ้นมาถ้าไม่มีมนุษย์มันก็ไม่มีเวลาถูกมั้ย(ใครจะเป็นคนเห็น) โลกมนุษย์เป็น3มิติก็เพราะเราใช้ร่างกายและใจเราเป็นตัววัดนะ กว้าง ยาว สูง เร็ว ช้า นาน และเรื่องเวลา เราเอาตัวเราเข้าไปวัดมันเอง ฐานความคิดเค้ามาจากเรื่องสมมุตินะ มันก็กลายเป็นความจริงของสมมุติซะงั้น ถ้าเขายังยึดติดร่างกายและจิตใจอยู่ยังไงความรู้หรือความคิดของเขามันยังไม่จริงแท้อยู่ดี ลองคิดดูนะ
     
  4. Plagruy

    Plagruy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +130
    เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ความคิดของเขามาจากฐานการยึดติดในความเป็นมนุษย์เป็นใหญ่ มันเลยเป็นความรู้ที่มีข้อจำกัด ทำยังไงก็ไม่ออกจากกรอบของความยึดติดในการวัดด้วยกายใจอยู่ดีสุดเพดานแค่นั้น
     
  6. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ถ้าเขามาเจอศาสนาพุทธสักครั้งก็ยังดีๆ เผื่อมีความคิดเจ๋งๆ ให้ทึ่งฮ่าๆๆๆ
     
  7. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ไม่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลก

    แต่เขาเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมคำสอนมีจริง และเป็นจริง

    เขาใช้กฎการเกิดของสมาธิมาวิจัยจนได้ E = mc<sup>2 </sup>ซึ่งบอกว่า มวลขนาดเล็กจิ๋วสามารถแปลงไปเป็นพลังงานปริมาณมหาศาลได้
     
  8. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ยังไงครับ กฏการเกิดของสมาธิ

    ตอนได้สมการนี้ เขาแค่ปิ้งไอเดียเฉยๆไม่ใช่หรือ
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เขาแยกแยะความเชื่อกับความจริงได้
    แต่เขายังแยกแยะความคิดกับจิตใจ ไม่ได้
    เพราะเนื่องจากเขาคิดแต่เรื่องนอกตัวมากเกินไปและปฏิเสธความมีอยู่ของควอนตัมในสมอง
    และจิตใจ รวมไปถึงสภาพจิตใจที่มีลักษณะเป็นเชือกเล็กๆหรือใครจะเรียกว่าคลื่นความถี่ให้มันดูเก๋ก็ได้ การเคลื่อนที่คล้ายควอนตัม คือมีความที่เหนือกว่าแสง และสามารถเร่งและหยุดได้มากกว่าเร็วทั้งแบบเร่งและคงที่ตามทฤษฏี การที่เขาคิดว่าตายไปแล้วก็ดับสูญเหมือนคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อพิสูจน์เรื่องราวของศาสนาพุทธได้ เพียงเพราะสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นการคิดแบบคาดคะเนโดยปราศจากการทดลองเพื่อพิสูจน์ทราบอย่างแท้จริง

    สำหรับเรื่องมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยสำหรับการมีอยู่ของพวกเขา
     
  10. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    เขาเป็นนักวิทยาศาตร์ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก และเขาไม่ใช่ชาวพุทธจึงไม่เข้าใจ
    ภพชาติ ฉนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาน๊ะที่เค้าจะมองแบบนี้ คิดแล้วก็น่าเสียดายแทน
     
  11. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ป้าก็ว่า มันเป็นเรื่องธรรมดานะเบทร์
    คนเรามีประสบการณ์ ความคิด ความเชื่อต่างกัน มันเป็นธรรมดา
    ถ้าคิด เชื่อ หรือรู้สึกเหมือนกันไปหมด นี่สิแปลก!

    ส่วนตัวแล้ว เรื่องความคิด ความเชื่อเนี่ย ป้าไม่ตัดสินหรอก
    แต่ป้าเชื่อว่า ดวงจิตทุกดวง มีหนทางของตนเอง ในการค้นหาความจริงของชีวิต
     
  12. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651

    ลองไปศึกษาดีๆนะครับเรื่องนี้ เพราะประวัติบางส่วนมีการบิดเบือนทำนองว่าไม่ต้องการให้เขามาเกี่ยวข้องกับพุทธ เลยเขียนตำราว่าเขาไม่มีศาสนา

    เมื่อเกิดการนิ่งของสมาธิเกิดขึ้น สมาธิเป็นหนึ่งเดียว สิ่งที่จะเกิดคือปัญญา
    คนเราปกติจะคิดอะไรที่เป็นภาพกว้างทำให้มุมมองแคบลง แต่ถ้าทางกลับกัน คือคิดให้แคบลง มุมมองจะกว้างขึ้น
    เหมือนท่านอ่านหนังสืออ่านให้ตายท่านก็จำไม่ได้ แต่ถ้าท่านมีสมาธิก็จะจดจำได้ง่าย นี่เป็นเรื่องของสมาธิ กฏของการเกิดสมาธิคือทำจิตให้ละเอียดและเล็กลง จึงจะเกิดสมาธิได้ และสมาธิเกิดปัญญาก็เกิดเช่นกัน
     
  13. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ถ่างตารอป้านะเนี่ย

    กระทู้ --- ยิง HAAP--

    ต่อครับ
     
  14. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    พินัยกรรมทางปัญญาของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


