สมเด็จพระเทพฯ ทรงประกอบพิธี เปิดพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 13 กันยายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG]
    สมเด็จ พระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี จะเสด็จฯ ทรงเป็น ประธาน ในพิธีเปิด พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ ณ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายนนี้ เวลา ๑๕.๓๐ น.

    อาคารพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ดู่ เป็นอาคาร คอนกรีต แบบเรือนไทย ประยุกต์ ภายใน อาคาร มีรูปเหมือน เท่าองค์จริง ของหลวงปู่ ดู่นั่งสมาธิ อยู่ตรงกลาง ในตู้ด้านข้าง มีเครื่องอัฐบริขาร ทุกอย่าง ที่หลวงปู่ เคยใช้ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้ง วัตถุมงคล รุ่นต่างๆ ที่ท่านได้เมตตาปลุกเสก ให้เป็นที่ระลึก แก่บรรดาศิษยานุศิษย์ ตั้งแต่รุ่นแรกถึงรุ่นสุดท้าย

    หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ มีนามเดิมว่า "ดู่" เกิดในสกุล "หนูสี" เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๔๗ ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๖ ปีมะโรง ซึ่งเป็น วันเพ็ญ วิสาขปุรณมี ที่บ้านคลอง ข้าวเม่า ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    ในเบื้องต้นท่านได้ศึกษา ที่วัดประดู่ทรงธรรม โดยอาศัยอยู่กับพระ ครั้นอายุ ครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบท โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสะแกมาตลอด

    เบื้องต้นของ การปฏิบัติธรรม ท่านได้ศึกษาจาก หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม โดยใช้คำภาวนาว่า "พุทโธ" นอกจากนี้ อาจารย์ของหลวงปู่ดู่ อีกท่านหนึ่งก็คือ หลวงพ่อเภา วัดพระญาติการาม ซึ่งมีศักดิ์ เป็น อาของท่าน ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ จากนั้น ท่านก็ได้ค้นคว้า ปฏิบัติทางจิตด้วยตนเอง ภายใต้ ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดมา

    ในทางปริยัติธรรม ท่านได้ศึกษา ตามสถานภาพของวัด จากตำรับตำราที่มีอยู่ จาก ชาดกบ้าง จากธรรม บทบ้าง ซึ่งท่าน มักยกเอาข้อธรรม ที่เป็นพระพุทธประวัติ ธรรมบท หรือชาดก มาเป็นตัวอย่างสั่งสอนศิษย์

    ในการอบรมสั่งสอน ท่านมักใช้ คำแนะนำสั้นๆ ง่ายๆ แต่มีความหมาย ลึกซึ้งในตัว โดยเล่า จากประสบการณ์ ปฏิบัติบ้าง จาก พุทธประวัติธรรมบท หรือชาดกต่างๆ

    ปฏิปทาของหลวงปู่ดู่ ที่เห็น ได้เด่นชัด คือ ท่านมีเมตตาต่อทุกๆ คน ไม่ว่าผู้ใด มาหาท่าน ท่านจะต้อนรับ ด้วยเมตตาจิตเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจ ในการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ท่านจะรัก และเมตตาเป็นพิเศษ

    ท่านเคยเล่าว่า เมื่อแรกเริ่ม ปฏิบัติธรรม ท่านอยากเด่น อยากดัง ยังไม่ใช่อยากดี วิชาหลายๆ อย่าง รวมทั้ง รอยสัก ที่ปรากฏ บนกายท่านนั้น ล้วนแต่เกิดขึ้นในช่วงที่อยากเด่นดังทั้งสิ้น

    ต่อมา ท่านได้พิจารณาเห็นว่า สิ่งเหล่านี้ มิใช่หนทาง พ้นทุกข์ เป็นบาป ไม่เป็นกุศล ท่านจึงเลิก และ ไม่ได้สนใจ อีกต่อไป แม้ว่า ท่านจะทำได้ เรียนสำเร็จ ท่าน ก็มิได้ใช้ วิชาเหล่านั้น ไปในทาง ที่เสื่อมเสียเลย คงมุ่งปฏิบัติธรรม เพื่อ ออกจากทุกข์ อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    [​IMG]
    หลวงปู่ดู่ ได้ละสังขาร ไปด้วยอาการอันสงบ ด้วยโรคหัวใจ ในกุฏิของท่าน เมื่อวันอังคารที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ สิริรวมอายุได้ ๘๕ ปี ๘ เดือน พรรษา ๖๕

    ตลอดชีวิตในสมณเพศ หลวงปู่ดู่ปฏิเสธ ที่จะ รับตำแหน่ง และสมณศักดิ์ใดๆ แม้ว่าท่าน จะมีความอาวุโส กว่าพระรูปอื่นๆ ก็ตาม ท่านจึง เป็นเพียง พระลูกวัดธรรมดา รูปหนึ่งเท่านั้นเอง

    นอกจากนี้ ท่านยัง ไม่รับกิจนิมนต์ นอกวัด ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ จนถึง วันละสังขาร รวมทั้งการฉันมื้อเดียว มาโดยตลอด แต่ภายหลัง ประมาณปี ๒๕๒๕ เหล่าศิษยานุศิษย์ ได้กราบ ขอร้องให้ท่านฉัน ๒ มื้อ เนื่องจาก ความชราภาพ และมีภารกิจ ในการต้อนรับญาติโยมมากขึ้น ท่านจึง ได้ผ่อนปรน ตาม ความเหมาะ ความควรแห่งอัตภาพ

    หลวงปู่มิได้ตั้งตนเป็นพระเกจิอาจารย์ แต่ท่าน ก็ไม่ปฏิเสธเมื่อมีลูกศิษย์ขออนุญาตสร้างพระเครื่อง วัตถุมงคล เพราะ ท่านเห็นว่า ศิษย์บางคนยังขาด ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ หลายคน ต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านจึงพูดอยู่เสมอว่า "ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่า ติดวัตถุอัปมงคล"

    วัตถุมงคลที่หลวงปู่ดู่เมตตาปลุกเสก ให้บรรดาศิษยานุศิษย์ที่โด่งดังมากเป็นพิเศษก็คือ พระเหนือพรหม เป็น รูปพระพรหม ๔ หน้า ที่มีองค์พระพุทธเจ้าอยู่เหนือเศียร ซึ่งเป็น พระเนื้อผงพุทธคุณ บางรุ่นก็สร้างเป็นรูปเหรียญ นอกจากนี้ วัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่ง ที่โด่งดังมากก็คือ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เนื่องเพราะ หลวงปู่ดู่ท่านมีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสองค์หลวงพ่อทวดมาก

    ที่มา :www.komchadluek.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2005

แชร์หน้านี้

Loading...