สวดมหาสันติงหลวงพิธีโบราณปัดเป่าเหตุร้าย

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 20 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    'สวดมหาสันติงหลวง'พิธีโบราณปัดเป่าเหตุร้าย

    สวดมหาสันติงหลวง พิธีโบราณปัดเป่าเหตุร้าย

    สกุณา ประยูรศุข



    [​IMG]

    เหตุบ้านการเมืองช่วงเวลานี้ยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะได้คณะรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไว้วางใจอะไรมากนักไม่ได้ เพราะยังคงมีอีกหลายส่วนที่รอการจัดการให้เข้ารูปเข้ารอย

    ประกอบกับปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้จัดพิธีสวดมนต์ "มหาสันติงหลวง" ขึ้น เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา

    ดูจากชื่อ "มหาสันติงหลวง" แล้ว อาจแปลกหู ไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนัก เพราะการสวดชนิดนี้เป็นการสวดมนต์ตามคัมภีร์โบราณ ใช้สวดเพื่อขับไล่เหตุร้ายทั้งปวง และช่วยให้เกิดความสงบสุข อีกทั้งเป็นมงคลกับพระราชา

    เหตุที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดพิธีนี้ขึ้น เนื่องจากเป็นการทำพิธีเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดังที่กล่าว อีกทั้งเพื่อให้ความยุ่งยากลำบากในบ้านเมืองมลายหายไป

    พิธีที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ เริ่มโดยพระสงฆ์จากวัดทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดลำปาง นครสวรรค์ และจังหวัดสงขลา จำนวน 60 รูป เดินทางมาพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ มีการบูชาพระรัตนตรัย บูชานพเคราะห์ เสร็จแล้วจึงเริ่มบทสวดมนต์มหาสันติงหลวง

    สำเนียงภาษาที่สวดฟังคล้ายสำเนียงพม่า เสียงกระหึ่มดังทั่วหอประชุมนั้นฟังดูขลัง และนิ่งสงบ จิตใจความรู้สึกของผู้ได้รับฟังนิ่งสงบ เยือกเย็น

    *ดร.สุรพล นิติไกรพจน์* อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกเล่าถึงบทสวดนี้ว่า พิธีสวดมนต์มหาสันติงหลวง ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องจากปี 2549 เป็นปีมหามงคลเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และได้มีพิธีเฉลิมฉลองเป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นโอกาสให้พสกนิกรสามารถดำเนินการเฉลิมฉลองและถวายพระราชกุศลได้จนถึงสิ้นปี ดังนั้น ธรรมศาสตร์จึงเห็นสมควรจัดพิธีนี้ขึ้น
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    "เพราะบทสวดนี้ปรากฏอยู่ในคัมภีร์โบราณในพระพุทธศาสนา น่าสนใจมาก เนื่องจากเป็นมนต์หรือบทสวดสำหรับระงับเหตุร้ายทั้งปวง เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความสงบ เป็นธรรมที่ขจัดสิ่งอันไม่พึงปรารถนาให้สิ้นไป และประการสำคัญเป็นธรรมที่เจริญชัยชนะแด่พระราชา โดยมีชื่อพระคัมภีร์ว่า *อุปปาตะสันติ* อันเป็นคัมภีร์สำหรับการสวดมนต์ที่เรียกว่า *มหาสันติงหลวง* ซึ่งแพร่หลายในนครเชียงใหม่ สมัยพระเจ้าติโลกราช เมื่อ 600 ปี มาแล้ว"

    อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายต่อว่า พิธีสวดที่จัดขึ้น ได้นิมนต์พระอาจารย์ *สมลักษณ์ คันธสาราภิวงศ์* และ พระสงฆ์ สามเณร ของวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง *พระอาจารย์มหาสมปอง* วัดมหาธาตุ รวมทั้งพระสงฆ์จากวัดราชผาติการาม วัดพิชัยญาติ และวัดหาดใหญ่สิตาราม จำนวนรวม 60 รูป เพื่อสวดพระพุทธมนต์มหาสันติงหลวง เพื่อเสริมพระบารมี และเป็นพลังของแผ่นดิน รวมทั้งสงบเคราะห์ร้ายและสงบเคราะห์กรรมทั้งหลาย

