สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย ( เล่าโดยพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน )

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 23 ตุลาคม 2018.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    16998235_377940202580694_7196041923225879281_n-jpg.jpg

    สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย


    พระอาจารย์เล่าเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยว่า "#สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้อีกประมาณล้านปีข้างหน้า พวกเราจะอยู่กันถึงหรือเปล่า ? พระองค์ทรงมีพระวรกายสูง ๘๘ ศอก #เป็นศอกของพระองค์ท่านด้วยนะไม่ใช่ศอกของเรา พระองค์ท่านมีภารกิจอย่างหนึ่งก็คือ #ต้องเอาสังขารของพระมหากัสสปะมาเผาในพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน เนื่องจากเวรกรรมที่เนื่องกันมาในอดีต

    ในอดีตพระศรีอาริยเมตไตรยเป็นควาญช้าง พระมหากัสสปะเป็นช้างทรงของพระเจ้าแผ่นดิน วันนั้นพระเจ้าแผ่นดินเสด็จประพาสอุทยาน อุทยานสมัยก่อนมีลักษณะเหมือนกับอุทยานแห่งชาติสมัยนี้ คือเป็นป่าส่วนพระองค์ของพระราชา ปรากฏว่าช้างทรงอยู่ ๆ ก็วิ่งเตลิด พระราชาหลบกิ่งไม้ใบหญ้าแทบไม่ทัน ท้ายสุดเห็นว่าอันตรายมาก ก็เลยคว้ากิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่เตี้ย โหนพระวรกายขึ้นไปอยู่ข้างบน จึงรอดไปได้

    พอกลับมาพระองค์พิโรธมาก ว่าควาญช้างฝึกช้างประสาอะไร ถึงได้เตลิดขนาดนั้น ตั้งใจจะลอบปลงพระชนม์หรืออย่างไร จะสั่งประหารชีวิต ควาญช้างกราบทูลว่า #ช้างทรงน่าจะได้กลิ่นช้างตัวเมีย ก็เลยเตลิดหายไป ไม่อย่างนั้นแล้วช้างทรงเชือกนี้สามารถบังคับได้ทุกอย่าง พระราชาไม่เชื่อ บอกว่าให้ทดสอบดู #ถ้าบังคับไม่ได้อย่างที่ว่าก็จะประหารเสีย

    ควาญช้างก็เลยต้องไปตามช้างทรงกลับมา ตอนนั้นช้างทรงเจอช้างตัวเมียพอใจแล้วก็ยอมกลับ กลับมาถึงพระเจ้าแผ่นดินก็สั่งว่า ไหนลองบังคับช้างให้ได้อย่างที่ปากพูดสิ #ควาญช้างก็เลยเอาแท่งเหล็กเผาจนแดง #แล้วบังคับให้ช้างเอางวงจับแท่งเหล็กนั้นขึ้นมา ช้างก็ยอมเอางวงจับแท่งเหล็กขึ้นมา แต่คราวนี้ด้วยความที่แท่งเหล็กร้อนจัด ช้างทนไม่ไหวก็เลยตาย

    พระราชาเห็นก็สลดพระทัยว่า โอหนอ...#ไฟราคะรุนแรงขนาดนี้เลยหรือ ? ขนาดช้างทรงที่เชื่องเชื่อขนาดนี้ ควาญช้างบังคับให้หยิบแท่งเหล็กแดง ๆ ยังกล้าหยิบได้ แต่ถึงเวลาแล้วกลับไม่ฟังการบังคับเลย #เตลิดไปหาช้างตัวเมียด้วยอำนาจของไฟราคะ เพราะเหตุนี้เมื่อช้างมาเกิดใหม่เป็นพระมหากัสสปะ พอพระมหากัสสปะมรณภาพก็ยังไม่สามารถที่จะเผาสังขารของตนเองได้ ลูกศิษย์ลูกหาจัดการไม่ได้ ต้องเก็บสังขารเอาไว้ก่อน #รอพระศรีอาริยเมตไตรยที่เป็นควาญช้างมาเกิดใหม่ แล้วเผาด้วยเตโชธาตุในฝ่าพระหัตถ์

