สถานที่ปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 9 ตุลาคม 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    โรงเรียนแห่งชีวิต
    ซ.สุขุมวิท 67 (ประมาณ 200 ม. จากปากซอย)
    อยู่ใกล้กับโครงการบ้านแสนสิริ แขวงพระโขนงเหนือ
    เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    โทร. 02-634-7461-3, 02-391-2409


    คุณอัจฉราวดี วงศ์สกล ผู้ก่อตั้ง

    รายละเอียดของโรงเรียนแห่งชีวิต ใน 1 คอร์สเรียน 3 ครั้งๆ ละ 3 ชั่วโมง
    แบ่งเป็น 2 ช่วงวัย คือ อายุ 9-13 ปี และ 14-20 ปี ที่สำคัญเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

    โดยใน สัปดาห์แรก เป็นการสอนตั้งแต่ศึกษาศีล 5 อย่างลึกซึ้ง รวมถึงสอนให้รู้จักตัวเองด้วยหลักสัจธรรมของชีวิต นอกจากนี้ยังสอนวิธีควบคุมอารมณ์ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว เน้นความกตัญญูต่อพ่อแม่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และผู้มีพระคุณ ปิดท้ายด้วยการฝึกนั่งสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติ 30 นาที และปลูกต้นไม้ตอบแทนคุณแผ่นดิน

    ส่วน สัปดาห์ที่สอง เข้าสู่การสอนหลักชีวิตศาสตร์ซึ่งเป็นการวางเป้าหมาย และการสร้างจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อการตอบสนองต่อกระแสยั่วยุทางสังคม พร้อมฝึกการมองชีวิตหลายแง่มุม และฝึกการตัดสินใจด้วยโจทย์แห่งชีวิต เพื่อช่วยแก้ปัญหาความก้าวร้าว การฆ่าตัวตาย จบด้วยการนั่งสมาธิ

    สุดท้าย สัปดาห์ที่สาม สอนเรื่องหลักกรรม การแก้ไขวิบากกรรม ไปจนถึงหลักการทำบุญให้ถูกวิธี รวมถึงการสร้างบุญบารมี ปิดด้วยการนั่งสมาธิ แผ่เมตตา และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมทั้งหลาย

    การเดินทาง : รถประจำทางสายที่ผ่าน : 38, 2, 25, ปอ. 511


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เว็บไซต์โรงเรียนแห่งชีวิต
    http://www.schooloflifethailand.org/

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    โรงเรียนแห่งชีวิต...บ่มเพาะต้นกล้าแห่งสติให้กับเยาวชน

    “เพราะชีวิตดุจดังกระแสน้ำที่ไหลเชื่อมโยงถึงกันหมด การจะมีอนาคตที่ดีได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำปัจจุบันให้ดีด้วย เพราะผลของปัจจุบันจะกลายเป็นตราบาป หรือเป็นหนทางเกียรติยศของอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ทุกวันเช่นไร...จงเลือกที่จะอยู่ในแบบที่ควรค่าแก่การได้มีชีวิตอยู่เถิด”

    ถ้อยความสั้นๆ หากลึกซึ้งของ อัจฉราวดี วงศ์สกล นักธุรกิจในแวดวงเครื่องประดับเพชรที่ให้ความสนใจการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ทั้งยังได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในจิตใจตัวเอง เมื่อมีพระธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทั้งยังอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ อันเกิดจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างลึกซึ้งสู่สังคมวงกว้างโดยเฉพาะเยาวชน เช่นนั้นเรือนไทยเด่นตระหง่าน ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 300 ตารางวา บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 67 ที่ให้ชื่อว่าโรงเรียนแห่งชีวิต จึงถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549

    อัจฉราวดี เริ่มต้นเล่าว่า แม้การสอนธรรมะกับการทำธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ตอบสนองความอยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งโลกที่สวนทางกันสิ้นเชิง กระนั้นเธอจึงอยากให้มองว่า การอยู่ในสังคม การทำงานก็เหมือนการสวมเครื่องแบบเป็นการทำหน้าที่อันสุจริต ในขณะที่ตัวเองมีความพร้อมทั้งทรัพย์สิน และความรู้ และเมื่อพร้อมแล้วยังไม่ทำความดีทิ้งไว้ให้แผ่นดินก็เรียกว่า “เสียชาติเกิด”

    ทุกวันนี้จึงต้องสวมเครื่องแบบหลายชุดทั้ง แม่, ภรรยา, นักธุรกิจ และครู ทว่าเครื่องแบบที่ปรารถนามากที่สุด คือ เครื่องแบบสีขาวของธรรมะซึ่งสักวันหนึ่งเมื่อทำหน้าที่ทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์ แล้วก็คงเลือกใส่แต่เครื่องแบบสีขาวเท่านั้น

    [​IMG]

    ครูอ้อยของเด็กๆ บอกหลักการสอนว่า “การสอนมีหลักง่ายๆ คือ ใช้หลักในการปฏิบัติธรรมไม่ได้สอนตามในหนังสือ ต้องสอนเข้าถึงหัวใจเด็ก เช่น เขียนหนังสือตัว บ.ใบไม้ บนกระดาน แล้วเขียนให้กลายเป็นคำว่า บุญ หรือ บัดซบ อารมณ์จะเปลี่ยนเลย ซึ่งการเริ่มต้นจาก บ. ใบไม้ตัวเดียวกัน แต่ความหมายของคำทั้งสองตรงกันข้ามกันเลย

    ใช้หลักการเหมือนสอนคนว่ายน้ำ อ่านตำราอย่างเดียวคงว่ายน้ำไม่เป็น แต่ต้องสอนให้เขากระโจนลงไปในน้ำ เขาจะได้รู้ว่าปรุงแต่งเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เราต้องรู้จักเป็นอย่างไร การเรียนธรรมะ 3 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นต้องแบ่งกิจกรรมให้เขาได้ทำ ได้มีส่วนร่วม ที่สำคัญที่สุดเขาจะได้รู้จักตัวเอง

    ในวันแรกที่เรียนจะทำความรู้จักกับเด็กทุกคน เพื่อดูพื้นฐานของเขาว่ามีชีวิตเป็นมาอย่างไร โดยการเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังก่อนว่าตัวเองเคยผิดพลาดมาอย่างไรในชีวิต เคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาอย่างไรบ้าง ด้วยวิธีการเล่าที่มีวาทศิลป์หน่อย จากนั้นก็ให้เด็กๆ ทุกคนย้อนคิดว่า อำนาจมืดในจิตใจของตัวเองมีอะไรบ้าง เคยทำสิ่งที่ไม่ดีอะไรไว้บ้าง เรื่องที่คิดเมื่อไหร่ก็ลืมไม่ได้สักทีให้เขาเขียนลงไปในกระดาษ ซึ่งการเล่าความไม่ดีของตัวเองได้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะว่าเราทำผิดโดยที่เราไม่เคยย้อนกลับไปคิดก็เท่ากับว่าตัวเราเองจมอยู่ในสภาพนั้น แต่ถ้าเราย้อนคิดแล้วสำนึกได้ และหาทางแก้ไขซึ่งเรื่องที่ดีที่สุด”

    สำหรับรายละเอียดของโรงเรียนแห่งชีวิต ใน 1 คอร์สเรียน 3 ครั้งๆ ละ 3 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ช่วงวัย คือ อายุ 9-13 ปี และ 14-20 ปี ที่สำคัญเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

    โดยใน สัปดาห์แรก เป็นการสอนตั้งแต่ศึกษาศีล 5 อย่างลึกซึ้ง รวมถึงสอนให้รู้จักตัวเองด้วยหลักสัจธรรมของชีวิต นอกจากนี้ยังสอนวิธีควบคุมอารมณ์ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว เน้นความกตัญญูต่อพ่อแม่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และผู้มีพระคุณ ปิดท้ายด้วยการฝึกนั่งสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติ 30 นาที และปลูกต้นไม้ตอบแทนคุณแผ่นดิน

    ส่วน สัปดาห์ที่สอง เข้าสู่การสอนหลักชีวิตศาสตร์ซึ่งเป็นการวางเป้าหมาย และการสร้างจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อการตอบสนองต่อกระแสยั่วยุทางสังคม พร้อมฝึกการมองชีวิตหลายแง่มุม และฝึกการตัดสินใจด้วยโจทย์แห่งชีวิต เพื่อช่วยแก้ปัญหาความก้าวร้าว การฆ่าตัวตาย จบด้วยการนั่งสมาธิ

    สุดท้าย สัปดาห์ที่สาม สอนเรื่องหลักกรรม การแก้ไขวิบากกรรม ไปจนถึงหลักการทำบุญให้ถูกวิธี รวมถึงการสร้างบุญบารมี ปิดด้วยการนั่งสมาธิ แผ่เมตตา และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมทั้งหลาย

    [​IMG]

    นอกจากนี้ศิษย์เก่ายังสามารถกลับมาเรียนซ้ำตามตารางของศิษย์ใหม่ได้ หรือสามารถเรียนต่อเนื่องซึ่งเปิดสอนประมาณเดือนละครั้ง ในหลักธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง และร่วมนั่งสมาธิเพื่อสร้างบุญบารมี

    “สิ่งที่คาดหวังจากนักเรียนคงเพียงแค่ให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้เขาจะดำเนินชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร ให้เขารู้ว่าชีวิตนี้ถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองลอยไปโดยไม่หลักแล้วโดนกระแสของการปรุงแต่ง และกระแสของโลกพัดพาไป ชีวิตของเขาก็อาจจะหลงทาง แล้วก็อาจจะหาทางกลับมาไม่เจอเลย

    สำหรับช่วงอายุของนักเรียนจะรับอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะถือว่าตัวเองก็อายุเป็นแม่คนได้แล้ว เหมือนแม่สอนลูก อยากที่จะสอนวัยรุ่น สอนหลักการใช้ชีวิตจริงๆ พอเด็กมาเรียนจะบอกกันว่าคิดไม่ถึงว่าธรรมะเป็นแบบนี้เหรอ จริงๆ แล้วเด็กวัยรุ่นถ้าเราเข้าถึงก็สอนไม่อยาก เช่น การเปิดเพลงให้เขาเข้าถึงเรื่องการปรุงแต่ง เขาจะรู้ว่าครูเข้าใจเขา เข้าใจว่ายุคสมัยของเขาเป็นอย่างไร เราต้องไปนั่งในหัวใจเขา แล้วตีความออกมา” ครูธรรมะร่วมสมัยบอกความคาดหวัง

    สุดท้ายเธอบอกว่า อยากให้พ่อแม่ที่กำลังทุกข์ใจในความก้าวร้าวของลูกๆ หรือลูกติดเกมส์ ให้ส่งพวกเขามาลองเรียนธรรมะซึ่งเป็นวิชาที่สอนคนให้เป็นคน ทำให้เขามีหลักในชีวิต ไม่ตกไปในหนทางที่ผิดพลาดอันเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนมักจะละเลย ที่สำคัญการทำดีแม้ว่าต้องพยายามฝืน กับความรู้สึก โลภ โกรธ หลง แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ปุถุชนทุกคนย่อมต้องมี แต่ตัวเราเองก็ต้องมีหลักยึดในใจไว้เช่นกัน

    หากผู้ปกครองท่านใด อยากฉีดวัคซีนคุณธรรมให้กับลูกหลาน ติดต่อโรงเรียนแห่งชีวิต ได้ที่โทร. 02-634-7461-3, 02-391-2409 หรือเว็บไซต์ www.schooloflifethailand.org


    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2550 14:27 น.


    .................................................................................................

