เรื่องเด่น สวดมนต์ “อย่างไร ” ให้ได้ผลและปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในชีวิต

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 19 สิงหาคม 2018.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    สวดมนต์ “อย่างไร ” ให้ได้ผลและปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในชีวิต

    kd100-850x491.jpg
    ด้วยอานิสงส์แห่งการสวดมนต์และการได้อัญเชิญพรหมเทพเทวา เจ้ากรรมนายเวร

    ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายให้มาร่วมสวดหรือให้มาร่วมอนุโมทนาฟังธรรมจากพระพุทธองค์นั้น

    หรือชักชวนผู้อื่นร่วมสวดหรือได้ร่วมจัดพิมพ์บทสวดมนต์เพื่อเป็นธรรมทานเป็นมหาบุญกุศลที่ทำจะช่วยดลบันดาลให้บังเกิดโภคทรัพย์ เกิดปัญญา พาหลุดพ้นเวรกรรมบางกรรม

    เพราะบุญใหญ่นี้จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรมได้ง่ายและถอนตัวจากอุปสรรคทั้งปวงรวมถึงโรคเวรโรคกรรมทั้งปวง

    ชีวิตครอบครัวจะพบแต่ความสุข ความเจริญ การขัดแย้งใดๆ จะยุติลง ลูกหลานจะเป็นคนดี กิจการการค้าไหลรื่น เงินไหลนองทองไหลมา การงานที่เคยติดขัดจะคล่องตัวสะดวกขึ้น บรรพบุรุษจะได้อานิสงส์บุญมากนำไปสู่ภพภูมิที่ดี

    ท่านใดได้สวดมนต์ สร้างทาน รักษาศีล ภาวานาเป็นประจำชีวิตจะมีแต่ความสุข ความอุดมสมบูรณ์ เป็นมหามงคล มั่งคั่ง รุ่งเรืองตลอดกาลนานไปทุกภพทุกชาติ

    ครูบาอาจารย์ท่านย้ำว่า การสวดมนต์จนสามารถเปลี่ยนชีวิตได้อย่างฉับพลันนั้น ทำได้จริงแต่ต้องรู้วิธีที่ทำให้เกิดขึ้นด้วยและลงมือปฏิบัติจริงและการเผยแพร่บทสวดมนต์เป็นธรรมทานนั้นได้อานิสงส์สูงมาก

    ขั้นตอนที่ ๑ สร้างบุญด้วยการทำสมาธิก่อนสวด

    การสมาธิเจริญภาวนานั้น ถือเป็นมหาบุญกุศลที่ใหญ่ที่สุดเหนือกว่าทาน เหนือกว่าศีล เป็นการรวมจิตและ ชำระจิตให้สะอาด เหมือนภาชนะที่พร้อมจะรองรับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

    ก่อนที่จะสวดเมื่ออยู่ในท่าที่สบายๆ แล้วให้กราบ 3 ครั้ง กราบครั้งที่หนึ่งให้จิตเราน้อมลงระลึกพระมหาบุญบารมีของพระพุทธเจ้า กราบครั้งที่สองระลึกถึง พระธรรมเจ้า กราบครั้งที่สามระลึกถึงพระสังฆเจ้า นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระรัตนตรัยทั้งสาม ที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพบทางสว่าง วิธีดับทุกข์ทั้งปวง

    หลังจากนั้นให้นั่งสมาธิสักครู่ พยายามให้จิตระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปที่เรานับถือระลึกได้ในขณะนั่งสมาธิ

    248971.jpg

    ขั้นตอนที่สอง น้อมถวายบุญตั้งจิตอธิษฐาน

    หลังจากทำสมาธิแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญในการทำสมาธินี้และรวมบุญทั้งหมดที่เคยทำนั้น น้อมถวายพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า โมทนาพระคุณความดีของครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นการเชื่อมบุญกันในอีกรูปแบบหนึ่ง ขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้สวดคนอื่นที่สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย เมื่อใดก็ตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราจะได้บุญเพิ่มทุกครั้ง

    11_126.jpg

    ขั้นตอนที่สาม สวดมนต์แบบสวดทั้งหัวใจและเข้าใจ

    ในเวลาที่เราเริ่มสวดมนต์ ควรเตรียมจิตให้มั่นคง อานิสงส์จะมากหรือน้อยนั้น อยู่ที่จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริงแค่ไหน และเวลาสวด สวดด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าสวดว่าเรื่อยเปื่อยไปไม่ได้ตั้งใจจิตไม่จดจ่อมีพลัง เป็นการสวดมากแต่อานิสงส์น้อย ควรเอาคุณภาพดีกว่าปริมาณ