    ซึ่งเนื้อความในอุปปาตะสันติคาถานั้นสรุปได้ว่า เป็นธรรมเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระราชา เป็นธรรมที่กระทำความสงบอันยิ่งใหญ่ เป็นธรรมเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง เป็นเครื่องป้องกันอมนุษย์ และยักษ์

    เป็นธรรมให้พ้นจากความตายก่อนกำหนดเวลา เป็นธรรมย่ำยีกำลังของข้าศึก และเป็นธรรมนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงออกไป

    ด้าน *อาจารย์กมล ฉายาวัฒนะ* อาจารย์คณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าถึงคัมภีร์อุปปาตะสันติว่า เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย แต่งโดย พระมหามังคละสีละวังสะ พระเถระนักปราชญ์ชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง ในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.1985-2030) เป็นคาถาล้วน จำนวน 271 คาถา และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณ

    พระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้านพากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับสิ่งที่ร้ายให้กลายเป็นดี ด้วยในสมัยโบราณครั้งนั้น ในเมืองเชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกระทบกระเทือนกับความเป็นอยู่อย่างมาก

    พระมหาเถระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์ สามเณร และประชาชนพากันสวด และฟังการสวดอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

    ต่อมาคัมภีร์อุปปาตะสันติแพร่หลายเข้าไปในพม่า และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ขณะที่ในล้านนาไทยบ้านเมืองสงบสุขดีแล้วก็เพลาการสวดลงและเลือนหายไปจากความทรงจำในที่สุด

    จนกระทั่ง *ท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์* (เช้า ฐิตะปัญโญ ปธ.9) วัดมหาโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์ ได้ชำระคัมภีร์นี้เป็นภาษาบาลีอักษรไทย โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่า จากพระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระ อัครมหาบัณฑิตแห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง

    *การสวดมนต์มหาสันติงหลวงจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง*

    คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นบทสวดอย่างพิสดาร สรรเสริญพระนามและพระคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่จะมีต่อไปในอนาคต รวมตลอดไปถึงผู้ทรงคุณ ทรงอำนาจ ทรงฤทธิ์ เช่น เทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ นาค คนธรรพ์ ครุฑ อสูร เป็นต้น เพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ รวมทั้งการคุ้มครองให้พ้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ อันอาจบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ

    อาจารย์กมลบอกด้วยว่า เนื้อหาของคัมภีร์ เนื้อความที่แปลออกมาแล้วนั้น จะคล้ายๆ พระคาถาชินบัญชร แต่จะละเอียดลึกซึ้งกว่า เพราะเป็นการสวดสรรเสริญหมดทั้ง 3 โลก

    "เพราะฉะนั้นเขาจึงบอกว่าเมื่อสวดมหาสันติงหลวงแล้วจะขับไล่ความชั่วร้ายทั้งหลาย ความลำบากยุ่งยากทั้งปวงให้มันหมดไป ประสงค์สิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น คนฟังก็ได้ คนสวดก็ได้ สวดเฉยๆ เพื่อเป็นสิริมงคลก็ได้ หรือมีปัญหาแก้ไม่ตก สวดมนต์นี้ก็จะช่วยได้
    ก่อนจะสวดมีการบูชานพเคราะห์และเทพทั้งหลายในจักรวาลให้รู้ว่าจะมีการสวดมนต์นี้ แล้วจึงสวด สวดจบแล้วก็จบ ไม่มีปลุกเสก ไม่มีอะไรทั้งสิ้นมีแต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุขเป็นสิริมงคล"

    คัมภีร์นี้มีอานิสงส์ดังกล่าว ทั้งต่อผู้สวดและผู้ที่ได้ฟังอย่างมากมายมหาศาล นับเป็นบทสวดอย่างพิสดารที่หาฟังได้ยากยิ่งในปัจจุบัน สมควรหาฟังหรือสวดเพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต



