สมเด็จพระพุทธชินวงศ์"มรณภาพแล้ว

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr><td class="cattitle">สมเด็จพระพุทธชินวงศ์"มรณภาพแล้ว</td> <td class="itemsubsub">
</td></tr></tbody></table>



สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดมกุฏฯ และอดีตอธิการบดี มมร.มรณภาพด้วยวัย 81 ปี หลังเข้ารักษาตัวที่รพ.ศิริราช เกิดภาวะปอด-กระแสเลือดติดเชื้อรุนแรง แพทย์ระบุ อาพาธหลายโรคทั้งหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไต และเบาหวาน เผย สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นพระที่จบปริญญาเอกจากอินเดียด้วยวัย 60 ปี และเป็นผู้มีคุณทางการศึกษาของสงฆ์ จัดตั้งโรงเรียนหลายแห่งให้สามเณร-พระภิกษุได้ร่ำเรียนพระพุทธศาสนา

ที่ตึกอัษฎางค์ ชั้น 3 ห้องซีซียู โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม อายุ 81 ปี 60 พรรษา ได้มรณภาพลงอย่างสงบในเวลา 07.50 น. ของวันเดียวกัน ด้วยอาการไตวายเรื้อรัง เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจตีบ ปอดอักเสบ และติดเชื้อในกระแสโลหิต โดยพระมหาสิทธิพร พระลูกศิษย์ เปิดเผยว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้เข้ารับการรักษาตัว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 50 ด้วยการรักษาโรคหัวใจ หลังจากที่ท่านได้ป่วยเป็นเบาหวาน และโรคไต ซึ่งแพทย์ได้รักษามาตลอดจนในช่วงหลังปีใหม่มีอาการปอดติดเชื้อในกระแสโลหิตรุนแรงจนมรณภาพในที่สุด โดยก่อน มรณภาพท่านให้นำศพไปตั้งที่วัดชูจิตธรรมาราม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้สร้างไว้ปี 2516

นพ.ธีระวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.ศิริราช เปิดเผยว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อาพาธหลายโรค อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไต เบาหวาน โดยท่านได้เข้ารับการฟอกไตมาตลอด กระทั่งอาการของท่านได้ทรุดหนักลง จึงพบอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต ทางแพทย์ผู้ทำการรักษา จึงได้พยายามรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว ท่านจึงได้มรณภาพลงอย่างสงบในที่สุด

ทั้งนี้ในการเคลื่อนย้ายศพไปที่แผนกนิติเวช เพื่อทำการฉีดยา แล้วก็ได้นำศพมาตั้งไว้ ศาลาที่รับศพ เพื่อเปิดโอกาสให้ศิษยานุศิษย์และญาติโยม กว่า 30 คน ได้ทำการรดน้ำศพ โดยมี นพ.ธีระวัฒน์ เป็นประธาน ก่อนจะทำการเคลื่อนย้ายศพ ไปที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ที่กุฏิเจ้าอาวาส โดยในวันที่ 4 ม.ค. เวลา 17.00 น. จะมีพิธีสรงน้ำหลวงอาบศพ และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 100 วัน ที่ศาลา 13 (ศาลาท่านผู้หญิงตุ่น)

พระพรหมมุนี รักษาการเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม กล่าวว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ในอดีตเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มมร.) และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) โดยประวัติของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ มีนามเดิมว่า ประจวบ เนียมหอม เกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2469 ที่หมู่บ้านโรงจีน อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2480 ที่วัดเหนือบางแพ จ.ราชบุรี ในปี 2483 ได้เข้ามาศึกษาในกรุงเทพฯ มาอยู่กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายีมหาเถระ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระเทพเวที ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม

พระพรหมมุนี กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อท่านอายุ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถวัดมกุฏกษัตริยาราม มีพระสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ เป็นพระอุปัชฌายะ โดยได้รับฉายาว่า “กนฺตาจาโร” ต่อจากนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม 5 ประโยค ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช ในปี 2491 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขา ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศ.บ.) ในปี 2499 และได้ไปศึกษาต่อชั้นปริญญาโท และปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาในปี 2514 โดยในปี 2517 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม

พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมมร. กล่าวว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้สร้างผลงานให้แก่คณะสงฆ์อย่างมากมายโดยเฉพาะด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ ท่านได้สร้างโรงเรียนมหา วชิราลงกรณราชวิทยาลัย ขึ้นที่วัดชูจิตธรรมาราม เพื่อให้พระ เณร เข้ามาศึกษา และเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ชุดแรกที่ทางคณะสงฆ์อนุญาตให้เดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ และท่านยังถือเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปแรก และรูปเดียวในปัจจุบันที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอก โดยจบสาขาปรัชญา จากมหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย และเคยบอกกับลูกศิษย์ว่าการที่ท่านอายุ 60 ปี แล้วจบปริญญาเอก เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีอายุมากแค่ไหนก็ยังเรียนได้.