สมเด็จญาณฯ…พยานที่มีตัวตนแห่งการตรัสรู้

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 12 พฤศจิกายน 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    สมเด็จญาณฯ…พยานที่มีตัวตนแห่งการตรัสรู้

    [​IMG]
    สมเด็จญาณฯพยานที่มีตัวตนแห่งการตรัสรู้ โดย สิริอัญญา 1 ตุลาคม 2552


    ในวาระวันคล้ายวันประสูติในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศฯ ครบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม ศกนี้ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชาพระอริยสงฆ์พระองค์นี้ ผู้ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐและเป็นประจักษ์พยานหลักฐานแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังมีตัวตนอยู่ในปัจจุบันนี้


    ในมงคลสมัยนี้ จักได้พรรณนาพระคุณอันประเสริฐแห่งสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาและเพื่อน้อมนำรำลึกถึงพระคุณอันประเสริฐนั้นมาประพฤติปฏิบัติเพื่อความสุข ความเจริญในธรรม ของเพื่อนมนุษย์ทั้งผอง

    พระนามของสมเด็จพระสังฆราชในยุครัตนโกสินทร์นี้ จะใช้คำนำหน้าสี่ลักษณะคือลักษณะแรกใช้ คำนำหน้าว่าสมเด็จพระสังฆราช ดังเช่นพระนามสมเด็จพระสังฆราช (สี) วัดระฆังโฆสิตาราม ในยุคสมัยรัชกาลที่ 1

    ลักษณะที่สองใช้ คำนำหน้าว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ดังเช่นสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวงศ์ องค์พระอุปัชฌาย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ลักษณะที่สามใช้คำนำหน้าว่าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ดังเช่นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช (ปลด) วัดราชบพิธ

    ลักษณะที่สี่ใช้คำนำหน้าว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ดังเช่นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ) วัดบวรนิเวศฯซึ่งเป็นที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน

    การใช้คำนำหน้าพระนามสมเด็จพระสังฆราชนั้นน่าจะมีการคำนึงถึงภูมิธรรมและพระคุณของสมเด็จพระสังฆราชแต่ละพระองค์จึงเป็นที่มาของการพระราชทานนามตามพระสุพรรณบัตรในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชแต่ละพระองค์

    ในยุครัตนโกสินทร์นี้ แม้ว่ามีสมเด็จพระสังฆราชมาแล้วหลายพระองค์แต่ที่ได้รับพระราชทานนามตามพระสุพรรณบัตรว่า ญาณสังวรนั้นมีอยู่เพียง 2 พระองค์เท่านั้น

    พระองค์แรกคือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน)ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐยิ่งในพระพุทธศาสนา ทรงอภิญญา และอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่เลื่องชื่อลือชาแห่งยุครัตนโกสินทร์

    พระองค์ที่สองคือสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันได้รับพระราชทานนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัตรว่าสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    และถ้าจะนับเนื่องในเรื่องทรงอภิญญา ทรงอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นที่ประจักษ์แล้วก็กล่าวได้ว่าในยุครัตนโกสินทร์นี้มีพระสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะเพียง 3 รูปเท่านั้น

    นั่นคือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน)สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ) องค์ปัจจุบัน

    พระคุณของสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) นั้นเป็นที่รู้ประจักษ์โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำอีกและในโอกาสนี้ย่อมสมควรกล่าวถึงพระคุณประการนี้ในสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบันเป็นสำคัญ

    ที่มาของคำว่า ญาณสังวรนั้นมาจากความสำรวมหรือความสังวรใน 3 ระดับตามภูมิธรรมในพระพุทธศาสนา คือ ศีลสังวร อินทรีย์สังวร และญาณสังวรศีลสังวรได้แก่การสำรวมหรือสังวรในศีล โดยศีลที่ว่านี้หมายถึงศีล 2 ชนิด คือศีลซึ่งมีลักษณะเป็นพระวินัย ตามพระปาติโมกข์ชนิดหนึ่ง และศีลจากพระโอษฐ์ซึ่งเป็นศีลที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเพื่อการศึกษาและปฏิบัติในการประพฤติพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยแห่งพระบรมศาสดาโดยตรง ได้แก่ จุลศีล มัชฌิมศีลและมหาศีล เมื่อศีลสมบูรณ์บริสุทธิ์แล้ว ย่อมเป็นบาทฐานแห่งสมาธิและปัญญาเพื่อถึงซึ่งความหลุดพ้นหรือนิพพานในที่สุด

    อินทรีย์สังวรได้แก่การสำรวมหรือสังวรในอินทรีย์ทั้งปวงโดยเฉพาะ ในที่นี้หมายถึงตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ ให้มีความเป็นปกติ ไม่วอกแวกหวั่นไหวเมื่อกระทบกับอายตนะภายนอก ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและธรรมารมณ์ต่างๆ ถึงซึ่งความเป็นอุเบกขา

    ญาณสังวรได้แก่การสำรวมหรือสังวรในญาณ ซึ่งครอบคลุมถึงรูปฌาน และอรูปฌานขึ้นไปจนถึงญาณทั้งสาม อันเป็นสุดยอดสามวิชชาในพระพุทธศาสนาคือบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตถญาณ และอาสวัคขยญาณ

    พระนามญาณสังวรของสมเด็จพระสังฆราชทั้งสองพระองค์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีที่มาจากคำว่าญาณสังวรและความหมายของญาณสังวรอันเป็นภูมิธรรมขั้นสูงและสูงที่สุดในพระพุทธศาสนานั่นเอง