    ที่มา:มติชน
    http://www.matichon.co.th/matichon/m...day=2006/10/20
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ประวัติคัมภีร์อุปปาตะสันติ



    [​IMG]

    "อุปปาตะสันติ" ทางเมืองเหนือเรียกว่า "มหาสันติงหลวง" แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบอันตราย สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเทือน

    อุปปาตะสันติแยกเป็น 2 คำ คือ อุปปาตะ และ สันติ

    อุปปาตะ แปลว่า เคราะห์กรรม เหตุร้าย อันตราย และสิ่งกระทบกระเทือน

    สันติ แปลว่า สงบ เมื่อรวมกันจึงได้ความหมายดังกล่าว

    คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย แต่งโดยพระมหามังคละสีละวังสะ พระเถระนักปราชญ์ชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง ในสมัยของพระเจ้าสิริธรรมจักกวัตติลกราชาธิราช หรือพระเจ้าติโลกราช รัชกาลที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย ระหว่าง พ.ศ.1985-2030

    เนื้อหาเป็นคาถาล้วน จำนวน 271 คาถา จัดเข้าในหนังสือประเภท "เชียงใหม่คันถะ" คือ คัมภีร์เชียงใหม่ มีอายุประมาณ 600 ปีมาแล้ว

    คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี

    มีคำเล่าว่า เมื่อสมัยที่ท่านแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เมืองเชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ

    พระมหาเถระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์ สามเณร และประชาชนพากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง กลับร้ายให้กลายเป็นดี มีผู้เลื่อมใสคัมภีร์นี้มาก และถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

    ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใสนำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า คงนำเข้าไปที่เมืองอังวะก่อนแล้วจึงแพร่หลายไปทั่วประเทศพม่า เมื่อ 500 ปีล่วงมาแล้ว ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชนถือว่า คัมภีร์อุปปาตะสันติมีความศักดิ์สิทธิ์มาก นิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง

    มีคำเล่ากันว่า สมัยหนึ่งพวกจีนมาตีเมืองอังวะ ประเทศพม่า ชาวพม่า ทั้งพระสงฆ์ ข้าราชการ และประชาชนพากันสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ พวกจีนได้ฟังอุปปาตะสันติอุโฆษ คือ เสียงกึกก้องของอุปปาตะสันติก็มีความกลัว พากันหนีกลับไป

    สำหรับเนื้อความในคัมภีร์อุปปาตะสันติ นอกจากสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณแล้ว ยังเพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ รวมทั้งขอให้ท่านคุ้มครองให้พ้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ อันจะบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ

    เรื่องราวเย็นอกเย็นใจที่ผู้คนส่วนใหญ่มุ่งหวังและเสาะแสวงหา มีกล่าวถึงไว้ในคัมภีร์อุปปาตะสันติ ที่สำคัญ คือ

    1.สันติหรือมหาสันติ ความสงบ ความราบรื่น ความเยือกเย็น ความไม่มีคลื่น
    2.โสตถิ ความสวัสดี ความปลอดภัย ความเป็นอยู่เรียบร้อย เป็นนิรภัย
    3.อาโรคยะ ความไม่มีสิ่งเป็นเชื้อโรค ความไม่มีโรคหรือความมีสุขภาพสมบูรณ์

    ส่วนอานิสงส์การสวดและการฟังอุปปาตะสันติ มีคุณประโยชน์กล่าวไว้ในท้ายคัมภีร์ ดังนี้ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมชนะเหตุร้ายทั้งปวงได้ และมีวุฒิภาวะคือความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ

    ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมได้ประโยชน์ที่ตนต้องการ คือผู้ประสงค์ความปลอดภัย ย่อมได้รับความปลอดภัย คนอยากสบายย่อมได้ความสุข คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมไม่มีโรคลม เป็นต้น มาเบียดเบียน ไม่มีอกาละมรณะ คือ ตายก่อนอายุขัย ทุนนิมิต คือ ลางร้ายต่างๆ มลายหายไป ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ เมื่อเข้าสนามรบย่อมชนะข้าศึกทั้งปวง และแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง

