สวดมนต์ทุกวัน แต่ไม่มีพระพุทธรูปเป็นประธาน

ผมเริ่มมาสนใจหลักธรรมะได้ไม่นานครับ ยังใหม่กับการปฏิบัติธรรม ผมจึงมีคำถามมาสอบถามทุกท่านครับ ก็คือ...

ตอนนี้ ผมสวดมนต์ทุกวัน ตอนเช้าและก่อนนอน แต่ที่ห้องผมไม่มีพระพุทธรูปเป็นประธานเลย ผมอยากทราบว่า ควรจะมีพระพุทธรูปไหมครับ เอาไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า

ปล. ผมเคยอ่านกระทู้อันหนึ่ง เค้าบอกว่า ถ้าจะบูชาพระพุทธรูป ควรจะมีห้องพระแยกต่างหาก แต่ของผม ผมอยู่หอ เป็นห้องเดี่ยว อยากทราบว่า จะเอาพระพุทธรูปไว้ในห้องได้ไหมครับ จะดูไม่ดีเปล่า เช่น ถ้าเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง แล้วก็มีพระพุทธรูปอยู่ด้วย

แต่ในใจของผม ผมอยากมีพระพุทธรูปครับ ไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่ก็ติดขัดตามที่ผมได้บอกไปนั่นแหระ

ผมควรจะทำอย่างไรดี ????

ผมขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความคิดเห็นครับ

 

โมทนาสาธุบุญครับ สาธุ สาธุ
รอสักนิดหนึ่ง เดี๋ยวจะมีผู้รู้เข้ามาให้ความรู้เอง
จะได้ให้ท่านอื่นๆ ที่สงสัยทราบด้วย สาธุ สาธุ

ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัย โปรดนำส่งบุญทั้งหมด
ที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว จงสำเร็จแด่เทพเทวดา
ประจำอาชีพ ประจำบ้านเรือนข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ

 

สาธุอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ตอนแรกที่ดิฉันเริ่มปฎิบัติใหม่ๆก็ไม่มีพระพุทธรูปเป็นประธาน ก็ไปเที่ยวหารูปภาพองค์สมเด็จพระพุทธเจ้ามาติดผนังแล้วก็กราบไหว้แทนค่ะ จริงๆแล้วความศรัทธาอยู่ที่ใจนะค่ะ ถ้าเราเจตนาดีระลึกถึงพระองค์ท่าน เราก็เหมือนกราบไหว้ท่านเพราะเราสามารถนึกเห็นภาพท่านได้ในใจของเราค่ะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะค่ะ

 

ตอนนี้ ผมสวดมนต์ทุกวัน ตอนเช้าและก่อนนอน แต่ที่ห้องผมไม่มีพระพุทธรูปเป็นประธานเลย ผมอยากทราบว่า ควรจะมีพระพุทธรูปไหมครับ เอาไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า

ตอบ ควรมีครับ เพื่อเป็น พุทธานุสติ มองพระพุทธองค์แล้วรู้สึกมีความสุขใจครับ

ผมอยู่หอ เป็นห้องเดี่ยว อยากทราบว่า จะเอาพระพุทธรูปไว้ในห้องได้ไหมครับ จะดูไม่ดีเปล่า เช่น ถ้าเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง แล้วก็มีพระพุทธรูปอยู่ด้วย

ตอบ มีรูปพระพุทธองค์ได้ครับ เปลี่ยนผ้าไม่ได้ทำอาการอนาจาร ไม่มีปัญหาครับ

และอย่าเอารูปท่านอยู่ปลายเท้า เวลาเรานอนนะครับ

 

โปรดกรุณา อ่านช้าๆ และ อ่านให้หมด
และ คิดพิจารณาไตร่ตรองตามด้วย


คุณของการสวดมนต์คือ สวดแล้วรู้เรื่อง - รู้ความหมาย -
ปฏิบัติได้ถูกต้องตามที่สวดนั้น - และสวดด้วยจิตใจอิ่มเย็นโอบอ้อมอารี
เพราะมนต์ทั้งหมดในพระพุทธศาสนาคือคำสอนแม้จะเป็นคำสรรเสริญก็ืคือคำสอน
ถ้าจะสวดเป็นบาลีก็ต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์ของภาษาบาลีด้วย
( แต่ต้องเป็นมนต์ที่พระพุทธเจ้าพาทำมาและสอนไว้)