    [​IMG]
    แผนที่โรงเรียนแห่งชีวิต
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    “โครงการตวันธรรม”
    ณ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ ชั้น 10 อาคารศรีสุริยวงศ์
    โรงแรมตวันนา เลขที่ 80 ถ.สุรวงศ์
    แขวงสุริวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
    โทร. 02-236-0361, โทรสาร 02-236-3738


    คุณกลินท์ สุรวงศ์ บุนนาค ผู้ก่อตั้งโครงการตวันธรรม

    “โครงการตวันธรรม” โดยความร่วมมือระหว่างโรงแรมตวันนา, องค์การเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และสำนักงานเขตบางรัก ขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายธรรม และเจริญสมาธิภาวนา จากพระวิทยากร ตลอดทั้งปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ กิจกรรมของ “โครงการตวันธรรม ที่โรงแรมตวันนา” มีรูปแบบเช่นเดียวกับ “โครงการเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่น” ของซีพี.

    จัดขึ้นในทุกวันจันทร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน เวลาระหว่าง 17.30-20.30 น. ณ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ ชั้น 10 อาคารศรีสุริยวงศ์ โรงแรมตวันนา แขวงสุริวงศ์ เขตบางรัก กทม.


    โดยจะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลาหกโมงเย็น พร้อมจัดเตรียมอาหารว่างไว้ให้ญาติธรรมทั้งหลายรับประทานรองท้องก่อนที่จะทำกิจกรรมต่อไปโดยจะดำเนินไปจนถึงเวลาสองทุ่ม เมื่อถึงเวลาอันควรก็มีการสวดทำวัตรเย็นร่วมกัน พร้อมฟังบรรยายธรรมจากพระวิทยากรซึ่งทางองค์กรเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหารได้ช่วยจัดหา และแนะนำพระวิทยากรมาเทศนาในทุกครั้ง จบกิจกรรมด้วยการแผ่เมตตา และเจริญสมาธิร่วมกัน โดยก่อนแยกย้ายกลับบ้านยังเตรียมอาหารไว้ให้รับประทานร่วมกันด้วย เพื่อที่ญาติธรรมทั้งหลายจะได้อิ่มใจ อิ่มท้องในคราวเดียวกัน

    โครงการตวันธรรมเน้นกลุ่มเป้าหมายให้ผู้ที่ตั้งใจมาฟังการบรรยายธรรมหลังเลิกงาน ซึ่งปัจจุบันนี้มีสมาชิกเข้าร่วมฟังธรรมครั้งละมากกว่า 200 คน นอกจากนี้โครงการตวันธรรมยังมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อเป็นการทำบุญร่วมกัน โดยทุกๆ 3 เดือนจะออกไปทำบุญนอกสถานที่ซึ่งเน้นเป็นการทำทานกับผู้ด้อยโอกาสในสังคมในหลากหลายมูลนิธิ


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    [​IMG]

    ตวันธรรม...โอเอซิสธรรมะกลางกรุง

    ในภาวะตึงเครียดในสังคมคนเมืองกรุง...อันเต็มไปด้วยสถานที่บำรุงบำเรอความสำราญทางอารมณ์ในแบบโลกียสุข ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หลงลืมความสุขซึ่งเกิดขึ้นได้อย่างเรียบง่ายภายในจิตใจของเราเอง

    ทว่าเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ยังมีความสงบแทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืน เปรียบเสมือนเป็นโอเอซิสเล็กๆ ที่ให้ผู้คนได้ผ่อนคลายจิตใจ ก่อนมุ่งหน้าเดินทางไปในเส้นทางชีวิตอันยาวไกล


    [​IMG]
    [กลินท์ สุรวงศ์ บุนนาค]


    กลินท์ สุรวงศ์ บุนนาค กรรมการบริษัท ตวันนา โฮเต็ล จำกัด เริ่มต้นเล่าที่มาที่ไปของ “โครงการตวันธรรม” ซึ่งเกิดจากการนำชื่อโรงแรม “ตวันนา” รวมกับ “ธรรมะ” ซึ่งมีความหมายว่า “ธรรมะที่ส่องสว่างดังดวงตะวัน” ผู้บริหารใฝ่ธรรมะเล่าว่า หลังจากที่มีโอกาสได้บวชเรียนที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร (ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของต้นตระกูลบุนนาค) โดยมุ่งหวังทดแทนพระคุณของคุณย่า(ศาสตราจารย์กิตติคุณ พ.ญ.คุณตวัน สุรวงศ์ บุนนาค) ผู้ล่วงลับ

    ถึงแม้จะมีโอกาสครองผ้าเหลืองในระยะเวลาไม่นานนัก แต่ก็ได้ตระหนักรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตนเองอย่างเด่นชัดที่สุด จากอุปนิสัยบางอย่าง เดิมที่เคยเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็วจนบางครั้งไม่ทันพิจารณา หรือไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ กลับกลายเป็นคนที่มีสมาธิ เยือกเย็น สุขุม และรอบคอบมากขึ้นในการตัดสินใจทำสิ่งใดๆ ก็ตาม

    เช่นนั้นเมื่อได้พบข้อดีจากการได้ปฏิบัติธรรมะแล้ว จึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ให้กับคนรอบข้าง จึงได้เกิดแนวความคิดให้มีโครงการตวันธรรม โดยจะจัดขึ้นในทุกวันจันทร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน ณ อาคารศรีสุริยวงศ์ โรงแรมตวันนา ซึ่งเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลาหกโมงเย็น พร้อมจัดเตรียมอาหารว่างไว้ให้ญาติธรรมทั้งหลายรับประทานรองท้องก่อนที่จะทำกิจกรรมต่อไปโดยจะดำเนินไปจนถึงเวลาสองทุ่ม

    [​IMG]

    เมื่อถึงเวลาอันควรก็มีการสวดทำวัตรเย็นร่วมกัน พร้อมฟังบรรยายธรรมจากพระวิทยากรซึ่งทางองค์กรเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหารได้ช่วยจัดหา และแนะนำพระวิทยากรมาเทศนาในทุกครั้ง จบกิจกรรมด้วยการแผ่เมตตา และเจริญสมาธิร่วมกัน โดยก่อนแยกย้ายกลับบ้านยังเตรียมอาหารไว้ให้รับประทานร่วมกันด้วย เพื่อที่ญาติธรรมทั้งหลายจะได้อิ่มใจ อิ่มท้องในคราวเดียวกัน

    “เหมือนกับว่าได้นำสถานที่ปฏิบัติธรรมมาไว้ใจกลางเมือง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับคนเมืองที่มีความสนใจแต่อาจไม่มีเวลามากนัก ที่สำคัญยังได้ฟังธรรมะจากพระอาจารย์หลากหลายท่านที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาจากหลายวัด ส่วนสถานที่ก็ความสะดวกสบาย ซึ่งน่าจะเป็นอีกทางเลือกของคนที่สนใจธรรมะในเมืองกรุง

    อย่างน้อยยังถือเป็นการทำให้หลายคนได้มีโอกาสศึกษาธรรมะ และได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางด้านธรรมะอย่างสะดวกกาย สบายใจ นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกด้วย เพียงแค่มีความตั้งใจที่อยากมา และกลับบ้านไปด้วยจิตใจที่เบิกบาน” เจ้าของโรงแรมตวันนากล่าวถึงรายละเอียด

    นอกจากนี้โครงการตวันธรรมยังมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อเป็นการทำบุญร่วมกัน โดยทุกๆ 3 เดือนจะออกไปทำบุญนอกสถานที่ซึ่งเน้นเป็นการทำทานกับผู้ด้อยโอกาสในสังคมในหลากหลายมูลนิธิ เช่น เมื่อกลางเดือนเมษายนได้ไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ส่วนเมื่อเดือนพฤษภาคมไปที่สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมอง และปัญญา (บ้านราชาวดี)


    [​IMG]
    [บรรยายกาศผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม]


    ถามไถ่ถึงความรู้สึกที่ได้รับจากการจัดโครงการตวันธรรม ในรูปแบบช่วยเหลือคนด้อยโอกาส เขาบอกว่า “รู้สึกถึงความการเอื้ออาทร และทำให้รู้จักการแบ่งปันให้กับคนอื่นที่ด้อยโอกาสในสังคม อยากเห็นสังคมที่เราต้องอยู่ดีขึ้น เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน และเข้าใจจิตใจกันและกันมากขึ้น ซึ่งตรงตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีเมตตา และรู้จักเป็นผู้ให้”

    และเนื่องในวันวิสาขบูชานี้ เขายังฝากข้อคิดถึงการปฏิบัติตัวเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีว่า นอกจากแสดงตนว่านับถือศาสนาพุทธแล้ว พวกเราชาวพุทธยังมีหน้าที่ช่วยกันทำนุบำรุง และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งโอกาสที่จะทำบุญ ทำความดีมีตลอดในหลากหลายรูปแบบ เพียงมีความตั้งใจดี คิดดี ทำดี ส่วนเรื่องการทำบุญจะมากน้อยอย่างไรไม่ใช่ประเด็นสำคัญไปกว่าจิตใจที่ดีงาม

    [​IMG]


    - ผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2550 11:23 น.
    - หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก 25 ตุลาคม 2549
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)
    .................................................................................................


    วัดปากน้ำ (วัดปากน้ำภาษีเจริญ)
    เลขที่ 8 แขวงปากคลองภาษีเจริญ
    เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
    โทร. 0-2467-2166, 0-2467-0811, 0-2457-9042


    สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.9) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

    พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) อดีตเจ้าอาวาส


    เป็นวัดปฏิบัติสายพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร)

    วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้มีพระบรมราชานุญาตให้ทำการบูรณะวัดปากน้ำฯครั้งใหญ่เกือบทั้งอาราม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 วัดปากน้ำได้ชำรุดทรุดโทรมลง และขาดเจ้าอาวาสประจำวัด ทางเจ้าคณะปกครองจึงได้ส่ง พระสมุห์สด จนฺทสโร (หรือที่เรียกกันว่าหลวงพ่อสด) จากวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงพ่อสดมีชื่อเสียงมากในเรื่องวิปัสสนา ท่านจึงเป็นผู้ดูแลเรื่องการศึกษา ปฏิบัติธรรม จนกลายเป็นที่นับถือของคนทั่วไป กระทั่งหลวงพ่อสดมรณภาพลงจึงได้นำร่างมาบรรจุในโลงตั้งไว้ที่วัด และทำหุ่นขี้ผึ้งขนาดองค์จริงให้ประชาชนได้สักการบูชา

    เนื่องจากหลวงพ่อสดเป็นผู้ปลุกเสกหลวงพ่อวัดปากน้ำรุ่นแรกๆ โดยทำจากเนื้อดินเผา พระเครื่อง พระผง ในการทำพระผงจะนำดินที่เป็นมงคลจากสถานที่ต่างๆ หลายๆ ที่เอามารวมกัน แล้วทำพิธีกรรมประกอบขึ้นมา จึงมีเรื่องเล่ากันว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำรุ่นหนึ่งนั้น ท่านจะเลือกผู้ที่มาเป็นเจ้าของด้วยตัวเอง ถ้าผู้นั้นมีบุญพอหลวงพ่อวัดปากน้ำรุ่นหนึ่งก็จะไปปรากฏหรือทำให้ผู้นั้นพบเจอ แต่ถ้าผู้ที่ได้เป็นเจ้าของหมดบุญหรือทำผิดศีลผิดธรรม หลวงพ่อวัดปากน้ำรุ่นหนึ่งจะเดินทางกลับมาหาท่านเอง เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จอย่างไรไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าไม่ลบหลู่เป็นดีที่สุด

    [​IMG]
    ประชาชนมาไหว้พระปิดทองหลวงพ่อสดองค์จำลองกันเป็นจำนวนมาก

    [​IMG]
    รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อสดขนาดเท่าองค์จริง
    และด้านหลังเป็นโลงบรรจุร่างของหลวงพ่อสด
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระพุทธชินราชจำลอง พระประธานในวัดพุทธบูชา
    .................................................................................................