    การสวดอุปปาตะสันติเป็นประจำ มีเดช ดังนี้ เหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากแผ่นดินไหวเป็นต้น ย่อมพินาศไป

    เหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือนอันเกิดจากลูกไฟที่ตกจากอากาศหรือสะเก็ดดาว ย่อมพินาศไป

    เหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือนอันเกิดจากจันทรุปราคา หรือสุริยุปราคา เป็นต้น ย่อมพินาศไป

    ท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ ได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2505 ซึ่งท่านยังดำรงสมณศักดิ์ชั้นเทพ ที่พระเทพเมธาจารย์ว่า

    "การที่ข้าพเจ้าได้ชำระและจัดพิมพ์อุปปาตะสันติเป็นอักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นการนำคัมภีร์ไทยโบราณกลับคืนสู่เมืองไทย เพื่อให้คนไทยได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้สวดและได้ฟังให้เกิดประโยชน์ทางสันติ ทางโสตถิ และทางอาโรคยะ สืบไป ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขอถือโอกาสเชิญชวนมวลพุทธศาสนิกชนชาวไทย พร้อมกันยกมือสาธุแสดงความชื่นชมโสมนัสต่อการกลับมาโดยสวัสดีของคัมภีร์อุปปาตะสันติ โดยทั่วกันทุกท่านเทอญ.."




    ที่มา: มติชน
    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra02201049&day=2006/10/20
     
  3. trilakbooks

    trilakbooks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,357
    ค่าพลัง:
    +414
    [​IMG]

    คัมภีร์ อุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง) แปลไทย

    ขนาด 14.5*21 cm

    จำนวน 80 หน้า

    กระดาษ ปอนด์สีขาว

    ไสกาว

    เคลือบ เงา อย่างดี



    .................................................

    สารบัญ

    - คำนำ

    - ประวัติคัมภีร์อุปปาตะสันติ

    - ข้อแนะนำการอ่านบาลี อักษรไทย

    - บทสวด อุปปาตะสันติ...บทสวดสงบเหตุร้าย

    พร้อมคำแปล ทุกบท // ทุกวรรค // จำนวน ๒๗๑ พระคาถา





    ข้อความบางตอนจากหนังสือ

    อุปปาตะสันติ แปลว่า

    บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบ

    สิ่งที่กระทบกระเทือน

    เนื้อความ อุปปาตะสันติ สรุปได้ว่า

    เป็นธรรมที่กระทำความสงบอันยิ่งใหญ่

    เป็นธรรมเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง

    เป็นธรรมเครื่องป้องกันอมนุษย์ และยักษ์

    เป็นธรรมเครื่องพ้นจากความตายก่อนกำหนดเวลา

    เป็นธรรมเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก

    เป็นธรรมเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระราชา

    เป็นธรรมเครื่องนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงออกไป...

    ...................................................................................


    คัมภีร์อุปปาตะสันติภาษาบาลีนี้ มีคำชี้แจงเพื่อทราบประวัติย่อต่อไปนี้




    ๑. อุปปาตะสันติ

    แยกเป็น ๒ คำ คือ อุปปาตะ คำ ๑ และ สันติ คำ ๑ อุปปาตะ แปลว่า

    เคราะห์กรรม, เหตุร้าย, อันตราย

    และแปลว่าสิ่งกระทบกระเทือน อุปปาตะสันติ แปลว่า

    บทสวดสงบเคราะห์กรรม แปลว่าบทสวดสงบอันตราย

    แปลว่าบทสวดสงบเหตุร้าย

    และแปลว่าบทสวดสงบสิ่งกระทบกระเทือน





    ๒. คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณคดีบาลีลานนาไทย

    พระสีลวังสะมหาเถระ แต่งที่เชียงใหม่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง

    พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๐๑๐ เป็นคาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถา

    จัดเข้าในหนังสือประเภท “เชียงใหม่คันถะ”