    ได้กล่าวถึงพระพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล รองรับได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยในช่วง ๑ ปีก่อนที่ไอน์สไตน์จะจากโลกนี้ไป มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง “The Human Side” มีเนื้อหาดังนี้
    "…ศาสนาในอนาคตจะเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ข้ามพ้นความเชื่อที่เป็นตัวเป็นตนของพระเจ้า และหลีกเลี่ยงความเชื่อที่ศรัทธาแบบหัวรุนแรงโดยไม่พิสูจน์ และเรื่องความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับโลกมนุษย์ แต่จะเป็นศาสนาที่ครอบคลุมทั้งเรื่องธรรมชาติและจิตวิญญาณ โดยมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกทางศาสนาที่มาจากประสบการณ์ที่ได้ประสบกับสรรพ สิ่ง ทั้งจากธรรมชาติและจิตวิญญาณ ด้วยนัยความหมายที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งพระพุทธศาสนาสามารถให้คำตอบในสิ่งที่พรรณนามาดังกล่าว ถ้าจะมีศาสนาใดที่รองรับได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ศาสนานั้นก็คือ พระพุทธศาสนา…."
     
  15. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ตอนที่คิดทฏษฎีจนได้สุดยอดสมการนี้มา เขาเป็นแค่เสมียนจดสิทธิบัตรอายุยี่สิบกว่าๆเองครับ

    เขา(ปู่หัวฟู ไอน์สไตน์)ได้รู้ เกี่ยวกับศาสนาพุทธตอนแก่ แล้วเท่านั้นเอง

    ตามประวัติศาสตร์หลายทางที่ได้กล่าวในสิ่งที่คล้ายกันนี้
     
  16. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    อยากรู้ความจริงลองถามวาติกันดู อย่าลืมว่าทฤษฏีของไอน์สไตรน์ขัดกับหลักของคริสต์
    และในบันทึกของเขาเอง(ปัจจุบันหายสาบสูญ)ที่เหล่าสาวกของเขาเล่าต่อกันมาก็กล่าวเหมือนกันว่า ก่อนที่จะคิดค้นทฤษฎีนี้ได้ เขาได้อ่านบันทึกเล่มหนึ่งที่เขียนถึงเรื่องจิตและสมาธิ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบันทึกนั้นมาจากใหนใครเขียน(ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นการจดบันทึกมาจากการฝึกสมาธิจากพระไตรปิฎกของชาวยิวในพม่า) จึงทำให้เขาหันมาศึกษาในช่วงอายุ 60 กว่าแล้ว แกยังเคยบ่นกับสาวกแกว่า ทำไม่ถึงรู้เรื่องนี้ช้าจัง ถ้าเขารู้มาก่อนหน้านี้หรือเจอพระไตรปิฎก่อนหน้านี้ เขาคงค้นพบอะไรได้อีกหลายอย่าง ว่ากันว่าสมการนี้แกถอดออกมาจากพระอภิธรรม
     
  17. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
  18. toury

    toury Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +60
    ผมกลับเห็นด้วยกับข้อความของคุณตันติปาละ ครับ
    เพราะว่าพระเยชูเคยมาเป็นเด็กวัดเพื่อศึกษาธรรมะที่ประเทศอินเดีย(ผมไม่แน่ใจว่ากี่ปี ) และมีการบันทึกเอาไว้ แต่ภายหลังพวก วาติกันไม่ยอมครับ ทำลายบันทึกนั้นเสีย เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าพระเยชูท่านเคยศึกษาธรรมะด้วย ใจแคบมากๆครับพวกนี้
    ป.ล. ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องนี้
     
  19. cosmiccell

    cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    สมมติว่า คนแปลเค้าแปลเป็นไทยถูกต้องนะครับ

    จาก 2 ประโยค ที่สตีเว่นว่าไว้

    "มนุษย์ทุกคนควรกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้"

    และ

    "ผมอยู่แบบมีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ผ่านมา ผมไม่กลัวความตาย แต่ผมก็ไม่รีบที่จะตาย ผมมีสิ่งที่อยากทำอีกมาก ผมมองว่าสมองก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ จะหยุดทำงานต่อเมื่อส่วนประกอบหลายส่วนพัง และไม่มีสวรรค์ หรือ ชีวิตหลังความตายอะไรทั้งนั้นสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้การไม่ได้ มันเป็นแค่นิทานปรัมปราของคนกลัวความมืดเท่านั้น"

    เค้าน่าจะหมายถึง ที่ตายหนะ คือ ใจ และร่างกาย
    แต่ไม่ได้หมายถึง แก่นแท้ภายในที่ตาย เพราะเค้ากล่าวว่า ควรทำสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในระหว่างมีชีวิต ไม่ใช่จะทำ หรือไม่ทำ เพราะมีสวรรค์ นรก เป็นตัวบังคับควบคุม



     
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    เหมือนที่ อาจารย์วรภัทร ภู่เจริญ เคยพูดถึงการพิสูจน์ และการประมาณมันจะมีรูปแบบที่แสดงออกให้เราเห็นเฉพาะที่เราสังเกตุเห็นโดยการทดสอบด้วยเครื่องมือแล้วเราสรุปว่ามันเป็นอย่างนั้นโดยการทดสอบของเรา แต่แท้จริงมันยังมีรูปแบบที่เราไม่ได้ทดสอบมัน อีกหลากหลายคุณสมบัติทีเดียว ส่วนใหญ่วิทยาศาสตร์เองสนองมนุษย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ก็ตาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...