โทษของสวดมนต์คือ สวดแบบไม่รู้เรื่อง - ไม่รู้ความหมาย - ทำไม่ถูกตามที่สวด -
สวดเพื่อให้ขลัง - อ้อนวอน - สวดเสก - เป่าให้ผู้อื่นฉิบหาย หรือ
สวดแล้วรู้เรื่องและเข้าใจอย่างดีแต่ไม่ทำตาม เช่น พระสวดพระวินัยทุุกๆ 15 วันแต่ก็ทำผิดพระวินัยมากมาย
และโยมสวดประกาศปฏิญาณตนมอบกายถวายชีวิตนับถือ พุทธ - ธรรม - สงฆ์ เป็นที่พึ่ง แต่ไม่กระทำตามนั้น
ยังไปนับถือสิ่งอื่นเพิ่มอีกเช่น ผี - เทวดา - เครื่องรางของขลัง ฯลฯ


เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมผิดต่อคำสวดที่ตนเองสวดคำพุทธเจ้าสอนอยู่
และโทษย่อมเกิดขึ้นกับตนผู้ไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาให้ดี




สำหรับผู้ชอบสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ถ้าไม่รู้เรื่องคือไม่ได้แปล เมื่อไม่แปลก็ไม่เข้าใจความหมาย
เมื่อไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ ถึงแม้จะมีสติกำกับอยู่อย่างดี แต่สตินั้นก็เป็น มิจฉาสติ
แม้กระทั่งมีความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติอยู่ด้วย ก็ยังเป็นความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติที่ผิด

สตินั้นมีอยู่ของมันทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าไประลึกผิด ก็เป็นสติที่ผิด
ทุกอย่างต้องเข้าใจชัดเจนถูกต้อง จึงจะเป็นสัมมาสติ จึงจะเป็นสติที่ถูกในความหมายของพระพุทธศาสนา

พุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเรียนธรรม - วินัยของพระองค์ ต้องเรียนด้วยภาษาที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้
ถ้าหากเรียนธรรม - วินัยด้วยภาษาที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ
พุทธเจ้าตำหนิเอาไว้แล้วว่าเป็นการ " ปฏิบัติผิด "
การปฏิบัติผิดนี่ต้องได้บาป
ต้องไปรับโทษในนรก - เปรต - สัตว์เดรัจฉาน
เมื่อได้หมุนวนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็เป็นมนุษย์ที่มีสติ - ปัญญาไม่ดี
เรียนรู้อะไรก็เข้าใจยากมาก เงอะงะๆ เซ่อๆซึมๆ สาเหตุก็เพราะได้สร้างความงงงวย - งมงาย - ไม่รู้เรื่อง
เหยียบย่ำตัวเองเอาไว้แล้วเรียบร้อยในคราวนี้ด้วยการสวดมนต์คือคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ


คำสั่งพระพุทธเจ้าให้กล่าวธรรม – วินัย ด้วยภาษาที่เข้าใจ เล่ม 23 หน้า 329


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอรณวิภังค์นั้น การปรักปรำภาษาชนบทและการล่วงเลยคำพูดสามัญ
นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด


เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงยังมีกิเลสต้องรณรงค์ แต่การไม่ปรักปรำภาษาชนบท และการไม่ล่วงเลยคำพูดสามัญ
นี้เป็นธรรมไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติชอบ
เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงไม่มีกิเลสต้องรณรงค์

คำสอนจากวัดป่าสามแยก
ขออ่านเรื่องการสวดมนต์ตามลิงค์นี้ครับ
http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=589.0
เรื่องพระพุทธรูปตามนี้ครับ
http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=210.msg2930#msg2930
ส่วนเรื่องอื่นๆที่เราเข้าใจผิดและน่าศึกษาอย่างมากตามนี้ครับ
http://www.samyaek.com/​

 

5555+

คุณparanyu ครับ

ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ก็คือ คุณตอบคำถามตรงกันข้ามกับผม ใช่ไหมครับ

 