    คือ คัมภีร์เชียงใหม่มีอายุประมาณ ๖๐๐ ปีเศษแล้ว

    มีคำเล่าว่า สมัยแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เมืองเชียงใหม่นั้นมีโจรผู้ร้ายและ

    คนอัทธพาลชุกชุมมากผิดปกติมีเหตุร้าย

    และสิ่งกระทบกระเทือนอยูเสมอ พระสีลวังสะ จึงให้พระสงฆ์

    สามเณรและประชาชนพากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ

    เพื่อกลับร้ายให้กลายเป็นดี มีผู้เลื่อมใสคัมภีร์นี้มาก

    และถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์



    ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส

    นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า เข้าใจว่านำเข้าไป

    ที่เมืองอังวะก่อนแล้วแพร่หลายไป

    ทั่วประเทศพม่าสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว

    ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชนถือว่า

    คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก นิยมท่อง

    นิยมสวดและนิยมฟังอย่างกว้างขวาง

    มีคำเล่ากันว่า สมัยหนึ่งพวกจีนมาตีเมืองอ้งวะ

    ประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์ ข้าราชการ

    และประชาชนพากันสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ

    พวกจีนได้ฟังอุปปาตะสันติโฆษณาคือ

    เสียงกึกก้องของอุปปาตะสันติ ก็มีความกลัวแล้วพากันหนีกลับไป



    ๓. บุคคลและสภาวะที่อ้างถึง

    ในคัมภีร์อุปปาตะสันติมี ๑๓ ประเภทคือ


    ๓.๑ พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตถึงปัจจุบัน (เน้นที่ ๒๘ พระองค์)

    ๓.๒ พระปัจเจกพุทธเจ้า

    ๓.๓ พระพุทธเจ้าในอนาคต ๑ พระองค์ คือ พระเมตไตรย

    ๓.๔ โลกุตตรธรรม ๙ และพระปริยัติธรรม ๑ ๓.๕ พระสังฆรัตนะ

    ๓.๖ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ รูป

    ๓.๗ พระเถรีชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ รูป

    ๓.๘ พยานาค

    ๓.๙ เปรตบางพวก

    ๓.๑๐ อสูร

    ๓.๑๑ เทวดา

    ๓.๑๒ พรหม

    ๓.๑๓ บุคคลประเภทรวม เช่น เทวดา ยักษ์ ปีศาจ

    คือผีที่ทำสิ่งใดๆ อย่างโลดโผน

    และวิชชาธรหรือพิทยาธร(สันสกฤตเรียกวิทยาธร)

    จัดพิมพ์หนังสือธรรมะทั่วประเทศ
    ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเรียกพวกเซอเร่อ คือ พ่อมด แม่มด หรือผู้วิเศษ พวกวิชชาธร

    เป็นพวกรอบรู้เรื่องเครื่องรางและเสน่ห์ต่างๆ สามารถไปทางอากาศได้

    เรื่องราวเย็นอกเย็นใจที่สังคมมุ่งหวังและเสาะแสวงหา

    ที่กล่าวถึง ในคัมภีร์อุปปาตะสันติ

    มีประการที่สำคัญ ๓ อย่างคือ



    ก. สันติหรือมหาสันติ ความสงบ ความราบรื่น ความเยือกเย็น ความไม่มีคลื่น

    ข. โสตถิ ความสวัสดี ความปลอดภัย ความเป็นอยู่เรียบร้อย หรือตู้นิรภัย

    ค. อาโรคยะ ความไม่มีสิ่งเป็นเชื้อโรค ความไม่มีโรคหรือความมีสุขภาพสมบูรณ์




    คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีข้อความขอความช่วยเหลือ ขอให้พระรัตนตรัยและบุคคล