    วัดพุทธบูชา
    เลขที่ 181 หมู่ 3 ถ.พุทธบูชา ซอย 30
    ริมคลองบางมด แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. 10140
    โทร. 02-426-3667, 02-874-8108


    พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย) เจ้าอาวาส

    วัดพุทธบูชา เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ขอเชิญสาธุชนทุกท่านอบรมภาวนาและทำบุญตักบาตร
    พระกรรมฐาน (สายหลวงปู่มั่น) ทุกวันเสาร์แรกของเดือน
    เวลา 07.00-10.30 น. ณ ศาลาการเปรียญวัดพุทธบูชา


    วัดพุทธบูชา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2499 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2499 กำหนดเขตกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีพระพุทธวิริยากร (เพิ่ม กตปุญโญ) เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชารูปแรก พระประธานประจำอุโบสถของวัดพุทธบูชา คือ พระพุทธชินราชจำลอง มีขนาดเท่าองค์จริง มีหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว (2.875 เมตร) หล่อด้วย ทองสัมฤทธิ์ น้ำหนักประมาณ 3 ตัน มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก ปัจจุบันพระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย) เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา รูปที่ 5 (ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2542 ถึงปัจจุบัน)

    วัดพุทธบูชาเป็นที่ตั้งของสถาบันพลังจิตตานุภาพ (Willpower Institute) สาขาที่ 2 แห่งวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักสูตรครูสมาธิที่เปิดสอนให้แก่บุคคลทั่วไป ที่มีความทันสมัยในยุคปัจจุบัน

    การเดินทาง

    - ขึ้นทางด่วนไปทางดาวคะนอง เมื่อถึงสะพานแขวนให้ชิดซ้ายลงถนนสุขสวัสดิ์ วิ่งไป 100 เมตร ถึงจุดกลับรถหน้าวัดสน จากนั้นวิ่งไปประมาณ 300 เมตร ถึงทางเข้าถนนประชาอุทิศ วิ่งไปอีกประมาณ 5 กม. ก็จะถึงวัดพุทธบูชา

    - ระยะทางจากวงเวียนใหญ่ ถึงทางเข้าถนนประชาอุทิศ ประมาณ 9 กม.

    รถเมล์ที่ผ่าน สาย 75 ปอ.75 ต้นทางหัวลำโพง ผ่านวัดมหาพฤฒาราม บางรัก ถนนตก สะพานกรุงเทพ ดาวคะนอง บางปะแก้ว บางปะกอก ราษฎร์บูรณะ เข้าถนนประชาอุทิศ ผ่านเทคโนบางมด สวนธนบุรีรมย์ ปลายทางวัดพุทธบูชา

    - ถ้านั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือราษฎร์บูรณะ (ห้าง Big C สาขาราษฎร์บูรณะ) ขึ้นรถซูบารุจากหน้าห้างบิ๊กซี ไปสุดสายหน้าวัดพุทธบูชาได้โดยตรง ขอให้สังเกตหน้ารถจะเขียนปลายทางไว้ว่าวัดพุทธบูชา ก็ให้ขึ้นได้เลย ราคา 5 บาท

    [​IMG]
    พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระอุโบสถ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
    .................................................................................................


    วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
    เลขที่ 999 ซ.พระราม 9 กาญจนาภิเษก 19
    ถ.พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10320
    โทร. 02-318-5925-7, โทรสาร 02-319-1123


    พระเทพญาณวิศิษฏ์ (อภิพล อภิพโล) เจ้าอาวาส
    พระศรีญาณโสภณ (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) หรือปิยโสภณ รองเจ้าอาวาส


    วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เป็นวัดที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริเริ่มแรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียด้วยวิธีการเติมอากาศที่บึงพระราม 9 ต่อมาได้มีพระราชดำริเพิ่มเติมให้ทำการปรับปรุงพื้นที่และพัฒนาชุมชนบริเวณบึงพระราม 9 และมีพระราชประสงค์ให้ดำเนินการจัดตั้งวัดขึ้นในบริเวณชุมชนบึงพระราม 9 เพื่อเป็นทั้งพุทธสถานในการประกอบกิจของพระสงฆ์ในการสืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของราษฎรในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทางศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนการพัฒนาชุมชนบริเวณบึงพระราม 9 ร่วมกับทางโรงเรียนหรือส่วนราชการต่างๆ โดยยึดหลักความพอดีและพอเพียงเป็นพื้นฐาน

    วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย ที่เน้นการปฏิบัติและเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวทางของวัดบวรนิเวศวรวิหาร มีการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ทั้งการเผยแผ่คำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนา การวิปัสสนาธุระ จิตตภาวนา การประกอบพิธีบูชาในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมสังคมสงเคราะห์ กิจกรรมพุทธบูชาและเฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมพุทธและประเพณีไทย กิจกรรมปลูกรากแก้วศาสนทายาทของแผ่นดิน และกิจกรรมปลูกมโนธรรมสำนึกแทนคุณ เป็นต้น

    การเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอบรมจริยธรรมของวัด มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 4 ประการ คือ เพื่อเป็นแบบอย่างการก่อสร้างวัดขนาดเล็กเพื่อเป็นที่สั่งสอนเผยแผ่พระพุทธศาสนา, เพื่อเป็นที่อบรมศีลธรรมจริยธรรม, เพื่อการพัฒนา และเพื่อเป็นตัวอย่างของการปลูกฝังความใกล้ชิดระหว่างวัด โรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานราชการ ให้มีลักษณะเกื้อหนุนและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน กล่าวคือ

    1. จัดการสั่งสอนพระพุทธศาสนาแก่เยาวชน โดยให้ภิกษุสามเณรผู้มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ไปสอนวิชาพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน โรงเรียนวัดพระราม 9 กาญจนภิกเษก ในชั่วโมงเรียนวิชาพระพุทธศาสนาและจัดบรรยายพิเศษนอกชั่วโมงเรียน เพื่อให้เยาวชนมีความรู้ในพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง อันเป็นฐานของการขัดเกลาจิตใจสำหรับเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญแก่ประเทศชาติในอนาคต

    2. จัดฝึกอบรมศีลธรรมจริยธรรมแก่เยาวชน เป็นการฝึกธรรมจิตด้วยสมาธิวิธีและพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนมีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีสมาธิในการเรียน มีสำนึกในทางศีลธรรม มีมารยาทที่ ดีงาม รู้จักทั้งประโยชน์แก่ส่วนรวมตามควรแก่สถานภาพ นอกจากนี้ ยังได้จัดให้มี “ห้องสมุดธรรมะ” และ “ห้องโสตทัศนศึกษา” สำหรับฉายวีดีทัศน์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นต้น

    สำหรับโครงการปลูกรากแก้วศาสนทายาทนั้น เป็นการสร้างบุคลากรทางสงฆ์ให้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมีประสิทธภาพ เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยืนยาวตลอดไป ซึ่งโครงการนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2546 ต่อมาพุทธมามกะกลุ่มหนึ่ง ได้ตระหนักถึงภัยอันจะเกิดขึ้นจากการขาดแคลนศาสนทายาท จึงเข้ามาร่วมผลักดันโครงการกองทุนปลูกรากแก้วฯ จนเป็นรูปธรรมขึ้นมา ปัจจุบันเป็นเวลากว่า 4 ปี ที่ได้เริ่มรณรงค์เชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้มีศรัทธา ได้ร่วมใจกันอุปถัมภ์ทุนการศึกษาต่อเนื่องให้แก่เยาวชนได้เข้ามาบวชเรียน

    อนึ่ง ภัยของสิ่งเสพติดทั้งหลายกำลังคุกคามเยาวชน กองทุนปลูกรากแก้วฯ จึงได้ร่วมกันรณรงค์ให้บิดามารดาของเยาวชนรุ่นใหม่ เห็นความสำคัญของการให้เยาวชนเข้ามาบวชเรียนทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันอบายมุขทั้งปวง ซึ่งปรากฏผลสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยมีผู้เข้ามาขอบวชในโครงการฯ และขอรับทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก


    [​IMG]
    “พระพุทธกาญจนธรรมสถิต” พระประธานในพระอุโบสถ
    .................................................................................................


    ประวัติเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

    พระเทพญาณวิศิษฏ์ (อภิพล อภิพโล) เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ได้ประทานอนุญาตให้มาดำรงตำแหน่งนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ครองสมณเพศมาได้ ๔๖ พรรษา (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑) ศึกษาพระปริยัติธรรมจนจบเปรียญธรรม ๕ ประโยค ท่านเป็นชาวจังหวัดนครปฐมโดยกำเนิด ได้บรรพชาตั้งแต่เป็นสามเณร

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนที่วัดบวรนิเวศวิหาร จนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางปกครองเป็นเลขานุการเจ้าคณะภาคธรรมยุต ๔-๕-๖-๗ และต่อมาได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเลขานุการสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

    ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ในราชทินนามที่ พระเทพญาณวิศิษฏ์

    เว็บไซต์วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
    http://www.rama9temple.com/

    [​IMG]
    พระศรีญาณโสภณ (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) รองเจ้าอาวาส
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระอาจารย์ภัลลภ อภิปาโล
    .................................................................................................


    วัดป่าเชิงเลน
    (สาขาวัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย)
    แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม. 10700
    โทร. 0-2865-5645-6


    พระอาจารย์ภัลลภ อภิปาโล เจ้าอาวาส

    วัดป่าเชิงเลน ธรรมสถาน-สัปปายสถาน “วัดป่า” กลางกรุง
    เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    เว็บไซต์วัดป่าเชิงเลน
    http://www.luangpumun.org/watpakrangkrung

    [​IMG]

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เย็นกาย สงบใจ ใน “วัดป่าเชิงเลน”
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6974

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    [​IMG]

    วัดป่าเชิงเลน ตั้งอยู่สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 สามารถเข้าวัดได้จากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 (ซอยวัดเพลงวิปัสสนา) ปากซอยจะมีห้างสรรพสินค้าแม็คโคร ตลอดทางจะมีป้ายชี้ทางเข้าวัดตลอดทาง หากมาโดยรถประจำทาง รถประจำทางที่ผ่านปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 หลายสาย เช่น 56, 57, 68, 108 และ ปอ. 10 แล้วนั่งมอร์เตอร์ไซร์จากปากซอยไปถึงที่สิ้นสุดทางรถซึ่งจะเป็นสวนริมน้ำร่มรื่น ประมาณ 30 บาท หรือนั่งรถสองแถวสาย “ล่าง” 3 บาท ซึ่งทั้งสองทางจะต้องเดินเท้าผ่านสวนไปอีกประมาณ 800 เมตร ก็จะถึงเขตวัดป่าเชิงเลน

    [​IMG]
    แผนที่วัดป่าเชิงเลน
    .................................................................................................​
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    หอระฆัง ณ วัดระฆังโฆสิตาราม
    .................................................................................................


    วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
    เลขที่ 250 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช
    เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
    โทร. 084-1488-700


    พระเทพวิสุทธิเมธี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาส


    วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน หนทางดับทุกข์ ฟรี ทุกวันอาทิตย์ โดย ดร.พระมหาธีรพันธ์ วชิรญาโณ (ป.ธ.๔ พธ.บ., Ph.D.) รก.ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

    [​IMG]

    ความสำคัญของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

    ผู้เริ่มปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นครั้งแรกนั้นจะพบกับความสับสนว่า อะไรคือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ ทำไมต้องใช้คำว่าภาวนาที่ลงท้ายด้วยคำว่า “หนอ” ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องพบกับความไม่หยุดนิ่งของจิตและความยากลำบากในการปฏิบัติอีกว่า จะทำอย่างไรจึงจะขจัดความลำบากเหล่านี้ได้ ความลำบากเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วง ๒-๓ วันแรกเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าเรายังไม่คุ้นเคยกับการที่จะต้องทำอะไรด้วยความเชื่องช้า

    อย่างไรก็ตามความเชื่องช้าดังกล่าวนั้นได้เป็นวิธีการที่จะทำให้จิตสงบ เพราะฉะนั้น อุบายที่จะทำให้จิตสงบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การสวดมนต์แล้วตั้งจิตอธิษฐาน หรือไม่ก็เป็นการสูดลมหายใจเข้าสู่ปอดให้แรงและลึกสัก ๒-๓ ครั้ง หรือมากกว่านั้น จนกว่าจิตของเราจะมีสภาพอ่อนโยนพร้อมกับสติตามรู้ขณะท้องพอง ขณะท้องยุบ ในขณะที่จิตจดจ่ออยู่กับอาการพองยุบอยู่นั้นจะทำให้ลืมความไม่สบายต่างๆ จิตจะอยู่กับอาการพองยุบ โดยธรรมชาติและไม่ต้องฝืนหรือบังคับพร้อมๆ กับภาวนา “ พองหนอ ” ขณะท้องพอง “ ยุบหนอ ” ขณะท้องยุบไม่ต้องสร้างจินตนาการใดๆ จิตที่เป็นสมาธิในขณะนั้นจะนำไปสู่การกำจัดกิเลสที่อยู่ภายในใจ นั้นหมายความหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงกำลังจะได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

    เมื่อใดที่กิเลส เป็นต้นว่า ความโกรธ ความเกลียด ความหลง ความกลัว ได้โอกาสเกิดขึ้นแก่ผู้ใด ผู้นั้นจะตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตเราจะมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความเครียด เมื่อใดที่เราปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สมดังความปรารถนาเราก็จะมีความทุกข์ ความเครียดจะเกิดขึ้นติดตามมา สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนบางครั้งทำให้เรามีความสับสนหาทางออกไม่ได้ นอกจากนี้เรายังไม่ชอบที่จะเก็บความทุกข์และความเครียดไว้ในใจ แต่มักจะสะท้อนเอาความทุกข์และความเครียดเหล่านั้นไปยังบุคคลที่อยู่รอบข้าง การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการกระทำที่ถูกต้องเลย

    การเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานก็เพื่อที่จะเรียนวิธีการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เรามีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข และกลมกลืนไปกับสภาวะภายในตัวของเราเอง เพื่อที่จะเรียนรู้ถึงการสร้างความสงบสุขและความเป็นอยู่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบุคคลอื่น ตลอดจนการที่เราจะดำเนินชีวิตให้มีความสุขในแต่ละวันได้อย่างไร นี้เป็นการพัฒนาตัวเราเองให้ขึ้นไปสู่ความสงบสุขซึ่งเกิดจากการที่จิตของเรามีความใสสะอาดเป็นจิตที่มีแต่ความรักอันบริสุทธิ์ที่ขยายผลไปยังความมีเมตตา ความมีกรุณา ความพลอยยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น ในการเรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตอย่างเป็นศิลปะนั้น เราต้องค้นหาสาเหตุแห่งความทุกข์ซึ่งฝังรากลึกอยู่ภายในตัวเราซึ่งเราจะต้องค้นหาสาเหตุอันนั้นให้ได้ วิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน จะช่วยให้เราค้นหาความจริงในตัวเราได้ ตลอดจนจะช่วยให้เราได้ตรวจสอบโครงสร้างของร่างกายและจิตใจที่มีแต่ความยึดมั่นถือมั่น อันเป็นสาเหตุของความเครียดและความทุกข์

    การได้รู้ได้เข้าใจสภาวธรรมตามความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก

    การที่เราได้รู้จักตัวเองจากการมองที่เรามองเพียงผิวเผินในภายนอกไปจนถึงความเป็นจริงที่มีอยู่ภายใน กระทั่งความเป็นจริงที่ลึกซึ้งที่สุดของร่างกาย ซึ่งเรียกว่า “รูป” ความเป็นจริงที่ลึกซึ้งที่สุดของจิตใจ ซึ่งเรียกว่า “นาม” ซึ่งทั้งสองอย่างนี้รวมเรียกว่า “ปรมัตถธรรม” (สภาวะแห่งความเป็นจริงสูงสุดที่เกิดขึ้นมีขึ้นเองตามธรรมชาติของมันโดยปราศจากการกำหนดใดๆ จากตัวเรา)

    ฉะนั้น การค้นหาความจริงหรือสัจธรรมที่อยู่ภายในตัวเรานั้นจะต้องเริ่มด้วยการสังเกตดูความเคลื่อนไหวของร่างกาย ดูเวทนา ดูความคิด และดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต ซึ่งเป็นธรรมชาติสำหรับทุกคนและทุกคนต้องประสบโดยไม่มีข้อยกเว้น การเฝ้าคอยสังเกตดูธรรมทั้ง ๔ อย่างดังกล่าวมาแล้วนี้ จะเป็นเครื่องเชื่อมโยงระหว่างความรู้ที่เรามีอยู่อย่างผิวเผินไปสู่สิ่งที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย นอกเสียจากว่าเราจะเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้นจึงจะรู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่เราใช้สติจดจ่อกับอารมณ์ของวิปัสสนากรรมฐานอยู่นั้น เราจะได้พบกับธรรมชาติของจิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง โดยส่วนใหญ่จิตของเราจะท่องเที่ยวไปกับเรื่องที่เป็นอดีตและอนาคต ไม่ค่อยที่จะหยุดนิ่งอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ตามความเป็นจริงนั้นจิตจะต้องอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันเท่านั้น ไม่ใช่ปล่อยจิตไปตามกับเรื่องที่เป็นอดีตและอนาคต เพราะเรื่องที่ เป็นอดีตได้ผ่านไปแล้ว ส่วนเรื่องที่เป็นอนาคตก็ยังมาไม่ถึง

    เนื่องจากจิตของผู้เริ่มปฏิบัติใหม่ไม่เคยฝึกให้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน จิตจึงวิ่งไปโน่นไปนี่ และโดยเหตุที่จิตของผู้ปฏิบัติใหม่ยังมีความคุ้นเคยอยู่กับอารมณ์ที่เป็นอดีตและอนาคต จิตจึงหลีกอารมณ์ปัจจุบันไปสู่อดีตและอนาคตอยู่ตลอดเวลา จิตจึงไม่สงบ ในชีวิตประจำวัน คนเราส่วนมากมักจะมีความสับสน มีความโลภ ความโกรธ ความหลงด้วยกันทุกคนจะแตกต่างกันแต่เพียงว่ามีมากหรือน้อยเท่านั้น ในกรณีที่จิตคิดอยู่กับเรื่องพอใจ เราจะมีความรู้สึกพอใจนั้นหมายถึงความโลภได้ก่อตัวขึ้นในจิต ยึดติดเป็นอุปาทานไปแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่พอใจ จิตจะปรุงแต่งไปในทางที่ไม่ชอบ นั้นหมายถึงความโกรธได้ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจเราเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าจิตของเราจะเกี่ยวข้องกับความชอบและความไม่ชอบอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้คือตัวกิเลสที่ทำให้เรามีความทุกข์ เป้าหมายของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์ สงบ และรอดพ้นจากความทุกข์ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะช่วยให้เราสามารถขจัดกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจของเราได้

    แม้เพียงครั้งแรกของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการพยายามกำหนดความเคลื่อนไหวของร่างกาย กำหนดเวทนา กำหนดความคิด และกำหนดสภาวธรรมที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเรา การใช้ความพยายามกำหนดอารมณ์กรรมฐานทั้ง ๔ อย่างต่อเนื่องนั้น จะสามารถชำระจิตของเราให้บริสุทธิ์และสงบได้ ในขณะที่ปฏิบัติอยู่นั้นเราไม่ควรที่จะกังวลว่า จิตของเราสงบนิ่งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่เคยสงบนิ่งเป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตาม ความสงบของจิตแม้จะมีเพียงระยะเวลาสั้นๆ นั้นก็มีความหมายและก็มีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่จิตได้หยุดอยู่กับความเป็นจริงของปัจจุบันอารมณ์ จิตจะหยุดการปรุงแต่งและเป็นอิสระจากกิเลส กล่าวคือ โลภะ โทสะ โมหะ ขณะนั้นจิตจะเป็นอิสระปราศจากเครื่องร้อยรัดใดๆ โดยสิ้นเชิง

    ขณะนั้นเอง ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความสับสนฟุ้งซ่าน ความสงสัย ความวิตกกังวลต่อความยากลำบากที่จะปฏิบัติต่อไปจะค่อยๆ ลดน้อยลง ข้อสำคัญที่สุดก็คือ เราต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างมากในการกำหนดอารมณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้เองได้เป็นสัญญาณบอกให้เราทราบว่า การปฏิบัติของเราดำเนินไปในทางที่ถูกต้องแล้ว ความรู้สึกลำบาก ความไม่สะดวก ความสับสน ความกังวลต่างๆ จะค่อยๆ หมดไป ความสงบสุขแห่งใจจะปรากฏขึ้น ความสงบสุขเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถจะให้แก่เราได้นอกจากตัวเราเอง


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    [​IMG]

    ด้านการศึกษาภายในวัดระฆังโฆสิตาราม

    วัดระฆังโฆสิตาราม มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม ๓ แผนก คือ แผนกบาลี นักธรรม และพระอภิธรรม ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมพฺรหฺมรํสี ปัจจุบันแผนกบาลี เปิดสอนในชั้นบาลีไวยากรณ์ประโยค แผนกนักธรรม เปิดสอนตั้งแต่ชั้นนวกภูมิ และแผนกพระอภิธรรม เปิดสอนตั้งแต่ชั้นจูฬตรี อภิธรรมมหาบัณฑิต

    [​IMG]

    อภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
    วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร


    จุดเริ่มต้นของการศึกษาพระอภิธรรมในประเทศไทยจนเป็นหลักสูตรที่ยอมรับ และมีผู้ให้ความสนใจศึกษาทั่วประเทศ ปัจจุบันมีอภิธรรมบัณฑิตสำเร็จการศึกษา จำนวน ๔๑ รุ่น ไปเผยแผ่พระสัทธรรมที่ลึกซึ้ง อันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นปราชญ์ที่เข้าใจความเป็นไปในจิตใจของมนุษย์อย่างยิ่ง

    หลักสูตรในการเรียนแบ่งออกเป็น ๒ ระดับ
    ๑. ชั้นนักศึกษา ๙ ชั้น จบแล้วได้รับประกาศนียบัตรอภิธรรมบัณฑิต
    ๒. ชั้นอาจารย์ ๖ ชั้น จบแล้วได้รับประกาศนียบัตรอภิธรรมมหาบัณฑิต

    อภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ได้เปิดการเรียนการสอนทุกวัน เว้นวันพระและวันนักขัตฤกษ์ เวลา ๑๓.๐๐ น.-๑๖.๐๐ น. ณ โรงเรียนพระปริยัติธรรมพรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร

    ปัจจุบันอภิธรรมมหาวิทยาลัยได้เปิดโครงการศึกษา พระอภิธรรม ๙ ปริเฉท หลักสูตรระยะสั้น ใช้เวลาศึกษา เพียง ๓ เดือน เฉพาะเสาร์อาทิตย์ เมื่อจบการศึกษาแล้วได้รับ วุฒิบัตรรับรอง ซึ่งเป็นก้าวแรกของผู้สนใจพระอภิธรรมเบื้องต้น และเปิดโครงการก้าวสู่พระไตรปิฎก ที่ใช้เวลาเรียนเฉพาะ วันเสาร์ เวลา ๑๓.๐๐-๑๕.๓๐ น.