ตอบคุณ เฮียปอ

ใช่ครับ.........ไม่เห็นด้วยครับ
ตามลิงค์ที่ให้ไปศึกษาเรปของบนเลยครับ

 

เรื่องพระพุทธรูปนี่ผมเห็นตรงข้ามครับ

 

<TABLE class=tborder id=post8211 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">05-11-2004, 09:53 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>มงคล<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8211", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งล่าสุด: 24-11-2004 08:21 PM
วันที่สมัคร: Oct 2004
ข้อความ: 62
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 535 ครั้ง ใน 60 โพส
พลังการให้คะแนน: 96


</TD><TD class=alt1 id=td_post_8211 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ตั้งหิ้งพระในห้องนอน
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผู้ถาม
อยากเรียนถามหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าลูกมีความจำเป็น จึงต้องทำหิ้งพระไว้ในห้องนอน แต่มี คนบอกว่า การที่ทำหิ้งพระไว้ในห้องนอนจะมีบาปมีกรรม เพราะเวลาผัดหน้าแต่งหน้าหรือนอน ทำให้พระพุทธรูปกำลังใจเสีย ทีนี้จะย้ายไปก็ไม่สะดวก จะทำจิตทำใจอย่างไร...เมื่อมีความจำเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ?


หลวงพ่อ
ปัดโธ....เอ๋ย! ท่านมีเนื้อท่านยังไม่เสียเลย ดี....เป็นมงคลให_่ ไม่เป็นไร ทำตามปกติ พระพุทธเจ้าท่านว่าใครล่ะ ดิ้นเป็นเรอะ พระพุทธเจ้าดิ้นเป็นสงฆ์ไม่เหลือแล้ว....ดี พะอยู่ในห้องนอนน่ะดี เห็นทุกวัน ตื่นขึ้นมาก็มองเห็น ไปทำงานก็มองเห็น จิตเป็น [b[พุทธานุสสติ[/b] อันนี้มันลงนรกไม่ได้อยู่แล้ว จะแต่งเนื้อแต่งตัว แก้ผ้าอย่างไรก็ตามเถอะ นิมนต์พระดูก็ได้...นานๆ ที


จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปั__าธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 8

http://www.praruttanatri.com/member/htm/thp.html
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://palungjit.org/showthread.php?p=8211

 

สวดไปเถอะครับมนต์น่ะ ไม่รู้ความหมายก็สวดไปเถอะ บางบทมันแปลไม่ได้หรอก เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ จะแปลยังไงครับ เหมือนท่องอาขยาน เป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่มันก็ยังติดหัว ติดใจ ติดหูเรา แม้ไม่รู้ความหมายก็ยังได้เป็นอนุสสติดีเยี่ยมครับ ส่วนพระไว้ในห้องได้ครับ หรือเอาแค่ภาพก็ยังเป็นมงคล ไว้ในที่สมควรนะครับ

 

บรรพชนทั้งหลายที่นับถือพระพุทธศาสนาล้วนแต่สวดมนต์กันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้ที่สวดแล้วเข้าใจรู้ความหมายของคำสวดนั้นมีน้อยและต้องเป็นผู้ที่ผ่านการบวชเป็นมหาเปรียญกันทั้งนั้นซึ่งโดยมาเป็นผู้ชาย แต่กับบรรพชนที่เป็นสตรีไม่ได้รับการศึกษาสูงๆอย่างสมัยนี้ก็ล้วนสวดมนต์กันทั้งสิ้นและเชื่อได้เลยว่า ๘๐- ๙๐ % ส่วนใหญ่ท่านเหล่านั้นไม่รู้ความหมายของบทสวดมนต์ แต่ท่านเหล่านั้นอาศัยใจที่มีศรัทธาเลื่อมใสว่าเป็นพระธรรมคำสอนเป็นพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า ดังนั้นเวลาสวดท่านจึงตั้งใจมุ่งตรงน้อบน้อมใจถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นหลักว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ไม่เห็นท่านทั้งหลายเหล่านั้นมาวิพากย์วิจารณ์กันว่า สวดแล้วไม่รู้ความหมายว่าเป็นสิ่งที่ผิดแต่ประการใด ท่านมุ่งระลึกถึงผลกุศลอันได้จากศรัทธาต่างหาก การไปโทษหรือบอกว่าสวดแล้วไม่รู้ความหมายเป็นสิ่งที่ผิดเท่ากับเป็นการทำลายศรัทธาของผู้เลื่อมใสย่อมเป็นโทษ ควรพิจารณาให้ดี อีกอย่างการสวดมนต์แปลพึ่งจะเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ นี่เองเพราะเป็นพระราชประสงค์ต้องการให้ประชาชนทั่วไปรู้ความหมายของบทสวดและพระธรรมคำสอนจึงมีการแปลพระไตรปิฎกเกิดขึ้น ดังนั้นการที่จะบอกว่าสิ่งที่บรรพชนทำมาตั้งแต่เมื่อครั้งโบราณกาลก่อนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นเป็นภัยอย่างยิ่ง