    พร้อมทั้งสิ่งทรงอิทธิพลในจักรวาลรวม ๑๓ ประเภทดังกล่าวมาแล้วช่วยสร้างสันติ

    หรือมหาสันติ ช่่วยสร้างโสตถิและอาโรคยะ ช่วยปรุงแต่งสันติและอาโรคยะ

    ขอให้ช่วยรวมสันติ รวมโสตถิและรวมอาโรคยะ และขอให้ช่วยเป็นตู้นิรภัยคุ้มครองและ

    กำจัดเหตุร้ายอันตรายหรือสิ่งกระทบกระเทือนต่างๆ อย่าให้เกิดมีในตน ในครอบครัว

    ในหมู่คณะ หรือในวงงานของตน และในวงงานของคนอื่นทั่วไป


    ๔. อานิสงฆ์การสวดและการฟังอุปปาตะสันติ

    มีคุณประโยชน์ตามที่กล่าวไว้ ในท้ายคัมภีร์ มีดังนี้


    ๔.๑ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมชนะเหตุร้ายทั้งปวงได้ และมีวุฒิภาวะคือ

    ความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ



    ๔.๒ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมได้ประโยชน์ที่ตนต้องการ คือ

    ผู้ประสงค์ความปลอดภัยย่อมได้ความปลอดภัย คนอยากสบายย่อมได้ความสุข

    คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์



    ๔.๓ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมไม่มีโรคลมเป็นต้นมาเบียดเบียน

    ไม่มีอกาละมรณะคือตายก่อนอายุขัย ทุนนิมิตรคือลางร้ายต่างๆมลายหายไป



    ๔.๔ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ เมื่อเข้าสนามรบย่อมชนะข้าศึก

    ทั้งปวงและแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง





    ๕. เดชของอุปปาตะสันติ

    การสวดอุปปาตะสันติเป็นประจำ ย่อมมีเดชดังนี้

    ๕.๑ อุปปาตะ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน

    อันเกิดจากแผ่นดินไหวเป็นต้น ย่อมพินาศไป (ปะถะพะยาปาทิสัญชาตา)



    ๕.๒ อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน

    อันเกิดจากลูกไฟที่ตกจากอากาศหรือสะเก็ดดาว ย่อมพินาศไป (อุปปาตะจันตะลิกขะชา)



    ๕.๓ อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน

    อันเกิดจากการเิกิดจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา เป็นต้น ย่อมพินาศไป (อินทาทิชะนิตุปปาตา)



    จัดพิมพ์หนังสือธรรมะทั่วประเทศ
    ๖. คัมภีร์อุปปาตะสันติ

    เป็นคัมภีร์ไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทย


    ไปอยู่เมืองพม่าเสียนาน จนแทบกล่าวได้ว่า

    คนไทยสมัยหลังไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ

    ข้าพเจ้าจึงชำระและจัดพิมพ์เป็นอักษรไทย

    ด้วยวิธีเขียนให้คนอ่านคำบาลีทั่วไป สำหรับต้นฉบับนั้น

    ข้าพเจ้ามีแต่ฉบับเมืองพม่า และเป็นอักษรพม่า

    โดยท่านอาจารย์ธรรมานันทะธัมมาจริยะ ครูพระไตรปิฏก

    ประจำวักโพธาราม ได้กรุณาถวาย ข้าพเจ้าจึงขอขอบคุณอย่างยิ่งไว้ในที่นี้



    การที่ข้าพเจ้าได้ชำระและจัดพิมพ์อุปปาตะสันติ

    เป็นอักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกนี้

    ข้าพเจ้าถือว่าเป็นการนำคัมภีร์ไทยโบราณกลับคืนสู่เมืองไทย เพื่อให้คนไทยได้รู้จัก

    ได้ศึกษา ได้สวด และได้ฟังให้เกิดประโยชน์ทางสันติ ทางโสตถิและทางอาโรคยะ

    สืบไป ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขอถือโอกาสเชิญชวนมวลพุทธศาสนิกชนชาวไทย

    พร้อมกันยกมือสาธุแสดงความชื่นชมโสมนัสต่อการกลับมา

    โดยสวัสดีของคัมภีร์อุปปาตะสันติ

    โดยทั่วกันทุกท่านเทอญ



    พระเทพเมธาจารย์ ๗ สิงหาคม ๒๕๐๕ วัดโพธาราม จ.นครสวรรค์

    ........................................................