    เรียนเชิญ (เรียนฟรี) ผู้ที่สนใจใฝ่รู้ที่จะศึกษาพระอภิธรรม เพื่อความเข้าใจเรื่องความคิด จิตใจ ชีวิตตนเอง เพื่อพัฒนาชีวิตให้เจริญก้าวหน้าอย่างถูกต้อง ติดต่อ : สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆสิตาราม คณะ ๗ ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐-๒๔๑๑-๔๕๔๖, ๐-๖๐๓๘-๒๙๓๓

    เรียนพระอภิธรรมฟรี ณ วัดระฆังโฆสิตาราม

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13068

    [​IMG]
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

    [​IMG]
    พระเทพวิสุทธิเมธี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) เจ้า
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    สถาบันศึกษาพระไตรปิฎกธม̣มาภิสมโย
    เพื่อการศึกษาและปฏิบัติธัมมะนานาชาติ

    โครงการธัมมะศึกษาและปฏิบัติ โดยเบนซ์ทองหล่อ
    เลขที่ 540/5 ถ.สุขุมวิท 55 ปากซอยทองหล่อ 18
    แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
    โทร. 02-714-8888 โทรสาร 02-714-9131


    นางเจษฎ์สุภา โพธิพิมพานนท์ ประธานโครงการฯ

    วัตถุประสงค์

    1. เพื่อการเผยแผ่ธัมมะจากพระไตรปิฎกแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศในระบบต่างๆ
    2. เพื่อการเผยแผ่พระไตรปิฎก โดยจัดให้มีการบรรยายธัมมะในสถานที่ต่างๆ
    3. เพื่อการจัดให้มีการปฏิบัติธัมมะ (วิปัสสนากรรมฐาน) ตามหลักพระไตรปิฎก
    4. เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
    5. ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด

    ความหมายของอภิธัมมวิมุตติ

    อภิธัมม์

    อภิธัมม์ คือ ธัมม์ทั้งหลายที่มีความเจริญ อันเป็นเหตุแห่งความเจริญ
    ธัมม์ทั้งหลายที่ควรกำหนดรู้ด้วยปัญญา อันเป็นเหตุแห่งการรู้แจ้งในปรมัตถ-สัจจะ
    ธัมม์ทั้งหลายที่ควรบูชาด้วยการกำหนดรู้โดยสภาวะแห่งธัมม์เหล่านั้น
    ธัมม์ทั้งหลายที่ทรงกำหนดไว้โดยสภาวะมีผัสสะ เวทนา เป็นต้น
    ธัมม์ทั้งหลายอันยิ่งที่ลึกซึ้งโดยนัยต่างๆ แห่งพระธัมมเทศนา

    วิมุตติ

    วิปัสสนา คือ ปัญญาเห็นแจ้ง ละสักกายทิฏฐิที่ยึดมั่นในตัวตน ด้วยการกำหนดรู้สภาวะแห่งนามรูป รู้ความมีเหตุปัจจัยของนามรูป ข้ามพ้นความสงสัยในอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้ ละความยึดถือว่า เรา ของเรา ด้วยการรู้กลาป คือ กลุ่มของรูปนามด้วยกลาปสัมมสนะ ละความสำคัญหมายในสิ่งที่ไม่ใช่ทางว่าเป็นทาง เห็นความเป็นภัย เป็นโทษ เกิดความเบื่อหน่ายในสังขารธัมม์ทั้งหลาย มีจิตปรารถนาความหลุดพ้นจากความเกี่ยวพันในสังขารธัมม์ ละความยึดมั่นถือมั่นแล้ววางเฉย สลัดสังขารธัมม์ทั้งหลาย ไม่ถือมั่นในสังขารนิมิต แล่นไปสู่สันติบท คือ การประหาณกิเลส เป็นผู้มีความสงบจากกิเลสและสังขาร เป็นเหตุให้พ้นทุกข์ในสังสารวัฏได้

    [​IMG]
    นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    บ้านปฏิบัติธรรมสวนหลวง
    เลขที่ 14 ซ.พัฒนาการ 20 แยก 6
    แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250


    โครงการปฏิบัติธรรมหลักสูตรพิเศษ
    โดยพระอาจารย์สว่าง ติกฺขวีโร และคณะ


    รับผู้ปฏิบัติประมาณ 30 ท่าน สมาทานศีล 8 เวลา 7 วัน 6 คืน


    คณะเจ้าภาพบ้านปฏิบัติธรรมสวนหลวง ตระหนักในคุณค่าของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเสมือนโอสถอันทรงสรรพคุณวิเศษที่สามารถลดอวิชชาและกิเลส อันเป็นเหตุแท้จริงของความทุกข์ได้ ผู้ทดลองปฏิบัติเมื่อได้พบด้วยตัวเองว่าได้ทั้งปัญญาและความสุข เปรียบดังเทียนส่องแสงสว่างทางเดินให้ตนเอง จึงได้เผื่อแผ่แสงสว่างแห่งการปฏิบัติให้กว้างออกไปถึงบุคคลอื่นด้วย

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ คุณกฤตภาส บุนนาค คณะเจ้าภาพและผู้ประสานงาน จึงได้ร่วมกันจัด “โครงการปฏิบัติธรรมหลักสูตรพิเศษ” โดยนิมนต์ พระอาจารย์สว่าง ติกฺขวีโร (วัดมหาธาตุฯ คณะ 3 กรุงเทพฯ) และคณะ มาเป็นพระวิปัสสนาจารย์และพระอาจารย์ดำเนินการสอนวิปัสสนาในแนวสติปัฏฐาน 4 (พอง-ยุบ) เพื่อเป็นการฝึกฝนประสบการณ์กรรมฐานให้แก่ตนเอง เป็นเวลา 7 วัน 6 คืน ที่บ้านปฏิบัติธรรมสวนหลวง ทั้งนี้ก็เปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย

    การสอนของท่านอาจารย์ เหมาะแก่ผู้ที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาในการนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน การปฏิบัติจะใช้ห้องปฏิบัติธรรมรวม แต่ผู้ปฏิบัติจะต้องเดินจงกรม นั่งสมาธิ และกำหนดอิริยาบถย่อยด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และรักษาเวลาในการเดินการนั่งแต่ละบัลลังก์ได้ด้วยตนเอง โดยไม่มีวิทยากรควบคุม

    คุณกฤตภาส บุนนาค
    บริษัท แอดวานซ์ รีเสิร์ช แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
    เลขที่ 14/1 ซ.พัฒนาการ 20 แยก 6
    แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250

    สอบถามรายละเอียดติดต่อ
    คุณมนัสนันท์
    โทร. 0-2318-6219 ต่อ 105 หรือ 08-5158-6336
    แฟ็กซ์ 0-2318-6220


    [​IMG]
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระราชปริยัติวิมล (ทองดี ฐิตายุโก)
    .................................................................................................


    วัดอาวุธวิกสิตาราม (วัดบางพลัดนอก)
    เลขที่ 137 ถ.จรัญสนิทวงศ์ ซอย 72
    แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
    โทรศัพท์ 0-2424-3176 โทรสาร 0-2879-1432


    พระราชปริยัติวิมล (ทองดี ฐิตายุโก) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

    วัดอาวุธวิกสิตาราม (วัดบางพลัดนอก) แห่งนี้ เป็นวัดที่ “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม” อุบาสิกาผู้มีพลังจิตมหัศจรรย์ ผู้สามารถบรรลุธรรมอันวิเศษสำเร็จ “จตุตถฌาณ 4” และ “อภิญญา 6” อันเป็นอานิสงส์สูงสุดแห่งชีวิต ได้พำนักบำเพ็ญศีลและปฏิบัติธรรม สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

    ในปัจจุบันมีรูปปั้นของคุณแม่บุญเรือน อยู่บนศาลาคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ในบริเวณวัดอาวุธวิกสิตาราม หรือวัดบางพลัดนอก ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 72 แขวงและเขตบางพลัด กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ยังมีผู้คนไปสักการบูชากราบไหว้ขอพรจากรูปปั้นของท่าน อยู่เสมอมิได้ขาด โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ เวลาหลังเที่ยง จะมีสานุศิษย์และผู้ศรัทธาของคุณแม่ต่างพร้อมใจไปชุมนุมกัน เพื่อสวดมนต์ต่อหน้ารูปปั้นของท่านที่ศาลาดังกล่าว โดยปฏิบัติติดต่อกันทุกวันอาทิตย์ เป็นเวลาอันยาวนาน ตั้งแต่คุณแม่บุญเรือนถึงแก่กรรม ซึ่งนับได้ประมาณ 40 กว่าปีมาแล้ว

    หลังจากการสวดมนต์ นั่งสมาธิแล้ว สานุศิษย์และผู้ศรัทธาจะขอรับเอาสิ่งของต่างๆ ที่นำมาสักการบูชา เช่น ผลไม้ น้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย สาคู และปูนสีแดง ที่ใช้ทาใบพลูสำหรับรับประทาน โดยอธิษฐานขอให้สิ่งของต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นยาแก้โรคต่างๆ ซึ่งก็แปลกที่หลายคนหายขาดโรคภัยที่เป็นอยู่อย่างน่ามหัศจรรย์

    นอกจากนี้บางคนยังเอาไพลทุกชนิดไปถวายต่อหน้ารูปปั้นของคุณแม่บุญเรือน แล้วจุดธูปเทียนกราบไหว้บูชาท่าน อธิษฐานจิตขอให้ท่านดลบันดาลให้ไพลเป็นยารักษาโรค แล้วนำไพลนั้นมาทารักษาโรค ก็หายได้เช่นกัน

    [​IMG]
    รูปปั้นคุณแม่บุญเรือน ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม
    .................................................................................................


    คุณแม่บุญเรือนเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง มีชื่อเสียงโด่งดังจากการใช้พลังจิตในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้คนทั่วไป รวมทั้งการนวดจับเส้น การใช้พลังจิตของคุณแม่บุญเรือนนั้น ท่านเรียกว่าเป็นการ “อธิษฐานจิต” คือ ท่านจะเข้าสมาธิให้จิตนิ่งเสียก่อน จากนั้นท่านจะอธิษฐานจิตขอให้เป็นไปตามที่ท่านปรารถนา แม้ว่าท่านจะจากไปนานแล้ว แต่คุณงามความดีและชื่อเสียงในทางธรรมที่ท่านเพียรสร้างไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีผู้กล่าวถึงอยู่ตลอดไป

    พระราชปริยัติวิมล (ทองดี ฐิตายุโก) เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม (พระอารามหลวง) กล่าวว่า “ตั้งแต่คุณแม่บุญเรือนเสียชีวิตลง มีลูกศิษย์และคนที่มีจิตศรัทธาเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากราบไหว้และสวดมนต์ต่อหน้ารูปหล่อของท่านเป็นประจำทุกวัน เหมือนกับตอนที่คุณแม่บุญเรือนยังมีชีวิตอยู่ โดยที่วันอาทิตย์จะมีมากกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันที่ร่วมกันสวดมนต์”

    เจ้าอาวาสวัดอาวุธฯ ยังกล่าวอีกว่า “ในวันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายนทุกปี เหล่าลูกศิษย์ของคุณแม่บุญเรือนจะมาสวดมนต์และทำบุญประจำปี เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันวายชนม์ของท่าน คุณแม่บุญเรือนมีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้วัดอาวุธฯ เป็นวัดที่มีคนรู้จักคนทั่วไป จึงได้อธิษฐานจิตขอพรให้สมดั่งปรารถนา และมีส่วนช่วยในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอาวุธฯ ให้สวยงามและมีชื่อเสียงอย่างในทุก
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม)
    หมู่ 11 สี่แยกวังหิน ซ.เสนานิคม
    แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. 10230
    โทรศัพท์ 0-2570-8193


    พระครูปราโมทย์ธรรมธาดา (หลวงปู่หลอด ปโมทิโต) เจ้าอาวาส
    ศิษย์โดยตรงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นวิปัสสนาจารย์


    วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิภาวนา มีความสัปปายะมาก ท่านใดที่ต้องการไปปฏิบัติธรรมที่วัดก็ได้ทุกวัน หรือจะไปขออยู่ปฏิบัติธรรมเป็นเดือนก็ได้

    ตารางเวลาปฏิบัติ
    จันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30 - 20.00 น.
    เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 20.00 น.