ผมเองก็เชื่อว่าถึงแม้ว่าไม่รู้คำแปลแต่ใจระลึกถึงพระเวลาสวดย่อมเป็น พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ ล้วนเป็นกุศลอย่ายิ่ง การจะมีพระพุทธรูปหรือไม่มีพระพุทธรูปก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสวดมนต์แต่อย่างใด เพราะใจระลึกถึงแล้วว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ดีกว่าพวกที่มีพระห้อยคอแต่ยกแก้วเหล้าข้ามเศียรของท่าน หรือพาท่านไปทำชั่วผิดศีล เบียดเบียนคนอื่น หรือคนที่รู้ธรรมแต่ยกธรรมนั้นข่มคนอื่น ย่อมน่ารังเกียจกว่าเสียอีก

 

โอ้ว เยี่ยมมากครับ ขอบคุณทุกๆคำตอบนะครับ
งั้น ผมจะไปเช่าพระพุทธรูปดีกว่า จะลองไปวัดบวรฯครับ

 

หลายคนคงเคยได้ฟังเรื่องค้างคาวที่ฟังพระธุดงค์สวดมนต์ในถ้ำนะครับ
ค้างคาวได้ยินเสียงเพราะสวดมนต์ก็ฟัง ถึงฟังไม่รู้เรื่องก็เหอะ ฟังไปเพลินๆ
เผลอปล่อยเท้าตกลงมาตาย ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนดาวดึงส์ทั้ง 500 ตัว
ถึงไม่รู้เรื่องแต่ก็ได้บุญถ้าใจเราระลึก พระรัตนตรัย

คนคริสต์ ถามหลวงพ่อ จรััล ว่าจะสวดมนต์ให้ลูกชายแต่บอกว่าไม่นับถือพระจะสวด
จะสวดได้หรือ หลวงพ่อตอบว่า ที่นอนนั่นแหละสวดไปก่อน
แสดงว่าไม่มีพระก็สวดได้ สวดในห้องนอนที่ไหนก็ได้ พระอยู่ในใจครับ

อนุโมทนาครับ

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านให้ความสำคัญที่จิต
จิตเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าหากไม่สบายใจก็เป็นอกุศล ถ้าไว้แล้วรู้สึกดีก็เป็นกุศล
การรู้มากจะยากนาน เมื่อรู้คำแปลก็อาจสงสัยอีกว่าจริงหรือไม่
ตรงข้ามถ้ารู้ความหมายแล้วไม่สงสัยศรัทธาก็จะหยั่งลึก เพราะรู้ลึก
พระอัครสาวกทั้งสองบรรลุธรรมช้ากว่าพรรคพวกของตน แต่เมื่อบรรลุแล้วท่านยิ่งใหญ่สามารถสอนได้ มีบารมีสูงกว่า

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านให้ความสำคัญที่จิต
จิตเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าหากไม่สบายใจก็เป็นอกุศล ถ้าไว้แล้วรู้สึกดีก็เป็นกุศล
การรู้มากจะยากนาน เมื่อรู้คำแปลก็อาจสงสัยอีกว่าจริงหรือไม่
ตรงข้ามถ้ารู้ความหมายแล้วไม่สงสัยศรัทธาก็จะหยั่งลึก เพราะรู้ลึก
พระอัครสาวกทั้งสองบรรลุธรรมช้ากว่าพรรคพวกของตน แต่เมื่อบรรลุแล้วท่านยิ่งใหญ่สามารถสอนได้ มีบารมีสูงกว่า