    ขณะสวดวางสติให้จดจ่ออยู่กับการพิจารณาตัวอักขระ ให้รู้ว่าอักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังสวดนั้นคือตัวอะไร หากรู้คำแปลจะดีมากเพราะ การสวดมนต์โดยรู้คำแปลจะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ทำให้เกิดปัญญา แต่หากยังแปลไม่ออก ก็ไม่เป็นไร ให้สวดด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์อย่างสูงสุด

    ในการสวดมนต์นั้นขึ้นอยู่กับจิต หากจิตเรานิ่งจะสวดนานแค่ไหนก็ได้ หากครบทุกบทที่ตั้งใจก็จะดี บทสวดที่จะสวดนั้นให้พิจารณาว่า เราปรารถนาในเรื่องใดก็เลือกบทสวดนั้นโดยเฉพาะ อำนาจ วาสนา โชคลาภบารมี เจ็บป่วย แคล้วคลาด ฯลฯ

    แต่ถ้าจิตไม่นิ่งสับสน ขอให้หยุดพักจิตสักครู่แล้วสวดใหม่ได้ การฝึกจิตให้มีกำลังในการอดทนในการสวดมนต์ถือว่าเป็นเรื่องดี ควรอดทนทำ เหมือนกับคนเล่นกล้ามที่ยกตุ้มน้ำหนักบ่อย จากที่ใช้แบบมีน้ำหนักน้อยๆไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดใช้ตุ้มแบบหนักมากได้เพราะมีกำลังมากขึ้น

    ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนเสมอว่า หากจิตมีพลังสวดแค่หนึ่งพระคาถาหรือหนึ่งตัวอักษรก็เปลี่ยนชีวิตได้

    ขั้นตอนสุดท้าย สวดมนต์เสร็จควรทำสมาธิอีกครั้งและแผ่เมตตา

    เมื่อสวดมนต์เสร็จให้กลับมาทำสมาธิอีกครั้ง อาจจะนานกว่าในก่อนสวด อยู่ในสมาธิจนรู้สึกว่าจิตนิ่งดีแล้ว ในช่วงสุดท้ายก่อนอออกจากสมาธิ ขอให้เพิ่มบุญใหญ่ด้วยการพิจารณาเรื่องการเกิด แก่ เจ็บตาย อันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
    รู้ว่าเรามาจากดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุเมื่อถึงเวลาก็ต้องสูญสลายกลับคืนไปไม่มีเหลือ หรือให้จิตใคร่ครวญพิจารณาเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตที่กำลังก่อให้เกิดทุกข์ มองค้นหาถึงสาเหตุที่แท้จริงและการที่จะแก้ไขได้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ต้องดับไปไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ใจก็เป็นสุข ได้ถอดถอนจากกิเลส ลดความอยากได้ อยากมีออกไปในชีวิตได้ ในการพิจาณานี้ถือว่าเป็นการเจริญวิปัสสนา
    ซึ่งเป็นมหาบุญกุศลและมีประโยชน์มากในชีวิตของคนเรา การทำสมาธิในเบื้องต้นเพื่อให้จิตนั้นนิ่งมีกำลังเราเรียกว่า “สมถกรรมฐาน” หรือสมาธิภาวนา คือการฝึกจิตให้เกิดความสงบ ที่เราเรียกกันตามประสาชาวบ้านว่าการทำ “สมาธิ” แต่เมื่อนิ่งแล้วต้องเอาจิตนั้นมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์กับตัวเราเองเป็นการ “เจริญวิปัสสนากรรมฐาน”

    การเจริญวิปัสสนาเป็นการกระทำที่จะได้มหาบุญกุศลที่สุดและคลายวิบากกรรมได้ดีที่สุดด้วย เพราะเป็นการชำระจิตให้หมดกิเลสไม่ให้กรรมมาตามส่งผลอีก
    เมื่อได้ทำสมาธิจนสมควรแก่เวลาเมื่อจะออกจากสมาธิ ให้ทำใจให้อภัย ให้อโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร คนที่ทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สัตว์ก็ตาม เมื่อให้อโหสิกรรมเสร็จแล้ว ให้อธิษฐานและแผ่เมตตาตามที่เราปรารถนา

    ขอบุญรักษา


    ขอบคุณที่มา ธ.ธรรมรักษ์



    --------------------
    ขอบคุณที่มา
    http://www.คิดเป็น.com/2017/11/13/สวดมนต์อย่าง/
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa8.jpg
     
  3. ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ

    ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ 雪 (ひめみこ)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +292
    อนุโมทนาสาธุค่ะ



     

แชร์หน้านี้

Loading...