    กิจกรรมหลักมีดังนี้
    - สวดมนต์ภาวนา
    - เรียนทฤษฎีจิตภาวนา
    - เดินจงกรม
    - นั่งสมาธิภาวนา
    - ถามตอบปัญหาธรรมะโดยหลวงปู่หลอด

    [​IMG]
    หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระมหาชวลิต สีลเตโช
    .................................................................................................


    วัดราชสิงขร (สำนักปฏิบัติธรรมวัดราชสิงขร)
    เลขที่ 2114 ถ.เจริญกรุง 74 แขวงวัดพระยาไกร
    เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10123
    โทร. 086-100-2195,
    089-780-4077, 087-689-8924


    พระมหาชวลิต สีลเตโช เจ้าอาวาส

    วัดราชสิงขร เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำกรุงเทพมหานคร แห่งที่ 21 ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมทำวัตรเช้า-เย็น ไหว้พระสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

    ประวัติวัดราชสิงขร

    วัดราชสิงขรเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปลายรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ.๒๒๗๕-๒๓๐๑) อันเป็นช่วงปลายแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ที่นับว่าบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุด ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับผู้สร้างในเบื้องต้น จึงน่าเชื่อว่าเป็นการร่วมกลุ่มกันของชาวบ้านที่มีศรัทธาปรารถนาใคร่สร้างวัด เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญบุญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน เพราะว่านับแต่เสียกรุงให้แก่พม่าข้าศึก ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ แล้ว ต่อจากนั้นจนกระทั่งปี พ.ศ.๒๓๒๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพมหานคร เป็นราชธานีใหม่ เป็นระยะเวลาที่บ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อยอย่างแท้จริง จึงไม่น่ามีความพร้อมพอที่ผู้คนจะพากันคิดเรื่องการสร้างวัด

    [​IMG]

    อุโบสถหลังเก่าของวัดซึ่งต่อมาถูกยกเป็นวิหาร มีขนาดเล็กพอจุภิกษุได้ประมาณ ๒๐ รูป ตามพระวินัย มีหลังคาชั้นเดียว ด้านหน้าเป็นเพิงยื่นออก มีเสาค้ำ และหน้าต่างทำเป็นช่องลูกกรงแทนบานหน้าต่าง อั้นเป็นอิทธิพลของลักษณะหน้าต่างที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ศิลปะการก่อสร้างเป็นแบบเรียบง่าย ตามที่เรียกกันแบบชาวบ้าน ตั้งอยู่หน้าศาลาการเปรียญหลังปัจจุบัน ในปี พ.ศ.๒๕๐๘ ขณะกำลังปรับพื้นที่ได้พบลูกนิมิตซึ่งทำจากหินธรรมชาติ ขนาดเท่าศรีษะมนุษย์ จำนวน ๘ ลูก ใน ๘ ทิศ จึงเป็นหลักฐานทำให้ทราบว่าเป็นอุโบสถ ปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงพระประธาน เป็นพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา พระพักตร์แบบอู่ทอง ปางมารวิชัย เดิมเรียกกันมาว่า หลวงพ่อขาวบ้าง พระอู่ทองบ้าง เก็บรักษาอยู่ในบริเวณวิหารคดที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อล้อมกั้นเขตบริเวณพระอุโบสถ วิหาร และสถูปเจดีย์ที่บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ออกเป็นเขตพุทธาวาส ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

    ในสมัยที่สร้างวัด บริเวณแถบนี้ล้วนเป็นเรือกสวนนาไร่เป็นชาวเมืองของเมืองธนบุรีซึ่งผู้คนสามารถเดินทางเข้าเมืองได้โดยสะดวกทางแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะการสัญจรติดต่อธุระค้าขายในสมัยนั้นล้วนแต่อาศัยเส้นทางน้ำเป็นหลัก ซึ่งเมืองธนบุรีปรากฏแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และจัดเป็นเมืองหน้าต่างทางทะเล ที่มีความสำคัญมาช้านาน เมืองธนบุรีจึงมีความเจริญพอสมควร อันเป็นมูลเหตุให้พระยาตากสิน ซี่งเดิมรับราชการอยู่ในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา บรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้าย คือ พระยาวชิรปราการ เมื่อท่านทำการปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าตากสิน จึงทรงสถาปนาเมืองธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีใหม่ ชื่อกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร์

    [​IMG]

    แต่เนื่องจากระยะเวลาหนึ่งพระองค์ทรงครองราชย์นั้นสั้นเพียง ๑๕ ปี อีกทั้งยังต้องมีการรบทำสงครามกันเนื่องๆ ทั้งภายในและภายนอก ในช่วงระยะนี้บ้านเมืองจึงเริ่มรวมตัวกันเข้าได้เป็นปึกแผ่นเท่านั้น และยังอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัว

    ต่อเมื่อภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งเดิมเป็นสหายรับราชการร่วมกับพระเจ้าตากสิน ในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ และเป็นนายทหารคู่พระทัยในรัชสมัยพระเจ้าตากสิน ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ และทรงย้ายที่ตั้งเมืองหลวงใหม่มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณที่เรียกว่าบางกอก ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี โดยทรงตั้งพระทัยที่สร้างบ้านเมืองขั้นใหม่ให้เจริญเหมือนครั้งกรุงศรีอยุธยารุ่งเรือง อันหมายถึงครั้งรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนั่นเอง ซึ่งเรียกกันมาจนกระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ว่า ครั้งบ้านเมืองดี

    ในระยะนี้ทรงเน้นการสร้างบ้านแปลงเมืองเป็นสำคัญ ทรงปฏิสังขรณ์และทรงสร้างวัดวาอารามอีกมากมายกว่า ๓๐ วัด เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชบูรณะ วัดสระเกศ วัดคอกควาย เป็นต้น ทรงให้เสด็จพระอนุชาธิราช คือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จขึ้นไปรวบรวมนำพระพุทธรูปทั้งหลาย ที่ยังคงหลงเหลือจากศึกสงคราม ทางหัวเมืองเหนือและอยุธยาลงมารวมกันไว้ที่วัดพระเชตุพนฯ และจ่ายแจกไปตามวัดต่างๆ อีกจำนวนมาก ระยะนี้เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่นิยมการสร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ มีเพียงการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเก่าที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดได้ด้วยพระราชอำนาจ ตลอดจนพระราชทรัพย์ของกษัตริย์และพระราชวงศ์เท่านั้น

    [​IMG]

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เว็บไซต์วัดราชสิงขร
    http://www.watrachsingkorn.com/
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    สถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน “บ้านพาณิชย์กุล”
    เลขที่ 44/128 ซ.กำนันแม้น 36 ถ.กำนันแม้น
    แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
    โทร. 081-915-5326, 081-736-6483


    คุณไพโรจน์-คุณจรรย์ภรณ์ พาณิชย์กุล ผู้ก่อตั้ง

    สถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน “บ้านพาณิชย์กุล” ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2548 โดยคุณไพบูลย์ และคุณจรรย์ภรณ์ พาณิชย์กุล เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับเจริญวิปัสสนากรรมฐาน แบบสติปัฏฐาน 4 ได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นให้เหมาะสมและเกื้อกูลต่อการปฏิบัติของโยคี ซึ่งเปิดรับสมัครทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยปฏิบัติ เพื่อสืบสานการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อันเป็นทางสายเอกของพระพุทธศาสนาในการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

    [​IMG]

    หลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน ณ บ้านพาณิชย์กุล

    หลักสูตร 7 วัน (อ.พระคำสิริ)

    ผู้สอน :
    อ.พระคำสิริ ภูมิปญฺโญ และคณะวิทยากร, อ.พระครูศรีปทุมรักษ์

    ลักษณะการปฏิบัติ :
    หลักสูตร 7 วันของคุณแม่สิริ กรินชัย โดยคณะวิทยากรจะเป็นผู้นำปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยปฏิบัติ และมีเวลาว่างมากพอ โยคีจะได้เรียนรู้วิธีการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ การกำหนดอิริยาบถย่อยต่างๆ และได้สอบอารมณ์โดยคณะวิทยากร

    ข้อมูลเพิ่มเติม :
    ระหว่างปฏิบัติ โยคีถือศีล 5 รับประทานอาหาร 3 มื้อ ลงทะเบียนและเข้าปฏิบัติช่วง 11.00-12.00 น. ของวันแรก กลับบ้านประมาณ 12.00 น. ของวันสุดท้าย

    คำแนะนำ :
    หลักสูตรนี้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติที่มีเวลามากพอ เพราะไม่ต้องควบคุมตนเองมาก จะมีคณะวิทยากรคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และการปฏิบัติไปพร้อมๆ กันจะทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติ อีกทั้งระยะเวลา 7 วันจะได้ผลดีมากสำหรับผู้ที่เริ่มต้น

    [​IMG]

    หลักสูตร 7 วัน (อ.พระมหาทองมั่น)

    พระวิปัสสนาจารย์ :
    อ.พระมหาทองมั่น สุทฺธจิตฺโต, อ.พระณรงค์ กนฺตสีโล

    ลักษณะการปฏิบัติ :
    พระวิปัสสนาจารย์จะสอนวิธีการปฏิบัติในตอนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นโยคีต่างคนต่างปฏิบัติเอง บริหารเวลาเอง ควบคุมตนเอง โยคีจะได้สอบอารมณ์โดยพระวิปัสสนาจารย์ทั้ง 2 ท่าน เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าในการปฏิบัติ และท่านจะได้ช่วยแก้ปัญหาในการปฏิบัติเป็นรายบุคคล

    ข้อมูลเพิ่มเติม :
    ระหว่างปฏิบัติ โยคีถือศีล 8 โดยรับประทานอาหาร 2 มื้อเท่านั้น (ยกเว้นผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือต้องรับประทานยา) ลงทะเบียนและเข้าปฏิบัติช่วง 8.00-9.00 น. ของวันแรก กลับบ้านประมาณ 12.00 น. ของวันสุดท้าย

    คำแนะนำ :
    หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปฏิบัติมากกว่า แต่ถ้าไม่เคยปฏิบัติ แล้วต้องการสมัครจะต้องมั่นใจว่าจะตั้งใจปฏิบัติ และสามารถควบคุมตนเองให้รักษาวินัยในการปฏิบัติได้

    [​IMG]

    หลักสูตร 3 วัน (อ.มยุรี)

    วิทยากร :
    อ.มยุรี ลิขิตสุนทรกุล และคณะวิทยากร

    ลักษณะการปฏิบัติ :
    ดัดแแปลงมาจากหลักสูตร 7 วันของคุณแม่สิริ กรินชัย โดยคณะวิทยากรจะเป็นผู้นำปฏิบัติ เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยปฏิบัติ และมีเวลาว่างไม่มากพอ โยคีจะได้เรียนรู้วิธีการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ และการกำหนดอิริยาบถย่อยต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติต่อๆ ไป

    ข้อมูลเพิ่มเติม :
    ระหว่างปฏิบัติ โยคีถือศีล 5 รับประทานอาหาร 3 มื้อ ลงทะเบียนและเข้าปฏิบัติช่วง 15.00-16.00 น. ของวันแรก กลับบ้านประมาณ 15.00 น. ของวันสุดท้าย