 

ไม่ทราบว่าผู้ที่มาออกความเห็นนี่คลิ๊กไปที่ลิงค์ที่ผมแนะนำหรือเปล่า

และข้อความที่ผมพิมพ์ข้างบนเป็นข้อความที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ในวินัยอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ว่าความเห็น,คำสอนของหลวงปู่ หลวงพ่อองค์ใดก็ไม่สามารถหักล้างคำสอนของพระพุทธองค์ได้หรอกครับ
พระอรหันต์ที่ศึกษาน้อย.......ทำให้ผู้เกี่ยวข้องบาปมาก
http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=214.msg2962#msg2962
ถึงแม้ท่านจะเป็นพระอรหันต์ก็เข้าใจผิดได้..........สอนผิดได้ครับ

 

ถ้าหากไม่สบายใจก็เป็นอกุศล ถ้าไว้แล้วรู้สึกดีก็เป็นกุศล(ความเห็นของคุณข้างบน)

แล้วผู้ติดยาเสพติดพอได้เสพหรือได้ครอบครองแล้วรู้สึกดี........จิตของเขาจะเป็นกุศลหรือเปล่าครับ
ตามความรู้สึกที่เราคิดว่าดีหรือความรู้สึกที่เราคิดว่าถูกต้อง......สู้ความถูกต้องที่แท้จริงไม่ได้หรอกครับ และผู้ที่มีความรู้ที่มากและถูกต้องที่สุดคือพระพุทธเจ้า
ความรู้ของหลวงปู่ หลวงพ่อ หรือความรู้ของเราไม่สามารถคัดค้านหรือขัดแย้งกับความรู้ที่ถูกต้องของพระพุทธองค์ได้หรอกครับ

 

ทําต่อไปครับคุณเจ้าของกระทู้ครับ อยู่เมืองไทยหาพระพุทธรูปได้ง่ายก็ควรหามีใว้ครับ
ผมอยู่อเมริกา หายาก ผมยังหาเจอเลยครับ เอาใว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
เมื่อมองเห็นท่าน จะได้ทั้งพุทธานุสติด้วยครับ เมื่อเรามองพระพุทธรูป
นึกถึงพระพุทธเจ้า ตรงนี้อย่างน้อยสุด ก็ได้ไปสวรรค์กันครับ
เห็นบ่อยๆนึกถึงบ่อยๆจนเป็นประจํา(ฌาน) ก็ได้เป็นพรหม
ต่อมาปฏิบัติตามคําสอนโดยระเอียด ก็ไปนิพพาน

ส่วนการสวดมนต์ ถึงจะยังไม่เข้าใจพระบาลี ก็สวดเถอะครับ
ทุกบท พระบูรพาจารย์ ท่านทําใว้ให้เราสวด เนื้อความในบทสวด
ล้วนเป็นคําเถิดทูลบูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยะสงฆ์
สวดมนต์เป็นบุญเป็นกุศลใหญ่ เพราะขณะสวด เราถึงพร้อมด้วยการกระทํา
คือ..กาย วาจา ใจ

ขอยกตัวอย่างในอดีต สัตว์เดรฉานเช่นงูเหลือมได้ฟังเสียงพระสวดพระอภิธรรม
สัตว์ย่อมไม่เข้าใจภาษา แต่ขณะฟังพระสวด เกิดใจขาดตายเพราะความแก่ชรา
ในขณะตายจิตงูเหลือมจับอยู่ที่เสียงสวด
ส่งผลให้งูเหลือมได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก
ยังมีตัวอย่างอีกมากมาย แต่ตอนนี้จะขอยกมาแค่นี้ เพราะกลัวจะเฝือครับ ^_^

ปฏิบัติธรรมควรไปตามขั้นตอนครับยังไงผมขอเป็นกําลังใจนะครับ

คุณพระรักษาครับ

 

ความตั้งใจที่ดี คุณความดีต่าง ๆ ทำไปเถอะครับ
รับรองว่า ท่านจะได้พบกับสิ่งที่ดี ๆ
ขออนุโมทนา สาธุ...

 

ไม่ทราบว่าพี่ๆเพื่อนๆอ่านข้อความทุกข้อความในลิงค์ที่แนะนำหรือยังครับ........