    อานุภาพ

    ของอุปปาตะสันติ



    ผู้ใดสวดหรือฟังอุปปาตะสันติ อันกล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้

    บุคคลนั้นจะพึงชนะจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง

    จะเจริญด้วยคุณ ๕ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ

    และปฏิภาณ ความวิบัติย่อมไม่มาแผ้วพาน

    ย่อมได้รับความอิ่มใจในกาลทุกเมื่อ

    ยาพิษและศาสตราวุธย่อมไม่มากล้ำกราย ย่อมชนะข้าศึกทั้งมวล

    โรคาพยาธิย่อมไม่เบียดเบียน ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ศฤงคาร ภัยจากมนุษย์ อมนุษย์

    และสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ย่อมสงบไปด้วยเสียงแห่งการสวดอุปปาตะสันติ


    ผู้ที่สวดอุปปาตะสันติแล้วอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปก็ดี ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี

    จะช่วยให้เขาเหล่านั้นพ้นจากมหันตทุกข์

    ย่อมเข้าถึงสุขในกาลทุกเมื่อ ทวยเทพเทวดาทั้งหลาย

    ท้าวพระยามหากษัตริย์ทั้งหลาย จักเป็นผู้เจริญด้วยเดชและสิริมงคล

    ด้วยกฤตยานุภาพแห่งพระคาถาอุปปาตะสันติ

    เหตุร้ายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ

    มีแผ่นดินไหวและน้ำท่วมเป็นต้น เหตุร้ายอันเกิดจากฟากฟ้า

    เหตุร้ายอันเกิดจากสุริยุปราคา จันทรุปราคา เหตุร้ายอันเกิดจากบาปกรรม

    เหตุร้ายทั้งปวงจักพินาศไปด้วยเดชแห่งอุปปาตะสันติ

    ....................................................................................

    ศูนย์เผยแพร่พระไตรปิฎกและหนังสือพระพุทธศาสนา ขอ
    กราบเรียนเชิญชวน ร่วมพิมพ์ หนังสือบทสวดมนต์อุปปาตะสันติ มหาสันติงหลวง
    หนังสือบทสวดมนต์คัมภีร์อุปปาตะสันติหรือมหาสันติงหลวงบทสวดที่สงบความร้ายให้กลายเป็นความดีหนึ่งในบทสวดมงคลที่แนะนำ

    .........................................................................................................................

    สามารถสั่งซื้อ และสามารถร่วมจัดพิมพ์ รายนามผู้จัดพิมพ์หนังสือเล่มดังกล่าว

    โดย ไม่มีค่าใช้จ่าย ราคา 30 บาท ( สั่ง100 เล่มขึ้นไป จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ)

    .........................................................................................................................

    1. สามารถ เขียนรายชื่อ ผู้ร่วมจัดพิมพ์ หรือ ข้อความที่ประสงค์จะจัดพิมพ์ มาที่ MAIL : trilak_books@yahoo.com

    2. บริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ ( กรณีที่สั่งพิมพ์ 100 เล่มขึ้นไป)

    3. ให้เขียน ชื่อ และ ที่อยู่ผู้รับ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ทั้ง 2 หมายเลข เป็นอย่างต่ำ

    เพื่อให้ บริษัทขนส่ง สามารถสอบถามเส้นทางการส่งได้

    4. ใช้ระยะเวลาการจัดพิมพ์ ไม่เกิน 2 วัน ก็แล้วเสร็จ


    [​IMG]


    โครงการจัดพิมพ์หนังสือ ธรรมะ ราคาถูกนี้ เป็นหนึ่งในโครงการของศูนย์เผยแพร่พระไตรปิฎกและหนังสือพระพุทธศาสนา

    บริการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเป็นธรรมบรรณาการ เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆจัดส่งทั่วประเทศ

    เบอร์โทรศัพท์ติดต่อโดยตรง . 086-461-8505, 087-696-7771, 085-819-4018,

    02-482-7093, 02-482-7358
     
  4. trilakbooks

    trilakbooks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,357
    ค่าพลัง:
    +414

แชร์หน้านี้

Loading...