    คำแนะนำ :
    หลักสูตรนี้มีพิธี “พระในบ้าน” ซึ่งจะทำให้โยคีซาบซึ้งถึงพระคุณของแม่ (และพ่อ) จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับโยคีที่เป็นแม่-ลูก มาเข้าปฏิบัติด้วยกัน (แต่ลูกต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป)

    [​IMG]

    ความเป็นมาสถานปฏิบัติธรรมบ้านพาณิชย์กุล

    เริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณไพบูลย์ และคุณจรรย์ภรณ์ พาณิชย์กุล ซึ่งมีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา คุณไพบูลย์สนใจศึกษาธรรมะและค้นคว้าศึกษาหลักธรรมคำสอน ส่วนคุณจรรย์ภรณ์ไหว้พระ สวดมนต์ และนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน เมื่อมีโอกาสทั้งคู่และกลุ่มเพื่อนๆ มักจะไปร่วมสร้างวัดตามต่างจังหวัดเสมอๆ อยู่มาวันหนึ่งเมื่อคุณวิสุทธิ์ เตชะชัยพรพจน์ เพื่อนสนิทในกลุ่มร่วมทำบุญ ได้ชวนคุณไพบูลย์ให้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 7 วัน ณ บ้านพรพรหม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านคุณชยพล เตชะชัยพรพจน์

    ในขณะเดียวกันคุณจรรย์ภรณ์ก็ได้เข้าปฏิบัติฯ 7 วัน ณ ยุวพุทธิกสมาคมฯ (เพชรเกษม 54 กรุงเทพฯ) ทั้งคู่รู้สึกถึงผลจากการปฏิบัติว่า ทำให้ชีวิตมีความสุขสบายใจมากขึ้น ความทุกข์ใจเบาบางลง ประกอบกับในตอนนั้นโรงงานที่ตั้งอยู่ข้างบ้านก็เก่ามากแล้ว จึงย้ายโรงงานไปที่แห่งใหม่ เมื่อที่เดิมว่างอยู่จึงปรึกษากันว่า “น่าจะสร้างเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน” เพื่อชักชวนให้คนที่รู้จักได้มาปฏิบัติฯ

    การก่อสร้าง
    ในการดำเนินการก่อสร้างนั้นจะต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย (ว่ากันว่าเมื่อจะสร้างบุญใหญ่มักจะมีมารมาผจญ) แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันแก้ปัญหาและผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ โดยมีพระอาจารย์คำสิริ ภูมิปญฺโญ ซึ่งเป็นพระวิปัสสนาจารย์ และคุณวิสุทธิ์ เตชะชัยพรพจน์ ซึ่งปฏิบัติธรรมมานาน คอยช่วยให้คำปรึกษาชี้แนะ รวมถึงช่วยออกแบบสถานที่ให้เหมาะสมและเกื้อกูลแก่การปฏิบัติฯ พระอาจารย์คำสิริได้เมตตาตั้งชื่อเพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถานที่นี้ว่า “บ้านพาณิชย์กุล” โดยคุณไพบูลย์และคุณจรรย์ภรณ์ ได้ยกสถานที่นี้ให้เป็นที่สำหรับปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน

    [​IMG]

    ร่วมกันสร้างบุญ
    เมื่อคุณวิสุทธิ์ เตชะชัยพรพจน์, คุณสิริชัย-คุณวริณภร พุ่มเข็ม, คุณวิภาพร วัชระศิริไพโรจน์ และเพื่อนๆ ในกลุ่มทำบุญ ทราบข่าวการก่อตั้งบ้านพาณิชย์กุล ก็อนุโมนาสาธุ และมีความประสงค์จะร่วมบุญด้วย โดยช่วยกันจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ยังขาด เช่น โต๊ะอาหาร เก้าอี้ ตู้เย็น เครื่องกรองน้ำ ชุดเครื่องขยายเสียง ชั้นวางโทรทัศน์เพื่อบรรยายธรรม ฯลฯ ทำให้บ้านพาณิชย์กุลเสร็จสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน

    อุ่นเครื่อง
    เมื่อสถานที่พร้อม คุณจิตสุภา ลิมปาภินันท์ เพื่อนคุณจรรย์ภรณ์ ได้แนะนำให้คุณจรรย์ภรณ์รู้จักกับพระมหาโสภณ มณีปฺญญาพร เปรียญธรรม 9 ประโยค วัดราชโอรส และได้นิมนต์ท่านมาสอนวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น เดือนละ 1 วัน ท่านได้สอนให้รู้จักวิธีการเดินจงกรม นั่งสมาธิ วิธีการกำหนดอิริยาบถย่อย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดคอร์สให้โยคีได้ปฏิบัติต่อเนื่องหลายๆ วัน เรียกว่าเป็นการสอนให้รู้วิธีปฏิบัติเท่านั้น

    เปิดหลักสูตรครั้งแรก
    ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์คำสิริ ภูมิปฺญโญ และพระอาจารย์มหาแสน สุทฺธิเมธี (ปัจจุบันคือ พระครูศรีปทุมรักษ์) เจ้าอาวาสวัดหนองบัว จ.เชียงใหม่ มาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ ได้มาเปิดหลักสูตรให้เป็นครั้งแรก โดยมี อ.ใหญ่ และ อ.น้อย มาเป็นวิทยากร ทั้งนี้ โดยมีคุณสิริชัย-คุณวริณภร พุ่มเข็ม และคณะ ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดวิปัสสนากรรมฐานหลักสูตร 7 วัน ซึ่งได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ มาเข้าปฏิบัติเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดต่อเนื่องเรื่อยมา

    [​IMG]

    หลักสูตรเพิ่มเติม
    เนื่องจากสภาวะสังคมในปัจจุบัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องทำงานประจำ และหาเวลาว่างติดต่อกัน 7 วันได้น้อยมาก คุณจรรย์ภรณ์ จึงได้ปรึกษากับ อ.มยุรี ลิขิตสุนทรกุล ซึ่งเป็นวิทยากรของคุณแม่สิริ กรินชัย โดยคุณจรรย์ภรณ์ได้รู้จักกับ อ.มยุรี ตอนไปปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธฯ 2 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อ.มยุรี ก็ได้แนะนำว่าสามารถสอนหลักสูตร 3 วันได้ สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ โดยได้ดัดแปลงมาจากหลักสูตร 7 วัน ของยุวพุทธิกสมาคมฯ จึงได้ทดลองจัดโดยมีวิทยากร 3 ท่าน คือ อ.มยุรี ลิขิตสุนทรกุล, อ.ละเอียด พรหมสาขา ณ สกลนคร และ อ.โชติกา ซึ่งได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ มาเข้าปฏิบัติเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทางบ้านพาณิชย์กุลจึงได้เพิ่มหลักสูตร 3 วัน ของ อ.มยุรี เข้าไปด้วย สำหรับผู้ไม่เคยปฏิบัติ และได้จัดต่อเนื่องเรื่อยมา

    ต่อมาคุณจรรย์ภรณ์มีโอกาสได้ไปกราบนมัสการพระวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มหาทองมั่น สุทฺธจิตฺโต (วัดภัททันตะอาสภาราม ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี) ในระหว่างที่ท่านมาสอนวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่ยุวพุทธฯ ศูนย์ 2 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อท่านได้ทราบว่าบ้านพาณิชย์กุลมีจัดวิปัสสนากรรมฐานก็ได้อนุโมทนา คุณจรรย์ภรณ์จึงขอความเมตตาจากท่าน นิมนต์ท่านให้ช่วยมาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่บ้านพาณิชย์กุล ซึ่งท่านก็ได้เมตตารับนิมนต์ ต่อมาหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน 3 วันจึงได้ถูกจัดขึ้นโดยเน้นผู้ที่เคยปฏิบัติมาแล้ว โดยมีพระอาจารย์มหาทองมั่น สุทฺธจิตฺโต และพระอาจารย์ณรงค์ กนฺตสีโล (วัดมะขามเรียง จ.สระบุรี) ได้เมตตามาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ และมี ดร.ศักดิ์สมิทธิ์ มธุการสทิสก์ มาเป็นวิทยากร และได้จัดต่อเนื่องเรื่อยมา ในปี พ.ศ.2549 จึงเริ่มจัดหลักสูตร 5 วัน ซึ่งจะทำให้เป็นผลดีต่อผู้ไม่เคยปฏิบัติฯ และปรับเปลี่ยนเป็นหลักสูตร 7 วันตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบัน

    [​IMG]

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เว็บไซต์สถานปฏิบัติธรรมบ้านพาณิชย์กุล
    http://www.banphanichkul.com/
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    วัดปทีปพลีผล
    ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม
    เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150
    โทร. 02-897-2496, 084-011-3102,
    085-228-5639, 086-027-2682


    พระอาจารย์ประพันธ์ พนฺธุธมฺโม เจ้าอาวาส

    พระอาจารย์ชูเกียรติ สิริยโส อาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน


    (1) ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม-บวชเนกขัมมจาริณี
    จัดทุกต้นเดือน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
    เหมาะสำหรับบุคลทั่วไปหรือเริ่มต้นที่จะปฏิบัติธรรม

    [​IMG]

    (2) ขอเชิญอบรมวิปัสนากรรมฐานขั้นพื้นฐาน

    โครงการวิปัสสนากรรมฐานเพื่อพัฒนาจิต ให้เกิดปัญญาและความสุข
    ดำเนินการสอนโดย ท่านพระอาจารย์ประพันธ์ พนฺธุธมฺโม เจ้าอาวาส
    และพระอาจารย์ชูเกียรติ สิริยโส อาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน

    กำหนดการอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น
    ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ของทุกๆ ต้นเดือน

    การเดินทาง : มีรถตู้จากบิ๊กซีพระราม 2, รถสองแถว ผ่านหน้าวัด

    [​IMG]
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระภาวนาวิเทศ (หลวงพ่อเขมธัมโม)
    .................................................................................................