    เรานึกดูว่าพระมหากัสสปะสูง ๘ ศอกของสมัยพุทธกาล กับ ๘๘ ศอกของพระศรีอาริยเมตไตรย #เทียบแล้วพระมหากัสสปะก็น่าจะประมาณถั่วสักเมล็ดในฝ่ามือเท่านั้น แล้วเผาด้วยเตโชธาตุ เตโชธาตุนี้อธิษฐานให้เผาแค่ไหนก็เผาแค่นั้น ถ้าตั้งใจจะเผาแต่เสื้อผ้า แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ไหม้ ท่านเองก็ไม่ร้อนอะไรหรอก #แต่ว่ากรรมเนื่องกันมาจึงต้องทำอย่างนั้น"

    "ถ้าใครต้องการจะไปเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย #พระองค์ท่านสั่งเอาไว้ว่า ให้ปฏิบัติในกรรมบถสิบเป็นปกติ แล้วตั้งใจไปเกิดในยุคของท่าน ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย #พระองค์ท่านเทศน์ทีเดียวก็ยกคณะไปพระนิพพานเลย แต่ว่ารอนานนะ เพราะว่าพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะสร้างบารมีมา ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป บริวารมีดี มีเลว มีสวยงาม มีอัปลักษณ์ มีรวย มีจน ปะปนกันไป

    ถ้าหากว่าเป็น พระพุทธเจ้าแบบศรัทธาธิกะ สร้างบารมี ๘ อสงไขยกับแสนมหากัป บริวารจะดีสวยรวยเสมอกันหมด เขตที่พระองค์ท่านประกาศศาสนา คนชั่วเข้าไม่ได้ #แต่ถ้าหากว่าเป็นพระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะแบบพระศรีอาริยเมตไตรย บริวารนอกจากดี สวย รวยเสมอกันหมดแล้ว โลกยุคนั้นคนชั่วเกิดไม่ได้เลย สรุปว่าที่สร้างบารมีแทบเป็นแทบตายก็คือทำเพื่อบริวาร ยอมเหนื่อยกว่าท่านอื่นเป็นเท่า ๆ ตัว

    อาตมานึกว่าแค่คนชั่วเข้ามาในเขตไม่ได้ก็ดีใจจะแย่แล้ว..ใช่ไหม ? นี่โลกยุคนั้นคนชั่วเกิดไม่ได้ เกิดเฉพาะคนดีที่เป็นบริวารท่าน แล้วเทศน์กันทีก็ยกคณะไปเลย ไม่ต้องเสียเวลามาฟังกันนาน

    สมัยอาตมาเด็ก ๆ ผู้ใหญ่เขาสอนให้ทำบุญแล้วอธิษฐานว่า ขอให้เกิดมาสวย ๆ ขอให้เกิดมารวย ๆ #ขอให้เกิดมาพบพระศรีอาริยเมตไตรย อาตมาก็ว่าตามเขามาตลอด กว่าจะรู้จักคำว่าพระนิพพาน ก็ตอนอายุ ๑๖ ปีแล้วได้มาเจอหลวงพ่อฤๅษี #พอเวลาท่านนำอธิษฐานจึงได้ขอให้ถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้

    อาตมาก็คิดว่า เอ..ลุงมัคคนายกแกอธิษฐานทีไร #ก็ขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ #ส่วนหลวงพ่อท่านเอาชาติปัจจุบันนี้แค่คิดดูเท่านั้น หลวงพ่อท่านก็อธิบายให้ฟังว่า ถ้าต้องการก็ชาตินี้ มัวแต่ไปรออนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น ชาติไหนไม่รู้ ลำบากอีกนาน มีใครเคยเจออนาคตกาลแบบอาตมามาบ้าง ? "ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ" ทำบุญเมื่อไรมัคคนายกก็นำอธิษฐานแบบนี้ทุกที"

    "จริง ๆ แล้วคำว่ามัคคทายกเรียกว่าทายกไม่ได้นะ ต้องเรียกนายก เพราะว่าคำเต็ม ๆ คือ #มัคคนายก นายกแปลว่าผู้นำ มัคคะแปลว่าหนทาง มัคคนายก คือ #ผู้นำทางในการทำความดี

    ถ้ามัคคทายก ทายกแปลว่า ผู้ให้ ผู้ให้ทาน (การสงเคราะห์แก่พระภิกษุสงฆ์) เขาเอามาปนกันระหว่างคำว่า มัคคนายกที่เป็นคำถูกต้อง + คำว่าทายก กลายเป็นมัคคทายก เป็นคำผิด ฉะนั้น..ที่ถูกต้อง คือ มัคคนายก"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...