    ศีล สังวร อินทรีย์สังวร และญาณสังวร เมื่อบริบูรณ์แล้วพระตถาคตเจ้าทรงตรัสรับรองว่าสามารถกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ ได้นานาประการ

    อันสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ปัจจุบันนี้ทรงอิทธิปาฏิหาริย์หลายประการ ทั้งอนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ และอิทธิปาฏิหาริย์

    อนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ คือปาฏิหาริย์ในการเทศนาอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้รู้ให้เข้าใจและสามารถน้อมนำพระธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมได้

    สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบันนี้ทรงพระคุณอันประเสริฐในด้านอนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาแต่ครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่โปรดให้ทรงนิพนธ์คำสอนหลากหลายเรื่องเพื่อเป็นคู่มือการศึกษาและปฏิบัติของชาวพุทธอันมีประจักษ์พยานหลักฐานอยู่ในปัจจุบัน

    อิทธิปาฏิหาริย์คือการกระทำความมหัศจรรย์เหนือกว่าความสามารถของมนุษย์ธรรมดา ซึ่งในประการนี้คนจำนวนมากอาจไม่รู้หรือไม่ทราบกระทั่งเข้าใจว่าทรงเป็นแค่พระสงฆ์ธรรมดา ที่ปฏิบัติธรรมวินัยไปตามปกติแต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่

    สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบันทรงอิทธิปาฏิหาริย์ตามภูมิธรรมอันประเสริฐสูงที่พระองค์ทรงบรรลุแล้ว และเคยมีผู้เห็นประจักษ์หลายครั้งดังที่จะยกมาเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้เรื่องที่หนึ่งเมื่อครั้งที่ยังมีสงครามระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้นิมนต์พระมหาเถระทางภาคอีสานหลายรูปซึ่งเป็นพระป่า ไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง แต่มีภูมิธรรมขั้นสูงด้วยการคมนาคมและการสื่อสารในสมัยนั้น ตลอดจนอุปสรรคในด้านความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อนิมนต์พระมหาเถระเหล่านั้นได้

    พลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์นายทหารราชองครักษ์ได้รับมอบหมายให้ไปทูลสมเด็จพระญาณสังวรซึ่งขณะนั้นยังคงมีสมณศักดิ์ที่พระศาสนโสภณ ขอให้ช่วยนิมนต์แทนหลังจากรออยู่ครู่หนึ่งก็ได้รับคำตอบว่าได้นิมนต์เรียบร้อยแล้วให้ทางสำนักพระราชวังจัดรถไปรับ ณ ที่นัดหมายตามวันเวลาที่กำหนด

    ปรากฏว่าการติดต่อนิมนต์ครั้งนั้นไม่ได้ใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆ เลยแต่เป็นการติดต่อนิมนต์ด้วยโทรจิตซึ่งเป็นการกระทำอิทธิปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนาเรื่องที่สองเมื่อร่วม 20 ปีที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรสมเด็จพระสังฆราชพร้อมด้วยสมเด็จพระราชาคณะที่ทรงภูมิธรรมขั้นสูงรวม 4 รูปได้เข้าไปเฝ้าและเจริญสมาธิจิต กระทำสัตยาธิษฐานให้ทรงหายประชวรก็ทรงหายประชวรในพลัน เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง

    เรื่องที่สามเมื่อ 3 ปีก่อน สมเด็จพระสังฆราชทรงประชวร มีพระอาการมากจนเป็นที่คาดหมายว่าอาจถึงสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชว่าอย่าเพิ่งดับขันธ์ ขอให้ทรงพระชนม์ต่อไปเพื่อช่วยพระองค์ท่านขณะนั้นสมเด็จพระสังฆราชแม้ทรงประชวรหนักแต่ยังทรงมีพระสติมั่นได้ยินกระแสพระราชดำรัสแล้ว ทรงพยักหน้ารับอาราธนา

    หลังจากนั้นทรงเจริญอิทธิบาทตามที่พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนพระอาการประชวรหนักก็คลายลง จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เป็นที่อัศจรรย์เป็นเหตุการณ์อย่างเดียวกันกับเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้แพทย์หลวงไปอาราธนาเจ้าคุณพุทธทาสเมื่อครั้งที่ป่วยหนักมีอาการหัวใจวาย เส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันสูงถึง 300 และน้ำท่วมปอดท่านเจ้าคุณพุทธทาสรับอาราธนาแล้วก็เจริญอิทธิบาทกำจัดอาการป่วยจนหายเป็นปกติมาหลายปี กระทั่งประกาศปลงอายุสังขารและดับขันธ์ในวันที่ 27 พฤษภาคม ปีถัดมา (ดับขันธ์ในวันที่ 27 พฤษภาคมแต่ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์จึงยังทำให้หัวใจเต้นได้ต่อมาอีกหลายวัน)

    ขอสาธุชนทั้งหลายที่ได้ทราบพระคุณอันประเสริฐของพระองค์ท่านจงพร้อมเพรียงกันน้อมนำเอาพระคุณนั้นมาประพฤติปฏิบัติดังที่เห็นประจักษ์ชัดในพยานหลักฐานที่มีตัวตนแห่งการตรัสรู้ของพระบรมศาสดาเพื่อความสุข ความเจริญ ถ้วนทั่วกันเทอญ.


    -------------------------------------------------------------------------
    ขอขอบคุณ
    http://www.watpa.dk/index.php?option=com_content&view=article&id=131:2009-10-01-11-09-36&catid=39:chumnan
     
  2. SomeOneLoveYou

    SomeOneLoveYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +450
    ขอน้อมกราบ องค์สมเด็จพระสังฆราชครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...