    วัดป่าสันติธรรม
    เมืองวอริค ประเทศอังกฤษ


    The Forest Hermitage (Watpah Santidhamma)
    Lower Fulb rook,
    near Sherbourne Warwichshire CV35 8AS
    United Kingdom


    Tel & Fax 01926624385
    หรือส่ง E-mail ถึง หลวงพ่อเขมธัมโม ได้ที่
    prakhem@foresthermitage.org.uk


    พระภาวนาวิเทศ (หลวงพ่อเขมธัมโม) เจ้าอาวาส



    [​IMG]

    สำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก”
    ณ เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย


    อุบาสิกาบงกช สิทธิผล ประธานและผู้ก่อตั้ง

    สถานที่ของสำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก” แห่งประเทศอินเดีย คล้ายคลึงกับสำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคล” (เกาะมหามงคล) แห่งประเทศไทย ณ บ้านช่องแคบ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

    อุบาสิกาบงกช สิทธิผล

    อุบาสิกาบงกช สิทธิผล สละทางโลกตั้งแต่อายุ 29 ปี ปัจจุบันอายุ 53 ปี (เมื่อปี พ.ศ. 2550) แต่จะเชื่อไหมว่าหน้าตาท่านเหมือนอายุ 30 ปลายๆ เท่านั้น

    ผลงานและเกียรติคุณดีเด่น

    1. ท่านได้สอนวิปัสสนากรรมฐานไม่ให้ยึดวัตถุเป็นตัวตั้ง มีลูกศิษย์ทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนมาก โดยใช้สถานที่ปฏิบัติธรรมแดนมหามงคลเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอุบาสิกาบงกช ได้สร้างผลงานจนเป็นที่รู้จักกันในนานาประเทศ โดยเคยรับเชิญไปแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่องเกี่ยวกับสันติภาพโลก ที่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2548

    2. ได้รับปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี 2549 เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถกอปรด้วยคุณงามความดี ได้บำเพ็ญคุณูปการแก่การศึกษา พระพุทธศาสนา สังคม และประเทศชาติ เป็นอเนกประการ ควรแก่การยกย่องประกาศเกียรติคุณ ดังนี้

    ด้านพุทธศาสนา ได้ตั้งสถาบันเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ชื่อสถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติเพื่อสันติภาพ ณ แดนมหามงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และแดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก ณ เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตั้งโครงการสมทบทุนสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์ วัด สำนักปฏิบัติธรรม มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก และพระพุทธศาสนานานาชาติ

    ด้านบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สนับสนุนอุปถัมภ์สถานีอนามัย โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดกาญจนบุรี และอีกหลายแห่งในจังหวัดสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี สมทบทุนกับโรงพยาบาลต่างๆ เช่น ร.พ.ศิริราช ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ร.พ.ศรีธัญญา ร.พ.อำเภอไทรโยค และ ร.พ.พหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี

    งานด้านสังคม มอบสถานที่สถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติ สำหรับฝึกอบรม ประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และผู้สนใจทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา

    เกียรติคุณพิเศษ รับรางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนาแห่งโลก จากองค์การสหประชาชาติ รับไตรปิฏกดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประเทศอินเดีย รับรางวัล “ดร. อัมเบดการ์นานาชาติเพื่อสันติภาพ” รับเกียรติคุณสูงสุดในพระพุทธศาสนาฝ่ายสตรี “อัครมหาศิริสุธรรมาสินกิ” สหภาพเมียนมาร์ รับเกียรติคุณมหาอุบาสิกาผู้ทรงเกียรติคุณสูงสุดในพุทธจักรจากประเทศศรีลังกา และรับมหาอิสริยยศเหรียญทองเกียรตินิยมสูงสุดจากประเทศกัมพูชา

    3. เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา ซึ่งปี 2549 เป็นปีที่ครบ 2550 ปีแห่งอายุพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์ประเทศศรีลังกา ได้มีมติเป็นเอกฉันท์มอบรางวัล “วิศวะกีรติศรีศาสนภิมณีมโหบาสิกา” The Most Eminent Mahopashika of the Buddhist World หรือรางวัล “มหาอุบาสิกาผู้ทรงเกียรติคุณงามเด่นสูงสุดในพุทธจักร” แก่มหาอุบาสิกา ดร.บงกช สิทธิพล จากประเทศไทย โดยประธานาธิบดี มหินทะ ราชปักษา แห่งศรีลังกา เป็นผู้มอบ

    โดยคณะสงฆ์ประเทศศรีลังกาเห็นว่า มหาอุบาสิกา ดร.บงกช ได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด มีความวิริยะอุตสาหะในการอุทิศเสียสละเพื่อพระพุทธศาสนาด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้ามาโดยตลอด พร้อมทั้งได้ก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคล” ที่ จ.กาญจนบุรี ประเทศไทย และ “แดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก” ณ เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เพื่อเผยแผ่พุทธธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ทั้งนี้ มหาอุบาสิกา ดร.บงกช ยังได้เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว พม่า กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย โดยตลอด ซึ่งคุณงามความดีของมหาอุบาสิกา ดร.บงกช เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนในหลายประเทศ จึงทำให้รัฐบาลและคณะสงฆ์ประเทศศรีลังกา ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ยังมีสถานที่ปฏิบัติธรรมประเทศไทยที่อุบาสิกาบงกช สิทธิผล เป็นประธานและผู้ก่อตั้งคือ
    สำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคล” (เกาะมหามงคล) จ.กาญจนบุรี


    [​IMG]
    สำนักปฏิบัติธรรม “แดนมหามงคล” (เกาะมหามงคล) จ.กาญจนบุรี
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วัดรัตนประทีปวิหาร
    45 ถนนสมิธ ทิบาตัน อะดิเลด
    รัฐออสเตรเลียใต้ 5013 ประเทศออสเตรเลีย


    WAT RATTANAPRATIP VIHARA
    45 SMITH STREET, THEBARTON , ADELAIDE,
    SOUTH AUSTRALIA 5031 AUSTRALIA
    TEL & FAX (61-04) 8443-5856


    วัดก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2528 สังกัดนิกายธรรมยุต มีเนื้อที่ 750 ตารางเมตร เป็นวัดแห่งแรกในนครอดิเลด จึงได้รับการต้อนรับจากสาธุชนชาวพุทธจำนวนมาก มาจากหลายชนชาติด้วยกัน เช่น ไทย ลาว เขมร พม่า จีน มาเลเซีย ศรีลังกา รวมทั้งชาวออสเตรเลียด้วย

    กิจกรรมการปฏิบัติศาสนกิจ

    1. การเผยแผ่ เป็นปกติประจำการ ได้มีนักเรียน นักศึกษาจากโรงเรียน สถาบันการศึกษาติดต่อเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนา และ ระหว่างพรรษากาล ทุกวันอาทิตย์ จัดให้เป็นวันธรรมสวนะ จัดให้มีการทำบุญตักบาตร สวดมนต์ไหว้พระ รับศีล ฟังพระธรรมเทศนา ในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันปีใหม่สากล วันสงกรานต์ มีกิจกรรมตามความสำคัญของวันนั้นๆ

    2. การศึกษา อบรมกรรมฐาน นั่งสมาธิ เสร็จแล้วสนทนาธรรมตามสมควรแก่เวลา

    3. การสาธารณูปการ การพัฒนาวัด ทางวัดเน้นทางวัตถุ และจิตตภาวนาควบคู่กันไป และได้ดำเนินติดต่อกันมาอยู่ตลอด เช่นการเปลี่ยนหลังคาใหม่ และการสร้างห้องครัวห้องน้ำขึ้นใหม่ พร้อมทั้งการสร้างฝาผนัง ต่อเติมห้องให้กว้างขึ้น ถือว่าการพัฒนาวัดได้ประสบความสำเร็จพอสมควร

    4. การสังคมสงเคราะห์

    5. อื่นๆ โครงการในอนาคตจะได้มีการจัดสร้างศาลาทรงไทยขึ้น เพื่อให้วัดเป็นทั้งสถานที่เคารพบูชา และจุดรวม เช่น สมาคมนักเรียนไทย ร้านอาหารไทย และเปิดสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และพุทธศาสนาภาคฤดูร้อน ประจำรัฐออสเตรเลียใต้​
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    วัดภูริทัตตวนาราม
    เมืองออนทาริโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


    BUDDHIST TEMPLE OF AMERICA
    มีที่ตั้งถาวรอยู่เลขที่ ๕๖๑๕
    HOWARD STREET ONTARIO
    CA ๙๑๗๖๒ U.S.A
    Telephone Number (๙๐๙) ๙๘๘-๗๗๓๑
    Fax (๙๐๙) ๙๘๘-๔๑๙๑


    พระครูวินัยธรสำรวย ตายโน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

    วัดตั้งอยู่ห่างจาก DOWNTOWN ของเมือง LOS ANGELES
    ไปทางตะวันออกประมาณ ๕๐ไมล์ มีพื้นที่ทั้งสิ้น ๔.๖๘ เอเคอร์ (ประมาณ ๑๒ ไร่)

    เว็บไซต์
    http://www.dhammayut.org/his-phuri.shtml
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วัดป่าวิมุตติ
    Vimutti Forest Monastery
    750 Paparata Rd. Bombay,
    Auckland, New Zealand
    Tel. 0066 4 9 8282935


    ท่านอาจารย์ฉันทโก ภิกษุชาวอเมริกัน เจ้าอาวาส
    เป็นวัดในสายหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี


    วัดป่าวิมุตติ (Vimutti Forest Monastery)
    เมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์


    ที่เห็นและเป็นอยู่

    วัดป่าวิมุตติ เป็นวัดสาขา ใหม่ล่าสุดของวัดหนองป่าพง เกิดจากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ชาวนิวซีแลนด์ หลากเชื้อชาติที่เลื่อมใสศรัทธาในคำสอน วัตรปฏิบัติของหลวงปู่ชา และพระลูกศิษย์วัดได้เริ่มก่อตัวอย่างช้าๆพัฒนาจากทุ่งหญ้าที่เคยเป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์ และป่าสนเสื่อมโทรมบางส่วน กลายเป็นวัดป่าเล็กๆ สงบ สมถะ และสัปปายะ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 425 ไร่ เลขที่ 750 ถนนพาพาราต้า บอมเบย์ ซึ่งห่างจากตัวเมืองโอ๊คแลนด์ประมาณ ครึ่งชั่วโมง

    สร้างวัดไว้รออาจารย์

    ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ได้ร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างวัดเล็กๆซึ่งประกอบด้วย ศาลาหลังเล็ก เรือนสำนักงาน และที่พักของสงฆ์ ทั้งๆที่ยังไม่ทราบว่า จะมีภิกษุรูปใดมาประจำในปี 2547 ชุมชนชาวพุทธเถรวาท โอ๊คแลนด์ได้กราบนิมนต์ท่านอาจารย์ฉันทโก ภิกษุชาวอเมริกัน ซึ่งได้บวชเรียนจากวัดป่านานาชาติ ให้เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านเมตตาที่จะแบกภาระการเป็นผู้นำ ผู้บริหาร และผู้สอน ด้วยหวังว่าจะพัฒนาทั้งคนและวัด เผยแผ่ศาสนา ให้เจริญงอกงามในดินแดนกีวีสืบไป

    ก้าวช้าๆ แต่ว่ามั่นคง

    วัดป่าวิมุตติได้หยั่งรากแตกหน่อ ญาติโยมเสียสละทั้งแรงกายและปัจจัยเพื่อสร้างวัด ได้ใช้วิธีการหลากหลายเพื่อระดมทุน อาทิเช่น รับจ้าง เก็บขยะ ทำความสะอาดสนามรักบี้ ซึ่งเป็นกีฬาโปรดของคนที่นี่ หรือปรุงอาหารประจำชาติเพื่อขายในเทศกาลอาหารนานาชาติเป็นต้น ญาติโยมอยากเชิญชวนญาติธรรมชาวไทยผู้มีจิตศรัทธา หากมีโอกาสได้เดินทางไปนิวซีแลนด์ กรุณาแวะเยี่ยมที่วัด​
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    ภายในโบสถ์วัดอมราวดี ประเทศอังกฤษ
    .................................................................................................


    วัดอมราวดี
    Amaravati Buddhist Monastery
    เมืองฮาร์ดฟอร์ด ประเทศอังกฤษ


    Amaravati Buddhist Monastery
    Margarets Lane, Great Gaddesden Hemel,
    Hempstead, Hertfordshire HP1 3BZ
    ENGLAND
    T. 0144 284 2455

    พระราชสุเมธาจารย์ (โรเบร์ติ สุเมโธ) เจ้าอาวาส

    เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงพ่อชา สุภัทโท สาขาต่างประเทศของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]
    พระราชสุเมธาจารย์ (โรเบร์ติ สุเมโธ)
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    พระเทพกิตติโมลี (ทองสูรย์ สุริยโชโต)
    .................................................................................................


    วัดศรีนครินทรวราราม
    Wat Srinagarindravararam
    (สาขาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม)
    หมู่บ้านเกรทเซ่นบาค (Gretzenbach)
    จังหวัดโซลธูร์น (Solothurn)
    ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)


    พระเทพกิตติโมลี (ทองสูรย์ สุริยโชโต) เจ้าอาวาส

    วัดสวยและสงบ หลวงพ่อท่านก็ใจดีค่ะ

    [​IMG]


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เว็บไซต์วัดศรีนครินทรวราราม
    http://www.wat-srinagarin.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...